ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 120-121

ตอนที่ 120 รับปากได้หรือ

 

 


 


เพิ่งจะพูดได้ถึงตรงนี้ หลินหันเยียนก็ผุดลุกขึ้นทันที เบิกตากว้างอย่างหวาดผวา ร้องตะโกนขึ้นไม่หยุด “ข้าไม่อยากแต่งงานกับเขา! ข้าไม่อยากแต่งงานกับเขา!”


 


 


“ได้ได้ได้!” ฮูหยินราชเลขารีบเข้ามาปลอบนาง “ไม่แต่งกับเขา ไม่แต่งกับเขานะ เยียนเอ๋อร์อย่าตกใจไป”


 


 


“ท่านแม่พูดคำไหนคำนั้นนะเจ้าคะ จะไม่ให้ลูกแต่งงานกับเขาจริงใช่ไหม” หลินหันเยียนถามอย่างไม่แน่ใจ


 


 


ฮูหยินราชเลขาพยักหน้า “เจ้าเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของแม่ ในเมื่อเจ้าไม่ยอม มีหรือแม่จะยอมให้ลูกแต่งงานไปรับความทุกข์ทรมาน”


 


 


หลินหันเยียนจึงสงบใจลงได้ “เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นดีแล้ว ลูกยอมตายดีกว่าต้องแต่งงานกับปีศาจร้ายนั่น”


 


 


ราชเลขาสองสามีภรรยามองหน้ากับแวบหนึ่ง ฮูหยินราชเลขาพูดต่อว่า “วันนี้ซื่อจื่อกับแม่ทัพฉู่มาที่บ้านเพื่อยกเลิกการแต่งงาน พ่อกับแม่รับปากพวกเขาแล้ว แต่ว่าพวกเขารู้สึกว่าได้ติดค้างต่อเจ้า รับปากทุกอย่างไม่ว่าเราจะเรียกร้องเงื่อนไขอะไรก็ตาม พ่อกับแม่ปรึกษากันแล้ว ว่าจะให้เจ้าเป็นบุตรบุญธรรมของแม่ทัพฉู่ เจ้ายอมไหม”


 


 


หลินหันเยียนเม้มริมฝีปากไม่เอ่ยคำใด


 


 


ฮูหยินราชเลขารออยู่สักพัก เห็นนางไม่พูดอะไร จึงพูดจาหว่านล้อมขึ้นว่า “เยียนเอ๋อร์ ถึงอย่างไรเจ้าก็หมั้นหมายกับซื่อจื่อมานานหลายปี หากตอนนี้ยกเลิกการแต่งงานไป คนข้างนอกจะต้องนินทาเป็นแน่ เป็นอุปสรรคต่อการแต่งงานของเจ้าในภายหน้า แต่ถ้าเป็นบุตรบุญธรรมของแม่ทัพใหญ่ก็จะแตกต่างกันไป ไม่เพียงช่วยให้เจ้ามีงานแต่งงานที่ดีเท่านั้น ต่อไปยังมีคนอีกคนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนเจ้า”


 


 


ในที่สุดหลินหันเยียนก็พูดขึ้น “ต้องรับเป็นบุตรบุญธรรมให้ได้หรือ”


 


 


“เยียนเอ๋อร์” ราชเลขาหลินกล่าว “พ่อกับแม่ทำเพื่อเจ้านะ ถ้าเจ้ามีที่พึ่งพิงนี้ ก็จะมีแต่ผลดีไม่มีผลเสีย” พูดจบ ก็กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “แน่นอน ถ้าเจ้าไม่ยอม พ่อกับแม่ก็ไม่บังคับเจ้า”


 


 


หลินหันเยียนนิ่งคิดไปสักครู่ แล้วกล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อทำเพื่อลูก ลูกก็จะยินยอมเจ้าค่ะ”


 


 


ราชเลขาสองสามีภรรยาต่างก็ถอนหายใจโล่งอก ราชเลขาหลินกล่าวว่า “ในเมื่อเยียนเอ๋อร์ตกลงแล้ว พ่อก็จะไปปรึกษากันเรื่องการรับเป็นบุตรบุญธรรม”


 


 


หลินหันเยียนพยักหน้า “ทุกอย่างให้ท่านพ่อเป็นผู้จัดการเจ้าค่ะ”


 


 


ราชเลขาหลินส่งสายตาให้กับฮูหยินของตน ฮูหยินราชเลขาเข้าใจ สั่งสาวใช้ว่า “ประคองคุณหนูกลับไปพักผ่อน”


 


 


สาวใช้รับคำ ประคองหลินหันเยียนขึ้น แล้วก็พานางกลับห้องของตัวเองไป


 


 


ราชเลขาสองสามีภรรยาก็ปรึกษาหารือกันอีกสักครู่ กำหนดเรื่องการรับบุตรบุญธรรม ราชเลขาหลินจึงกลับไปยังห้องโถงรับแขก


 


 


ฉู่เหวินเจี๋ยกับหวงฝู่อี้เซวียนดื่มชาจนหมดแล้ว ราชเลขาหลินก็ยังไม่กลับมา หวงฝู่อี้เซวียนเล่นถ้วยน้ำชาในมืออย่างสบายๆ แอบคาดเดาว่าราชเลขาสองสามีภรรยาจะเรียกร้องเงื่อนไขอะไรออกมา ส่วนฉู่เหวินเจี๋ย กลับนั่งหลังตรง นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างมั่นคงราวกับภูเขาไท่ซาน


 


 


ราชเลขาหลินกลับมาที่ห้องโถงรับแขก เมื่อเห็นถ้วยน้ำชาของทั้งสองคนหมดแล้วจึงตำหนิคนรับใช้ “เจ้าพวกตาบอด ยังไม่รีบมาเติมน้ำชาให้แม่ทัพใหญ่กับซื่อจื่ออีก”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเหยียดยิ้ม เปิดโปงเขาตรงๆ ว่า “ใต้เท้าราชเลขาไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าข้า ข้าไม่เชื่อว่าคนรับใช้ในจวนของตระกูลผู้ดีจะไม่รู้จักกฎข้อนี้”


 


 


เป็นความจริงที่ราชเลขาหลินจงใจทำให้พวกเขาคอแห้ง ได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะกลบเกลื่อน “ซื่อจื่อล้อเล่นแล้ว บ่าวพวกนี้เพิ่งเข้ามาใหม่ ยังไม่ค่อยจะรู้จักกฎดีนัก”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนยังรักษารอยยิ้มนี้ไว้ “กฎในจวนราชเลขาช่างแตกต่างจริงๆ ในจวนอ๋องฉีของเรา จะไม่ใช้งานบ่าวที่ไม่รู้จักกฎ”


 


 


ใบหน้าของราชเลขาหลินพลันแข็งกระด้าง ระบายความโกรธเอากับคนรับใช้แทน “ยังไม่ไสหัวออกไปอีก อยากโดนหวายหรืออย่างไร”


 


 


คนรับใช้เดินออกไปอย่างสั่นๆ


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนนั่งบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ถามว่า “ไม่ทราบว่าใต้เท้าราชเลขาคิดเงื่อนไขได้แล้วหรือ”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนอ่านความคิดของเขาได้อย่างทะลุ ราชเลขาหลินจึงไม่ต้องปิดบังอะไรอีก พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “พวกเรามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”


 


 


“เชิญพูด”


 


 


“ขอให้แม่ทัพใหญ่รับบุตรสาวของข้าเป็นบุตรบุญธรรม”


 


 


ฉู่เหวินเจี๋ยประหลาดใจ


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนหรี่ตาลง


 


 


ราชเลขาหลินกล่าวว่า “บุตรสาวของข้าหมั้นหมายกับซื่อจื่อไว้ตั้วแต่ยังเล็ก บัดนี้อายุถึงเวลาแต่งงานแล้ว แต่จู่ๆ ซื่อจื่อกลับต้องการจะยกเลิกการแต่งงาน ทำให้มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของบุตรสาวข้า ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าต่อไปจะหาคนตระกูลที่เหมาะสมได้หรือไม่ เอาแค่ตอนนี้ หากเรื่องยกเลิกงานแต่งงานแพร่ออกไป ต่อไปไม่ว่าบุตรสาวจะไปที่ใด ก็จะถูกผู้คนตราหน้า หากพูดถึงข้อที่หนักไปกว่านั้น บุตรสาวอาจจะถึงขั้นอยู่ในเมืองหลวงไม่ได้อีก หากได้เป็นบุตรบุญธรรมของแม่ทัพใหญ่ แม้จะยังมีข่าวลือต่างๆ นานา แต่ก็ยังดีกว่ามาก”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนยกยิ้มอย่างที่ไม่อาจคาดเดาความคิดได้ กล่าวว่า “ใต้เท้าราชเลขากล่าวไม่ผิด แต่ว่าท่านน้าของข้ายังไม่มีครอบครัว ถ้าหากรับคุณหนูหลินเป็นบุตรบุญธรรม จะไม่เป็นการเพิ่มข่าวลือไปอีกหรือ”


 


 


ราชเลขาหลินโบกมือ “ไม่หรอก คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็ทราบว่าแม่ทัพใหญ่ทำอะไรเปิดเผย เขาเป็นพ่อบุญธรรมของบุตรสาวข้า ก็จะไม่มีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง”


 


 


“ถ้าเช่นนั้นที่ท่านน้าข้ารับคุณหนูหลินเป็นบุตรบุญธรรมมีเงื่อนไขอะไร คงไม่ใช่แค่เป็นรับเป็นบุตรบุญธรรมธรรมดาแล้วก็จบกระมัง”


 


 


ราชเลขาหลินพยักหน้า “ซื่อจื่อกล่าวถูกแล้ว พวกเราไม่ต้องการสิ่งใดอีก เพียงแต่ต้องการให้เยียนเอ๋อร์มีแม่ทัพใหญ่เป็นพ่อบุญธรรมเท่านั้น แต่ว่าเรามีเงื่อนไขในพิธีการรับเป็นบุตรบุญธรรม”


 


 


“เงื่อนไขอะไรหรือ”


 


 


ราชเลขาหลินชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว “มีเงื่อนไขสองประการ หนึ่งคือพิธีการรับบุตรบญธรรมกับการยกเลิกการแต่งงานต้องมีขึ้นพร้อมกัน สองการรับเป็นบุตรบุญธรรมนี้ต้องจะจัดอยู่ในจวนอ๋องฉี”


 


 


“ทำไมหรือ คุณหนูหลินให้ท่านลุงข้าเป็นพ่อบุญธรรม ไม่ใช่ว่าต้องจัดพิธีอยู่ที่จวนแม่ทัพมิใช่หรือ”


 


 


“ซื่อจื่อกล่าวไม่ผิด เดิมทีควรจะเป็นเช่นนั้น แต่เป็นเพราะว่าการยกเลิกการแต่งงานกับการรับบุตรบุญธรรมต้องจัดขึ้นพร้อมกัน จึงไม่อาจยกเลิกการแต่งงานที่จวนอ๋องฉีเสร็จแล้ว จึงค่อยไปจวนแม่ทัพ ไม่จำเป็นต้องให้วุ่นวายเช่นนั้น ดังนั้นจัดขึ้นพร้อมกันในจวนอ๋องฉีก็พอ”


 


 


“ไม่ทราบว่าใต้เท้าราชเลขาต้องการให้ใครร่วมงานบ้าง” หวงฝู่อี้เซวียนหรี่ตาถาม


 


 


ราชเลขาหลินโบกมือ พูดอย่างใจกว้างว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกร่วมงาน มีแค่พวกเราไม่กี่ครอบครัวก็เพียงพอแล้ว”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนหัวเราะเบาๆ เอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้ “ใต้เท้าราชเลขาช่างวางหมากได้ดีจริงๆ วันนี้เปิดหูเปิดตาอี้เซวียนแล้ว”


 


 


ราชเลขาหลินลูบเคราพร้อมกับหัวเราะฮ่าๆ “ซื่อจื่อชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงแต่ทำเพื่อบุตรสาว หากมีสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมก็ขอให้ซื่อจื่ออภัยด้วย”


 


 


“ใต้เท้าราชเลขาขว้างหินก้อนเดียวได้นกหลายตัว มีตรงไหนที่ไม่เหมาะหรือ” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวอย่างเย้ยหยัน


 


 


ราชเลขาหลินแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจคำพูดของเขา หันหน้าไปถามฉู่เหวินเจี๋ย “ไม่ทราบว่าแม่ทัพใหญ่คิดว่าอย่างไรหรือ ตกลงเห็นชอบในเงื่อนไขข้อนี้หรือไม่”


 


 


วันนี้ฉู่เหวินเจี๋ยมีเป้าหมายไว้ว่าไม่ว่าราชเลขาหลินจะมีเงื่อนไขอะไรเขาก็จะรับปากทั้งนั้น แต่เขาคิดไม่ถึงเลย ว่าราชเลขาหลินจะเอ่ยถึงเงื่อนไขเช่นนี้ได้ เกิดความรู้สึกลำบากใจไปชั่วขณะ ใคร่ครวญแล้วจึงกล่าวว่า “ตามหลักแล้วเงื่อนไขข้อนี้ไม่ถือว่ามากเกินไป ข้าควรจะรับปากอย่างเต็มใจ เพียงแต่ ถึงอย่างไรข้าก็ยังไม่มีครอบครัว ทำเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ”


 


 


“ท่านลุง” หวงฝู่อี้เซวียนพูดอยู่ข้างๆ “ใต้เท้าราชเลขาก็บอกแล้วว่าไม่เป็นอะไร ท่านไม่จำเป็นต้องไปสนใจคำพูดของคนอื่น อย่างไรคุณหนูหลินก็ไม่ได้ไปอาศัยอยู่ที่จวนแม่ทัพ ไม่มีผลกระทบอะไรต่อชีวิตของท่าน อย่างมากที่สุดก็แค่ตอนที่นางแต่งงานก็มอบสินสอดติดตัวไว้ให้นางเท่านั้น” พูดจบก็ถามใต้เท้าราชเลขาว่า “ใต้เท้าราชเลขา ท่านว่าใช่หรือไม่”

 

 

 


ตอนที่ 121 ข่าวดี

 

ราชเลขาหลินพยักหน้า “ซื่อจื่อกล่าวถูกต้องแล้ว นอกจากว่าท่านเป็นบิดาบุญธรรมของลูกหญิงแค่เพียงในนามเท่านั้น ที่เหลือก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป ส่วนเรื่องสินเดิมในภายหน้า จวนราชเลขาของเราก็มิได้ขัดสนเงินทอง จึงไม่รบกวนแม่ทัพใหญ่ให้ต้องตระเตรียม หวังเพียงในภายหน้าหากลูกหญิงมีเรื่องเดือดร้อนขึ้นมา ขอให้แม่ทัพใหญ่ยื่นมือคอยช่วยเหลือเท่านั้น”


 


 


“ท่านน้า ท่านตกลงเถอะ รับคุณหนูหลินเป็นบุตรบุญธรรม ท่านไม่เพียงแต่ได้ลูกสาวที่โตเป็นสาวแล้วเท่านั้น ท่านยังมีความสัมพันธ์อันดีกับจวนราชเลขาอีกด้วย ต่อไปในราชสำนักพวกท่านจะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป” พูดจบก็ถามเจือแววเย้ยหยัน “ใต้เท้าราชเลขา ข้าพูดไม่ผิดกระมัง”


 


 


ใต้เท้าราชเลขาที่กำลังยิ้มน้อยๆ อยู่หุบยิ้มลง กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ซื่อจื่อกล่าวผิดไปแล้ว ที่ให้แม่ทัพใหญ่รับเป็นบิดาบุญธรรมของลูกหญิง ก็เพราะว่าคำนึงถึงการแต่งงานในภายหน้าของลูกหญิงอย่างแท้จริง ส่วนสิ่งอื่นใดนั้น ตัวข้ามิได้คำนึงถึงมากมาย”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวอย่างมิใคร่จะจริงใจว่า “เมื่อกล่าวมาเช่นนี้ คงเป็นอี้เซวียนเองที่เอาความคิดของผู้น้อยไปตัดสินความคิดของมหาบุรุษ ขอใต้เท้าราชเลขาได้โปรดให้อภัยด้วย”


 


 


พูดจบก็หันไปพูดกับฉู่เหวินเจี๋ยว่า “ท่านน้า เรื่องดีๆ เช่นนี้แม้จะจุดตะเกียงหาก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ท่านตกลงเถอะ”


 


 


ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะรับปาก รับคุณหนูหลินเป็นบุตรบุญธรรม ขอให้ราชเลขาหลินกำหนดวันพิธีเถิด”


 


 


ราชเลขาหลินแสดงสีหน้ายินดี “เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ย่อมต้องเลือกวันมงคล เอาเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่กับซื่อจื่อกลับไปก่อน รอให้พวกเราเลือกวันมงคลได้แล้วค่อยไปบอกพวกท่านดีไหม”


 


 


ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้า ลุกขึ้นยืน “ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไม่รบกวนแล้ว ข้ามักจะยุ่งอยู่กับกิจการทหาร ไม่ค่อยอยู่จวน ถ้าราชเลขาหลินได้วันมงคลแล้วก็ให้ไปส่งข่าวที่จวนอ๋องฉีเถิด ให้พี่สาวข้าได้ตระเตรียมไว้ก่อน”


 


 


ใต้เท้าราชเลขาพยักหน้ารับ ออกไปส่งทั้งสองคนออกจากจวนราชเลขาด้วยตัวเอง เห็นทั้งสองคนขี่ม้าออกไปไกลแล้ว จึงรีบกลับเข้าไปบอกข่าวดีกับฮูหยินราชเลขาทันที และเลือกเวลาเช้าของวันมงคลวันหนึ่ง


 


 


ฉู่เหวินเจี๋ยกับหวงฝู่อี้เซวียนกลับมาถึงจวนอ๋องฉี ได้บอกเงื่อนไขข้อเรียกร้องของราชเลขาให้พระชายาอ๋องหลินได้ทราบ


 


 


หลังจากที่พระชายาฉีได้ฟังก็รู้สึกประหลาดใจมาก เอ่ยถามขึ้นว่า “พวกเขายอมยกเลิกการแต่งงานไปง่ายๆ เช่นนี้หรือ”


 


 


“เสด็จแม่ ท่านไม่คิดว่าราชเลขาหลินเดินหมากกระดานนี้ได้ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ ให้คุณหนูหลินเป็นบุตรบุญธรรมของท่านน้า ต่อไปไม่เพียงแต่มีความเกี่ยวโยงกับจวนแม่ทัพเท่านั้น แม้แต่จวนของเราก็ยังต้องเกี่ยวพันด้วย ขว้างหินก้อนเดียวได้นกสองตัว” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าว


 


 


พระชายาฉีโบกมือ “ไม่ต้องสนใจว่าพวกเขามีจุดประสงค์อะไร ถึงอย่างไรก็รับปากที่จะยกเลิกการแต่งงานแล้ว เช่นนี้แล้วพวกเราจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจู่ๆ วันใดวันหนึ่งท่านลุงของเจ้าจะมีพระราชโองการให้พวกเจ้าแต่งงาน อีกอย่างต่อไปเจ้ากับแม่นางเมิ่งจะได้อยู่ด้วยกันอย่างสง่าผ่าเผย”


 


 


สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนไม่เป็นกังวล “หากไม่ได้คำนึงถึงข้อนี้ มีหรือที่ข้าจะยอมให้พวกเขาสมปรารถนาได้ง่ายๆ เช่นนี้”


 


 


พระชายาฉีกลับตื่นเต้นดีใจแทบแย่ กล่าวขึ้นว่า “ยกเลิกการแต่งงานได้ก็ดีแล้ว คราวนี้พวกเราก็รับรองต่อแม่นางเมิ่งได้”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกลับมาถึงจวน เฝิงจิ้งเหวินสองพี่น้องมาถึงก่อนแล้ว ชิงหลวนกำลังรับรองให้ดื่มชารออยู่ในห้อง พอเห็นนางกลับมาแล้ว สองพี่น้องก็ผุดลุกขึ้น เฝิงจิ้งเหวินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้ารู้ว่าท่านกำลังยุ่งอยู่ พวกเราค่อยมาหายามบ่าย”


 


 


“เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว”


 


 


เฝิงจิ้งเหวินไม่พูดพร่ำทำเพลง ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างคุ้นเคย เตรียมพร้อมรับการรักษา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบเข็มเงินออกมา แล้วก็ฝังลงไปทีละเข็มจนเสร็จ “อีกไม่กี่วัน ร่างกายของพี่สะใภ้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว”


 


 


นับตั้งแต่รู้ว่าตัวเองสามารถมีลูกได้อีกครั้ง เฝิงจิ้งเหวินไม่เพียงแต่ยิ้มมากขึ้น อารมณ์ก็ยังร่าเริงแจ่มใสขึ้นอีกมาก ได้ยินดังนั้นจึงกระซิบเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าก็กลับไปอยู่ที่จวนเหวินได้แล้วสิ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเย้านางเล่น “ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นลูกของท่านจะมาได้อย่างไรเล่า”


 


 


เฝิ่งจิ้งเหวินเขินอายสองแก้มแดงปลั่ง กล่าวว่า “น้องสาวล้อเล่นแล้ว ครั้งก่อนหลังจากที่ข้ากลับไปเยี่ยมท่านพี่ ก็รู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก ได้แต่ภาวนาให้อาการป่วยของข้าดีขึ้น แล้วจะสามารถกลับไปดูแลเขาได้”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยถามขึ้นว่า “อาการบาดเจ็บของเถ้าแก่เหวินยังไม่ดีขึ้นหรือ”


 


 


“ดีขึ้นแล้ว แต่เขามักจะประมาทเลินเล่อ ไม่รู้จักดูแลตัวเอง ข้าเป็นห่วงเขาจริงๆ” เฝิงจิ้งเหวินตอบเบาๆ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวล้อนาง “ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ของเถ้าแก่เหวินไปได้วาสนามาจากไหน ถึงได้แต่งงานกับพี่สะใภ้ที่ดีขนาดนี้ได้”


 


 


เฝิงจิ้งเหวินแก้มแดง พูดเสียงเบาว่า “น่าจะเป็นข้าเองที่มีวาสนา ถึงได้มาเจอกับเขาถึงจะถูกต้อง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที กระเถิบเข้าไปใกล้นาง “พี่สะใภ้หมายความว่า พวกท่านมีเรื่องราวผูกพันกันมาก่อนหรือ”


 


 


เฝิงจิ้งเหวินพยักหน้า พูดเสียงเบาว่า “ในปีนั้นตอนที่ข้าอายุแปดขวบ ข้าออกไปเที่ยวเล่นกับท่านแม่ แล้วก็พลัดหลงกัน บังเอิญมีพ่อค้าเร่คนหนึ่งจะมาจับตัวข้าไปขาย เป็นท่านพี่ที่เข้ามาช่วยข้าโดยไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ เขายังได้รับบาดเจ็บจากเหตุนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาข้าได้ตั้งสัตย์ไว้ว่าหากไม่ใช่เขาจะไม่ยอมแต่งงานตลอดจนชั่วชีวิต”


 


 


“ที่แท้ระหว่างพวกท่านยังมีเรื่องราวเช่นนี้ด้วย มิน่าเล่าตอนที่อยู่เมิงชิงซี ตอนที่เถ้าแก่เหวินเอ่ยถึงท่านขึ้นมาก็จะยิ้มไม่หุบเลย”


 


 


ใบหน้าของเฝิงจิ้งเหวินเต็มไปด้วยความสุข “หลังจากแต่งงานแล้วท่านพี่ก็ดีต่อข้ามาก แม้จะรู้ว่าข้าไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ก็ไม่ทอดทิ้งข้า”


 


 


ทั้งสองคนสนทนากันเสียงแผ่วเบา ทว่าเฝิงจิ้งซูกลับได้ยิน ยิ้มพร้อมกับเปิดโปงเฝิงจิ้งเหวินอีกว่า “พี่โยวเอ๋อร์ ท่านไม่รู้ วันนั้นหลังจากที่พี่ใหญ่เห็นพี่เขยได้รับบาดเจ็บ ก็ปวดหัวใจจนน้ำตาไหลออกมาในตอนนั้นเลย หากไม่ใช่เพราะว่ายังเป็นเด็กน้อยอยู่ล่ะก็ วันนั้นพี่สาวข้าก็จะตามพี่เขยกลับจวนเหวินให้ได้ เป็นเช่นนี้แล้ว พอกลับบ้านไปก็ไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวตั้งนาน”


 


 


เฝิงจิ้งเหวินพูดด้วยความโมโห “เจ้าเด็กบ้า ข้าก็แค่ปวดใจว่าพี่เขยเจ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง รออีกหน่อยถ้าเจ้ามีน้องเขย เจ้าก็จะเป็นเหมือนกันนี้”


 


 


เฝิงจิ้งซูทำหน้าทะเล้น “ข้าไม่อยากมีสามีหรอก อยู่เฝ้าบ้านตลอดไป ให้ท่านพ่อท่านแม่ถนอมดีกว่า”


 


 


นั่นเป็นเพียงคำพูดอันบริสุทธิ์ของเด็ก เฝิงจิ้งเหวินจึงไม่ได้ตำหนิว่ากล่าวนาง


 


 


เฝิงจิ้งซูก็นั่งลงข้างเตียง ทั้งสามคนพูดคุยหยอกล้อกันจนสมควรแก่เวลา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวดึงเข็มเงินออก เฝิงจิ้งเหวินสองคนพี่น้องพักผ่อนอยู่สักครู่ แล้วจึงนั่งรถม้ากลับไป


 


 


เงยหน้ามองท้องฟ้าตรงหน้า เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว คิดว่าหวงฝู่อี้เซวียนไปจวนราชเลขา ถ้าหากราบรื่นไม่มีอะไรติดขัดแล้วล่ะก็ อีกไปนานก็น่าจะกลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าจะมาที่จวนของตนไหม ใช้ความคิดพริบตาเดียวก็หันหน้าไปที่ห้องครัว เตรียมลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง ถ้าหากเขานำข่าวดีมาด้วย จะได้ฉลองกับเขาเลย ถ้าหากไม่ ก็ถือว่าเป็นการปลอบใจเขา หรือถ้าเขาไม่มา วันนี้คนในบ้านก็มีวาสนาได้กินของอร่อยๆ แล้ว


 


 


แม่ครัวเห็นนางเดินเข้ามา ก็รู้ว่านางจะลงมือทำอาหารเอง เอ่ยปากถามว่า “นายหญิง วันนี้จะทำอาหารอะไรเจ้าคะ บ่าวจะได้เตรียมวัตถุดิบไว้ให้”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวบอกนางว่าต้องการทำอะไรบ้าง


 


 


แม่ครัวพับแขนเสื้อขึ้นและเริ่มหยิบเลือกผักมาล้าง


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้อยู่เฉยๆ เอาเครื่องปรุงที่ต้องการเตรียมออกมาไว้ใช้


 


 


นายหญิงใจดี ทุกครั้งที่ทำอาหารก็จะทำมากหน่อย ให้พวกนางเหล่าคนรับใช้กินอย่างอิ่มอร่อย ดังนั้นแม่ครัวจึงเตรียมออกมามากเป็นพิเศษ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)