ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 226-227

ตอนที่ 226 ทางตัน

 

 


 


ตามมาด้วยเสียงพูดนั้น มุมปากของเหวินเอ้อร์เผยรอยยิ้มชั่วร้ายเดินออกมาจากดงไม้อย่างไม่รีบไม่ร้อน และพูดด้วยรอยยิ้มที่แฝงความมืดทะมึน “แม่นางเมิ่ง เป็นอย่างไรบ้าง ข้ากับคุณชายเฮ่อร่วมมือกัน เจ้าจะยังมีทางรอดได้อีกหรือ”


 


 


ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวขรึมลง ใบหน้ากลับไม่ได้มีความหวาดหวั่น เบะริมฝีปากเล็กน้อย ยังคงพูดเหยียดหยาม “พวกเจ้าทั้งสองประมาณตัวเองสูงเกินไปหน่อยกระมัง แค่พวกเจ้า ก็คิดจะหยุดข้าเชียวหรือ”


 


 


เหวินเอ้อร์ดูมีเล่ห์เหลี่ยมขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา และปรบมือหลายครั้ง “แม่นางเมิ่งช่างสมเป็นสตรีดีเด่นผู้เก่งฉกาจ ความกล้าหาญของเจ้าทำให้คนต้องนับถือจริงทีเดียว แต่น่าเสียดาย เจ้าทะนงตัวเกินไปแล้ว ทะนงจนคิดว่าแค่พวกเจ้าไม่กี่คนก็จะหนีพ้นแหฟ้าตาข่ายดินที่พวกข้าวางไว้ ช่างเป็นคนโง่ที่ชอบฝันเฟื่องเสียจริง!”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งบนม้า พูดแสยะยิ้ม “คุณชายเหวินเอ้อร์ คำนี้พูดเร็วเกินไปหน่อยนะเจ้าคะ เป็นคนโง่ที่ชอบฝันเฟื่องหรือไม่ อีกประเดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้แล้ว”


 


 


เหวินเอ้อร์ส่ายหน้าอย่างเสียดาย “วาทะคารมที่คมคายของแม่นางเมิ่งข้านับถือมาโดยตลอด น่าเสียดายนัก อีกไม่นานเจ้าก็จะตายแล้ว แต่เห็นแก่พวกเราที่รักใคร่ปรองดองกัน ข้ารับประกันกับเจ้าว่าข้าจะเหลือศพสภาพสมบูรณ์ไว้ให้เจ้า”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มและส่ายหน้าเช่นกัน “คุณชายเหวินเอ้อร์ยกยอตัวเองสูงเกินหน่อยไปแล้ว ไม่รู้ว่าตัวข้าไปรักใคร่ปรองดองกับเจ้าตอนไหน ข้าสามารถรับประกันได้เช่นกัน ถ้าหากวันนี้เจ้าทำให้คนรอบตัวของข้าได้รับบาดเจ็บ หลังจากเจ้าตาย ข้าจะบดกระดูกของเจ้าให้เป็นผุยผงอย่างแน่นอน”


 


 


เหวินเอ้อร์อึ้งชะงักไป


 


 


เฮ่อเหลี่ยนทนต่อไม่ไหวแล้ว ตวาดใส่เขา “จะพูดจาไร้สาระมากมายเช่นนี้กับนังชั้นต่ำนี่ทำไมกัน รีบสั่งให้คนลงมือ และเผด็จศึกโดยเร็ว ข้ากำลังรอจัดการกับเจ้าสามหาวนั่นต่อไปอยู่นะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวฟังเข้าใจในความหมายของคำพูดเขา จึงแผดเสียงถาม “พวกเจ้าทำอะไรกับอี้เซวียน”


 


 


เฮ่อเหลี่ยนยิ้มตาหยี เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย “ทำอะไรน่ะหรือ แน่นอนว่าส่งเขาไปในทางที่ดีแล้วสิ คู่รักดั่งนกเป็ดน้ำอย่างพวกเจ้าที่ชะตาชีวิตลำบากแสนเข็ญมาตลอดจะได้เดินเคียงคู่บนถนนยมโลกด้วยกัน ไม่ต้องอ้างว้างโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างไรล่ะ”


 


 


ใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนเผยความดุร้าย ไอของร่างกายแผ่ซ่านออกมาทั่วสรรพางค์กาย ราวกลับกลายเป็นมีดที่แหลมคมเล่มหนึ่งโดยชั่วขณะทันที


 


 


แม้ว่าจะมีเชือกขวางม้ากั้นไว้หลายเส้น เฮ่อเหลี่ยนกับเหวินเอ้อร์ก็ถูกไออำมหิตของนางกดดันจนทำให้ขาต้องก้าวถอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้


 


 


เหวินเอ้อร์ราวกับตระหนักได้ว่าการกระทำเช่นนี้ของตัวเองช่างน่าขันสิ้นดี จึงหยุดเท้า แหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง แล้วปรบมือ ในดงป่าสองข้างทางมีคนสวมชุดดำหลายคนกระโจนออกมาทันที มือและร่างกายของแต่ละคนคล่องแคล่วว่องไว ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีวิทยายุทธ์ขั้นสูง


 


 


ชิงหลวนกับจูหลีตกใจ ดันให้ม้าเข้ามาขวางกั้นที่ข้างกายของเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


เหวินเอ้อร์แสร้งตีหน้าเซ่อ “แม่นางเมิ่ง เจ้าจะยอมยื่นมือมาให้จับ เพื่อให้ข้าเหลือศพเจ้าอย่างสมบูรณ์ดี? หรือว่าให้คนของข้าฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วส่งไปเป็นคู่พร้อมกับเด็กน้อยที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนั่น…ดีนะ?”


 


 


ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูด กริชบนมือของเมิ่งเชี่ยนโยวลอยไปหาเขา


 


 


วิทยายุทธ์ของเหวินเอ้อร์มิได้อ่อนด้อย แต่เมื่อต้องเผชิญกับกริชของเมิ่งเชี่ยนโยวที่ปามา แม้ว่าเขาจะตื่นตัวถอยออกไปหลายก้าวอย่างต่อเนื่องแล้ว กลับหนีไม่พ้น กริชปาดผ่านใบหน้าเขาไป ทิ้งรอยเลือดบนใบหน้าเขาไว้ แล้วลอยกลับมาที่มือของเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


รู้สึกว่าใบหน้าเจ็บแสบเล็กน้อย เหวินเอ้อร์จึงเอามือลูบ กลับเห็นร่องรอยของเลือด สีหน้าฉุนเฉียวขึ้นมา พูดด้วยเสียงดุร้าย “ในเมื่อดื่มเหล้าคารวะไม่ชอบ อยากจะดื่มเหล้าปรับโทษให้ได้ เจ้าก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจอีกเลย”


 


 


พูดจบ โบกมือขึ้น คนชุดดำหลายสิบคนมุ่งหน้าบุกเข้ามาล้อมที่ด้านนี้ทันที


 


 


กัวเฟย เหวินเปียวและองครักษ์ลับสิบคนป้องกันอยู่ด้านหน้าสุด พร้อมตั้งล้อมชิงหลวน จูหลี และเมิ่งเชี่ยนโยวให้อยู่ด้านใน


 


 


วิทยายุทธ์ของพวกองครักษ์ลับแต่ละคนมิได้อ่อนด้อย เป็นมือดีอันดับต้นๆ แต่วันนี้ เฮ่อเหลี่ยนกับเหวินเอ้อร์ราวกับลงทุนไปจำนวนมหาศาล ไม่รู้ว่าไปหาคนชุดดำเหล่านี้มาจากไหน วิทยายุทธ์ไม่ด้อยไปกว่าองครักษ์ลับเลย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พลังของทั้งสองฝั่งก็ค่อนข้างสูสีกันแล้ว กัวเฟยและคนอื่นแค่ต้านทานก็ต้องเสียแรงมาก อีกทั้ง แม้ว่าทั้งสองฝั่งต่างยังไม่ได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย แต่เมื่อผ่านไปนาน องครักษ์ลับพวกนี้ก็จะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน


 


 


เฮ่อเหลี่ยนทำหน้าบึ้งตึง มองทางด้านนี้อย่างเย็นชา นัยน์ตาเต็มไปด้วยรังสีแห่งความหยาบช้าและบ้าคลั่ง ภายในใจของเขามีความคิดเพียงอย่างเดียวคือ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม วันนี้ก็ต้องฆ่าเมิ่งเชี่ยนโยวให้ได้


 


 


เหวินเอ้อร์คิดวางเล่ห์กล จึงกล่าวล่อพวกองครักษ์ลับที่กำลังตีต้านอย่างสุดชีวิตด้วยเสียงอันดัง “ความอาฆาตต้องมีต้นเหตุ หนี้สินต้องมีคนชดใช้ วันนี้ สิ่งที่พวกข้าต้องการก็คือชีวิตของเมิ่งเชี่ยนโยว มิได้เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า ขอเพียงแค่พวกเจ้าเปิดทางให้แต่โดยดี ข้าก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้า”


 


 


ชิงหลวนทนไม่ไหวจึงสบถออกมาด้วยความโกรธ “ถุย คนชั้นต่ำที่ทำแต่เรื่องหยาบช้าเช่นเจ้า จะคิดเอาชีวิตนายหญิงของพวกเรา เพ้อเจ้อ”


 


 


ตั้งแต่ที่เหวินเอ้อร์ถูกนายท่านแห่งตระกูลเหวินไล่ออกจากบ้าน ก็ซ่อนตัวอยู่ที่ซีเฉิง ไม่กล้าโผล่หน้าไปที่เมืองหลวงอีก หลังจากนั้นก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนบีบบังคับให้ออกจากเมืองเหมือนสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง จึงเริ่มใช้ชีวิตอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ประโยคนี้ของชิงหลวนทิ่มแทงบาดแผลในใจของเขา จึงทำให้เขาสูญเสียความคิดและเหตุผล ตะโกนบอกคนชุดดำอย่างบ้าคลั่ง “ฆ่าพวกมันให้หมด! ฆ่าพวกมันให้หมด!”


 


 


การบุกของคนชุดดำยิ่งรุนแรง ถึงแม้ว่าวิทยายุทธ์ขององครักษ์ลับจะสูงแค่ไหน แต่ก็ต้านทานได้ไม่นาน มีองครักษ์ลับคนหนึ่งที่ไม่ระวัง พลาดถูกคนชุดดำฟันเข้าที่ขา เลือดไหลกระฉูดออกมาโดยพลัน


 


 


ทันทีที่กัวเฟยเห็น จึงทำมือหลอกล่อ เพื่อหลบเลี่ยงคนสวมชุดดำที่โจมตีตัวเอง แล้วไปป้องกันอยู่หน้าเขา


 


 


ขาขององครักษ์ลับคนนี้เกือบจะขาดออกจากกัน เหลือแต่เนื้อหนังที่ติดกันเพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้แผดเสียงร้องออกมา ยกมีดสั้นที่แหลมคมบนมือขึ้นคิดตั้งใจจะปาดคอของตัวเอง


 


 


กริชบนมือของเมิ่งเชี่ยนโยวถูกโยนคว่ำออกไป หลังมีดกระแทกเข้าที่มือเขา ทำให้มีดสั้นบนมือขององครักษ์ลับร่วงตกลงพื้น เขาจึงเงยหน้ามองนางด้วยความประหลาดใจ


 


 


เมื่อเก็บกริชที่ย้อนกลับมา ลงจากม้า เมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินไปตรงหน้าเขา ก้มศีรษะลง แล้วพูด “ยังไม่ถึงจุดที่สิ้นหวังที่สุด ใครก็จะฆ่าตัวตายไม่ได้”


 


 


องครักษ์ลับเจ็บปวดจนเหงื่อไหลไคลย้อย กลับยังคงอดกลั้น แล้วพูด “นายหญิง ข้าเป็นเช่นนี้จะพลอยทำให้พวกท่านลำบากไปด้วย”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวย่อกายลง เหยียดมือออกไป ชิงหลวนนำยาห้ามเลือดส่งให้นาง เปิดจุกขวดออก เอายาทั้งขวดราดลงแผลของเขา และเห็นเลือดไหลออกมาน้อยลงบ้างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวถึงจะพูดด้วยเสียงขรึมว่า “เป็นเพราะข้าต่างหากที่ทำให้พวกเจ้าต้องพลอยลำบากไปด้วย ถ้าตายก็ตายด้วยกัน ถ้าจะมีชีวิตข้าก็จะให้พวกเจ้ามีชีวิตไปด้วยกัน”


 


 


องครักษ์ลับที่ได้รับบาดเจ็บได้ยินคำพูดนั้นของนางก็สั่นสะท้าน องครักษ์ลับคนอื่นต่างดุเดือดเลือดพล่านขึ้นมาทันที จู่ๆ ร่างกายก็เต็มไปด้วยพลัง กระบวนท่ายิ่งรวดเร็วและดุดัน ไม่นานก็ทำให้คนชุดดำหลายคนบาดเจ็บอย่างสาหัส


 


 


ศัตรูมีมากมายแต่พวกเราจำนวนน้อย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถ้ารอให้แรงกายของพวกองครักษ์ลับสูญสิ้นไปเกือบหมดแล้ว คนฝั่งของตัวเองก็อาจถึงขั้นที่ต้องขึ้นเขียงให้เขาเชือดเป็นแน่ จึงจำเป็นต้องรีบเผด็จศึกโดยเร็ว เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง “ชิงหลวน จูหลี ตามข้ามา!”


 


 


พูดจบ นางก็ได้บินกระโจนไปหาเฮ่อเหลี่ยนกับเหวินเอ้อร์แล้ว


 


 


ชิงหลวนกับจูหลีตามอยู่ด้านหลังติดๆ


 


 


เฮ่อเหลี่ยนถอยหลังไปหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ


 


 


ราวกับว่าเหวินเอ้อร์คาดได้ตั้งนานแล้วว่านางจะมาไม้นี้ จึงมองนางด้วยความเยาะเย้ย แล้วโบกมือไปทางป่าไม้หนึ่งครั้ง ก็มีคนชุดดำจำนวนหนึ่งลอยตัวออกมากลางป่าไม้ และมีสองคนที่เข้ามาอยู่ด้านหน้าของเหวินเอ้อร์และเฮ่อเหลี่ยนโดยพลัน ส่วนคนที่เหลือที่ลอยตัวอยู่ในอากาศก็มุ่งตรงเข้าไปโจมตีพวกเมิ่งเชี่ยนโยวสามคนโดยตรง


 


 


เบื้องหน้าคือเชือกขวางม้า เมิ่งเชี่ยนโยวไม่กล้าสะเพร่า


 


 


ขณะที่คนสวมชุดดำโจมตี กริชในมือของนางก็ขว้างออกไปในเวลาเดียวกัน


 


 


กริชส่องประกายที่เย็นยะเยือก คนชุดดำรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี จึงหมุนตัวกลางอากาศหนึ่งตลบเพื่อถอยกลับไป


 


 


ฝ่ายพวกเมิ่งเชี่ยนโยวจึงถือโอกาสนั้นกระโดดเข้าตรงหน้าของเฮ่อเหลี่ยนและเหวินเอ้อร์ ไม่พูดแม้แต่คำเดียว ก็ลงมือกับทั้งสองคนเลย


 


 


แม้ว่ามีคนชุดดำกันไว้ด้านหน้า เฮ่อเหลี่ยนก็ยังตื่นตระหนก ถอยหลังไปหลายก้าว เหวินเอ้อร์ก็ถอยหลังตามไปสองก้าวอย่างอดไม่ได้


 


 


เพียงแค่ล้มเฮ่อเหลี่ยนและเหวินเอ้อร์สองคนนี้ได้ คนที่เหลือก็ต้องหยุดมือ ดังนั้นทุกกระบวนท่าของเมิ่งเชี่ยนโยวล้วนคือฆ่าให้ตาย ไม่ลีลาอ้อมค้อมแม้แต่น้อย ส่วนชิงหลวนและจูหลีคุ้มกันอยู่ข้างกายนางเพื่อต้านคนชุดดำที่โจมตีมาจากทั้งสองด้าน


 


 


คนชุดดำเหล่านี้มีวิทยายุทธ์ที่แข็งแกร่งมากกว่าคนชุดดำพวกนั้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะลงมือสุดแรง แต่ก็ไม่สามารถหาจังหวะที่ได้เปรียบจากพวกเขาเลย


 


 


เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามถูกคนชุดดำล้อมจนไม่อาจปลีกตัวออกได้ เฮ่อเหลี่ยนทำจิตให้มั่นคง เงยหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะเสียงดัง แล้วพูดอย่างบ้าคลั่ง “เมิ่งเชี่ยนโยว เวลาตายของเจ้าได้มาถึงแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้พูดอะไร ตั้งใจเผชิญหน้ากับคนชุดดำที่อยู่ตรงหน้า


 


 


เป็นครั้งแรกที่เฮ่อเหลี่ยนสามารถเงยหน้าอ้าปาก หัวเราะออกมาไม่หยุดได้เช่นนี้


 


 


เหวินเอ้อร์ก็เผยรอยยิ้มที่มืดครึ้มน่าสะพรึง “เมิ่งเชี่ยนโยว การตายของแม่ข้าล้วนต้องขอบคุณที่เจ้าเมตตามอบให้ ข้าแทบอยากจากถลกหนังของเจ้า ทึ้งกระดูกของเจ้า ดื่มเลือดของเจ้า กินเนื้อของเจ้า ดังนั้นวันนี้เจ้าต้องตาย ต้องตายสถานเดียว!” พูดมาถึงประโยคหลัง ตัวคนก็ได้คลุ้งคลั่งไปแล้ว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของเขาแม้แต่น้อย และตั้งมั่นเผชิญหน้ากับคนชุดดำที่อยู่ตรงหน้า ลอบหาจังหวะเหมาะที่จะรับกระบวนท่าของคนชุดดำ แล้วย่อตัวลงตาม พร้อมพุ่งผ่านเท้าของคนชุดดำไป


 


 


คนชุดดำโดนกระบวนท่านี้ น่องขาก็ขาดออก นอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น เสียงร้องโหยหวนที่น่าอนาถทำให้คนชุดดำที่เหลือตกใจจนใจรู้สึกครั่นคร้าม


 


 


ในใจของกัวเฟยยิ่งร้อนใจ ตัวเองก็โดนพวกคนชุดดำนี้ล้อมเอาไว้ ไม่อาจปลีกตัวออกได้ แต่คนชุดดำทางด้านนายหญิงฝีมือแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด ถ้าหากนายหญิงเป็นอะไรไป เขาตายไปหลายชั่วโคตรก็ไม่อาจชำระความผิดได้


 


 


เวลาที่เขาสมาธิหลุดไปชั่วพริบตานี้ เผยช่องโหว่ ทำให้ถูกคนชุดดำฟันแขนขวาด้วยดาบเดียว แม้ว่าเขาจะคืนสติกลับมาได้บ้างในทันใด แต่กลับทำให้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แขนครึ่งหนึ่งห้อยตกลง


 


 


เหวินเปียวต้านการโจมตีของคนชุดดำคนหนึ่งออก แล้วมาป้องกันอยู่ด้านหน้าเขา ถามอย่างเร่งรีบ “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”


 


 


ช่วงเวลานี้กัวเฟยก็ฟันเสื้อผ้าออกมาส่วนหนึ่ง แล้วพันแผลตัวเองเอาไว้ พร้อมตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร แค่นี้ไม่ทำให้ตายหรอก”


 


 


เหวินเปียวถอนหายใจโล่งอก และใช้กระบวนท่ารุนแรงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้คนชุดดำถอยออกไป พร้อมพูดว่า “ข้ารับมือด้านนี้เอง เจ้าไปคุ้มกันนายหญิง”


 


 


กัวเฟยรับคำ


 


 


ทว่า เพียงพูดนั้นง่าย หากแต่คนๆ หนึ่งต้องเผชิญหน้ากับคนชุดดำอีกห้าหกคน จึงไม่อาจบุกออกไปได้เลย


 


 


กัวเฟยควักประทัดสัญญาณออกจากในอกเสื้อหลายอัน แล้วปล่อยออกไปอย่างต่อเนื่อง ระยะห่างจากเมืองหลวงนั้นค่อนข้างไกล และยังเป็นกลางวันที่ฟ้าสว่างอีก สัญญาณจึงไม่ค่อยเด่นชัด หวังว่าองครักษ์ลับที่ยังคงอยู่ในเมืองหลวงจะสามารถสังเกตเห็นและมาช่วยเหลือพวกเขาได้ทันเวลา


 


 


เหวินเอ้อร์สังเกตเห็นสัญญาณลับที่กัวเฟยปล่อยออก ในใจก็รู้ว่าไม่ดีแล้ว จึงสั่งคนชุดดำด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ “เร็ว พวกเขาเรียกกำลังเสริมแล้ว รีบจบศึกซะ”


 


 


คนชุดดำทุกคนเพิ่มความเร็วในการบุกโจมตี กัวเฟย เหวินเปียวและพวกองครักษ์ลับรู้สึกถึงความกดดันทันควัน


 


 


พวกเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามคนก็เสียแรงไปอย่างมากเช่นกัน


 


 


สิบห้านาทีผ่านไปก็มีองครักษ์ลับคนหนึ่งถูกฟันแขนขาด แล้วล้มลงกับพื้น


 


 


องครักษ์ลับมีฝีมือเพียงเท่านี้ คนชุดดำก็มีกำลังใจฮึกเหิม การโจมตีก็ยิ่งดุเดือดขึ้น


 


 


องครักษ์ลับค่อยๆ ล้มลงทีละคน จนสุดท้ายเหลือแต่กัวเฟยและเหวินเปียวที่ถูกล้อมไว้อยู่ตรงกลาง


 


 


แม้คนชุดดำที่ล้อมพวกเขาจะเหลือเพียงแค่สิบกว่าคน แต่สำหรับสองคนนี้แล้วก็ถือว่าต้องลำบากเสียหน่อยโดยเฉพาะกัวเฟย แขนข้างซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บเกือบจะยกไม่ขึ้นอีก


 


 


สถานการณ์ของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ดีเช่นกัน เวลาผ่านไปนานเช่นนี้ พวกเขาทำให้คนชุดดำได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงแค่สองสามคนเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็บุกเข้าหาพวกนางอย่างสุดชีวิต และทั้งสามคนรู้สึกว่าแรงกายต้านทานไม่ค่อยไหวแล้ว


 


 


เวลาของสัญญาณที่กัวเฟยปล่อยออกผ่านไปนานแล้ว กลัวแต่ว่าองครักษ์ลับในเมืองหลวงจะเห็นสัญญาณนี้แล้วออกมาช่วยเหลือ ในใจของเหวินเอ้อร์จึงหวาดหวั่นยิ่งขึ้น และร้องเสียงดังท่ามกลางป่าไม้ “ยังไม่ออกมาอีก เจ้าจะรอถึงเมื่อไรกัน”


 


 


ร่างกายผอมบางคนหนึ่งเดินออกมาจากในป่าอย่างไม่เร่งไม่รีบ ปรากฏคนสวมชุดดำที่มีเผยสายตาเฉียบคมภายใต้หน้ากากที่ปิดบังใบหน้า


 


 


เหวินเอ้อร์รีบสั่งเขา “เร็วเข้า อีกประเดี๋ยวองครักษ์ทัพเสริมของพวกเขาก็จะมาถึงแล้ว รีบเผด็จศึกโดยเร็ว ฆ่านังเด็กเฮงซวยนั่นซะ”


 


 


ชัดเจนว่าผู้นี้คือหัวหน้าของคนชุดดำ เขาโบกมือ และสั่ง “ถอยออกมา!”


 


 


คนชุดดำทุกคนที่ล้อมพวกเมิ่งเชี่ยนโยวสามคนเอาไว้หยุดกระบวนท่า แล้วร่างกายก็กระโดดไปด้านหลัง กลับมาที่ข้างกายของคนสวมชุดดำคนนั้น


 


 


“แม่หนูน้อย ยอมให้จับเสียแต่โดยดีเถิด ถ้าข้าลงมือ จะไม่เหลือแม้แต่ศพของเจ้า”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหอบหายใจเฮือกใหญ่อย่างที่ให้คนอื่นสังเกตไม่เห็นได้ และกล่าวดูถูก “พูดจาอวดดียิ่งนัก คนที่อยากจะให้ข้าตายยังไม่เกิดหรอก”


 


 


หัวหน้าชุดดำส่ายศีรษะ “อายุยังเล็กยังน้อย วาจาคมคาย หาใช่เรื่องดีไม่ ข้าขอร้องเจ้าว่าเกิดไปชาติหน้าก็เจียมเนื้อเจียมตัวเสียบ้าง…”


 


 


เหวินเอ้อร์ขัดเขา พูดเร่ง “ไม่ต้องพูดจาไร้สาระกับนางแล้ว รีบจัดการนางซะ ไม่รู้ว่าทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง พวกเรายังต้องรีบรุดไปช่วยอีก”


 


 


หัวหน้าชุดดำกระโดดขึ้นทันที แล้วกำลังภายในมหาศาลที่พุ่งเข้ามากลางอากาศ โจมตีเข้ามา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพลิกตัวหลบอย่างว่องไว แต่กลับโดนลมของเขาพัดจนร่างกายเหมือนกับว่าวที่เส้นเชือกขาดออก ลอยออกไปหลายจั้ง


 


 


“นายหญิง!”

 

 

 


ตอนที่ 227 สังหารสิ้น

 

ชิงหลวนและจูหลีตกใจร้องออกมาเสียงดังพร้อมกัน


 


 


ทั้งสองคนกระโดดเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ชิงหลวนพยุงเมิ่งเชี่ยนโยว ส่วนจูหลีกันอยู่ด้านหน้าของพวกนาง


 


 


ในใจของกัวเฟยกับเหวินเปียวยิ่งกระวนกระวาย อยากจะใช้กระบวนท่าที่รุนแรงเพื่อกดดันให้คนที่ล้อมโจมตีตัวเองถอยห่างออกไป จะได้มาช่วยพวกเมิ่งเชี่ยนโยว เสียดาย ต่อสู้ไปครึ่งค่อนวัน พละกำลังของทั้งสองก็เสียสูญไปเกือบหมด ไม่อาจที่จะทำได้ดั่งใจ


 


 


เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวบาดเจ็บได้เช่นนี้ เฮ่อเหลี่ยนรู้สึกสะใจอย่างมาก หัวเราะขึ้นฟ้าแล้วร้องตะโกนเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง “ฆ่านาง! ฆ่านาง!”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ ลุกขึ้นมาด้วยการพยุงของชิงหลวน ใช้มือเช็ดเลือดสดๆ ที่มุมริมฝีปาก เผยรอยยิ้มที่เฉยชา “อยากจะเอาชีวิตข้า ก็ต้องลองดูว่าพวกเจ้ามีปัญญาหรือไม่”


 


 


การโจมตีของหัวหน้าคนชุดดำครั้งนี้ออกเต็มกำลังเพื่อที่จะเผด็จศึกล้มเมิ่งเชี่ยนโยวได้ในคราเดียว แต่นึกไม่ถึงว่านางจะสามารถหลบได้ และได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จึงสำรวมท่าทีที่ดูถูก แล้วหัวหน้าคนชุดดำก็กระโดดลอยตัวมุ่งเข้าไปโจมตีสามคนนั้นโดยไม่ลังเล


 


 


จูหลีต้านไว้ด้านหน้าสุด แกว่งกระบี่ในมือตั้งรับ หัวหน้าชุดดำหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย แล้วโบกมือไปด้านหลัง “พวกเจ้าจัดการแล้วกัน!”


 


 


คนสวมชุดดำด้านหลังรับคำ รุดเข้ามา


 


 


แต่จูหลีถอยออกไปอย่างรวดเร็ว กลับไปข้างกายของเมิ่งเชี่ยนโยวกับชิงหลวนทั้งคู่


 


 


ทุกคนกดดันเข้ามา ชิงหลวนถือกระบี่และป้องกันอยู่ด้านหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวพร้อมกับจูหลี


 


 


ทั้งคู่ถูกฝึกให้เป็นองค์รักษ์ลับแต่เด็ก บวกกับมีกำลังภายใน คนชุดดำพวกนี้ก็หมดหนทางล้มพวกเขาไปชั่วขณะหนึ่ง


 


 


คิดไม่ถึงว่าสาวใช้ตัวน้อยๆ ทั้งคู่จะจัดการยากเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน หัวหน้าคนชุดดำขมวดคิ้ว ลอยเท้าขึ้นด้วยกำลังภายใน และตะโกนขึ้นเสียงดัง “หลีกไป!”


 


 


คนชุดดำถอยหลังออกอย่างรวดเร็ว


 


 


ลมฝ่ามือของหัวหน้าคนชุดดำกระแทกเข้าใส่ชิงหลวนและจูหลีจนร่างกายโซเซไป แล้วกระอักเลือดสดๆ ออกมาในเวลาเดียวกัน


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกลับกระโดดขึ้นไปโดยไร้ซึ่งความกลัว บุกเข้าโจมตีหัวหน้าคนชุดดำอย่างสงบเยือกเย็น แต่ละกระบวนท่าดุเดือดและว่องไว และเล็งที่จุดตาย หัวหน้าคนชุดดำไม่ได้เตรียมป้องกันจึงถูกนางดันถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง


 


 


ไม่มีกำลังภายใน เสียเปรียบคู่ต่อสู้ที่ฝีมือขั้นสูงอย่างมาก เมิ่งเชี่ยนโยวจึงทำได้เพียงใช้ความได้เปรียบของร่างกายที่คล่องแคล่ว เปลี่ยนตำแหน่งของตัวเองไม่หยุด โจมตีหัวหน้าคนชุดดำจากหลายทิศทาง


 


 


ตอนที่มองดูการต่อสู้อยู่ในดงป่าตั้งนานนั้น หัวหน้าคนชุดดำก็มองออกว่ากระบวนท่าของเมิ่งเชี่ยนโยวแม้ว่าจะโบราณพิลึก แต่นางไม่มีกำลังภายใน ถ้าหากมาปะทะกับเขาที่มีกำลังภายในชั้นสูงและลึกซึ้งเช่นนี้ ต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อได้ลงมาต่อสู้ด้วยตัวเองแล้ว เขาถึงจะรู้ว่า ต่อให้ไม่มีกำลังภายใน นังเด็กสาวตัวน้อยนี้ก็แข็งแกร่งกว่าลูกน้องชุดดำของเขาพวกนี้อยู่มากโข


 


 


หัวหน้าคนชุดดำไม่ล่อกแล่กแล้ว ตั้งรับอย่างสงบ


 


 


และคนชุดดำคนอื่นมุ่งไปล้อมโจมตีชิงหลวนและจูหลีทั้งสองคน


 


 


สถานการณ์มาถึงเวลาคับขันแล้ว ถ้าหากยังจัดการพวกคนชุดดำนี้ไม่ได้ ตัวเองก็ไม่อาจหาทางปกป้องนายหญิงได้ ในแต่ละครั้งชิงหลวนกับจูหลีจึงกวัดแกว่งกระบี่พุ่งเข้าใส่ที่จุดตายอย่างเดียว


 


 


ทั้งสามคนเพิ่งจะโจมตีอย่างฮึกเหิมได้ชั่วครู่ กำลังกายก็สูญเสียไปมาก และผ่านไปอีกครึ่งชั่วยาม การเคลื่อนไหวของเมิ่งเชี่ยนโยวช้าลงเล็กน้อย


 


 


หัวหน้าคนชุดดำถูกนางรบเร้าประชิดตัวตลอด หาโอกาสปล่อยกำลังภายในไม่ได้ เวลานี้เหลือบเห็นโอกาส ในมือคว้ากระบี่ที่ไม่รู้เอาออกมาแต่เมื่อใด แทงเข้าไปยังจุดตายของเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างรวดเร็วและแม่นยำ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหลบทันเพียงแค่ออกจากจุดตาย เสียงดังขึ้น ฉึก กระบี่แทงเข้าที่กลางอกของนาง เลือดสดสีแดงเข้มทะลักออกมา


 


 


“นายหญิง!”


 


 


ชิงหลวนและจูหลีร้องเสียงหลงดังออกมาอีกครั้ง


 


 


กัวเฟยที่กำลังต่อสู้อย่างร้อนใจได้ยินเสียงร้องตะโกนของพวกนาง ในใจก็กังวล ทันทีที่จะปลีกตัวออกมา แขนซ้ายทั้งท่อนก็ถูกคนชุดดำฟันขาดตกลงบนพื้น


 


 


กัวเฟยพ่นลมทางจมูก ร่างกายกะโผลกกะเผลก ดาบของคนชุดดำอีกคนแกว่งมาที่คอของเขา เหวินเปียวรีบสะบัดดาบไปเพื่อช่วยเขากันการโจมตีจากคนชุดดำ และถามด้วยความเป็นห่วงอย่างรีบร้อน “ยังต้านไหวอยู่หรือไม่”


 


 


ภายในเวลาที่ประมาทไปชั่วครู่ ดาบของคนชุดดำอีกคนก็มาถึงตรงหน้าของเขา


 


 


เหวินเปียวได้สติกลับมา เอี้ยวกายไปด้านหลัง และหลบออกได้ในพริบตา พร้อมปักดาบที่อยู่บนมืออีกเล่มลงบนพื้นเพื่อประคองตัว


 


 


กลับมีดาบอีกเล่มที่อยู่ด้านข้างโจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฟันผ่านส่วนขาของเขาโดยตรง


 


 


ร่างกายของเหวินเปียวเอนไปด้านหลัง ไม่เห็นดาบเล่มนั้นแม้แต่น้อย กัวเฟยกลับกลั้นความเจ็บปวดแล้วร้องตะโกนเสียงดัง “ระวัง!” พร้อมกับเขวี้ยงมีดสั้นที่แหลมคมในมือออกไป


 


 


 เพล้ง! เสียงสองดาบปะทะกัน กลับเพียงแต่ป้องกันได้เล็กน้อย ดาบของคนชุดดำยังคงฟันโดนน่องของเหวินเปียว แม้ว่าจะฟันไม่ขาด แต่ก็บาดเจ็บไปถึงกระดูกและกล้ามเนื้อ ขาของเหวินเปียวอ่อนลง คุกเข่าลงไปกับพื้นโดยพลัน ในชั่วขณะนั้นก็กลายเป็นลูกแกะที่รอให้คนเชือดได้ทันที


 


 


คนชุดดำทั้งสองคนเริงรมย์อย่างยิ่ง ดาบบนมือก็กวัดแกว่งจากมือไปพร้อมๆ กัน มุ่งมาที่เหวินเปียวอย่างต่อเนื่อง


 


 


เหวินเปียวยกดาบใหญ่ในมือขึ้น ต้านทานเอาไว้สุดชีวิต


 


 


กัวเฟยโซเซร่างกายที่ไม่สมดุล หยิบดาบยาวเล่มหนึ่งบนพื้นอย่างรวดเร็ว และใช้พละกำลังกายทั้งหมดที่มีช่วยเขาต้านดาบของคนชุดดำ


 


 


คนชุดดำไม่นึกว่าทั้งสองคนบาดเจ็ดขนาดนี้แล้ว ยังจะเคลื่อนไหวได้อย่างน่าตกใจถึงเพียงนี้ หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ในใจก็เกิดความนับถือขึ้น แต่ความปรารถนาที่อยากจะสังหารก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเช่นกัน คนเช่นนี้ยิ่งปล่อยเอาไว้ไม่ได้


 


 


หลังจากที่หัวหน้าคนชุดดำแทงเข้าที่ทรวงอกของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว ดึงมือออกมา เลือดสดๆ ก็ทะลักพุ่งตามออกมา


 


 


ชิงหลวนและจูหลีตาแดง ตีดันให้คนชุดดำที่ล้อมตัวเองถอยออกไปโดยไม่คิดชีวิต แล้วร่างกายพุ่งกระโจนกลับไปที่ข้างกายเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวบาดเจ็บจนเหงื่อไหลพลัก พลันสติเลือนลางไปชั่วขณะหนึ่ง ปิดปาก แล้วกัดปลายลิ้นตัวเองจนแทบขาด เพื่อบังคับให้ตัวเองได้สติกลับมา


 


 


จูหลีถือกระบี่อยู่ด้านนอก ขณะที่ชิงหลวนแกะกระเป๋าผ้าที่อยู่บนตัวอย่างลนลาน แล้วนำยาห้ามเลือดราดบนหน้าอกของเมิ่งเชี่ยนโยว สุดท้ายก็ฉีกเสื้อผ้าตัวเองออกชิ้นหนึ่งแล้วพันให้นางอย่างลวกๆ


 


 


หัวหน้าคนชุดดำเอ่ยปาก “เจ้าเด็กน้อย เพียงแค่เจ้ารับความตายแต่โดยดี ข้ารับรองว่าจะปล่อยลูกน้องของเจ้า”


 


 


แม้ว่าจะทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวบาดเจ็บได้ แต่คนของตัวเองก็สูญเสียไปไม่น้อย จากท่าทางที่สู้สุดชีวิตของพวกเขา แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะจัดการคนพวกนี้ได้ทั้งหมด ลูกน้องของตัวเองอาจจะเหลือเพียงไม่กี่คน ต้องรู้เสียว่า คนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในกำมือเขา คนชุดดำเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก เวลานี้จึงพูดหลอกล่อ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืนตัวตรงอย่างช้าๆ ใบหน้าแสยะยิ้มออกมา น้ำเสียงนิ่งสงบ ไม่มีความครั่นคร้ามและความกังวลใดๆ “พวกเขาเป็นลูกน้องของข้า ย่อมต้องร่วมเป็นร่วมตายกับข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องแสร้งทำใจดีหรอก เก็บเด็กน้อยของเจ้าพวกนี้ไปเถิด”


 


 


เมื่อถูกล่วงรู้ความคิดในใจ ใบหน้าชราของหัวหน้าคนชุดดำก็แดงก่ำไปชั่วขณะ จากความอับอายกลายเป็นความโกรธ และพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่าได้มากล่าวหาว่าข้ามิได้เกรงใจอีกเลย”


 


 


พูดจบ โบกมือ นำฝูงคนล้อมเข้ามา


 


 


จูหลีแกว่งกระบี่เข้าปะทะ ชิงหลวนต้านอยู่ด้านหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


หัวหน้าคนชุดดำพ่นลมออกมาด้วยความเหยียดหยาม กระบวนท่าที่ดุเดือดเพียงท่าเดียวทำให้จูหลีลอยออกไป ไม่รอให้ร่างของนางตกลงถึงพื้น คนชุดดำที่อยู่ด้านหลังสองคนก็กระโดดตามมา ดาบยาวบนมือก็แทงเข้าไปในร่างของจูหลี


 


 


กระบี่ร่วงหล่นลง ร่างกายของจูหลีเหมือนกับตุ๊กตาผ้าที่ยับเยิน ตกลงพื้นอย่างแรง


 


 


ชิงหลวนกับจูหลีโตมาในค่ายฝึกองครักษ์ด้วยกัน และอยู่ข้างกายเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยกันเป็นเวลานานเช่นนี้ ก็ได้กลายเป็นพี่น้องที่รู้ใจกันตั้งนานแล้ว เห็นนางเช่นนี้ ก็ตะโกนร้องแทบจะขาดใจ “จูหลี!” แต่กลับไม่ได้วิ่งมา และคุ้มกันอยู่ข้างเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างแนบชิด


 


 


แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ จูหลีก็ไม่ได้หมดสติและตายไป แต่ออกแรงข่มตัวเองให้ลุกขึ้นมา เดินไปหาสองคนนั้นอย่างโซซัดโซเซ


 


 


นางได้รับบาดเจ็บสาหัสมากแล้ว แม้จะไม่ตายก็ไม่เหลือกำลังที่จะทำให้กลัว หัวหน้าคนชุดดำไม่ได้สนใจนางอีก ปล่อยให้นางเดินกระโผลกกระเผลกมาถึงข้างกายของเมิ่งเชี่ยนโยวกับชิงหลวน


 


 


มือของชิงหลวนถือกระบี่ จับจ้องที่คนชุดดำ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวคว้าจูหลีพยุงไว้


 


 


ระยะห่างเท่านี้ เกือบจะทำให้แรงทั้งหมดของจูหลีใช้ไปจนหมด ฝืนเผยรอยยิ้มออกมา พูด “นายหญิง ดูเหมือนว่าข้าต้องไปก่อนก้าวหนึ่งเสียแล้วล่ะเจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวจัดผมที่ปรกบนหน้าผากให้นาง เม้มปากพูด “ไปช้าหน่อย รอข้าประเดี๋ยว ข้าจะตามไปเป็นเพื่อนเจ้า”


 


 


จูหลีพยักหน้ายิ้มให้ ร่างกายก็ชาจนไร้เรี่ยวแรงไปหมด


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยุงให้นางนั่งลงกับพื้น แล้ววางยาห้ามเลือดบนมือของนาง พร้อมกับฉีกกระโปรงตัวเองออกเป็นหลายเส้น สองเส้นส่งให้นาง อีกสองเส้นคือหลังจากที่ลุกตัวยืนขึ้น ก็พันแน่นที่อกตัวเอง และพูด “ชิงหลวน เร็วเข้าหน่อย พวกเราไม่อาจปล่อยให้จูหลีเดินทางไปคนเดียว”


 


 


ชิงหลวนขอบตาแดงไปหมด เข้าใจความหมายของเมิ่งเชี่ยนโยว กลับไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย ยังคงต้านทานอยู่ข้างกายทั้งสองคน “นายหญิง อดทนอีกประเดี๋ยว ไม่แน่ว่าคนและม้าของพวกเราก็จะมาถึงแล้ว”


 


 


คำพูดนี้ประหนึ่งเตือนหัวหน้าคนชุดดำ ขณะนั้นจึงไม่ลังเลอีก ทุกคนล้อมบุกเข้ามาโจมตีทั้งสามคนอีกครั้ง


 


 


พลังที่แข็งแกร่งของกัวเฟยกับเหวินเปียวได้ถดถอยลงแล้ว นอกจากแขนและขา ร่างกายก็มีรอยแผลจากดาบนับไม่ถ้วน ทั่วทั้งร่างมีเลือดไหลออกมา แต่ทั้งสองคนยังคงไม่ได้หยุดมือ และไม่กล้าที่จะหยุดมือ ในสมองมีเพียงความคิดเดียว ฆ่าคนพวกนี้ให้สิ้นซาก ต้องสู้เพื่อให้นายหญิงมีชีวิตรอด


 


 


แผลบนตัวของทั้งสองคนยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะกลายเป็นมนุษย์เลือด มองไม่เห็นสภาพเดิมตั้งนานแล้ว แต่พวกเขากลับปะทะกับคนชุดดำหลายคนโดยไร้ซึ่งความหวั่นไหว พวกเขาเคยฆ่าคนมาแล้วนับไม่ถ้วน กลับไม่เคยเห็นว่ามีคนที่บาดเจ็บถึงขั้นนี้แล้วยังจะยืนหยัดไม่ล้มลงได้อีก


 


 


เฮ่อเหลี่ยนกับเหวินเอ้อร์มองทุกเหตุการณ์ทั้งหมดกับตาตัวเอง เวลาเดียวกันก็เงยหน้าหัวเราะอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ตะโกนเอะอะอย่างพอใจ “เมิ่งเชี่ยนโยว ไม่นึกว่าเจ้าก็จะมีวันนี้ด้วยเหมือนกัน!”


 


 


หัวหน้าคนชุดดำนำคนชุดดำที่เหลือเร่งการโจมตี ชิงหลวนกับเมิ่งเชี่ยนโยวยืนคู่กันอยู่ด้านหน้าจูหลีเพื่อคุ้มกันนาง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวได้รับบาดเจ็บแล้ว ไม่ควรค่าที่จะเกรงกลัว หัวหน้าคนชุดดำจึงออกกระบวนที่ท่ารุนแรงใส่ชิงหลวน


 


 


ชิงหลวนฝีมือไม่ดีพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา เมื่อปะทะไปห้าหกกระบวนท่าแล้ว ก็ถูกดาบแทงเข้าที่หัวไหล่ ทว่า ไม่มีแม้แต่เสียงร้อง กระบี่ในมือของชิงหลวนยังคงมุ่งแทงไปที่เขา


 


 


หัวหน้าคนชุดดำถอยหลังออก พร้อมกับชักดาบตัวเองเข้ามา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นโอกาสนี้ จึงทำร่างกายให้มั่นคง แล้วพลิกตัวอย่างปราดไวครั้งหนึ่งไปถึงจุดที่เขาจะลงพื้น กริชในมือที่แหลมคมราวกับเหล็กที่ฟันดินก็แกว่งตามออกไป


 


 


หัวหน้าคนชุดดำแม้ฝันก็ไม่อาจคาดคิดได้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ยังจะมีร่างกายที่คล่องแคล่วได้เพียงนี้ ท่ามกลางความตกใจยิ่ง อยากจะหลบหนีก็ไม่ทันแล้ว น่องขาโดนฟัน ความรู้สึกเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามาโดยฉับพลัน


 


 


และการโจมตีครั้งนี้ของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ใช้แรงทั้งหมดของกาย แม้อยากจะยืนก็ยืนไม่ขึ้นอีกแล้ว


 


 


ระหว่างที่หัวหน้าคนชุดดำได้รับบาดเจ็บสาหัสนี้ ดาบยาวในมือก็แทงไปที่เมิ่งเชี่ยนโยวเช่นกัน


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้มีแรงที่จะหลบอีกแล้ว มองดูดาบยาวแทงเข้าที่ทรวงอกของตัวเองต่อหน้าต่อตา


 


 


ชิงหลวนกระโดดลอยตัวมาอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวไว้ กลับหนีไม่ทัน ดาบของหัวหน้าคนชุดดำก็แทงเข้าสู่ร่างกายของนางจากด้านหลัง


 


 


ร่างกายของชิงหลวนเจ็บปวดจนด้านชา แต่ไม่ได้ลังเลใดๆ  กอดเมิ่งเชี่ยนโยวไว้และล้มกลิ้งไปหลายตลบ จนกลิ้งไปถึงข้างหน้าของจูหลี


 


 


ฝักดาบหักลง ดาบแทงลึกเข้าไปในเนื้อหนังของนาง ชิงหลวนกระอักเลือดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ร่างกายกลับปกป้องร่างของเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างหนาแน่น


 


 


จูหลีใช้แรงทั้งหมดของยันกายยืนขึ้น กันอยู่ด้านหน้าของทั้งสองอย่างโซซัดโซเซ


 


 


คนชุดดำทั้งหมดล้วนตกใจจนรู้สึกสะเทือนกันหมด เบิกตาโต จนลืมลงมือ ได้แต่ตัวแข็งทื่อมองทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้า


 


 


เฮ่อเหลี่ยนกับเหวินเอ้อร์ก็ตกใจจนตัวแข็งทื่อ อ้าปากค้าง มองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา


 


 


มีเสียงม้าวิ่งดังมาจากที่ไกลๆ เหวินเอ้อร์ก็ได้สติคืนมาคนแรก แล้วตะโกนอย่างตกใจ “กำลังเสริมของพวกมันมาถึงแล้ว เร็วเข้า ฆ่าพวกนาง แล้วพวกเราถอย”


 


 


คนชุดดำก็ได้สติกลับคืนมา จึงรีบยกดาบเข้าไปแทงทั้งสามคน ทว่า มีกำลังภายในที่แข็งแกร่งพุ่งจู่โจมเข้ามา ทำให้คนชุดดำทุกคนลอยออกไป ตามมาด้วยหวงฝู่อี้เซวียนที่ทั้งกายเต็มไปด้วยเลือด ก็ลอยตัวกระโดดจากหลังม้า


 


 


จูหลียืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ล้มแผ่ลงกับพื้น และหมดสติไป


 


 


เห็นทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้า ในใจของหวงฝู่อี้เซวียนก็ตึงเครียด ความโกรธที่แน่นอกแผ่กระจายออก เสียงที่เย็นชาสั่งองครักษ์ลับที่ตามมาถึงติดๆ “ฆ่าให้หมด!”


 


 


องครักษ์ลับกว่าร้อยนายเห็นภาพที่อยู่เบื้องหน้าที่น่าสลดเช่นนั้นก็สั่นสะท้านไปเช่นกัน ความโกรธภายในทรวงอกก็พ่นออกมา เมื่อรับคำโดยพร้อมกัน ก็แบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ลงมือกับพวกคนชุดดำอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย ท่ามกลางเสียงร้องโอดครวญคนชุดดำถูกฆ่าล้างจนหมด


 


 


จนกระทั่งตอนตาย หัวหน้าชุดดำก็เบิกตาโต เขาไม่เข้าใจ เขาใช้ลูกน้องที่ยอดเยี่ยมของตัวเองหลายสิบนาย ในเวลายาวนานขนาดนี้ ทว่า แม้แต่คนสิบคนนี้ก็ยังฆ่าไม่ตายเลย สุดท้ายกลับเป็นตัวเองที่ต้องฝังร่างไว้ในที่แห่งนี้


 


 


เฮ่อเหลี่ยนและเหวินเอ้อร์ตกใจจนหัวหดตั้งแต่เสี้ยวเวลาที่เห็นหวงฝู่อี้เซวียนกระโดดลอยมา พวกเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า พวกเขาใช้คนกว่าร้อยคนไปลอบสังหารเขา เขากลับไม่ตาย แล้วยังจะนำคนมาช่วยชีวิตเมิ่งเชี่ยนโยวอีก


 


 


วิทยายุทธ์ของเหวินเอ้อร์แข็งแกร่งมาก จึงตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะตกใจจนสติกระเจิง แต่ก็ไม่ลืมที่จะหนีเอาชีวิตรอด จึงเอี้ยวตัวมุดเข้าไปในป่าไม้อย่างรวดเร็ว อยากจะอาศัยสภาพพื้นที่ที่คุ้นเคยหนีเอาชีวิตรอด


 


 


พวกองครักษ์ลับจะปล่อยให้เขาทำตามดั่งใจปรารถนาได้อย่างไร ไม่นานก็ตามเขาทัน และใช้กระบวนท่าไม่กี่ท่า จบชีวิตของเขาลง


 


 


เฮ่อเหลี่ยนตกใจจนมือเท้าอ่อนแรง แม้แต่แรงที่จะวิ่งหนีก็ไม่มีแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนเดินมาตรงหน้าแล้วใช้ดาบฟันไปครั้งหนึ่งเพื่อจบชีวิตอันเดรัจฉานของเขา


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้ามาที่เมิ่งเชี่ยนโยว ย่อกายลง ยื่นมืออออกไปอย่างสั่นเทา ทาบดูลมหายใจใต้จมูกของเมิ่งเชี่ยนโยว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)