ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 179-180

ตอนที่ 179-1 กัวเฟยกลับเมืองหลวง

 

แม้ว่าจูหลานและเซี่ยเจียงเฟิงจะเติบโตมาด้วยกัน แต่ถ้านับตามอายุจริงๆ แล้ว เซี่ยเจียงเฟิงแก่กว่าจูหลานหลายเดือน หากนับตามลำดับอาวุโสจริงๆ แล้ว จางลี่ถือว่าเป็นน้องสะใภ้ของเขา ถ้าหากไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ให้ตายยังไงเซี่ยเจียงเฟิงก็จะไม่เข้าไปในห้องเด็ดขาด ตั้งแต่เมื่อวานที่เขาเห็นจางลี่สองแม่ลูกถูกยกเข้าไปในห้องแล้ว ก็ไม่ได้ยินข่าวคราวการฟื้นขึ้นมาของพวกเขาสองแม่ลูกอีกเลย ในใจร้อนรน จึงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อีก ก้าวเดินเข้าไป แม้จะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่พอเห็นพวกเขาสองแม่ลูกหลับตาสนิท ลมหายใจอ่อนแรง นอนเรียงกันบนเตียงร้อน ในใจก็เกิดความรู้สึกเยือกเย็นขึ้นมา กล่าวถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า “แม่นางเมิ่ง พวกเขา…”


 


 


“เมื่อคืนลี่เอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาแล้วหนึ่งรอบ เสี่ยวเอ๋อร์ไม่ฟื้นเลย” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับ


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงรู้สึกมือเท้าเย็นไปหมด น้ำเสียงยิ่งสั่นเครือ รีบกล่าวถามว่า “ความหมายของแม่นางเมิ่งคือ…”


 


 


“สองคืนกับอีกหนึ่งวันแล้ว ถ้าหากคืนนี้ยังไม่ฟื้นขึ้นมา กลัวว่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกตลอดไป”


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงเป็นห่วงตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นจนถึงตอนนี้ บวกกับไม่ได้หลับพักผ่อนมาหนึ่งคืน ร่างกายและจิตใจไม่เหลือเรี่ยวแรง ได้ยินคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หน้ามืด ร่างกายเอนไปมา ล้มลงไปข้างหน้า


 


 


“คุณชายเซี่ย” เมิ่งเชี่ยนโยวร้องออกมาด้วยความตกใจ


 


 


ยังดีที่ชิงหลวนและจูหลีปฏิกิริยาเร็ว ทั้งสองจับตัวของเขาไว้ ถึงทำให้เขาไม่ถึงขั้นหัวแตกเลือดตกยางออก


 


 


ทั้งสองพยุงเซี่ยเจียงเฟิงไว้ ให้เขานั่งบนเก้าอี้


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็รีบลุกขึ้นมาจากบนเตียงร้อนอยากจะช่วยเขาจับชีพจร


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงโบกมือ “ไม่ต้อง ข้าไม่เป็นไร”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บมือลงไป กล่าวว่า “ยังมีเวลาอีกหนึ่งวัน คุณชายเซี่ยก็อย่ารีบร้อนใจอีก”


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงเงยหน้าขึ้น มองดูจูเสี่ยวที่ไม่ขยับเขยื้อน นอนอยู่ข้างจางลี่ ภาพที่สดใสร่าเริงของเขาในอดีตผุดขึ้นมาต่อหน้าตน แม้เป็นลูกผู้ชายก็ไม่สามารถทนได้ ตาแดง น้ำเสียงสั่นเครือ “จูหลานแต่งงานมาสี่ปี มีแค่จูเสี่ยวลูกชายคนเดียว ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา…” เขาไม่ได้พูดประโยคหลังจากนั้นออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไร กัดปาก อยากจะปลอบใจเขา แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร


 


 


สักพักหนึ่งถึงพูดรับประกันอย่างไม่มั่นใจอะไรเลย “ข้าจะช่วยชีวิตของพวกเขาสองแม่ลูกอย่างสุดความสามารถแน่นอน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ในใจของนางรู้ดี นางไม่มีวิธีอื่นแล้ว จูเสี่ยวจะตื่นขึ้นมาหรือไม่ ต้องแล้วแต่ลิขิตฟ้าแล้ว


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงนับถือนางมาตลอด ฟังคำพูดของนางแล้ว สายตาเกิดแสงสว่างแห่งความหวัง รีบถามว่า “เจ้าหมายถึงเสี่ยวเอ๋อร์จะตื่นขึ้นมาจริงๆ ใช่หรือไม่”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกัดปาก ไม่กล้าพยักหน้า


 


 


แสงสว่างแห่งความหวังในสายตาของเซี่ยเจียงเฟิงค่อยๆ หายไป สุดท้ายมืดมนไปหมด มองดูพวกเขาสองแม่ลูกด้วยความเหม่อลอย


 


 


“คุณชายเซี่ย” เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกเขา


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงหันมองนาง “ตอนนี้เฉียวหมิ่นเสียสติไปแล้ว ถ้าหากรู้ว่าลี่เอ๋อร์สองแม่ลูกถูกคนช่วยไปแล้ว ไม่รู้ว่านางจะทำเรื่องน่ากลัวอะไรขึ้นมาอีก เช่นนั้นเจ้ากลับไปก่อน หาวิธีไปสืบในจวนจู หากไม่มีอะไรก็ดี แต่ถ้าหากมีอะไรให้คนส่งข่าวให้ข้าทันที”


 


 


มองจางลี่สองแม่ลูก เซี่ยเจียงเฟิงลังเลเล็กน้อย


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวจริงใจและร้อนใจ “พวกเขาสองแม่ลูกข้าจะดูแลอย่างดี และจะรักษาชีวิตพวกเขาอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่เจ้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ สู้เจ้ากลับไปช่วยข้าหาข่าวยังดีกว่า พวกเขาสองแม่ลูกเป็นแบบนี้ ข้าแยกร่างไม่ได้จริงๆ ทำได้แค่ขอร้องเจ้า”


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงกัดฟัน พยักหน้า “ได้ ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้ แต่ข้าจะเหลือคนของข้าไว้หนึ่งคน ถ้าหากพวกเขาสองแม่ลูกตื่นขึ้นมา เจ้าให้เขากลับไปรายงานข้าด่วน”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรับคำสั่ง “ได้”


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงลุกขึ้นยืน ไม่ลังเล และเดินออกไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้ไปส่งเขา แต่ลุกขึ้นยืนแล้วมองส่งเขาเดินออกไป แล้วกลับมาบนเตียงร้อนเหมือนเดิม มองดูจางลี่สองแม่ลูกอย่างเงียบๆ


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงกลับไปที่พักของตน รีบสั่งคนงานให้ไปเอาม้ามา แล้วจึงรีบกลับอำเภอ


 


 


เมิ่งฉีตื่นนอนแล้ว ได้ยินเสียงเลยเดินออกมา ได้ยินว่าเขาจะไปแล้ว รีบกล่าวว่า “อาหารเช้าจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว กินเสร็จค่อยกลับไปเถอะ”


 


 


เซี่ยเจียงเฟิง “ไม่ต้อง แม่นางเมิ่งเป็นห่วงกลัวว่าจูหลานและท่านลุงจู ท่านป้าจูจะมีอันตราย ให้ข้ากลับไปสืบดู ข้าร้อนใจ กินอะไรไม่ลง”


 


 


เมิ่งฉีโน้มน้าวเขา “เมื่อคืนเจ้าก็ไม่ได้กินอะไร เช้าวันนี้ก็ไม่กินอีก อากาศหนาวเย็นแบบนี้ ร่างกายของเจ้ารับไหวหรือไม่ อย่าให้ถึงขั้นยังไม่ทันช่วยคุณชายจูออกมา เจ้าก็เป็นอะไรไปอีก”


 


 


“ขอบคุณคุณชายเมิ่งมาก ครั้งนี้ที่จางลี่สองแม่ลูกเจอเหตุการณ์ร้ายนี้ ทั้งหมดเกิดจากความประมาทของข้า ถ้าหากจูหลาน ท่านลุงจูและท่านป้าจูเกิดเรื่องอะไรอีก ข้าจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต ข้าจะต้องรีบกลับไป หาวิธีสืบข่าวของพวกเขาให้ได้ ข้าถึงจะวางใจ”


 


 


เมิ่งฉีไม่ได้รั้งไว้อีก ส่งเขาออกไป มองรถม้าออกไป ถึงหันหลังกลับในเรือน กล่าวถามด้วยน้ำเสียงดังขึ้นมาเล็กน้อยว่า “น้องเล็ก อาการของพวกเขาสองแม่ลูกเป็นอย่างไรบ้าง ต้องการให้ข้าทำอะไรหรือไม่”


 


 


“อาการยังคงไม่ค่อยดี พี่รองให้คนเตรียมยาและซุปโสมไว้ตลอดเวลาเป็นพอ”


 


 


เมิ่งฉีรับคำสั่ง หันหลังออกจากเรือน ไปที่ห้องครัว เห็นยาและซุปโสมที่ต้มไว้เหลืออยู่ไม่น้อย สั่งสาวใช้ให้อุ่นไว้บนเตาอยู่ตลอดเวลา เตรียมใช้ได้ตลอด แล้วก็สั่งให้คนยกอาหารเช้าไปให้เมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามคน


 


 


แม้ว่าจะกินไม่ลง เมิ่งเชี่ยนโยวก็บังคับให้ตนกินไปเล็กน้อย อาการของจางลี่สองแม่ลูกยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าตนเป็นอะไรขึ้นมาก็จะเป็นปัญหา


 


 


ไม่นานครึ่งเช้าก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะจ้องมองจางลี่สองแม่ลูกอย่างไม่กระพริบตาแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้แต่น้อย


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มหงุดหงิดร้อนใจขึ้นมา


 


 


ในระหว่างนั้นเมิ่งเอ้ออิ๋นและเมิ่งชื่อทนไม่ไหวจึงได้มาดูรอบหนึ่ง เห็นสภาพของสองแม่ลูกแล้ว เมิ่งชื่อก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ เป็นครั้งแรกที่ด่าออกมาอย่างรุนแรงต่อหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “เฉียวหมิ่นเจ้าฆาตกรนี้ ไม่ตายดีแน่”


 


 


“ท่านแม่ เรื่องที่จางลี่และเสี่ยวเอ๋อร์บาดเจ็บพักอยู่ที่บ้านเรา นอกจากท่านพ่อท่านแม่ที่รู้แล้ว อย่าให้คนอื่นรู้อีกเด็ดขาด โดยเฉพาะท่านปู่ท่านย่า อย่าบอกพวกท่านเด็ดขาด วันนี้เป็นวัันปีใหม่แล้ว อย่าให้พวกท่านรู้สึกถึงความโชคร้าย แม้แต่ตรุษจีนก็ผ่านไปได้ไม่ดี”


 


 


เมิ่งชื่อพยักหน้า “แม่รู้แล้ว เจ้าวางใจได้ แม่จะไม่พูดกับใครเลย”


 


 


“ยังมีซ้อรอง จวนนี้คนเยอะมาก เสียงดังมาก อย่าทำให้เซิ่งเอ๋อร์ตกใจ อีกสักครู่ท่านพาพวกเขาสองแม่ลูกไปด้วยเถอะ ไปพักที่ห้องข้า สองสามวันนี้ข้าคงไม่กลับไปแล้ว ท่านดูแลพวกเขาให้ดีก็พอ” เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับอีกครั้ง.


 


 


เมิ่งชื่อพยักหน้าต่อกัน “ข้ารู้แล้ว”


 


 


หลังจากเมิ่งชื่อเดินออกไป ในห้องก็เงียบลง มองดูจางลี่สองแม่ลูกที่ยังคงไม่ตอบสนองใดๆ สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวกลับเงียบสงบลง พูดสั่งจูหลี “นำพู่กันและหมึกมา”


 


 


จูหลีนำพู่กันและหมึกมาอย่างรวดเร็ว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากเตียงร้อนใส่รองเท้า เดินไปฝั่งซ้าย กำลังจะเริ่มเขียนจดหมาย เสียงของกัวเฟยก็ดังมาจากในเรือน “นายหญิง พวกเราทั้งหมดกลับมาแล้วขอรับ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยววางพู่กันลง รีบเดินออกมาหน้าประตู เห็นกัวเฟยและองครักษ์ลับหลายคนยืนเรียงกันอยู่ในเรือน


 


 


“ได้อะไรกลับมาหรือไม่” กวาดสายตามองพวกเขา เห็นว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เมิ่งเชี่ยนโยวถึงกล่าวถามออกมา


 


 


องครักษ์ลับคนหนึ่งเดินออกมา นำหลักฐานในมือยื่นให้เมิ่งเชี่ยนโยว กล่าวด้วยความเคารพว่า “นี่คือหลักฐานที่เกี่ยวกับผู้ว่าการเขตให้ที่พวกเรารวบรวมได้ในหลายวันนี้ เชิญนายหญิงดูขอรับ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรับมาเปิดออก อ่านจบอย่างรวดเร็ว มุมปากเกิดรอยยิ้มเลือดเย็นออกมา พูดสั่งด้วยเสียงเย็นชาว่า “กัวเฟย เจ้ากลับไปเตรียมตัว พาองครักษ์ลับสองคนรีบเดินทางไปส่งจดหมายให้อี้เซวียนที่เมืองหลวงทันที”


 


 


กัวเฟยรับคำสั่ง พาองครักษ์ลับหลายคนออกจากเรือน

 

 

 


ตอนที่ 179-2 กัวเฟยกลับเมืองหลวง

 

 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็หันหลังกลับเข้าไปในห้อง ถือพู่กันขึ้นมาใหม่ เริ่มเขียนจดหมาย ในจดหมายมีแค่ประโยคเดียว ชิงหลวนและจูหลีที่อยู่ข้างๆ เห็นอย่างชัดเจน ข้าจะให้พวกเขาตายโดยไม่มีแม้แต่ที่ฝังศพ


 


 


เขียนจดหมายเสร็จแล้ว พับจดหมาย นำไปวางรวมกลับหลักฐานเมื่อครู่ เดินออกจากห้อง ไปยืนรออยู่ที่นอกประตูใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


 


 


พวกกัวเฟยรวดเร็วมาก เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว จูงม้าที่ดีที่สุดออกมา ขี่มาถึงข้างหน้าจวนของเมิ่งฉี เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนรออยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ทุกคนลงจากม้า ที่เหลือยืนรออยู่ข้างๆ ม้า กัวเฟยเดินมาไม่กี่ก้าว เดินมาถึงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


“เรื่องที่ข้าสั่งเจ้าก่อนหน้านี้จัดการเสร็จแล้วหรือยัง” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวถาม


 


 


“เรียบร้อยแล้วขอรับ คนก็จัดวางเรียบร้อยแล้วขอรับ”


 


 


“ดี หลังจากที่พวกเจ้าถึงเมืองหลวงแล้ว นำสิ่งของพวกนี้ไปให้อี้เซวียน ไม่ต้องรีบกลับมา ไปพักผ่อนที่จวนของเราสองสามวันก่อน”


 


 


กัวเฟยรับคำสั่ง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนำจดหมายและหลักฐานที่อยู่ในกระเป๋าแขนเสื้อออกมาให้เขา กำชับว่า “ระหว่างทางระวังตัวด้วย”


 


 


กัวเฟยรับคำสั่ง นำของทั้งหมดแอบซ่อนไว้ข้างหน้า กระโดดขึ้นหลังม้า รีบขี่นำไปที่เมืองหลวง ยังมีองครักษ์ลับอีกสองคนตามหลังเขาอยู่ข้างหลัง


 


 


เห็นพวกเขาไปไกลแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับไปในห้อง มองดูสองแม่ลูกที่ไม่มีทีท่าฟื้นขึ้นมาแต่อย่างใด พูดอย่างโมโหว่า “ข้าจะให้พวกเขาฝังไปพร้อมกับพวกเจ้า”


 


 


เหมือนกับรู้สึกได้ถึงความเลือดเย็นของนาง คิ้วของจางลี่ขมวดขึ้นเล็กน้อย


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ของนาง ดีใจ ความเย็นรอบกายหายไป ก้มตัวลง กล่าวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ลี่เอ๋อร์ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”


 


 


ไม่คิดว่าจางลี่จะตอบคำถามนาง “เจ็บ…เจ็บไปทั้งตัว” พูดจบ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา


 


 


ภาพที่เข้ามาในสายตาของนางคือใบหน้าที่ซูบผอมและเป็นกังวลของเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


“พี่…โยวเอ๋อร์” จางลี่เรียกด้วยน้ำเสียงเบาๆ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าดีใจติดต่อกันหลายครั้ง “ใช่ ข้าคือพี่โยวเอ๋อร์”


 


 


“ข้าอยู่ที่ไหน”


 


 


“เจ้าอยู่ในจวนของพี่โยวเอ๋อร์”


 


 


จางลี่โล่งอกอย่างเห็นได้ชัด “อยู่บ้านพี่โยวเอ๋อร์ ดีจริงๆ พวกเราสองแม่ลูกรอดแล้ว” พูดจบ รีบถามว่า “เสี่ยวเอ๋อร์ล่ะ เสี่ยวเอ๋อร์อยู่ที่ใด” พูดไปด้วย ก็พยายามลุกขึ้นมา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวห้ามนางไว้ “ลี่เอ๋อร์ อย่ากังวล เสี่ยวเอ๋อร์อยู่ข้างๆ เจ้านั่นแหละ” พูดจบ จับมือนางขึ้นมาให้นางแตะลงบนใบหน้าของจูเสี่ยว


 


 


รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของจูเสี่ยว รอยยิ้มบางๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าของจางลี่ กล่าวว่า “พี่โยวเอ๋อร์ เสี่ยวเอ๋อร์เป็นทั้งชีวิตของข้า ถ้าหากเขาเกิดอะไรขึ้น ข้าก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหนักใจขึ้นมา ใบหน้าไม่แสดงออกท่าทางใดๆ ตั้งใจใช้เสียงต่ำสั่งสอนนาง “พูดอะไรไร้สาระ เสี่ยวเอ๋อร์ยังดีๆ อยู่ จะมีเรื่องอะไรได้อย่างไร”


 


 


รอยยิ้มของจางลี่ยิ่งชัดเจนขึ้น “พี่โยวเอ๋อร์ เจ้าไม่รู้ เสี่ยวเอ๋อร์เขาปกป้องข้าได้แล้ว ตอนที่หญิงบ้านั้นสั่งคนทำร้ายข้า เสี่ยวเอ๋อร์มาบังข้าไว้ด้านหน้า ใช้ร่างกายเล็กๆ ของเขาปกป้องข้า” พูดถึงที่นี่ รอยยิ้มบนใบหน้าได้หายไป มีแต่น้ำตาไหลออกมา “ผู้หญิงคนนั้นบ้าไปแล้ว ข้าสัญญากับนางแล้วว่าจะหย่ากับสามี หลีกทางให้นาง นางก็ยังสั่งคนทำร้ายเสี่ยวเอ๋อร์ของข้าต่อหน้าข้า” พอพูดถึง ภาพเหตุการณ์ตอนนั้นก็ผุดขึ้นมา ร่างกายก็สั่นเทา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรีบกอดหัวนางไว้ วางใบหน้าลงบนหัวนาง ปลอบใจนางอย่างอ่อนโยนว่า “ลี่เอ๋อร์ไม่ต้องกลัว มันผ่านไปแล้ว เสี่ยวเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร เจ้าก็ไม่เป็นอะไร พี่โยวเอ๋อรให้สัญญากับเจ้า ว่าจะไม่ปล่อยพวกคนที่ทำร้ายพวกเจ้าเด็ดขาด”


 


 


ผ่านไปสักพักร่างกายของจางลี่จึงจะหยุดสั่น ยังอยากจะพูดต่อ เมิ่งเชี่ยนโยววางมือลงบนปากของนางห้ามนางไว้ “ลี่เอ๋อร์ พี่โยวเอ๋อร์รู้ว่าเจ้ายังมีหลายเรื่องจะเล่าให้ข้าฟัง แต่ว่าเจ้าสลบไปเกือบสองวันสองคืน ร่างกายยังอ่อนแออยู่มาก ต้องพักผ่อนให้มากๆ ฟังพี่โยวเอ๋อร์ ยังไม่ต้องพูดอะไร พักผ่อนก่อนสักครู่ ดื่มซุปโสมหน่อย รอเจ้ามีแรงแล้ว ค่อยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเจ้าให้ข้าฟัง ดีหรือไม่”


 


 


พูดแค่ไม่กี่ประโยคนี้ จางลี่ก็หอบเหนื่อยมาก ได้ยินแล้ว ก็ค่อยๆ พยักหน้า กล่าวว่า “ข้าจะเชื่อฟังพี่โยวเอ๋อร์”


 


 


ไม่ต้องรอคำสั่ง ชิงหลวนหันหลังไปห้องครัว ยกซุปโสมมา เมิ่งเชี่ยนโยวป้อนจางลี่ดื่มด้วยตัวเอง


 


 


ดื่มเสร็จ ค่อยๆ นอนลงไป จางลี่พยายามใช้แรงพลิกตัว อยากมองเสี่ยวเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ


 


 


ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ในห้องมีเพียงแสงแดดรำไรส่องเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวเริ่มหนักใจมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นท่าทางของจางลี่แล้ว ไม่รู้ว่าควรช่วยนาง หรือห้ามนาง


 


 


“พี่โยวเอ๋อร์ เจ้าช่วยข้าหน่อย ข้าอยากเห็นเสี่ยวเอ๋อร์” จางลี่ที่ทั้งตัวถูกผ้าห่มไว้ เสียแรงอย่างมาก ก็ไม่สามารถพลิกตัวไปได้ ออกเสียงขอร้อง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟันไม่ขยับ


 


 


จางลี่รู้สึกถึงความแปลกของนาง มองนางด้วยความไม่เข้าใจ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟัน สั่งให้ชิงหลวนเอาหมอนมา ค่อยๆ วางลงบนหลังของจางลี่ หลังจากนั้นค่อยๆ ช่วยจางลี่พลิกตัว เพื่อให้นางสามารถมองเห็นเสี่ยวเอ๋อร์


 


 


มองเสี่ยวเอ๋อร์ที่แม้ว่าทั้งตัวจะถูกผ้าห่มไว้ แต่ก็เหมือนกับที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูด หลับอย่างสงบอยู่ข้างๆ รอยยิ้มเกิดขึ้นบนใบหน้าของจางลี่ ยกมือขึ้นอย่างยากลำบาก ค่อยๆ แตะลงบนหัวของเสี่ยวเอ๋อร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เสี่ยวเอ๋อร์ แม่ฟื้นแล้ว เมื่อไหร่ลูกจะฟื้นขึ้นมาพูดคุยเป็นเพื่อนแม่ล่ะ”


 


 


น้ำตาของเมิ่งเชี่ยนโยวเกือบไหลออกมา รีบเงยหน้าขึ้น กระพริบตา ให้น้ำตาไหลกลับเข้าไป จึงก้มหัวลง กล่าวด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ลี่เอ๋อร์ เสี่ยวเอ๋อร์ยังเล็ก บาดแผลที่ได้ก็หนักกว่า ไม่ตื่นเร็วๆ นี้แน่นอน เจ้าให้เขานอนพักผ่อนดีๆ ต่อเถิด รอเขาหลับเต็มอื่มเหมือนเจ้าแล้ว เขาก็ฟื้นขึ้นมาเอง”


 


 


จางลี่ชะงักมือที่แตะอยู่บนหัวของเสี่ยวเอ๋อร์ ผ่านไปชั่วครู่ก็กล่าวถามว่าเสียงต่ำว่า “พี่โยวเอ๋อร์ เสี่ยวเอ๋อร์จะตื่นขึ้นมาอีกหรือไม่”


 


 


ร่างกายของเมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงัก มองนางด้วยความตกใจ แล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำสั่งสอนนางว่า “เจ้าคิดฟุ้งซ่านอะไร เสี่ยวเอ๋อร์จะไม่ตื่นขึ้นมาได้อย่างไร”


 


 


จางลี่หันไปมองนาง ยิ้มออกมา “ข้าเชื่อพี่โยวเอ๋อร์ เสี่ยวเอ๋อร์ต้องตื่นขึ้นมาแน่นอน ข้าจะต้องพักผ่อนรักษาตัวดีๆ พอหายดีแล้วจะได้ดูแลเขา”


 


 


เมิ่งเชี่ยนพยักหน้า ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา กลัวว่าถ้าเอ่ยออกมาจะกลั้นน้ำตาที่หลออกมาไม่ได้


 


 


จางลี่พลิกตัว ยกมือวางลงบนอกของจูเสี่ยว รู้สึกถึงลมหายใจที่อ่อนแรงของเขา มองดูเขาด้วยรอยยิ้ม


 


 


ชิงหลวนและจูหลีเห็นภาพนี้ ตาก็เริ่มแดงก่ำ ทนไม่ไหวต้องหันหลังกลับไป


 


 


ในห้องไม่มีใครพูดอะไร เงียบจนทำให้น่ากลัว


 


 


ชิงหลวนเป็นคนแรกที่ทนบรรยากาศกดดันนี้ไม่ไหว เอ่ยออกมาหนึ่งประโยค “คุณชายเสี่ยวเอ๋อร์ควรกินยาแล้ว ข้าไปยกมานะเจ้าคะ” แล้วก็รีบเดินออกไป


 


 


ปกติจูหลีเป็นคนไม่แสดงออกสีหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้ก็ดูไม่ออกว่านางมีอะไรแปลกไป แต่ในใจของนางรู้ดีว่านางก็ทนไม่ไหวกับบรรยากาศนี้แล้ว อยากหนีออกไป อยากหาที่ระบายออกมา ระบายอารมณ์ขมขื่นในใจออกมา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกลับสงบลง ไม่ว่าอะไร จูเสี่ยวยังมีลมหายใจอยู่ แม้ว่าจะตื่นขึ้นมาไม่ได้เร็วๆ นี้ จางลี่ก็ยังไม่หมดสิ้นความหวังที่จะมีชีวิตต่อไป


 


 


มีเพียงจางลี่ ที่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงอารมณ์ของคนในห้อง ไม่เพียงอ่อนโยน ยิ้มมุมปากแล้วมองดูจูเสี่ยว ยังยกมือขึ้นอย่างยากลำบาก ค่อยๆ แตะบริเวณที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ พึมพำออกมาเบาๆ ว่า “เสี่ยวเอ๋อร์ เจ้าพูดออกมาสักคำได้หรือไม่ แม่เพียงอยากฟังเจ้าพูดออกมาสักคำ”


 


 


จูหลีก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป รีบกล่าวออกมาว่า “ทำไมชิงหลวนยังไม่กลับมาอีก ข้าไปตามนางนะเจ้าคะ” วิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวอ้าปากอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร


 


 


ผ่านไปสักพักใหญ่ ชิงหลวนและจูหลีถึงยกถ้วยยาเข้ามา กล่าวด้วยเสียงเบาๆ ว่า “นายหญิง ฮูหยินจู คุณชายจูควรกินยาแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


จางลี่ยกมือออกจากตัวเสี่ยวเอ๋อร์ หันไปยิ้มให้กับพวกเขาแล้วกล่าวว่า “รบกวนพวกเจ้าแล้ว”


 


 


ชิงหลวนฝืนยิ้มออกมา “ฮูหยินจูเกรงใจไปแล้ว ไม่รบกวนอะไรเลยเจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยงถอดรองเท้าขึ้นบนเตียงร้อนอยากจะอุ้มเสี่ยวเอ๋อร์ให้ห่างจากตัวจางลี่


 


 


จางลี่ออกเสียงห้ามนางไว้ “พี่โยวเอ๋อร์ ตั้งแต่เด็กเสี่ยวเอ๋อร์กลัวการกินยาที่สุดเลย ถ้าหากข้าไม่กล่อมเขาไว้ เขาจะต้องอ้วกยาออกมาหมดแน่นอน”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักมือ


 


 


ชิงหลวนและจูหลีก็สบตากัน


 


 


จางลี่พูดจบ ก็กล่าวกับเสี่ยวเอ๋อร์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เสี่ยวเอ๋อร์ แม่ก็บาดเจ็บเช่นกัน ไม่สามารถป้อนยาให้เจ้ากินได้ ตอนนี้ท่านป้าโยวเอ๋อร์ป้อนเจ้า เจ้าต้องเชื่อฟัง กลืนยาลงไปดีๆ ดีขึ้นเร็วๆ เป็นเพื่อนแม่”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟัน รับถ้วยยาจากมือของชิงหลวน ยกช้อนขึ้นมา ตักยาคำเล็กๆ ยื่นไปที่ข้างปากเสี่ยวเอ๋อร์ และกล่อมด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “เซียวเอ๋อร์เด็กดี อ้าปากเร็ว”

 

 

 


ตอนที่ 180-1 ช่วยชีวิต

 

 


 


เสี่ยวเอ๋อร์ไม่ขยับ


 


 


น้ำตาของจางลี่ไหลออกมา พยายามใช้แรงยกมือค่อยๆ ตบร่างกายของเสี่ยวเอ๋อร์เบาๆ กล่อมด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เสี่ยวเอ๋อร์เจ้าไม่เชื่อฟังอีกแล้วใช่หรือไม่ แม่จะโกรธแล้วนะ เสี่ยวเอ๋อร์เด็กดี ดื่มยาลงไป รีบๆ ดีขึ้นมา แม่ยังต้องการให้เจ้าปกป้องอยู่นะ”


 


 


ชิงหลวนและจูหลีหันหลังไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกัดฟันไม่พูดอะไร จ้องมองไปที่เสี่ยวเอ๋อร์


 


 


ไม่นาน ริมฝีปากของเสี่ยวเอ๋อร์ก็ขยับเล็กน้อย แม้ว่าจะเห็นไม่ชัด แต่เมิ่งเชี่ยนโยวก็เห็น รีบยื่นช้อนยาไปข้างปากแชวเอ๋อร์อย่างดีใจ ค่อยๆ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือและอ่อนโยนว่า “ใช่ เสี่ยวเอ๋อร์ อย่างนี้แหละ อ้าปาก ดื่มยาหมดแล้วก็จะดีขึ้นและมาปกป้องแม่ของเจ้าได้แล้ว”


 


 


ชิงหลวนและจูหลีหันหลังกลับมา เดินเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกัน มองเสี่ยวเอ๋อร์อย่างเหลือเชื่อ


 


 


จางลี่ก็ก็ตาค้าง หยุดหายใจ จ้องริมฝีปากของเสี่ยวเอ๋อร์อย่างรอคอย


 


 


ภายใต้สายตาแห่งความหวังของทุกคน เสี่ยวเอ๋อร์ที่หลับตาปิดสนิทค่อยๆ อ้าปากออก


 


 


ชิงหลวนและจูหลีดีใจจนเกือบกระโดดขึ้นมา


 


 


จางลี่ก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เอาหัวเข้าใกล้หัวของเสี่ยวเอ๋อร์อย่างลำบาก พึมพำว่า “เสี่ยวเอ๋อร์ แม่รู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นเด็กดี เชื่อฟัง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมือสั่น นำยาที่อยู่ในช้อนป้อนเข้าไปในปากของเสี่ยวเอ๋อร์


 


 


หลังจากเสี่ยวเอ๋อร์กลืนลงไปแล้ว ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตาแดงแล้วยิ้มกล่าวออกมาว่า “เสี่ยวเอ๋อร์เด็กดี หลังจากดื่มยาเสร็จแล้ว ป้าจะทำน้ำหวานให้เจ้าดื่ม”


 


 


พูดจบ เงยหน้าสั่งชิงหลวน “ไปทำน้ำหวานมา”


 


 


ชิงหลวนรีบวิ่งออกไปอย่างดีใจ


 


 


เสี่ยวเอ๋อร์เหมือนได้ยินคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว คิ้วก็ไม่ขมวดแล้วอ้าปากกว้างมากขึ้น


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยงค่อยๆ ป้อนยาจนหมด ชิงหลวนก็ยกน้ำหวานเข้ามา นำถ้วยเปล่าให้จูหลี แล้วรับน้ำหวานมา เมิ่งเชี่ยนโยวตักน้ำหวานขึ้นมาคำเล็กๆ ป้อนเข้าไปในปากของเสี่ยวเอ๋อร์


 


 


เสี่ยวเอ๋อร์กลืนลงไป เหมือนว่ารู้สึกถึงความหวาน ใบหน้าก็แสดงรอยยิ้มอ่อนแรงออกมา


 


 


ป้อนน้ำหวานเสร็จแล้ว นำถ้วยเปล่าให้ชิงหลวน แล้วช่วยเสี่ยวเอ๋อร์เช็ดยาและน้ำหวานที่ติดอยู่มุมปากก่อน แล้วค่อยช่วยจางลี่เช็คน้ำตาที่อยู่หางตา ยิ้มกล่าวว่า “ลี่เอ๋อร์ พี่โยวเอ๋อร์รับประกันกับเจ้า เสี่ยวเอ๋อร์ไม่เป็นอะไรแล้ว ตอนนี้เจ้าวางใจได้แล้วใช่หรือไม่”


 


 


จางลี่เงยหน้าขึ้นมองนาง แสดงรอยยิ้มกว้างออกมา พยักหน้า กล่าวเสียงเบาๆ ว่า “ขอบคุณพี่โยวเอ๋อร์”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวช่วยสองแม่ลูกจัดผ้าห่ม ตำหนินางว่า “ขอบคุณอะไร ยังจะเกรงใจอย่างนี้กับพี่อีก”


 


 


แม้โดนตำหนิ จางลี่ก็ยังคงยิ้มอย่างมีความสุข


 


 


“หลับตาลง นอนหลับพักผ่อนดีๆ หลังจากเจ้าตื่นขึ้นมา เสี่ยวเอ๋อร์ก็ตื่นแล้ว”


 


 


จางลี่พยักหน้า หลับตาลงอย่างเชื่อฟัง ขยับหัวใกล้หัวของเสี่ยวเอ๋อร์ แล้วค่อยๆ หลับไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวห่มผ้าห่มให้พวกเขาสองแม่ลูกอย่างใส่ใจ ค่อยๆ ลงจากเตียงคั่ง ใส่รองเท้า นำชิงหลวนและจูหลีเดินออกจากห้อง


 


 


ท้องฟ้าข้างนอกมืดลงแล้ คืนสุดท้ายของปีนี้มาถึงแล้ว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้ามองท้องฟ้าไกล ค่อยๆ สงบอารมณ์ของนลง ผ่านไปสักพักจึงสั่งว่า “ชิงหลวน ไปบอกคุณชายรอง พวกเขาสองแม่ลูกไม่เป็นอะไรแล้ว”


 


 


ชิงหลวนรับคำสั่ง เดินออกไป


 


 


“จูหลี เจ้าไปแจ้งข่าวกับคนงานของคุณชายเชี่ย ให้เขารีบกลับไปบอกข่าวทันที”


 


 


จูหลีรับคำสั่ง ก็เดินออกไป


 


 


“พวกเจ้าทั้งหลาย” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวกับสาวใช้ที่เฝ้าว่า “ทุกคนได้เงินคนล่ะสิบตำลึง เดี๋ยวสักครู่ข้าให้พี่รองแจกจ่ายให้พวกเจ้า”


 


 


สาวใช้ทุกคนกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ


 


 


“จำไว้ เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านสองสามวันนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาด หากใครหลุดออกไป จะถูกขายออกไปทันที” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา


 


 


รอยยิ้มดีใจของสาวใช้ทุกคนยังไม่ทันหายไป ก็เกิดความสั่นกลัวพร้อมกัน แล้วรีบรับคำสั่งกัน


 


 


“ดูแลนายหญิงจูและคุณชายเล็กให้ดี ข้าออกไปสักพัก” เมิ่งเชี่ยนโยวสั่ง


 


 


สาวใช้ทุกคนรับคำสั่งด้วยความเคารพ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก้าวขาเดินออกไป ออกจากเรือน มาถึงนอกประตู ก้าวเร็วขึ้น เดินไปทางภูเขา เดินยิ่งเร็ว สุดท้ายก็วิ่งขึ้นมา เสียงลมจากทิศเหนือค่อยๆ ผ่านข้างหูไป แต่เมิ่งเชี่ยนโยวกลับรู้สึกว่าไฟโมโหและความกังวลในใจไม่ระบายออกมาสักที ก็เลยวิ่งเร็วขึ้นอีก วิ่งไปทางบนภูเขา


 


 


ชิงหลวนและจูหลีส่งข่าวกลับมา เดินเข้าห้องอย่างดีใจ แต่ไม่เห็นร่างของเมิ่งเชี่ยนโยว ตกใจ รีบหันหลังเดินออกจากห้อง รีบกล่าวถามสาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง “เจ้านายล่ะ”


 


 


“นายหญิงบอกว่าออกไปสักครู่ พวกข้าก็ไม่รู้ว่านางไปไหน” สาวใช้คนหนึ่งกล่าวตอบ


 


 


ทั้งสองสบตากัน รีบเดินออกจากเรือนพร้อมกัน หาทั่วทุกที่ ก็ไม่เห็นร่างของเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยววิ่งไปบนภูเขาไกลสุด จึงหยุดฝีเท้าลง ตะโกนใส่ภูเขาที่มืดๆ และพื้นที่โล่งๆ ราวกับว่าจะระบายความรู้สึกในใจออกมาให้หมด


 


 


วันสิ้นปี อากาศหนาวเย็น ทุกจวนต่างอยู่ร่วมกัน กินเกี๊ยวด้วยกันด้วยความยินดี แม้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวจะตะโกนเสียงดังออกมา และมีเสียงสะท้อนกลับมามากมายจากภูเขาที่เงียบสงบ แต่ก็ไม่รบกวนผู้ใด


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวใช้แรงทั้งหมดที่มี ตะโกนออกมา จนรู้สึกว่าอารมณ์ในใจพวกนั้นหายไปหมดแล้ว สบายใจขึ้น จึงจะหยุดลง


 


 


ชิงหลวนและจูหลีทั้งสองหาทั่วเรือนแล้วหนึ่งรอบ หาเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เจอ ในใจร้อนรน ออกไปนอกประตูพร้อมกัน รู้สึกได้ยินเสียงมาจากภูเขาที่อยู่ไกล ทั้งสองสบตากัน รีบแสดงวิชาตัวเบาออกมาแล้วมุ่งหน้าไป เดินไปถึงครึ่งทาง ก็เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินก้าวกลับมาอย่างมั่นคง ทั้งสองถอนหายใจออกมาพร้อมกันอเดินไปข้างหน้า เดินไปอยู่ฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของนาง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่อธิบาย ทั้งสองก็ไม่กล่าวถาม ทั้งสามเดินกลับบ้านอย่างเงียบๆ


 


 


เมิ่งฉีฟังคำรายงานของชิงหลวนแล้ว ในใจก็โล่งอก ตระกูลจูได้รับผลกระทบก็มาจากครอบครัวของตัวเอง จางลี่สองแม่ลูกจึงเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ ถ้าพวกเขาช่วยชีวิตไว้ไม่ได้ อย่าว่าแต่โยวเอ๋อร์เลย ครอบครัวเขาก็คงไม่สบายใจไปตลอดชีวิต ยังดี ยังดี สองแม่ลูกคู่นี้ไม่เป็นอะไร อยากจะถามเมิ่งเชี่ยนโยวว่ายังมีเรื่องอะไรต้องกำชับอีกหรือไม่ จึงมาถึงในเรือนฝั่งนี้ แต่สาวใช้กลับกล่าวว่าเมิ่งเชี่ยนโยวออกไปแล้ว


 


 


เมิ่งฉีสงสัยในใจ ก็หันหลังออกจากเรือนเพื่อไปหานาง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามกลับมา เห็นเมิ่งฉีกำลังหานางไปทั่วพอดี ยิ้มกล่าวทักทายว่า “พี่รอง”


 


 


เห็นใบหน้าของนางยิ้มออกมาจนได้ เมิ่งฉีถึงรู้ว่าจางลี่สองแม่ลูกคงไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ก็อารมณ์ดีขึ้นมา กล่าวถามว่า “ออกไปทำไม มีเรื่องอะไรสั่งคนไปทำก็ได้”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มกล่าวตอบว่า “ไม่มีเรื่องอะไรเจ้าค่ะ ลี่เอ๋อร์สองแม่ลูกหลับแล้ว ข้ากลัวว่าจะรบกวนพวกเขา จึงออกมาเดินเล่น”


 


 


เมิ่งฉีไม่คิดอะไรมาก กล่าวว่า “ซ้อรองของเจ้าพาเซิ่งเอ๋อร์ไปอยู่กับท่านแม่ ในห้องไม่มีคน หากเจ้าเหนื่อย ก็ไปพักผ่อนที่ห้องของพี่รองก่อน”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหัว “ไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ ข้าไม่เหนื่อย พวกเราไปกินเกี๊ยวที่จวนท่านแม่กันเถิด”


 


 


เมิ่งฉีพยักหน้า “ดี เกรงว่าท่านแม่จะรอนานแล้ว พวกเราไปกันตอนนี้เลยเถิด”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดสั่งชิงหลวนและจูหลี “พวกเจ้าสองคนอยู่ที่นี่ก่อน ดูแลลี่เอ๋อร์และเสี่ยวเอ๋อร์ ข้ากับพี่รองกินเกี๊ยวเสร็จแล้วจะกลับมาเปลี่ยนกับพวกเจ้า”


 


 


ทั้งสองรับคำสั่ง เข้าไปในเรือน


 


 


เมิ่งฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปที่จวนของเมิ่งซื่อด้วยกัน


 


 


ปีนี้ก็เหมือนกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา หลี่ต้าฉุยสองสามีภรรยาและครอบครัวเหวินเปียว รวมถึงองครักษ์ลับทั้งหมด บวกกับพี่น้องในสำนักคุ้มภัยทั้งหลาย อยู่กินเกี๊ยวร่วมกันด้วยความสนุกสนาน ไฟสว่างในเรือนใหญ่ เต็มไปด้วยเสียงแห่งความดีใจ


 


 


พอเมิ่งฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในเรือน ก็ถูกองครักษ์ลับที่สายตาว่องไวมองเห็นทันที ทักทายด้วยความเคารพว่า “เจ้านาย ท่านกลับมาแล้วหรือขอรับ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพยักหน้า


 


 


ทุกคนที่อยู่ในเรือนก็เห็นพวกเขา ล้วนทักทายด้วยความสุขความปลื้มปิติยินดี เมิ่งฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวต่างรับด้วยรอยยิ้ม


 


 


เมิ่งเสียนและซุนเชี่ยนได้ยินเสียงของคนในเรือน รีบเดินออกมาจากห้อง เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งสอง ก็รู้ได้เลยว่าลี่เอ๋อร์สองแม่ลูกรอดแล้ว ใจที่กังวลก็ค่อยๆ คลายลง ซุนเชี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเจ้ากลับมาพอดี เกี๊ยวเพิ่งจะห่อเสร็จ เดี๋ยวก็กินได้แล้ว”


 


 


ทั้งสองเดินเข้าไปในห้อง เมิ่งซื่อและครอบครัวหลีต้าฉุย รวมทั้งครอบครัวเหวินเปียวซานโยวหลีที่พาเหวินเหลียนมาด้วย ยังมีหวังเหยียนที่อุ้มเซิ่งเอ๋อร์อยู่กันทั้งหมด


 


 


เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา เมิ่งซื่อแสดงสีหน้าดีใจออกมา อ้าปาก อยากจะถามอะไรออกมา นึกขึ้นได้ว่าในห้องมีคนอยู่เยอะ จึงกลืนคำพูดลงไป

 

 

 


ตอนที่ 180-2 ช่วยชีวิต

 

 


 


ครอบครัวหลีต้าฉุยไม่รู้เหตุผลที่มาของเรื่องที่เกิดขึ้นในนี้ ยิ้มกล่าวว่า “ข้ามาไม่เห็นเจ้า ยังถามแม่เจ้าอยู่เลย แม่เจ้าบอกว่าพวกเจ้าออกไปทำธุระ วันปีใหม่แบบนี้ มีเรื่องสำคัญอะไรถึงวางไว้ก่อนไม่ได้เลยหรือ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มกล่าวตอบไปว่า “เรื่องวันนี้ก็ให้มันจบวันนี้ ยิ่งเป็นเรื่องของปีนี้ ก็ทำให้เสร็จจะได้ฉลองปีใหม่อย่างมีความสุข”


 


 


ครอบครัวหลีต้าฉุยพยักหน้า “ก็จริง” แล้วกล่าวถามต่อว่า “เหนื่อยแล้วล่ะสิ ข้าไปต้มเกี๊ยวให้พวกเจ้า”


 


 


“คนเยอะแยะ ให้เจ้าไปทำได้อย่างไร” เมิ่งซื่อยิ้มห้ามนางไว้


 


 


ลูกสะใภ้เหวินเปียวซานโยวหลีและเหวินเหลียนเห็นเข้าก็เดินออกไป


 


 


 


 


บนตัวของเมิ่งเชี่ยนโยวมีกลิ่นยาและกลิ่นคาวเลือด กลัวว่าคนในห้องจะได้กลิ่น กล่าวว่า “ข้ากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวกลับมา”


 


 


เมิ่งซื่อพยักหน้า “ไปเถิด ข้าเย็บเสื้อผ้าที่ใส่ในวันปีใหม่ไว้ให้เจ้าหลายชุด วางไว้ในตู้ของเจ้า”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับไปห้องของตน เปิดตู้ออก เสื้อผ้าที่วางไว้บนสุดคือเสื้อปีใหม่ที่พับเรียบร้อยแล้ว


 


 


เลือกชุดที่มีสีเข้มเล็กน้อย หยิบออกมาสวมใส่ เดินออกจากห้องอย่างรวดเร็ว พูดคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนาน


 


 


คนเยอะ รวดเร็ว ไม่นานเกี๊ยวหลายหม้อก็สุกออกจากเตา ทุกคนกินร่วมกัน


 


 


หลังจากกินเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวควงแขนซุนเชี่ยนมาห้องของตน กำชับนางว่าอย่าลืมยกไปให้รั่วหลานและคนที่เฝ้า นอกเหนือจากนั้นก็ให้นางบอกรั่วหลานว่า ครอบครัวของนางถูกช่วยออกมาแล้ว จัดเตรียมไว้แล้ว ให้นางอยู่อย่างวางใจก็พอ


 


 


ซุนเชี่ยนพยักหน้าจำใว้


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวก็สั่งให้เหวินเปียวพาคนยกเกี๊ยวไปให้สาวใช้และคนใช้ที่เฝ้าอยู่ที่ในจวนของเมิ่งฉี กล่าวว่า “บอกพวกเขา สลับกันกินเกี๊ยว”


 


 


เหวินเปียวรับคำสั่ง นำคนยกเกี๊ยวที่เหลือทั้งหมดไป


 


 


กินเกี๊ยวเสร็จแล้ว ที่เหลือก็เฝ้ากลางคืน คนเยอะขนาดนี้ในห้องก็มีที่ไม่พอ ตามกฎเดิมให้ทุกคนต่างคนต่างกลับไปที่จวนของตัวเอง


 


 


หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว หลีต้าชุยสองสามีภรรยาอยู่ต่ออีกสักครู่ ก็กลับไปที่จวนของตัวเอง


 


 


ในห้องเหลือแค่คนในตระกูลเมิ่ง


 


 


เมิ่งซื่อจึงอดใจไม่ไหวกล่าวถามว่า “ลี่เอ๋อร์สองแม่ลูกเป็นอย่างไรบ้าง”


 


 


“ทั้งสองตื่นขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่าร่างกายยังคงอ่อนแออยู่ ต้องดูแลรักษาดีๆ ต่อไปอีกสักพักเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวตอบ


 


 


เมิ่งซื่อพยักหน้าด้วยความดีใจ “ตื่นก็ดีแล้ว ตื่นก็ดีแล้ว”


 


 


ตอนที่เมิ่งเสียนและซุนชีกลับบ้านมาบอกนาง ไม่ได้บอกเรื่องของรั่วหลาน บอกนางแค่เรื่องที่จางลี่สองแม่ลูกถูกเฉียวหมิ่นสั่งคนมาทำร้าย เมิ่งซื่อคิดแค่ว่าเฉียวหมิ่นทำแบบนี้กับจางลี่สองแม่ลูกเพื่อแก้แค้นเรื่องในปีนั้น


 


 


“ถึงเวลาพวกเขาสองแม่ลูกควรกินยาแล้ว ข้าและพี่รองไปก่อน คืนนี้ไม่อยู่เฝ้ายามกับทุกคนแล้ว”


 


 


เมิ่งซื่อโบกมือไปมา “ช่วยคนสำคัญที่สุด พวกเจ้ารีบไป ถ้าหากคนไม่พออยู่ไม่ไหว ให้พี่ใหญ่และซ้อใหญ่ของเจ้าไปช่วย”


 


 


“ไม่ต้องเจ้าค่ะ พวกเขาสองแม่ลูกดื่มได้แค่ซุปโสมประทังไปก่อน ไม่ต้องให้คนดูแลเยอะ”


 


 


เมิ่งซื่อได้ยินแบบนี้ หันหลังไปบนเตียงคั่ง หยิบกล่องหลายกล่องออกมาจากตู้บนเตียงคั่ง ยื่นให้เมิ่งฉี “นี่คือโสมที่อี้เซวียนให้พวกข้ามา พวกเจ้าเอาไป ต้มให้ลี่เอ๋อร์สองแม่ลูกดื่ม”


 


 


เมิ่งฉีรับมาถือไว้บนมือ เดินออกจากประตูบ้านกับเมิ่งเชี่ยนโยว กลับไปที่เรือนของตน


 


 


หลังจากเหวินเปียวนำคนยกเกี๊ยวมาแล้ว ก็ไม่ได้กลับไป แต่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตูแทนพวกเขา ให้พวกเขาไปกินเกี๊ยวกัน


 


 


ถึงในเรือน เมิ่งฉีนำโสมทั้งหมดไปที่ห้องครัว เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเดินตรงกลับไปที่ห้อง


 


 


ชิงหลวนและจูหลีอยู่ข้างเตียงคั่ง เฝ้าจางลี่สองแม่ลูก


 


 


 


 


“พวกเจ้าสองคนไปกินเกี๊ยวเถิด ข้ามาดูพวกเขา” พอเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในห้องก็กล่าวกับทั้งสอง


 


 


ทั้งสองรับคำสั่ง เดินออกไปข้างนอก


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้อง มองดูจางลี่สองแม่ลูกที่หัวใกล้กันแล้วหลับสนิทอย่างสงบ


 


 


ค่ำคืนนี้ จางลี่สองแม่ลูกไม่ได้ตื่นขึ้นมา เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่กล้าประมาท ทุกสี่ชั่วโมงก็บังคับป้อนยาพวกเขาหนึ่งครั้ง จนถึงเช้าวันแรกของปีใหม่ อาการของทั้งสองแม่ลูกไม่ทรุดลง เมิ่งเชี่ยนโยวถึงวางใจจริงๆ


 


 


ลุกขึ้น บิดขี้เกียจ สั่งชิงหลวนและจูหลีว่า “ข้าจะไปสวัสดีปีใหม่ผู้ใหญ่ในบ้าน พวกเจ้าเฝ้าพวกเขาไว้ให้ดี”


 


 


ทั้งสองรับคำสั่ง


 


 


เมิ่งฉีรออยู่ในเรือนแล้ว สองพี่น้องกลับไปฝั่งเมิ่งซื่อท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดสนิท


 


 


ครอบครัวเมิ่งทุกคนตื่นขึ้นมากันหมดแล้ว แม้แต่เส้าเอ๋อร์ก็ไม่ยกเว้น กระโดดไปมาในห้องอย่างดีใจ กล่าวว่าเดี๋ยวสวัสดีปีใหม่ก็จะได้อั่งเปาแล้ว”


 


 


ทุกคนหลุดหัวเราะออกมา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวโอบเส้าเอ๋อร์เข้ามากอดไว้ หอมลงบนหน้าผากของเขาหนึ่งที กล่าวว่า “ใช่แล้ว เดี๋ยวป้าไปกับเส้าเอ๋อร์ ครั้งนี้เราสองคนจะรวยอีกแล้ว”


 


 


ทุกคนหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังเพราะนาง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวให้ความสำคัญกับอั่งเปามากเป็นพิเศษ แม้ว่าในซองจะมีแค่หนึ่งอีแปะ นางก็มีความสุขไปเกือบครึ่งวัน เส้าเอ๋อร์ได้นางไปเต็มๆ


 


 


เมิ่งซื่อยิ้มกล่าวว่านาง “วันนี้เจ้าก็เป็นสาวอายุสิบเก้าปีแล้ว จะไปขออั่งเปาเหมือนเด็กๆ ได้อย่างไร”


 


 


“สิบเก้าปีแล้วอย่างไรเจ้าคะ ข้ายังไม่แต่งออกเรือนหนึ่งวัน ก็ยังเป็นเด็กหนึ่งวัน ถ้าหากใครบอกว่าข้าอายุมากแล้ว ไม่ให้อั่งเปา ข้าจะไม่ยอมเด็ดขาด” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยความจริงจัง


 


 


ทุกคนหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้งเพราะนาง


 


 


ทุกคนกินอาหารเช้าด้วยกันอย่างมีความสุข เมิ่งเชี่ยนโยวคนโตและเส้าเอ๋อร์คนเล็ก ยื่นมือออกมาขออั่งเปากับทุกคน


 


 


ทุกคนยิ้มส่ายหัวไปมา หยิบอั่งเปาที่เตรียมไว้ออกมาให้พวกเขา ทั้งสองดีใจมาก เส้าเอ๋อร์ทำสายตาระยิบระยับ ยื่นมือไปข้างหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว “ท่านป้า อั่งเปาของข้าล่ะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมัวแต่ยุ่งกับการช่วยชีวิตจางลี่สองแม่ลูก ไม่ได้เตรียมอั่งเปา เลยหยุดชะงักไป


 


 


เมิ่งซื่อหลุดหัวเราะออกมา เลยหยิบอั่งเปาออกมาสองซอง ซองหนึ่งยื่นให้เส้าเอ๋อร์ อีกซองยื่นให้เมิ่งเจี๋ย “เตรียมไว้ให้พวกเจ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เอาไป”


 


 


ทั้งสองรับมาด้วยความดีใจ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองพวกเขาด้วยสายตาอิจฉาอย่างไม่ปิดบังแม้แต่เล็กน้อย


 


 


ทุกคนหัวเราะออกมาอีกครั้ง


 


 


อารมณ์กดดันของครอบครัวเมิ่งสองสามวันนี้ ได้ถูกทำลายไปหมดด้วยเสียงหัวเราะนี้


 


 


ต่อจากนี้ก็ไปเรือนใหญ่เพื่อไปสวัสดีปีใหม่เมิ่งจงจวี่สองสามีภรรยา ยังมีเมิ่งต้าจินสองสามีภรรยาและเมิ่งเหรินสองสามีภรรยา


 


 


เส้าเอ๋อร์ หงเอ๋อร์และเย่ว์เอ๋อร์เล็กสุด แน่นอนว่าได้อั่งเปาเยอะที่สุด ทั้งสามก็ไม่กลัวหนาว ถืออั่งเปาวิ่งไล่กันในเรือนใหญ่อย่างมีความสุข เสียงหัวเราะเสียงใสดังก้องอยู่ในเรือน


 


 


เมิ่งต้าจินนำทุกคนไปสวัสดีปีใหม่ผู้ใหญ่ทั้งหลายในตระกูล


 


 


ตอนนี้ครอบครัวเมิ่งไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผู้ใหญ่ในตระกูลก็ไม่กล้าประมาท เห็นครอบครัวเมิ่งเข้ามา ก็รีบออกไปต้อนรับ แม้แต่หัวหน้าตระกูลคนเดิมก็ตัวสั่นถูกลูกชายพยุงออกมา เชิญครอบครัวเมิ่งเข้าไปนั่งด้วยตัวเอง


 


 


หลังจากสวัสดีปีใหม่ทุกคนแล้ว ฟ้าจึงค่อยๆ สว่าง เมิ่งเอ้ออิ๋นนำทุกคนในครอบครัวกลับมาที่บ้านของตน ไปที่เรือนของหลีต้าฉุยสองสามีภรรยา


 


 


หลีต้าฉุยสองสามีภรรยาได้รอแต่เช้าแล้ว ได้ยินเสียงก็เดินออกมาต้อนรับกัน ยิ้มเชิญทุกคนเข้าไปในบ้าน


 


 


หลีต้าฉุยสองสามีภรรยาหยิบอั่งเปาที่เตรียมไว้ออกมาให้เมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเจี๋ยและเส้าเอ๋อร์


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เกรงใจ รับมา เมิ่งเจี๋ยและเส้าเอ๋อร์ก็กล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ


 


 


หลังจากสวัสดีปีใหม่หลีต้าฉุยสองสามีภรรยาเสร็จแล้ว จึงไม่มีอะไรอีกแล้วจริงๆ เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปที่ห้องของตัวเอง นำอั่งเปาที่ได้ใส่ลงไปในตู้ แล้วรีบกลับไปที่เรือนฝั่งจางลี่สองแม่ลูกพร้อมกับเมิ่งฉี


 


 


ชิงหลวนกำลังยืนมองอยู่ที่หน้าประตูพอดี เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็รีบรายงานด้วยความตื่นเต้นดีใจ “นายหญิง พวกเขาสองแม่ลูกตื่นแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวดีใจ รีบเดินเข้าไปในห้อง จางลี่สองแม่ลูกมองนางด้วยรอยยิ้ม เสียงเรียกที่อ่อนแรงออกเสียงออกมาพร้อมกันว่า “พี่โยวเอ๋อร์” “คุณป้า”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปข้างหน้าทั้งสอง หยุดลง ก้มหัว มองดูคนโตคนเล็กคู่นี้ ยิ้มกลับไป


 


 


เสี่ยวเอ๋อร์ยิ้มรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้ว น้อยใจ “ท่านป้า ยาขมมาก”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มจนตาแดง สั่งว่า “ไปทำน้ำหวานมา”


 


 


จางลี่ก็ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าน่ะ ตามใจเขาจนอาจเสียคน”


 


 


พูดจบ ก็หันหน้ามองเสี่ยวเอ๋อร์ด้วยความรัก


 


 


ชิงหลวนยกน้ำหวานมา เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา ป้อนเสี่ยวเอ๋อร์ดื่มลงไปด้วยตัวเอง ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าหากเสี่ยวเอ๋อร์หายเร็วๆ ท่านป้าไม่เพียงทำน้ำหวานให้เจ้าดื่ม ยังจะพาเจ้าไปเมืองหลวง ซื้อผลไม้ชุบน้ำตาลให้เจ้ากิน ให้ปากของเจ้าหวานทุกวัน”


 


 


เสี่ยวเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆ แสดงใบหน้าดีใจออกมา “ท่านป้าวางใจได้เลย ข้าจะต้องดีขึ้นเร็วๆ นี้แน่นอน”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพยักหน้า


 


 


สองแม่ลูกฟื้นแล้วจริงๆ สามารถดื่มยาและทานอาหารด้วยตนเองได้แล้ว ในใจของทุกคนถึงจะวางใจได้แล้วจริงๆ


 


 


ผ่านไปสองวัน ถึงวันที่สามของปีใหม่ กินอาหารเช้าเสร็จแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเหมือนกับทุกวัน พูดเรื่องราวของเมืองหลวงให้สองแม่ลูกฟัง เสียงร้อนรนของเมิ่งฉีที่เรียกนางดังมาจากในเรือน “น้องเล็ก เจ้าออกมาหน่อย


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวฟังเสียงที่ผิดปรกติของเขาออก เดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย


 


 


มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ เมิ่งฉี เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกมา รีบกล่าวออกมาทันทีว่า “แม่นางเมิ่ง ข้าเป็นคนใช้ในจวนเชีย คุณชายของพวกข้าให้ข้าส่งจดหมายมาให้ท่าน” พูดจบ หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอก ยื่นให้เมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความเคารพ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา เปิดออก ในกระดาษแผ่นใหญ่ๆ มีเพียงตัวหนังสือบิดๆ เบี้ยวๆ หนึ่งตัว “ช่วย”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)