ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 199-201
ตอนที่ 199-2 ก่อนที่ประตูนรกจะปิด
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดอยู่นั้น หวงฝู่อี้เซวียนก็พูดออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “น้ำ”
เมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดขึ้นมาในทันทีทันใด ไม่ทันได้รอให้เหล่าหมอหลวงทั้งหลายได้ทันได้ตั้งตัว นางก็พุ่งตัวออกไปทันที วิ่งออกไปที่รั้วสถานกักตัว แล้วสั่งว่า “น้ำ น้ำอุ่น เอาน้ำอุ่นมาเร็วเข้า”
ชิงหลวนและจูหลีก็รีบเอาน้ำอุ่นเทใส่แก้วมาให้
เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา แล้วรีบวิ่งกลับไปที่ห้องเล็กๆ นั้น แล้วค่อยๆ ให้หวงฝู่อี้เซวียนดื่ม ตามองจ้องไปที่เขาไม่กะพริบ
หน้าผากของหวงฝู่อี้เซวียนมีน้ำเหงื่อไหลออกมาเป็นหยดๆ แล้วก็ไหลออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าที่แดงก่ำของเขาก็ค่อยๆ มลายหายไป หมอหลวงเจียงดีใจเป็นอย่างมาก จ้องมองเขาตาไม่กะพริบเช่นเดียวกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวออกคำสั่งทันทีว่า “เร็วเข้า เอาน้ำมาอีก”
มีหมอหลวงท่านหนึ่งหยิบแก้วน้ำขึ้นมา รีบวิ่งออกไปด้านนอก ไม่นานก็เอาน้ำเข้ามา
แล้วก็ให้หวงฝู่อี้เซวียนดื่มเข้าไปอีก หยดน้ำเหงื่อบนใบหน้าของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้มือล้วงเข้าไปด้านในเสื้อของเขาโดยไม่อายคนที่อยู่ด้วย ตัวของเขาเปียกชุ่มไปหมด นางดีใจเป็นอย่างมาก “ได้ผลแล้ว”
คำพูดของนาง หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ พอได้ยินก็ดีใจจนแทบกระโดดขึ้น “ขอบคุณฟ้าดิน ในที่สุดก็มีวิธีรักษาโรคระบาดนี้แล้ว ชาวบ้านรอดแล้ว”
เหงื่อบนใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าร้อนจนทนไม่ไหวแล้ว จึงเอาผ้าห่มออกโดยไม่รู้ตัว เมิ่งเชี่ยนโยวกดปลายผ้าเอาไว้แน่น ดูเหมือนกับว่าจะเปิดไม่ออก ร่างกายก็ร้อนขึ้นไปอีก จึงโกรธมาก ใช้เท้าถีบผ้าห่มออก
หมอหลวงเจียงเห็นเช่นนั้น เห็นถึงผลของการกระทำของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็เลยคุกเข่าลง แล้วกดที่ปลายผ้าห่มอีกมุมหนึ่ง หมอหลวงอีกสามคนเห็นเช่นนั้น ก็คุกเข่าลงช่วยด้วย
หวงฝู่อี้เซวียนถีบผ้าห่มไม่ออก จิตใจกระวนกระวาย เหงื่อทั้งบนใบหน้า บนตัวก็ออกมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นาน เสื้อผ้าของเขาก็ชุ่มไปด้วยน้ำเหงื่อ ส่วนเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างงงงวย
เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจเป็นที่สุด
ส่วนหวงฝู่อี้เซวียนหรี่ตาทั้งสองข้างลง มองไปที่นางอย่างไร้สติ แล้วหลับตาลงไปอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกเขาเบาๆ “อี้เซวียน!”
หวงฝู่อี้เซวียนก็ลืมตาขึ้นมาในทันทีอีกครั้ง ดึงสติกลับมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “โยวเอ๋อร์”
เมิ่งเชี่ยนโยวแทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ตาแดง แล้วถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”
หวงฝู่อี้เซวียนตอบรับเบาๆ ว่า “หิว”
นางชะงักไป แล้วตามด้วยท่าทางดีใจเป็นอย่างมาก พอจะเปิดปากพูด
หมอหลวงเจียงก็ยืนขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจจนถึงที่สุด วา “ข้าจะไปเอาข้าวมาให้ซื่อจื่อ” เมื่อพูดจบ หมอหลวงก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
หมอหลวงที่เหลือก็ตาโต ไม่อยากจะเชื่อสายตา ต่างก็สงสัยว่าตนเองมองผิดไปหรือไม่ หมอหลวงเจียงก็อายุห้าสิบแล้ว เวลาเดินปกติก็จะเดินช้าๆ แต่ว่าตอนนี้กลับวิ่งเป็นเด็กวัยรุ่น ถ้าหากว่าไม่ได้เห็นกับตา จะพูดอย่างไรพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
เมื่อได้ยินว่าซื่อจื่อฟื้นแล้ว อยากกินข้าวต้ม ชิงหลวนกับจูหลีและกัวเฟยต่างก็แทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ
จางเจ๋อหวยดีใจเป็นอย่างมาก สั่งให้คนรีบเอาข้าวต้มไปให้ หมอหลวงเจียงรับไว้ แล้ววิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว ส่งให้กับเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบช้อนขึ้นมา แล้วป้อนหวงฝู่อี้เซวียนทีละคำๆ หลังจากป้อนหมด ก็เอาชามวางไว้ที่พื้น แล้วถามว่า “ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง”
หวงฝู่อี้เซวียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีความรู้สึกร้อนระอุในร่างกายแล้ว แล้วก็มีแรงด้วย”
เมื่อพูดจบ ก็ยิ้มให้กับเมิ่งเชี่ยนโยว แล้วร้องขอว่า “ห่มผ้าห่มที่บางกว่านี้ให้ข้าได้หรือไม่ ร้อนเกินไปแล้ว”
เห็นอาการของเขาดีขึ้น เมิ่งเชี่ยนโยวแม้จะใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่ก็ถามเขากลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าว่าอย่างไรล่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนเห็นสีหน้าของนาง ก็ส่ายหน้า “ไม่ได้ ไม่ได้แน่นอน”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมา พร้อมกล่าวว่า “อดทนหน่อย รอให้ความร้อนในร่างกายของเจ้าหายไปก่อน เจ้าก็ไม่ต้องห่มผ้าห่มที่หนาขนาดนี้แล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ ต่างก็อ้ำอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปบอกกับหมอหลวงเจียงว่า “ร่างกายของอี้เซวียนแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันสูง ยังต้องใช้เวลานานขนาดนี้กว่าจะฟื้นขึ้นมา ข้าคิดว่าใบสั่งยาของพวกเราจะต้องแก้ไขเล็กน้อย ต้องเพิ่มขนาดยาเข้าไปอีก”
หมอหลวงเจียงก็คิดถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นเดียวกัน เขาพยักหน้า “ใช่ ข้าคิดว่ายาขับเหงื่อควรที่จะเพิ่มเข้าไปให้มาก ส่วนอย่างอื่น พวกเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา ถ้าหากว่าเพิ่มยาเกินขนาดเข้าไป พวกเขาจะรับไม่ไหวเอา”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ยาที่เอาไว้กำจัดไวรัสก็เพิ่มเติมเข้าไปด้วย โดยเฉพาะคนที่มีอาการหนัก”
หมอหลวงได้ยินคำว่าไวรัสเป็นครั้งที่สอง ไม่รู้ว่ามีความหมายว่าอย่างไร จึงมองไปที่นางอย่างไม่เข้าใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวได้พูดชื่อของยาออกมา
ทุกคนต่างก็มึนงงกันไปหมด นี่ล้วนเป็นยาที่หายากทั้งสิ้น
หมอหลวงเจียงพยัก “ยาพวกนี้หายากอยู่แล้ว ถ้าหากว่าจะเพิ่มขนาดยาลงไปล่ะก็ เกรงว่าจะไม่พอต่อความต้องการเอาล่ะสิ”
“ท่านเขียนจดหมาย ให้ใต้เท้าจางถวายรายงาน ส่งไปที่เมืองหลวงให้เร็วที่สุด ขอให้ฮ่องเต้ส่งยามาให้ ส่วนเรื่องตัวยา ทำทั้งหมดสองชุด ชุดแรกให้เพิ่มขนาดยา ให้คนที่มีอาการหนักดื่ม ส่วนคนที่มีอาการไม่หนักมาก ก็ดื่มยาปกติไปก่อน บรรเทากันไป” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
หมอหลวงเจียงพยักหน้า แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมิ่งเชี่ยนโยวก้มหน้า แล้วพูดกับหวงฝู่อี้เซวียนว่า “ข้าจะออกไปประเดี๋ยวหนึ่ง”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวก็เดินออกไป
หมอหลวงเจียงยืนอยู่ที่ริมเขตกักตัวตะโกนบอกจางเจ๋อหวยเรื่องคำสั่งของเมิ่งเชี่ยนโยว
จางเจ๋อหวยตอบรับ สั่งให้คนไปที่ว่าการนำรายงานกลับมา
ด้านนอกเขตกักตัวมีคนชุดดำยืนอยู่มากมาย ก็คือคนที่เหลือทิ้งไว้ให้จัดการเรื่องที่โรงเตี๊ยมนั่นเอง เมื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมา ก็ทักทายว่า “แม่นางเมิ่ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า รอให้หมอหลวงเจียงเขียนสูตรยาเสร็จ ก็รีบเอาพู่กันมาเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ ในนั้นเขียนเรื่องเกี่ยวกับที่หลังจากอี้เซวียนมาแล้วทำอะไรบ้าง รวมไปถึงเรื่องระหว่างทางที่นางโดนลอบฆ่าด้วย แล้วก็เรื่องที่หวงฝู่อี้เซวียนติดเชื้อจนต้องโดนกักตัว รวมถึงเรื่องที่เฮ่อเหลี่ยนกีดกันไม่ให้นางเข้าไปในสถานกักตัวด้วย เขาอยากใช้โอกาสนี้ในการกำจัดหวงฝู่อี้เซวียน เมื่อเขียนเสร็จก็ส่งให้กับคนชุดดำ บอกว่า “รีบจัดคนส่งไปที่เมืองหลวง ส่งให้กับท่านอ๋อง ให้เขาคิดหาวิธีกีดกันเฮ่อจาง แล้วก็เอาเรื่องที่เฮ่อเหลี่ยนทำไปรายงานกับฮ่องเต้ให้ได้”
หัวหน้าของพวกคนชุดดำตอบรับ แล้วรับไป ส่งคนให้นำจดหมายไปส่งโดยทันที แล้วบอกเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “แม่นางเมิ่ง หน้าที่ของพวกเราก็คือพิทักษ์รักษาความปลอดภัยให้กับซื่อจื่อ จะอยู่เฝ้าที่นี่ไม่หายไปไหน ถ้าหากว่าท่านมีเรื่องอันใด ขอแค่สั่งมา”
เมิ่งเชี่ยนหยักหน้า
ชิงหลวนเดินมาบอกว่า “นายหญิง ซื่อจื่อก็ฟื้นแล้ว ท่านควรกินอะไรเสียหน่อยนะเจ้าคะ”
หวงฝู่อี้เซวียนฟื้นขึ้นมา อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกหิวขึ้นมา “เตรียมอาหารมาให้ข้าที”
ชิงหลวนตอบรับด้วยความดีใจ แล้วหันกลับไปจัดสำรับ
จางเจ๋อหวยได้รับคำสั่งจากหมอหลวงเจียงแล้ว สั่งให้คนไปเอาหม้อใบใหญ่สองใบจากทางด้านนอกสถานกักตัวมา จัดขนาดยาตามที่เขาบอก แล้วต้มยาแบ่งเป็นสองหม้อ
ชิงหลวนจัดสำรับเสร็จแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้เอากลับไปที่ห้องด้วย นั่งอยู่ตรงหน้าหวงฝู่อี้เซวียน แล้วกินอาหารไป
เห็นนางกินเสียจนเสียภาพลักษณ์ หวงฝู่อี้เซวียนรู้สึกปวดใจยิ่งนัก บอกกับนางว่า “ช้าหน่อยๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างไม่ค่อยชัดว่า “ใต้เท้าจางกำลังต้มยา อีกเดี๋ยวข้าก็จะต้องไปกับพวกหมอหลวงเพื่อเอาไปแจกจ่าย”
ท่าทางของหวงฝู่อี้เซวียนซาบซึ้งเป็นอย่างมาก และหมอหลวงที่เหลือก็เลื่อมใสในตัวนางมากขึ้นไปอีก
ยาต้มๆ เสร็จแล้ว มีนายทหารที่ใส่เสื้อหนาๆ เดินมาช่วยด้วย เมิ่งเชี่ยนโยวก็พานายทหารคนหนึ่งเดินมาที่ในห้องเล็ก แล้วป้อนยาให้กับองครักษ์หลวง หลังจากนั้นก็มาในห้องใหญ่ แล้วให้นายทหารเหล่านั้นป้อนยาตามอาการของแต่ละคน
หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน ยุ่งวุ่นวายกันอยู่สองชั่วยาม ทุกคนก็ได้รับยาต้มกันถ้วนหน้า ส่วนเมิ่งเชี่ยนโยวและหมอหลวงเจียงกับคนอื่นๆ และเหล่าทหารทั้งหลาย ต่างก็เหนื่อยกันจนแทบจะหมดแรง
เมื่อเสร็จแล้ว หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ ก็กลับไปที่พักของตน ส่วนเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปที่ห้องเล็กนั่น
หวงฝู่อี้เซวียนหลับไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวจึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เขาอย่างเบาๆ แล้วจ้องเขาตาไม่กะพริบ
จนกระทั่งง่วงแล้วผล็อยหลับไป
ในขณะที่กำลังมึนงงอยู่ ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกที่เจ็บปวดจากหวงฝู่อี้เซวียน จึงลืมตาขึ้นมาโดยทันที พบว่าหน้าของเขากลับมาแดงอีกแล้ว
ตอนที่ 200-1 ช่วยเหลือเกื้อกูล
เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ตกใจอะไร หยิบขวดดินเผาออกมาจากอกแล้วเทเม็ดยาออกมา แล้วป้อนยาให้เขาหนึ่งเม็ด เดินออกมาด้านนอก แล้วสั่งชิงหลวนที่คอยเฝ้าเวรอยู่ว่า “รีบไปต้มยามาชามหนึ่งที”
ชิงหลวนตอบรับ แล้วไปต้มยา
หัวหน้าคนชุดดำเห็นท่าทางที่ตกใจของนางก็เลยตกใจไปด้วย จึงถามอย่างร้อนรนว่า “แม่นางเมิ่ง ซื่อจื่ออาการแย่อย่างนั้นหรือ” พวกเขาเป็นองครักษ์เงาของหวงฝู่อี้เซวียน การออกเดินทางครั้งนี้ เพราะอี้เซวียนมีองครักษ์หลวง องครักษ์เงาเลยไม่สะดวกที่จะตามมาด้วย เลยไม่ได้มาด้วยกัน ต่อมารู้ข่าวว่าแม่นางเมิ่งออกจากเมืองมา เลยคาดเดาว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับหวงฝู่อี้เซวียนเป็นแน่ เลยสั่งให้พวกเขาตามมาอย่างใกล้ชิด ถ้าหากว่าหวงฝู่อี้เซวียนเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ไม่ต้องรอให้อ๋องฉีออกคำสั่งหรอก องครักษ์เงาเหล่านี้ก็ต้องตายตามไปด้วย ดังนั้น ตอนนี้จึงตกใจเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องตกใจ เจ้าเฝ้าตรงนี้ให้ดี อี้เซวียนให้ข้าดูแลเอง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดปลอบใจเขา
หัวหน้าองครักษ์เงามักจะอยู่ข้างกายของหวงฝู่อี้เซวียนเสมอ จึงรู้ว่าศาสตร์การแพทย์ของเมิ่งเชี่ยนโยวล้ำเลิศ เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้จึงสบายใจ และรับรองว่า “แม่นางเมิ่งเชิญดูแลเจ้านายอย่างสบายใจเถิด ถ้าหากว่ามีคนกล้ามาก่อความวุ่นวาย ข้าน้อยจะไม่ปล่อยมันไปเด็ดขาด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า กลับเข้าไปด้านในห้อง เห็นใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนแดงขึ้นเรื่อยๆ เลยเกิดความคิด ดูท่าแล้วว่าไวรัสในครั้งนี้รุนแรงมาก ทำให้อี้เซวียนตัวร้อนเป็นระยะๆ ไม่ต้องพูดถึงคนที่เหลือเลย ยาต่างๆ จากที่มีน้อยอยู่แล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะไม่พอใช้เอา อีกทั้งจดหมายเร่งด่วนก็เพิ่งส่งไปเมื่อวาน ถึงเมืองหลวงเร็วที่สุดก็น่าจะประมาณวันนี้ รอให้ฮ่องเต้ออกคำสั่งรวบรวมยาส่งมาที่นี่ ถึงแม้จะรวบรวมจากเมืองที่อยู่ใกล้ๆ ก็ตามอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองวัน ถ้าเป็นเช่นนั้นคนที่ติดเชื้อเหล่านี้… นางไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว
ชิงหลวนต้มยาเสร็จเรียบร้อย ยืนตะโกนเรียกนางอยู่ด้านนอก
เห็นว่าใบหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนแดงขึ้นเรื่อยๆ เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟัน ลุกขึ้น แล้วเดินออกไปข้างนอก หยิบกระดาษพู่กันมาเขียนข้อความ แล้วถือเอาไว้ที่มือ รอให้ถึงตอนที่ไปรับยามา ก็ตะโกนเรียก “ชิงหลวน” แล้วโยนจดหมายให้กับนาง
ชิงหลวนเปิดออก ดูข้อความที่อยู่ด้านในชัดเจนแล้ว สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป แล้วเดินไปที่ด้านหน้าของหัวหน้าองครักษ์เงา แล้วให้เขาดูข้อความ
ทั้งสองคนมองหน้ากัน แล้วเดินไปที่หม้อต้มยาอย่างไม่ได้นัดหมาย โค้งตัวลงไปหยิบถุงยาสำหรับคนที่มีอาการหนักออกมา แล้วซ่อนเอาไว้
ฟ้ามืดแล้ว นายทหารที่ยืนเฝ้าเวรยามอยู่ทั้งง่วงทั้งเหนื่อย เลยหาที่ดีๆ เอาไว้หลับนอนตั้งนานแล้ว ไม่มีคนเห็นการกระทำของพวกเขาอย่างแน่นอน
ที่ห้องเล็ก เมิ่งเชี่ยนโยวเอายาให้หวงฝู่อี้เซวียนดื่มเข้าไป แล้วยืนมองเขาอยู่ข้างๆ จนกระทั่งฟ้าสาง ความร้อนในตัวของเขาถึงจะลดลง
หมอหลวงเจียงและอีกสามคนตื่นแต่เช้ามาผลัดเปลี่ยน เห็นขอบตาดำของเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว แนะนำว่า “แม่นางเมิ่ง ท่านไปพักผ่อนก่อนเถิด ซื่อจื่อให้พวกเราดูแลเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “เมื่อวานนี้อี้เซวียนตัวร้อนอีกแล้ว ข้าเลยป้อนยาให้กับเขา อาการตัวร้อนเพิ่งจะทุเลา เกรงว่าคนอื่นๆ ก็น่าจะ…” พูดยังไม่ทันจบ ก็โดนนายทหารคนหนึ่งมารายงานด้วยท่าทีที่ตกใจว่า “หมอหลวง ท่านรีบไปดูทีเถิด คนไข้ที่ดีขึ้นแล้วเมื่อวาน ตอนนี้ตัวร้อนขึ้นมาอีกแล้วขอรับ”
หมอหลวงเจียงไม่สามารถสนทนากับเมิ่งเชี่ยนโยวได้อีกต่อไป เพราะต้องไปที่ห้องใหญ่ทางนั้น ยุ่งวุ่นวายกันไปอีกรอบ ให้จางเจ๋อหวยสั่งคนต้มยา ให้ทุกคนดื่ม หมอหลวงและคนอื่นๆ ถึงได้โล่งไปอีกหนึ่งที
ส่วนจางเจ๋อหวยยืนอยู่ที่ตรงด้านหน้าของหม้อ โล่งว่างไม่มีอะไรเลย เลยรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ บอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าจะมีใบสั่งยาแล้วอย่างไร ไม่มีตัวยาแล้ว ผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี
หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ ต่างก็ถอนหายใจ จากนั้นก็คิดถึงปัญหาใหญ่อันนี้ ก็ตกใจในทันทีทันใด ไม่ว่าอย่างไรจะต้องมีตัวยาครบครันถึงจะสำเร็จได้ ต่อให้แม่นางเมิ่งมีความสามารถเก่งกาจขนาดไหน แต่หากไม่มีตัวยาก็เท่านั้น
เหมือนจะเห็นภาพของคนที่กำลังจะตาย ทั้งในและนอกสถานกักตัวต่างเงียบสงัด
เวลาสายแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้ตัวร้อนขึ้นอีก แต่เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่กล้าห่างจากเขา มองจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา
ในทันทีทันใดก็มีเสียงดีใจของชิงหลวนดังเข้ามา “นายหญิง ท่านรีบมาดูสิเจ้าคะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวอยากจะลุกขึ้น แต่เป็นเพราะนั่งนานจนเกินไป เลยทำให้ร่างกายชาไปหมด ยืนได้สักพักถึงจะดีขึ้น เมื่อเดินไปด้านนอก ก็เห็นเหวินซื่อเดินเข้ามาในสถานกักตัว กำลังมุ่งหน้ามาที่ห้องเล็กแห่งนี้
เมิ่งเชี่ยนโยวทำหน้านิ่งแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ใครให้เจ้าเข้ามาที่นี่ ออกไปเดี๋ยวนี้”
เหวินซื่อชะงักไป มองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ขยับปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อได้ยินคำพูดของนาง คนที่อยู่ด้านนอกสถานกักตัวก็ชะงักไปเช่นเดียวกัน
ชิงหลวนเอ่ยปาก อยากจะบอกว่าเหวินซื่อมาส่งยา แต่ก็โดนเมิ่งเชี่ยนโยวพูดตัดด้วยความโกรธว่า “ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง ข้าบอกให้เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ ถ้ายังไม่ออกไป อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” เมื่อพูดจบ ก็หยิบมีดพกของต้นขึ้นมาถือไว้ที่มือ
เหวินซื่อตกใจเป็นอย่างมากจึงถอยหลังกลับไป แล้วพูดว่า “ยัยบ้าเอ้ย จะดุขนาดนี้ไปทำไมกัน”
เก็บมีดเข้าที่ แล้วเดินไปยืนห่างจากริมเขตกักตัวสามเมตร แล้วพูดอย่างโกรธว่า “นี่เป็นเขตมีเชื้อ เจ้าไม่รู้หรือไง เดินราวไม่กลัวความตาย เบื่อจะมีชีวิตต่อไปแล้วหรือ!”
เหวินซื่อเบะปาก แล้วพูดอย่างไม่สนใจว่า “เจ้าก็อยู่ข้างใน ก็ไม่เห็นเป็นอะไร เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะติดเชื้อแน่นอน”
“ชิงหลวน ให้ยาเขาหนึ่งเม็ด แล้วส่งเขาออกจากหลินเฉิงเดี๋ยวนี้ ถ้าหากว่าเขาไม่ยอม ก็ตัดขาของเขาแล้วโยนลงไปในคลอง จะได้ไม่ต้องตายต่อหน้าข้า ต้องให้ข้าเป็นธุระเก็บศพเขาอีก” เมิ่งเชี่ยนโยวออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น
ชิงหลวนไม่ได้ตอบรับในครั้งนี้ ทำเพียงแค่หยิบขวดดินเผาขึ้นมาแล้วเดินไปที่เหวินซื่อ
เหวินซื่อก็บอกว่า “ยัยบ้า ข้าก็แค่มีน้ำใจเอายามาส่งให้เจ้า แต่เจ้ากลับตอบแทนข้าเช่นนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว
หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ ต่างดีใจเป็นอย่างมาก
เหวินซื่อพูดจบ ก็รับขวดยามา เปิดออก แล้วเทเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด นำใส่เข้าปาก แล้วเอาขวดดินเผาคืนชิงหลวน
เมิ่งเชี่ยนโยวถามด้วยความสงสัย “ส่งยาอะไร ใครใช้ให้เจ้ามาส่ง”
“จะมีใครใช้ให้ข้ามาส่ง ตอนที่เจ้าออกมาจากเมืองหลวง ชาวเมืองเขาก็รู้กันหมดแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้ามาที่หลินเฉิง ก็เดาได้ว่าทางนี้จะต้องขาดยาอย่างแน่นอน ก็เลยทำตามที่ก่อนหน้านี้เจ้าให้คนเอายามาส่งสองคันรถน่ะ ข้าจะบอกให้นะ ยัยบ้า เจ้ายังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอีก ตอนที่ข้ามาก็รีบแทบตาย ไม่ง่ายเลยนะที่จะมาได้เร็วขนาดนี้ ข้าได้ยินแล้วว่ายาของพวกเจ้าทางนี้ใช้หมดแล้ว ข้ามาได้ทันเวลาพอดี” พูดจบ ก็มีความได้ใจเล็กน้อย
ยาที่ทำขึ้นมาเองมีฤทธิ์ได้แค่ป้องกันเท่านั้น ไม่มีตัวยาที่ต้องการ แต่ว่า สามารถต้มให้กับคนที่ไม่ติดเชื้อกินได้ ป้องกันเสียหน่อย อีกทั้งเขายังเป็นถึงทายาทของร้านยาเต๋อเหริน ร้านยาเต๋อเหรินมีสาขาทั่วทั้งรัฐอู่ เปิดสาขาย่อยเต็มไปหมด ถ้าหากว่าเขารวบรวมยาได้ล่ะก็ จะต้องเร็วกว่าฮ่องเต้อย่างแน่นอน
สีหน้ากลับเป็นปกติ เมิ่งเชี่ยนโยวถามว่า “ถ้าหากว่ารวบรวมยาจากร้านยาเต๋อเหรินที่ใกล้ที่สุดนี้ จะต้องใช้เวลประมาณเท่าไร”
เหวินซื่อยื่นมือออกมาชูหนึ่งนิ้ว “หนึ่งชั่วยาม”
เมิ่งเชี่ยนโยวทำสัญญาณให้จางเจ๋อหวยเอาใบสั่งยาของเมื่อวานให้กับเขา บอกว่า “ทำตามใบสั่งยานี้ เอาไปให้เถ้าแก่สาขาย่อยของเจ้า ให้พวกเขาส่งยามาภายในหนึ่งชั่วยาม”
เหวินซื่อรับมาดู ตอนที่เห็นชื่อยาเหล่านั้น ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า “ไม่มีปัญหา จะเอาเท่าใด”
“มีเท่าใด เอามาเท่านั้น ส่วนเรื่องเงิน รอให้จัดการโรคระบาดเสร็จก่อน กลับไปที่เมืองหลวงค่อยให้”
เหวินซื่อโบกมือ “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้น ข้าจะรีบเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ เจ้าสั่งให้คนเอาไปให้ที่ร้านยาทางเขตชายแดนหลินเฉิงก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าบอกว่า “นอกจากชายแดนหลินเฉิงแล้ว ก็ส่งจดหมายให้กับร้านยาเต๋อเหรินที่อื่นด้วย ให้พวกเขาเอายามาส่งให้เร็วที่สุด”
เหวินซื่อตอบรับ
จางเจ๋อหวยได้สั่งให้คนเอากระดาษพู่กันมาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เหวินซื่อหาที่เรียบๆ เขียนจดหมาย แล้วประทับตราของตนเอง
“กัวเฟย เจ้าสั่งให้คนเอาไปส่งให้เร็วที่สุด ยิ่งเร็วยิ่งดี” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง
กัวเฟยรับจดหมาย แล้วรีบส่งคนไปส่งให้กับร้านยาเต๋อเหรินที่อยู่ใกล้ๆ
หมอหลวงเจียงและคนอื่นๆ เมื่อเห็นทุกสิ่งอย่างนี้แล้ว ก็วางใจ ส่วนหมอหลวงหนุ่มคนนั้นกลับยืนนิ่งเอาแต่มองพวกเขา ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ตอนที่ 200-2 ช่วยเหลือเกื้อกูล
เหวินซื่อจัดการเสร็จก็ได้ใจเล็กน้อย พูดขึ้นว่า “ยัยหนู เห็นทีจะต้องขอบใจข้าเสียแล้ว มิเช่นนั้น…” เขายังพูดไม่ทันจบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องเล็ก เดินไปออกคำสั่งกับชิงหลวนไปว่า “ดูเขาให้ดี ถ้าหากว่าเขายังกล้าเข้ามาในเขตกักตัวล่ะก็ ตัดขาเขาได้เลย”
“นี่เจ้า…” มองเห็นนางเดินไปไม่หันกลับ เหวินซื่อโกรธจนแทบจะกระโดดขึ้น “ยัยเด็กบ้านี่ มันง่ายนักหรือไงที่ข้ามาส่งยาให้เจ้าเนี่ย อีกนิดเดียวข้าก็จะโดน…”
พูดยังไม่ทันจบ
เมิ่งเชี่ยนโยวก็หยุด แล้วหันกลับมาตอบเขาด้วยน้ำเสียงนิ่งว่า “สมควร ตอนแรกข้าบอกให้เจ้าตัดรากถอนโคนไปเลย แต่เจ้ากลับระลึกถึงความเป็นพี่น้องเลยไม่กล้าจะลงมือ ตอนนี้ที่เจ้าเสียเปรียบอยู่เช่นนี้ ก็เป็นเพราะเจ้าทำตัวเอง”
เหวินซื่อประหลาดใจถามว่า “ข้าไม่ได้พูดถึงเขาเสียหน่อย เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“ก็เพราะว่าเขาอยากจะฆ่าข้าไงล่ะ แต่ว่าไม่ทันได้ทำ ก็คิดอยู่ว่าขากลับเมืองหลวงเขาอาจเจอเจ้าก็ได้” พูดจบ ก็เอามือลูบแขน ทำท่าทางประหลาดใจ “แต่น่าแปลก ทำไมเจ้าไม่โดนเขาฆ่าตายนะ มีชีวิตรอดมาจนถึงที่นี่ได้เยี่ยงไรกัน”
เหวินซื่อโกรธมาก กระโดดขึ้น แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ยัยบ้านี่ มีคนที่คอยแช่งคนอื่นอย่างเจ้าด้วยหรือ ถ้ารู้แบบนี้…”
ขี้เกียจจะฟังเขาพูดไร้สาระ เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งจูหลี “จูหลี ถ้าหากว่าเขายังกล้าพูดมากอีก ก็อุดปากเขาซะ”
จูหลีตอบรับอย่างชื่นมื่น แล้วมองไปที่เขาด้วยสายตาข่มขู่
เหวินซื่ออ้าปากอยากจะพูดคำที่ตนพูดค้างไว้เมื่อครู่ แต่เมื่อได้เห็นสายตาของจูหลี ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่พูดงึมงำอยู่ในลำคอ
“ระวังตัวหน่อย ซ้อเพิ่งจะมีลูก ยังรอให้เจ้ากลับไปดูแล เจ้าห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด” พูดจบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องเล็ก
เหวินซื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแล้วบอกว่า “ก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น วางใจเถิด ข้าจะต้องไม่เป็นอะไร”
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ยาที่ต้องการก็มาตรงตามเวลาที่กำหนด
จางเจ๋อหวยสั่งให้คนรีบเอาไปต้ม แล้วให้คนที่มีอาการหนักได้ดื่มก่อน ในขณะนั้นก็มีคนที่ทนไม่ไหวตายไปก็มี แต่ว่าดีกว่าวันก่อนมากแล้ว อย่างน้อยนายทหารที่มีหน้าที่หามศพคนตายก็ไม่ได้ยุ่งจนไม่ได้หยุดพัก
ส่วนหมอหลวงหนุ่มคนนั้นเมื่อเห็นผลเป็นเช่นนี้ จึงแอบเดินเข้าไปในสถานกักตัวเงียบๆ เข้าไปเป็นหน่วยช่วยเหลือคนด้วย
หมอหลวงเจียงเห็นเขาที่กำลังยุ่งเพราะช่วยคน ก็ถอนหายใจ หมอหลวงคนนี้ศาสตร์การแพทย์ไม่เลวเลย เนื้อแท้ของเขาก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ว่าเย่อหยิ่งไปหน่อยก็เท่านั้น ขอแค่แม่นางเมิ่งไม่ถือสาคำพูดของเด็กเมื่อวานซืนอย่างเขาก็พอ ปล่อยเขาไป มิเช่นนั้น การเป็นหมอหลวงของเขาก็น่าจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้
ตอนเย็น ร้านยาเต๋อเหรินจากทั่วทุกสารทิศก็ส่งยามาให้ จางเจ๋อหวยจดบันทึกทีละอันๆ สั่งคนให้เอายาไปต้ม คนที่มีอาการหนักก็ให้ดื่มก่อนหนึ่งชาม
ส่วนหวงฝู่อี้เซวียนก็ตัวร้อนขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีตัวยาแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้กังวลมากแล้ว จึงป้อนยาเขาด้วยความระมัดระวัง แล้วเฝ้าอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา
วันที่สอง ฮ่องเต้ได้รับรายงานเร่งด่วน จึงออกราชโองการให้ร้านยาทุกแห่งส่งยาไปที่หลินเฉิง กำชับว่า ‘ถ้าหากว่ามีผู้ใดไม่ส่งหรือว่าฉวยโอกาสขึ้นราคา ประหารทันที…ทั้งตระกูล’
เมื่อราชโองการออกไป ใครหน้าไหนจะกล้าขัด วันที่สามยาจากร้านยาทั้งหลายก็ส่งมาไม่หยุด
ส่วนเมิ่งเชี่ยนโยวที่ไม่ได้พักผ่อนติดต่อกันหลายวัน ก็ไม่ไหวเข้าเสียแล้ว สุดท้ายก็นอนฟุบไปที่บนตัวของหวงฝู่อี้เซวียนที่กำลังหลับอยู่
หวงฝู่อี้เซวียนฟื้นขึ้น เมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่กำลังนอนฟุบอยู่ด้วยท่าที่ไม่ค่อยสบายนัก เห็นเช่นนี้จึงปวดใจยิ่งนัก อยากยื่นมือไปลูบที่ใบหน้าของนาง แต่ก็กลัวนางตื่น จึงทำได้แค่มองนางเท่านั้น
เมิ่งเชี่ยนโยวเหนื่อยมากจริงๆ นางหลับไปได้ประมาณหนึ่งชั่วยาม ถึงจะตื่น อย่างแรกก็คือยื่นมือไปลูบหัวของหวงฝู่อี้เซวียน แต่กลับเห็นหน้าเขาที่กำลังยิ้มแล้วมองมาที่ตนอยู่ ชะงักเล็กน้อย แล้วจึงพูดด้วยความดีใจว่า “อี้เซวียน เจ้าฟื้นแล้วหรือ”
หวงฝู่อี้เซวียนยกมือขึ้นมา ลูบไปที่ใบหน้าของนาง ดวงตาสื่อถึงความรักปละความสงสารอย่างที่สุด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแห้งแหบว่า “โยวเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเขามีสติและพละกำลัง ใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ้ม แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “คนโง่ พูดเรื่องพวกนี้เพื่ออะไรกัน เจ้าฟื้นก็ดีแล้ว”
รู้สึกได้ว่าตนเองจะรอดออกไปได้แล้ว หวงฝู่อี้เซวียนซาบซึ้ง กระแอมสองครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืนทันที “ข้าจะไปเอาน้ำให้เจ้า” แล้วจึงรีบวิ่งออกไป
ชิงหลวนเห็นนางวิ่งออกมา จึงคิดว่าหวงฝู่อี้เซวียนตัวร้อนอีกแล้ว กำลังจะไปเอายามาอีกชาม แต่ได้ยินคำสั่งของเมิ่งเชี่ยนโยวเสียก่อน “เร็วเข้า เอาน้ำให้ข้าที อี้เซวียนฟื้นแล้ว”
จูหลีรีบไปเทน้ำอย่างรวดเร็ว เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา แล้ววิ่งกลับเข้าไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่อี้เซวียนตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นนั่ง เมิ่งเชี่ยนโยวบอกให้เขาหยุด “เจ้าตัวร้อนมาหลายวัน ไม่ได้กินข้าวสักเม็ด ไม่มีแรง นอนลงไปเถอะ ข้าป้อนเอง”
รู้สึกว่าตนเองไร้เรี่ยงแรงมากจริงๆ หวงฝู่อี้เซวียนจึงไม่ได้ฝืนทำต่อ
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้มือซ้ายจับหน้าของเขาเงยขึ้น มือขาถือแก้วป้อนน้ำให้เขาดื่ม
ตัวร้อนติดต่อกันมาหลายวัน อีกนิดเดียวน้ำก็จะหมดตัวหวงฝู่อี้เซวียนอยู่แล้ว ดื่มน้ำลงไปหนึ่งแก้ว จึงรู้สึกดีขึ้น
เมิ่งเชี่ยนโยวให้เขานอนบนผ้าห่ม แล้วยิ้มมองไปที่เขา
ยื่นมือออกมา เอามือของเขามาแนบไว้ที่ใบหน้าของตน แล้วลูบไปมา หวงฝู่อี้เซวียนพูด “โยวเอ๋อร์ ข้านึกว่าชีวิตนี้จะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว ข้าเขียนจดหมายไว้เรียบร้อยแล้ว ฝากไว้กับใต้เท้าจาง บอกเขาว่ารอให้ข้าตายก่อนแล้วค่อยส่งให้เจ้า แต่โชคดี ที่ข้าไม่ตาย ต่อไปนี้เจ้าก็ไม่ต้องไปแต่งงานกับคนอื่นแล้ว”
ลูบไปที่ใบหน้าของนาง เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า “เจ้าบ้า พวกเราคุยกันไว้แล้วไม่ใช่หรือ ว่าชีวิตนี้จะไม่จากกัน แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าไปจากข้าได้อย่างไร”
ตาของหวงฝู่อี้เซวียนก็แดงก่ำเช่นเดียวกัน มองกลับไปที่นาง
องครักษ์หลวงที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งก็ฟื้นขึ้นแล้วเช่นกัน ลืมตาขึ้นมา เห็นท่าทางของทั้งสองคนแล้ว ตกใจมากจึงต้องหลับตาลงอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวรับรู้ได้ นางจะไม่เห็นการกระทำของพวกเขาได้อย่างไร ดึงมือกลับมา แล้วถามพวกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “วันนี้พวกเจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
องครักษ์หลวงรู้ว่านางเห็นแล้ว เกร็งเล็กน้อย แต่แล้วก็ตอบกลับไปว่า “ดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณแม่นางเมิ่งมาก”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหัว “ไม่ต้องขอบคุณข้า ที่พวกเจ้าสามารถมีชีวิตต่อไปได้ เป็นเพราะตัวพวกเจ้าเอง ไม่ได้เกี่ยวกับข้า เดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนเอาข้าวต้มมาให้พวกเจ้ากินเสียหน่อย ร่างกายจะได้สบายขึ้น”
พวกองครักษ์หลวงพยักหน้า “ขอบคุณแม่นางเมิ่ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น แล้วเรียกทหารที่ทำหน้าที่ป้อนข้าวโดยเฉพาะให้เอาข้าวต้มมา ป้อนให้ทุกคนกิน ส่วนนนางก็ถือข้าวต้มมาหนึ่งชาม แล้วป้อนให้กับหวงฝู่อี้เซวียนทีละช้อน
กินหมด นอนไปได้สักพัก หวงฝู่อี้เซวียนและองครักษ์หลวงทั้งหลายก็หลับลึกไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าพวกเขาหลับแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าพวกเขาจะต้องรอดอย่างแน่นอน และโรคระบาดในครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะจัดการได้แล้ว ถึงแม้ว่ายังมีคนตายอยู่บ้าง แต่อย่างไรซะนั่นก็คือส่วนน้อย คนส่วนมากล้วนแล้วแต่มีชีวิตรอด หลินเฉิงก็จะได้ไม่เป็นเมืองร้างเพราะโรคระบาดนี้ด้วย
คนที่ดีใจมากเช่นกันก็คือหมอหลวงเจียงและพรรคพวก ในเขตกักตัว คนไข้ที่ตัวร้อนก็น้อยลงเรื่อยๆ คนที่มีอาการไม่หนักมากก็สามารถยืนขึ้นได้แล้ว แสดงว่าวิธีการรักษาโรคระบาดนี้ได้ผล แล้วหัวของพวกเขาก็ไม่หลุดออกจากบ่าด้วย
จางเจ๋อหวยก็ดีใจเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นสถานการณ์โดยรวมของด้านใน แต่ว่าเขาเห็นทหารแบกศพออกมาเพียงแค่หนึ่งศพเท่านั้นในวันนี้ เท่านี้เขาก็รู้แล้วว่าโรคระบาดในครั้งนี้ควบคุมได้แล้ว เขาสามารถรักษาตำแหน่งในเมืองหลินเฉิงและชีวิตของเขาไว้ได้
ชิงหลวนและจูหลีแทบจะร้องไห้ด้วยความปีติ ซื่อจื่อไม่เป็นอะไรแล้ว นายหญิงของพวกนางก็ไม่เป็นอะไร ต่อจากนี้พวกนางก็จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนแต่ก่อนแล้ว
กัวเฟยและหัวหน้าองครักษ์เงายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ปกติพวกเขาเป็นคนที่ก็เก็บความรู้สึกอยู่แล้ว แต่เวลานี้ก็ไม่สามารถกลั้นยิ้มไว้ได้
คนที่เกินหน้าเกินตาไปหน่อยก็คือเหวินซื่อ เดินที่เชือกกั้นแบ่งเขตตั้งหลายรอบ อยากเข้าไปดูเสียหน่อย แต่พอนึกถึงคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็ถอยกลับไป
คนทุกคนที่หลินเฉิงดีใจเป็นอย่างมาก แต่ที่เมืองหลวง อ๋องฉีที่กำลังนั่งอ่านจดหมายอยู่ที่ห้องหนังสือ กลับมีสีหน้าเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
ตอนที่ 201-1 เข้าเฝ้าฝ่าบาท
การกระทำของเฮ่อจางในครั้งนี้แยบยลยิ่งนัก ถึงแม้จะรู้ว่าเฮ่อเหลี่ยนเป็นคนที่อยู่ใต้บัญชาของเขา ส่งคนไปทำร้ายเซวียนเอ๋อร์ แต่ว่าไม่สามารถหาหลักฐานที่เป็นรูปธรรมได้เลย เพราะว่าเซวียนเอ๋อร์เป็นคนทำสถานกักตัวขึ้นมาเอง หลังจากที่เกิดติดเชื้อแล้ว ก็เป็นเขาเองที่ขอเข้าไปกักตัว พอเฮ่อเหลี่ยนไปที่นั่น ก็ไม่ต้องทำอะไรเลย ส่วนเรื่องที่ไม่ให้เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปด้านในสถานกักตัว ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมเลย แล้วก็พวกที่มาคอยกีดกันเมิ่งเชี่ยนโยวพวกนั้น ก็ให้องครักษ์เงาจัดการฆ่าไปหมดแล้ว ไม่เหลือดรอดไว้สักคน เพียงแค่จดหมายฉบับนี้ฉบับเดียวไม่สามารถจะโน้มน้าวฮ่องเต้ได้อย่างแน่นอน
แต่ว่าการกระทำที่มันชัดเจนขนาดนี้ของเฮ่อจางก็ยั่วโมโหเขาในขณะเดียวกัน จ้องมองไปที่จดหมายเป็นเวลานาน ท่านอ๋องฉีก็ได้ออกคำสั่ง “ทหาร!”
มีคนตอบรับแล้วเดินเข้ามา
“ไป ไปหาเรื่องไปเจ้าสารเลวเฮ่อจาง อย่าให้เขาใช้ชีวิตที่ดีแบบนี้ต่อไปได้อีกเลย”
ตอบรับ แล้วออกไป
ท่านอ๋องฉีหยิบจดหมายขึ้นมา ออกจากห้องหนังสือ แล้วมุ่งที่ห้องของพระชายาฉี
ตั้งแต่รู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไปที่หลินเฉิง ใจของพระชายาฉีก็ไม่เคยวางได้เลย ขนาดชุดแต่งงานยังไม่มีอารมณ์ทำ ในทุกๆ วันก็เอาแต่รอนางเขียนจดหมายส่งมา หลายวันผ่านไป นางก็ซูบผอมลง กลายเป็นคนที่เศร้าโศกหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา
อ๋องฉีเดินถือจดหมายมาที่ห้องของพระชายาฉี ก็เห็นนางที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ที่หน้าต่าง เดินไปที่ตรงหน้านาง เอาจดหมายส่งให้นาง แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “แม่นางเมิ่งส่งจดหมายมา”
พระชายาฉีแสดงสีหน้าดีใจโดยทันที มีสติกลับคืนมา รีบรับดหมาย แล้วอ่านอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็โกรธ จนกร่นด่าออกมาเป็นครั้งแรกในชีวิต “ไอสารเลวเฮ่อจาง น่าจะตายๆ ไปซะ”
เมื่อได้ยินนางพูดออกมาเช่นนั้น อ๋องฉีชะงักไป
พระชายาฉียังคงโกรธอยู่ จึงไม่ได้รู้สึกอะไร เงยหน้าขึ้น แล้วพูดกับอ๋องฉีที่กำลังนิ่งชะงักอยู่ว่า “ท่านอ๋องส่งคนไปจัดการหรือยังเพคะ”
อ๋องฉีมีสติกลับมา พยักหน้า แล้วไปนั่งที่เก้าอี้อีกมุมหนึ่ง “วางใจเถิด ก่อนที่เซวียนเอ๋อร์จะกลับมาถึงเมืองหลวง มันอยู่ไม่เป็นสุขแน่”
ดังนั้น ในวันต่อมา มหาเสนาบดีเฮ่อผู้ยิ่งใหญ่ ก็พบแต่ความอับโชคที่ชีวิตนี้ไม่เคยเจอมาก่อน เริ่มจากตอนที่ออกจากจวนไปประชุมราชสำนัก เกี้ยวที่นั่ง จู่ ๆ ส่วนหน้าก็หักลงมา ตัวเขาที่นั่งอยู่บนเกี้ยวกระเด็นตกลงมา อีกนิดเดียวหน้าก็จะคะมำลงกับพื้นอยู่แล้ว แขนกับขาก็แทบหัก หัวมึนตาลาย ในขณะที่ยังไม่รู้สึกตัวนั้น ก็มีคนเอากระสอบมาคลุมหัว แล้วโดนรุมกระทืบ หลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็หายไป ส่วนตัวเขานอนอยู่ในกระสอบนั้นอีกนิดเดียวก็จะเป็นลมตายอยู่แล้ว ร้องเรียกเสียงดัง แต่ก็ไม่มีคนตอบรับ จึงตะเกียกตะกายเอากระสอบออก พบว่าคนแบกเกี้ยวของเขาโดนสกัดจุดจนขยับไม่ได้ ยืนมองเขาอยู่กับที่ด้วยสีหน้าตกใจ เวลานั้นยังเช้าอยู่มาก บนถนนไม่คนเดิน มหาเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าสงสารร้องเรียกแต่ก็ไม่มีคนช่วย ต้องคลานกลับบ้านไป จนกระทั่งถึงตอนพลบค่ำ ในขณะที่กำลังจะไปเข้าห้องน้ำ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะละเมอ หรือว่าปวดแผลที่ตัว มหาเสนาบดีก็หน้ามืดตามัวตกส้วมไป ผู้ดูแลที่ได้ยินเสียงจึงเข้ามาช่วย ได้กลิ่นเหม็นเน่าจากตัวของเขา ขยะแขยงจนกินข้าวไม่ลงไปหลายวันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงตัวเฮ่อจางเองเลย
…
เมื่อเกิดอุบัติเหตุติดต่อกันหลายครั้ง คนโง่ก็ยังรับรู้ได้ว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ และยิ่งไปกว่านั้นนี่คือเฮ่อจาง หลังจากที่ถวายใบลาให้ฮ่องเต้แล้ว ก็ได้ให้ทหารผู้ดูแลมาคุมอยู่รอบๆ จวน แม้แมลงก็อย่าให้บินเข้ามาได้ และแน่นอนย่อมไม่มีกระจิตกระใจไปสนเรื่องหลินเฉิงเป็นธรรมดา
เฮ่อจางยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลย โรคระบาดทางหลินเฉิงก็ควบคุมได้หมดแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนที่อยู่ในสถานกักตัวมาสามวัน ทุกคนล้วนไม่มีอาการตัวร้อนใดๆ แล้ว ในขณะที่ทุกคนกำลังเฉลิมฉลองอยู่นั้น จางเจ๋อหวยก็สั่งให้เก็บกวาดให้เรียบร้อย แล้วให้หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวย้ายไปอยู่ที่ห้องอื่น
ถึงแม้ว่าจะหายแล้ว ร่างกายของหวงฝู่อี้เซวียนก็ยังคงอ่อนแออยู่ จะต้องดูแลรักษาให้ดีเป็นเวลาหลายวัน เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่ได้ปฏิเสธ นำชิงหลวนและจูหลี และองครักษ์ลับกับองครักษ์เงามาพักอยู่ที่ห้องอื่นๆ
โรคระบาดได้รับการควบคุมแล้ว ฮ่องเต้ก็ได้รับรายงานเช่นเดียวกัน และก็ได้รับข่าวว่าหวงฝู่อี้เซวียนหายจากโรคแล้วด้วย จึงดีพระทัยเป็นอย่างมาก ออกราชโองการที่มีเนื้อความว่า ‘ซื่อจื่อแห่งอ๋องฉีทำคุณงามความดีใหญ่หลวง บรรเทาสาธารณภัยได้ จัดการโรคระบาดได้ จะประทานทองหนึ่งพันชั่ง และสิ่งของล้ำค่าต่างๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน แล้วสั่งให้กลับมาดูแลรักษาตนให้ดีที่เมืองหลวง ส่วนเรื่องทางหลินเฉิงก็ปล่อยให้จางเจ๋อหวยจัดการ’ ส่วนเฮ่อเหลี่ยนและเมิ่งเชี่ยนโยว ไม่มีพูดถึงในราชโองการ
หวงฝู่อี้เซวียนมีชีวิตรอดมาได้แล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนอะไรทั้งนั้น
ส่วนเฮ่อเหลี่ยนนั้นยังโดนขังอยู่ในคุก ไม่รู้เรื่องราวภายนอกสักนิด
เมิ่งเชี่ยนโยวอยู่เฝ้าหวงฝู่อี้เซวียนตลอดเป็นเวลาหลายวัน นางหมดสิ้นซึ่งเรี่ยวแรง หลังจากที่พาคนอื่นไปพัก และจัดการเรื่องต่างๆ เรียบร้อยแล้ว กลับมาที่ในห้อง ถอดเสื้อคลุมออก แล้วนอนที่ข้างกายของหวงฝู่อี้เซวียน โอบไปที่เอวของเขา แล้วนอนหลับไป อาจเป็นเพราะสบายใจแล้ว จึงได้นอนไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเลยทีเดียว จนหวงฝู่อี้เซวียนตกใจนึกว่านางก็ติดโรคระบาดด้วยเช่นกัน ลูบหน้าผากดูอาการของนางอยู่ตลอดเวลา
ชิงหลวนกับจูหลีก็ตกใจเช่นกัน ยืนอยู่นอกห้องด้วยความกังวล หวังก็แต่ขอให้มีคนออกคำสั่งให้นางสองคนทำอะไรสักอย่าง ถ้าเป็นเช่นนั้น แสดงว่าเจ้านายฟื้นแล้ว
ในขณะที่ทุกคนลุ้นและกำลังตั้งตารออยู่นั้น เมิ่งเชี่ยนโยวที่นอนเต็มอิ่มแล้วก็ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าวันที่สอง ลืมตาขึ้น เห็นหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนที่เต็มไปด้วยสีหน้าของความกังวลกำลังมองมาที่ตน จึงยิ้มให้กับเขา แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ข้านอนไปนานเท่าใดแล้ว”
ลูบหน้าผากของนาง ก็ยังคงปกติดี เมื่อเห็นนางปกติดี หวงฝู่อี้เซวียนก็โล่งใจ ตอบกลับไปว่า “หนึ่งวันหนึ่งคืน”
“ตกใจล่ะสิ” ก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนเดิม
พยักหน้า แล้วจูบไปที่หน้าผากของนางหนึ่งที แล้วตอบกลับไปด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ถ้าหากเจ้ายังไม่ตื่น ข้าจะเชิญหมอหลวงเจียงมาแล้วนะ”
พูดจบ ก็ลุกขึ้น แล้วห่มผ้าให้นาง เดินออกไปข้างนอกแล้วออกคำสั่งว่า “โยวเอ๋อร์ตื่นแล้ว ไปเอาสำรับมาด้วย”
ชิงหลวนและจูหลีได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากด้านในแล้ว ดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินดังนั้น ก็รีบไปที่ห้องครัว เอากับข้าวที่อุ่นอยู่บนเตาตลอดเวลาออกมาที่หน้าประตู หวงฝู่อี้เซวียนรับมา แล้วเอาเข้าไปวางไว้ที่โต๊ะด้านใน
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น หวงฝู่อี้เซวียนหยุดนางไว้ สีหน้าอันอบอุ่นพูดว่า “อย่าขยับ ข้าจะดูแลเจ้าเอง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดหัวเราะออกมา “ข้าไม่ได้เป็นอะไร เป็นเพราะหลายวันมานี้เหนื่อยไปหน่อย เลยหลับนานขนาดนี้ วันหลังจะไม่เป็นอย่างนี้อีกแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น แล้วเอาผ้าห่มจากอีกทางมาพับให้เรียบร้อย เอาหมอนวางไว้ด้านบน วางชิดไว้ที่หัวเตียงแล้วตบเบาๆ เป็นการบอกให้เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นนั่งครึ่งตัว ให้พิงไปที่ข้างหลัง
เห็นเขาดึงดันทำแบบนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวก็ตามใจ ลุกขึ้นนั่ง เอนตัวไปด้านหลัง
เขาเดินมาที่กะละมังน้ำ เอาผ้าขนหนูมาชุบให้เปียก แล้วก็เดินกลับมา แล้วเช็ดมือเช็ดหน้าให้นางอย่างระมัดระวัง วางผ้าขนหนูลง หวงฝู่อี้เซวียนถึงจะเอาสำรับบนโต๊ะย้ายมาวางไว้ตรงด้านหน้านาง ยกชามขึ้นมา หยิบช้อน เอาช้อนตักข้าวต้ม แล้วเอาไปจ่อที่ปากนาง เป็นการบอกให้นางอ้าปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักไปชั่วครู่
“อ้าปาก” หวงฝู่อี้เซวียนพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
นางอ้าปากอย่างงงๆ ให้ความร่วมมือเขา หวงฝู่อี้เซวียนป้อนข้าวนางด้วยรอยยิ้ม
เป็นแบบนี้ คนหนึ่งก็เอ็นดู อีกคนหนึ่งก็งง จนกระทั่งกินข้าวต้มจนหมด
เช็ดปากให้นางเบาๆ หวงฝู่อี้เซวียนถามด้วยความอ่อนโยนว่า “กินอิ่มหรือยัง จะเอาอีกหรือไม่”
ก็ส่ายหน้าแบบงงๆ แล้วก็พยักหน้าแบบลนๆ บอกว่า “กินอิ่มแล้ว”
นานๆ ทีจะเห็นนางมีท่าทีมึนๆ แบบนี้ หวงฝู่อี้เซวียนหลุดขำออกมา พร้อมกับสั่งให้คนเอาข้าวที่เหลือยกออกไป
อี้เซวียนถอดรองเท้า ขึ้นเตียง แล้วกอดเมิ่งเชี่ยนโยวไว้แน่น ไม่ได้พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวก็อยู่ในอ้อมกอดของเขา ปล่อยไปตามบรรยากาศ ความรู้สึกดีๆ ที่ทั้งสองคนมีให้กันกำลังทำงาน
ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไร ในห้องเงียบสงัด ชิงหลวนและจูหลีที่อยู่ด้านนอกเห็นท่าแปลกๆ จึงมองตากัน แล้วก็นึกขึ้นได้ จึงรีบเดินออกไปเฝ้าอยู่ทางด้านนอกแทน
จนกระทั่งจางเจ๋อหวยและอวี้อวี่มาเยี่ยม ความเงียบสงัดจึงได้หายไป
ชิงหลวนที่ยืนอยู่ด้านนอกเห็นพวกเขาสองสามีภรรยาก่อน จึงส่งสัญญาณให้จูหลี แล้วจึงเดินไปที่หน้าตูอย่างรวดเร็ว รายงานเบาๆ ว่า “นายหญิง ใต้เท้าจางมาเจ้าค่ะ”
ทั้งสองคนถึงจะออกจากกัน ลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง จัดการตัวเองเรียบร้อย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น