ข้ามกาลบันดาลรัก (ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน) ตอนที่ 1-4
ตอนที่ 1 มีคนถูกพิษ
สี่ปีต่อมา
ในลานเรือนบ้านสกุลเมิ่ง
เด็กน้อยผิวพรรณผุดผ่องสามคน กำลังเล่นในลานเรือนอย่างสนุกสนาน
สะใภ้เมิ่งต้าจินและเมิ่งชื่อแย้มยิ้มรักใคร่มองดูพวกเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาจากด้านนอก
เด็กน้อยทั้งสามคนร้องเรียก “ท่านอา” แล้วยื่นมือน้อยออกมา วิ่งเข้าหานาง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มสรวลกอดพวกเขาแล้วหอมทีละคน เด็กน้อยทั้งหมดราวกับได้รับรางวัลใหญ่ ยกยิ้มหน้าบานไม่หุบ
เมิ่งชื่อเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่กลายเป็นสาวใหญ่แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าหดหายไป
เมิ่งเชี่ยนโยวลูบศีรษะเด็กๆ พูดว่า “ไปเล่นเถอะ เอาไว้อาเจ้าเมืองจะซื้อของอร่อยมาให้พวกเจ้า”
เด็กน้อยทั้งสามขานรับคำเสียงใส ผละจากนางไป ล้อมวงเล่นอีกด้าน
ใบหน้าสะใภ้เมิ่งต้าจินยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มเบิกบาน “โยวเอ๋อร์กลับมาแล้ว วันนี้การค้าที่ร้านเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาเบื้องหน้าทั้งสองคน พูดว่า “พอได้เจ้าค่ะ หลงจู๊คนใหม่เริ่มคล่องมือแล้ว ต่อไปข้าไม่ต้องเข้าไปทุกวันอีก” พูดจบก็พูดอีกว่า “จริงสิ ท่านป้าใหญ่ พี่เมิ่งอี้ให้คนส่งข่าวกลับมาว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี ขอท่านไม่ต้องเป็นกังวล”
ตั้งแต่สองปีก่อน เมิ่งอี้ก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวส่งไปเปิดสาขายังที่ต่างๆ เวลาส่วนใหญ่แทบไม่ได้กลับบ้านเลย สะใภ้เมิ่งต้าจินคุ้นชินเสียแล้ว ได้ฟังก็พยักหน้า “ตอนเจ้าตอบจดหมาย บอกเขาว่าทางบ้านก็สบายดี ให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง วางใจจัดการเรื่องให้เรียบร้อยเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มรับคำ
เมิ่งชื่อมองรอยยิ้มสดใสดั่งบุปผาของบุตรสาว คิดว่าสี่ปีมานี้เมิ่งอี้เซวียนไม่เคยส่งข่าวคราวใดๆ มาเลย ความหนักอึ้งในใจกดทับจนนางหายใจไม่ออก รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มไม่เป็นธรรมชาติ
นับแต่ล่วงพ้นอายุสิบหกปี เมิ่งชื่อมักจะแสดงสีหน้ากลัดกลุ้มเช่นนี้กับตัวเอง เมิ่งเชี่ยนโยวคุ้นชินเสียแล้ว นั่งยองต่อหน้าเมิ่งชื่อ พูดอย่างไม่แยแส “ท่านแม่ ท่านกำลังกลัดกลุ้มที่ข้าอายุสิบแปดปีแล้วยังไม่ได้แต่งออกไป?”
รอยยิ้มบนใบหน้าเมิ่งชื่อฝืนประคองต่อไปไม่ไหว จางหายไปสิ้น ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สี่ปีก่อน เรื่องที่เมิ่งอี้เซวียนนอนในห้องของบุตรสาวหนึ่งคืน ถูกคนไม่ประสงค์ดีนำไปพูดต่อ ผู้คนในรัศมีหลายสิบลี้นี้ ต่างรับรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวคือชายาที่เมิ่งอี้เซวียนยอมรับแล้ว ไม่มีใครกล้าทาบทามสู่ขออีก บุตรสาวบ้านอื่นอายุสิบหกปีก็แต่งงาน แต่ปีนี้เมิ่งเชี่ยนโยวอายุสิบแปดปี กลายเป็นสาวใหญ่แล้ว สี่ปีมานี้เมิ่งอี้เซวียนกลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆ แม้แต่ข่าวคราวสักนิดก็ไม่มี เมิ่งชื่อกลัดกลุ้มกังวลแม้ในยามฝันว่าเขาจะลุ่มหลงบุตรสาวตระกูลชั้นสูงจากเมืองหลวง ลืมเมิ่งเชี่ยนโยวสิ้นแล้ว หากเป็นเช่นนั้น ชาตินี้บุตรสาวก็คงจะจบเห่แล้วจริงๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเมิ่งชื่อไม่พูดอะไร รู้ว่านางคิดมากอีกแล้ว หยอกเย้านางราวกับเป็นความจริง “ท่านแม่ ดูท่านเถิด เป็นสาวใหญ่รูปงามอยู่ดีๆ วันๆ เอาแต่กลัดกลุ้มทอดถอนใจ ไม่เพียงใบหน้ามีรอยยับย่น แม้แต่เส้นผมก็ขาวหงอกหลายเส้นแล้ว”
เมิ่งชื่อขบขัน ส่งเสียงหัวเราะพรวดออกมา แสร้งตำหนินาง “เจ้าลูกคนนี้ ไม่รู้ไปเรียนคำพูดคำจาเช่นนี้มาจากไหน วันๆ ชอบเอามาแหย่อำแม่”
สะใภ้เมิ่งต้าจินมองดูด้วยความอิจฉา “น้องสะใภ้ มีบุตรสาวมีความสามารถเอาใจเก่งเช่นนี้ ท่านจงพอใจเถิด ไฉนเลยจะเหมือนข้า มีแต่บุตรชายสองคน อุตส่าห์ได้เห็นพวกเขาแต่งงานมีลูกมีเต้า กลับคลอดออกมาเป็นผู้ชายทั้งคู่ ดวงตาที่เฝ้ารอจะได้เห็นเด็กผู้หญิงฝ้ามัวไปหมดแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดทันควัน “พี่สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์อีกคนแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ท่านวางใจเถอะ ครั้งนี้จะต้องเป็นเด็กผู้หญิง”
สะใภ้เมิ่งต้าจินชะโงกหน้าเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยความยินดี ตื่นเต้นดีใจถามนางเสียงเบา “เจ้าจับชีพจรให้อิงจื่อแล้วหรือ? แน่ชัดแล้วว่านางตั้งครรภ์เป็นเด็กผู้หญิง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักอึ้ง ยกยิ้มส่ายหน้า “เปล่าเจ้าค่ะ ข้าเดาเอานะ”
สะใภ้เมิ่งต้าจินหย่อนก้นนั่งที่เดิม พูดอย่างสิ้นหวัง “เดาเอาหรอกรึ ข้านึกว่าเจ้าเคยจับชีพจรให้นาง แน่ชัดแล้วว่าเป็นเด็กผู้หญิง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ “ท่านป้า บ้านอื่นมีแต่จะอยากได้เด็กผู้ชาย ทำไมท่านถึงกลับตาลปัตรเช่นนี้เล่า?”
สะใภ้เมิ่งต้าจินพูดอย่างโหยหา “ข้าก็ไม่รู้ หลายปีมานี้ ป้าใหญ่เห็นครอบครัวไหนในหมู่บ้านมีเด็กสาว พอเติบใหญ่ก็จะพูดไปกอดไป ออดอ้อนเข้าหาแม่ตัวเอง น่าอิจฉายิ่งนัก คิดแต่ว่าหากครอบครัวเรามีเด็กสาวเช่นนี้สักคน ก็คงจะออดอ้อนข้าเช่นนั้นเช่นกัน”
เมิ่งชื่อพูดแทรก “พี่สะใภ้ ไม่ต้องอิจฉา ครั้งนี้อิงจื่อจะต้องตั้งครรภ์เป็นเด็กผู้หญิง ท่านรอดีใจได้เลย”
ความยินดีแผ่กระจายทั่วใบหน้าสะใภ้เมิ่งต้าจินอีกครั้ง “เมื่อพวกเจ้าต่างก็พูดเช่นนี้ เช่นนั้นจะต้องเป็นลูกสาว วันนี้กลับไป ข้าจะตัดเย็บชุดลายดอกหลายๆ ชุด ให้หลานสาวสุดที่รักของข้าใส่”
อิงจื่อเพิ่งจะตั้งครรภ์ได้เพียงสองเดือน จะตัดเย็บชุดให้ตั้งแต่ตอนนี้ เห็นชัดว่าสะใภ้เมิ่งต้าจินกระวนกระวายใจเพียงใด เมิ่งเชี่ยนโยวทนพวกเขาต่อไปไม่ไหวแล้ว ผุดลุกขึ้น หากข้ออ้างพูดว่า “ใกล้จะถึงเวลาต้องจ่ายค่าแรงแล้ว ข้าจะเข้าไปตรวจนับเงินค่าแรงในห้องนะเจ้าค่ะ”
นี่เป็นเรื่องใหญ่ สะใภ้เมิ่งต้าจินโบกมือให้นาง “ไปเถอะ ประเดี๋ยวป้าก็ควรพาเด็กน้อยทั้งสองกลับแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินพ้นประตูเข้ามา รอยยิ้มที่ประคองไว้ตลอดบนใบหน้าหุบคว่ำลง กระทั่งเดินเข้ามาในห้องตัวเอง นั่งนิ่งบนเก้าอี้ หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอก เปิดออกดูอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื้อความในจดหมายเหมือนกับปีก่อนๆ ทุกประการ เพียงใช้ภาษาอังกฤษเขียนไม่กี่บรรทัดว่า ข้าสบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง รอข้าเติบใหญ่อย่างสบายใจ
เมิ่งเชี่ยนโยววางจดหมายลงบนโต๊ะ นิ่งเงียบมองจดหมายครู่หนึ่ง ลุกขึ้นยืน เปิด**บออก หยิบจดหมายอีกสามฉบับออกมา ถูกต้อง สี่ปีแล้ว ทุกปีเมิ่งอี้เซวียนเพียงส่งจดหมายหนึ่งฉบับเข้ามาในวันที่จากไป และเนื้อความในจดหมาย เหมือนกันทุกประการ แม้แต่คำศัพท์ก็ไม่เปลี่ยน
เมิ่งเชี่ยนโยววางจดหมายเรียงเป็นแถวแนวนอนบนโต๊ะ มองดูกระดาษที่เหมือนกันทั้งสี่ฉบับ ไม่มีเนื้อความที่แตกต่างกันแม้แต่น้อย เมิ่งเชี่ยนโยวสงสัยว่าเจ้าเดรัจฉานใจดำนั่นเขียนจดหมายนี้เอาไว้ ตั้งแต่ตอนที่จากไปตอนนั้น แล้วฝากคนอื่นไว้ ให้เขาส่งมาให้นางทุกวันของปีนี้
หลังจากคิดถึงคำพูดที่เขาลั่นวาจาออกมา ในลานเรือนก็มีเสียงแก้ผ้ากระโดดลงน้ำดัง “ตู้ม” “ตู้ม” ดังแว่วมา ปรากฏรอยยิ้มจางๆ ขึ้นที่มุมปากเมิ่งเชี่ยนโยว พูดพึมพำกับตัวเอง “สี่ปีแล้ว เจ้าควรจะเติบใหญ่ได้แล้ว”
เมืองหลวงที่ไกลออกไปองค์ชายรูปงามองอาจท่านหนึ่งเติบโตแล้ว กำลังทอดมองไกลออกไป พูดงึมงำกับตัวเอง “โยวเอ๋อร์ ข้าเติบใหญ่แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บจดหมายอย่างระวัง เก็บใส่**บราวสมบัติล้ำค่า แล้วลงกลอน เพิ่งจะหยิบสมุดบัญชีออกมา เตรียมตรวจนับจำนวน ลานด้านนอกก็มีเสียงเร่งเร้าหนึ่งถามขึ้น “ฮูหยิน นายหญิงของพวกท่านอยู่หรือไม่?”
ไม่รอให้เมิ่งชื่อตอบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็เปล่งเสียงถามออกไป “มีเรื่องอันใด?”
น้ำเสียงกระวนกระวายของเสี่ยวเอ้อร์ดังขึ้น “นายหญิง แย่แล้ว มีคนกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งร้านเรา แล้วได้รับพิษ!”
เมิ่งเชี่ยนโยวกระเด้งตัวลุกพรวด ไม่ทันได้ปิดสมุดบัญชี ก็ก้าวฉับๆ ออกมาด้านนอก ถามเสี่ยวเอ้อเสียงหลง “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เสี่ยวเอ้อตกใจหนัก ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ “วันนี้ พอท่านออกไปจากร้านไม่นาน ก็มีคนจำนวนหนึ่งเข้ามากินอาหาร คิดไม่ถึงว่ากินไปครึ่งหนึ่ง คนผู้นั้นก็กอดท้องเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้นอย่างทุรนทุรายหลงจู๊ตกใจมาก รีบให้คนไปตามหมอมาดูอาการให้เขา หมอบอกว่าเขาได้รับพิษ”
“ตอนนี้คนผู้นั้นเป็นอย่างไร?” เมิ่งเชี่ยนโยวร้อนใจถาม
“แบกไปโรงหมอแล้ว หมอบอกว่าโชคดีที่ตรวจได้ทัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่รอดชีวิตแล้ว ท่านผู้ว่าการตำบลส่งคนมาตรวจสอบ บอกว่าก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่พวกเขากินมีพิษ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตื่นตกใจ สั่งการเสี่ยวเอ้อ “ไป!” พูดจบก็ก้าวอาดๆ ออกไป
เสี่ยวเอ้อลนลานตามหลังไป
เมิ่งชื่อและสะใภ้เมิ่งต้าจินนิ่งอึ้งกับเหตุการณ์พลิกผันตรงหน้า กระทั่งเมิ่งเชี่ยนโยวเดินพ้นประตูออกไปถึงได้สติกลับมา
เมิ่งชื่อกระวีกระวาดลุกขึ้น “พี่สะใภ้ ท่านดูเด็กๆ นะ ข้าจะไปเรียกเสียนเอ๋อร์ที่โรงงานให้ตามไปดู”
สะใภ้เมิ่งต้าจินลนลานพยักหน้า “เจ้ารีบไปเถอะ”
เมิ่งชื่อวิ่งเหยาะๆ มาตลอดทางจนมาถึงหน้าประตูโรงงาน
อู๋ต้าเห็นนางวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เดาว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น คิดจะเอ่ยปากถาม เมิ่งชื่อโบกมือให้เขา หายใจหอบพูดว่า “เร็ว ไปเรียกเสียนเอ๋อร์ออกมา ข้ามีเรื่องด่วนจะพบเขา”
อู๋ต้าไม่กล้ารอช้า วิ่งเข้าไปร้องเรียกเมิ่งเสียนออกมา
เมิ่งชื่อเห็นเขาออกมา รีบร้อนพูด “เมื่อครู่เสี่ยวเอ้อที่ร้านเข้ามาแจ้งข่าว บอกว่ามีคนกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งร้านเราแล้วได้รับพิษ น้องสาวเจ้ารีบเข้าไปแล้ว แม่ไม่วางใจ เจ้ารีบตามเข้าไปดูด้วยเถอะ”
ร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเปิดมาสี่ปีแล้ว ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน เมิ่งเสียนได้ฟังให้ตื่นตกใจ พูดกับเมิ่งชื่อ “ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งเป็นห่วงไป ข้าจะตามไปดูเดี๋ยวนี้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” พูดจบ สั่งอู๋ต้าไปหาเหวินเปียว ให้เขาเก็บกวาดรถม้ามารอด้านนอกโรงงาน
พวกอู๋ต้าก็ได้ยินเรื่องราวหมดแล้ว ต่างกระวนกระวายใจ รีบวิ่งไปหาเหวินเปียวทันที
เหวินเปียวเก็บกวาดรถม้าเสร็จอย่างเร็วรี่ เมิ่งเสียนปลอบใจเมิ่งชื่ออีกสองสามคำ ขึ้นนั่งบนรถม้า ใจร้อนดั่งไฟเร่งเร้าให้เขารีบมุ่งหน้าเข้าเมือง
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ร้อนใจ นั่งบนรถม้าที่เสี่ยวเอ้อบังคับมา คอยเร่งเร้าเสี่ยวเอ้อให้เร็วยิ่งขึ้น
เสี่ยวเอ้อตวัดบังเ**ยนม้าไปตลอดทาง ม้าเจ็บปวด ตะบึงฮ้อไม่หยุด ครึ่งชั่วยามก็มาถึงหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง
ข่าวที่มีคนกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งได้รับพิษ เพียงอึดใจเดียวก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมือง คนที่มาดูเรื่องสนุกล้อมร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งไว้อย่างแน่นหนา ชี้มือชี้ไม้ วิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวลงจากรถม้า ทุกคนต่างรู้ว่านางเป็นนายหญิงของร้าน ต่างแยกออกเป็นทางให้นางโดยอัตโนมัติ
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในร้าน เห็นเจ้าหน้าที่หลายนายกำลังยืนสีหน้าขึงขังข้างโต๊ะที่มีก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสามชามวางอยู่
หลงจู๊ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ซับเหงื่อที่ไหลออกมาไม่หยุด พอเห็นเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามา รีบเดินไปตรงหน้านาง พูดกับนางเสียงสั่น “นายหญิง ท่านมาแล้ว”
“ตอนนี้คนพวกนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” เมิ่งเชี่ยนโยวน้ำเสียงสงบนิ่ง ไม่มีความลนลานแม้แต่น้อย จิตใจที่ตกประหม่าของหลงจู๊ ได้รับการปลอบประโลมอย่างประหลาด สูดลมหายใจเข้าลึก พูดว่า “คนไม่เป็นอะไรแล้วขอรับ แต่ว่าเมื่อครู่คนในครอบครัวพวกเขาเข้ามา เรียกร้องค่าเสียหายจากพวกเรา”
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลอบโล่งใจ สั่งการหลงจู๊ “เจ้าให้คนไปบอกหมอ ให้พวกเขาใช้ยาที่ดีที่สุด พยายามอย่าให้เกิดโรคตามมาภายหลัง”
หลงจู๊รับคำ เรียกเสี่ยวเอ้อเข้ามากำชับ
เสี่ยวเอ้อพยักหน้า รีบวิ่งออกไป
คนที่มามุงดูได้ยินคำพูดเมิ่งเชี่ยนโยว ต่างส่งเสียงเซ็งแซ่ ยิ่งเลื่อมใสนับถือในตัวแม่นางน้อยคนนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวคิดจะเข้าไปดูชามที่วางอยู่บนโต๊ะ ถูกเจ้าหน้าที่ยื่นมือมาขวาง พูดตามหน้าที่ “แม่นาง นี่เป็นหลักฐานที่สำคัญที่สุด โปรดอย่าแตะต้องตามอำเภอใจ”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว พูดว่า “ข้าพอจะรู้วิชาแพทย์ คิดจะตรวจสอบดูว่า ปัญหาเกิดจากตรงไหนกันแน่”
เจ้าหน้าที่ยังคงเข้าขวางนาง “ท่านหมอเข้ามาตรวจแล้ว ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งในชามพวกนี้มีพิษจริงๆ พวกเราได้รับคำสั่งจากท่านผู้ว่าการให้มาคอยเฝ้าไว้ เขาตามผู้ได้รับพิษไปที่โรงหมอ ประเดี๋ยวก็กลับมา แม่นางอย่าให้พวกเราต้องลำบากเลย”
สี่ปีก่อนหลังจากเปลี่ยนผู้ว่าการตำบลที่ซื่อตรงเที่ยงธรรมมา เหล่าเจ้าหน้าที่ได้รับการฝึกฝนให้ปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัดถูกต้อง ไม่มีข้อยกเว้น เมิ่งเชี่ยนโยวไม่มีทางเลือก จำต้องรอการมาถึงของผู้ว่าการตำบล
ผู้ว่าการตำบลยังมาไม่ถึง สตรีวัยกลางคนแต่งกายมอมแมมสามคนกลับพุ่งเข้ามา เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวก็อยู่ในร้าน นั่งลงบนพื้นพร้อมกัน คร่ำครวญฟูมฟาย “สวรรค์ เสาหลักของครอบครัวล้มครืนแล้ว จะให้พวกเราทั้งคนแก่และเด็กอยู่กันอย่างไร?”
“พวกเราแค่มากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งชามเดียวเท่านั้น ทำไมถึงมาเจอเรื่องร้ายเช่นนี้ได้?”
“เจ้าของร้านใจดำอำมหิต ของเสียแล้วยังเอาออกมาขายได้ ไร้มโนธรรมที่สุด”
สตรีวัยกลางคนสามนางร้องไปก่นด่าตำหนิไป คนที่มามุงดูเห็นการแต่งกายของพวกนาง คาดเดาว่าจะต้องเป็นคนแร้นแค้น ไม่รู้ว่าต้องเก็บเงินมานานแค่ไหนถึงมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งได้สักชามหนึ่ง ไม่คิดว่ากลับได้รับพิษ เกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจพวกเขา
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นพวกเขาแต่งกายมอซอ ไม่เหมือนคนที่จะกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งได้ ก็ให้ตะขิดตะขวงใจ ทั้งได้ยินพวกเขาที่เข้ามาไม่แยกแยะถูกผิด ทิ้งตัวนั่งฟูมฟายอาละวาดบนพื้น ยิ่งทวีความกังขา จึงไม่ปริปาก ดูว่าพวกนางจะร้องโวยวายไปได้นานแค่ไหน หลงจู๊ข้างๆ ขยับแข้งขา คิดจะเข้าไปห้ามปราบ ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวรั้งไว้เงียบๆ
กลับเป็นเจ้าหน้าที่อีกด้านที่ทนไม่ไหวตวาดใส่พวกเขา “เรื่องนี้ท่านใต้เท้าย่อมตัดสินอย่างยุติธรรม เลิกร้องโวยวายได้แล้ว”
สตรีวัยกลางคนทั้งสามนางยังมีความกริ่งเกรงเจ้าหน้าที่บ้าง หุบปากหยุดร้องคร่ำครวญทันที แล้วลุกขึ้นยืน กลับหันหลัง ทำหน้าปานจะขาดใจมองมายังฝูงชนที่มามุงล้อม เปล่งเสียงสูงพูดดังลั่น “ทุกคนรีบมาดูเถิด ร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งใจดำอำมหิตนี้ ใช้แป้งมันฝรั่งที่เสียแล้วมาทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง ขายให้พวกเรากิน สามีข้าโชคร้ายมาเจอเข้า เกือบเอาชีวิตไม่รอด ข้าขอเตือนทุกท่านต่อไปอย่าได้มากินร้านนี้อีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วเกร็งแน่น ความเคลือบแคลงในใจยิ่งทวีความรุนแรง
หลงจู๊กลับนั่งไม่ติดแล้ว เดินมาตรงหน้าสตรีวัยกลางคนคนนั้น ร้อนรนโต้แย้ง “เจ้าอย่าได้พูดจาซี้ซั้ว แป้งมันฝรั่งของพวกเราใช้แต่มันฝรั่งสดใหม่มาทำ”
สตรีวัยกลางคนนางนั้นเห็นเขาเดินเข้ามา ในดวงตาคลอเอ่อสะท้อนแววเจ้าเล่ห์ แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวที่คอยจับสังเกตพวกเขาเห็นเข้าพอดี
สตรีวัยกลางคนแสร้งทำเป็นหวาดกลัวหลงจู๊ จงใจก้าวถอยไปข้างหลัง แล้วเปล่งเสียงหวีดร้องใส่ฝูงชน “ทุกคนดูเถิด เขาอับอายจนโมโหแล้ว ดูท่าข้าจะพูดไม่ผิด พวกเขาใช้มันฝรั่งเน่าเสียมาทำแป้งมันฝรั่ง ต่อไปทุกคนอย่าได้มากินร้านนี้อีกเลย”
ฝูงชนที่มุงล้อมดูส่งเสียงวิพากษ์เซ็งแซ่ พูดไปต่างๆ นานา
หลงจู๊ไม่คิดว่าด้วยอารมณ์ชั่ววูบของตนเองกลับเป็นจุดอ่อนให้นางเล่นงานได้ ด้วยความโมโหคิดจะโต้แย้งอีก น้ำเสียงใสกังวานเสนาะหูของเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น ถามคำถามจี้ใจดำสตรีวัยกลางคนนางนั้น “ขอถาม ท่านใต้เท้าผู้ว่าการยังไม่ได้ตัดสิน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของข้าใช้มันฝรั่งเน่าเสียมาทำ?”
คล้ายว่าสตรีวัยกลางคนจะคิดไม่ถึงว่านางจะถามเช่นนี้ ผงะอึ้งเล็กน้อย นัยน์ตากลิ้งกลอกพูดตอบทันควัน “ข้า ข้าเดา”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่อ่อนข้อให้แล้ว คาดคั้นเอาความ “เมื่อเป็นการคาดเดา เจ้าก็ไม่สมควรพูดออกมา แต่ตอนนี้เจ้ากลับพูดยืนยันหนักแน่นต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ เกรงว่าความเป็นจริงของเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นการคาดเดาอย่างที่เจ้าพูดกระมัง”
สตรีวัยกลางคนไม่คิดว่าเพียงคำพูดเดียวของเมิ่งเชี่ยนโยวก็ทำลายแผนการของนางได้ หันกลับไปเบิกตาโพลงมองเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างตกตะลึง
เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวกำลังมองนางอย่างมีเลศนัย คล้ายว่าจะรู้แจ้งกระจ่างทั้งหมดแล้ว หัวใจกระตุกวูบ หลบตาอย่างร้อนตัว เล่นใหญ่เล่นโตตบหน้าขาตัวเอง ร้องฟูมฟายอีกครั้ง “ทุกคนดูเอาเถิด ข้าเพียงพูดไปตามความจริง แค่อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้สามีที่เกือบจะจบสิ้นชีวิตของพวกเรา เตือนทุกคนด้วยความหวังดี ให้ต่อไปอย่ามากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งร้านนี้อีก เลี่ยงไม่ให้ได้รับพิษ เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ เด็กสาวคนนี้กลับสงสัยว่าพวกเรามีเป้าประสงค์อื่น นี่มันโจรร้องตะโกนให้จับโจร ป้ายความผิดมาที่พวกเราแทนชัดๆ”
ไม่รอให้ฝูงชนมีปฏิกิริยา น้ำเสียงเย็นเยียบเต็มไปด้วยการข่มขู่ดังขึ้นอีกครั้ง “หากปัญหาเกิดจากก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของพวกเราจริงๆ นับจากนี้ไปข้าจะปิดร้านนี้ ไม่เปิดในตำบลนี้อีก แต่หากมีคนกล้าเล่นไม่ซื่ออยู่เบื้องหลัง จงใจให้ร้ายข้า แม้นเขาไม่ตายข้าก็จะกรอกยาพิษหนึ่งเม็ดให้คนผู้นั้น สงเคราะห์ความต้องการของเขา”
ตอนที่ 2 ผู้บงการเบื้องหลัง ความปรารถ...
สตรีวัยกลางคนนางนั้นได้ยินวาจานาง ร่างสั่นเทิ้มอย่างไม่รู้ตัว ครั้งนี้ตกใจผวาจริงๆ แล้ว หดห่อร่างถอยร่นไปด้านหลัง
เหล่าเจ้าหน้าที่ยืนหน้านิ่งข้างโต๊ะ ไม่แยแสสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
แต่ฝูงชนที่พอได้ฟังคำพูดนาง พลันแตกฮือ ยิ่งให้ส่งเสียงวิพากษ์ร้อนแรง
เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยให้พวกเขาพูดกันให้พอ ไม่โต้ตอบสนใจ นั่งบนโต๊ะเงียบๆ รอการมาถึงของผู้ว่าการตำบล
คล้ายว่าสตรีวัยกลางคนสามนางนั้นจะตกใจกลัวแล้ว ไม่กล้าหวีดร้องโวยวายอีก หดตัวนั่งนิ่งกับพื้น
แล้วเมิ่งเสียนก็ตามมาถึง หลังจากลงจากรถม้า ก็รีบเดินเข้ามาในร้าน ถามเมิ่งเชี่ยนโยวน้ำเสียงเร่งเร้า “น้องสาว เรื่องเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวปลอบใจเขา “พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง คนผู้นั้นไม่มีอันตรายถึงชีวิต ข้ากำลังรอให้ท่านผู้ว่าการตำบลเข้ามาตรวจสอบ ว่าพวกเขาทั้งหมดถูกพิษได้อย่างไรกันแน่?”
เมิ่งเสียนหันหลังเดินออกไป เดินไปพูดไปว่า “เจ้ารอท่านผู้ว่าการตำบลอยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูที่โรงหมอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวกำชับเขาไล่หลัง “พี่ใหญ่ ท่านระวังด้วย”
เมิ่งเสียนส่งเสียงขานรับ ขึ้นรถม้า สั่งเหวินเปียวให้ไปโรงหมอ
เมิ่งเชี่ยนโยวบอกกลุ่มคนที่ตกใจขวัญเสียในร้าน “หาที่หาทางนั่งเถอะ เรื่องยังไม่ได้รับการตรวจสอบ พวกเจ้าก็คงยังไปไหนไม่ได้”
กลุ่มคนขานรับคำเสียงอ่อน แยกย้ายกันหาที่นั่ง
หลงจู๊เพิ่งมาที่ร้านนี้ได้เดือนเดียว ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น ให้ละอายใจเป็นอย่างมาก เดินมาตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว คิดจะพูดบางอย่าง ถูกเมิ่งเชี่ยนโยวห้ามไว้ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ท่านไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ เมื่อความจริงเป็นที่ประจักษ์แล้ว ให้ท่านเป็นหลงจู๊ต่อไป”
หลงจู๊ก็อายุอานามไม่น้อยแล้ว หลายปีมานี้เคยทำงานให้นายท่านหลายคน ไม่มีนายท่านคนไหนเป็นเช่นเมิ่งเชี่ยนโยว เกิดเรื่องขึ้น ไม่เพียงไม่โยนความรับผิดชอบมาที่เขา กลับยังพูดปลอบใจเขา ให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก ตื้นตันจนริมฝีปากขยับ คิดจะพูดขอบคุณ ครั้นเห็นแววตาเมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้สึกว่าพูดออกไปก็เกินความจำเป็น จึงกลืนคำพูดที่ปลายลิ้นลงไป สาบานกับตัวเอง หลังผ่านพ้นเรื่องนี้ไป ตนเองจะตั้งใจดูแลร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งให้ดี เพื่อตอบแทนความไว้วางใจของเมิ่งเชี่ยนโยว
หลังจากผู้ว่าการตำบลเห็นผู้ที่ได้รับพิษในโรงหมอไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต สั่งกำชับหมอสองสามคำ จึงเดินออกมา กลับมาที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งพร้อมเจ้าหน้าที่ห้อมล้อมจำนวนหนึ่ง
เห็นเขาเดินเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวนำทุกคนลุกขึ้น ร้องเรียนอย่างอ่อนน้อม “ท่านใต้เท้าผู้ว่าการ”
ก่อนที่เปาชิงเหอจะถูกโยกย้ายไปเมืองหลวง ผู้ว่าการตำบลท่านนี้ได้รับคำสั่งแต่งตั้งเป็นพิเศษ เป็นคนที่ซื่อตรง แม้นจะรู้ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวมีความเกี่ยวพันกับองค์ชายแห่งอ๋องฉีรวมถึงแม่ทัพฉู่ แต่ก็ไม่เคยปฏิบัติเป็นพิเศษต่อนาง
โดยเฉพาะคดีที่เกือบจะมีคนเสียชีวิตในร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง สีหน้าผู้ว่าการตำบลดูไม่ดีเอาเสียเลย เพียงผงกศีรษะเล็กน้อยอย่างไม่ไยดีต่อคำทักทายของนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่สนใจ บอกข้อเรียกร้องไปตามตรง “ท่านใต้เท้าผู้ว่าการ ข้าพอจะรู้วิชาแพทย์และยาสมุนไพร ท่านอนุญาตให้ข้าตรวจสอบก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งทั้งสามชามนี้อย่าละเอียดได้หรือไม่?”
แม้คำร้องขอนี้จะไม่สมเหตุสมผล ทว่า นี่เป็นสถานการณ์พิเศษ การหาต้นตอของพิษได้เร็ว ก็จะทำให้ปิดคดีได้เร็วขึ้น ผู้ว่าการตำบลขบคิดครู่หนึ่ง พยักหน้าอนุญาต หันไปโบกมือให้เจ้าหน้าที่ บอกให้เขาถอยออกไป
สตรีวัยกลางคนที่นั่งบนพื้นได้ยินคำร้องขอของเมิ่งเชี่ยนโยว ใบหน้าปรากฏความสะพรึงกลัว เห็นผู้ว่าการตำบลก็ยอมอนุญาต หน้าตาเลิ่กลั่ก กรีดร้องคร่ำครวญอีกครั้ง “ท่านใต้เท้าผู้ว่าการ ท่านให้ความเป็นธรรมกับพวกเราด้วย สามีพวกเราแค่มากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งชามเดียว ก็ต้องประสบเคราะห์ร้าย เกือบเอาชีวิตไม่รอด ร้านใจดำอำมหิตนี้ จะปล่อยให้เปิดต่อไปอีกไม่ได้”
สตรีวัยกลางคนอีกสองนางก็พยักหน้าสมทบ “ใช่เจ้าค่ะ จะให้เปิดต่อไปอีกไม่ได้ เลี่ยงไม่ให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตคนอื่นได้อีก”
เมื่อครู่ผู้ว่าการตำบลเห็นพวกเขาที่โรงหมอแล้ว รู้ว่าพวกนางเป็นภรรยาของกลุ่มชายที่ได้รับพิษ จึงไม่ได้ตวาดพวกนาง
เห็นผู้ว่าการตำบลไม่ห้ามปราม สตรีวัยกลางคนผู้นำยิ่งได้ใจ ไม่ได้ลุกขึ้น แต่คลานไปตรงหน้าผู้ว่าการตำบล ร้องไห้ฟูมฟาย “ท่านใต้เท้าผู้ว่าการ เรื่องนี้กระจ่างแจ้งแล้ว เพราะนังคนใจอำมหิตนั่นใช้มันฝรั่งเน่าเสียมาทำแป้งมันฝรั่ง สามีข้าบังเอิญมากินเข้าไป ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านตาดำๆ อย่างพวกเรา ลงโทษพวกเขาให้หนัก ให้ร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของนางเปิดไม่ได้อีกต่อไป”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วแน่น ย้อนถามกลับ “เจ้าเอาแต่พูดว่าข้าใช้มันฝรั่งเน่ามาทำแป้งมันฝรั่ง ทำให้สามีเจ้าได้รับพิษ ข้าขอถามเจ้า คนมากมายมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งในร้านข้า เหตุใดถึงมีแต่พวกเขาที่ได้รับพิษ? หรือมันฝรั่งเน่าที่นำมาทำเป็นก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งทั้งหมดบังเอิญมาถูกพวกเขากินเข้าไป?”
สตรีวัยกลางคนสายตาล่อกแล่ก อึกๆ อักๆ พูดไม่ออก
ฝินตวาดสตรีวัยกลางคน “ตอนนี้ยังไม่ได้ตรวจสอบเรื่องราวชัดเจน อย่าเพิ่งพูดเหลวไหล ให้เรื่องทั้งหมดกระจ่างก่อนค่อยพูด”
สตรีวัยกลางคนตกใจก้มหน้า ถอยร่นไปข้างหลัง
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาข้างโต๊ะ ใช้ตะเกียบคีบเส้นแป้งมันฝรั่งที่เหลืออยู่ในชามขึ้นมาพินิจอย่างละเอียด แล้วยกมาดม
ผู้ว่าการตำบลและกลุ่มคนในร้านรวมถึงฝูงชนด้านนอกต่างกลั้นลมหายใจ ดูการกระทำของนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวดูเส้นแป้งมันฝรั่งทั้งสามชามอย่างละเอียด จากนั้นคีบเส้นแป้งมันฝรั่งเส้นหนึ่งเข้าปาก
ทุกคนตกใจผงะ
หลงจู๊ตกใจลุกขึ้นยืน ร้องอุทานด้วยใบหน้าตกใจสุดขีด “นายหญิง!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมือซ้ายขึ้นห้ามเขา เคี้ยวเส้นแป้งมันฝรั่งในปากอย่างละเอียด
ผู้ว่าการตำบลก็ให้ตกใจ พูดว่า “แม่นางเมิ่ง เจ้า…”
เมิ่งเชี่ยนโยวคายเส้นแป้งมันฝรั่งในปากออกมา สั่งเหวินเหลียนยกน้ำมาให้นางบ้วนปาก
เหวินเหลียนรับคำ รีบเข้าไปตักน้ำสะอาดในครัวออกมาให้นาง
หลังจากบ้วนปากแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวซับริมฝีปาก คลี่ยิ้มอ่อน ก้าวมาข้างหน้า ย่อตัวลงเบื้องหน้าสตรีวัยกลางคน พูดว่า “ยังอำมหิตไม่พอหรอก ควรจะใส่ยาให้มากกว่านี้”
สตรีวัยกลางคนนางนั้นสายตาล่อกแล่ก หดห่อร่างกาย ถอยให้ห่างจากเมิ่งเชี่ยนโยวออกมา พูดอย่างร้อนตัว “เจ้าพูดอะไร ข้าฟังไม่เข้าใจ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงรอยยิ้มเดิม พูดว่า “สามีเจ้าได้รับพิษ เจ้าเข้ามาในร้านไม่มาร้องขอเงินค่าชดใช้ กลับตั้งใจร้องอาละวาดให้ปิดร้านข้า เจ้าไม่คิดว่าไร้เหตุผลบ้างเรอะ?”
รอยยิ้มของเมิ่งเชี่ยนโยวทำสตรีวัยกลางคนขนลุกชูชันไปทั้งตัว พูดอึกๆ อักๆ “ข้า ข้า ข้าก็แค่คิดแทนคนอื่น ครั้งนี้เพราะสามีพวกเราโชคดี เอาชีวิตรอดมาได้ หากครั้งหน้ามีคนได้รับพิษอีก ช่วยกลับมาไม่ได้จะทำอย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “พูดมีเหตุผล”
สตรีวัยกลางคนนึกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวเชื่อเหตุผลตัวเอง เริ่มมีความเชื่อมั่น เชิดหน้ายืดอก
คำพูดต่อมาของเมิ่งเชี่ยนโยวกลับทำให้นางนั่งตัวแข็งทื่ออย่างสิ้นเชิง
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “แต่การวางแผนมาเป็นอย่างดีของพวกเจ้าครั้งนี้คงจะผิดพลาดแล้ว พวกเจ้าคิดว่าการลอบวางยาพิษในชามตัวเอง แล้วโยนความผิดมาที่ข้า ก็จะบีบให้ข้าปิดร้านได้อย่างนั้นเรอะ?”
สิ้นเสียงนาง ทำเอาทุกคนต่างตกตะลึง
แม้แต่ผู้ว่าการตำบลยังตกใจร้องถาม “แม่นางเมิ่ง ที่เจ้าพูดเป็นความจริง?”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจสตรีวัยกลางคนอีก ลุกขึ้นยืน แล้วพยักหน้าให้ผู้ว่าการตำบล พูดว่า “นี่เป็นพิษที่เพิ่งจะใส่ลงในชาม หาได้เป็นพิษที่อยู่ในเส้นแป้งมันฝรั่งของเราไม่”
“เหตุใดแม่นางถึงพูดเช่นนี้?” ผู้ว่าการตำบลถาม
“เมื่อครู่ท่านใต้เท้าเห็นข้าคายเส้นแป้งมันฝรั่งออกมาแล้ว หากเส้นแป้งมันฝรั่งข้ามีพิษ เช่นนั้นในตอนนี้ข้าจะต้องมีอาการปวดท้องดิ้นทุรนทุราย เหมือนชายพวกนั้นที่กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเข้าไป แต่ตอนนี้ข้ากลับสุขสบายดี แสดงว่าเส้นแป้งมันฝรั่งของพวกเรามีความเป็นพิษต่ำ”
สตรีวัยกลางคนนางนั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงฉลาดขึ้นมาได้ ร้องพูดเสียงลั่น “นั่นเป็นเพราะเจ้ากินเข้าไปน้อย หากเจ้ากินที่เหลือเข้าไปทั้งหมด ก็จะเป็นเหมือนกับพวกเขา”
“เจ้าพูดถูกต้อง หากข้ากินเข้าไปทั้งหมด จะต้องเป็นเหมือนกับพวกเขา แต่ว่า ตอนนี้ข้ามีอีกหนึ่งวิธี ต่อให้ไม่กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง ก็ทำให้มีอาการเหมือนพวกเขาได้เช่นกัน” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
“วิธีอะไร?” ผู้ว่าการตำบลถาม
เมิ่งเชี่ยนโยวยกชามขึ้น เดินมาตรงหน้าสตรีวัยกลางคน คล้ายจะหยอกเย้า แต่ก็คล้ายจะขู่เข็ญ พูดว่า “เมื่อครู่ข้ากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเข้าไปแล้วหนึ่งคำ เพื่อความยุติธรรม ตอนนี้จะให้เจ้าดื่มน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งหนึ่งคำบ้าง”
สตรีวัยกลางคนมองชามตรงหน้า ราวกับมองเห็นมหันตภัยร้าย ตกใจกระเถิบถอยหนีหลายก้าว ยกสองมือปัดป้อง “ข้าไม่ดื่ม! ข้าไม่ดื่ม!”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกชามเดินหน้ากดดัน พูดว่า “เจ้าวางใจ ข้ารู้วิชาแพทย์ ต่อให้เจ้าปวดท้องดิ้นทุรนทุราย ข้าก็จะรักษาชีวิตเจ้าไว้ได้”
สตรีวัยกลางคนส่ายหน้าคลุ้มคลั่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้า “ข้าพูดดีๆ กับเจ้า เจ้ากลับไม่ดื่ม จะให้ข้าสั่งคนมากรอกลงไปใช่หรือไม่?”
สตรีวัยกลางคนหน้าซีดเผือก ลนลานร้องเรียกผู้ว่าการตำบล “ท่านผู้ว่าการช่วยด้วย! ท่านผู้ว่าการช่วยด้วย!”
ผู้ว่าการตำบลเอ็ดเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง เจ้าทำเช่นนี้เกินกว่าเหตุเกินไป เจ้ารู้แก่ใจว่าในน้ำซุปอาจจะมีพิษ เจ้ายังจะบีบเค้นให้หญิงบริสุทธิ์ดื่ม ต่อให้เจ้ามีคนหนุนหลังยิ่งใหญ่เพียงใด หากกล้ากระทำความผิดต่อหน้าข้า ข้าก็จักไม่ปล่อยเจ้าเช่นกัน”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้น พูดด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน “ท่านใต้เท้าพูดผิดแล้ว ข้ามิได้จะบีบให้นางดื่มน้ำซุปให้ได้ เพียงแค่จะลองใจ ว่านางรู้หรือไม่ว่าในน้ำซุปมีความเป็นพิษสูงกว่าในเส้นแป้งมันฝรั่ง?”
คล้ายว่าผู้ว่าการตำบลจะเข้าใจบางสิ่ง ถามขึ้น “เจ้าหมายความว่า พวกเขาเพิ่งจะวางยาลงไปหลังจากยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งออกมาแล้ว ด้วยเพราะตัวเส้นมีความเหนียว พิษไม่อาจซึมเข้าไปได้ทันที ดังนั้นความเป็นพิษในน้ำซุปจึงมีปริมาณมากกว่า?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ท่านใต้เท้าพูดได้ถูกต้อง และเพราะเหตุนี้ เมื่อครู่ข้าจึงลองทดสอบนาง ก็เป็นดังคาด นางรู้แต่แรกว่าในน้ำซุปมีความเป็นพิษสูง ถึงไม่กล้าดื่มเข้าไป”
สตรีวัยกลางคนลนลานคลานมาแก้ตัวเบื้องหน้าผู้ว่าการตำบล “ท่านใต้เท้าผู้ว่าการ ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าเพียงแค่กลัวว่าหลังจากดื่มซุปเข้าไปจะเป็นเหมือนสามีข้า เช่นนั้นทั้งคนแก่และเด็กในครอบครัว ใครจะเป็นคนดูแลพวกเรา”
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ พูดว่า “ช่างเป็นเหตุผลที่น่าเชื่อถือยิ่งนัก ดูท่าพวกเจ้าคงจะวางแผนมาแต่แรกแล้วว่า หากถูกจับได้จะพูดว่าอย่างไร”
สตรีวัยกลางคนไม่ยอมรับผิด “ไม่ใช่ ไม่ใช่เด็ดขาด ข้าคิดเช่นนี้จริงๆ พูดตามความสัตย์จริง ไม่กล้าหลอกลวงท่านใต้เท้า”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าขอถามเจ้า หลังจากเจ้าเข้ามา เหตุใดถึงเอาแต่พูดว่าพวกเราใช้มันฝรั่งเน่าเสียมาทำแป้งมันฝรั่ง บ้านเจ้าเคยซื้อมันฝรั่ง หรือเคยปลูกมันฝรั่งรึ?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
สตรีวัยกลางคนมองผู้ว่าการตำบลแวบหนึ่ง เห็นเขาทำหน้านิ่ง ลุกลนพูดว่า “ข้าเดาเอา ปกติสิ่งของบูดเสียพวกเรากินเข้าไปก็จะปวดท้อง ข้าก็เลยเดาว่าพวกเจ้าใช้มันฝรั่งเน่ามาทำแป้งมันฝรั่ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะ “เดาได้ดีนัก ดูท่าเจ้าจะเป็นพวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา”
มาถึงขั้นนี้ คล้ายว่าสตรีวัยกลางคนจะมองเห็นจุดจบของตัวเองแล้ว กลับมิได้หวาดหวั่น ร้องโวยวายใส่เมิ่งเชี่ยนโยว “เจ้าถือว่าตัวเองมีเงิน ก็จะรังแกพวกเราคนจนได้ตามใจ ข้าจะบอกให้นะ ความยุติธรรมอยู่ในใจคน จริงเท็จถูกผิด ทุกคนต่างมีข้อตัดสินในใจตัวเอง เจ้าคิดจะใช้อำนาจมาบีบให้คนน่าเวทนาอย่างพวกเรายอมแพ้ ข้าจะบอกให้นะ ไม่มีวันเด็ดขาด ต่อให้ต้องคลานไปฟ้องเจ้ากับท่านนายอำเภอ ข้าก็จะทวงคืนความยุติธรรมให้สามีของข้าให้ได้”
คำพูดนี้มีนัยแฝงลึกซึ้ง ไม่เพียงได้ความเห็นใจจากฝูงชน ยังเป็นการพูดกระทบว่าผู้ว่าการตำบลลำเอียง ยอมให้เมิ่งเชี่ยนโยวบีบคั้นนาง
ฝูงชนพลันส่งเสียงวิพากษ์อื้ออึง
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับขมวดคิ้วมุ่น หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนรู้หนังสือ กลับกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้ ดูท่าผู้บงการเบื้องหลังจะลงแรงไปไม่น้อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าที่เขาต้องการบีบให้นางปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งนี้ มีเป้าประสงค์อันใด?
ผู้ว่าการตำบลย่อมฟังความหมายแฝงของสตรีวัยกลางคนออก ให้เคืองขุ่นโมโห ตวาดสตรีวัยกลางคนเสียงเขียว “บังอาจนัก อย่าได้พูดจาเหลวไหล เมื่อตรวจสอบเรื่องกระจ่างแล้ว ข้าย่อมตัดสินความอย่างยุติธรรม”
สตรีวัยกลางคนกลับไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว นอนชักดิ้นชักงอร้องโวยวาย “สวรรค์ ข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว สามีข้าเกือบจะถูกพิษตาย ยังไม่ทันได้รับความยุติธรรม ตอนนี้นางกลับมาบีบให้ข้าดื่มน้ำซุปมีพิษอีก โหดเ**้ยมอำมหิตเกินไปแล้ว คนเช่นนี้สมควรเป็นนางเทื้อเรือน ไม่มีใครเอาไปชั่วชีวิต”
เมิ่งเชี่ยนโยวอายุสิบแปดปีแล้ว ยังไม่ได้แต่งงาน แม้ทุกคนจะไม่ได้พูดต่อหน้านาง แต่ก็นำไปพูดลับหลังไม่น้อย ฝูงชนได้ยินสตรีวัยกลางคนพูดเช่นนี้ก็ให้เป็นห่วง กลัวเมิ่งเชี่ยนโยวจะบันดาลโทสะสั่งคนซ้อมนาง
ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เพียงไม่โกรธเกรี้ยว กลับยิ้มอ่อนพูดว่า “คนบงการเบื้องหลังเจ้า แม้แต่เรื่องนี้ก็เอามาเป็นประเด็น ดูท่าพวกเขาจะกระจอกสิ้นดี”
ผู้ว่าการตำบลดำรงตำแหน่งมาสี่ปี ยังไม่เคยเจอใครที่อาจหาญกล้าร้องอาละวาดต่อหน้าเขาเหมือนสตรีวัยกลางคนมาก่อน โทสะปะทุ ร้องตวาดเสียงลั่น “เจ้าหญิงไร้สติ กล้ามาร้องอาละวาดต่อหน้าข้า เจ้าอยากถูกโบยใช่หรือไม่?”
สตรีวัยกลางคนแค่ต้องการเล่นใหญ่ ได้ยินผู้ว่าการตำบลที่โทสะปะทุจะให้คนมาโบยตัวเอง ความเกรี้ยวกราดสลายหายไปทันที รีบคลานเข้าไปหลบหลังสตรีวัยกลางคนอีกสองคน
สตรีวัยกลางคนอีกสองคนต่างงงงันกับเหตุการณ์พลิกผันตรงหน้า เอาแต่นั่งนิ่งไม่กล้าขยับ กระทั่งสตรีวัยกลางคนนางนั้นเข้ามาหลบด้านหลัง พวกนางถึงได้สติกลับมา ยื่นหน้าถามเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างกล้าๆ กลัวๆ “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นปฏิกิริยาทั้งสองคน คาดว่าพวกเขาจะต้องไม่รู้เรื่องด้วย จึงพูดว่า “ไยพวกเจ้าไม่ถามนางเล่า”
สตรีวัยกลางคนสองนางนั้นก็ไม่ได้โง่ เริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา หันกลับไปถามสตรีวัยกลางคนด้านหลังพร้อมกัน “สะใภ้จาง นี่มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่?”
“เรื่องอะไรกันอย่างไรเล่า? นี่ยังไม่ชัดเจนอีกเรอะ? สามีพวกเรายังนอนอยู่ที่โรงหมอนะ” สตรีวัยกลางคนลนลานตอบ
สตรีวัยกลางคนนางหนึ่งมองนางด้วยแววตาเต็มไปด้วยความกังขา “สะใภ้จาง ตอนที่เจ้ามาหาพวกเราไม่ได้พูดเช่นนี้สักหน่อย เจ้าบอกว่าพอพวกเราเข้ามา ให้ขอเงินชดใช้มาให้พวกเขามากหน่อย ไม่ได้บอกจะบีบให้พวกเขาปิดร้าน”
สะใภ้จางสายตาล่อกแล่ก “ก็ข้าโมโหมากนี่นา ถึงได้พูดแบบนั้นไป พวกเจ้าเองก็เห็นแล้ว นังคนใจดำอำมหิตนี่จะให้ข้าดื่มน้ำซุปมีพิษ”
เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวดังขึ้น “ข้ายังกล้ากินเส้นแป้งมันฝรั่ง เหตุใดเจ้าถึงไม่กล้าดื่มซุป นั่นเป็นเพราะสามีของเจ้าเป็นคนเทพิษลงในชามพวกเขา โดยเจ้ารู้มาก่อนแล้วว่าพิษจะทำละลายได้ดีในน้ำร้อน ในซุปมีความเป็นพิษสูง เจ้าถึงได้ไม่กล้าดื่มซุป”
สิ้นเสียงนาง ความเงียบปกคลุมโดยรอบ
แม้แต่ผู้ว่าการตำบลก็ตกอยู่ในภวังค์
“เหลวไหล เจ้าคิดจะแว้งกัดข้า พวกเราไม่มีทางวางยาพิษ” สตรีวัยกลางคนร้อนตัวร้องโวยวาย
“งั้นหรือ?” เมิ่งเชี่ยนโยวหัวเราะเยาะหยัน ถามด้วยเสียงเย็นเยียบ “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้ากล้าดื่มน้ำซุปนี้ต่อหน้าผู้ว่าการตำบลและฝูงชนหรือไม่?”
สตรีวัยกลางคนตกใจพลั้งปากพูดออกไป “ข้าไม่ดื่ม! ทำไมข้าต้องดื่ม ให้หญิงใจอำมหิตอย่างเจ้าเป็นคนดื่ม ให้ตายไปได้ยิ่งดี”
สตรีวัยกลางคนอีกสองคนตกใจสะดุ้ง ร้องห้ามนางพร้อมกัน “สะใภ้จาง จะพูดซี้ซั้วไม่ได้นะ”
แต่ว่าสายไปแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวชักสีหน้าเข้ม ยกชามก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งขึ้น เดินมาเบื้องหน้านาง พูดน้ำเสียงเ**้ยม “น้ำซุปนี่วันนี้เจ้าอยากดื่มก็ต้องดื่ม ไม่อยากดื่มข้าจะให้คนมากรอกใส่ปากเจ้าเอง”
สตรีวัยกลางคนตกใจกรีดร้องมุดไปด้านหลัง
ฝูงชนต่างมองนางด้วยความเวทนา
ผู้ว่าการตำบลก็ชักสีหน้าเข้ม กำลังจะตวาดเมิ่งเชี่ยนโยว น้ำเสียงทนดูความอยุติธรรมไม่ได้ของชายคนหนึ่งดังลอยมาด้านหลังฝูงชน “เจ้าบีบเค้นหญิงบริสุทธิ์เช่นนี้ ทำเกินไปแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับลอบยินดี แอบพูดว่า “ในที่สุดก็ออกมาแล้ว!”
ตอนที่ 3 เปิดโปง
สิ้นเสียง บุรุษวัยสามสิบกว่าคนหนึ่งเดินอกผายไหล่ผึ่งออกมาจากกลุ่มคน แววตาเป็นประกาย ย่างสามขุมเข้ามา ไม่กี่ก้าวก็มาถึงเบื้องหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว กล่าววาจาในฐานะคนนอกโดยสิ้นเชิง “ข้าเฝ้าดูจากด้านนอกได้ครู่หนึ่งแล้ว เด็กสาวเยี่ยงเจ้าทำเกินกว่าเหตุนัก สตรีท่านนี้เพียงเพราะบันดาลโทสะ พลั้งปากพูดในสิ่งที่ไม่สมควรไม่กี่คำออกมา ไยเจ้าต้องบีบคั้นนางเช่นนี้ด้วย?”
นับแต่ที่เขาเดินเข้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลอบมองประเมินเขาไปด้วย ฟังเขาพูดจบ หรี่นัยน์ตาลง ถามขึ้น “ท่านคือ…?”
ชายกำยำตอบกลับ “ข้าคือคนที่เดินผ่านมา เห็นทางนี้มีคนมาก จึงตามเข้ามาดู ไม่คิดว่าจะได้เห็นเจ้ากำลังขู่เข็ญสตรีนางนี้ดื่มน้ำซุปมีพิษ ข้าจึงอดใจไม่อยู่ ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้นาง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดว่า “ไม่ทราบว่าเมื่อครู่ท่านเห็นข้ากินเส้นแป้งมันฝรั่งหรือไม่?”
“เห็นแล้ว ก็แล้วอย่างไรเล่า?” ชายกำยำถาม
“ของมีพิษเหมือนกัน เหตุใดข้ากินได้แต่นางกลับกินไม่ได้?” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
ชายกำยำพูดว่า “หาได้เหมือนกันไม่ เมื่อครู่เจ้าก็ได้พูดแล้ว เจ้ารู้วิชาแพทย์ รู้ว่ากินอย่างไรถึงจะไม่ถูกพิษ แต่นางไม่เหมือนกัน นางเป็นเพียงสตรีธรรมดา หากดื่มน้ำซุปมีพิษเข้าไปจริงๆ ไม่แน่ว่าจะปวดท้องดิ้นทุรนทุรายเหมือนสามีนางก็เป็นได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวจับคำผิดในคำพูดเขาได้ เค้นถามเสียงเข้ม “ท่านรู้ได้อย่างว่าคนในครอบครัวนางปวดท้องดิ้นทุรนทุราย? ท่านเห็นเหตุการณ์ในตอนนั้น?”
ชายกำยำเพียงผงะเล็กน้อย แล้วรีบตอบความ “เมื่อครู่พวกเจ้ามิได้พูดเองหรอกรึ ข้าได้ยินพอดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า พูดว่า “พวกเราได้พูดเช่นนั้นจริงๆ”
ชายกำยำแสดงอาการโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
เมิ่งเชี่ยนโยวเบี่ยงไปประเด็นอื่น ถามเขาฉับพลัน “ฟังจากสำเนียงท่านแล้ว ไม่เหมือนเป็นคนท้องถิ่นนี้ ไม่ทราบว่าท่านมาตำบลชิงซีด้วยเหตุผลใด จึงบังเอิญได้มาเห็นเหตุการณ์นี้?”
ครั้งนี้ชายกำยำถึงกับตะลึงอึ้ง แล้วได้สติกลับมาโดยไว พูดไหลลื่นไปตามวาจาของเมิ่งเชี่ยนโยว “ถูกต้อง ข้ามิใช่คนท้องถิ่นนี้ วันนี้เข้ามาเยี่ยมญาติที่ตำบลชิงซี บังเอิญเห็นเหตุการณ์นี้เข้า ข้ามีนิสัยตรงไปตรงมา ทนดูต่อไปไม่ได้ ถึงออกมาเรียกร้องความยุติธรรมแทนนาง”
“ไม่ทราบว่าบ้านญาติท่านอยู่ที่ไหน หากท่านหาไม่พบ ข้าจะให้คนพาไปส่ง” เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอย่างหวังดี
คล้ายว่าชายกำยำจะคาดไม่ถึงว่านางจะหงายไพ่นี้ เค้นถามตนเองไม่เลิกรา เริ่มจะมีน้ำโห “เจ้าเด็กสาวคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ ญาติของข้าข้าย่อมต้องหาพบ ตอนนี้ข้ากำลังทวงคืนความยุติธรรมให้สตรีนางนั้น ให้พวกเจ้าอย่าได้ขู่เข็ญให้นางดื่มน้ำซุปมีพิษอีก เจ้ากลับเอาแต่เค้นถามข้าไม่เลิก หมายความว่าอย่างไร? หรือเพราะข้าเข้ามาขวางการรังแกคนของเจ้า คิดจะส่งคนตามไปแก้แค้นบ้านญาติของข้า”
เขาพูดจบ กลุ่มคนส่งเสียงสูดปาก ต่างมองชายกำยำอย่างเห็นใจ เห็นชัดว่าพวกเขาเชื่อในคำพูดของชายกำยำสนิทใจแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับไม่ขุ่นเคือง ทั้งยิ้มถามเขา “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ามีความคิดเช่นนี้?”
ชายกำยำสะอึกกึก ผงะอึ้งโดยสิ้นเชิง
เมิ่งเชี่ยนโยวเก็บคืนรอยยิ้ม มองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับผู้ว่าการตำบล “ท่านใต้เท้า เมื่อมีคนออกหน้า บอกว่าพวกเราปฏิบัติไม่เป็นธรรม เช่นนั้นพวกเราก็พาคนทั้งหมดนี้ ย้ายไปโรงหมอ ข้าจะหาหลักฐานมาให้ทุกคนได้เห็นเองเจ้าค่ะ”
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้า “ก็ดี หากวันนี้แม่นางเมิ่งสามารถหาหลักฐานได้ว่า เป็นพวกเขาที่วางยาพิษตัวเอง ข้าจักไม่ละเว้นพวกเขาเด็ดขาด แต่หากแม่นางหาหลักฐานไม่ได้ นับจากวันนี้ไปเจ้าจะต้องปิดร้านนี้ สอบสวนได้ความกระจ่าง พิสูจน์ได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้าเมื่อใด พวกเจ้าถึงจะเปิดร้านได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “แล้วแต่ท่านใต้เท้าจะจัดการเจ้าค่ะ ขอท่านใต้เท้าให้คนยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งทั้งหมดนี้ตามไปด้วย”
ผู้ว่าการตำบลโบกมือให้สัญญาณเจ้าหน้าที่ยกชามก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง ทั้งออกคำสั่งสตรีทั้งสามคน “พวกเจ้าทั้งหมดก็ตามไปดูให้กระจ่างด้วย”
ว่าแล้ว ก็ก้าวพ้นประตูเดินนำออกไป
ชายกำยำนายนั้นหันหลังจะเดินออกไปเช่นกัน
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องทักเขา ยกยิ้มพูดว่า “เมื่อท่านสงสารพวกนาง ด้วยข้าถือว่าร่ำรวยรังแกพวกนาง เช่นนั้นท่านก็ตามพวกเราไปโรงหมอด้วยเถอะ เมื่อเรื่องกระจ่างแล้วค่อยไปบ้านญาติ”
ชายกำยำถอยกลับมาหนึ่งก้าว “นี่ก็เย็นมากแล้ว บ้านญาติข้าอยู่ห่างจากที่นี่อีกหลายสิบลี้ หากข้าไม่ไป เกรงจะไปไม่ถึงก่อนฟ้ามืด”
ว่าแล้วก็ยกเท้าก้าวออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เสี่ยวเอ้อร์สองคนในร้าน
เสี่ยวเอ้อร์เข้าใจทันที รีบสาวเท้าเข้าไปขวางเบื้องหน้าชายกำยำ
ชายกำยำเห็นทั้งสองคนร่างบึกบึนกำยำ ก้าวเท้าหนักแน่น ดูก็รู้ว่าเป็นคนมีวรยุทธ์ สะท้อนแววตา เตรียมพร้อมร่างกาย ร้องตะโกนเสียงลั่น “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? หรือต้องการจะแก้แค้นข้า?”
กลุ่มคนที่หันหลังเตรียมจะตามผู้ว่าการตำบลไปดูเรื่องสนุกที่โรงหมอ ได้ยินชายกำยำร้องลั่น ต่างหันขวับกลับมา เห็นเสี่ยวเอ้อร์สองคนกำลังยืนขวางอยู่เบื้องหน้าชายกำยำ จึงย้อนกลับมาหน้าประตูอีกครั้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มอ่อน “ทำอะไรต้องมีหัวมีท้าย เมื่อท่านออกหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้พวกนาง เช่นนั้นท่านก็ควรรู้ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อนค่อยจากไป การที่ท่านจากไปกลางคันเช่นนี้ ดูจะไม่ถูกต้องหรือไม่?”
ชายกำยำเถียงข้างๆ คูๆ “ข้าหาได้จะจากไปกลางคันไม่ แต่เพราะบ้านญาติข้าอยู่ไกล ถึงต้องเร่งเดินทางแต่หัววัน ไม่เช่นนั้น ข้าจักต้องไปดูให้กระจ่างอย่างแน่นอน”
“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องรีบร้อน ร้านข้ามีรถม้า หลังจากรู้ข้อเท็จจริงแล้ว ข้าจะให้คนไปส่งท่านเอง”
ชายกำยำปฏิเสธ “ไม่ต้อง แต่ไหนแต่ไรข้าไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร ข้าเดินไปเองก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มส่ายหน้า พูดว่า “บังเอิญนัก แต่ไหนแต่ไรข้าชอบช่วยเหลือคน หากอีกฝ่ายไม่ยอมรับ ข้าจะไม่ยินดี พอข้าไม่ยินดี แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าจะกระทำสิ่งใดได้บ้าง”
“เจ้า…?” ชายกำยำสะอึกอึ้ง
เมิ่งเชี่ยนโยวสั่งการเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคน “บุรุษผู้หวังดีท่านนี้เป็นคนต่างถิ่น ไม่คุ้นชินกับตำบลชิงซี พวกเจ้าทั้งสองจงตามติดไปส่งเขาถึงโรงหมอ เลี่ยงไม่ให้เขาหลงทาง”
“ขอรับ นายหญิง” เสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคนรับคำ หันไปผายมือเชื้อเชิญให้ชายกำยำ พูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง “ไปเถอะ พวกเราจะส่งท่านไปเอง”
ชายกำยำเห็นท่าทีแข็งกร้าวของเมิ่งเชี่ยนโยว รู้ว่าอย่างไรตนเองก็จักต้องตามไป จึงวางท่าพูดอย่างไม่ยอม “ไปก็ไปสิ ข้าก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะหาหลักฐานมาได้อย่างไร?” ด้านหลังสุดของกลุ่มคนมีบุรุษคนหนึ่งเฝ้าดูเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เห็นว่าชายกำยำคนนี้หนีไม่พ้นแล้ว จึงรีบหันหลังเดินกลับมายังห้องรับรองชั้นสองของเหลาจวี้เสียนฝั่งตรงข้าม แล้วเคาะประตู
ประตูถูกเปิดออก ด้านในมีคุณชายอ่อนเยาว์ท่านหนึ่งกำลังนั่งเล่นถ้วยชาในมือ โดยมีบุรุษร่างกำยำสิบกว่าคนยืนโดยรอบ
บุรุษนายนี้เดินพ้นประตูเข้ามา ทำความเคารพคุณชายอ่อนเยาว์ พูดอย่างอ่อนน้อม “คุณชายรอง เฮ่อเอ้อถูกพวกเขาพาไปโรงหมอแล้วขอรับ”
คุณชายอ่อนเยาว์โมโหกระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะ “ไม่ได้เรื่อง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังจัดการไม่ได้!”
ทุกคนในห้องตกใจจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ครู่ใหญ่คุณชายถึงระงับอาการโกรธเกรี้ยว หันไปพูดกับชายกำยำนายหนึ่งข้างกายเสียงเข้ม “เฮ่ออี สืบได้ความถึงเส้นทางที่เด็กสาวนั่นใช้เดินทางกลับไปแล้วหรือไม่?”
เฮ่ออีน้อมคำนับตอบ “สืบได้ความแล้วขอรับ ตำบลชิงซีไปถึงหมู่บ้านหวงมีเพียงเส้นทางเดียวที่สัญจรได้”
คุณชายอ่อนเยาว์พยักหน้า “ดี วันนี้ข้าอยากดูนักว่า สาวใหญ่ที่ทำให้เขาพะวงถึงมานานหลายปีคนนี้จะร้ายกาจเพียงใด”
จากนั้นสั่งชายกำยำที่โค้งคำนับอยู่เบื้องหน้ามาตลอด “เฮ่อลิ่ว เจ้าตามไปดูที่โรงหมอ หากนั่งตัวดีนั่นหาหลักฐานได้จริงๆ พอเฮ่อเอ้อหลุดพ้นมาได้ พวกเจ้าจงจัดการไพร่นั่นทิ้งซะ”
“ขอรับ คุณชายรอง” เฮ่อลิ่วรับคำแล้วถอยออกมา เร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปโรงหมอ
ผู้ว่าการตำบลนำทุกคนมาถึงโรงหมอ เมิ่งเสียนที่หลังจากปลอบประโลมผู้ได้รับพิษ กำลังซักถามเหตุการณ์กับพวกเขาอย่างละเอียด ครั้นเห็นผู้ว่าการตำบลเข้ามา รีบเดินออกมาโค้งคำนับ “ท่านใต้เท้า”
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้าเล็กน้อย พูดว่า “คุณชายเมิ่ง พวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้าง?”
เมิ่งเสียนตอบกลับ “หมอบอกว่าพวกเขาไม่เป็นอะไรมากแล้ว กลับไปพักฟื้นที่บ้านสักระยะหนึ่งก็จะดีขึ้นเองขอรับ”
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้า “เป็นเช่นนี้ก็ดี ขอเพียงไม่ถึงแก่ชีวิต เรื่องต่อจากนี้จะได้คุยง่ายขึ้น”
เมิ่งเสียนก็รู้สึกโล่งใจยินดี พูดคล้อยตาม “ใต้เท้าพูดถูกต้องแล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาจริงๆ ไม่เพียงพวกเราจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งต่อไปไม่ได้ แม้แต่สิ่งของที่ผลิตออกมาจากโรงงานของพวกเราก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้ามาในโรงหมอ เสี่ยวเอ้อร์สองนายเดินประกบเฮ่อเอ้อตามหลังเข้ามาด้วย
“น้องสาว พวกเขาไม่เป็นอะไรแล้ว ข้ากำลังจะกลับไปคุยกับเจ้าที่ร้านพอดี” เมิ่งเสียนพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบเขา “เมื่อครู่ข้าตรวจสอบก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่พวกเขายังกินไม่หมดอย่างละเอียด พบหลักฐานที่พวกเขาได้รับพิษ คิดจะเข้ามาเพื่อยืนยันกับพวกเขา”
เมิ่งเสียนชี้เฮ่อเอ้อด้านหลังนางถามด้วยความสงสัย “เช่นนั้นเขาคือ…”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบความ “เขาเป็นบุรุษที่ทนดูพฤติกรรมของข้าไม่ไหว ออกมาร้องขอความเป็นธรรม เขาไม่รู้จักเส้นทางมาโรงหมอ ข้าจึงให้เสี่ยวเอ้อร์พาเขามา”
เมิ่งเสียนยิ่งฟังก็ยิ่งให้ฉงน “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดข้าถึงฟังไม่เข้าใจเลย?”
“เรื่องนี้เอาไว้ข้าจะเล่าให้พี่ใหญ่ฟังอย่างละเอียดที่หลัง พวกคนที่ได้รับพิษอยู่ที่ไหน ข้ามีคำถามจะถามพวกเขาหน่อย” เมิ่งเชี่ยนโยวถาม
เมิ่งเสียนชี้ไปที่ม่านพูดว่า “อยู่ด้านหลัง กำลังพักผ่อน”
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้เสี่ยวเอ้อร์นายหนึ่งที่ประกบตัวเฮ่อเอ้อเดินไปเปิดม่านออก
หมอรีบเข้ามาห้าม “แม่นางเมิ่ง พวกเขาทั้งสามคนเจ็บปวดทรมานไม่น้อย เกือบประคองร่างไม่อยู่ ตอนนี้พวกเขาอุตส่าห์สงบลงได้ เจ้าอย่าเพิ่งรบกวนพวกเขาเลย ให้พวกเขาพักผ่อนให้สบายก่อนเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ท่านหมอ ข้ารู้ว่าพวกเขาสามคนได้รับความทุกข์ทรมานไม่น้อย แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของข้า ข้าจักต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยไวที่สุด รบกวนท่านช่วยปลุกพวกเขาด้วยเถิด”
หมอไม่ยินยอม
ผู้ว่าการตำบลเอ่ยปาก “นี่เป็นเรื่องใหญ่ ต้องสืบสวนให้กระจ่ายโดยเร็ว เจ้าจงไปปลุกพวกเขาเถอะ”
หมอจนใจ เดินเข้าไปเปิดม่านที่กั้นบังตาพวกเขาไว้
ใบหน้าซีดขาวของทั้งสามคนปรากฏสู่สายตาทุกคน
ม่านถูกเปิดออก ทั้งสามคนที่ตื่นเพราะคำสนทนาของพวกเขา กระวีกระวาดจะลุกขึ้นทำความเคารพผู้ว่าการตำบล
ผู้ว่าการตำบลสั่งห้ามพวกเขา “พวกเจ้าร่างกายไม่แข็งแรง อย่าเพิ่งขยับตัวเลย”
คนทั้งหมดกล่าวขอบคุณ เอนตัวนอนลงไปบนเตียงตามเดิม
เมิ่งเชี่ยนโยวสังเกตพวกเขาอย่างละเอียด เห็นชายคนหนึ่งมีสีหน้าดีกว่าชายอีกสองคน มีแผนในใจ พุ่งเป้าถามไปที่ชายอีกสองคน “เห็นการแต่งกายของพวกเจ้า ไม่เหมือนคนที่จะมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งได้ ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใดทำให้พวกท่านยอมจ่ายเงินจำนวนมากมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง?”
ชายหนึ่งคนในนั้นตอบเสียงอ่อน “พวกเราไม่มีปัญญากินจริงๆ แต่วันนี้จางโก่วจื่อมาหาพวกเรา บอกว่าได้เงินมาก้อนหนึ่ง อยากจะเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งพวกเรา พวกเราหน้ามืดละโมบ ตามเขาไป ไม่คิดว่ากลับต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ ได้กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่มีพิษ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามความ “พวกท่านยืนยันได้อย่างไรว่าในก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งมีพิษ?”
ชายอีกคนตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “แม่นางเมิ่ง ท่านพูดเช่นนี้ไม่ถูกต้องแล้ว พวกเรากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเข้าไป ถึงได้ปวดท้องทรมาน หากในก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งไม่มีพิษ หรือจะเป็นพวกเราที่ดื่มยาพิษเข้าไปก่อน ค่อยไปขู่กรรโชกทรัพย์ร้านเจ้าเรอะ”
อุตส่าห์ได้กินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งสักครั้ง กลับเกือบต้องเอาชีวิตมาทิ้ง เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจความรู้สึกเขา ไม่ถือสาหาความ พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงคิดว่า ข้าเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งมาสี่ปี มีคนมากินมากมาย เหตุใดคนอื่นถึงไม่เป็นอะไร กลับเป็นพวกท่านกินไม่กี่คำก็ได้รับพิษแล้ว?”
จางโก่วจื่อเบ้ปากพูดว่า “ใครจะไปรู้เล่า คงเพราะพวกเราดวงซวย ไปกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่ทำจากมันฝรั่งเน่าเข้าพอดีก็ได้”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เมิ่งเสียนอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว “เจ้าอย่าได้พูดเหลวไหล พวกเราไม่มีทางทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนั้นเด็ดขาด”
จางโก่วจื่อโต้แย้ง “พวกเรามองไม่เห็น เจ้าย่อมอยากจะพูดอะไรก็ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามคำถามจี้ใจดำ “เจ้าเห็นพวกเราใช้มันฝรั่งเน่ามาทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง”
“ข้าไม่ใช่คนงานในโรงงานพวกเจ้า จะเคยเห็นได้อย่างไร” จางโก่วจื่อตอบ
เมิ่งเชี่ยนโยวเค้นถาม “เจ้าไม่เคยเห็นเหตุใดถึงยืนกรานพูดว่าพวกเราใช้มันฝรั่งเน่ามาทำก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง?”
จางโก่วจื่อสะท้อนแววตาล่อกแล่ก น้ำเสียงผ่อนลง “ข้า ข้าเดาเอา” พูดจบน้ำเสียงปะทุขึ้น ย้อนถามอย่างมั่นอกมั่นใจ “หากพวกเจ้าไม่ใช้มันฝรั่งเน่า เหตุใดพวกเราถึงถูกพิษได้?”
เมิ่งเชี่ยนโยวถามกลับด้วยน้ำเสียงเ**้ยม “ข้ากำลังจะมาถามเจ้าพอดี? เหตุใดเจ้าต้องใส่พิษลงในก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง? ใครเป็นคนบงการเจ้ามา?”
สิ้นเสียงเมิ่งเชี่ยนโยว ภายในห้องเงียบสงัด ทุกคนต่างอ้าปากค้าง มองนางอย่างไม่เชื่อสายตา
จางโก่วจื่อตกตะลึงกับคำพูดนี้ของนางโดยสิ้นเชิง เบิกตาโพลง ปากเดี๋ยวหุบเดี๋ยวอ้า นิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก
เมิ่งเชี่ยนโยวใช้ดวงตาที่เข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างกระจ่างแล้วมองเขา
ในที่สุดจางโก่วจื่อก็เปล่งน้ำเสียงอย่างยากลำบากออกมา “เจ้า เจ้าอย่ามาใส่ความคนอื่น ข้าไม่เคยทำอะไรทั้งนั้น”
“ท่านใต้เท้า ขอท่านสั่งเจ้าหน้าที่ยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งที่พวกเขากินเหลือทั้งสามชามเข้ามาด้วยเจ้าค่ะ” เมิ่งเชี่ยนโยวร้องขอ
ผู้ว่าการตำบลกลับสู่ภวังค์ พยักหน้า โบกมือให้เจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่สามนายยกก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “รบกวนพวกท่านยกชามก๋วยเตี๋ยวไปตรงหน้าพวกเขาด้วย”
เจ้าหน้าที่ทำตามที่นางพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งรสชาติแตกต่างกันทั้งสามชามพูดกับทั้งสามคน “หากข้าบอกได้ว่า ชามไหนเป็นชามที่จางโก่วจื่อกิน พวกท่านจะเชื่อหรือไม่?”
ทั้งสองส่ายหน้า คนหนึ่งเปิดปากพูดว่า “ไม่เชื่อ”
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้ก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งชามหนึ่งในนั้น พูดอย่างเชื่อมั่น “ชามนี้จะต้องเป็นของจางโก่วจื่อ”
ชายอีกสองคนถลึงตาเบิกโพลง ถามอย่างไม่เชื่อพร้อมกัน “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบว่า “เพราะพิษนี้จางโก่วจื่อเป็นคนใส่ลงในชามพวกเจ้า จุดประสงค์ก็เพื่อป้ายความผิดให้ข้า บีบให้ข้าต้องปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง แต่เขากลับใส่พิษปริมาณน้อยลงในชามตัวเอง ใส่พิษปริมาณมากลงในชามพวกท่าน หากข้าเดาไม่ผิด อาการของพวกท่านจะต้องหนักหนากว่าเขาหลายเท่าตัว”
ไม่รอให้ทั้งสองพูด หมอก็เอ่ยปากยืนยัน “อาการของพวกเขาสองคนรุนแรงกว่าจริงๆ หากมาช้ากว่านี้เพียงเวลาหนึ่งก้านธูป ชีวิตพวกเขาก็คงหาไม่แล้ว”
คำพูดของหมอน่าเชื่อถือที่สุด ทั้งสองได้ฟังดังนั้น ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ลุกพรวดขึ้นจากเตียง ถามจางโก่วจื่ออย่างโกรธเกรี้ยว “ที่แม่นางเมิ่งพูดเป็นความจริงหรือไม่ เป็นเจ้าที่ใส่ยาพิษลงในชามของพวกเราใช่หรือไม่?”
จางโก่วจื่อส่ายหน้างุด “ไม่ใช่ ข้าจะเป็นคนทำได้อย่างไร พวกเราสนิทสนมกันดี ข้าจะทำร้ายพวกเจ้าได้อย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเปิดโปงเขา “นั่นเพราะเจ้าต้องการสร้างความเชื่อมั่น จงใจเชิญพวกเขาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไปกินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง”
จางโก่วจื่อรีบแก้ต่าง “เจ้าพูดเหลวไหล ปกติพวกเราเป็นเพื่อนที่รักใคร่กันดี ข้าจะทำเรื่องที่ผิดมโนธรรมเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าคิดจะปัดความรับผิดชอบ ไม่อยากชดใช้ค่าเสียหายให้พวกเรา ถึงใส่ร้ายป้ายสีข้า ถ้าแน่จริงเจ้าก็งัดเอาหลักฐานออกมาสิ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้น “หลักฐานหาไม่ยาก ยาพิษที่เหลือจักต้องยังอยู่ในตัวเจ้า แค่ให้คนค้นตัวเจ้าก็จะได้รู้แล้ว”
“มีสิทธิ์อะไรมาค้นตัวข้า ข้าไม่ยินยอม พวกเจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้” จางโก่วจื่อไม่อิดโรยแล้ว ร้องตะโกนเสียงลั่น
ตอนที่ 4 ถูกโจมตีระหว่างทาง
สะใภ้จางโก่วจื่อฉวยโอกาสนี้โผเข้าหาเขา กอดเขาร้องฟูมฟาย “พ่อเอ๊ย ทำไมเจ้าถึงโชคร้ายแบบนี้ แค่มากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งชามเดียวเท่านั้น ก็ต้องมาประสบวิบากกรรมเช่นนี้ ยังถูกคนใส่ร้ายว่าเป็นคนวางยาพิษ โลกใบนี้ยังมีความยุติธรรมหรือไม่?”
ความจริงกำลังจะปรากฏแล้ว สะใภ้จางโก่วจื่อกลับเข้ามาก่อกวนอาละวาด ผู้ว่าการตำบลโมโหตวาดนางเสียงเข้ม “พอแล้ว เลิกฟูมฟายได้แล้ว หากไม่ใช่พวกเจ้าวางยาพิษ ข้าย่อมต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเจ้า หากว่าเป็นพวกเจ้าจริง เจ้าไปร้องฟูมฟายในคุกก็ยังไม่สาย”
สองสามีภรรยาจางตกใจตัวสั่น
สะใภ้จางโก่วจื่อยิ่งให้หวาดกลัวถอยห่างจากเตียงออกมา
ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวร้องขออีก ผู้ว่าการตำบลสั่งการเจ้าหน้าที่ “พวกเจ้าเข้าไปตรวจค้นตัวเขา ว่าจะพบหลักฐานอะไรหรือไม่?”
เจ้าหน้าที่สองนายเดินขึ้นหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าห้ามพวกเขา “ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้ในตัวจางโก่วจื่อ ไม่มียาพิษแล้ว”
ได้ยินถ้อยคำเรรวนของเมิ่งเชี่ยนโยว ผู้ว่าการตำบลเริ่มมีน้ำโห พูดกับนางเสียงเกรี้ยว “แม่นางเมิ่ง เดี๋ยวบอกมี เดี๋ยวบอกไม่มี เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรืออย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ใต้เท้าใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ ที่เมื่อครู่ข้าพูดว่าในตัวจางโก่วจื่อยังมียาพิษหลงเหลืออยู่ เป็นความจริง แต่ที่ตอนนี้พูดว่าในตัวเขาไม่มียาพิษแล้วก็เป็นความจริง เพราะตอนที่นางเข้ามาร้องไห้ฟูมฟายเมื่อครู่ จางโก่วจื่อได้ฉวยโอกาสที่ทุกคนไม่สังเกตเห็น ยัดยาพิษที่เหลือไปไว้ที่ตัวสะใภ้จางโก่วจื่อแล้วเจ้าค่ะ”
สะใภ้จางโก่วจื่อหน้าขาวซีดเป็นไก่ต้ม ร้องโวยวายข้างๆ คูๆ “เจ้าพูดเหลวไหล ในตัวพวกเราเดิมก็ไม่มียาพิษอยู่แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ “พวกเจ้านึกว่ากระทำการได้อย่างแนบเนียน ไม่มีคนใครเห็น แต่กลับถูกข้าเห็นอย่างแจ่มแจ้ง ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง จงมอบยาพิษออกมาแต่โดยดีเถอะ”
สะใภ้จางโก่วจื่อกลิ้งกลอกนัยน์ตา มองคนโดยรอบ ให้ตายก็ไม่ยอมรับ “ข้าไม่มีอะไรจะมอบให้ แน่จริงเจ้าก็ให้คนมาค้นตัวข้าสิ ดูว่าในตัวข้ามีหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจความคิดของนาง เจ้าหน้าที่มีแต่ผู้ชาย ย่อมไม่อาจค้นตัวสตรีท่ามกลางสายตามวลชนที่จับจ้องได้ และเมิ่งเชี่ยนโยวที่เป็นคนต้นเรื่อง ยิ่งทำไม่ได้ หากค้นเจอยาพิษจริงๆ สะใภ้จางโก่วจื่อจะต้องแว้งกัดนางกลับ ถึงตอนนั้นผู้ว่าการตำบลก็คงตัดสินได้ยากว่าใครกันแน่ที่ซ่อนยาพิษไว้ในตัว ดังนั้นสะใภ้จางโก่วจื่อถึงไม่กริ่งเกรง ร้องเรียกให้คนมาค้นตัวนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มอ่อนให้สะใภ้จางโก่วจื่อ
สะใภ้จางโก่วจื่อไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นอย่างประหลาด
เป็นดังคาด เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาตรงหน้าสตรีที่เหลือ พูดขึ้น “เมื่อครู่พวกท่านคงได้ยินที่ข้าพูดแล้ว ไม่ทราบว่าพวกท่านยินดีจะช่วยข้าค้นตัวนาง คืนความบริสุทธิ์ให้ข้า คืนความเป็นธรรมให้สามีของพวกท่านหรือไม่?”
สตรีสองนางหันหน้ามองกัน พยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ยินดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวให้คำสัญญากับพวกนาง “ดี หากพวกท่านค้นพบยาพิษในตัวนาง พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าได้ ค่าใช้จ่ายที่ใช้รักษาสามีของพวกท่านข้าจะรับผิดชอบเองทั้งหมด หากพวกท่านหาไม่เจอ ก็ไม่เป็นไร ข้าไม่เพียงจะรับผิดชอบค่ารักษาของพวกเขา ข้ายังจะชดใช้เงินจำนวนหนึ่งให้พวกท่าน เป็นค่าเสียหายที่พวกเขาจะทำงานไม่ได้ระยะหนึ่ง”
ไม่คิดว่าสตรีนางหนึ่งกลับตอบอย่างไม่อ่อนน้อมแต่ก็ไม่แข็งกร้าว “แม่นางเมิ่ง ที่พวกเรารับปากจะค้นตัวสะใภ้จางโก่วจื่อ เพราะพวกเราอยากรู้ว่าพวกเขาจงใจวางยาสามีของพวกเราจริงหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับที่ท่านจะชดใช้ค่ารักษาให้พวกเรา”
สตรีอีกนางหนึ่งพยักหน้าสมทบ “กรรมใดใครก่อ คนนั้นต้องรับผิดชอบ หากพวกเขาเป็นคนวางยาจริงๆ ค่ารักษานี้ย่อมต้องให้พวกเขาเป็นคนจ่าย หากไม่ใช่ ก็สมควรเอากับท่าน สักอีแปะเดียวพวกเราก็จะไม่ลดให้”
ว่าแล้วทั้งสองนางก็เดินเข้าหาสะใภ้จางโก่วจื่อ
สะใภ้จางโก่วจื่อถอยหลังกรูด แต่ก็ยังไม่วายใส่ไคร้เมิ่งเชี่ยนโยว “อาซ้อทั้งสอง พวกเจ้าอย่าให้นางหลอกได้ นังตัวแสบใจอำมหิตนั่น เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก หากพวกเราไม่ปรองดองกัน นางจะฉวยโอกาสนี้ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้พวกเรา”
สตรีทั้งสองนางยืนประกบหน้าหลังนาง ขวางทางหนีทีไล่ของนาง หญิงที่อยู่เบื้องหน้านางพูดว่า “สะใภ้จางโก่วจื่อ หากที่ตัวเจ้าไม่มีพิษจริงๆ ก็ให้พวกเราค้นตัวแต่โดยดีเถอะ พวกเราจะเป็นพยานให้เจ้าต่อหน้าทุกคนเอง”
สะใภ้จางโก่วจื่อหลบเลี่ยง ยังคงปากแข็ง “อาซ้อ ในตัวข้าไม่มียาพิษจริงๆ พวกท่านไม่ต้องค้นแล้ว”
เห็นนางไม่ให้ความร่วมมือ สตรีที่อยู่ข้างหลังยื่นมือออกมา กอดตัวสะใภ้จางโก่วจื่อแน่น ส่งสายตาให้คนข้างหน้าค้นตัวนาง
สตรีข้างหน้ายื่นมือออกมาค้นหาทั่วตัวนาง แต่หาไม่เจอสิ่งแปลกปลอม ส่ายหน้าให้สตรีอีกคน
สตรีที่กอดสะใภ้จางโก่วจื่อไว้กำลังจะคลายมือ เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวพลันดังขึ้น “พวกท่านค้นหาในแขนเสื้อนางให้ดีก่อนเถิด”
สตรีด้านหลังปล่อยตัวสะใภ้จางโก่วจื่อ คว้าแขนข้างหนึ่งของนางไว้
สตรีอีกคนก็คว้าแขนอีกข้างของนางไว้
สะใภ้จางโก่วจื่อดิ้นรนขัดขืน ไม่ให้ทั้งสองตรวจค้น
จางโก่วจื่อโมโหร้องโวยวายบนเตียง “พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว ค้นตัวนางต่อหน้าคนมากมาย ไม่คิดบ้างว่าต่อไปพวกเราจะมีหน้าไปเจอใครได้อีก?”
คล้ายว่าสตรีทั้งสองนางจะไม่ได้ยิน มุ่งมั่นแต่จะค้นชายแขนเสื้อสะใภ้จางโก่วจื่อ
สะใภ้จางโก่วจื่อดึงชายแขนเสื้อตัวเองไว้แน่น ไม่ให้ทั้งสองทำสำเร็จ
ตอนที่ทั้งสามกำลังยื้อยุดฉุดกระชากอยู่นั้น ก็มีห่อกระดาษเล็กๆ ห่อหนึ่งตกลงมาจากแขนเสื้อด้านขวาของสะใภ้จางโก่วจื่อ
ผู้ว่าการตำบลและเมิ่งเชี่ยนโยวตาไว สังเกตเห็นพร้อมกัน
ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปาก ผู้ว่าการตำบลก็ตวาดเสียงลั่น “พวกเจ้าสามคนอย่าขยับ”
ทั้งสามคนยังไม่รู้ว่าห่อกระดาษตกลงมาแล้ว ต่างหยุดชะงักฉับพลัน หันมามองผู้ว่าการตำบลอย่างไม่เข้าใจ
ผู้ว่าการตำบลเดินขึ้นหน้า คิดจะเข้าไปหยิบห่อกระดาษบนพื้น
จางโก่วจื่อกลับกลิ้งตัวลงมาจากเตียง ทับห่อกระดาษไว้พอดี
สตรีทั้งสองนางตกใจหวีดร้อง แล้วปล่อยแขนสะใภ้จางโก่วจื่อ
สะใภ้จางโก่วจื่อโผเข้าหาจางโก่วจื่อ ลนลานร้องถาม “พ่อเอ๊ย เจ้าเป็นอะไร?”
จางโก่วจื่อเจ็บจนต้องขบกรามแน่น พูดอะไรไม่ออก
ผู้ว่าการตำบลกลับเตะเขากระเด็น ตวาดด่า “เจ้าประชาชนเจ้าเล่ห์ อยู่ต่อหน้าข้า ยังกล้าเล่นลูกไม้ เจ้าหน้าที่ ลากตัวคนทั้งสองออกไป”
เจ้าหน้าที่รับคำ เข้ามาลากคนทั้งสอง
จางโก่วจื่ออยู่ไม่เป็นสุขแล้ว คลำหยิบห่อกระดาษบนพื้นได้ก็จะยัดเข้าปาก
สะใภ้จางโก่วจื่อตกตะลึง คิดจะห้ามกลับไม่กล้าห้าม
ผู้ว่าการตำบลถีบมือเขาได้ทันควัน
จางโก่วจื่อไม่ทันได้ป้องกันตัว ห่อกระดาษในมือถูกเตะลอยออกไป ตกข้างกายหมอพอดี
กลุ่มคนที่มามุงล้อมถึงเห็นห่อกระดาษบนพื้น เข้าใจจุดประสงค์เมื่อครู่ของสองสามีภรรยาจางทันที ส่งเสียงวิพากษ์อื้ออึง
เฮ่อเอ้อเห็นห่อกระดาษบนพื้น แทบอยากจะเข้าไปบีบคอจางโก่วจื่อ ไม่เพียงทำงานไม่สำเร็จ กลับทำเสียจนเละไม่เป็นท่า ตอนนั้นเขาบอกอย่างชัดเจนแล้ว นี่เป็นปริมาณของคนสามคน ให้ใส่ลงในชามให้หมด แล้วโยนห่อกระดาษทิ้งไป ไม่คิดว่าเขาจะรักตัวกลัวตาย ใส่ให้ตัวเองจำนวนน้อย ทำให้ทิ้งหลักฐานไว้ คิดจะโยกโย้ปฏิเสธก็คงไม่ได้แล้ว
ผู้ว่าการตำบลเลือดขึ้นหน้าแล้ว เตะจางโก่วจื่ออีกสองครั้งอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ “เจ้าสารเลว คิดจะทำลายหลักฐาน คอยดูว่าข้าจะลงโทษเจ้าอย่างไร”
กลายเป็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่เข้ามายับยั้งเขา “ท่านใต้เท้า ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนลงโทษพวกเขา ให้ท่านหมอตรวจสอบก่อนค่อยตัดสินใจเถอะเจ้าค่ะ”
เฮ่อเอ้อหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เดิมเขายังคิดว่ารอตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวตรวจห่อกระดาษ จะช่วยสองสามีภรรยาจางแว้งกัดนาง บอกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวสับเปลี่ยนห่อกระดาษ ไม่คิดว่านังตัวแสบจะเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ป้องกันแผนการนี้ของพวกเขาเอาไว้แล้ว ไม่ได้แตะห่อกระดาษนั้นเลย
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้า พูดกับหมอด้วยโทสะคุกรุ่น “ท่านตรวจดูหน่อยเถอะ ในห่อกระดาษนี้ใช่ยาพิษหรือไม่”
หมอก้มลงเก็บห่อกระดาษบนพื้น เปิดออก สูดดมอย่างถี่ถ้วน แล้วให้พนักงานยกน้ำชามหนึ่งเข้ามา เทผงยาจำนวนหนึ่งในห่อกระดาษลงไปในชาม แกว่งชามเล็กน้อย จึงเดินมาโต๊ะคิดเงิน เปิด**บใบหนึ่งออก หยิบเข็มเงินเรียวแหลมเล่มหนึ่งออกมา ปักลงไปในน้ำ
เข็มเงินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ
หมอชูเข็มเงินขึ้นให้กลุ่มคนได้เห็นอย่างชัดเจน ถึงพูดกับผู้ว่าการตำบล “ใต้เท้า ในห่อกระดาษนี้เป็นยาพิษจริงๆ ขอรับ?”
ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว สองสามีภรรยาจางนั่งแช่ไปกับพื้น
สตรีอีกสองนางไม่อดทนแล้ว เข้าไปรุมจิกตีสะใภ้จางโก่วจื่อ “นังคนใจดำอำมหิต ปกติพวกเราดีกับพวกเจ้ามาก พวกเจ้ากลับทำคุณบูชาโทษ คิดจะวางยาสามีของพวกเรา”
สะใภ้จางโก่วจื่อยกแขนหลบหลีก พลั้งปากพูดออกไป “พวกเราไม่ได้คิดจะคิดร้ายถึงแก่ชีวิตพวกเจ้า ไม่เช่นนั้นคงไม่ปรึกษากันก่อนว่าจะใส่ยาในปริมาณน้อยหรอก”
สิ้นเสียงนาง ความเงียบปกคลุมโรงหมอ
สตรีทั้งสองนางหยุดทึ้งผมนาง ถลึงตามองนางอย่างไม่อยากเชื่อ
หลังความตกตะลึงของกลุ่มคน ทุกคนก็แตกฮือ ชี้สองสามีภรรยาจางวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังอื้ออึง
สะใภ้จางโก่วจื่อตกใจรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองพูดอะไรออกไป นั่งหน้าซีดคอตกบนพื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่นัยน์ตา แม้สะใภ้จางโก่วจื่อจะยอมรับกลายๆ แล้วว่าตัวเองเป็นคนวางยา แต่ยังไม่ได้พูดถึงผู้บงการเบื้องหลังออกมา
ผู้ว่าการตำบลได้ยินนางยอมรับแล้ว โมโหจนตาแทบจะลุกเป็นไฟ ตนเองเข้าดำรงตำแหน่งมาสี่ปี มีแต่ความรอบคอบและระมัดระวังมาตลอด ด้วยเกรงว่าขอบเขตอำนาจในการตัดสินคดีจะเกิดความผิดพลาด ไม่คิดว่าเพราะคนชั่วช้าสองคนนี้ เพื่อขู่กรรโชกเงินจำนวนหนึ่ง ถึงกับคิดวิธีวางยาให้ตัวเองออกมาได้ หากไม่เพราะเมิ่งเชี่ยนโยวรู้วิชาแพทย์ เปิดโปงแผนการของพวกเขา ไม่แน่ว่าตนเองคงนึกว่าก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของพวกเขามีปัญหาจริงๆ แล้วบีบบังคับให้พวกเขาต้องปิดร้าน
คิดถึงคำพูดที่มีนัยแฝงอย่างลึกซึ้งที่เปาชิงเหอพูดกับเขา ก่อนที่เขาจะจากไป ผู้ว่าการตำบลรู้สึกมีเหงื่อเย็นผุดซึมทั่วตัว สั่งการเจ้าหน้าที่เสียงเกรี้ยว “กุมตัวคนชั่วช้าคู่นี้ไปศาลาว่าการ รอฟังคำสั่งต่อไป”
เจ้าหน้าที่รับคำ เข้าไปลากตัวคนทั้งสองที่ตัวแข็งทื่อราวสุนัขตายออกไปข้างนอก
ผู้ว่าการตำบลสั่งเจ้าหน้าที่อีกนายนำห่อกระดาษและยาพิษละลายน้ำกลับไปด้วย ถึงเดินตามออกไป
เจ้าหน้าที่อีกสามนายที่ยกชามก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งก็เดินตามออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวตามรั้งท้ายพวกเขาไป
เฮ่อเอ้อประสานมือ พูดขอขมาเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยใจจริง “แม่นาง ข้าใจร้อนไปหน่อย เรื่องยังไม่ชัดเจน ก็ออกหน้าส่งเดช ขอท่านอย่าได้ตำหนิโทษเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มอ่อน “ท่านผู้กล้ามีจิตใจห้าวหาญ เห็นเหตุการณ์อยุติธรรมก็รีบยื่นดาบเข้าช่วย แม้การตวัดดาบในวันนี้ของท่านจะผิดเวลา แต่ข้าก็ยังเลื่อมใสคนเช่นท่าน” ความหมายแง่ลบแฝงความเสียดสีเยาะหยัน ทำเอาใบหน้าดำกร้านของเฮ่อเอ้อแดงอาบไปทั่วทั้งใบหน้า
หลังจากหัวเราะลั่นกลบเกลื่อน เฮ่อเอ้อก็ประสานมือเบี่ยงไปพูดหัวข้ออื่น “ข้ารู้เรื่องทั้งหมดกระจ่างแล้ว เป็นข้าที่ตำหนิคนผิด ข้าขออภัยแม่นางอีกครั้ง ขอแม่นางโปรดให้อภัยด้วย นี่ก็เย็นมากแล้ว ข้าสมควรไปบ้านญาติได้แล้ว”
ว่าแล้ว ก็ช้อนนัยน์ตาลอบมองสีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างกล้าๆ กลัวๆ เกรงนางจะไม่ยินยอม จงใจกลั่นแกล้งตัวเอง
ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับพยักหน้า สั่งเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคน “พวกเจ้าไปบังคับรถม้าที่ร้านมา พาผู้กล้าจิตใจดีท่านนี้ไปส่งบ้านญาติ จำไว้ให้ดี จะต้องส่งเขาถึงบ้านอย่างปลอดภัยถึงจะกลับมาได้”
เสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคนน้อมรับคำ ยกเท้าเดินออกไป
เฮ่อเอ้อยื่นมือออกมาขวางรั้งพวกเขา เริ่มว้าวุ่นใจพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “ข้าเข้าใจแม่นางผิด แม่นางยังจะช่วยพาข้าไปส่ง ยิ่งทำให้ข้าละอายใจนัก ขอท่านเก็บคืนคำสั่งด้วย ข้าร่างกายกำยำ เดินทางหลายสิบลี้ไม่เป็นปัญหา”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูท้องฟ้า ไม่ฝืนใจเขา พยักหน้าตกลง “ก็ได้”
เฮ่อเอ้อลอบยินดี กล่าวขอบคุณอีกครั้ง แล้วลนลานเดินออกไปจากโรงหมอ
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาเดินไปไกล สั่งการเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคน “พวกเจ้าตามเขาไป ดูว่าเขาไปที่ไหนกันแน่ จำไว้ให้ดี เพียงแค่สะกดรอยตาม ไม่ต้องลงมือ”
“ขอรับ แม่นาง!”
เสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคนรับคำแล้วเดินออกมา แอบลอบตามเฮ่อเอ้อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น