ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 138-139

ตอนที่ 138 ข้าไม่ยอม

 

เมื่อทั้งสองนั่งรถม้ามาถึงบริเวณจวนตระกูลเฝิง หวงฝู่อี้เซวียนสั่งให้คนรถหยุดรถ และพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ข้าไม่เข้าไปด้วยนะ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่”


 


 


ฐานันดรของหวงฝู่อี้เซวียนสูงส่ง หากเขาเข้าไปในจวน พวกนั้นจะต้องวุ่นวายจัดการต้อนรับเขาเป็นแน่ เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ลงจากรถม้าไป เดินไปยังจวนตระกูลเฝิง


 


 


คนเฝ้าประตูของจวนตระกูลเฝิงรู้จักนาง ทั้งยังได้รับคำสั่งมาก่อนหน้าแล้ว จึงรีบพานางไปยังจวนของเฝิงจิ้งเหวิน


 


 


ทั้งจวนจุดไฟจนสว่างไปทั่ว ราวกับว่าจัดเตรียมไว้เพื่อต้อนรับนาง


 


 


เมื่อเดินเข้ามาในจวนของเฝิงจิ้งเหวิน สาวใช้ข้างกายของเฝิงจิ้งเหวินก็เห็นนาง และรีบเข้าไปแจ้งให้ด้านในทราบ “ฮูหยิน แม่นางเมิ่งมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


พูดจบ ผ้ากั้นประตูก็ถูกเปิดออก เฝิงฮูหยินและเฝิงจิ้งเหวินออกมาต้อนรับด้วยกรอบตาที่แดงก่ำ


 


 


เฝิงจิ้งเหวินอยากจะยิ้มให้กับเมิ่งเชี่ยนโยว นางฉีกมุมปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้ยิ้มออกมา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวทำความเคารพเฝิงฮูหยิน “วันนี้เชี่ยนโยวมาเพื่อรับโทษ ที่ไม่ได้ดูแลน้องซูเอ๋อร์ให้ดี”


 


 


เฝิงฮูหยินเร่งฝีเท้า รีบไปพยุงนางขึ้น พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “เหวินเอ๋อร์และซูเอ๋อร์ได้บอกเรื่องทั้งหมดกับข้าแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่นางเมิ่ง เจ้าอย่าโทษตัวเองเป็นอันขาด”


 


 


เฝิงจิ้งเหวินเองก็เดินมาด้านหน้า และพูดว่า “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้าอย่าพูดเช่นนี้เป็นอันขาด เรื่องนี้จะโทษเป็นความผิดเจ้าไม่ได้ ข้าผิดเอง ข้าไม่ควรพานางไปที่จวนอ๋อง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเม้มปาก ถามว่า “น้องซูเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”


 


 


“หลังจากกลับมาก็ร้องไห้ตลอด ร้องจนเหนื่อยก็หลับไป ข้ากับท่านแม่กลัวว่านางจะคิดสั้น จึงได้อยู่ข้างกายนางตลอด รอจนคิดว่าเจ้าใกล้จะมาแล้ว จึงได้กลับจวนของตัวเอง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดกับเฝิงจิ้งเหวินว่า “ข้ามาจากจวนอ๋อง มิได้นำเข็มยามาด้วย ข้าได้สั่งให้คนนำมาให้แล้ว ท่านสั่งให้คนปล่อยตัวนางเข้ามา รอข้ารักษาท่านเรียบร้อยแล้ว เราค่อยไปดูนางด้วยกัน”


 


 


เฝิงจิ้งเหวินสั่งคนใช้


 


 


ทั้งสามเดินเข้าไปในห้อง แล้วนั่งลง เฝิงฮูหยินสั่งให้คนรับใช้นำน้ำชา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รีรอ เปิดปากถามเฝิงฮูหยินทันที “วันนี้พระชายาพูดถึงเรื่องที่ให้น้องซูเอ๋อร์สมรสกับท่านแม่ทัพ มิทราบว่าฮูหยินและนายท่านจะตัดสินใจอย่างไร”


 


 


เฝิงฮูหยินได้ยินแล้ว จึงถอนหายใจออกมา “เรื่องนี้ข้าเองก็ได้ถามซูเอ๋อร์แล้ว นางเอาแต่ร้องไห้ ไม่ตอบอะไรเลย ข้าและท่านพี่ก็ไม่รู้ว่านางคิดอย่างไร มิอาจตอบตกลงได้”


 


 


“จวนอ๋องฉีมีบ่าวไพร่มากมาย แม้ว่าท่านอ๋องฉีและรัชทายาทจะกำชับเด็ดขาดแล้วว่าห้ามให้เรื่องในวันนี้แพร่ออกไป แต่หน้าต่างย่อมมีหูประตูย่อมมีช่อง ไม่แน่ว่าในเร็ววันนี้คนทั้งเมืองหลวงก็อาจจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ก็ได้ ถึงวันนั้นน้องซูเอ๋อร์จะเสียหาย จวนตระกูลเฝิงเองก็จะพลอยเสียหายไปด้วย ดังนั้นงานสมรสครั้งนี้ยิ่งตกลงเร็วเท่าไรยิ่งดี ข้าเองรู้จักกับท่านแม่ทัพฉู่มาหลายปีแล้ว ข้ากล้ารับรองว่า ขอแค่น้องซูเอ๋อร์ยอมแต่งงานกับเขา เขาจะต้องรักและดูแลนางอย่างดีเป็นแน่”


 


 


“ฐานันดรของแม่ทัพฉู่นั้นสูงส่ง พวกเราเป็นเพียงครอบครัวค้าขายผู้ต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับการสมรสครั้งนี้ ข้าและนายท่านได้ปรึกษากันแล้ว หากซูเอ๋อร์ยืนยันจะไม่ตกลงแต่งงาน พวกเราจะส่งนางกลับไปหลบที่บ้านเกิดสักพัก รอให้เรื่องเงียบไปก่อนจึงค่อยไปรับนางกลับมา” เฝิงฮูหยินพูด


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เห็นด้วย พูดว่า “ฮูหยินและนายท่านรักน้องซูเอ๋อร์มาก หวังให้นางสมรสกับคนที่คู่ควร เรื่องนี้ข้าทราบดี แต่พวกท่านคิดหรือไม่ว่า หากน้องซูเอ๋อร์ตั้งครรภ์ขึ้นมาจะทำอย่างไร จะทำแท้งหรือว่าจะเก็บเด็กเอาไว้ ทำแท้งนั้นเป็นผลเสียต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ดีไม่ดีอาจไม่สามารถมีครรภ์ได้อีกเลย หากคลอดออกมาจะเลี้ยงลูกเองโดยลำพัง หรือจะให้ผู้อื่นไป คำพูดคนน่ากลัวนัก หญิงที่มีลูกทั้งๆ ที่ไม่ได้แต่งงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็จะถูกคำพูดของผู้คนทำลายจนสิ้น หากให้ผู้อื่นไป แต่เด็กคนนั้นเป็นถึงลูกท่านแม่ทัพ หากเขารู้เรื่องเข้า เกรงว่าจวนตระกูลเฝิงจะต้องเดือดร้อนเอาได้ และแม้ว่าพวกท่านจะคิดได้แล้วส่งเด็กคนนั้นกลับมา พวกท่านคิดหรือไม่ว่า ตอนนั้นท่านแม่ทัพอาจจะแต่งงานไปแล้ว ไม่มีทางที่ฮูหยินของท่านแม่ทัพจะยอมรับเด็กคนนี้เป็นแน่”


 


 


วันนี้เฝิงจิ้งเหวินที่ตาแดงก่ำพยุงเฝิงจิ้งซูที่ใกล้จะเสียสติกลับมา บอกเฝิงฮูหยินและนายท่านเรื่องที่เฝิงจิ้งซูได้พบเจอในจวนอ๋อง แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นดั่งสายฟ้าฟาดลงกลางใจของทั้งสอง จนทั้งสองเกือบจะเป็นลมล้มลงไปแล้ว โดยเฉพาะเฝิงฮูหยิน เมื่อเห็นลูกสาวที่ตนรักมาอยู่ในสภาพดูไม่ได้เช่นนี้ทั้งๆ ที่เพิ่งห่างกันได้ไม่กี่ชั่วโมง เสียใจจนกอดนางทั้งน้ำตา นายท่านเฝิงเองก็อดไม่ได้ มีน้ำตาไหลรินออกมา


 


 


เมื่อกลับถึงบ้านเห็นพ่อและแม่ของตนเอง ความกลัว ความตกใจทั้งหลายของเฝิงจิ้งซูก็ถูกปลดปล่อยออกมา นางโผเข้ากอดเฝิงฮูหยินและร้องไห้โฮออกมาจนถึงเวลาฟ้ามืด


 


 


บ่าวไพร่ในจวนตระกูลเฝิงต่างได้ยินเสียงร้องไห้อันน่าเวทนานี้ แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามไปด้วย ขณะนั้นทั้งจวนตระกูลเฝิงก็ปกคุลมไปด้วยเมฆหมอกแห่งความโศกเศร้า


 


 


มีแค่เฝิงจิ้งเหวินที่คิดว่าเฝิงจิ้งซูเพิ่งผ่านเรื่องเลวร้ายมาหากเอาแต่ร้องไห้เช่นนี้จะยิ่งไม่ดีกับร่างกาย จึงได้ห้ามเฝิงฮูหยินและเฝิงจิ้งซูให้หยุดร้อง


 


 


เฝิงฮูหยินอาบน้ำร้อนมาก่อน นางเข้าใจความคิดของลูกสาวคนโตดี จึงรีบหยุดร้องไห้ และยังคอยปลอบไม่ให้เฝิงจิ้งซูร้องไห้อีกด้วย


 


 


เฝิงจิ้งเหวินเห็นพวกนางสงบลง จึงได้บอกเรื่องที่อ๋องฉีได้ถามเรื่องที่แม่ทัพฉู่จะมาสู่ขอเฝิงจิ้งซู เฝิงฮูหยินและนายท่านเฝิงได้ยินเข้าก็ตกใจ ใจจริงแล้ว เมื่อได้ยินว่าท่านแม่ทัพฉู่ได้ทำลายเกียรติของลูกสาวตนนั้น นายท่านเฝิงคิดแต่ว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกสาว ต่อให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินจนหมดสิ้นก็ยอม แต่เมื่อรู้เรื่องที่ทั้งสองถูกวางยาแล้ว จึงสงบลงเล็กน้อย บัดนี้ได้ยินสิ่งที่เฝิงจิ้งเหวินพูด ทั้งสองจึงมีความคิดผุดขึ้นมาว่า ทั้งสองไม่เหมาะสมกัน ซูเอ๋อร์ยังเด็ก ยังไม่พร้อมเป็นแม่บ้านแม่เรือนด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเป็นฮูหยินของแม่ทัพ แต่ถึงแม้จะคิดเช่นนั้น ทั้งสองก็ยังถามความเห็นของเฝิงจิ้งซูก่อน เฝิงจิ้งซูเอาแต่ร้องไห้พร้อมส่ายหน้า ไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น ทั้งสองจึงทำใจว่าซูเอ๋อร์ไม่ยอม และไม่บังคับนาง จึงคิดว่าสองสามวันนี้จะส่งนางกลับไปบ้านเกิด เพื่อหลบคำนินทา


 


 


บัดนี้ได้ยินคำของเมิ่งเชี่ยนโยว เฝิงฮูหยินและเฝิงจิ้งเหวินอึ้งไป พวกนางไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เฝิงจิ้งซูอาจจะมีครรภ์ได้ หากโชคร้ายเป็นดั่งนางว่าจริง หากซูเอ๋อร์มีครรภ์ขึ้น ไม่ว่าสุดท้ายผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ต่างก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการเป็นแน่


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นว่าทั้งสองอึ้งไป จึงรู้ว่าทั้งสองไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน โชคดีที่นางพูดตรงประเด็น คราวนี้ความคิดของเฝิงฮูหยินและนายท่านเฝิงก็จะเปลี่ยนไป การสู่ขอครั้งนี้คงจะง่ายขึ้น และเป็นดังนั้นจริง ไม่ต้องรอให้นางคิดไปไกล เฝิงฮูหยินยืนขึ้น พูดว่า “แม่นางเมิ่ง ข้าขอตัวก่อน ข้าจะไปคุยกับนายท่านเรื่องการสมรส”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เชิญเลยเจ้าค่ะ ข้ายังยืนยันคำเดิม ไม่มีทางเลือกใดดีไปกว่าให้น้องซูแต่งงานกับท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”


 


 


เฝิงฮูหยินรีบเดินออกจากห้องไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับเฝิงจิ้งเหวินต่อเล็กน้อย ในจวนก็มีเสียงสาวใช้ดังขึ้น “ฮูหยิน แม่นางชิงหลวนมาแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


“ให้นางเข้ามา” เฝิงจิ้งเหวินสั่ง


 


 


สาวใช้เปิดผ้ากั้นประตูออก ชิงหลวนเดินเข้ามา หลังจากทำความเคารพเฝิงจิ้งเหวินแล้ว จึงมอบเข็มยาให้เมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


“พี่ชายรองกลับไปหรือยัง” หลังเมิ่งเชี่ยนโยวรับเข็มยามาแล้ว จึงถามไป


 


 


ชิงหลวนตอบอย่างนอบน้อมว่า “กลับมาแล้วเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าจะอารมณ์ดีมากด้วย”


 


 


คงจะเป็นเพราะข่าวที่คนรถนำไปส่งให้ จึงได้รู้ว่างานแต่งของหวงฝู่อี้เซวียนถูกยกเลิกไป จึงได้ดีใจเพียงนี้ นางพยักหน้าแล้วสั่งชิงหลวนว่า “เจ้าและจูหลีรออยู่ด้านนอก อย่าไปไหนไกล”


 


 


ชิงหลวนตอบรับ และเดินออกไป


 


 


เฝิงจิ้งเหวินเตรียมพร้อมอย่างรวดเร็ว เมิ่งเชี่ยนโยวฝังเข็มให้นางอย่างชำนาญ จากนั้นก็ห่มผ้าบางๆ ให้นาง และวัดชีพจรให้ พูดว่า “ยังเหลืออีกสองวันก็ครบหนึ่งเดือนแล้ว อาการไข้ของซ้อก็ถือว่าหายดีแล้วล่ะเจ้าค่ะ ถึงตอนนั้นก็สามารถกลับไปอยู่ที่จวนเหวินได้ดังเดิมแล้ว”


 


 


หากเป็นเมื่อก่อน ได้ยินเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ เฝิงจิ้งเหวินจะต้องดีใจมาก แต่วันนี้เกิดเรื่องกับเฝิงจิ้งซู นางรู้สึกเสียใจมาก ทำให้ดีใจไม่ออก ทำได้แค่ฝืนยิ้ม ฉีกมุมปากออก ก็ถือว่ายิ้มออกมาได้แล้ว “ซูเอ๋อร์เป็นเช่นนี้ ข้าจะกลับไปได้อย่างไร รอให้เรื่องทุกอย่างลงตัวแล้วค่อยว่ากันเถอะ”


 


 


ฉู่เหวินเจี๋ยกลับไปตระเตรียมสินสอดเรียบร้อยแล้ว วันพรุ่งก็จะมาสู่ขอทันที เฝิงจิ้งเหวินก็สามารถกลับไปได้อย่างวางใจแล้ว แต่เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เรื่องของวันพรุ่งไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากทุกอย่างราบรื่นก็ดีไป หากไม่ราบรื่น พูดออกไปแล้วจะเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับทางตระกูลเฝิง


 


 


การรักษาใช้เวลาไม่มาก เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บเข็มยาเข้าที่ เฝิงจิ้งเหวินลุกขึ้น สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย สั่งให้สาวใช้เปลี่ยนน้ำชา ทั้งสองดื่มชา เฝิงจิ้งเหวินก็ได้พักผ่อนเล็กน้อย


 


 


เฝิงจิ้งเหวินจึงได้พาเมิ่งเชี่ยนโยวมายังจวนของเฝิงจิ้งซู


 


 


ชิงหลวนและจูหลีเชื่อฟังคำของเมิ่งเชี่ยนโยว จึงเดินตามทั้งสองมายังจวนของเฝิงจิ้งซู รอจนทั้งสองเข้าไปด้านใน จึงรออยู่ด้านหน้าประตู


 


 


เนื่องจากกลัวว่าเฝิงจิ้งซูจะตื่นขึ้นมาทำเรื่องโง่ๆ ก่อนเฝิงฮูหยินและเฝิงจิ้งเหวินจากไปจึงได้สั่งให้สาวใช้คอยดูแลนางไม่ให้คลาดสายตา


 


 


ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน เฝิงจิ้งซูยังหลับสนิทอยู่ สาวใช้ทำความเคารพทั้งสองอย่างนอบน้อม


 


 


เฝิงจิ้งเหวินโบกมือ สาวใช้จึงเดินออกไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างเตียง มองเฝิงจิ้งซูที่นอนขดอยู่บนเตียง ใบหน้าเล็กๆ แดงก่ำ ดวงตาบวมแดง ใครเห็นก็ต้องสงสาร


 


 


เม้มปากจ้องมองนางอยู่พักใหญ่ ทำใจไม่ได้ที่จะปลุกนาง เมิ่งเชี่ยนโยวจึงตัดสินใจไปถามความคิดเห็นของนายท่านเฝิงและเฝิงฮูหยินก่อน แต่เมื่อหันหลังกลับ ก็ไปชนกับตั่งข้างเตียงอย่างไม่ตั้งใจ จนเกิดเสียงดัง ตึ้ง ขึ้น ตั่งล้มลงบนพื้น


 


 


เฝิงจิ้งซูสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนี้ นางลืมตาขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว


 


 


ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางย่อตัวลง ก้มลงไปใกล้นาง และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ซูเอ๋อร์ อย่ากลัวไปเลย เป็นข้าเอง พี่โยวเอ๋อร์”


 


 


เมื่อเฝิงจิ้งซูเห็นชัดว่าเป็นนางแล้ว แววตาหวาดกลัวก็หายไป นางร้องด้วยเสียงแหบว่า “พี่โยวเอ๋อร์”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกไป หยิบปอยผมที่ปรกอยู่บนหน้าอกของนางออก พูดเสียงเบาว่า “ดีขึ้นบ้างหรือไม่”


 


 


น้ำตาของเฝิงจิ้งเหวินไหลออกมา พยักหน้าเล็กน้อย


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเช็ดน้ำตาให้นางอย่างอ่อนโยนถามนางด้วยเสียงนุมนวลว่า “ตอนนี้พี่โยวมีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า ได้หรือไม่”


 


 


เสียงแหบแห้งของเฝิงจิ้งซูเต็มไปด้วยเสียงสะอื้น ตอบว่า “พี่พูดมาเถิด”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลงข้างเตียง พยุงนางให้ลุกขึ้น หยิบผ้าห่มผืนบางมาพิงหลังให้นางนั่งสบายขึ้น แล้วจึงเริ่มพูดว่า “ซูเอ๋อร์ ดื่มน้ำก่อนดีไหม เสียงของเจ้าแหบไปหมดแล้ว ใจของพี่โยวเจ็บปวดเหลือเกิน”


 


 


ไม่รอให้นางตอบ เฝิงจิ้งเหวินที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบเทน้ำอุ่นใส่แก้ว แล้วยื่นใส่มือของเฝิงจิ้งซู


 


 


เมื่อรับแก้วน้ำมาแล้ว เฝิงจิ้งซูดื่มจนหมดแก้วทันที เฝิงจิ้งเหวินจึงนำแก้วเปล่ามาอีก และเทน้ำส่งให้นางครั้ง ครั้งนี้เฝิงจิ้งซูไม่ได้ดื่ม แต่กลับถือไว้ในมือ “พี่โยวเอ๋อร์มีอะไร พูดมาเถิดเจ้าค่ะ”


 


 


โยวเอ๋อร์คิดสักครู่ก่อนพูดว่า “ซูเอ๋อร์ เรื่องที่วันนี้พระชายาถามเจ้าว่ายอมแต่งงานกับท่านแม่ทัพหรือไม่ เจ้าว่าอย่างไร”


 


 


เมื่อพูดถึงฉู่เหวินเจี๋ย ร่างของเฝิงจิ้งซูก็สั่นสะท้านขึ้น แก้วชาในมือเกือบจะร่วงลงพื้น


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจในใจ ฉู่เหวินเจี๋ยอยู่ในวัยฉกรรจ์ และยังเป็นครั้งแรกที่ทำเรื่องเช่นนี้ บวกกับฤทธิ์ของยาเข้าไปแล้ว จะต้องทำให้เฝิงจิ้งซูเจ็บมากเป็นแน่ ถึงขั้นว่าเมื่อได้ยินชื่อของเขาก็มีอาการกลัวขึ้นมา


 


 


“ซูเอ๋อร์” เมิ่งเชี่ยนโยวจับมือที่กำแก้วน้ำของนางไว้ พูดเสียงอ่อนว่า “พี่โยวเองก็ไม่อยากบังคับเจ้า แต่เรื่องของเจ้ากับท่านแม่ทัพในวันนี้อาจจะแพร่ไปทั่งเมืองหลวงในวันพรุ่งก็เป็นได้ หากเจ้าไม่รีบจัดการเรื่องงานแต่ง ต่อไปเจ้าจะรับมือกับคำติฉินนินทามิไหวนะ”


 


 


เฝิงจิ้งซูสูดหายใจเข้า พูดด้วยเสียงแหบแต่แน่วแน่ว่า “ข้าไม่ยอมแต่งงานกับเขา”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวคิดไม่ถึงว่านางจะตอบเช่นนี้ จึงอึ้งไป และถามต่อว่า “เพราะเหตุใดกัน เจ้าเองก็นับถือท่านแม่ทัพมากมิใช่หรือ แต่งงานกับเขาไม่ดีอย่างไร”

 

 

 


ตอนที่ 139 ตกลง

 

เฝิงจิ้งเหวินเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้คำตอบเช่นนี้ จึงอึ้งไปเช่นกัน


 


 


มือข้างที่ถือถ้วยชาของเฝิงจิ้งซูกำแน่นว่าเดิม “เขาเป็นถึงท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ข้าเป็นเพียงลูกสาวพ่อค้าเท่านั้นไม่คู่ควรกับเขา หากเขาสู่ขอข้าจะถูกคนหัวเราะเยาะเอาได้ และข้าก็เองไม่ได้หวังจะใช้เหตุผลนี้บังคับให้เขาต้องมาแต่งงานกับข้า”


 


 


เหตุผลนี้เอง เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก น้ำเสียงแฝงไปด้วยความขันว่า “ไม่มีแล้วหรือ”


 


 


“แต่วันนี้ท่านแม่ทัพบอกกับพระชายาว่าท่านพอใจในตัวเจ้ามากนะ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว


 


 


เฝิงจิ้งซูมองนางอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นแววตาจริงจังของนาง ไม่มีการล้อเล่น จึงอึ้งไปเล็กน้อย


 


 


เมื่อเฝิงจิ้งเหวินเพิ่งได้สติกลับมา เมื่อได้ยินคำของเมิ่งเชี่ยนโยวก็อึ้งไปอีกครั้ง


 


 


เฝิงจิ้งซูไม่เชื่อคำของเมิ่งเชี่ยนโยว จึงเอาแต่จ้องมองนางนิ่งๆ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บอาการของนาง และถอนหายใจออกมา เฝิงจิ้งซูได้สติ จึงมองนางด้วยความสงสัย


 


 


สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวจริงจังขึ้น “ซูเอ๋อร์ วันนี้หลังเจ้าจากไปแล้ว ท่านแม่ทัพก็แสดงท่าทีรับผิดชอบอย่างมาก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เรื่องที่เขาทำให้เจ้ามีมลทินนั้นก็เป็นเรื่องจริง ดังนั้นหากเจ้าไม่ตกลงเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ วันรุ่งขึ้นเขาก็จะไปหาฮ่องเต้เพื่อทำการลาออกจากตำแหน่งแม่ทัพ และจะออกจากเมืองนี้ไปให้ไกล ชาตินี้คงจะไม่กลับมาอีก”


 


 


เฝิงจิ้งซูตกใจจนอ้าปากค้าง ริมฝีปากนางขยับเล็กน้อย ก่อนจะรีบพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้ารู้ดีว่าเขาทำไปเพราะฤทธ์ยา ข้าไม่กล่าวโทษเขาหรอก เขาไม่จำเป็นจะต้องทำเช่นนี้เลย”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวทำหน้าจริงจังต่อไป “เจ้าไม่รู้หรอกว่าท่านแม่ทัพเป็นคนซื่อตรง ทำการใดก็ทำอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่เคยทำความผิดกับผู้ใดเลย มีเพียงกับเจ้าเท่านั้น ต่อให้เป็นเพราะฤทธิ์ยา แต่เรื่องที่เขาขืนใจเจ้าก็เป็นเรื่องจริง เขาไม่มีหน้ามาพบเจ้า และไม่กล้าไปเผชิญหน้ากับเหล่าพลทหารที่ตนเองควบคุมอย่างเข้มงวดมาตลอด ดังนั้นจึงได้มีความคิดเช่นนี้ขึ้น แม้ว่าพระชายาและพวกเราจะคอยห้ามไว้ เขาเองก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะยกเลิกความตั้งใจนี้ ดังนั้น พี่โยวเอ๋อร์จึงได้แบกหน้ามาพบเจ้า เจ้าได้โปรดเห็นแก่พระชายาและพี่ ช่วยตกลงแต่งงานเถิดนะ”


 


 


เฝิงจิ้งซูอ้าปากน้อยๆ ของนาง ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก


 


 


เมื่อเห็นนางไม่พยักหน้ายอมรับ เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจออก และจงใจพูดว่า “ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว ข้ากลับไปจะรีบบอกพระชายาว่าเจ้าไม่ยินยอมในการแต่งงานครั้งนี้ หากท่านแม่ทัพอยากจะลาออกจากตำแหน่งก็ลาออกไปเถอะ ต่อจากนี้ชาวอู่กั๋วก็ต้องสูญเสียแม่ทัพที่คอยปกป้องประเทศชาติไป”


 


 


“ข้ายอมแต่งงานกับเขา!” เฝิงจิ้งซูตอบอย่างร้อนรน พูดจบก็พูดซ้ำอย่างรีบร้อนว่า “เจ้าอย่าให้เขาลาออกจากตำแหน่งเป็นอันขาด ข้ายอมแต่งงานกับเขาแล้ว”


 


 


ในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวยินดีอย่างมาก แต่ใบหน้าของนางไม่แสดงออก ซ้ำยังบอกกับจิ้งซูว่า “ซูเอ๋อร์ แม้ว้าข้าเองก็นับถือท่านแม่ทัพมาก และหวังให้เจ้าแต่งงานกับเขา แต่ข้าก็มิอยากบังคับใจเจ้า เรื่องงานแต่งครานี้เจ้าไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนอีกครั้งเถิด ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจอย่างไร พี่โยวเอ๋อร์ก็จะอยู่ข้างเจ้า”


 


 


เฝิงจิ้งซูกลับร้อนใจขึ้น รีบวางถ้วยชาในมือไว้บนเตียง โดยไม่สนใจว่าน้ำชาจะหกออกมาหรือไม่ นางรีบคว้ามือของเมิ่งเชี่ยนโยวเอาไว้และพูดอย่างร้อนรนว่า “ข้าไม่ฝืนใจเลย ข้ายินดีแต่งงานกับเขาจริงๆ”


 


 


สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวจริงจังขึ้น “เจ้าคิดให้ถี่ถ้วนนะ หากข้าตอบพระชายาแล้ว งานแต่งครานี้ก็จะกลับลำไม่ได้อีก”


 


 


เฝิงจิ้งซูพยักหน้า น้ำเสียงร้อนรนกว่าเดิม “ข้าไม่เปลี่ยนใจ ข้าเต็มใจ เจ้ารีบกลับไปบอกเขา อย่ารอจนช้าแล้วเขาไปลาออกเสียก่อน”


 


 


“เจ้าไม่ฝืนใจจริงหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งถามอย่างไม่แน่ใจ


 


 


เฝิงจิ้งซูพยักหน้าอย่างมั่นใจว่า “ข้าไม่ฝืนใจ”


 


 


“อย่างนั้นก็ดี” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบอย่างดีใจว่า “อีกครู่ข้าจะกลับจวนอ๋องฉีเพื่อไปแจ้งข่าวดีกับพระชายา”


 


 


ใบหน้าแดงระเรื่อของเฝิงจิ้งซูเผยรอยยิ้มออกมา


 


 


สถานการณ์ทั้งหมดนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เฝิงจิ้งเหวินยืนมองด้วยความงุนงงอยู่ด้านข้าง


 


 


เมื่อเฝิงจิ้งซูเงยหน้าขึ้นมา เห็นพี่ใหญ่ที่ปกติแล้วเป็นคนนิ่งเฉย ขนาดต่อให้ภูเขาถล่มต่อหน้านางก็ยากที่จะเผยสีหน้าเช่นนี้ออกมา จิ้งซูจึงขำออกมา


 


 


เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของน้อง จิ้งเหวินได้สติกลับมา ดีใจอย่างเต็มเปี่ยม เป็นครั้งแรกที่นางก้าวไปยังเตียงของน้องด้วยท่าทีราวกับเป็นเด็ก ถามอย่างดีใจว่า “ซูเอ๋อร์ เจ้าตกลงแล้วหรือ”


 


 


เฝิงจิ้งซูพยักหน้า พร้อมเปล่งเสียง “อื้ม” ออกมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “พี่ใหญ่ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านไม่สบายใจ”


 


 


น้ำตาแห่งความดีใจของเฝิงจิ้งเหวินไหลออกมา สวมกอดนางทันที “เจ้าเด็กโง่ เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” พูดไปหยดน้ำตาก็พลางหยดลงบนหัวของเฝิงจิ้งซู


 


 


เฝิงจิ้งซูรู้สึกได้ถึงความชื้น จึงเงยหน้าขึ้น ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้นาง และพูดว่า “พี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าอยากแต่งงานกับท่านแม่ทัพจริงๆ”


 


 


เฝิงจิ้งเหวินพูดทั้งน้ำตาว่า “เจ้ายอมตอบตกลง ช่างดีเหลือเกิน ข้าดีใจเหลือเกิน”


 


 


เฝิงจิ้งซูยิ้มกว้างให้นาง พร้อมเอาก้มหัวซุกอกนาง และพูดเสียงอู้อี้อีกครั้งว่า “พี่ใหญ่ ข้าทำให้พี่และพ่อแม่ต้องกังวลอีกแล้ว”


 


 


เฝิงจิ้งเหวินตบหลังนางเบาๆ “เจ้าเด็กโง่ เจ้ารู้ก็ดีแล้ว พี่และพี่แม่กังวลว่าเจ้าจะคิดสั้นขึ้นมา บัดนี้ไม่ต้องกังวลแล้ว เจ้าคิดได้แล้วเสียที”


 


 


หลังจากเฝิงฮูหยินเดินออกจากห้องของเฝิงจิ้งซู ก็ตรงไปที่จวนหลักเพื่อไปหานายท่านเฝิงทันที นำคำของเมิ่งเชี่ยนโยวไปบอกนายท่านอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อนายท่านได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วลง พูดว่า “ที่แม่นางเมิ่งพูดก็มีเหตุผล หากซูเอ๋อร์ตั้งท้องลูกของท่านแม่ทัพขึ้นมา คงเป็นปัญหาที่ยากจะจัดการเป็นแน่”


 


 


แววตาของเฝิงฮูหยินร้อนรน “อย่างนั้นจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ บัดนี้ซูเอ๋อร์ไม่พูดอะไรเลยนอกเสียจากร้องไห้ พวกข้าก็ไม่กล้าตอบตกลง หากนางดึงดันไม่ยินยอม อย่างนั้นจะไม่เป็นการทำร้ายนางซ้ำสองหรือเจ้าคะ”


 


 


“เรื่องมาจนบัดนี้แล้ว ไม่มีทางอื่นแล้ว รอซูเอ๋อร์ตื่น พวกเรากับเหวินเอ๋อร์ค่อยไปช่วยกันพูดกับนาง บอกนางว่า พวกเราไม่ได้เห็นแก่อำนาจของท่านแม่ทัพ เพียงแต่พวกเราอยากจะปกป้องชื่อเสียงของนางและท่านแม่ทัพเท่านั้น และนำคำพูดของแม่นางเมิ่งบอกนางไป ให้นางเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องก็มิใช่ดังที่พวกเราคาดเดาเอาไว้”


 


 


เฝิงฮูหยินพยักหน้า “แม่นางเมิ่งกำลังรักษาเหวินเอ๋อร์อยู่ คาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกกว่าครึ่งชั่วโมง ข้ารออีกครู่จึงค่อยไปดูนาง”


 


 


หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป เฝิงฮูหยินเดินทางมาที่เรือนของเฝิงจิ้งซู สาวใช้บอกนางว่าเฝิงจิ้งเหวินและเมิ่งเชี่ยนโยวได้ไปที่เรือนของเฝิงจิ้งซูแล้ว เฝิงฮูหยินรีบตามมา เมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นลูกสาวคนโตยืนอยู่ข้างเตียง กอดเฝิงจิ้งซูไว้แน่น จึงถามอย่างตกใจว่า “ซูเอ๋อร์เป็นอะไรไปหรือ”


 


 


เฝิงจิ้งเหวินหันกลับมา ตอบอย่างดีใจว่า “ท่านแม่ ซูเอ๋อร์ตอบตกลงแต่งงานกับท่านแม่ทัพแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


ฮูหยินยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ดี เฝิงจิ้งซูก็เงยหน้าขึ้น และยิ้มให้เฝิงฮูหยิน ตะโกนออกไปด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ท่านแม่!”


 


 


เฝิงฮูหยินตกใจปนดีใจ เดินมาถึงเตียงและถามอย่างดีใจว่า “ซูเอ๋อร์ เจ้าตื่นแล้วหรือ ไม่สบายที่ใดหรือไม่”


 


 


เฝิงจิ้งซูส่ายหน้า “ท่านแม่ ข้ามิเป็นไรแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นกังวล”


 


 


เฝิงฮูหยินเอื้อมมือไปลูบหัวนาง พร้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ พูดว่า “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แม่เป็นห่วงเจ้าเหลือเกิน”


 


 


พูดจบ จึงได้นึกถึงคำที่เฝิงจิ้งเหวินได้พูดไปเมื่อครู่ และถามอย่างประหลาดใจว่า “ซูเอ๋อร์ เจ้ายอมรับการแต่งงานกับท่านแม่ทัพแล้วหรือ”


 


 


เฝิงจิ้งซูพยักหน้า “ข้าตกลงแต่งงานแล้วเจ้าค่ะ”


 


 


“ช่างดีเหลือเกิน เมื่อครู่พ่อของเจ้าเพิ่งจะให้แม่มาคุยกับเจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเข้าใจได้เอง” พูดจบ ก็พูดต่อว่า “ซูเอ๋อร์ ท่านพ่อของเจ้าพูดแล้ว ที่พวกเรายอมรับการแต่งงาน มิใช่เพราะเห็นแก่อำนาจของท่านแม่ทัพ แต่เพราะคิดถึงชื่อเสียงของเจ้าและท่านแม่ทัพต่างหาก”


 


 


เฝิงจิ้งซูพยักหน้า พูดอย่างว่าง่ายว่า “ข้ารู้ดีว่าพ่อและแม่ทำเพื่อข้า พวกท่านวางใจเถิด ข้าเต็มใจตอบตกลงการสมรสครั้งนี้เจ้าค่ะ”


 


 


เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ เฝิงฮูหยินก็สบายใจ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ด้านข้าง ยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อน้องซูเอ๋อร์ตกลงแต่งงานแล้ว ข้าก็ขอกลับไปรายงายให้กับพระชายาก่อนนะเจ้าคะ” พูดจบ ก็พูดอย่างมีเลิศนัยว่า “ขอให้พวกท่านเตรียมการณ์ไว้ให้ดี มิแน่ว่าวันพรุ่งท่านแม่ทัพอาจเดินทางมาสู่ขอเลยก็เป็นได้”


 


 


เฝิงฮูหยินเป็นคนฉลาด ฟังแล้วก็เข้าใจทันที นางพยักหน้า “ขอบน้ำใจแม่นางเมิ่ง พวกเราจะเตรียมตัวอย่างดี”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดว่า “เฝิงฮูหยิน ซูเอ๋อร์ ข้าขอตัวก่อนนะ”


 


 


เฝิงฮูหยินอยากไปส่งนาง แต่เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธว่า “ท่านอยู่กับน้องซูเอ๋อร์เถิดเจ้าค่ะ ให้ซ้อไปส่งข้าก็พอ พอดีข้าเองก็มีเรื่องจะคุยกับซ้อด้วย”


 


 


เฝิงฮูหยินคิดว่านางจะอาจจะพูดเรื่องอาการป่วย จึงพยักหน้า “ได้ อย่างนั้นข้าก็ไม่ไปส่งเจ้า ฟ้ามืดแล้ว เดินทางระวังด้วย”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ เดินออกจากเรือนของเฝิงจิ้งซูพร้อมกับเฝิงจิ้งเหวิน เดินออกมาไกลพอสมควรจึงหยุดลง พูดอย่างไตร่ตรองว่า “ซ้อคะ ข้ามีเรื่องอยากจะแนะนำน้องซูเอ๋อร์สักหน่อย”


 


 


“เรื่องอะไรหรือ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวมองซ้ายมองขวา


 


 


เฝิงจิ้งเหวินเข้าใจความหมาย จึงสั่งสาวใช้ว่า “พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ากับแม่นางเมิ่งมีเรื่องจะคุยกัน”


 


 


สาวใช้ถอยออกไป ชิงหลวนและจูหลีเองก็ถอยออกห่างเช่นกัน เมิ่งเชี่ยนโยวกระซิบข้างหูเฝิงจิ้งเหวิน เฝิงจิ้งเหวินตาโต มองนางอย่างตกใจ


 


 


“ทางที่ดีซ้อคุยกับซูเอ๋อร์เสียหน่อย หากปล่อยให้เป็นปมในใจ เกรงว่าหลังจากนางแต่งงานกับท่านแม่ทัพแล้วจะมีเรื่องบาดหมางขึ้น ถึงตอนนั้นทั้งสองจะเจ็บปวดกันทั้งคู่ พวกเราเองไม่ต้องการเห็นภาพเช่นนั้น” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด


 


 


เมื่อนึกถึงภาพของเฝิงจิ้งซูเมื่อครู่ เฝิงจิ้งเหวินจึงพยักหน้า “น้องโยวเอ๋อร์วางใจเถิด สักครู่ข้าจะกลับไปเจรจากับท่านแม่ ดูว่าจะแนะนำนางอย่างไร”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใกล้นาง ออกความเห็นกับนางด้วยเสียงเบา “ซ้อก็ให้น้องโยวเอ๋อร์ดูภาพชุนกง สิเจ้าคะ เล่าให้นางฟังถึงความสุขในห้องนอนระหว่างสามีภรรยา อย่าให้นางปิดกั้นเรื่องนี้”


 


 


เฝิงจิ้งเหวินหน้าแดงระเรื่อ “น้องโยวเอ๋อร์ เจ้า…”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ดีว่าคนในสมัยนี้ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ


 


 


เฝิงจิ้งเหวินส่งนางออกจากจวนทั้งหน้าตาที่แดงก่ำ เมื่อเห็นนางขึ้นรถม้าที่อยู่ไกลๆ แล้ว จึงรู้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนตามมาด้วย มองจนกว่ารถม้าลับตาไปแล้ว นางจึงเดินกลับจวนไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าใกล้รถม้า หวงฝู่อี้เซวียนจึงเปิดผ้าม่านออก เอื้อมมือไปดึงนางเข้ามา ถามด้วยรอยยิ้มว่า “ใช้เวลาสั้นกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ แสดงว่าตระกูลเฝิงตกลงแล้วใช่หรือไม่”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เฝิงฮูหยินและนายท่านเองไม่ได้ปฏิเสธ มีเพียงน้องซูเอ๋อร์ที่ยังลังเล ข้าจึงทั้งปลอบทั้งหลอกล่อนาง นางจึงยอมตกลง”


 


 


ได้ยินดังนั้นหวงฝู่อี้เซวียนจึงยิ้มออก และถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าหลอกล่อนางอย่างไรหรือ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะออกมา นำสิ่งที่ตนได้พูดทั้งหมดเล่าให้หวงฝู่อี้เซวียนฟัง


 


 


เขายื่นนิ้วมาจิ้มหน้าผากนางอย่างเอ็นดู หวงฝู้อี้เซวียนพูดว่า “เจ้านี่ช่าง…”


 


 


“อย่างไรหรือเจ้าคะ ข้าทำไม่ถูกหรือ” นางถามอย่างซุกซน


 


 


“ถูก ถูก ถูก เจ้าทำถูกแล้ว รอให้งานแต่งของท่านน้าผ่านไปก่อน ข้าจะต้องเอาคืนเขาเป็นแน่ ใครใช้ให้เขาทำผิดแล้วยังต้องให้พระชายาของซื่อจื่อไปออกหน้าแทน”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าเห็นด้วยกับท่าน แต่ว่าท่านแม่ทัพกำลังจะมีภรรยาแล้ว เกรงว่าคงจะเอาคืนเขาได้ยาก”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวก็หัวเราะตาม


 


 


คนรถไม่รอคำสั่ง เดินรถไปทางฝั่งหนานเฉิงทันที รถม้าเพิ่งเคลื่อนตัวออกได้ไม่นาน หวงฝู่อี้เซวียนก็สั่งออกไปด้านนอกว่า “ชิงหลวน จูหลี ตรงหัวมุมด้านขวามีคนสองคน พวกเจ้าไปจัดการให้เรียบร้อยที อย่าให้พวกมันรู้ตัว เสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบตามพวกข้ามา” เมื่อเขาพูดจบ ชิงหลวนและจูหลีก็ดีดตัวออกไปทันที


 


 


หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวออกจากจวนตระกูลเฝิงก็รู้สึกได้ว่ามีคนจับตามองอยู่ แต่หวงฝู่อี้เซวียนไม่ขยับ นางจึงไม่ได้ใส่ใจ เมื่อได้ยินที่เขาสั่งนางจึงหันไปมองเขา


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนอธิบายว่า “เป็นคนที่อยู่ที่จวนตระกูลเฝิงนานแล้ว คาดว่าคงจะมาดูลาดเลาที่จวนตระกูลเฝิง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า ไม่ได้ถามต่อ


 


 


คนรถเดินรถม้าอย่างนุ่มนวล กระทั่งใกล้ถึงหนานเฉิงแล้ว ชิงหลวนและจูหลีถึงได้ตามมา ชิงหลวนรายงานเสียงต่ำว่า “จัดการเรียบร้อยแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวได้กลิ่นจางๆ ของเลือดออกมาจากตัวพวกเขา จึงขมวดคิ้ว ถามว่า “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ”


 


 


“มิใช่ เป็นเลือดของพวกมัน” ชิงหลวนตอบ


 


 


“หลังกลับจวนไปแล้วก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย อย่าให้นายท่านรองพบเข้า”


 


 


ทั้งสองตอบรับ


 


 


รถม้ามาถึงใกล้ประตู เมิ่งเชี่ยนโยวรั้งไม่ให้หวงฝู่อี้เซวียนลงรถม้า “พระชายารอข่าวจากเจ้าอยู่ อย่าลงมาเลย รีบกลับไปเถิด”


 


 


วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายในจวน พระชายามีอาการรับไม่ไหว สีหน้าไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก หวงฝู่อี้เซวียนเองก็รับรู้ได้ถึงอาการทั้งหมด

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)