ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 110-111
ตอนที่ 110 จัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้ทหา...
คนที่ว่างงานในเขตทางเหนือต่างก็ได้รับการว่าจ้างให้ไปบุกเบิกพื้นที่ว่างเปล่า ขนาดคนขายลูกสาวลูกชายก็ยังไม่มีแล้ว ดังนั้นบนถนนจึงไม่เห็นคนเร่ร่อนเหมือนแต่ก่อน กลุ่มคนเหล่านี้เดินมา จึงไม่เกิดความโกลาหลวุ่นวายเลย
เดินมาจนถึงประตูโรงหัตถกรรม ฉู่เหวินเจี๋ยประกบมือคำนับทั้งสองคน “คุณชายเมิ่ง แม่นางเมิ่ง ข้าพาคนมาแล้ว พวกเจ้าดูว่าเหมาะสมหรือไม่”
ทั้งสองคนรีบคำนับคืน “แม่ทัพฉู่!”
ฉู่เหวินเจี๋ยโบกมือ “วันนี้ที่ข้าสวมชุดธรรมดามา ก็เพื่อไม่ให้พวกเจ้าเห็นข้าเป็นแม่ทัพ ทหารเหล่านี้ข้าเลือกมาเองตามที่แม่นางเมิ่งต้องการ พวกเจ้าตรวจดูอีกครั้ง ถ้าไม่เหมาะข้าก็จะพากลับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้าขึ้นมอง กลุ่มทหารที่มาต่างก็มองนางด้วยสายตาคาดหวัง
สบตากับเมิ่งฉี เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อแม่ทัพฉู่เลือกมาแล้ว พวกเราก็ไม่ทำสิ่งใดเกินจำเป็นแล้ว ข้ามีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว ทุกคนมาเพื่อทำงาน ต่อไปต้องปฏิบัติตามกฎของโรงหัตถกรรม ผู้ใดที่ไม่ยอมรับ ผู้ใดที่ก่อเรื่องวุ่นวาย ผู้ใดที่แอบหลบงาน ข้าจะไล่ออกสถานเดียว ไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
ฉู่เหวินเจี๋ยหันหลับไปถามทุกคนเสียงดัง “ที่แม่นางเมิ่งพูดเมื่อสักครู่พวกเจ้าได้ยินหมดแล้วใช่หรือไม่”
เหล่าทหารคุ้นเคยกับการตอบโดยพร้อมเพรียงกัน “ได้ยินแล้ว!”
ในน้ำเสียงของฉู่เหวินเจี๋ยเข้มงวดดุดันขึ้น “พวกเจ้าต่างก็ทราบดีว่าตัวเองหลังจากที่กลับบ้านไปแล้วจะมีสภาพเช่นไร โชคดีที่แม่นางเมิ่งจิตใจดีงาม ไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะร่างกายพิการ ให้พวกเจ้าได้ทำงาน พวกเจ้าจะต้องกำจัดนิสัยเคยชินที่ไม่ดี เห็นคุณค่างานนี้ เพื่อที่จะได้เหลือทางสุดท้ายไว้ให้เดิน”
แล้วก็ตอบโดยพร้อมเพรียงอีกครั้ง
ฉู่เหวินเจี๋ยหันกลับมา กล่าวว่า “แม่นางเมิ่ง คุณชายเมิ่ง ต่อไปคนเหล่านี้ต้องมอบให้พวกเจ้าแล้ว ถ้าหากพวกเขาไม่ปฏิบัติตามกฎของโรงหัตถกรรม พวกเจ้าจะตี จะด่า จะไล่ออกก็สุดแล้วแต่ใจของพวกเจ้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันไปมองเมิ่งฉี
เมิ่งฉีเข้าใจ เดินก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยืนอยู่ต่อหน้าของทุกคน พูดเสียงดังว่า “กฎของโรงหัตถกรรมเราไม่เข้มงวด ขอเพียงแต่ทุกท่านทำงานของตัวเองให้ดี จะไม่มีคนมาหาเรื่องพวกเจ้าเด็ดขาด อีกอย่างพวกเราจะดูแลเรื่องอาหารมื้อเที่ยง มีเนื้อผัดหม้อใหญ่กับผักต่างและหมั่นโถว เชิญกินได้เต็มที่ มื้อเช้ากับมื้อเย็นพวกเจ้าจัดการกันเอง ส่วนเงินค่าแรง ก็เท่ากันคนทั่วไป คือทุกวันจะได้รับเงินแปดสิบอีแปะ แต่ก่อนจะได้รับเงินค่าแรงทุกห้าวัน ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปจะได้รับค่าแรงเป็นรายเดือน ระหว่างนั้นถ้าพวกเจ้าต้องการใช้เงิน ก็ให้มาเบิกกับข้าก่อน รอตอนเงินออกค่อยหักจากนั้น ถ้าหากพวกเจ้ายอม ก็เดินตามข้าเข้าไปในโรงหัตถกรรม ข้าจะสอนว่าต้องทำงานอย่างไร ถ้าไม่เต็มใจพวกเราก็ไม่บังคับ”
กองทหารก็จ่ายเงินเป็นรายเดือนเช่นกัน เรื่องนี้เหล่าทหารไม่ค่อยสนใจ แต่พอได้ยินว่าทุกวันจะได้กินอาหารที่มีผักมีเนื้อสัตว์ให้หนึ่งมื้อ ทุกคนต่างก็ตาค้าง เปล่งแสงระยิบระยับ การใช้ชีวิตเป็นทหารนั้นแสนลำบาก ตอนที่ออกทัพก็ต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ตอนที่ไม่ได้รบก็กว่าจะได้รับอาหารดีๆ สักมื้อหนึ่ง ตอนนี้พวกเขากลายเป็นคนพิการ ไม่เพียงแต่ได้รับเงินค่าแรงวันละแปดสิบอีแปะเหมือนคนทั่วไป ทุกวันยังได้กินอาหารที่มีผักมีเนื้อร้อนๆ เรื่องดีๆ เช่นนี้จะไปหาได้จากที่ไหน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตื่นเต้นยินดี
เมิ่งฉีเห็นดังนั้นจึงหมุนตัวเดินเข้าไปในโรงหัตถกรรม เหล่าทหารเดินตามหลังไปทันที
ฉู่เหวินเจี๋ยยืนข้างๆ เห็นพวกเขาเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกซาบซึ้งเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่ในใจมาก รอจนกระทั่งทุกคนเดินเข้าไปแล้ว ก็ยกมือประกบกันแล้วคำนับอีกครั้ง กล่าวขึ้นว่า “แม่นางเมิ่ง ขอบคุณมาก ข้าซาบซึ้งใจเหลือเกิน”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพลางโบกมือ “ท่านแม่ทัพ ท่านกับข้าไม่ใช่คนนอก ท่านกล่าวเช่นนี้จะเกรงใจไปแล้ว ทหารเหล่านี้ต่างก็บาดเจ็บเพื่อแคว้น ข้าช่วยพวกเขาสักครั้ง ก็นับว่าเป็นการได้ช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ”
ฉู่เหวินเจี๋ยเผยยิ้มออกมา “สองวันก่อนข้าได้ไปรายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงชื่นชมเจ้ามาก อีกไม่กี่วันก็น่าจะมีพระราชโองการให้รางวัลมา”
เมิ่งเชี่ยนโยวคิดว่าสี่ปีนี้ที่ฉู่เหวินเจี๋ยไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง จึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในระยะนี้ เรื่องที่อี้เซวียนคิดจะยกเลิกการหมั้นหมายกับคุณหนูจวนราชเลขา ดึงดันที่จะแต่งงานให้นางเป็นพระชายาซื่อจื่อ ฮ่องเต้กับไทเฮายังคงเกิดความพะวงในใจตลอดเวลา ที่ฮ่องเต้กล่าวชื่นชมนางนั้นเป็นเพียงคำพูดเท่านั้น คงไม่มีประทานของรางวัลมาให้
ครั้นแล้วจึงยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณแม่ทัพฉู่ ข้าเพียงแต่มอบโอกาสให้ทหารเหล่านี้เท่านั้น ส่วนเรื่องรางวัลของฮ่องเต้ เชี่ยนโยวละอายใจไม่กล้ารับ”
กลุ่มคนมากมายเดินเข้าไปในเรือน คนงานที่อยู่ในโรงหัตถกรรมพอเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามามีแต่คนพิการก็เกิดความประหลาดใจ ลืมทำงานไปชั่วขณะ ต่างก็มองทางด้านนี้
เมิ่งฉีขมวดคิ้ว แนะนำกับทุกคนว่า “เหล่านี้ต่างก็เป็นทหารที่พิการมาจากการสู้รบ ต่อไปจะทำงานอยู่ในโรงหัตถกรรมที่เปิดเปิดใหม่ ปฏิบัติเช่นเดียวกับพวกเจ้า”
คนงานทุกคนต่างก็อ้าปากตาโตจ้องมองพวกเขาอย่างสงสัย พวกเขาเหล่านี้ที่มีแขนขาครบก็ยังต้องใช้ความพยายามในการทำงานมาก แล้วคนพิการเหล่านี้จะทำอย่างไร แต่ว่า ก็ได้แค่คิด ไม่มีใครกล้าถามออกมา นี่เป็นงานที่ได้มาอย่างยากลำบาก อย่าต้องให้เสียไปเพราะความปากมากของตัวเอง
เมิ่งฉีกล่าวอย่างเข้มงวด “ไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้าแล้ว ทำงานเถอะ”
เหล่าคนงานรู้สึกตัว รีบทำงานของตัวเอง
เมิ่งฉีพาคนเหล่านี้เข้าไปในโรงหัตถกรรม อธิบายวิธีการทำไส้กรอกตั้งแต่ต้นจนจบ กล่าวกับทุกคนว่า “นี่เป็นงานที่พวกเจ้าจะได้ทำต่อไป เป็นงานง่าย มีใครคิดว่าจะทำไม่ได้ไหม”
อันที่จริง งานที่ให้พวกเขาสับเนื้อจนละเอียดนั้นพวกเขาทำได้ แต่งานละเอียดที่ต้องยัดไส้กรอกใส่เปลือกไส้กรอก พวกเขาเหล่านี้ต่างก็คุ้นเคยกับการถืออาวุธ จึงไม่รู้ว่าจะทำไหวหรือไม่ ไร้เสียงตอบจากคำถามของเมิ่งฉีไปขณะหนึ่ง
เมิ่งฉีเข้าใจถึงความคิดของพวกเขา กล่าวว่า “คุ้นเคยแล้วจะเชี่ยวชาญเอง วันแรก วันที่สองพวกเจ้าอาจจะทำไม่ได้ แต่นานไปก็จะทำได้เอง ขอเพียงพวกเจ้าตั้งใจทำ แม้จะเกิดความผิดพลาดบ้างข้าก็ไม่ว่าอะไร”
สิ่งที่เหล่าพลทหารกังวลก็คือเรื่องนี้ กลัวว่าตัวเองทำไม่ดีจะโดนไล่ออก ทำให้ต้องอับอายขายหน้าแม่ทัพใหญ่ ตอนนี้พอได้ยินเมิ่งฉีบอกว่าจะให้เวลาให้พวกเขาคุ้นเคย ก็รู้สึกโล่งใจ กล่าวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงว่า “เถ้าแก่วางใจเถอะ พวกเราจะพยายามทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”
เมิ่งฉีพยักหน้า ให้พวกเขาเหล่านี้แบ่งกันออกเป็นกลุ่มเอง เข้าไปยังห้องต่างๆ ภายในโรงหัตถกรรม รอให้เขามาอนทีละขั้นตอน
เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีเดินตามเข้ามาในโรงหัตถกรรม เห็นเมิ่งฉีแบ่งคนเรียบร้อยแล้ว ยิ้มพูดกับแม่ทัพฉู่ว่า “แม่ทัพใหญ่ บังคนเข้าไปในห้องต่างๆ แล้ว พี่รองของข้าคนเดียวสอนไม่ไหว ข้าจะเข้าไปช่วยก่อน ไม่อยู่คุยกับท่านแล้ว เชิญท่านตามสบายเจ้าค่ะ”
ฉู่เหวินเจี๋ยพยักหน้ารับ “แม่นางเมิ่งไปทำธุระเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในห้องหนึ่ง หลังจากที่สอบถามว่าพวกเขาทำงานอะไร แล้วก็ให้ทหารที่รับผิดชอบการสับเนื้อเริ่มลงมือทำงาน ตัวเองยืนชี้นิ้วแนะนำอยู่ข้างๆ
ตอนที่ 111 ไปเป็นแขก
ขั้นตอนนี้ง่ายดายไม่ซับซ้อน พลทหารมีกำลังเหลือเฟือ ไม่นานก็สับเนื้อได้ละเอียด ต่อมาเป็นปัญหาในส่วนของเครื่องปรุง เมิ่งเชี่ยนโยวนำเครื่องปรุงเข้าไปผสมในเนื้อสัตว์ตามอัตราส่วนต่อหน้าของทุกคน แล้วให้พลทหารที่อยู่ข้างๆ จัดการผสมให้เข้ากัน จากนั้นเริ่มสอนพวกเขาถึงวิธีการยัดไส้ไส้กรอก
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด พลทหารแทบทุกคนต่างก็ทำให้ไส้กรอกเสียหายไปหมด
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่รีบร้อน อธิบายให้พวกเขาฟังซ้ำๆ อย่างอดทน
พวกพลทหารทำได้ไม่ดี ทุกคนต่างก็ร้อนใจจนเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผาก
เมิ่งเชี่ยนโยวให้กำลังใจพวกเขาว่า “อย่าใจร้อน ค่อยๆ ทำ ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความอดทนเป็นหลัก ปล่อยใจให้สบาย ทำเหมือนกับการทำงานทั่วไป ไม่ช้าพวกเจ้าก็จะทำได้เอง”
บรรดาพลทหารต่างก็เชื่อฟังคำพูดของนาง สูดลมหายใจเข้าหลายเฮือก ค่อยๆ เรียนรู้ ค่อยๆ จับจุดสำคัญได้ ในที่สุดก็ทำอันแรกได้สำเร็จ
พลทหารส่งเสียงโห่ร้องลั่นอย่างตื่นเต้นดีอกดีใจ ประหนึ่งว่าชนะสงครามอันยากลำบากเสียอย่างนั้น
เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกดีใจ กำชับให้พวกเขาทำแบบนี้ต่อ แล้วก็ไปโรงหัตถกรรมอีกโรงหนึ่ง
สองพี่น้องยุ่งเสียจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้ ส่วนฉู่เหวินเจี๋ยกลับไปตรวจสอบดูโรงหัตถกรรมโรงหนึ่งแล้วก็ไปตรวจสอบโรงหัตถกรรมถัดไปอีก ตรวจสอบดูว่าเหล่าบรรดาพลทหารทำงานกันเป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็เห็นว่าพวกเขาปักหลักทำงานได้อย่างรวดเร็ว
ฉู่เหวินเจี๋ยจึงวางใจได้
เวลาผ่านไปครึ่งค่อนเช้าแล้ว ในที่สุดเมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีก็สอนจนพวกเขาทำได้
ผู้หญิงที่ทำอาหารในโรงหัตถกรรมก็เดินพูดคุยหยอกล้อกันเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ว่าวันนี้มีคนกินข้าวเพิ่มขึ้นอีกมากกว่าเดิม จึงเดินเข้าไปหาผู้หญิงพวกนั้น บอกพวกนางว่าให้วันนี้พวกนางต้องทำงานเหนื่อยสักหน่อย ทำกับข้าวเพิ่มอีกหลายๆ หม้อใหญ่ วันพรุ่งนี้นางค่อยเรียกทุกคนเข้ามา และบอกพวกเขาว่าวันนี้ค่อนข้างเหนื่อย ทุกคนจะได้รับเงินค่าแรงเพิ่มอีกยี่สิบอีแปะ
ผู้หญิงจึงรู้สึกยินดี เร่งทำงานที่อยู่ในมือให้เสร็จ
เสี่ยวซือมาถึงหลังจากที่เปิดประตูโรงหัตถกรรมแล้ว พอเห็นว่าที่นี่มีคนมากมาย ก็ไปซื้อผักกับเนื้อสัตว์กลับมาก่อนที่เมิ่งเชี่ยนโยวจะสั่งเสียอีก หลังจากที่เอาไว้ในโรงหัตถกรรมปริมาณมากพอแล้ว ก็เอาส่วนที่เหลือไปส่งหมู่บ้านที่อยู่นอกเมือง
ทุกอย่างจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อย ฉู่เหวินเจี๋ยตรวจสอบดูโรงหัตถกรรมแต่ละโรงเรียบร้อยแล้ว รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่กล่าวขอบคุณเมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีอีกครั้ง ก็เดินออกจากโรงหัตถกรรม บ่ายหน้าไปยังบ้านของเปาชิงเหอ ไปเยี่ยมเยียนสอบถามอาการบาดเจ็บของเปาอีฝาน
เมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสองคนเห็นเขาเดินออกไปไกลแล้ว ก็กลับเข้ามาในโรงหัตถกรรมอีก มาสอนให้พวกพลทหารยัดไส้ไส้กรอกต่อ
หลังจากนั้นอีกหลายวัน ยามเช้าเมิ่งเชี่ยนโยวมารักษาอาการป่วยให้กับเฝิงจิ้งเหวิน ส่วนยามบ่ายก็ไปเฝ้าอยู่ที่โรงหัตถกรรม จนกระทั่งพวกพลทหารต่างก็ฝึกฝนจนชำนาญแล้ว จึงมีเวลาว่างอยู่บ้านปรุงยารักษารอยแผลเป็นให้แก่ร้านยาเต๋อเหริน
ครั้นแล้ววันนี้เอง หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จไปไม่นาน เฝิงจิ้งเหวินสองคนพี่น้องก็ยังไม่มา กลับเป็นหวงฝู่อี้ที่ควบม้าเร็วมา กล่าวว่า “แม่นางเมิ่งขอรับ วันนี้พระชายาอ๋องกับซื่อจื่อจะไปเป็นแขกที่จวนแม่ทัพขอรับ ซื่อจื่อบอกว่าให้ท่านไปด้วยกัน จะได้ถือโอกาสปรึกษาหารือกันเรื่องการยกเลิกงานแต่งงานของเขาด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “รู้แล้ว ท่านกลับไปบอกอี้เซวียน ว่าข้าจะตามไปทันทีหลังจากที่รักษาให้ฮูหยินเหวินเสร็จแล้ว”
หวงฝู่อี้เซวียนตอบรับ แล้วก็กลับจวนไปรายงาน
หลังจากที่รักษาให้กับเฝิงจิ้งเหวินเสร็จ ส่งพวกนางสองคนพี่น้องออกจากประตูจวน เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไปเปลี่ยนอาภรณ์ในห้อง แล้วก็ขึ้นรถม้านำชิงหลวนกับจู๋หลีทั้งสองคนมาถึงที่จวนอ๋องฉี
พระชายาฉีมองเห็นนางก็รู้สึกยินดียิ่งนัก สั่งให้หลิงหลงนำอาภรณ์ชุดตัวเองปักเย็บออกมา กล่าวว่า “หลายวันมานี้ว่างเหลือเกิน ข้าปักเย็บเสื้อให้เจ้าไว้ชุดหนึ่ง เจ้าลองสวมดูสิว่าพอดีตัวไหม”
เมิ่งเชี่ยนโยวมิได้บอกปัดแต่อย่างใด ถอดอาภรณ์ของตัวเองออกมาต่อหน้าพระชายาฉี แล้วก็ผลัดเปลี่ยนชุดที่นางทำ กล่าวชมเชยขึ้นว่า “พระชายาเพคะ ท่านช่างมีฝีมือดีจริงๆ อาภรณ์ชุดนี้ไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังพอดีเชียวเพคะ”
พระชายาฉีเองก็รู้สึกพอใจ บอกให้นางหมุนรอบให้ตนดู พยักหน้า “ไม่เลว ทีนี้ข้าก็พอจะมีรูปแบบอยู่ในใจบ้างแล้ว เสื้อผ้าชุดอื่นหลังจากนี้ก็คงจะทำได้เร็วขึ้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวเคยบอกไปแล้วว่าตัวเองมีเสื้อผ้าอาภรณ์อยู่หลายชุด พระชายาฉีก็ยังดึงดันที่จะทำให้ตัวเองอีก นางก็ไม่กล้าปฏิเสธอีก กล่าวว่า “ถึงแม้สุขภาพของท่านจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องพักผ่อนให้มากดีกว่าเพคะ อาภรณ์ของหม่อมฉันไม่ต้องรีบร้อน”
พระชายาฉีโคลงศีรษะ “วางใจเถิด ข้าไม่ทำให้ตัวข้าเองเหนื่อยเกินไปหรอก ข้ายังต้องรักษาสุขภาพไว้รอเลี้ยงลูกให้พวกเจ้าอยู่”
เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงเถือก หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้ามาพอดี เผอิญได้ยินคำนั้นพอดี กล่าวอย่างมีความสุขว่า “เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ ท่านต้องรีบแข็งแรงโดยเร็ว อีกไม่นานก็จะถึงวันนั้นแล้ว”
พระชายาฉียิ่งตื่นเต้นดีใจ “ดีดีดี ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวลอบขึงตามองหวงฝู่อี้เซวียนอย่างขุ่นๆ
หวงฝู่อี้เซวียนมองนางกลับด้วยรอยยิ้มสดใส
จนเมิ่งเชี่ยนโยวเกือบจะหลงเสน่ห์เข้า รีบละสายตาตัวเองกลับมาทันที
“รถม้าได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เสด็จแม่ โยวเอ๋อร์ เราไปกันเถอะ” หวงฝู่อี้เซวียนกล่าว
พระชายาฉีพยักหน้า กำชับว่า “อย่าลืมเอาของที่ข้าเตรียมไว้ไปด้วย”
“สบายใจได้พ่ะย่ะค่ะ ข้าให้คนรับใช้ย้ายขึ้นรถม้าแล้ว ไม่มีสิ่งใดตกหล่นไปเลย”
“ที่บ้านท่านน้าเจ้าไม่มีคนอยู่ ถึงจะรู้ก่อนว่าเราจะไป แต่พวกคนรับใช้ชายหยาบกระด้างก็ไม่รู้ว่าควรต้องตระเตรียมสิ่งใดไว้ เราเตรียมของไว้ให้เรียบร้อย ถึงตอนนั้นพวกเขาจะได้ไม่ต้องมาพะวงไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร” พระชายาฉีเดินออกไปพร้อมกับพูดเรื่อยเปื่อย
ได้ยินนางพูด เมิ่งเชี่ยนโยวเกิดความรู้สึกแปลกใจ เงยหน้าขึ้นมองหวงฝู่อี้เซวียนด้วยแววตาสงสัย
หวงฝู่อี้เซวียนพูดขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยขึ้นว่า “วันนี้ยามเที่ยงอาจจะต้องลำบากเจ้าแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น
หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้อธิบายอะไรไปมากกว่านั้น
ทุกคนเดินออกจากประตูไป พระชายาฉีกวักมือเรียกให้เมิ่งเชี่ยนโยวกับหวงฝู่อี้เซวียนขึ้นไปนั่งบนรถม้าคันเดียวกับตนเอง ส่วนหลิงหลง หวงฝู่อี้ ชิงหลวนกับจู๋หลีเดินตามมาติดๆ ที่ข้างรถม้าทั้งสองด้าน กัวเฟยกลับขับรถม้าตามอยู่ข้างหลัง
นานแล้วที่ไม่ได้กลับบ้านเดิม เห็นได้ชัดว่าพระชายาฉีรู้สึกตื่นเต้นยินดี ถามหลิงหลงตลอดว่าเดินทางถึงไหนแล้ว
การเฝ้าอยู่กับพระชายาฉี ภายนอกหวงฝู่อี้เซวียนทำตัวเหมือนกับว่ามีระเบียบ แต่ยามใดที่พระชายาฉีไม่ได้สนใจ เขาก็แอบจับมือของเมิ่งเชี่ยนโยว ใช้นิ้วชี้ลูบไล้ที่ฝ่ามือของนางไม่หยุด
เขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปนัก เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่ได้ดึงมือเขาออก ปล่อยให้เขาทำตามใจ
ไม่นานขบวนคนก็มาถึงหน้าประตูจวนแม่ทัพ
ฉู่เหวินเจี๋ยสวมอาภรณ์ชุดใหม่ที่พระชายาฉีทำให้ ยืนรอคอยอยู่ที่หน้าประตู ยังมีพ่อบ้านที่เสียแขนข้าหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ
รถม้าหยุดลง ฉู่เหวินเจี๋ยเดินเข้ามาเปิดม่านประตูรถม้าให้ด้วยตัวเอง
หวงฝู่อี้เซวียนลงจากรถม้าเป็นคนแรก ร้องเรียกขึ้นว่า “ท่านน้า”
ฉู่เหวินเจี๋ยตอบรับอย่างดีใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลงจากรถม้า ทักทายเล็กน้อย แล้วก็หันกลับไปประคองพระชายาฉีลงจากรถม้าโดยมีหวงฝู่อี้เซวียนช่วยอีกด้าน
พ่อบ้านเดินเข้ามาคำนับพระชายาฉีอย่างตื่นเต้นดีใจ “คุณหนูใหญ่”
พระชายาฉีพนักหน้า น้ำเสียงที่เปล่งออกมาค่อนข้างตื้นตันใจ “ลุงฝู ไม่เจอกันนานหลายปี ท่านยังแข็งแรงเหมือนเดิมเลย”
ลุงฝูกล่าวอย่างเคารพ “ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่ที่ให้ความสำคัญขอรับ ร่างกายของบ่าวชรายังรับใช้ท่านแม่ทัพได้อีกหลายปีอย่างไม่มีปัญหา ข้าได้ยินว่าคุณหนูใหญ่แข็งแรงขึ้นมากแล้ว วันนี้ได้เห็นแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ บ่าวชรารู้สึกดีใจกับท่านเหลือเกิน”
“ข้าเองก็ไม่นึกว่าสุขภาพของข้าจะดีขึ้นได้ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณแม่นางเมิ่ง”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น