ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 108-109

ตอนที่ 108 นั่นคือตระกูลเฉียว

 

ทุกคนหัวเราะครืนขึ้นอีกครั้ง


 


 


จูหลานก็ไม่โกรธ กลับหัวเราะหึๆ แล้วกล่าวว่า “ข้ารักภรรยามากจนขึ้นชื่อ จังลี่อยู่กับข้าอย่างมีความสุขดีมาก”


 


 


เสียงหัวเราะของทุกคนดังขึ้นไม่หยุด เมิ่งเชี่ยนโยวก็ผลิยิ้ม เดินมาถึงเตียง


 


 


เปาอีฝานนอนราบอยู่บนเตียง บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าสหายรักแต่เก่าก่อนมาหา หรืออาจเป็นเพราะว่าหลายวันมานี้ได้รับการดูแลอย่างดี ใบหน้าของเขาเริ่มปรากฏเลือดฝาด เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง ดึงมือของเขามาตรวจชีพจรให้กับเขา


 


 


ทุกคนหยุดหัวเราะ มองนางอย่างสงบ


 


 


หลังจากที่ตรวจชีพจรอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว ก็เอามือหลับเข้าไปในในผ้าห่ม เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ร่างกายไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เพียงแต่ต้องดูแลให้ดีก็พอ”


 


 


เสียงของจูหลวนดังขึ้นมาอีก “ข้าว่าอะไรนะ พ้นภัยมีชีวิตต่ออีกพันปี เจ้าคนนี้ดวงแข็งมาก พยายามคงไม่กล้าเอาตัวเขาไปง่ายๆ”


 


 


ทุกคนหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง


 


 


หากเป็นเมื่อก่อน เปาอีฝานชายตามองแวบเดียว จูหลวนก็ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรแล้ว แต่ตอนนี้เขายังนอนซมร่างกายอ่อนแรงอยู่บนเตียง ขนาดเรี่ยวแรงจะมาคุกคามไม่มีแม้แต่น้อย อีกอย่างไม่ได้เจอสหายรักมานานหลายปี ในใจรู้สึกยินดี จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้จากจูหลวน


 


 


ถึงอย่างไรเปาอีฝานก็มีอาการสาหัส ต่อให้นอนพักผ่อนแล้วหลายวันร่างกายก็ยังอ่อนแออยู่ กำลังวังชาก็ยังน้อยอยู่ เพียงครู่เดียว ก็แสดงสีหน้าเหนื่อยล้าออกมา เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเข้า กล่าวว่า “ให้คุณชายเปาพักผ่อนสักครู่เถอะ พวกเราไปคุยกันที่อื่น เขาฝืนต้อนรับพวกเราเช่นนี้ ไม่ดีต่ออาการบาดเจ็บของเขา”


 


 


ทุกคนพยักหน้า


 


 


วันนี้เปาชิงเหอไม่ได้ไปที่ศาลาว่าการ อยู่ที่บ้านรอต้อนรับแขกโดยเฉพาะ จึงพาทุกคนเข้าไปในห้องโถงรับแขก


 


 


ซุนฮุ่ยอยู่เฝ้าดูแลเปาอีฝาน ใต้เท้าเปากับเมิ่งเชี่ยนโยวเดินตามหลังออกไป


 


 


เปาชิงเหอสั่งให้คนรับใช้นำชาร้อนมา


 


 


ตอนที่อยู่มณฑลชิงเหอ เปาชิงเหอกับฮูหยินเปาต่างก็ปฏิบัติต่อทุกคนราวกับเป็นลูกขอตัวเอง แม้จแยกจากกันไปหลายปี ทว่าความรู้สึกนั้นยังคงอยู่


 


 


ฮูหยินเปากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ปีนั้นหลังจากที่ฝานเอ๋อร์กลับมา ก็ติดตามแม่ทัพใหญ่ฉู่ไปที่ชายขอบแดน จึงทันให้ที่อยู่ของจวนกับพวกเจ้า หลายปีที่ไม่ได้ยินข่าวของพวกเจ้า ข้าก็คิดถึงมากเหลือเกิน”


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงพยักหน้า “ใช่ ปีนั้นก่อนที่พวกท่านจะมาเมืองหลวง อีฝานบอกไว้ว่าจะเขียนจดหมายส่งข่าวให้พวกเราเป็นระยะ สุดท้ายพวกเราก็รอตั้งนานก็ยังไม่เห็นเขาส่งจดหมายมา ยังคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบ้าน ข้ากับอี่หยวนพวกเราสองคนยังมาที่เมิงหลวงโดยเฉพาะ ประการแรกก็เพื่อที่จะหาข่าวคราวของพวกท่าน สองก็เพื่อที่มาตรวจร้านของที่บ้าน แต่ไม่ว่าพวกเราจะหาข่าวอย่างไร ก็ไม่ได้ข่าวของพวกท่าน ที่แท้ท่านลุงก็ถูกส่งมายังเมืองเหนือที่กันดารเช่นนี้ มิน่าพวกเราถึงหาข่าวไม่ได้”


 


 


อานอี่หยวนพยักหน้าแล้วพูดขึ้นต่อว่า “ต่อมาอีกหลายปีพวกเราก็พยายามหาข่าวตลอด แต่ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวของพวกท่านเช่นเดิม พวกเราทุกคนยังเป็นห่วงอยู่เลย ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบ้านหรือไม่ ทำไมมาถึงเมืองหลวงแล้วยังไม่ได้ข่าวอีก”


 


 


จูหลานกล่าว “หลายวันก่อนแม่นางเมิ่งเขียนจดหมายลับให้เซี่ยเจียงเฟิงหนึ่งฉบับ เขาอ่านจบแล้วก็รีบร้อนมาหาพวกเรา บอกว่ามีข่าวของพวกท่านแล้ว ทำให้พวกเราดีใจมาก รีบวางมือจากธุระในมือทุกอย่าง แล้วก็รีบเดินมาที่นี่ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้หยุดพัก ความจริง ตอนที่เห็นอีฝานนั้นข้าก็ตกใจ พยายามอย่างมากถึงควบคุมตัวเองไม่ให้ร้องออกมาได้”


 


 


ฮูหยินเปายิ้มกล่าวว่า “ตอนนี้นับว่าดีขึ้นมากแล้ว ฝานเอ๋อร์ได้รับการดูแลเช่นนี้อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้น พวกเจ้าไม่รู้ตอนที่แม่ทัพใหญ่ฉู่พาเขากลับมาส่งคืนนั้น เขาหลับตาทั้งคู่ สีหน้าเขียวคล้ำ ขาข้างซ้ายทั้งข้างกลายเป็นสีม่วงคล้ำอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะตอนที่แม่นางเมิ่งบอกว่าต่อให้ตัดขาเขาออกไปก็มีเขาจะมีโอกาสรอดชีวิตแค่ครึ่งหนึ่ง ข้ารู้สึกว่าฟ้าถล่มแผ่นดินสะเทือน โชคดีที่แม่นางเมิ่งมีฝีมือการแพทย์เป็นเลิศ สามารถรักษาชีวิตเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น ตอนนี้ที่พวกเจ้าได้มาเห็นบางทีอาจจะเป็นร่างอันไร้วิญญาณก็ได้”


 


 


ทั้งสามคนแม้จะไม่อยู่ในเหตุการณ์ ได้ยินฮูหยินเปาพูดแล้วก็พอจะจินตนาการได้ว่าตอนนั้นมันอันตรายเพียงใด คิดแล้วก็เกิดความกลัวขึ้นในใจ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ความดีความชอบของข้า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคุณชายเปามีกำลังใจที่แข็งแรง ต้องรู้ไว้ ว่าเลือดไหลมากขนาดนั้น คนทั่วไปทนไม่ไหวหรอก”


 


 


เปาชิงเหอกล่าว “เจ้าไม่ต้องถ่อมตัวไป ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวิชาแพทย์ของเจ้าอยู่ในขั้นสูง ถึงแม้ฝานเอ๋อร์จะมีความบากบั่นเช่นไรก็คงทนไม่ได้”


 


 


ฮูหยินเปาพนักหน้าเห็นด้วย


 


 


กลัวว่าทั้งสองคนจะกล่าวขอบคุณอะไรขึ้นมาอีก เมิ่งเชี่ยนโยวจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง ถามสามคนนั้นว่า “พวกเจ้าเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน เหนื่อยหรือไม่”


 


 


ทั้งสามคนโบกมือตอบพร้อมกัน “ไม่เหนื่อย ไม่เหนื่อยเลย”


 


 


เซี่ยวเจียงเฟิงกล่าวว่า “ผ่านมาสี่ปี พวกเราพี่น้องได้พบกันอีกครั้ง มีความสุขมาก จะเหนื่อยได้อย่างไร”


 


 


ฮูหยินเปาถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “หลายปีมานี้พวกเจ้าทุกคนเป็นอย่างไรบ้าง กิจการของที่บ้านดีไหม”


 


 


เซี่ยเจียงเฟิงกับอานอี่หยวนพยักหน้าพร้อมกัน “ภายในบ้านเรียบร้อยดีทุกอย่าง กิจการก็ถือว่าไปได้ดี”


 


 


มีเพียงจูหลานที่ชะงักไปนิดหนึ่ง ครั้นแล้วจึงยิ้มตามน้ำไป


 


 


เปาชิงเหอเป็นขุนนางมานานหลายปี มีความสามารถในการสังเกตสีหน้าผู้คนอยู่แล้ว เห็นสีหน้าของเขาดูไม่ปกติ จึงถามว่า “หลานจูเสียนมีเรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกพวกเราหรือ”


 


 


จูหลานโบกมือพัลวัน “ไม่มี ไม่มี ที่บ้านของข้าเรียบร้อยดีทุกอย่างขอรับ”


 


 


“ท่านลุงเปากับท่านป้าเปาก็มิใช่ใครอื่น เจ้าพูดความจริงเถอะ จะปิดบังทำไม” อานอี่หยวนเอ่ยพูดขึ้น


 


 


จูหลานถลึงตามองเขาแวบหนึ่ง “ข้าจะมีเรื่องอะไรได้ เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล”


 


 


“ดูท่าทางเช่นนี้ของคุณชายจู ไม่เหมือนเรื่องดีอะไรเลย หรือว่าออกไปยั่วแหย่สตรีข้างนอกที่ไม่สมควรยั่วแหย่มา แล้วถูกคนบังคับให้แต่งงานกระมัง” เมิ่งเชี่ยนโยวลองแกล้งเดาสุ่ม


 


 


“พูดอะไร” จูหลวนโมโหส่งเสียงเอะอะโวยวายใส่นาง “ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ”


 


 


“มันก็ไม่แน่” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเล่นขึ้นมาอีก


 


 


จูหลานร้อนใจมากขึ้น “ไม่มีเรื่องเช่นนั้นแน่นอน ข้ารักหลิวลี่เพียงผู้เดียว ไม่มีคนอื่นเด็ดขาด”


 


 


“ถ้าเช่นนั้นเกิดอะไรขึ้น” เมิ่งเชี่ยนโยวหลอกถามขึ้นอย่างแนบเนียน


 


 


จูหลานไม่ยอมหลงกล “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทั้งหมดนั้นอานอี่หยวนเป็นกระต่ายตื่นตูมเท่านั้น”


 


 


“ข้าเป็นกระต่ายตื่นตูม” อานอี่หยวนทำตาโต ชี้จมูกของเขา “ร้านของเจ้าโดนคนตรวจสอบและอายัดไปแล้วยังจะมาบอกว่าข้าเป็นกระต่ายตื่นตูมไปอีก”


 


 


ฮูหยินเปาตกใจ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว


 


 


จูหลานถลึงตามองเขาอย่างฉุนๆ “เจ้าไม่พูด ก็ไม่มีใครว่าเจ้าเป็นใบ้หรอก”


 


 


เปาชิงเหอถามขึ้นว่า “เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้”


 


 


“จะเป็นเพราะเหตุใดได้อีก ไม่ใช่ว่าเรื่องของเฉียวหมิ่นนั่นหรือ” อานอีหยวนกล่าว


 


 


“เฉียวหมิ่น” ใต้เท้าเปาไม่เข้าใจ “ไม่ใช่ว่านางถูกส่งให้ไปนางรับรองของทางการแล้วหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก”


 


 


อันอี่หยวนตอบกลับว่า “นางเป็นนางรับรองของทางการจริงไม่ผิด ตระกูลเฉียวก็บอกว่าจะไม่นับนางเป็นลูกสาวอีก แต่ไม่รู้ทำไม ช่วงก่อนนั้นตระกูลเฉียวมักจะไปหาเรื่องจูหลาน บอกว่าปีนั้นเป็นเพราะว่าเขา เฉียวหมิ่นถึงต้องตกต่ำมีสภาพเช่นนั้น บอกว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ให้เขาอยู่อย่างมีความสุข อีกทั้งยังได้ข่าวว่านายมณฑลที่มาใหม่นั้นเป็นญาติของตระกูลเฉียว ส่งคนไปก่อกวนร้านของจูหลาน สักพักก็บอกว่าอันนี้ทำไม่สะอาด อีกสักพักก็บอกว่าใช้เนื้อที่ไม่ดี ก่อนหน้านี้กลับมีข้ออ้างว่ามีคนกินอาหารในร้าน แล้วเกิดปวดท้องจนทนไม่ได้ จนเกือบตายใช้เป็นข้ออ้าง ไปอายัดร้านของเขา”

 

 

 


ตอนที่ 109 บังคับแต่งงานมีอะไรที่ไม่ถ...

 

“พวกเขากล้าทำเรื่องใส่ร้ายคนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ จะโอหังมากเกินไปแล้ว” เปาชิงเหอกล่าวขึ้นด้วยความโมโห


 


 


อานอี่หยวนก็โมโหจนทนไม่ไหวแล้ว “ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ แต่ประชาชนไม่ต่อสู้กับคนของทางการ ต่อให้พวกเรารู้ว่าพวกเขาเล่นงานด้วยกลโกง แล้วจะทำสิ่งใดได้”


 


 


จูหลานกลับไม่ใส่ใจ “เขาแค่อายัดร้านของข้าในมณฑลนั้น ส่วนร้านสาขาอื่น พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวโคลงศีรษะ “มันก็ไม่แน่ มีหนึ่งก็ต้องมีสอง อีกอย่าง ทำกิจการต้องใช้ชื่อเสียงเป็นการบอกต่อ เขาปิดร้านหนึ่งของเจ้าก็ไม่เป็นไร ปัญหาอยู่ที่ถ้าหากนานไป แล้วคนพูดกันไปต่อ บอกว่าของที่อยู่ร้านเจ้าสกปรก นานวันเข้า ร้านอื่นก็จะได้รับผลกระทบด้วย”


 


 


จูหลานเข้าใจในทันที “เป็นแผนที่ร้ายกาจมาก ข้าก็ว่าอยู่ ว่าทำไมหลังจากที่อายัดร้านของข้าไปแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีก ที่แท้กำลังรออยู่นี่เอง” พูดจบขบกรามแน่นแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่ยอมให้พวกเขาสมใจหรอก”


 


 


อานอี่หยวนค่อนข้างไม่เห็นด้วย “ข้าว่าความปรารถนาของพวกเขาไม่เหมือนกับต้องการที่จะสังหารให้เรียบ แต่ต้องการบีบบังคับให้จูหลานรับเฉียวหมิ่นเป็นอนุภรรยา”


 


 


เปาชิงเหออึ้ง พูดขึ้นต่อว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ปีนั้นเฉียวหมิ่นถูกข้านาบไฟร้อนคำว่า “ทาส” ขายไปเป็นทาสหลวงตลอดชีวิต ทำไมถึงจะให้หลานเอ๋อร์แต่งกันนางล่ะ”


 


 


อานอี่หยวนโบกมือกล่าวว่า “ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้นตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ปีนั้นแม้ท่านจะตัดสินใจไปอย่างนั้น เฉียวหมิ่นก็ถูกส่งไปเป็นนางรับใช้ แต่ตอนนี้นายมณฑลของมณฑลชิงเหอเป็นญาติของพวกเขาตระกูลเฉียว ย่อมคิดหาวิธีซื้อตัวนางออกมา เฉี่ยวหมิ่นคนนั้นยังมีใจต่อจูหลานไม่เปลี่ยน ทั้งยังเป็นสตรีที่โดนนาบคำว่าทาส ตระกูลเฉียวย่อมที่จะยัดเยียดให้จูหลาน ดังนั้น พวกเขาจะไม่ทำอะไรกับจูหลาน เพียงแต่จะบีบบังคับเขาไปทีละก้าว ให้ต้องแต่งงานกับเฉียวหมิ่น”


 


 


“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” จูหลานพูดอย่างแน่วแน่ “อย่างมาก ข้าก็ปิดร้านทุกร้าน พาท่านพ่อท่านแม่ข้าไปพึ่งท่านพ่อตาแม่ยาย”


 


 


“เจ้าพูดง่ายเกินไป กิจการนั้นเป็นดั่งเลือดเนื้อทั้งชีวิตของท่านลุงจู มีหรือที่เจ้าบอกว่าจะปิดก็ปิดได้ง่ายๆ” เซี่ยเจียงเฟิงกล่าว


 


 


“เรื่องนั้นข้าไม่สน ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ยอมแต่งงานให้หญิงชั่วร้ายเช่นนั้นเข้าบ้านข้า” จูหลานกล่าว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนิ่งเงียบไม่พูดอะไร


 


 


พื้นที่ห่างไกลเมืองหลวง อีกอย่างด้วยตำแหน่งของเปาชิงเหอ ถึงจะเป็นนายมณฑลเล็กๆ แต่เขาก็ไม่มีกำลังพอที่จะไปยุ่งเกี่ยว เปาชิงเหอนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีก


 


 


ฮูหยินเปาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี


 


 


ห้องทั้งห้องเงียบสงัดลงในฉับพลัน


 


 


จูหลานกลับคิดได้ “พวกท่านไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องของข้าแล้ว รอดูสถานการณ์ไปก่อนค่อยว่ากัน ถ้าเป็นจริงอย่างที่อี่หยวนพูด ข้าก็ละทิ้งของพวกนั้นได้ ส่วนท่านด้านท่านพ่อของข้า ตอนนี้เขากำลังดูแลหลานอยู่ ไม่สนใจเรื่องกิจการนานแล้ว เชื่อว่าไม่คิดแตกต่างไปจากความคิดของข้าหรอก”


 


 


ทุกคนก็คิดวิธีที่ดีไม่ได้เช่นกัน มีเพียงแค่ทำตามที่เขาพูดไปก่อน รอดูสถานการณ์ไปก่อน


 


 


จูหลานเปลี่ยนประเด็น กล่าวกับเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “ใช่แล้ว ข้าได้ข่าวว่าเจ้าเปิดโรงหัตถกรรมในเมืองหลวงอีก กิจการเป็นเช่นไรบ้าง”


 


 


“ตอนนี้เรื่องทุกอย่างในโรงหัตถกรรมข้ามอบให้พี่รองเป็นคนจัดการทุกอย่าง ข้าไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบ


 


 


“ถ้าเช่นนั้นเจ้ามาทำอะไรที่เมืองหลวง” จูหลานถามอย่างไม่เข้าใจ


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตอบอย่างธรรมชาติ “บังคับให้แต่งงานสิ ข้ากลายเป็นสาวแก่แล้ว ยังไม่ได้แต่งงานอีก แน่นอนว่าต้องมาบังคับให้ซื่อจื่อแห่งจวนอ๋องฉีสู่ขอข้าเร็วๆ”


 


 


จูหลานถลนตาโตอย่างตกใจ ชี้ไปที่นาง “เจ้า เจ้า เจ้า…”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวแย้งเขากลับ “ข้าทำไมหรือ ข้าบังคับแต่งงานมีอะไรที่ไม่ถูกหรือ”


 


 


ในที่สุดจูหลานก็หาเส้นเสียงของตัวเองเจอ “เจ้าเป็นสตรีในห้องหอ ต้องสำรวมไม่รู้หรือ มีใครที่บอกว่าตัวเองมาบังคับแต่งงาน เจ้าทำเช่นนี้ มิใช่ว่าให้คนทั่วทั้งเมืองหลวงหัวเราะจนฟันหลุดหรืออย่างไร”


 


 


“ท่านพ่อท่านแม่ข้าต่างก็ปวดหัวเรื่องงานแต่งของข้าจนผมหงอกแล้ว ถ้าข้าไม่มาบังคับแต่งงานแล้วจะทำอะไรได้” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าว


 


 


จูหลานไม่เห็นด้วยกับคำพูดของนาง “แม้เป็นเช่นนี้แต่เจ้าก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ต่อไปถ้าเจ้าแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาก็จะดูถูกเจ้า” พูดจบก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “แต่ว่า เจ้าก็มาตั้งนานแล้ว ตกลงว่าบังคับแต่งงานสำเร็จหรือยัง”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกลอกตาขาวให้เขา แกล้งพูดขึ้นว่า “ไม่บอกเจ้าหรอก ให้เจ้าอกแตกตาย”


 


 


จูหลานโดนตอกกลับจนพูดไม่ออก


 


 


อานอี่หยวนกับเซี่ยเจียงเฟิงต่างก็หัวเราะอย่างสนุกบนความทุกข์ของคนอื่น


 


 


เปาชิงเหอกับฮูหยินเปาต่างก็อดไม่ไหวหัวเราะตาม


 


 


ทุกคนพูดคุนล้อเล่นกันถึงหนึ่งชั่วยาม สาวใช้ซุนฮุ่ยเดินเข้ามาบอกว่าเปาอีฝานนอนตื่นแล้ว อยากเห็นหน้าสหายรัก


 


 


ทั้งสามคนกับเมิ่งเชี่ยนโยวต่างก็รีบผุดลุกขึ้น เข้าไปในห้องของเปาอีฝาน


 


 


ทุกคนเดินออกไป เปาชิงเหอก็ลุกขึ้น กล่าวว่า “ข้าจะไปที่ศาลาว่าการก่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วอีกสักครู่ข้าจะกลับมา”


 


 


ฮูหยินเปาพยักหน้า ทั้งสองคนเดินออกจากห้องโถงรับแขก


 


 


เปาชิงเหอไปที่ศาลาว่าการ ส่วนฮูหยินไปหมุนตัวไปยังห้องครัว แล้วสั่งให้คนรับใช้เก็บกวาดห้องโถงรับแขกให้สะอาดเรียบร้อย


 


 


ทุกคนไปถึงห้องของเปาอีฝานก็พูดคุยหยอกล้อกันอีก จนกระทั่งท้องฟ้าสลัวลง ฮูหยินเปาก็เดินเข้ามาบอกว่าอาหารได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ให้ทุกคนลงไปกินข้าว


 


 


ตอนที่กินข้าว เมิ่งเชี่ยนโยวก็เล่าเรื่องที่ตัวเองเปิดโรงหัตกรรมทำไส้กรอกขึ้น เซี่ยเจียงเฟิงดีใจมาก กล่าวว่า “เช่นนั้แล้ว ข้าก็จะสบายแล้ว ให้พนักงานในร้านขนย้ายเข้ามาก็ได้แล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวส่ายหน้า “ข้าแค่รับผิดชอบในส่วนของการผลิต ส่วนเรื่องการจำหน่ายให้เป็นหน้าที่ของเจ้า ราคาก็เหมือนเดิม”


 


 


ถึงแม้บอกว่าจะไม่อาจรับคนจากเมืองเป่ยเฉิง แต่ก็สามารถจัดแจงเหล่าพลทหารที่พิการได้ เปาชิงเหอก็ดีใจมาก


 


 


หลังจากกินข้าวเสร็จ ตกลงกันว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่มีธุระอะไรค่อยมาเยี่ยมพวกเขาอีก จากนั้นเมิ่งเชี่ยนโยวก็กลับบ้านของตัวเอง


 


 


เมิ่งฉีกลับมาทานอารนานแล้ว พอเห็นนางกลับมา ก็สอบถามว่านางไปที่ไหนมา


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องในวันนี้ให้เขาฟังอย่างละเอียด


 


 


ได้ยินนางบอกว่าไม่ได้ไปที่จวนอ๋องฉี เมิ่งฉีก็แอบถอนหายใจโล่งอก กลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง


 


 


แล้วก็ผ่านไปสองวัน เซี่ยเจียงเฟิง อานอี่หยวนรวมถึงจูหลานทั้งสามคนขอตัวลากลับมณฑลชิงเหอ


 


 


หลังจากที่ไปส่งพวกเขาออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีก็เริ่มที่จะยุ่งวุ่นวายเรื่องการเปิดโรงหัตถกรรมการผลิตไส้กรอก


 


 


ยุ่งวุ่นวายกันถึงสามวัน เครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตไส้กรอก รวมถึงต้องไปหาร้านที่ขายเนื้อชั้นดี แต่ก็ยังไม่เห็นฉู่เหวินเจี๋ยพาพลทหารที่พิการมาเสียที เมิ่งเชี่ยนโยวให้ชิงหลวนไปหาหวงฝู่อี้เซวียน ถามเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนส่งจดหมายมาบอกว่าฮ่องเต้ทรงเห็นด้วยในการจัดการของแม่ทัพฉู่แล้ว กำลังหาที่พักให้กับเหล่าทหารอยู่ อีกทั้งยังกล่าวชื่นชมเมิ่งเชี่ยนโยวอีก


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนยังบอกอีก รอให้จัดแจงเหล่าทหารเรียบร้อยก่อน เขาก็จะไปขอร้องท่านน้าให้ช่วยเขาเรื่องการยกเลิกการแต่งงาน


 


 


แล้วก็ผ่านไปอีกหลานวัน ฉู่เหวินเจี๋ยให้คนมาส่งจดหมาย บอกว่าได้จัดการเรื่องที่อยู่อาศัยของเหล่าทหารเรียบร้อยแล้ว วันรุ่งขึ้นจะพาคนเหล่านี้ไปหา


 


 


วันรุ่งขึ้น กินอาหารเช้าตั้งแต่เช้าตรู่ เมิ่งเชี่ยนโยวกับเมิ่งฉีต่างก็ไปรออยู่ที่โรงหัตถกรรม


 


 


รอไม่นาน ก็เห็นกลุ่มคนมากมายจากระยะไกล ฉู่เหวินเจี๋ยใส่ชุดธรรมดาเดินนำหน้า พลทหารที่พิการต่างก็เดินตามหลังเข้ามา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)