ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 106-107

ตอนที่ 106 เจรจายกเลิกการแต่งงาน

 

อ๋องฉีพยักหน้า พระชายาฉีอ้าปากขึ้นยังไม่ทันได้พูดอะไรหวงฝู่อี้เซวียนก็จับแขนนางข้างหนึ่งราวกับกลัวว่านางจะวิ่งออกไป ลากนางเข้าประตูจวนแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ข้าพาโยวเอ๋อร์ไปที่เรือนของข้า”


 


 


เห็นอาการของหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว พระชายาฉีก็รู้สึกทั้งยินดีทั้งเป็นห่วง หันหน้ามาพูดกับอ๋องฉีว่า “ท่านอ๋อง พวกเขาทั้งสองเป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ทางที่ดี ท่านคิดว่าพวกเราทั้งสองไปที่จวนราชเลขาอีกครั้งดีไหมเพคะ แล้วก็จัดการยกเลิกการแต่งงานเสีย”


 


 


นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับหลินหันเยียน ใต้เท้าราชเลขาเห็นอ๋องหลิงก็ไม่ได้ไมตรีเช่นแต่ก่อน แม้จะไม่ถึงขั้นแสดงออกต่อหน้าผู้คน แต่ถ้าสามารถหลบได้ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ณ ตอนนี้ก็ไม่ยอมที่จะมาแสดงตัวต่อหน้าเขา ถึงแม้อ๋องฉีต้องการจะคุยเรื่องหวงฝู่อี้เซวียนกับหลินหันเยียนก็หาโอกาสไม่ได้เสียที ในใจของอ๋องฉีทราบดี ว่าเขาจงใจหลบหน้าตัวเอง รอให้ฮ่องเต้ทรงจัดการค่อยว่ากันอีกที


 


 


อ๋องฉีได้ยินดังนั้นจึงกล่าวว่า “ได้ข่าวว่าคุณหนูหลินยังป่วยอยู่ ตอนนี้พวกเราไปเอ่ยถึงเรื่องนี้ไม่ค่อยจะเหมาะสมนัก รออีกสักระยะเถิด รอดูก่อนว่าเสด็จพี่ฮ่องเต้กับเสด็จแม่จะตัดสินเช่นไร”


 


 


ขอแต่จวนราชเลขาไม่ยอมอ่อนข้อ การยกเลิกการแต่งงานนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พระชายาฉีถอนหายใจ ค่อยๆ เดินกลับไปอย่างแช่มช้า พลางคิดว่าตัวเองควรจะไปคุยกันกับฮูหยินราชเลขาเป็นการส่วนตัวดีไหม ให้พวกเขายอมยกเลิกการแต่งงานนี้ ไม่ว่าจะมีข้อแม้ใดตัวเองก็จะรับปากทั้งนั้น


 


 


อ๋องฉีเดินอยู่ข้างๆ ตามนางกลับเรือน


 


 


พระชายาฉีรู้สึกตัว ถามว่า “วันนี้ท่านอ๋องไม่จัดการงานราชการหรือเพคะ”


 


 


“วันนี้ข้าไม่มีธุระอะไร จะไปนั่งคุยกับเจ้า”


 


 


พระชายาฉีตอบอย่างไม่ค่อยกระตือรือร้นว่า “ไม่ต้องหรอกเพคะ หม่อมฉันรับปากไว้ว่าจะทำชุดให้แม่นางเมิ่ง ตอนนี้ยังเช้านัก ไม่มีเวลาอยู่คุยกับท่านอ๋อง ท่านอ๋องไปหาน้องสาวดีกว่าเพคะ” ว่าแล้ว ก็เดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป


 


 


อ๋องฉีเจอเข้ากับหนามที่ปักเข้าอย่างนิ่มๆ ชะงักฝีเท้าพลัน แล้วจึงเดินกลับไปยังห้องอักษรจัดการกับงานราชการ


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนดึงเมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในห้องของตัวเอง กอดนางแน่นๆ ไว้ในอ้อมแขน เอาหน้าผากชนกับหน้าผากของนาง ลมหายใจร้อนผ่าวหายใจรดใบหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยว “โยวเอ๋อร์ ข้าคิดถึงจะแย่แล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวตกใจจากแววอันอันสงบลึกล้ำของเขา สัญชาตญาณเครียดเขม็ง กลืนน้ำลายอึกโดยไม่รู้ตัว “อี้เซวียน เจ้า…”


 


 


“โยวเอ๋อร์ ข้า…”


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยพูดขึ้นพร้อมกัน รู้สึกว่าปากค่อนข้างแห้งผาก


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวผ่านชีวิตมาสองภพแล้ว ถึงแม้ภพที่แล้วจะยังไม่ทันได้มีประสบการณ์เรื่องชายหญิงก็ดันมาตายไปก่อน แต่ความระมัดระวังในภพที่แล้วทำให้นางรู้สึกได้ถึงความอันตรายของหลวงฝู่อี้เซวียน ผลักเขาเบาๆ คิดจะถอยออกห่างจากเขา


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนกลับใช้กำลังมากขึ้น ลมหายใจอันร้อนผ่าวแผดเผาบนศีรษะของนาง ส่งเสียงแหบพร่า “โยวเอ๋อร์ อย่าขยับ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่กล้าขยับ


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนจึงหายใจได้อย่างราบรื่น


 


 


บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดทว่าสวยงาม


 


 


รับรู้ได้ว่าหัวใจที่เต้นแรงของนางค่อยๆ สงบลง เมิ่งจึงเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ เบี่ยงเบนความสนใจของเขา “ตอนนี้ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมาแล้ว สิ่งที่พระชายาเป็นห่วงในที่สุดก็ปล่อยวางได้แล้ว”


 


 


“ใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ”


 


 


ศีรษะของหวงฝู่อี้เซวียนแนบอยู่บนศีรษะของนาง ทุกครั้งที่ขยับริมฝีปากก็จะสะเทือนถึงสติสัมปชัญญะของเมิ่งเชี่ยนโยว “ตลอดหลายปีมานี้ เสด็จแม่นอกจากจะเป็นห่วงข้าแล้ว อีกคนที่เป็นห่วงก็คือท่านน้า หลายปีผ่านมาตัวข้าสาบสูญไร้ร่องรอย ท่านน้าเป็นญาติเพียงคนเดียวที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเสด็จแม่ ยิ่งไปกว่านั้น ในใจของท่านน้าก็รู้สึกผิดมาตลอด หลายปีนี้เพื่อตามหาตัวข้า จึงไม่ได้แต่งงานเลย ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขา ตระกูลฉู่ก็จะไร้เชื้อสายสืบสกุล”


 


 


“ใช่แล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นด้วย “เลือดข้นกว่าน้ำ หลายปีมานี้พระชายาอ๋องมีเรื่องกังวลมากมาย นี่เป็นสาเหตุที่ร่างกายของนางทรุดโทรม”


 


 


“ต่อไปก็จะไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว รอหลังจากพวกเราแต่งงานกัน อยู่เคียงข้างนางทุกวัน มีลูกหลายคน บรรยากาศครึกครื้น เสด็จแม่ก็จะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป”


 


 


สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนเพ้อฝัน จินตนาการถึงลูกๆ ที่เจี๊ยวจ๊าวอยู่เต็มเรือน


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดง


 


 


หวงฝู่อี้กับชิงหลวนรวมถึงจู๋หลีต่างก็เฝ้าอยู่หน้าประตูเรือน เห็นทั้งสองคนออกมาเร็ว จึงเกิดความแปลกใจ อดไม่ได้ที่จะมองพวกเขาทั้งสองคนอีกสองสามครั้ง นั่นจึงพบว่าริมฝีปากของเมิ่งเชี่ยนโยวแดงเจ่อ รีบถามขึ้นอย่างตกใจว่า “แม่นางเมิ่ง ท่านเป็นอะไร”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหน้าแดงขึ้นฉับพลัน


 


 


ชิงหลวนกับจู๋หลีหันไปมองทันที


 


 


หวงฝู่อี้เซวียนโมโหเตะหวงฝู่อี้ไปหนึ่งที “ไสหัวไปทางนั้นเลย เรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม”


 


 


ถึงอย่างไรหวงฝู่อี้ก็อายุยังน้อย อีกทั้งยังติดตามหวงฝู่อี้เซวียนตลอด ไม่เคยรู้เรื่องระหว่างชายหญิง โดนเตะไปทีหนึ่งโดยไร้เหตุผล ทำหน้ามุ่ย เดินไปยืนอีกด้านอย่างอยุติธรรม


 


 


มีเรื่องในครั้งที่แล้วที่เมิ่งฉีไล่ตีหวงฝู่อี้เซวียน ดูเหมือนว่าชิงหลวนกับจู๋หลีจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก้มหน้าลงโดยพร้อมเพรียงกัน ไม่มองหน้าของทั้งสองคน


 


 


เดินออกจากจวน หวงฝู่อี้เซวียนอุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นหลังม้า ตัวเองก็กระโดดขึ้นตามไป นั่งบนม้าตัวเดียวกัน เดินออกไปยังทิศใต้ของเมิงอย่างแช่มช้า


 


 


สองคนออกจากจวน ก็มีคนเอาเรื่องของพวกเขามาบอกพระชายาฉี


 


 


พระชายาฉีชะงักมือที่กำลังทำอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือว่าเสียใจดี


 


 


ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ผู้คนที่สัญจรตามท้องถนนก็มีไม่มาก หวงฝู่อี้เซวียนกอดเมิ่งเชี่ยนโยวอยู่บนหลังม้า เดินอย่างเชื่องช้าไปจนถึงหน้าประตูจวนของเมิ่งเชี่ยนโยว


 


 


กระโดดลงแล้วก็อุ้มเมิ่งเชี่ยนโยวลง พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าไม่เข้าไปล่ะ พี่รองเห็นข้าเข้าจะโมโหเอา”

 

 

 


ตอนที่ 107 สหายเก่ามากันครบ

 

 


 


นึกถึงสถานการณ์ตอนที่เขาโดนเมิ่งฉีไล่ทุบตีวิ่งไปทั่วจวน เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะ “คิกคัก” ออกมา พยักหน้า หมุนตัวเดินเข้าไป


 


 


มองดูแผ่นหลังของนางที่ลับหายไปจากประตู หวงฝู่อี้เซวียนบ่นพึมพำขึ้นเบาๆ “ไม่มีหัวใจเลย ไม่ให้ข้าเข้าไปนั่งจริงๆ ด้วย” บ่นพึมพำเสร็จ ก็หันไปมองหวงฝู่อี้ที่ยืนอยู่ห่างๆ แวบหนึ่ง กระโดดขึ้นหลังม้า แล้วก็ควบม้ากลับจวน


 


 


หวงฝู่อี้ตามหลังมาติดๆ


 


 


เดินเข้าห้องตัวเอง เมิ่งเชี่ยนโยวหยิบกระจกขึ้นมามองดูหน้าตัวเอง ตกใจจากสภาพของตน ตะโกนขึ้นทันทีว่า “ชิงหลวน!”


 


 


ชิงหลวนขานรับแล้วเดินเข้ามา “นายหญิง!”


 


 


“รีบไปหาก้อนน้ำแข็งมาให้ข้า ข้าจะประคบน้ำแข็งหน่อย”


 


 


ชิงหลวนมองริมฝีปากของนางแวบหนึ่ง คิดจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไว้ทัน


 


 


“มีอะไรจะพูดก็พูด อย่าอึกๆ อักๆ”


 


 


“ไม่มีเจ้าค่ะ บ่าวไม่มีอะไรจะพูด จะไปเอาก้อนน้ำแข็งมาให้ท่านเดี๋ยวนี้” ว่าแล้วก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกว่านางมีท่าทางแปลกพิกล ขมวดคิ้ว


 


 


ไม่นานชิงหลวนก็เอาก้อนน้ำแข็งเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวรับมา แล้วก็ประคบที่ริมฝีปาก พอโดนความเย็นก็จามออกมาทีหนึ่ง


 


 


ชิงหลวนหมุนตัวหมายจะเดินออกไป


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกนางไว้ “เมื่อครู่เจ้าคิดจะพูดอะไรหรือ”


 


 


ชิงหลวนเม้มริมฝีปากไม่เอ่ยคำใด


 


 


“เจ้าก็รู้จักนิสัยของข้า อย่าให้ข้าต้องกังวล”


 


 


ชิงหลวนขยับริมฝีปาก เรียกความกล้า แล้วกล่าวขึ้นว่า “นายหญิง ท่านกับซื่อทำเช่นนี้บ่อยๆ ไม่ได้นะเจ้าคะ ถ้าเกิด…”


 


 


“ถ้าเกิดอะไร” เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วถาม


 


 


ชิงหลวนกัดฟันแล้วพูดออกมา “ถ้าเกิดมีครรภ์แล้วจะแย่เอา คนในเมืองหลวงชอบนินทาว่าร้าย หากท่านยังไม่ได้แต่งงานแต่มีครรภ์ขึ้นมา ต่อไปจะโดนผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องมองนาง นานหลายอึดใจค่อยยิ้มออกมา “ชิงหลวน เจ้าคิดไปถึงไหน อี้เซวียนรู้จักแยกแยะ พวกเราไม่มีลูกหรอก”


 


 


ชิงหลวนย่ำเท้า “นายหญิง ท่านยังจะยิ้มออกได้ ถ้าซื่อจื่อแยกแยะได้ ท่านจะมีสภาพเช่นนี้หรือ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเสียงดัง “อี้เซวียนไม่ได้แตะร่างกายของข้า เพียงแต่จูบข้าเท่านั้น ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก”


 


 


ชิงหลวนเข้าใจทันที หน้าแดงขึ้นพลัน ละล่ำละลักพูดขึ้นว่า “นายหญิง บ่าวพูดเกินไปแล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ “มิน่าเล่าวันนี้อ๋องฉีถึงได้พูดจาแปลกพิกล นางจะคิดเหมือนเจ้าหรือไม่”


 


 


ชิงหลวนที่หน้าแดงพยักหน้า “น่าจะใช่เจ้าค่ะ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพลางโคลงศีรษะ


 


 


ประคบอยุ่สักพัก รู้สึกว่าริมฝีปากของตัวเองนั้นดีขึ้นบ้างแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวเอาก้อนน้ำแข็งประคบบนลำคอ เกิดความเย็นจนจามออกมา


 


 


ชิงหลวนเห็นแล้วก็ปวดใจ แนะนำว่า “นายหญิง ลำคอไม่ต้องประคบแล้ว พรุ่งนี้บ่าวจะหาเสื้อคอสูงให้ท่านใส่”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้หยุดมือลง กล่าวว่า “พรุ่งนี้ถ้าพี่รองเห็นสภาพเช่นนี้ของข้า เขาเกิดโมโหขึ้นมา แล้วจะพาข้ากลับบ้านก็จะยุ่งยากเอาได้ ข้าประคบสักครู่ รอยจะได้หายไปเร็วขึ้น ตื่นมาพรุ่งนี้ก็แทบไม่เหลือรอยแล้ว”


 


 


ชิงหลวนจนปัญญา มองนางด้วยสาวตาปวดใจ


 


 


ประคบน้ำแข็งเสร็จ เมิ่งเชี่ยนโยวก็สั่งชิงหลวนว่า “พรุ่งนี้ถ้าพี่รองตื่นแล้วเจ้าก็ไปบอกเขา ว่าอย่าเพิ่งรีบไปที่โรงหัตถกรรม ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับเขา”


 


 


ชิงหลวนรับคำสั่งแล้วก็จำไว้ จัดปูผ้าปูที่นอนให้เมิ่งเชี่ยนโยว แล้วก็ถอยออกไป


 


 


ถอดชุดนอกออก ขึ้นนอนบนเตียง ไม่นานเมิ่งเชี่ยนโยวก็หลับสนิท


 


 


คืนนี้หลับสบาย เช้าวันต่อมา เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นขึ้นแต่เช้า แล้วออกกำลังกายในเรือนเหมือนทุกวัน


 


 


ห้องครัวทำอาหารเสร็จแล้ว สาวใช้จึงมาเรียกนาง


 


 


เมิ่งฉีรออยู่ที่ห้องอาหารแล้ว เห็นนางเดินเข้ามาจึงถามขึ้นว่า “ชิงหลวนบอกว่าเจ้ามีเรื่องจะคุยกับข้า เรื่องอะไรหรือ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งลง แล้วก็เล่าเรื่องที่รับปากกับแม่ทัพว่าจะจัดแจงเหล่าทหารพิการอย่างไรให้เขาฟัง


 


 


เมิ่งฉีพยักหน้า “นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่ว่า โรงหัตถกรรมของเรายังเล็กนัก อย่างมากที่สุดก็จัดแจงได้เพียงหนึ่งร้อยสองร้อยคนเท่านั้น”


 


 


“ได้กี่คนก็ถือว่าดีแล้ว พยายามอย่างเต็มกำลังของเราก็พอ อีกอย่างข้าได้บอกแม่ทัพฉู่แล้ว ว่าพวกเราจัดแจงให้คนทำงานเท่านั้น ส่วนที่พักให้พวกเขาจัดการ”


 


 


“ได้ ทำตามที่เจ้าพูดเถอะ วันนี้หลังจากที่ข้าไปโรงหัตถกรรมแล้ว จะสั่งให้คนเตรียมของที่ใช้ทำไส้กรอกไว้ให้เรียบร้อย รอให้พวกเขากำหนดวันที่แน่นอนมาพวกเราก็เริ่มงานได้แล้ว”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน อีกไม่นานก็จะถึงวันสิ้นปีแล้ว ควรจะเริ่มได้แล้ว”


 


 


กินอาหารเช้าเรียบร้อย เมิ่งฉีไปที่โรงหัตถกรรม ตอนเช้าเมิ่งเชี่ยนโยวก็ทำการรักษาให้กับเฝิงจิ้งเหวินเสร็จ เตรียมตัวว่าตอนบ่ายจะไปดูที่ร้านบะหมี่มันฝรั่ง ตั้งแต่เปิดร้านไปหลายวัน นางแทบจะไม่ได้ไปที่ร้านเลย ทิ้งให้เมิ่งอี้จัดการทุกอย่าง แต่ช่วงนี้เมิ่งอี้ก็ไม่ได้กลับมาพักที่จวนเสียที ไปอยู่ที่จวนของท่านราชครู การค้าขายในร้านบะหมี่มันฝรั่งเป็นอย่างไรบ้างนั้น นางไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย


 


 


นางยังคิดไม่จบ คนเฝ้าประตูก็รีบวิ่งเข้ามารายงาน “นายหญิง ด้านนอกมีคนมาหาท่านขอรับ เป็นเด็กรับใช้จากจวนเปา ได้รับคำสั่งจากใต้เท้าของเขา มาเชิญท่านไปที่จวนหน่อยขอรับ”


 


 


“บอกไหมว่าเรื่องอะไร” เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้นทันที


 


 


คนเฝ้าประตู่ส่ายหน้า “ไม่ได้บอกขอรับ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวรีบร้อนเดินออกไป หลายวันไม่ได้ไปที่ไหน ขนาดจวนเปาก็ยังไม่ได้ไป คงไม่ใช่ว่าอาการป่วยของเปาอีฝานกำเริบขึ้นกระมัง


 


 


แล้วจึงรีบเดินไปถึงประตู เด็กรับใช้เห็นนางออกมา คำนับนางอย่างสุภาพ “แม่นางเมิ่ง นายท่านของเราเชิญให้ท่านไปหาน่ะขอรับ”


 


 


“เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายของเจ้าหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้นอย่างร้อนรน


 


 


เด็กรับใช้โบกมือ “แม่นางเมิ่งอย่าได้เป็นกังวล ตอนนี้คุณชายของเราอาการดีขึ้นมากแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ สหายของคุณชายมาหา บอกว่าเป็นเคยรู้จักกับท่าน นายท่านของเราจึงได้ให้ข้ามาเชิญท่านไปขอรับ”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวโล่งอก ขณะเดียวกันก็แสดงสีหน้าตกใจระคนยินดี “พวกเขามาเร็วขนาดนี้เลยหรือ”


 


 


พูดจบก็สั่งชิงหลวนว่า “ให้กัวเฟยจูงม้าออกมา”


 


 


ชิงหลวนหมุนตัวเดินเข้าไปในจวน ไม่นานกัวเฟยก็จูงม้าออกมา รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวขึ้นรถม้า แล้วจึงรีบเดินทางมาถึงจวนเปา


 


 


ยังเป็นพ่อบ้านเช่นเดิมที่รอคอยอยู่หน้าประตูจวนเปา พอเห็นรถม้าของเมิ่งเชี่ยนโยวมาถึง ก็ยิ้มแล้วเดินมาตรงหน้าของนาง “แม่นางเมิ่ง คุณชายทั้งหลายต่างก็อยู่ในห้องของคุณชายเราขอรับ ท่านเข้าไปได้เลย”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า รีบเดินเข้าไปในเรือนของเปาอีฝาน ยังไม่ได้ก้าวเข้าประตูไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าทึ่มจูหลานดังออกมา “เจ้าคนอย่างเจ้าเนี่ย รอดตายจากเหตุการณ์เลวร้ายมาได้ หลังจากนี้จะเจอแต่เรื่องดีๆ ต่อไปพวกเราทุกคนต้องได้พึ่งพิงเจ้าแล้ว”


 


 


อานอี่หยวนต่อปากต่อคำกับเขาอย่างเคยชิน “ฝันไปเถอะ นี่เป็นสิ่งที่อีฝานใช้ชีวิตแลกมา เรื่องอะไรต้องให้เจ้าได้โดยง่าย”


 


 


ภายในเกิดเสียงหัวเราะครื้นเครงขึ้น


 


 


สาวใช้เปิดม่านประตูออก เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไป ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “พวกเจ้ามาเร็วจริงๆ ข้าคิดว่าต้องรออีกสองวัน”


 


 


ทั้งสามคนหันกลับมา มองนางเป็นตาเดียว


 


 


จูหลานกล่าวขึ้นอย่างดีอกดีใจที่สุด “เจ้าคนนี้ ไม่ได้ติดต่อกับพวกเราตั้งหลายปี กว่าจะมีข่าวคราวจากเขา ก็เกือบจะตายเสียแล้ว พวกเราจึงต้องรีบมาหา”


 


 


เมิ่งเชี่ยนโยวกลอกตาขาว ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นพ่อของลูกตั้งสองคนแล้ว ทำไมถึงได้ทึ่มเช่นนี้ ข้าเสียดายจริงๆ ที่ตอนนั้นจีบจังลี่ให้เจ้า ไม่รู้ว่าปกตินางทนอยู่กับเจ้าได้อย่างไร”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)