ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 244-249
ตอนที่ 244 ตัดสินใจเอง
เป็นไปตามคาด เมิ่งเชี่ยนโยวเจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงใจ เจ็บจนนางเกือบจะร้องเสียงดังออกมา แต่นางกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ยังคงยิ้ม แล้วพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นนางไม่ได้ร้องไห้ตีโพยตีพายเหมือนคนอื่น หมออาวุโสก็รู้สึกนับถือนาง และรีบพูดปลอบใจว่า “แม่นางเมิ่งอย่ากังวลไปเลย แค่มีลูกยาก ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มี ปล่อยให้ทั้งหมดเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ”
แม้ปากจะพูดปลอบใจ แต่ในใจนั้นรู้ดีกว่าใครว่าอาการบาดเจ็บของเมิ่งเชี่ยนโยวนั้นสาหัสเกินไป ชาตินี้คงไม่มีทายาทอีกต่อไป
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพลางพูดว่า “ขอบคุณและหวังว่าเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ” พูดจบ ก็พูดกำชับว่า “เรื่องวันนี้ขอให้ท่านเก็บเป็นความลับ แม้แต่เถ้าแก่ของท่านก็อย่าบอกนะเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวและซื่อจื่อกำลังจะแต่งงานกันแล้ว หากข่าวลือเรื่องนางมีลูกยากแพร่ออกไป อาจจะกระทบการงานแต่งของพวกเขา ตัวเองก็อาจไม่มีชีวิตรอด หมออาวุโสย่อมรู้ผลที่ตามมาดี พยักหน้ารับปากว่า “แม่นางเมิ่งวางใจเถอะ การเก็บความลับของคนไข้เป็นสิ่งที่หมออย่างเราควรทำ เรื่องที่ไม่ควรพูดข้าจะไม่พูดแม้แต่คำเดียวแน่นอน”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”
หมออาวุโสโบกมือ ยืนขึ้นแล้วเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งนิ่งไม่ขยับตัว มองตามแผ่นหลังของเขาที่หายวับไปจากประตู ความเจ็บปวดในใจพลันแล่นอีกครั้ง เจ็บจนนางกอดตัวเองคุดคู้อยู่บนเก้าอี้
หมออาวุโสลงมาแล้ว ชิงหลวนและจูหลีรออยู่สักพักใหญ่ ไม่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวลงมา นางสองคนสบตากันครู่หนึ่ง รู้สึกแปลกใจ ชิงหลวนจึงเดินขึ้นไปเคาะประตู แล้วถามเสียงเบาว่า “นายหญิง ท่านอยู่ข้างในหรือไม่”
เสียงสงบเรียบของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นจากในห้อง “ข้ากำลังใช้ความคิดอยู่ พวกเจ้าอย่ารบกวนข้า”
ชิงหลวนขานรับ เดินย่องลงไป
ในห้อง เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งขดตัวนิ่งอยู่บนเก้าอี้ สายตามองไปที่พื้นอย่างล่องลอย
หนึ่งชั่วยามผ่านไป เมิ่งเชี่ยนโยวเดินลงชั้นล่างด้วยสีหน้าปกติ พยักหน้า ยิ้มส่งสัญญาณให้หมออาวุโส เดินออกจากร้านยาเต๋อเหรินภายใต้สายตาเป็นห่วงของเขา
เมื่อออกจากร้านยาเต๋อเหริน เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “อยู่เมืองหลวงมานานขนาดนี้ ยังไม่ได้เดินเล่นเลย วันนี้มีเวลาว่าง เราไปเดินเล่นกันเถอะ”
การเดินซื้อของเป็นนิสัยแต่กำเนิดของผู้หญิง ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ตาม อายุของชิงหลวนและจูหลีไม่ห่างจากเมิ่งเชี่ยนโยวมาก เมื่อได้ยินดังนั้นก็ดีใจ พูดขึ้นอย่างคึกคักว่ามีอะไรน่าสนุก น่ากิน และเสื้อผ้าสวยๆ ที่ไหนบ้าง
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบพวกนาง ยิ้มและพูดว่า “วันนี้มีเวลา เราไปเดินดูทั้งหมดเสียหน่อย หากพวกเจ้ามีอะไรต้องตา ก็บอกข้าเถิด”
ทั้งสองตื่นเต้นและดีใจมาก
ทั้งสามคนเดินดูของตลอดทั้งบ่าย ซื้อของที่ควรซื้อและไม่ควรซื้อมากมาย ของเต็มมือชิงหลวนและจูหลีจนพวกนางต้องหอบกลับบ้านตลอดทาง
หวงฝู่อี้เซวียนที่อู้งานมารออยู่ในจวนมาหนึ่งชั่วยามแล้ว จนเขารู้สึกร้อนใจ สั่งให้คนออกไปตามหา แล้วพวกนางก็กลับมา เห็นท่าทางมีความสุขของพวกนาง หวงฝู่อี้เซวียนถามขึ้นว่า “พวกเจ้าไปไหนมา”
หลังจากชิงหลวนและจูหลีคารวะเขาแล้วก็หอบของที่ซื้อมาเดินกลับไปที่ห้องของตนอย่างมีความสุข เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วตอบว่า “วันนี้ไม่มีธุระอะไร ก็เลยพาพวกนางไปเดินซื้อของน่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนเดินขึ้นมาข้างหน้า จูงมือนางกลับไปในห้อง “ใกล้ถึงงานแต่งงานแล้ว เจ้าอย่าทำให้ตัวเองเหนื่อยเช่นนี้สิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยมือเขา เดินไปข้างโต๊ะ รินน้ำแก้วหนึ่งให้เขา แล้วก็รินให้ตัวเองแก้วหนึ่ง กระดกน้ำในแก้วจนเกลี้ยง แล้วจึงยิ้มและพูดว่า “ก็เพราะว่าใกล้จะถึงงานแต่งแล้ว ข้าก็เลยพาพวกนางออกไปเดินเล่นน่ะ หลังแต่งงานใครจะกล้าออกไปเดินซื้อของเช่นนี้อีกเล่า คนเขาจะหัวเราะเยาะเอา”
หวงฝู่อี้เซวียนก็ดื่มน้ำในแก้วจนเกลี้ยงเช่นกัน แล้วพูดขึ้นว่า “หลังจากแต่งงานแล้ว แค่สถานะเจ้าเท่านั้นที่เปลี่ยนไป อย่างอื่นไม่เปลี่ยน เจ้าอยากทำอะไรก็ทำ อย่าลำบากตัวเองเพียงเพราะสายตาคนอื่นเลย”
นางวางแก้วลง เดินไปหน้าเขา หัวเราะแล้วพูดว่า “เวลานี้ข้าควรซาบซึ้งจนร้องไห้หรือไม่”
หวงฝู่อี้เซวียนหยิกจมูกนางเบาๆ ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุข “เราจะได้แต่งงานกันเสียที ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน”
เมิ่งเชี่ยนโยวตัวแข็งเกร็งครู่หนึ่ง แล้วรีบมุดหัวตนลงบนอกเขา ไม่ได้พูดอะไร
เสียงนายประตูดังขึ้นจากด้านนอก “นายหญิง มีจดหมายจากบ้านขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวประหลาดใจ เงยหน้าขึ้นและผละออกจากหวงฝู่อี้เซวียน กลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ พูดขึ้นว่า “เข้ามาเถอะ”
นายประตูนำจดหมายเข้ามา ยื่นจดหมายให้อย่างสุภาพ แล้วจึงถอยออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดออก อ่านรวดเดียวจนจบ ยิ้มและพูดว่า “ท่านพ่อท่านแม่บอกว่าเรื่องที่บ้านจัดการเรียบร้อยแล้ว อีกสองสามวันทั้งบ้านก็จะเดินทางมา ให้เจ้าเตรียมสินสอดให้เรียบร้อย”
“สินสอดเสด็จแม่เตรียมเรียบร้อยตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วแล้ว ทั้งหมดหนึ่งร้อยแปด**บ เจ้าบอกให้พวกท่านวางใจเถอะ” หวงฝู่อี้เซวียนก็ยิ้มและตอบ
“ท่านพ่อท่านแม่ยังบอกอีกด้วยว่า ก่อนแต่งงานกันเราอย่าเจอหน้ากันบ่อยจะเป็นการดีที่สุด” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มและพูดต่อ
หวงฝู่อี้เซวียนไม่เชื่อ เอาจดหมายมาอ่านไปรอบหนึ่ง เป็นเช่นนั้นจริง ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “มีประเพณีเช่นนี้ด้วยหรือ”
จากนั้นก็ปลอบใจตัวเองว่า “ไม่เป็นไร กว่าท่านพ่อท่านแม่จะมายังมีเวลาอีกหลายวัน สองสามวันนี้ข้าจะอยู่ดูแลเจ้าอย่างดีเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มส่ายหัว ปล่อยให้เขาคิดเองเออเอง
แม้หวงฝู่อี้เซวียนจะพูดเช่นนี้ แต่เวลาก็กระชั้นชิดมาก เช้าตรู่วันที่สองก็ถูกคนที่พระชายาฉีส่งมาเรียกตัวกลับจวนอ๋อง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ลุกขึ้น นอนอยู่บนเตียง ยื่นมือไปลูบบริเวณที่หวงฝู่อี้เซวียนนอนไปมา
หลังจากวันนั้น เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไปบ้านของเปาชิงเหอ คุยเล่นกับฮูหยินเปาและซุนฮุ่ยทั้งวัน จากนั้นก็ไปจวนเหวิน หลังจากจับชีพจรให้เฝิงจิ้งเหวินและบอกนางว่าลูกปลอดภัยดีแล้ว ถึงตอนนั้นตระเตรียมหมอตำแยไว้ให้ดีก็พอ สุดท้ายจึงไปเยี่ยมเฝิงจิ้งซู หยอกเล่นกับทารกน้อยอยู่ครู่หนึ่งที่จวนท่านแม่ทัพ
ชิงหลวนและจูหลีคอยติดตามนางตลอดเวลา ไม่ได้รู้สึกสงสัยการกระทำของนางเลย คิดว่าเป็นเพราะนางจะแต่งงานแล้ว รู้สึกตื่นเต้น จึงออกมาหาคนคุยไปทั่ว
เมิ่งเชี่ยนโยวยุ่งอยู่อย่างนี้หลายวัน ค่อยว่างพักพาชิงหลวนและจูหลีไปร้านยาเต๋อเหริน ซื้อสมุนไพรกลับมาหนึ่งรถคันใหญ่ เริ่มลงมือทำเม็ดยาเอง
คนใช้ในจวนเห็นจนชินแล้ว ต่างเข้ามาช่วยบดยา
ชิงหลวนยิ้มแล้วถามว่า “นายหญิง ครั้งนี้ท่านจะทำยาเม็ดอะไรอีกเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงัก แล้วตอบว่า “รักษาแผลนอกกาย แผลใน ยาป้องกัน ครบทั้งหมด เผื่อไว้ตอนที่ข้าออกเรือนไปอยู่จวนอ๋องแล้ว ไม่มีเวลาทำ ครั้งนี้ก็เลยทำเสียทีเดียว”
คนในจวนนั้นมีมาก ทุกอย่างจึงรวดเร็ว ฟ้ายังไม่ทันมืด เมิ่งเชี่ยนโยวก็ทำยาเม็ดทั้งหมดเสร็จแล้ว นางเงยหน้ามองท้องฟ้า พูดว่า “สองสามวันนี้อี้เซวียนไม่ได้มาเลย ข้าจะไปจวนอ๋องหาเขาหน่อย”
ชิงหลวนและจูหลีเม้มปากแอบยิ้ม ชิงหลวนพูดแหย่นาง “นายหญิง เขาว่ากันว่าคนรักไม่เจอเพียงหนึ่งวันเหมือนผ่านไปสามฤดูใบไม่ร่วง ท่านไม่ได้เจอนานขนาดนี้ หนึ่งวันคงนานเหมือนหนึ่งปีแล้วกระมัง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดง ขู่นางว่า “กล้าดีมาหยอกล้อข้าแล้วรึ คันปากใช่ไหม” พูดจบก็ง้างมือขึ้นทำท่าจะตีนาง
ชิงหลวนส่งเสียงแล้ววิ่งไปหลบหลังจูหลี
จูหลีกลับหลบไปอีกฝั่ง เผยให้เห็นร่างของชิงหลวน “คนไม่มีสัมมาคารวะ นายหญิง ตีนางแรงๆ เลยเจ้าค่ะ”
ชิงหลวนตื่นตกใจ ร้องเสียงดัง “จูหลี เจ้า…”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะตัวโยน
หลังจากสั่งให้คนเก็บกวาดเรือนเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็นำยาเม็ดทั้งหมดกลับไปที่ห้อง วางลงบนโต๊ะ เปิด**บที่อยู่บนหัวเตียงของตน นำโฉนดที่ดิน โฉนดบ้าน และเงินทองทั้งหมดออกมาวางบนโต๊ะ เขียนจดหมายสองสามฉบับ นำของเหล่านี้แบ่งวางลงบนจดหมายตามมูลค่ามากน้อย จากนั้นก็นำ**บที่หวงฝู่อี้เซวียนให้ออกมาวางบนโต๊ะ และวางจดหมายฉบับหนึ่งไว้บนนั้นเช่นกัน
นางเปิด**บเสื้อผ้า สวมเสื้อที่ตัวเองชอบที่สุด หยิบจดหมายฉบับสุดท้ายและเงินทองเล็กน้อยออกมา นำยาเม็ดสองเม็ดใส่ในกระเป๋าเสื้อ เดินออกมาสั่งชิงหลวนว่า “เราไปจวนอ๋องกัน”
ชิงหลวนขานรับแล้วไปบอกกัวเฟยให้เตรียมรถม้า จูหลีตามนางออกจากประตูใหญ่ไป
กัวเฟยคล่องแคล่วรวดเร็ว ทั้งสามขึ้นรถม้า มาถึงจวนอ๋อง
เมื่อลงจากรถม้า ก็เดินเข้าไปในจวน ตรงไปยังเรือนพระชายาฉีทันที
พระชายาฉีประหลาดใจ ยิ้มและพูดว่า “เมื่อตอนบ่ายข้ายังบอกเซวียนเอ๋อร์ให้ไปรับเจ้ามาจวนอ๋องพรุ่งนี้อยู่เลย วันนี้เจ้ามาเองเสียแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปข้างหน้า ควงแขนนางยิ้มแล้วพูดว่า “หม่อมฉันอยู่บ้านไอจามตลอดเลยเพคะ รู้ว่าท่านคิดถึงแล้ว ก็เลยรีบมาหาท่านเพคะ”
คำพูดนี้ทำเอาพระชายาฉีดีใจแก้มปริ ตบมือนางพูดว่า “มีแต่เจ้าที่ปากหวาน ส่วนเซวียนเอ๋อร์และอวี้เอ๋อร์ ตีให้ตายเขาก็ไม่พูดอะไรเช่นนี้หรอก”
หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินคนใช้รายงานแล้วก็ดีใจมาก รีบตรงไปที่ห้องของพระชายาฉีทันที เมื่อเข้าไปในห้องก็ถามอย่างดีใจว่า “ทำไมวันนี้เจ้ามาล่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตอบอย่างไม่บ่ายเบี่ยงว่า “ไม่ได้เจอหลายวันแล้ว คิดถึงเจ้ากับพระชายาฉีน่ะ ก็เลยมาหา”
พระชายาฉียิ้มแล้วเย้าแหย่ว่า “คิดถึงเซวียนเอ๋อร์น่ะเรื่องจริง แต่คิดถึงข้าน่ะแค่บังเอิญหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดง หวงฝู่อี้เซวียนรีบแก้ต่างให้นาง “เสด็จแม่ ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว โยวเอ๋อร์รีบมาตลอดทางคงหิวแย่แล้ว”
พระชายาฉีหัวเราะคิกคัก อดกลั้นไม่แหย่เขาต่อ “มาๆ กินข้าวก็กินข้าว”
อ๋องฉีและหวงฝู่อวี้ก็อยู่ในจวนเช่นกัน พวกเขานั่งทานข้าวด้วยกัน อ๋องฉีเงียบไม่พูดอะไร หวงฝู่อวี้ก็เหมือนมีเรื่องหนักใจ พระชายาฉีและหวงฝู่อี้เซวียนชินกับสภาพเช่นนี้ของทั้งสองคนแล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจพวกเขา มัวแต่คีบอาหารให้เมิ่งเชี่ยนโยว บอกให้นางกินเยอะหน่อย
อาหารมือนี้ถูกกินจนหมดภายใต้บรรยากาศแปลกประหลาดแต่ก็อบอุ่นนี้
อ๋องฉีลุกขึ้น เดินออกไป หวงฝู่อี้เซวียนรีบจูงมือนางทันที ต้องการให้ไปเรือนของตนเอง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกระซิบข้างหูเขา
หวงฝู่อี้เซวียนดีใจ “จริงหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
หวงฝู่อี้เซวียนปล่อยมือนาง เดินออกไป
เห็นท่าทางของหวงฝู่อี้เซวียน พระชายาฉีก็เดาได้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวคงจะนอนค้างคืนที่นี่ แต่ก็ไม่ได้เปิดโปง ยิ้มแล้วพูดว่า “เซวียนเอ๋อร์ไม่ได้เจอเจ้าหลายวัน เจ้าตามเขาไปเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาอยู่กับข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปหา ควงแขนนางอย่างอ่อนโยนพลางเดินไปที่เรือนของนาง “หม่อมฉันไม่ได้เจอท่านมาหลายวัน มีเรื่องอยากเล่าให้ท่านฟังมากมายเลยเพคะ”
ทั้งสองพูดพลางเดินไปพลาง หลิงหลงถือโคมไฟเดินตามอยู่ด้านหนึ่ง เห็นแผ่นหลังแอบอิงกันของทั้งสอง ก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่พระชายาฉีรู้สึกเสียดายมากที่สุดในชีวิตนี้ก็คือการไม่มีลูกสาว แต่ตอนนี้ดีแล้ว เห็นท่าทางเอนกายแอบอิงของแม่นางเมิ่งและพระชายาฉีแล้ว ก็ไม่ได้ต่างจากลูกสาวคนหนึ่งเท่าไหร่
เมื่อถึงห้อง ทั้งสองนั่งบนตั่ง เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องวันก่อนที่นางกับชิงหลวนและจูหลีไปสถานที่ที่สนุกและเรื่องที่นางเห็นว่าน่าสนใจให้พระชายาฉีฟัง และพูดว่า “รอมีเวลาว่างแล้ว หม่อมฉันจะพาท่านไปเดินเล่นด้วยกันนะเพคะ”
พระชายาฉีรู้สึกแปลกใจมาก พยักหน้า ยิ้มและพูดว่า “ได้ รอหลังจากพวกเจ้าแต่งงานแล้ว เราไปเดินเล่นกัน ข้าอยู่เมืองหลวงมาหลายปี ยังไม่เคยไปที่ที่พวกเจ้าบอกเลย”
ทั้งสองยิ่งคุยยิ่งสนุก จนผ่านไปหลายชั่วยาม หวงฝู่อี้เซวียนทนไม่ไหวเข้ามาเรียกตัว ทั้งสองยังไม่ทันคุยจบ เห็นสีหน้าไม่พอใจของหวงฝู่อี้เซวียน พระชายาฉีก็ยิ้มพลางดันตัวเมิ่งเชี่ยนโยว “ไปเถอะ รอพรุ่งนี้ค่อยเล่าให้ข้าฟังก็ไม่สาย”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้มแล้วลุกขึ้น หลังจากกล่าวลาพระชายาฉีแล้ว ก็เดินออกจากเรือนของพระชายาฉีพร้อมหวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่อี้เซวียนจูงมือนาง สาวเท้าไปเรือนของตนอย่างไว เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามเขา “เจ้ารอสักครู่นะ”
เขาหยุดกึก หวงฝู่อี้เซวียนมองนางอย่างไม่พอใจนัก ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “มีอะไรอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ข้าไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเมื่อใด คนในจวนมีน้อย ให้ชิงหลวนและคนที่เหลือกลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้เจ้าค่อยให้คนส่งข้ากลับไป”
มันฝรั่งใกล้จะเก็บเกี่ยวแล้ว กลัวว่าจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิด เหวินเปียวและองครักษ์ลับจึงคอยดูแลอยู่ในหมู่บ้านที่เป่ยเฉิง ในบ้านตอนนี้นอกจากนายประตู แม่ครัว และสาวใช้สองสามคนแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นอีกเลย หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้คิดมาก พยักหน้า สั่งชิงหลวนและจูหลีที่ตามหลังอยู่ว่า “พวกเจ้ารีบกลับหนานเฉินตอนนี้เลย ดูแลจวนให้ดี พรุ่งนี้ข้าจะให้โจวอันส่งโยวเอ๋อร์กลับไป”
ทั้งสองขานรับ เรียกกัวเฟย แล้วกลับไปหนานเฉิงพร้อมกัน
หวงฝู่อี้เซวียนรีบดึงเมิ่งเชี่ยนโยวกลับห้องตัวเองทันที เมื่อเข้าไปในห้อง ก็โค้งตัวลงอุ้มนางขึ้นมาวางบนเตียง ตามด้วยริมฝีปากที่ประทับลงไป
ตอนที่ 245 วางจดหมายไว้
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไป โอบกอดคอของเขาไว้ ปล่อยให้เขาสัมผัสกับริมฝีปากของตัวเองอย่างรุนแรง
เป็นอีกครั้งที่ไม่ได้พบกันนานหลายวัน ความต้องการในใจของหวงฝู่อี้เซวียนที่ได้ปล่อยออกมาแล้วไม่สามารถหยุดได้ แรงขึ้นอีก จูบอย่างสุดแรงที่มี จึงจะปล่อยนาง กล่าวด้วยความโกรธว่า “ยังมีอีกยี่สิบหกวัน ในที่สุดวันที่ข้าต้องอดทนจะจบลงสักที”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจตนารมณ์ของฮ่องเต้เอง หรือว่าวันที่ยี่สิบหกเป็นวันมงคลจริงๆ สำนักโหรหลวงจึงกำหนดให้วันนั้นเป็นวันแต่งงานของพวกเขา แม้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนจะไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งใกล้ถึงวันนั้น เขาก็นับนิ้วมือรอทุกวัน
หายใจเข้าลึกๆ หลายรอบ จนลมหายใจค่อยๆ เป็นปกติ เมิ่งเชี่ยนโยวกอดคอของเขาไว้แน่น ให้เขายิ่งเข้าใกล้ตัวเองมากขึ้น เวลาเดียวกันก็แนบริมฝีปากของตนลงไป ค่อยๆ ใช้ริมฝีปากของตนไล้ไปตามริมฝีปากของเขา เลียนแบบเขาที่ปกติชอบแกล้งตน
จูบนี้เหมือนดั่งขนนกค่อยๆ ขัดไปมาในใจของหวงฝู่อี้เซวียน จนเขารู้สึกคันในใจจนแทบทนไม่ไหว ริมฝีปากแนบลงไปอีกครั้งอย่างรุนแรง
จูบครั้งนี้แทบทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวขาดอากาศหายใจ จึงจะปล่อยนาง เพ่งมองริมฝีปากแดงก่ำของนาง ขู่ว่า “เจ้าอย่ายั่วข้าอีก เจ้าก็รู้ว่าข้าทนไม่ไหวจริงๆ”
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องทน” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ
หวงฝู่อี้เซวียนชะงักไป ลูกกระเดือกเคลื่อนขึ้นลงหลายครั้ง กล่าวถามอย่างเหลือเชื่อว่า “เจ้าพูดอะไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้าขึ้น จูบลงบนลูกกระเดือกของเขา กล่าวด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ข้าพูดอะไร เจ้าไม่เข้าใจหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ดีใจ กลับจ้องมองนางตรงๆ ไม่ปล่อยสีหน้าใดๆ ของนางให้ผ่านไปแม้แต่น้อย กล่าวด้วยความตกใจและสงสัยว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้ามีเรื่องปิดบังอะไรข้าอยู่ใช่หรือไม่”
ในใจชาไปชั่วครู่ แต่บนใบหน้าไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา ยังคงยิ้มต่อไป กล่าวเยาะเย้ยว่า “หวงฝู่ซื่อจือ ทำไม มีแต่เจ้าที่สามารถแกล้งข้า แล้วข้าไม่สามารถแกล้งเจ้าบ้างงั้นหรือ”
ไม่เห็นสีหน้าน่าสงสัยใดๆ บนใบหน้านาง ใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนจึงค่อยๆ ผ่อนคลาย นอนลงข้างๆ นาง เปิดเผยร่างกายของตัวเอง ท่าทางเหมือนกับอยากทำอะไรแล้ว แต่กล่าวว่า “ได้ ยินดีให้องค์หญิงชิงเหอกลั่นแกล้งทุกอย่าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมาเล็กน้อย พลิกตัวไป ทับลงบนตัวเขา กล่าวว่า “ภาพวาดลามกข้าก็ดูแล้ว เจ้าคิดว่าวิธียั่วยวนพวกนั้นเจ้าทำเป็นคนเดียวหรือไง”
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนเริ่มขรึมลง จ้องนางแล้วกล่าวถามด้วยเสียงต่ำๆ ว่า “เจ้าดูเมื่อไหร่”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมา ก้มลงไปจูบบนริมฝีปากของเขาหนึ่งที “ไม่ใช่เจ้าหรือที่บังคับข้าให้ดูด้วย”
หวงฝู่อี้เซวียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ตอนแรกๆ ที่เมิ่งเชี่ยนโยวอนุญาตให้ตนแอบนอนค้างคืนในห้องของนาง พระชายาฉีให้ภาพวาดลามกมา เรื่องที่เขาแกล้งบังคับให้เมิ่งเชี่ยนโยวดูกับเขา สีหน้าเคร่งขรึมหายไป แสดงรอยยิ้มสดใสออกมา แกล้งเมิ่งเชี่ยนโยว “ไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะใช้วิธีไหนมายั่วข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไป มือทั้งสองข้างกุมมือทั้งสองข้างของเขาไว้ ริมฝีปากค่อยๆ ไล้ไปรอบๆ ริมฝีปากของเขาหนึ่งรอบ หลังจากนั้นค่อยๆ ไล้ลงมาเรื่อยๆ จูบลงบนลูกกระเดือกของเขา
หวงฝู่อี้เซวียนตัวแข็งทื่อ พึมพำออกมา อยากดันตัวนางออก แต่ทำอย่างไรได้นิ้วทั้งสิบถูกเมิ่งเชี่ยนโยวจับเอาไว้ ขยับไม่ได้ อยากจะจูบกลับไป แต่ก็จับริมฝีปากของเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ ทั้งรู้สึกดีและร้อนใจ บนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้าขึ้น จ้องตาของเขา กล่าวถามว่า “ซื่อจือ วิธียั่วของข้าเป็นอย่างไร”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ตอบ แต่ใช้สายตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยความต้องการมองนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวก็เงียบ มองเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ
ทั้งสองสบตากัน ต่างคนต่างมองเห็นตนเองในดวงตาของอีกฝ่าย หวงฝู่อี้เซวียนลุกขึ้นทันที ทับนางให้อยู่ด้านล่าง กัดฟันกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่เจ้ารนหาที่เอง เดี๋ยวอย่าได้ร้องห้ามข้า”
พูดจบ ก็แนบริมฝีปากลงไป
ครั้งนี้รุนแรงเหมือนดั่งพายุ เมิ่งเชี่ยนโยวรับไม่ไหว แทบขาดอากาศหายใจ ยื่นมือตบหลังเขาอย่างสุดชีวิต
หวงฝู่อี้เซวียนไม่สนใจ ยังคงจูบนางไม่ปล่อย จนรู้สึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวหายใจไม่ทันจริงๆ จึงยอมปล่อยนางแม้ยังอยากจูบต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวหายใจเข้าออกหลายรอบ
หวงฝู่อี้เซวียนมองผลงานของตัวเองด้วยความพอใจ แสดงแววตาแห่งความอิ่มอกอิ่มใจออกมา ก้มหัวลงไปกัดหูนางหนึ่งที รู้สึกว่าร่างกายนางสั่น จึงกล่าวถามด้วยเสียงต่ำว่า “ยังกล้ายั่วข้าอยู่หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวหายใจไม่ทันพูดอะไรไม่ออก
หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งได้ใจขึ้นไปอีก กล่าวถามข้างหูนางว่า “ยังต่ออีกหรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสดงรอยยิ้มยั่วยวนออกมา กล่าวถามกลับไปว่า “เจ้ากล้าหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดชะงักไป ไฟในดวงตาลุกโชนขึ้นมา ในน้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นมีความต้องการที่ปิดไม่มิดอยู่ “โยวเอ๋อร์ เจ้ารู้ผลที่จะเกิดจากประโยคนี้หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวโอบกอดคอของเขา กล่าวถามด้วยรอยยิ้มว่า “ผลอะไรหรือ”
เพ่งมองดวงตาคู่หนึ่งที่มีความต้องการอยู่ในนั้นของนาง ลูกกระเดือกของหวงฝู่อี้เซวียนเคลื่อนขึ้นลงหลายรอบอย่างรวดเร็ว แต่กลับรีบลุกขึ้นทันที หายใจเข้าออกแล้วกล่าวด้วยเสียงแหบพร่าว่า “วันนี้ปล่อยเจ้าไปก่อน รอวันที่แต่งงานข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้แน่นอน”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นนั่ง ก้มหัวลงไปแนบหลังของเขา มือเล็กที่นุ่มเนียนลูบไปมาบนหลังของเขา “ซื่อจือกลัวงั้นหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนรีบหันหลังไป กัดฟันกล่าวว่า “ข้าทำเยี่ยงนี้เพราะหวังดีกับเจ้า อย่าทำเป็นไม่รับรู้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมา ยกมือเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมาทำท่าทาง “ซื่อจือ อีกยี่สิบหกวันกับน้อยลงไปยี่สิบหกวันต่างกันเยี่ยงไร”
หวงฝู่อี้เซวียนจ้องนางอย่างไม่พอใจ ตนใช้สติและความอดทนทั้งหมดจึงจะควบคุมไม่ให้ทำอะไรมากไปกว่านี้ แต่นางกลับไม่สนใจ ยังคงยั่วยวนต่อไปอย่างไม่รู้จบ
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
หวงฝู่อี้เซวียนหลบสายตา กล่าวด้วยเสียงทุ้มที่สะกดกลั้นอารมณ์ว่า “ดึกแล้ว เจ้าพักผ่อนเถิด ข้าออกไปข้างนอกสักครู่”
พูดจบ เตรียมลุกขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวเร็วกว่า อ้าปาก กัดที่หูของเขาเบาๆ ลูบลงไปที่เรื่อยๆ จนถึงกระดุมเสื้อของเขา
ร่างกายของหวงฝู่อี้เซวียนหยุดชะงักไป หันหลังดันตัวนางออก
เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจ
หวงฝู่อี้เซวียนเริ่มถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสื้อข้างใน หลังจากนั้น ร่างกายที่แข็งแรงของตนก็เผยออกมา หรี่ตาลง มองลงมา กล่าวด้วยน้ำเสียงอันตรายว่า “เจ้าจะถอดเอง หรือให้ข้าช่วยเจ้าถอด”
เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ หดตัวไปในเตียง
หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือดึงนางออกมา “ตอนนี้อยากหลบ สายไปแล้ว คืนนี้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าผลที่จะเกิดขึ้นคืออะไร”
มองใบหน้าที่ดุร้ายของเขา ฟังเสียงลมหายใจที่หนักแน่นของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวเกิดความกลัวขึ้นมาจริงๆ กลืนน้ำลายอย่างไม่ได้ตั้งใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงติดอ่างว่า “เจ้า เจ้า…”
เห็นท่าทางนางเช่นนี้ หวงฝู่อี้เซวียนกลับหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “ทำไม กล้ายั่วข้า แต่ไม่กล้ารับผลหรือโยวเอ๋อร์”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ยอมรับ “ไหน ข้ายั่วตรงไหน”
ถูกนางกลับคำไปมาเช่นนี้ ไฟความต้องการของหวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ ลดลงไป สติก็ค่อยๆ กลับมา มองดูนางที่เกรงกลัว ถอนหายใจออกมาเบาๆ “รู้อยู่แล้วว่าเจ้านั้นมีใจของโจรแต่ไม่มีความกล้าของโจร พอเถอะ ไม่บังคับเจ้าแล้ว ข้าอดทนหน่อยเดี๋ยวก็ผ่านไป เจ้าพักผ่อนเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้ว ถึงตอนนี้ จะยอมแพ้ง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร จับมือเขาขึ้นมา วางลงบนกระดุมเสื้อของตัวเอง กล่าวว่า “เจ้าช่วยข้าถอด เรื่องเช่นนี้เจ้าทำมาตลอดมิใช่หรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดชะงักไป มองนางแล้วกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “เจ้าคิดดีแล้วหรือ”
ใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวแดงขึ้นมา แต่ก็พยักหน้าด้วยความมั่นใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่ได้ยินว่า “ข้าต้องการเจ้ามานานมากแล้ว”
ความอดทนของหวงฝู่อี้เซวียนขาดสะบั้นในทันที ภายใต้เสียงตกใจของเมิ่งเชี่ยนโยว ฉีกเสื้อของนางทิ้งอย่างรวดเร็ว ร่างกายทับลงไป ใช้แรงร่างกายของตนบอกกับนางว่า ผลของการยั่วเขาคืออะไร
เริ่มแรกเมิ่งเชี่ยนโยวยังสามารถรับอย่างอ่อนโยน ไม่นานก็เริ่มทนไม่ไหว สุดท้ายเหลือเพียงเสียงขอร้องและเสียงสั่นเครือ “อี้เซวียน ข้าจะตายแล้ว เจ้าปล่อยข้าไปเถิด”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่หยุด กล่าวว่า “ข้ายังไม่พอ”
เสียงร้องไห้เบาๆ ของเมิ่งเชี่ยนโยวออกมา “อี้เซวียนคนดี เจ้าปล่อยข้าไปเถิด ต่อไปข้าไม่กล้ายั่วเจ้าอีกแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะออกมา ก้มหัวลงไปแนบริมฝีปากของนาง ค่อยๆ ขยับร่างกายช้าลง ค่อยๆ ผ่อนแรงลง พลิกตัวนอนลงข้างๆ นาง ค่อยๆ หายใจเข้าออก กล่าวว่า “ต่อไปห้ามยั่วข้าอีก ข้าสามารถทำให้เจ้าลงจากเตียงไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาด้วยความน้อยใจ ในดวงตายังมีหยาดน้ำตาอยู่
หวงฝู่อี้เซวียนเห็นก็ใจสั่นขึ้นมา ความต้องการในใจลุกขึ้นมาอีกครั้ง ต้องกดลงไปอย่างยากเย็น ก้มหัวลงไปจูบลงบนตาของนาง กลืนน้ำตาของนางเข้าไปในปากของตน กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “นอนเถิด ไม่แกล้งเจ้าแล้ว”
ถูกรังแกแทบทั้งคืน เมิ่งเชี่ยนโยวเหนื่อยแล้วจริงๆ พอเขาพูดจบ ก็หลับตาลงทันที ค่อยๆ หลับลึกไป
รู้สึกว่านางหลับลึกไปแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ ลุกขึ้นมาเบาๆ ใส่เสื้อตัวนอกแค่ตัวเดียวให้เรียบร้อย เปิดประตูออกแล้วตะโกนสั่งข้างนอกว่า “ยกน้ำอุ่นเข้ามา”
มีคนรับคำสั่ง ไม่นานก็ยกน้ำอุ่นเข้ามา
หวงฝู่อี้เซวียนรับมา ค่อยๆ ยกเข้ามาให้ห้องเบาๆ วางไว้ข้างเตียง แล้วลุกขึ้นอีกครั้ง หยิบผ้าขนหนูของตน แช่ในน้ำอุ่น เปิดผ้าห่มออก ค่อยๆ ช่วยเมิ่งเชี่ยนโยวเช็ดตัวอย่างอ่อนโยน
มองรอยแดงม่วงบนตัวของนางแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกเสียใจที่เมื่อครู่ควบคุมตัวเองไม่อยู่ แต่ต้องการมานานหลายปี คิดมานานหลายปี วันนี้ถึงจะเป็นของตนจริงๆ เขาควบคุมไม่ได้จริงๆ แทบอยากจะกลืนตัวนางเข้าไปทั้งตัว
อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไปจริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยวหลับอย่างสบาย ไม่รู้สึกเลยว่ามีคนช่วยเช็ดตัวให้ตน
เช็ดตัวให้นางเสร็จ ยกกะละมังวางลงบนชั้นวาง หวงฝู่อี้เซวียนก็กลับมาที่ข้างเตียง ถอดเสื้อตัวนอกออก ขึ้นเตียง โอบนางเข้ามากอดไว้บนอก จูบลงบนหน้าผากของนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวที่หลับอยู่รู้สึกได้ถึงการกระทำของเขา ออกเสียงขอร้องว่า “อี้เซวียนคนดี เจ้าปล่อยข้าไปเถิด ข้ารับไม่ไหวแล้วจริงๆ ”
หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะออกมาเบาๆ กอดนางด้วยความสงสารแล้วหลับลึกไป
ฟ้าเพิ่งสว่าง เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตื่นขึ้นมา ลืมตาขึ้น รู้สึกเมื่อยไปทั้งตัว เหนื่อยกว่าตอนที่ฝึกในชาติที่แล้วทั้งวันอีก ค่อยๆ ขยับตัว เจ็บจนออกเสียงโอดโอยออกมา
“เจ็บมากหรือ” เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนดังจากบนหัว
เงยหน้าขึ้น กล่าวถามด้วยความโกรธ “เจ้าคิดว่าอย่างไงล่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดชะงักไป
เสียงน้อยใจของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นอีกครั้ง “เมื่อคืนข้าขอร้องเจ้าแล้ว เจ้าก็ยังไม่หยุด ข้าเกลียดเจ้าแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนจับจมูกของตนไปมา กล่าวด้วยความเอาใจว่า “ข้าช่วยเจ้านวด”
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบปฏิเสธ “ไม่ต้อง”
หวงฝู่อี้เซวียนกลับเพิ่มแรงภายในบนมือ แล้วเริ่มนวดให้นาง
อาการปวดเมื่อยบนตัวค่อยๆ บรรเทาลงไม่น้อย เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ หลับตาลงด้วยความสบาย ปล่อยให้เขานวด แต่ก็ค่อยๆ รู้สึกไม่ปกติ เพราะว่ามือนั้นค่อยๆ จับไปในที่ๆ ไม่ควรจับ ลืมตาขึ้นมาทันที ยังไม่ทันเอ่ยอะไรออกมา ตัวของหวงฝู่อี้เซวียนก็ทับลงอีกครั้ง
เกิดพายุใหญ่อีกหนึ่งรอบ รอบนี้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีแม้แต่แรงจะจ้องเขม็งเขา
หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจจริงๆ ร่างกายสดชื่น หลังจากช่วยเช็ดตัวให้เมิ่งเชี่ยนโยวอย่างใส่ใจอีกครั้ง โอบกอดนาง เรียกนางเบาๆ อย่างไม่หยุดว่า “โยวเอ๋อร์ โยวเอ๋อร์…”
คิดถึงเสียงขอร้องเมื่อครู่ของตนแล้ว สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวแดงขึ้นทันที มองเขาด้วยความออดอ้อน “ข้าอยู่นี่ ไม่ต้องเรียกแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งกอดนางแน่นขึ้นไปอีก สัญญาข้างๆ หูนางว่า “โยวเอ๋อร์ ทั้งชีวิตนี้ ข้าจะไม่ให้เจ้าห่างจากตัวข้าแม้แต่ก้าวเดียว”
เมิ่งเชี่ยนโยงหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก้มหัวลง ปิดบังอารมณ์ของตน กล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ข้าหิวแล้ว เจ้าช่วยไปยกอาหารเช้าเข้ามาให้ข้าเถิด”
ตั้งแต่เมื่อคืนถึงตอนนี้รังแกนางไปหลายครั้ง คิดว่านางหิวแล้วจริงๆ หวงฝู่อี้เซวียนลุกขึ้นมา ลงจากเตียง สวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเดินออกไป
มองดูหลังของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวเหม่อไปชั่วครู่ หลังจากนั้นก็รีบลงจากเตียง หากระเป๋าแขนเสื้อจากกองเสื้อผ้าที่หวงฝู่อี้เซวียนฉีกทิ้ง หยิบเม็ดยาในนั้นออกมา กุมแน่นไว้ในมือ
หวงฝู่อี้เซวียนยกอาหารร้อนๆ เข้ามา วางลงข้างหน้านางอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็ยกเก้าอี้มาวางข้างเตียง นั่งลง ยกถ้วยขึ้นมา อยากจะป้อนนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวหลบ กล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “บนหน้ามีแต่เหงื่อ ข้าอยากล้างหน้าก่อน”
ทั้งหมดนี้เป็น ‘ผลงาน’ ของตน หวงฝู่อี้เซวียนยกยิ้มมุมปาก ก้มลงไปจูบบนริมฝีปากของนางเบาๆหนึ่งที แล้ววางถ้วยลงอีกครั้ง เดินออกไปหน้าประตู สั่งคนให้ตักน้ำมา
แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับฉวยโอกาสตอนที่เขาไม่สังเกต รีบนำยาหนึ่งเม็ดใส่ลงไปละลายในถ้วยอย่างรวดเร็ว อีกหนึ่งเม็ดใส่เข้าปากตน
ตอนที่ 246 คนหลอกลวง
บ่าวรับใช้ตักน้ำอุ่นมา หวงฝู่อี้เซวียนรับมา ยกมาวางข้างเตียง เช็ดหน้าของนางเบาๆ ให้สะอาดอย่างใส่ใจ วางกะละมังน้ำไว้ข้างๆ ยกถ้วยขึ้นมาป้อนนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งพิงตัวบนเตียง หยิบผ้าห่มบางๆ ปิดร่างกายของตัวเองไว้ เหลือแค่หัวโผล่ออกมา อ้าปาก กินอาหารที่ถูกป้อนถึงปากอย่างเชื่อฟัง
หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มมุมปากอย่างพออกพอใจตลอดเวลา ท่าทางก็ยิ่งอ่อนโยนขึ้นไปอีก กินไปประมาณครึ่งถ้วย เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหัวไปมา “ข้าอิ่มแล้ว เจ้ากินเถอะ”
นี่ไม่ใช่ปริมาณอาหารที่นางกินปกติ หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินก็รู้สึกปวดใจ ใช้ผ้าค่อยๆ เช็ดมุมปากให้นาง กล่าวถามเบาๆ ว่า “ข้าทำให้เจ้าเหนื่อยมากไปใช่หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงขึ้นมาทันที รีบเปลี่ยนเรื่อง “รีบกินเถอะ จะเย็นหมดแล้ว”
เขาไม่ได้ใช้ช้อนเล็ก ยกถ้วยขึ้น ดื่มข้าวต้มไม่กี่คำก็หมดถ้วย รีบวางถ้วยลงบนถาด
ยกถาดออกไปหน้าประตู ยกให้บ่าวรับใช้ หวงฝู่อี้เซวียนก็หันหลังเดินกลับมา นอนลงข้างๆ เมิ่งเชี่ยนโยว “ข้าจะเฝ้าเจ้าเอง เจ้านอนพักอีกสักหน่อยเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวปิดตาลง ไม่นานก็หลับไป
อาการง่วงเริ่มมา หวงฝู่อี้เซวียนก็ปิดตาลงแล้วหลับไป
เมิ่งเชี่ยนโยวที่ควรหลับลึกกลับลืมตาขึ้นมา มองดูใบหน้าที่หลับอยู่ด้วยความอาลัยอาวรณ์ ยื่นมือออกมา ลูบไปตามโครงหน้าของเขา พรรณนาอย่างละเอียด มีน้ำอุ่นๆ ไหลออกจากดวงตา
จูบบนริมฝีปากของเขาเบาๆ แล้วรีบลุกขึ้น เปิดลังเสื้อผ้าออก หยิบเสื้อผ้าของตัวเองที่ทิ้งไว้ที่นี่ตอนป่วยออกมา สวมใส่เรียบร้อย หยิบจดหมายที่เขียนไว้ออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ วางไว้บนโต๊ะ มัดกระเป๋าแขนเสื้อเสร็จ หันกลับไปมองหวงฝู่อี้เซวียนที่ยังคงหลับอยู่ แล้วเดินออกไปด้วยร่างกายที่ปวดเมื่อยไร้เรี่ยวแรง
หวงฝู่อี้เฝ้าอยู่ข้างนอก เห็นนางออกมา ทำความเคารพแล้วทักทาย “แม่นางเมิ่ง”
“บ้านข้ามีเรื่องด่วน ต้องรีบกลับไปจัดการ เจ้าไปจูงม้าดีๆ มาให้ข้าหนึ่งตัว”
หวงฝู่อี้รับคำสั่ง
“อีกเรื่องหนึ่ง อี้เซวียนเหนื่อยนัก พวกเจ้าห้ามรบกวนเขา เขาตื่นแล้วจะก็ออกมาเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับอีกครั้ง
เมื่อคืนเสียงดังมิใช่น้อย หวงฝู่อี้รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด หลังจากรับคำสั่งด้วยใบหน้าแดงก่ำแล้ว ก็รีบเดินไปที่คอกม้าทันที
หันหลังกลับไปมองในห้องอีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ แต่ก็ยังคงหันหลัง เดินตรงออกไปนอกจวน
โจวอันเดินออกมา “แม่นางเมิ่ง เมื่อวานซื่อจื่อสั่งให้ข้าส่งท่านกลับไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “ไม่ต้อง เวลาหนึ่งก้านธูปก็ถึงหนานเฉิน ไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก เจ้าช่วยไปบอกพระชายาให้ที ว่าบ้านข้ามีเรื่องด่วน ข้ากลับไปก่อน”
โจวอันลังเล
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มกล่าวว่า “ตอนนี้อยู่ในเมือง ไม่มีใครกล้าทำอะไรข้าหรอก เจ้าวางใจเถิด ไปบอกพระชายาเร็ว บอกว่าข้าขอประทานโทษด้วย”
คิดไปคิดมาดีๆ แล้วก็จริง ต่อต้านแม่นางเมิ่งก็เท่ากับต่อต้านจวนอ๋องฉี แล้วตอนนี้ในเมืองก็ไม่มีใครกล้าทำเยี่ยงนี้จริงๆ โจวอันพยักหน้า เดินไปในเรือนของพระชายาฉี
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินตรงออกไปนอกจวน รับเชือกจูงมือจากมือของหวงฝู่อี้ ขึ้นบนหลังม้าอย่างยากลำบาก วิ่งตรงไปที่หนานเฉิน
หวงฝู่อี้เห็นนางไปไกลแล้ว จึงหันหลังกลับไปที่จวน
เมื่อไม่รู้สึกถึงสายตาที่มองมาจากข้างหลังแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็หันม้า ตรงไปทางนอกเมือง
วันนี้เป็นวันที่อากาศดี บริเวณประตูเมืองมีคนเข้าออกเต็มไปหมด ค่อยๆ เดินออกนอกเมืองตามคน เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดม้า มองไปในเมืองชั่วครู่ หลังจากนั้นก็โบยแส้ไปทางไกลทันที
หวงฝู่อี้เซวียนนอนหลับครั้งนี้หลับยาวจนท้องฟ้าเกือบมืดจึงจะตื่นขึ้นมา รู้สึกบนอกว่างเปล่า รีบลืมตาขึ้นมา กวาดตามองไปข้างๆ ว่างเปล่า ไม่มีสักคน ในใจเกิดความรู้สึกตื่นตระหนก รีบลุกขึ้นนั่ง ตะโกนออกไปข้างนอก “เข้ามา”
หวงฝู่อี้เดินเข้ามา เห็นความรกในห้อง รีบก้มหัวลง “ซื่อจือ”
“โยวเอ๋อร์ล่ะ” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวถามด้วยความหวาดกลัว
“แม่นางเมิ่งบอกว่าที่บ้านมีเรื่องด่วน กลับจวนไปตั้งแต่เช้า ก่อนไปสั่งไม่ให้รบกวนท่าน” หวงฝู่อี้ตอบกลับด้วยความเคารพ
หวงฝู่อี้เซวียนโล่งอก โบกมือ “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถิด”
หวงฝู่อี้ไม่ขยับ กล่าวถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ซื่อจือ ให้ข้าช่วยท่านเก็บกวาดห้องก่อนไหมขอรับ”
มองดูเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายไปทั่วห้อง หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา “ไม่ต้อง ข้าจัดการเอง”
หวงฝู่อี้เดินออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนลงจากเตียง เปิดลังเสื้อผ้าออก หยิบเสื้อผ้าของตัวเองออกมาสวมใส่ให้เรียบร้อย จัดผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อยก่อน หยิบผ้าปูที่นอนที่เปื้อนเลือดขึ้นมาพับให้เรียบร้อยอย่างตั้งใจ ใส่ลงไปในกล่องเก็บสิ่งของสำคัญของเขาที่วางอยู่บนหัวเตียง แล้วค่อยเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและเสื้อผ้าของเมิ่งเชี่ยนโยวที่ถูกฉีกทิ้งลงบนพื้น มุมปากยังคงมีรอยยิ้มของความอิ่มอกอิ่มใจอยู่ตลอดเวลา คิดเอาไว้ว่าเดี๋ยวจะไปหาเมิ่งเชี่ยนโยวที่หนานเฉิน
ไม่นานห้องที่รกก็ถูกจัดเก็บเรียบร้อย หวงฝู่อี้เซวียนนั่งลงข้างโต๊ะ กำลังจะเทน้ำดื่ม เหลือบเห็นจดหมายฉบับนั้นที่ถูกวางไว้บนโต๊ะ
ชะงักไป แล้วหยิบขึ้นมา เปิดออกทันที ก็เห็นลายมือที่สวยงามและคุ้นตา
‘อี้เซวียน’
เห็นสองตัวนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงอ้อนที่เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกข้างหูตัวเองเมื่อคืน หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก แต่เนื้อหาต่อจากนี้กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกแตกสลายไป
‘ข้าจะผิดคำพูดแล้ว’ เห็นคำพวกนี้ รอยยิ้มของหวงฝู่อี้เซวียนหายไปทันที ในใจเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา มือที่ถือจดหมายไว้ก็เริ่มสั่น
‘ที่เคยสัญญากับเจ้าไว้ ทั้งชีวิตนี้จะไม่ห่างกับเจ้าเป็นอันขาด อยู่ข้างกันตลอดไป แต่ตอนนี้ร่างกายของข้ามีปมด้อย ไม่เหมาะสมกับเจ้า’
‘พวกเรารู้จักกันมาหกปี ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเจ้า ข้าก็มีเจ้าอยู่ในใจมาตลอด ข้าเคยสาบาน ไม่ว่าเจ้ามีฐานะอะไร ตำแหน่งอะไร ทั้งชีวิตนี้ข้าก็จะเลือกเจ้า แต่ตอนนี้ ข้าก้าวผ่านปัญหาในใจของข้าไปไม่ได้ ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามปิดบังเรื่องที่ข้าท้องไม่ได้อย่างสุดความสามารถ แต่เจ้าลืมไป ว่าข้ารักษาโรคเป็น ร่างกายของข้าข้ารู้ดีที่สุด ข้าเจ็บปวด ข้าสับสน ข้าลังเล ข้าอาลัยอาวรณ์ แต่ข้าก็ยังตัดสินใจไปจากเจ้า ให้ชีวิตที่เหลือของข้าและเจ้าต่างมีความสุข’
‘อย่าโทษว่าข้าใจร้ายเลย ใจของข้าก็เจ็บปวดเช่นกัน แต่ว่าข้าต้องไปจริงๆ ข้าไม่อยากให้อีกหลายปีข้างหน้า เจ้าต้องเสียใจภายหลัง แต่ว่า ข้าสัญญากับเจ้า ข้าจะกลับมาดูเจ้า อาจจะอีกหนึ่งปี อีกสิบปี หรืออาจจะเป็นตอนที่พวกเราแก่แล้ว แต่ไม่ว่าตอนไหน ข้าอยู่ที่ใด เจ้าจะเป็นคนที่ใจข้ารักที่สุดตลอดไป…ไม่เปลี่ยนแปลง’
หวงฝู่อี้เซวียนรีบลุกขึ้น วิ่งสะดุดขาออกไป ตาแดงก่ำ ตะโกนเสียงดังว่า “เตรียมม้า”
ทุกคนตกใจเสียงตะโกนของเขา รีบลุกขึ้นอย่างตกใจ หวงฝู่อี้ล้มลงแล้วรีบลุกขึ้นไปจูงม้า โจวอันกระโดดมาข้างหน้าหวงฝู่อี้เซวียน “ซื่อจื่อ เกิดอะไร…”
“หลบไป รีบไปเตรียมม้า” หวงฝู่อี้เซวียนเสียสติไปแล้ว รีบวิ่งออกไปข้างนอก แล้วตะคอกเรียกเขาด้วยความโมโหไปด้วย
โจวอันหยุดชะงักไป
ทุกคนในจวนตกใจในท่าทางของเขา เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า สบตากัน
ออกจากประตูจวน แย่งเชือกจูงม้าจากมือของหวงฝู่อี้ กระโดดขึ้นหลังม้า ฟาดแส้ลงบนม้าอย่างแรงแล้วมุ่งตรงไปหนานเฉินอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่อี้ช้าไป รอเขาขึ้นหลังม้า ก็ไม่เห็นเงาของหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว
ฟาดแส้ลงบนม้าอย่างคนบ้าจนมาถึงหนานเฉิน ไม่รอให้ม้าหยุด รีบกระโดดลงมาจากหลังม้า วิ่งเข้าไปในจวน ตรงเข้าไปในห้องของเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่มีคน ตะโกนออกไปข้างนอกด้วยความโมโห “คนล่ะ”
ชิงหลวนเดินเข้ามา กล่าวถามด้วยความสงสัย “ซื่อจือ เกิด…”
“ข้าถามเจ้า คนล่ะ” ในน้ำเสียงของหวงฝู่อี้เซวียนมีความหวาดกลัวและความโกรธที่พูดไม่ออก
“คน คนอยู่ครบเพคะ” ตกใจในท่าทางน่ากลัวของเขา ชิงหลวนตอบกลับด้วยคำพูดติดอ่าง
“โยวเอ๋อร์ล่ะ โยวเอ๋อร์อยู่ที่ใด”
ชิงหลวนรู้สึกถึงความผิดปกติ รีบกล่าวตอบกลับไปว่า “นายหญิงไม่ได้อยู่ที่จวนของท่านหรือเพคะ”
ใจของหวงฝู่อี้เซวียนตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม มองไปรอบๆ กลับเห็นสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ รีบตรงเข้าไป เปิดออกทุกอย่าง ข้างในเป็นโฉนดที่ดิน โฉนดบ้านตั๋วเงิน และจดหมายถึงเมิ่งเอ้ออิ๋นสองสามีภรรยา เมิ่งเสียน และเมิ่งฉี
ตาของหวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ มืดลง ร่างกายเอนไปมา เลือดพุ่งออกมาจากปาก มือทุบลงบนโต๊ะอย่างแรง “เมิ่งเชี่ยนโยว เจ้ามันเป็นคนหลอกลวง ชีวิตนี้ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
ชิงหลวนหวาดกลัว ร้องออกมาด้วยความตกใจ “ซื่อจือ ท่าน…”
สายตาของหวงฝู่อี้เซวียนเกิดรังสีของความน่ากลัวออกมา มองเขาด้วยความเย็นชา แล้วเดินออกไปนอกจวน สั่งโจวอันที่ตามมา “ออกคำสั่งของข้า ติดป้ายประกาศ ตามหาองค์หญิงชิงเหอทั่วรัฐ ผู้ที่พบเห็นแล้วแจ้งเบาะแส รับหนึ่งหมื่นตำลึง นอกเหนือจากนั้น องครักษ์ลับสามพันนาย กระจายออกไปทุกที่รัฐอู่ ตามหาองค์หญิงชิงเหอ”
โจวอันรับคำสั่ง แล้วเดินออกไป
ชิงหลวนและจูหลีเข้าใจทันที ตกใจแล้วกล่าวพร้อมกันว่า “ซื่อจือ นายหญิงนาง…”
“พวกเจ้าเฝ้าอยู่ในจวน ดูแลภายในจวนให้ดี นางจะกลับมาเร็วๆ นี้แน่นอน” หวงฝู่อี้เซวียนสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ทั้งสองรับคำสั่ง
หวงฝู่อี้เซวียนสงบสติอารมณ์ลงแล้ว มองบนฟ้าแล้วพึมพำว่า “เมิ่งเชี่ยนโยว ชีวิตนี้เจ้าอย่าคิดว่าจะหนีข้าพ้น”
ภาพวาดเมิ่งเชี่ยนโยวกระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว และเรื่องที่นางหนีไปก็ทำให้คนกลุ่มหนึ่งตกใจกันไปหมด
ฮ่องเต้และฮองเฮาได้ยินข่าว ไม่รู้ว่าควรดีพระทัยหรือควรเสียพระทัย หลังจากพระชายาฉีได้ยิน ก็ล้มลงไปนั่งบนเก้าอี้ ถามตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อว่า “เพราะเหตุใด เพราะเหตุใด”
ท่านอ๋องฉีได้ยินข่าว รีบลุกขึ้นยืน ตาโต มองพ่อบ้านอย่างเหลือเชื่อ หลังจากนั้นก็ล้มลงกลับไปนั่งบนเก้าอี้
หวงฝู่ซวิ่นได้ยินข่าว รีบออกจากวังไปหาหวงฝู่อี้เซวียน อยากถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็ถูกปฏิเสธให้อยู่นอกประตู
เปาชิงเหอสองสามีภรรยา เปาอี้ฝานสองสามีภรรยา เหวินซื่อสองสามีภรรยา ฉู่เหวินเจี๋ยสองสามีภรรยาต่างไม่เชื่อข่าวลือนี้ ทั้งหมดไปถึงจวนเพื่อถามให้แน่ใจด้วยตัวเอง หลังจากที่รู้เรื่องจริงแล้ว ต่างไม่เข้าใจ ว่าเพราะเหตุใดเมิ่งเชี่ยนโยวถึงทำเยี่ยงนี้ ทำไมนางถึงยอมทิ้งการแต่งงานที่นางทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา
และครอบครัวตระกูลเมิ่งที่เดินทางอยู่บนถนนอย่างมีความสุข กลับตกใจอย่างมากกับเรื่องร้ายที่ได้ยินนี้ ถามคนที่ติดประกาศซ้ำไปซ้ำมาเพื่อความแน่ใจ ว่าองค์หญิงชิงเหอที่อยู่ในประกาศ ใช่องค์หญิงชิงเหอที่อยู่ในอำเภอชิงเหอคนนั้นหรือไม่
คนใช้ของทางการที่ติดประกาศ ใช้สายตาที่มองคนโง่มองดูคนกลุ่มนี้ที่แต่งตัวดูดีแต่ไม่ปกติ ถามกลับไปว่า “บนโลกนี้มีองค์หญิงชิงเหอหลายคนงั้นรึ”
ทุกคนในครอบครัวเมิ่งสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร
รีบเร่งม้า รีบมาถึงเมืองหลวง รีบถามชิงหลวนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ชิงหลวนก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้จะตอบอะไรพวกเขา กล่าวว่า “นายหญิงเขียนจดหมายไว้ให้พวกท่าน วางอยู่บนโต๊ะในห้อง เชิญทุกท่านเข้าไปดูเถิด”
ทุกคนเดินเข้าไปในห้อง เมิ่งฉีพุ่งไปข้างโต๊ะทันที เปิดจดหมายถึงเมิ่งเอ้ออิ๋นสองสามีภรรยาก่อน ในจดหมายกล่าวว่า ‘ท่านพ่อ ท่านแม่ ตั้งแต่เด็กลูกเกิดและโตในอำเภอชิงเหอ ยังไม่เคยไปที่ใด ยิ่งเข้าใกล้งานแต่งของข้ากับอี้เซวียน ลูกเกิดความคิดอยากออกไปดูรอบๆ กลัวว่าอี้เซวียนไม่ยอม เลยจากไปแบบไม่บอกกล่าว รอลูกเที่ยวทั่วภูเขาชมทั่วทุกแม่น้ำแล้ว จะกลับไปดูแลท่านทั้งสองจนแก่เฒ่า’
ลายมือเรียบร้อย ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเจ็บปวดหรือความอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย
เมิ่งเสียนก็เปิดจดหมายที่เขียนถึงตัวเอง ในจดหมายเขียนถึงการแบ่งสิ่งของทุกอย่างของนาง ที่ให้กับเมิ่งเสียน เมิ่งฉี เมิ่งเจี๋ยและเมิ่งชิง ข้างบนกล่าวว่า ‘เจี๋ยเอ๋อร์และชิงเอ๋อร์ยังเด็ก ข้าลำเอียงหน่อย ที่ให้พวกเขาเยอะกว่า แต่ข้าเชื่อว่าพี่ใหญ่ พี่รองไม่สนใจหรอก ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง ในกล่องนั้นคือสิ่งของมีค่าที่อี้เซวียนให้ข้าเก็บดูแลแทน อยากให้พี่ใหญ่ พี่รองช่วยคืนให้เขาแทนข้าด้วย บอกเขาว่าชาตินี้ข้าทำผิดต่อเขา ชาติหน้าข้าจะใช้คืนให้เขาอย่างแน่นอน’
ฟังจดหมายทุกฉบับแล้ว เมิ่งซื่อเป็นลมไปทันที
ครอบครัวเมิ่งเกิดความวุ่นวายอีกครั้ง
แต่หลังจากเมิ่งเสียนและเมิ่งฉีจัดการดูแลครอบครัวเสร็จแล้ว ยกกล่อง แล้วมาถึงจวนอ๋องฉีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พบหวงฝู่อี้เซวียน ไม่พูดอะไรเลย พุ่งเข้าไปต่อยเขาทันที
หวงฝู่อี้เซวียนไม่โต้ตอบ
ทุกคนในจวนตกใจ อยากจะเข้าไปห้าม แต่ถูกหวงฝู่อี้เซวียนห้ามไว้
ทั้งสองต่อยจนเหนื่อยจึงหยุด เมิ่งฉีโยนกล่องลงบนตัวเขา กล่าวด้วยความโมโหว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้ากับตระกูลเมิ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
ตอนที่ 247 สามวันสามคืน
แปดเดือนผ่านไป ณ เมืองเล็กๆ ชายทะเลแห่งหนึ่ง
หญิงสาวคนหนึ่งที่ทำทรงผมของคนที่แต่งงานแล้ว ยืนยุ่งอยู่บนแผงขายของ ไอความร้อนทำให้ใบหน้าดำๆ ของนางแดงขึ้นมา หน้าแผงมีคนยืนต่อแถวยาวเหมือนดั่งมังกร คนขายของข้างๆ มองนางด้วยความอิจฉา แต่ไม่มีผู้ใดเกลียดนาง
คนที่มาต่อแถวก็เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่แซงแถว ไม่ตะโกน เขย่งเท้า เงยหน้านับดูว่าข้างหน้ายังมีอีกกี่คน
ลูกชิ้นปลารอบแรกที่ทำสดๆ ออกจากหม้อแล้ว คนที่ต่อแถวคนแรกรีบเอาถ้วยตัวเองออกมา ยื่นไปข้างหน้านาง ไม่มากไม่น้อยไป นางตักลูกชิ้นปลาให้เขาสิบลูก แล้วตักน้ำแกงให้เขาไปด้วย ชายคนนั้นหยิบเงินห้าอีแปะใส่ลงไปในกล่องข้างหน้าแผง จากนั้นก็ยกถ้วยเดินออกไปอย่างดีใจ
คนข้างหลังขยับไปด้านหน้า “ลูกชิ้นปลาสิบลูกเหมือนกัน น้ำแกงหนึ่งถ้วย ห้าอีแปะ”
คนที่สามขยับไปข้างหน้า กล่าวว่า “อวี้เหนียง ข้าเอาลูกชิ้นกุ้ง เด็กน้อยในบ้านชอบกินมาก”
“ได้” หญิงสาวตอบกลับอย่างรวดเร็ว ตักลูกชิ้นกุ้งให้นางสิบลูก ห้าอีแปะเท่ากัน
คนที่ซื้อได้ก็ยกถ้วยกลับไปอย่างดีใจ คนที่เหลือก็ไม่รีบร้อน ค่อยๆ ขยับไปข้างหน้า เพราะอวี้เหนียงมีกฎอยู่หนึ่งข้อ ทุกวันจะขายแค่หนึ่งร้อยชุด ชุดล่ะห้าอีแปะ ถ้าหากพวกเขาเข้าแถวอยู่ในหนึ่งร้อยคนแรก ก็ซื้อได้แน่นอน ฉะนั้นคนข้างหลังจึงไม่รีบร้อน
ใกล้เที่ยงแล้ว ลูกค้าคนสุดท้ายยกถ้วยลูกชิ้นปลาไปอย่างดีใจแล้ว หญิงสาวยังไม่ทันเช็ดเหงื่อบนหน้า ก็ตักลูกชิ้นปลาและลูกชิ้นกุ้งที่เหลือขึ้นมาทั้งหมด ให้กับคนที่ขายของรอบข้างด้วยกัน “เที่ยงแล้ว กินกันเถิด”
ทุกคนรอบข้างรู้สึกเกรงใจ อวี้เหนียงมาขายของที่นี่ครึ่งปีกว่าแล้ว ทุกวันก็จะตั้งใจทำเกินมาให้พวกเขาทุกวัน
ชายวัยสามสิบกว่ากล่าวว่า “อวี้เหนียง เจ้าเป็นหญิงสาวคนเดียวก็ไม่ง่าย พวกข้ากินของเจ้าทุกวันโดยที่ไม่จ่ายเงินเช่นนี้ รู้สึกเกรงใจมากจริงๆ ”
หญิงสาวยิ้มออกมา กล่าวว่า “พี่หวัง หากตอนนั้นไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทุกคน ข้าก็ลงหลักปักฐานที่นี่ไม่ได้ ของพวกนี้นับเป็นอะไรไม่ได้จริงๆ”
หกเดือนกว่าก่อนหน้านี้ อวี้เหนียงที่มีใบหน้าเหลืองผอมแห้ง สีหน้าซีดเผือดเดินทางมาถึงที่นี่ตัวคนเดียว เล่าว่าบ้านตัวเองเจอเรื่องร้าย หวังมาพึ่งญาติ ไม่คิดว่าครึ่งทางสามีจะป่วยหนัก หลังจากใช้เงินเดินทางทั้งหมดเพื่อรักษาเขาไปแล้ว แต่ก็จากไปอยู่ดี นางฝังสามีแล้ว จึงเดินทางมาถึงที่นี่อย่างยากลำบาก แต่ก็ได้ข่าวว่าญาติย้ายไปจากที่นี่ตั้งแต่หนึ่งปีที่แล้ว นางไม่มีที่ไป เลยทำได้แต่ขอความช่วยเหลือจากทุกคน ขอให้ทุกคนให้ปลาและกุ้งกับนางก่อน นางทำของมาตั้งขาย
เมืองใกล้ทะเลเล็กๆ นี้ สิ่งที่ไม่ขาดก็คือกุ้งและปลา ทุกคนเห็นว่าหญิงสาวคนเดียวน่าสงสาร ก็เลยให้ของกับนาง
วันที่สอง นางก็ได้ตั้งแผงขายของนี้ขึ้นมา กลิ่นหอมนั้นได้ดึงดูดคนที่อยู่ที่นี่มาซื้อกัน ตั้งแต่นั้นมานางก็ได้ลงหลักปักฐานที่นี่ และใช้เหตุผลนี้มาตลอด ทำลูกชิ้นกุ้ง ลูกชิ้นปลาเกินมาทุกวัน แบ่งให้พวกเขากินโดยไม่เก็บเงินใดๆ
แม้ปากจะกล่าวว่าเกรงใจ แต่ก็ทนกลิ่นหอมกรุ่นนั้นไม่ไหวจริงๆ ทุกคนกินลูกชิ้นกุ้งและลูกชิ้นปลาหมดอย่างรวดเร็ว
อวี้เหนียงเก็บถ้วยกลับไป ล้างในน้ำของตัวเองให้สะอาด จัดเก็บให้เรียบร้อย ร่างกายผอมบางยกไม้คานหาบขึ้นแล้วเดินง่อนแง่นออกไปไกล
ในเมืองหลวง ณ จวนอ๋องฉี
ตั้งแต่เมิ่งเชี่ยนโยวจากไปโดยไม่บอกกล่าว แปดเดือนที่ผ่านมา หวงฝู่อี้เซวียนไม่เคยก้าวออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียว สั่งให้คนยกยาสมุนไพรมากมายเข้ามาหลายคัน ทุกวันก็คือเรียนรู้ยาสมุนไพร แยกแยะยาสมุนไพร จำยาสมุนไพร หมกมุ่นอยู่กับยาสมุนไพร ไม่สนใจผู้ใดเลย แม้แต่พระชายาฉีมาหา ก็แค่เงยหน้าขึ้นมองนาง เรียกเสด็จแม่ แล้วก็ไม่สนใจนางอีกเลย ก้มหน้าทดลองยาสมุนไพรในมือต่อไป
ทุกคนไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ เขาก็สนใจในยาสมุนไพร แต่ก็ไม่มีใครกล้าห้าม ท่านอ๋องฉีก็ถอนหายใจหลายครั้ง แล้วปล่อยให้เขาทำต่อไป
มีเพียงในใจของหวงฝู่อี้เซวียนเข้าใจ ตอนนั้นที่ตัวเองปล่อยให้เมิ่งเชี่ยนโยวจากไปโดยไม่รู้สึกตัวอะไรเลย เป็นเพราะข้าวต้มถ้วยนั้นที่ตัวเองดื่มเข้าไปถูกใส่ยาไว้แล้ว ไม่เยี่ยงนั้น ตนไม่มีทางนอนหลับไม่ตื่นขนาดนั้น
“รอข้ารู้จักยาสมุนไพรพวกนี้ เข้าใจสรรพคุณของตัวยาแล้ว แล้วสามารถผสมเป็นยาเม็ด ข้าจะทำให้เจ้ากินจนอิ่ม” หวงฝู่อี้เซวียนกัดฟันคิดอย่างนี้ทุกวัน จึงจะสามารถประคับประคองตัวเองให้ผ่านทุกวันที่ไม่มีเมิ่งเชี่ยนโยว
แปดเดือนผ่านไปแล้ว เขารู้จักกับยาสมุนไพรแทบหมดแล้ว แต่ก็ยังคงไม่มีข่าวคราวของเมิ่งเชี่ยนโยว หวงฝู่อี้เซวียนใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว เขารู้ว่าความคิดถึงของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว ถ้าหากยังหาเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เจอ เขาต้องบ้าแน่ๆ
ด้านนอกกจวน โจวอันที่ออกไปนานถึงแปดเดือนได้กลับมาแล้ว มองตัวเขาที่เต็มไปด้วยฝุ่นดิน หนวดเครารุงรัง ท่าทางเหมือนผ่านมรสุมมา น่าจะเป็นเพราะเดินทางติดต่อกันหลายวันหลายคืน แต่ว่า ตอนนี้บนตัวเขาไม่มีร่องรอยของความเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย แต่กลับกระโดดลงจากหลังม้า สายตาเป็นประกาย วิ่งเข้าในลานของหวงฝู่อี้เซวียนด้วยความตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว ตระโกนเสียงดังว่า “ซื่อจื่อ พบแล้วขอรับ”
ยาสมุนไพรในมือของหวงฝู่อี้เซวียนตกหล่นบนพื้นทันที ผ่านไปสักพักจึงค่อยๆ ลุกขึ้น ค่อยๆ เดินออกจากประตู ค่อยๆ กล่าวถามว่า “พบแล้วหรือ”
โจวอันพยักหน้าหลายครั้งด้วยความตื่นเต้น “มีพี่น้องบอกว่าพบร่องรอยเบาะแสขององค์หญิงชิงเหอที่เมืองใกล้ทะเลแห่งหนึ่งขอรับ ตอนนี้พวกเขาเฝ้าอยู่ที่นั้น ส่วนข้าน้อยรีบกลับมารายงาน”
หน้าประตูไม่มีแม้แต่เงาของหวงฝู่อี้เซวียน
โจวอันหยุดชะงักไป
เสียงที่ดีใจและตื่นเต้นของหวงฝู่อี้เซวียนดังมาจากข้างนอกลาน “เตรียมม้า ออกเดินทาง”
ครึ่งเดือนผ่านไป ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่นดิน แต่กลับมีใบหน้างดงามไร้ที่ติ นำองครักษ์หลายสิบคนที่ฝุ่นดินเต็มตัว ท่าทางเหมือนผ่านมรสุมมาเช่นกันมาถึงเมืองใกล้ทะเล
องครักษ์ลับที่รับผิดชอบตามหาร่องรอยของนางและพบเจอเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามา ทำความเคารพ “ซื่อจื่อ”
“คนล่ะ” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวถาม
องครักษ์ลับชี้ไปทางที่เมิ่งเชี่ยนโยวตั้งแผงขายของแล้วรายงานว่า “องค์หญิงชิงเหอตั้งแผงขายของทางนั้นขอรับ”
กระโดดตัวลงจากหลังม้า เดินไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากก้าวไปไม่กี่ก้าว ก็หยุดเดิน หันหลัง กล่าวถามโจวอัน “ข้าไปพบนางด้วยท่าทางเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่”
มองดูเขาเหมือนกับเพิ่งถูกดึงออกมาจากดิน ดูไม่ได้เลย โจวอันส่ายหัวไปมาด้วยความสัตย์ซื่อ “ไม่เหมาะขอรับ”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว ผ่านไปสักพักจึงสั่งว่า “ไปหาโรงเตี๊ยม ข้าไปล้างตัวแต่งตัวก่อนแล้วค่อยไปหานาง”
แม้ว่าจะพูดออกมาเช่นนี้ แต่เท้าก็ทนไม่ไหวเดินไปที่แผง สายตามองข้ามทุกคนที่อยู่หน้าแผง หยุดอยู่ที่หน้าของนาง ตัวนาง ความดีใจและความตื่นเต้นจะล้นออกมาจากใจ คือนาง คือนางจริงๆ แม้ว่าจะไม่รู้ว่านางใช้วิธีใดทำให้หน้าของนางดำเยี่ยงนั่น แต่หวงฝู่อี้เซวียนรู้ ว่านางคือเมิ่งเชี่ยนโยว คนที่ตัวเองคิดถึงอยู่ตลอดแปดเดือนที่ผ่านมา
เหมือนกับว่ารู้สึกมีคนแอบมองตน เมิ่งเชี่ยนโยวที่ยุ่งอยู่เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบๆ
หวงฝู่อี้เซวียนรีบซ่อนตัวในที่มุมมืด
ทุกอย่างปกติ ไม่มีคนน่าสงสัย เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่าตนคิดมากไป ที่นี่ห่างไกลจากเมืองหลวงกว่าพันลี้ แล้วยังเป็นเมืองใกล้ทะเล ไม่มีใครมาหาถึงที่นี่ ก้มหน้าลงไป ตั้งใจทำลูกชิ้นปลาและลูกชิ้นกุ้งต่อ
หนึ่งชั่วยามผ่านไป หวงฝู่อี้เซวียนที่แต่งตัวดูดี ท่าทางเย็นชา ใบหน้าไร้ที่ติเดินออกมาจากห้องพักในโรงเตี๊ยม นำองครักษ์ลับที่ล้างตัวแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเช่นกันมาทางแผงของเมิ่งเชี่ยนโยว
หนึ่งร้อยชุดวันนี้ขายหมดแล้ว เอาที่เหลือแจกให้คนที่มาขายของรอบข้างเหมือนเคย รอจนพวกเขากินเสร็จ เก็บถ้วยแล้วล้างในน้ำเปล่าให้สะอาด จัดเก็บให้เรียบร้อย กล่าวลาทุกคน แล้วเมิ่งเชี่ยนโยวก็ยกไม้คานหาบขึ้นมา เดินผ่านถนนเส้นหนึ่ง มาถึงที่กว้างๆ โล่งๆ วางไม้คานหาบของตัวเองลงข้างๆ กำแพง ตะคอกออกมาว่า “ใคร ออกมา”
รอบข้างเงียบกริบ ไม่มีเสียงใดๆ
เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้นมาอีกครั้ง “กล้าตามมาตั้งแต่ตลาดจนถึงที่นี่ แต่ไม่กล้าปรากฏตัวหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนสีหน้าเคร่งขรึม เดินออกมาอย่างไม่รีบร้อน
เมิ่งเชี่ยนโยวตาโตขึ้นมาทันที มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “อี้…อี้เซวียน” ทันทีที่เรียกจบ เท้าก็เริ่มขยับ เตรียมตัววิ่งหนี
หวงฝู่อี้เซวียนไม่สนใจท่าทางของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ขอบคุณองค์หญิงชิงเหอที่ยังจำข้าได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลืนน้ำลายหนึ่งครั้ง แล้วคิดจะเถียงข้างๆ คูๆ “เจ้า…เจ้าทักคนผิดแล้ว ข้า…ข้าไม่ใช่องค์หญิงชิงเหอ”
หวงฝู่อี้เซวียนก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว มุมปากยิ้มขึ้นมา น้ำเสียงทุ้มต่ำที่มีเสน่ห์ดังขึ้นมาในพื้นที่กว้างและเงียบกริบนี้ “ใช่หรือ ดูท่าแล้วข้าต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองเสียแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองไปรอบๆ แล้วค่อยๆ กลืนน้ำลายอีกครั้ง กล่าวด้วยความหวาดกลัวว่า “พิสูจน์อะไร”
บนใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนแสดงรอยยิ้มอันตรายออกมา “พิสูจน์ว่าเจ้าใช่องค์หญิงชิงเหอหรือไม่น่ะสิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะหึๆ แล้วค่อยๆ ขยับถอยหลังหลายก้าว รีบหันหลัง แล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
คาดไม่ถึงว่า วิ่งไปได้ไม่ไกล ก็ถูกองครักษ์ลับหลายคนขวางทางไว้ “องค์หญิงชิงเหอ หยุดเถิดขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถอยหลัง แล้ววิ่งไปอีกทางหนึ่งอย่างสุดชีวิต แต่ก็ถูกขวางเหมือนเดิม
นางหยุดลง หันหลัง มองไปทางหวงฝู่อี้เซวียนแล้วหัวเราะหึๆ ออกมา ยกมือดำๆ ขึ้นมา แล้วโบกมือทักทายเขา “อี้เซวียน ไม่เจอกันนานเลย เจ้าสบายดีหรือไม่”
“ข้าสบายดีหรือไม่ เจ้าไม่รู้หรือ” ขณะที่เสียงกัดฟันพูดดังขึ้นมา เท้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็ก้าวเข้ามาหลายก้าว
“คือว่า…อันที่จริง…” สัมผัสได้ถึงอันตราย เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ ขยับถอยหลังไปเรื่อยๆ จนหลังชนกับกำแพง ไม่มีที่ให้ถอยอีก จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงติดอ่างว่า “อี้ อี้เซวียน เจ้าฟังข้า…”
หวงฝู่อี้เซวียนยังคงยืนอยู่ตรงหน้านาง ก้มลงไปขู่ถามว่า “เจ้าพักอยู่ที่ใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เข้าใจคำถามของเขา กล่าวถามด้วยน้ำเสียงติดอ่างต่อไปว่า “อะ อะไร”
หวงฝู่อี้เซวียนยิ่งก้มลงไปอีก ลมหายใจร้อนโดนบนหน้านาง เสียงขมขู่ยิ่งหนักข้อขึ้น “จะให้ข้าพูดอีกรอบหรือไม่”
ร่างกายของเมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มสั่น กลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว “ข้า ข้า…”
หน้าของหวงฝู่อี้เซวียนแทบจะแนบกับหน้าของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนว่า “มีสองทางให้เจ้าเลือก ทางที่หนึ่งคือพาข้าไปที่พักของเจ้า อีกทางหนึ่งคือข้าพิสูจน์ที่นี่ทันที เจ้าเลือกทางใด”
“ไม่ ไม่เลือกได้หรือไม่” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวถามยังไม่กลัวตาย
สายตาของหวงฝู่อี้เซวียนเริ่มคมกริบ ยื่นมือออกไป วางลงบนกระดุมเสื้อนาง
“ในบ้าน ในบ้าน…” เมิ่งเชี่ยนโยวรีบร้องออกมาด้วยความตกใจ
หวงฝู่อี้เซวียนกลั้นรอยยิ้มที่ใกล้จะเผยออกมาไว้ ก้มลงไปอุ้มนาง กล่าวถามว่า “ไปทางใด”
“เดินไปสุดทาง เลี้ยวซ้าย บ้านหลังที่เพิ่งสร้างเสร็จ” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับอย่างเชื่อฟัง
หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มนางไว้แน่น มาถึงหน้าบ้านที่นางบอก ถีบประตูออก อุ้มนางเข้าไป แล้วถีบประตูปิด ตรงมาที่เตียง วางนางลงบนเตียง จ้องมองนาง แล้ววางมือลงบนกระดุมเสื้อตัวเอง ค่อยๆ แกะกระดุมอย่างช้าๆ
ถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาโกรธเคือง เมิ่งเชี่ยนโยวที่นอนหันข้างอยู่บนเตียงไม่กล้าขยับ “อี้ อี้เซวียน พวกเราไม่ได้เจอกันนาน ข้ามีเรื่องมากมายอยากจะพูดกับเจ้า เจ้า…”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่หยุด กล่าวถามนางด้วยเสียงต่ำว่า “เจ้าจะทำเอง หรือให้ข้าช่วยเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ หดตัวเข้าไปในเตียง “อี้เซวียน เจ้าฟังข้า…”
หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ทันรู้ตัว ด้านหน้ามืดลงทันที แม้แต่เสียงตกใจยังไม่ทันร้องออกมา
สามวันสามคืนที่เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ออกจากห้อง หวงฝู่อี้เซวียนถามประโยคเดียวตลอดเวลา “เจ้ายังกล้าหนีไปจากข้าอีกหรือไม่”
วันที่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวยังอดทนไม่ตอบ
วันที่สอง เริ่มทนไม่ไหว ออกเสียงขอร้องเบาๆ
วันที่สาม ยกเอาบรรพบุรุษของตระกูลเมิ่งมารับประกัน หวงฝู่อี้เซวียนก็ยังไม่ปล่อยนาง
วันที่สี่พอลืมตาขึ้นมา เมิ่งเชี่ยนโยวก็รับประกันด้วยน้ำเสียงแหบแห้งน่าสงสารว่า “อี้เซวียนคนดี เจ้าปล่อยข้าไปเถิด ต่อไปข้าจะไม่หนีไปจากเจ้าอีกแน่นอน”
สามวันผ่านไป ร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของหวงฝู่อี้เซวียนได้รับการเติมเต็มแล้ว และยังได้รับคำรับประกันจากเมิ่งเชี่ยนโยว ตอนแรกตั้งใจจะปล่อยนางวันนี้ ได้ยินที่นางพูด จึงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ว่า “จดจำบทเรียนนี้ดีหรือยัง”
ประโยคนี้เป็นประโยคที่สองที่ไม่เหมือนเดิมตลอดสามวันที่ผ่านมาที่เขาพูด เมิ่งเชี่ยนโยวฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาเริ่มอ่อนลง ดีใจมาก รีบพยักหน้าต่อกันหลายๆ ครั้ง เริ่มพูดประโยครับประกันยาวๆ “จำได้แล้ว จำได้แล้ว หากไม่ได้รับคำอนุญาตจากเจ้า ทั้งชีวิตนี้ข้าจะไม่ห่างจากเจ้าแม้แต่ก้าวเดียว”
ตอนที่ 248 มีกันตลอดไป
นางไม่พูดคำนี้ก็ยังดี นางพูดขึ้นมา สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็เริ่มไม่ดีอีกครั้ง ทับตัวลงบนตัวนาง กัดฟันพูดออกมาทีล่ะคำ แต่ให้นางได้ยินชัดเจน “เจ้ามันคนหลอกลวง ข้าจะไม่เชื่อเจ้าอีก”
เห็นท่าทางของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจจนเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ตนจะต้องเป็นหญิงสาวคนแรกของรัฐอู่ที่เสียชีวิตบนเตียงแน่ๆ รีบยื่นมือทั้งสองข้างออกมาโอบคอของเขาไว้ จูบลงบนริมฝีปากของเขาหนึ่งที รับประกันอย่างประจบประแจงว่า “ไม่แน่นอน ครั้งนี้ไม่แล้วแน่นอน ครึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ข้าคิดถึงเจ้าจนเจ็บปวดใจไปหมด”
ประโยคนี้ทำให้หวงฝู่อี้เซวียนพอใจอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของเขาเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวถามด้วยเสียงต่ำว่า “เจ้ายังมีใจอยู่หรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบพยักหน้าไม่หยุด “มีๆๆ อยู่นี่ทั้งหมดเลย ไม่น้อยลงไปแม้แต่น้อย”
หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะออกมา พลิกตัว นอนหันข้างอยู่ข้างๆ นาง ยื่นมือโอบกอดนางไว้ “คำพูดที่เจ้าพูด เจ้าจงจำไว้ให้ดี หากเจ้ายังกล้าหนีไปจากข้าอีก ชีวิตนี้ข้าจะทำให้เจ้าลงจากเตียงไม่ได้อีกเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเหมือนกับไก่จิกเมล็ดข้าว “ข้าจำไว้แล้ว ข้าจำจนขึ้นใจแล้ว”
จะจำไม่ได้ได้อย่างไร สามวันที่ผ่านมา ถูกเขาทรมานซ้ำไปซ้ำมา กระดูกทั้งตัวเหมือนไม่ใช่เป็นของตัวเองแล้ว หนักกว่าการฝึกที่โหดร้ายที่สุดในชาติที่แล้วหนึ่งร้อยเท่า หนึ่งพันเท่า ความรู้สึกนี้ ทั้งชีวิตนี้นางไม่อยากสัมผัสอีก
หาวหนึ่งครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวเกิดอาการง่วงอีกครั้ง ขอร้องด้วยเสียงเบาๆ อย่างไม่มั่นใจว่า “ข้านอนอีกสักพักได้หรือไม่”
รู้ว่าตัวเองทรมานนางมากเกินไปแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนลุกขึ้น ใส่เสื้อ เดินไปข้างประตูแล้วเปิดประตู ยกอาหารที่องครักษ์ลับเตรียมไว้เข้ามา ป้อนนาง เช็ดมุมปากนางอย่างอ่อนโยน “นอนเถิด รอเจ้าตื่น แล้วเราค่อยกลับเมืองหลวงกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวที่พยายามลืมตาได้ยินเขาพูดประโยคนี้จบ ก็หลับไปในทันที
หวงฝู่อี้เซวียนห่มผ้าห่มให้นางอย่างใส่ใจ ก้มตัวลงไปแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากนางเบาๆ หนึ่งที แล้วลุกขึ้น ยกถ้วยชามให้องครักษ์ลับ กำลังจะกลับเข้าไปนอนพักเป็นเพื่อนเมิ่งเชี่ยนโยว คนกลุ่มหนึ่งเดินเสียงดังเอะอะโวยวายเข้ามาทางนี้ เห็นชายหลายสิบคนที่มีร่ายกายกำยำล่ำสัน แข็งแรงบึกบึน หยุดชะงักพร้อมกันทันที หลังจากนั้นค่อยๆ เลื่อนสายตา เห็นหวงฝู่อี้เซวียนที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้ง ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาช่างงดงามจริงๆ ประหนึ่งเดินออกมาจากภาพวาด ทำให้คนเห็นแล้ว ไม่อาจละสายตาไปได้ แต่สง่าราศีที่สูงศักดิ์รอบๆ นั้น ทำให้คนไม่กล้าจ้องเขาตรงๆ
หลังจากทุกคนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ว ก็ตามมาด้วยเสียงกลืนน้ำลายพร้อมกัน หวังต้าเกอบังคับตัวเองให้ใจกล้า กล่าวถามด้วยเสียงสั่นๆ ว่า “เจ้า พวกเจ้าเป็นผู้ใด เพราะเหตุใดจึงมาอยู่ที่บ้านอวี้เหนียง”
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้ว มองไปทางองครักษ์ลับที่อยู่ข้างๆ
องครักษ์ลับรีบก้าวออกมารายงานว่า “ซื่อจื่อ อยู่ที่นี่องค์หญิงชิงเหอใช้ชื่อว่าอวี้เหนียง”
เสียงของเขาไม่ดัง แต่ทุกคนกลับได้ยินอย่างชัดเจน แต่ไม่มีผู้ใดเชื่อ แปดเดือนก่อน ก็มีประกาศมาติดที่นี่แล้ว ประกาศให้รางวัลคนที่หาองค์หญิงชิงเหอเจอ ตอนนั้นพวกเขาทุกคนเห็นอย่างชัดเจน ในใบประกาศเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยงาม ดวงตาสวยหยาดเยิ้ม จะเป็นอวี้เหนียงที่มีใบหน้าดำๆ เหมือนคนเป็นโรคได้อย่างไร
ชายหนึ่งคนหนึ่งที่ร่างกายแข็งแกร่ง มีใบหน้าดำๆ เหมือนกันกล่าวเสียงดังว่า “เป็นไปไม่ได้ องค์หญิงชิงเหอยังไม่แต่งงาน แต่อวี้เหนียงมีสามีแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนกะพริบตา กล่าวเสียงต่ำว่า “นางพูดเยี่ยงนี้กับพวกเจ้าหรือ”
ทุกคนตอบกลับพร้อมกัน
หวงฝู่อี้เซวียนดีใจ
แต่ชายหนุ่มกล่าวต่อว่า “สามีของนางโชคร้ายป่วยหนักเสียชีวิตในระหว่างทางที่มา ฉะนั้นอวี้เหนียงมาที่นี่เพื่อหวังพึ่งพาญาติตัวคนเดียว นางจะเป็นองค์หญิงชิงเหอได้อย่างไร”
สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนเริ่มเคร่งขรึมลง น้ำเสียงเต็มไปด้วยอันตราย “พวกเจ้าเชื่อคำพูดที่นางพูดหรือ”
ทุกคนพยักหน้า ชายหนุ่มยังกล่าวอีกว่า “อวี้เหนียงเป็นหญิงสาวนิสัยตรงไปตรงมา รู้จักทดแทนบุญคุณ นางไม่โกหกพวกข้าแน่นอน”
หวงฝู่อี้เซวียนตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง มองพินิจพิเคราะห์ชายหนุ่ม แล้วกล่าวถามด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “เจ้าคือผู้ใด”
ใบหน้าที่ดำๆ ชายหนุ่มเริ่มแดง หวังต้าเกอจึงตอบกลับไปแทนว่า “พวกข้าเป็นเพื่อนที่ตั้งแผงขายของข้างๆ อวี้เหนียง อวี้เหนียงมาที่นี่นานหลายเดือนแล้ว จะไปตั้งแผงขายของที่ตลาดตรงเวลาทุกวัน ไม่เคยหยุดพักสักวัน แต่ครั้งนี้ไม่ไปติดต่อกันสามวัน พวกข้ากลัวว่านางจะเกิดอะไรขึ้น ไม่วางใจ เลยรวมตัวกันมาดู”
กวาดสายตาไปที่ทุกคนหนึ่งรอบ หวงฝู่อี้เซวียนก็หันหลังกลับไปในห้อง มือเพิ่งจะแตะเมิ่งเชี่ยนโยว ร่างกายของเมิ่งเชี่ยนโยวที่หลับลึกอยู่รีบหดตัวทันที ตามมาด้วยเสียงขอร้องว่า “อี้เซวียน ไม่เอาแล้ว ข้าเหนื่อยมาก”
หวงฝู่อี้เซวียนทั้งโกรธทั้งหัวเราะ แต่ก็ยังคงดึงตัวนางขึ้นมาอย่างอ่อนโยน หยิบเสื้อมาใส่ให้นางทีละชิ้น แล้วอุ้มออกไป
“เจ้าจะทำอะไร” รู้สึกถึงการกระทำของเขา แต่ลืมตาไม่ขึ้นจริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยววางหัวลงบนไหล่เขา หลับตาลง แล้วกล่าวถามอย่างมึนงง
“มีคนมาหาเจ้า ข้าอุ้มเจ้าออกไปพบ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ “อืม” กลับไปเบาๆ แล้วนอนหลับต่อบนไหล่เขา แต่หลังจากหวงฝู่อี้เซวียนก้าวออกไปอีกก้าว ก็ตื่นขึ้นมาทันที ทำตาโต แล้วกล่าวซ้ำอีกครั้งว่า “มีคนมาหาข้า”
มองตาของนาง หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า
“รีบปล่อยข้าลงมา ข้าแต่งตัวก่อนแล้วค่อยไปพบพวกเขา” เมิ่งเชี่ยนโยวขยับตัว แล้วรีบกล่าว
สายตาของหวงฝู่อี้เซวียนเริ่มไม่พอใจ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหึงหวง “กลัวผู้ใดเห็นเจ้าในสภาพนี้หรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังไม่ตระหนักถึงอันตราย พยักหน้า
มือหวงฝู่อี้เซวียนที่อุ้มนางยิ่งแน่นขึ้นไปอีก
เมิ่งเชี่ยนโยวออกเสียงโอดโอย
“บอกมา กลัวผู้ใดเห็นเจ้าในสภาพนี้” ขยับเข้าไปใกล้นาง กล่าวถามด้วยเสียงต่ำ
ทุบตีเขาอย่างไม่มีแรงหลายๆ ครั้ง ตอบกลับด้วยเสียงเบาๆ ว่า “พวกเขาเป็นชายหนุ่มกันทั้งนั้น ข้าออกไปเช่นนี้ได้เยี่ยงไร”
ไม่ใช่คำตอบที่ตัวเองคิดไว้ ความหึงหวงในใจของหวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ หายไป “ไม่เป็นไร เจ้าเป็นภรรยาข้า ข้าไม่สนใจก็พอแล้ว”
พูดจบ ก็เดินออกมานอกประตูแล้ว
ทุกคนเห็นเขาอุ้มหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งกายเรียบร้อย แต่ปล่อยผมยาวออกมา ทำตาโตตกใจกันหมด
แต่หวงฝู่อี้เซวียนกลับก้มลงไปกล่าวข้างๆ หูนางว่า “ทุกคนเป็นห่วงเจ้าขนาดนี้ ยังไม่กล่าวขอบคุณทุกคนอีกหรือ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดง เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางทุกคน
ทุกคนสูดหายใจเข้าลึกๆ
หญิงสาวตรงหน้าผิวหน้าเนียนขาว หน้าแดง ท่าทางอายๆ นางนี้ไม่มีเงาของอวี้เหนียงที่มีใบหน้าดำๆ ทำงานอย่างตรงไปตรงมาคนนั้นเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มออกเสียงตกใจออกมาอย่างไม่เชื่อว่า “อวี้ อวี้เหนียง”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวออกมาอย่างเกรงใจว่า “ข้ารู้สึกเกรงใจทุกคนมาก ครึ่งปีกว่าที่ผ่านมาได้รับการดูแลจากพวกท่านมามาก เชี่ยนโยวขอบคุณมากจริงๆ เจ้าค่ะ”
ประโยคเดียวอธิบายทุกอย่าง แล้วยังดับความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจเป็นเวลานานของชายหนุ่มไปด้วย
ทุกคนหยุดชะงักไป
หวังต้าเกอมองเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วมองหวงฝู่อี้เซวียน แล้วกราบลงไปทันที “เมื่อครู่ข้าน้อยทุกคนทำผิดมหันต์ ขอซื่อจือประทานอภัยด้วยขอรับ”
ทุกคนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบกราบลงไปพร้อมกัน แล้วขอประทานโทษพร้อมกัน
หวงฝู่อี้เซวียนกอดเมิ่งเชี่ยนโยวไว้แน่น ไม่ขยับ กวาดสายตาไปที่ทุกคน แล้วสั่งโจวอันว่า “ให้รางวัลหนึ่งพันตำลึง”
โจวอันรับคำสั่ง หยิบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงออกมายื่นไปหน้าหวังต้าเกอ
หวังต้าเกอไม่กล้ารับ ขอประทานโทษอีกครั้ง แล้วกล่าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า “ข้าน้อยทั้งหลายไม่รู้ว่าอวี้เหนียงคือองค์หญิงชิงเหอ ไม่ได้ไปแจ้งทางการให้ทราบ ขอซื่อจืออภัยโทษด้วยขอรับ”
หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวด้วยเสียงอบอุ่นว่า “โยวเอ๋อร์ตั้งใจปิดบังฐานะ ทำการปลอมตัว พวกเจ้าแยกไม่ออก ก็ไม่แปลก หนึ่งพันตำลึงนี้แบ่งให้ทุกคน เพื่อขอบคุณพวกเจ้าที่ช่วยดูแลนางในช่วงเวลาที่ผ่านมา”
หวังต้าเกอรีบโบกมือไปมา “ปกติมีแต่อวี้เหนียงที่ดูแลข้าน้อยทั้งหลาย ตั๋วเงินนี้ข้าน้อยทั้งหลายรับไว้ไม่ได้จริงๆ ขอรับ”
“หวังต้าเกอ รับไว้เถิด แล้วแบ่งให้ทุกคน ถ้าหากไม่ได้พวกท่านใจดีช่วยข้าตั้งแต่แรก ข้าจะลงหลักปักฐานที่นี่เร็วอย่างนี้ได้อย่างไร”
ถึงตอนนี้ หวังต้าเกอและทุกคนจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ไม่ใช่เพราะเมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีตั๋วเงิน จนใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาไม่ให้ปลาและกุ้งพวกนั้นไปโดยไม่รับตั๋วเงิน นางก็สามารถหาวิธีดำรงชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปได้เหมือนกัน พูดตรงๆ ก็คือ พวกเขาไม่ได้ช่วยอะไรนางเลย แต่ครึ่งปีที่ผ่านมากลับกินของนางมากมาย ในใจยิ่งรู้สึกเกรงใจมากขึ้นไปอีก โบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “ตั๋วเงินนี้พวกข้ารับไว้ไม่ได้จริงๆ รับไม่ได้จริงๆ”
ทุกคนเห็นด้วยกันทั้งหมด
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณให้หวงฝู่อี้เซวียนปล่อยนางลงมา
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ทำตาม แต่กลับอุ้มนางมาข้างหน้าทุกคน
ใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวยิ่งแดงขึ้นไปอีก โกรธจนหยิกตรงเอวของเขาแรงๆ หนึ่งที
หวงฝู่อี้เซวียนตัวสั่นไปชั่วขณะแม้ใบหน้าจะไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณให้โจวอันนำตั๋วเงินยัดใส่มือหวังต้าเกอ “หวังต้าเกอ ท่านรับแทนทุกคนเถิด ครึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ข้าเข้ากับทุกคนอย่างมีความสุข ตั๋วเงินนี้ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจากไปของข้าแล้วกันนะ”
หวังต้าเกอไม่ได้ปฏิเสธอีก จับตั๋วเงินไว้แน่น กราบหัวลงไปแทนทุกคน “ขอบพระทัยซื่อจือ ขอบพระทัยองค์หญิงชิงเหอขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือไปมา “ทุกคนลุกขึ้นเถิด”
ทุกคนขอบพระทัย แล้วลุกขึ้นยืน
“วันนี้อยู่ครบทุกคน ข้าก็จะลาทุกคนที่นี่เลย อีกไม่กี่วันข้าก็จะกลับเมืองหลวงแล้ว คงจะไม่ไปลาทีละคนแล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว
ทุกคนแสดงสีหน้าอาลัยอาวรณ์ออกมา พยักหน้าบอกลานางทุกคน แล้วจากไปพร้อมกัน
เดินออกไปไม่ไกล ชายหนุ่มทนไม่ไหวหันหลังกลับไปมอง
หวังต้าเกอที่เดินอยู่ข้างๆ ตบไหล่เขาเบาๆ แล้วถอนหายใจ “ไปเถิด ไม่ต้องคิดแล้ว”
ชายหนุ่มอ้าปาก แต่ก็ก้มหัวลงทันที แล้วเดินตามทุกคนโดยไม่กล่าวอะไรเลย
หวงฝู่อี้เซวียนเห็นทุกอย่าง ก้มหัวแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “องค์หญิงชิงเหอเสน่ห์แรงไม่เบาเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เข้าใจ กล่าวถามเขาด้วยสีหน้ามึนงงว่า “เจ้าพูดอะไร”
สีหน้าของนางทำให้หวงฝู่อี้เซวียนพอใจมาก
หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะออกมาเบาๆ อุ้มนางหันหลังแล้วกลับเข้าไปในห้อง
เมิ่งเชี่ยนโยววางหัวไว้บนหน้าอกของเขา แล้วปิดตาลง
มองท่าทางง่วงนอนมากของนาง หวงฝู่อี้เซวียนส่ายแล้วหัวเราะออกมา ค่อยๆ วางนางลงบนเตียง “นอนพักอีกสักหน่อยเถิด พรุ่งนี้เริ่มเดินทางกลับเมืองหลวง”
เมิ่งเชี่ยนโยว “อืม” เบาๆ หนึ่งคำ แล้วหลับลึกไปเลย
มองดูใบหน้าที่หลับลึกของนาง ในใจของหวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ ลุกขึ้น สั่งโจวอันไปซื้อรถม้าหนึ่งคัน
รอจนเมิ่งเชี่ยนโยวตื่นขึ้นอีกครั้ง รู้สึกว่าร่างกายตัวเองกำลังขยับไปมา ลืมตาขึ้น ข้างหน้าเป็นหน้าอกกว้างใหญ่ เงยหน้าข้างๆ มองขึ้นไป เห็นใบหน้าที่งดงามของหวงฝู่อี้เซวียนที่ยิ้มอยู่
“ตื่นแล้วหรือ” หวงฝู่อี้เซวียนถามอย่างอ่อนโยน
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มออกมาอย่างสวยงาม กล่าวถามด้วยรอยยิ้มว่า “เราอยู่บนรถม้าหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกถูกนางยั่ว ทนไม่ไหวก้มลงจูบนางแรงๆ หนึ่งที กล่าวด้วยเสียงหอบว่า “เจ้าไม่ตื่นซักที ข้ารอไม่ไหวเลยพาเจ้าขึ้นรถม้ากลับเมืองหลวงเลย”
“ข้าหลับไปกี่วันแล้ว”
“ตั้งแต่เมื่อวานถึงตอนนี้”
ไม่ได้หลับสบายอย่างนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ออกมาจากเมืองหลวง ความคิดถึงวนเวียนอยู่ในใจตลอดเวลา ทำให้กลางคืนนอนไม่หลับ กลางวันก็นอนไม่หลับ จนบางครั้งถึงขั้นคิดว่า กลับไปอย่างนี้แหละ ขอแค่หวงฝู่อี้เซวียนไม่สนใจ นางจะไปสนใจทำไม แต่สุดท้ายสติก็ชนะความคิดถึงทุกครั้ง กัดฟันอดทนมาแปดเดือน ถ้าหากหวงฝู่อี้เซวียนไม่ปรากฏตัว นางคิดว่านางอาจจะอดทนต่อไป แต่ตอนนี้ คนที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลามาอยู่ตรงหน้าแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็วางใจทันที เข้าใจแล้วว่าทั้งชีวิตนี้ตัวเองไม่สามารถหนีไปจากเขาได้อีก ยื่นมือออกไป โอบกอดคอของเขาไว้ เงยหน้าขึ้นแนบริมฝีปากลงบนมุมปากของเขาเบาๆ หนึ่งที “อี้เซวียน ข้าคิดถึงเจ้ามาก”
หวงฝู่อี้เซวียนหยุดชะงักไป ในสายตาแสดงความดีใจออกมา ในสายตาสวยงามคู่นี้ เพราะคำพูดของนางประโยคเดียว สว่างวาบขึ้นมาทันที เหมือนดั่งประกายระยิบระยับของดาวบนท้องฟ้าที่มืดมน
“โยวเอ๋อร์ ตอนแรกข้าอยากให้เจ้าพักผ่อนดีๆ แต่เจ้ากลับมายั่วข้า”
พูดจบ คนก็พลิกตัวทับลงไปทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้ร่างกายของตัวเองตอบรับอย่างอ่อนโยน ปล่อยให้เขาพาตัวเองไปจุดสูงสุดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผ่านไปหลายรอบ เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีแม้แต่แรงกระดิกนิ้ว ผมเผ้ายุ่งเหยิง นอนอยู่ข้างๆ หวงฝู่อี้เซวียนด้วยร่างกายที่แดงจ้ำไปหมดทั้งตัว
หวงฝู่อี้เซวียนแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของนางหนึ่งทีด้วยความรัก ยกมือหยิบผมของนางทัดหู “เหนื่อยมากไปสินะ เดี๋ยวก็ถึงโรงเตี๊ยมแล้ว เราพักผ่อนหนึ่งวันแล้วค่อยเดินทางต่อ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเบาๆ วางหัวไว้บนหน้าอกของเขา ฟังเสียงเต้นหัวใจของเขา ในใจเกิดความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก สวรรค์ให้นางเกิดใหม่อีกครั้ง อาจเป็นเพราะให้นางมาเจอหวงฝู่อี้เซวียน ทำไมนางถึงโง่จะปล่อยเขาไป ยังดีที่เขามาหา ตั้งแต่นี้ต่อไป แม้ว่าไม่มีบุตร แม้ว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะเย้ย แม้ว่าทุกคนจะคิดว่านางไม่เหมาะสมกับเขา นางก็จะไม่ปล่อยมือ ชายคนนี้เป็นของนาง ไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน อนาคต ก็จะเป็นของนางตลอดไป
ตอนที่ 249 ดีใจจนน้ำตาไหล
หนึ่งเดือนผ่านไป รถม้าถึงเมืองหลวง พระชายาฉีที่ได้ข่าวก็มาต้อนรับที่หน้าประตูเมือง เห็นรถม้ามาแต่ไกล ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ก้าวขาไปที่รถม้าทันที
โจวอันเห็นพระชายาฉี ก็หยุดรถม้า
หวงฝู่อี้เซวียนลงจากรถม้าก่อน
ไม่เห็นเมิ่งเชี่ยนโยว พระชายาฉีรีบกล่าวถามว่า “โยวเอ๋อร์ล่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวลงมาจากรถม้าทีหลัง กล่าวอย่างเกรงใจว่า “พระชายา”
พระชายาฉีพุ่งตัวไปโอบกอดนางไว้ น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา “เจ้าลูกคนนี้นี่ มีเรื่องอะไรทำไมไม่พูดกันดีๆ เหตุใดจึงหนีไปไม่บอกไม่กล่าว ข้าคิดถึงเจ้ามาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็น้ำตาคลอ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “หม่อมฉันขอโทษที่ทำให้ท่านเป็นห่วง จะไม่ทำอีกแล้วเพคะ”
พระชายาฉีพยักหน้าหลายครั้ง “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”
พูดจบ ก็ปล่อยนาง มองพินิจพิเคราะห์รอบๆ ตัวนางอย่างละเอียด “ผอมไปไม่น้อย ไป กลับจวนกัน ข้าจะไปทำของอร่อยให้เจ้ากินเยอะๆ ไม่นานก็จะเพิ่มกลับมา”
พูดจบ ก็จูงมือนางไว้แน่นแล้วไปที่รถม้าของตัวเอง
“เสด็จแม่” หวงฝู่อี้เซวียนเรียกนาง
หยุดเดิน พระชายาฉีหันหลังมองเขาด้วยความสงสัย
“ท่านกับโยวเอ๋อร์กลับไปก่อน ข้าจะเข้าวังสักครู่”
เข้าใจความหมายของเขาทันที พระชายาฉียิ้มแล้วพยักหน้า จูงมือเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นรถม้าตน สั่งคนขับรถม้ากลับจวน
ส่งสัญญาณให้โจวอันตามไปดูแล หวงฝู่อี้เซวียนกระโดดขึ้นบนหลังม้า ตรงไปที่พระราชวัง
ทันทีที่พระชายาฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับถึงจวน ราชโองการก็มาถึงจวนอ๋องฉี
ขันทีที่อัญเชิญราชโองการยิ้มแล้วเปิดราชโองการ ถ่ายทอดให้เมิ่งเชี่ยนโยว “ฮ่องเต้มีราชโองการ ให้ซื่อจือแห่งอ๋องฉีและองค์หญิงชิงเหอสมรสในวันที่หกเดือนแปด ห้ามฝ่าฝืน จบเพียงเท่านี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา ทำความเคารพขอบคุณ
ขันทีที่อัญเชิญราชโองการกล่าวต่อว่า “ฮ่องเต้ได้ตรัสว่า จะไม่ถือสาเรื่องที่หนีงานสมรสในครั้งก่อน แต่ถ้าต่อไปยังทำผิดอีก จะประหารตระกูลเมิ่งเก้าชั่วโคตร”
แม้ว่าจะเป็นการขมขู่แบบตรงๆ แต่เป็นครั้งแรกที่พระชายาฉีดีใจที่สุด สั่งคนนำเงินให้ขันทีที่อัญเชิญราชโองการหนึ่งร้อยตำลึง
ขันทีที่อัญเชิญราชโองการปฏิเสธอย่างไม่จริงจังชั่วครู่ แล้วรับมาอย่างดีใจ กลับวังไปรายงานอย่างมีความสุข
ไม่นานหวงฝู่อี้เซวียนก็กลับถึงจวน
พระชายาฉีเขียนรายการออกมายาวเป็นหางว่าว สั่งคนใช้ในห้องครัวให้รีบไปทำ
หลังจากท่านอ๋องฉีกลับจวน ก็มาที่เรือนของพระชายาฉี
เมิ่งเชี่ยนโยวทำความเคารพ
แม้ว่าท่านอ๋องฉีจะมีท่าทีปกติ สีหน้าเข้มงวด แต่มือสั่นเล็กน้อย เผยความตื่นเต้นในใจของเขาออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า “กลับมาก็ดีแล้ว ข้าพบหมอชื่อดังในรัฐอู่แล้ว รอพวกเจ้าแต่งงานกันแล้ว ข้าจะให้คนพาพวกเขามา”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ
อยู่ดีๆ ก็มีราชโองการออกมาจากในวัง ในขณะที่ขุนนางทั้งหลายเกิดความสงสัยในใจ ก็ส่งคนออกไปสืบ พอรู้ข่าวก็ตกใจกันมาก องค์หญิงชิงเหอที่หายตัวไปแปดเดือนถูกหวงฝู่ซื่อจือพบตัวแล้วพากลับมาแล้ว ฮ่องเต้ตั้งใจออกราชโองการลงมา ตรัสสั่งให้พวกเขาแต่งงานกันในวันที่หกเดือนแปด แต่ตอนนี้สิ้นเดือนเจ็ดแล้ว ห่างจากวันที่พวกเขาแต่งงานไม่กี่วันแล้ว ทุกคนวุ่นวายกันไปหมด เริ่มเตรียมหาของขวัญแต่งงานให้กับพวกเขา
หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวไป เมิ่งฉีสองสามีภรรยาอยู่ต่อที่เมืองหลวงเพื่อดูแลกิจการทั้งหมด ตอนนี้เมิ่งฉีและเหวินเปียวไปที่ปลูกมันฝรั่งนอกเป่ยเฉิง หวังเยียนดูแลลูกอยู่ในจวน ชิงหลวนและจูหลียังคงทำตัวเหมือนกับเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้หายไป ยืนเฝ้าหน้าประตูรเรือนของนางอย่างเงียบๆ
แม่ครัวที่ออกไปซื้อผักวิ่งเข้าจวนอย่างรีบร้อน ไม่สนใจแม้กระทั่งผักที่ซื้อไว้ในตะกร้าที่ถือไว้ซึ่งตกเกลื่อนตามทาง วิ่งตรงมาทางเรือนของหวังเยียน
ทุกคนมองนางอย่างแปลกใจ
เซิ่งเอ๋อร์กำลังเล่นอยู่ในเรือน หวังเยียนยืนมองเขาข้างๆ
แม่ครัววิ่งมาถึงหน้าประตูเรือนด้วยอาการหอบเหนื่อย พร้อมกับกล่าวว่า “ฮูหยินรอง นายหญิงถูกพาตัวกลับมาแล้วเพคะ”
ตุ้บ ของเล่นในมือของหวังเยียนตกพื้น แล้วรีบเดินมาหน้านางทันที ตาโต แล้วรีบกล่าวถามว่า “เจ้าพูดจริงหรือ โยวเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ”
แม่ครัวพยักหน้าหลายครั้ง “คนในตลาดกล่าวกันเช่นนี้เพคะ ยังบอกอีกว่าฮ่องเต้ออกราชโองการ ให้นางและซื่อจือแต่งงานกันวันที่หกเดือนแปด”
“เร็ว เร็ว เตรียมรถม้า พวกข้าจะไปจวนอ๋องฉี” หวังเยียนสั่งด้วยความรีบร้อน
พูดจบ หันหลังกลับไป ก้มตัวลง แล้วอุ้มเซิ่งเอ๋อร์ที่เล่นอยู่ขึ้นมา “ไป เซิ่งเอ๋อร์ พวกเราไปหาท่านอากัน”
กัวเฟยที่ได้รับคำสั่งหยุดชะงักไป แล้วทันทีที่รู้สึกตัว ก็กล่าวถามสาวใช้ที่มาบอกอย่างดีใจว่า “นายหญิงกลับมาแล้วหรือ”
สาวใช้พยักหน้าตอบ
กัวเฟยดีใจมาก รีบใช้วิชาตัวเบามาที่หน้าลานของเมิ่งเชี่ยนโยว รีบกล่าวกับชิงหลวนและจูหลีว่า “นายหญิงกลับมาแล้ว อยู่ที่จวนอ๋องฉี ฮูหยินรอง…”
เขาเพิ่งจะพูด ชิงหลวนและจูหลีก็เริ่มขยับตัว พอเขาพูดจบประโยคที่สอง ร่างของทั้งสองก็วิ่งออกไปทันที ประโยคที่สามของกัวเฟยยังไม่ทันพูดออกมา ข้างหน้าก็ไม่มีร่างของทั้งสองแล้ว
กัวเฟยมองหน้าประตูเรือนที่ว่างเปล่า ยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา ใช้วิชาตัวเบาไปที่ด้านหลังเรือน แล้วเตรียมรถม้า
ชิงหลวนและจูหลีมาถึงจวนอ๋องฉี ไม่มีแม้แต่คำทักทาย ตรงเข้าไปทันที คนที่เฝ้าประตูรู้สึกแค่ว่ามีลมพัดผ่านไป ทั้งสองก็มาไกลถึงในเรือนแล้ว
ตรงมาถึงในเรือนของหวงฝู่อี้เซวียน ชิงหลวนและจูหลีเดินตรงเข้าไป แล้วคุกเข่าในเรือนพร้อมกัน กล่าวด้วยเสียงสั่นว่า “นายหญิง ท่านกลับมาแล้วใช่หรือไม่”
ได้ยินเสียงของทั้งสอง เมิ่งเชี่ยนโยวก็รีบเดินออกมาจากห้อง
เห็นร่างที่คิดถึงมานานหลายเดือน ชิงหลวนและจูหลีน้ำตารื้นทันที แล้วกราบลงไปพร้อมกัน “นายหญิง ข้าน้อยบกพร่องต่อหน้าที่ ขอท่านลงโทษด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวน้ำตาคลอ แล้วรีบก้าวเข้ามา พยุงทั้งสองขึ้นมา “ข้าผิดเอง ที่ตัดสินใจผิดไป ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า รีบลุกขึ้นเถิด”
ทั้งสองลุกขึ้น แล้วยืนตรงด้วยความเคารพข้างหน้านาง มองนางทั้งตัวหนึ่งรอบด้วยดวงตาแดงก่ำ
“นายหญิงผอมลง” ชิงหลวนกล่าว
จูหลียิ่งหนักขึ้นไปอีก “ผอมจนหนังหุ้มกระดูกแล้ว”
ฉะนั้น ทั้งสองสบตากัน แล้วกล่าวพร้อมกันว่า “นายหญิง เรากลับจวนกันเถิด ให้แม่ครัวทำอาหารอร่อยๆ ให้ท่านกิน บำรุงให้ดีๆ”
หวงฝู่อี้เซวียนที่อยู่ในห้องได้ยิน สีหน้าขรึมทันที ตอนแรกก็เห็นว่าทั้งสองเป็นห่วงมานานขนาดนี้แล้ว เขาก็เลยแบ่งเวลาออกมาชั่วครู่ ให้เมิ่งเชี่ยนโยวมาเจอทั้งสอง ไม่ห้ามนาง ไม่คิดว่าสาวใช้สองคนนี้จะกล้าพาคนไปดื้อๆ เลยลุกขึ้น แล้วเดินออกมา เดินมาถึงหน้าประตู แล้วกล่าวถามด้วยรอยยิ้มไม่จริงใจว่า “แม่ครัวในจวนของพวกเจ้าฝีมือดีกว่าแม่ครัวใหญ่ในจวนนี้อีกหรือ”
ถึงแม้ว่าเป็นน้ำเสียงอบอุ่น แต่ชิงหลวนและจูหลีที่ได้ยินเข้าหูกลับรู้สึกเย็นๆ ตัวสั่นพร้อมกัน แล้วรีบโบกมือไปมาพร้อมกัน แล้วกล่าวพร้อมกันว่า “ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”
ทั้งที่ควรเป็นการพบเจอที่เศร้าพอถูกหวงฝู่อี้เซวียนเข้ามายุ่ง กลายเป็นเรื่องตลกทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดหัวเราะออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนกวักมือเรียก เมิ่งเชี่ยนโยวก็กลับไปยืนข้างๆ เขาทันที
ชิงหลวนและชิงลี่สบตากันแล้วรู้สึกไม่ดี
เป็นไปดั่งที่คาดไว้ หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวออกมาว่า “เดินทางติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน โยวเอ๋อร์เหนื่อยมาก พวกเจ้าสองคนจะอยู่ต่อในเรือน หรือว่าจะกลับจวนที่หนานเฉิน”
พูดจบ ก็จูงมือเมิ่งเชี่ยนโยวกลับเข้าไปในห้อง
การพบกันครั้งแรกของเจ้านายและลูกน้องในรอบแปดเดือนถูกคำพูดสองสามประโยคของหวงฝู่อี้เซวียนขัดจังหวะ ชิงหลวนและจูหลีสบตากัน ในใจไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือควรหัวเราะดี
ทันใดนั้น ชิงหลวนคิดได้ว่าหวังเยียนยังอยู่ที่จวน ตอนนี้น่าจะรู้ข่าวแล้วกำลังรีบมา อยากจะบอกเมิ่งเชี่ยนโยว “นายหญิง…”
สองคำนี้เพิ่งเอ่ยออกมา ยังไม่ทันพูดต่อ เสียงไม่พอใจของหวงฝู่อี้เซวียนก็ดังออกมาห้องว่า “โจวอัน ถ้าหากนางยังพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว โยนออกไปได้เลย”
โจวอันรับคำสั่ง แล้วมองชิงหลวน
ชิงหลวนกลืนคำพูดที่จะพูดต่อลงไปทันที
จูหลีหลุดหัวเราะออกมา
ชิงหลวนโมโหด้วยท่าทางเหมือนเด็ก แล้วก็คิดอะไรบางอย่างออก ท่าทางกลับมาเป็นเหมือนเดิม ท่าทีเหมือนรอดูอะไรดีๆ มองเข้าไปในห้อง
ในใจของกัวเฟยก็รีบร้อน รถม้าก็แทบจะบินได้แล้ว ไม่นานก็ถึงจวนอ๋องฉี
หวังเยียนอุ้มเซิ่งเอ๋อร์ลงมาจากรถม้า
หวังเยียนรีบอุ้มเซิ่งเอ๋อร์แล้วพุ่งเข้าไปในจวนทันที นายประตูรีบเข้ามา “ฮูหยินรองเมิ่ง องค์หญิงชิงเหออยู่ในเรือนซื่อจือ ข้าน้อยนำท่านไปขอรับ”
หวังเหยียนพยักหน้า “ขอบคุณ”
ชิงหลวนที่ยืนอยู่ในลานเห็นหวังเยียนเข้ามา ก็หันไปมองในห้อง แล้วรีบออกไปตอนรับทันที รายงานว่า “ฮูหยินรองเมิ่ง นายหญิงอยู่ในห้องเจ้าค่ะ”
หวังเยียนเดินเข้าไปในลาน แล้วหยุด เรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “น้องเล็ก เจ้ากลับมาแล้วใช่หรือไม่”
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักไป แล้วรีบลุกขึ้นทันที เดินก้าวขาออกมา
สีหน้าหวงฝู่อี้เซวียนเคร่งขรึมทันที
เห็นว่าเป็นเมิ่งเชี่ยนโยวจริงๆ หวังเยียนอุ้มเซิ่งเอ๋อร์แล้วพุ่งตัวไปทันที แล้วรีบยื่นมือข้างขวาออกไปโอบกอดนางไว้แน่น กล่าวด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “น้องเล็ก เจ้ากลับมาเสียที”
ดวงตาของเมิ่งเชี่ยนโยวแดงก่ำ ยื่นมือออกไปโอบกอดนางและเซิ่งเอ๋อร์ “พี่สะใภ้รอง ข้าทำให้ท่านเป็นห่วงแล้ว”
หวังเยียนตบหลังนางหนึ่งครั้งด้วยความโกรธและโมโห “รู้ว่าคนในบ้านเป็นห่วงเจ้ายังจะหนีไปโดยไม่บอกกล่าวอะไร เจ้ารู้หรือไม่ หลังจากที่ท่านแม่ได้ยินพี่ใหญ่อ่านจดหมายจบ ก็เป็นลมทันที จนถึงตอนนี้อาการก็ยังไม่ค่อยดี”
น้ำตาของเมิ่งเชี่ยนโยวไหลลงมาทันที “ข้าขอโทษ ต่อไปนี้จะไม่ทำอีกแล้ว”
หวังเยียนปล่อยนาง แล้วจูงมือนาง “ไป กลับจวน”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ หันกลับไปมองหวงฝู่อี้เซวียน
หวังเยียนหันกลับไปด้วยความตกใจ เมื่อเห็นท่าทางของนาง ไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียว แล้วเพ่งมองหวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่อี้เซวียนอ้าปากอยากพูดอะไร
เสียงเย็นชาของหวังเยียนก็ดังขึ้นมา “โยวเอ๋อร์เป็นลูกสาวของตระกูลเมิ่งเรา แน่นอนว่ากลับมาก็ต้องกลับจวนเรา ซื่อจือไม่พอใจอะไรหรือ”
ไม่พอใจ ไม่พอใจมาก เดือนกว่านี้ หวงฝู่อี้เซวียนเคยชินกับการกอดเมิ่งเชี่ยนโยวหลับทุกคืน หากไม่มีนาง ตนต้องนอนไม่หลับแน่ แต่ประโยคนี้หวงฝู่อี้เซวียนไม่กล้าเอ่ยออกมา เพราะถ้าหากเขาเอ่ยออกมา คิดว่าคนตระกูลเมิ่งต้องเอามีดอีโต้ไล่ฟันเขาไปทั่วเมืองแน่ๆ
มองไปทางเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วยิ้มประจบประแจงให้หวังเยียน “พี่สะใภ้รองพูดอะไรเยี่ยงนี้ ข้าตั้งใจจะไปส่งโยวเอ๋อร์กลับจวนอยู่แล้วขอรับ”
น้ำเสียงของหวังเยียนเต็มไปด้วยความปฏิเสธ “ขอบพระทัยในความหวังดีของซื่อจือ ไม่ต้องเจ้าค่ะ พวกข้ามีรถม้า”
พูดจบ ก็จับมือเมิ่งเชี่ยนโยวออกไปทันที
หวงฝู่อี้เซวียนอ้าปาก ไม่กล้าขัดขวาง มองดูเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกจากจวนกับหวังเยียน
มองดูท่าทางพ่ายแพ้ของเขา ชิงหลวนกลั้นหัวเราะแทบตาย แล้วเดินตามออกไปพร้อมกับจูหลี
หลังจากเมิ่งฉีได้ข่าว ก็รีบสั่งเหวินเปียวขับรถม้ากลับจวนทันที
สองพี่น้องพบเจอกันด้วยน้ำตา ในขณะที่เป็นห่วงนาง แน่นอนว่าเมิ่งฉีก็กล่าวสั่งสอนนางไปหนึ่งรอบ
ครั้งแรกในชีวิต ที่เมิ่งฉีเข้มงวดกับนางอย่างนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวฟังอย่างตั้งใจ ไม่กล้าโต้ตอบแม้แต่คำเดียว
แต่ในขณะเดียวกันในจวนเมิ่ง ทันทีที่ได้ยินข่าวที่หวงฝู่อี้เซวียนให้คนขี่ม้ามาบอกว่าพบเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว ทุกคนดีใจจนน้ำตาไหล ตั้งแต่เมิ่งเชี่ยนโยวหนีไป เมิ่งซื่อที่เหมือนวิญญาณออกจากร่างเอาแต่พึมพำถึงนางทุกวันก็ฟื้นขึ้นมาทันที พูดสั่งเมิ่งเสียน “เร็ว เตรียมรถม้า เราจะไปเมืองหลวงทันที”
ท้องฟ้ามืดแล้ว เดินทางกลางคืนอันตรายมาก ในขณะที่เมิ่งเสียนดีใจก็ห้ามเมิ่งซื่อไปด้วย “น้องเล็กกลับมาแล้ว ไม่ไปอีกแน่นอน วันนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เช้ามืดเราค่อยเดินทางกันเถิดขอรับ”
มองท้องฟ้า เมิ่งซื่อพยักหน้าตกลง แล้วรีบเข้าครัวไปทำอาหารเย็นทันที
เมิ่งเอ้อิ๋นกลับไปบ้านใหญ่ บอกข่าวกับทุกคน
ทุกคนดีใจกันมาก เมิ่งจงจวี่ตัดสินใจ เข้าเมืองหลวงพร้อมกับพวกเขาพรุ่งนี้
กินอาหารเย็นเสร็จ ก็พากันพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำ ทุกคนนอนไม่หลับ เช้ามืดของวันที่สองทุกคนก็ตื่นกันหมด ไม่กินแม้แต่อาหารเช้า นั่งรถม้าที่เตรียมไว้ไปเมืองหลวงทันที
ปกติอย่างน้อยรถม้าต้องใช้เวลาประมาณสามวันจึงจะถึงเมืองหลวง แต่ครั้งนี้ภายใต้การเร่งของเมิ่งซื่อ จึงลดลงไปหนึ่งวัน พอถึงเมืองหลวง กระดูกของเมิ่งจงจวี่สลายไปทั้งตัว แต่ก็ยังคงตื่นเต้นมาก ลงจากรถม้า แล้วให้คนพยุงเข้าไปในจวน
เมิ่งซื่อ ‘กระโดด’ ลงจากรถม้าก่อนแล้ว แทบจะวิ่งพุ่งเข้าไปในลานตลอดทางกล่าวถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “โยวเอ๋อร์ล่ะ โยวเอ๋อร์อยู่ที่ใด”
เมิ่งเชี่ยนโยว และเมิ่งฉีสองสามีภรรยาได้ยินคำรายงานของคนใช้ ก็ออกมาต้อนรับทันที
เห็นร่างอันซูบผอมของเมิ่งซื่อแต่ไกล ความรู้สึกผิดในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวซัดขึ้นมาดั่งคลื่นทะเล แล้วทับถมลงมา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น