ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1998-2009

 ตอนที่ 1998 ไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่า


ความขัดแย้งระหว่างเหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนเช่อที่มีต้นชนวนมาจากเรื่องผู้หญิง ดูท่าเหมือนจะเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ นายใหญ่จึงเรียกทั้งคู่ไปด่ายกหนึ่งก่อนที่ไฟความขัดแย้งนี้จะดับมอดลง


ชาวเมืองหลวงที่รอดูเรื่องสนุก ๆ นึกเสียดายเพราะไม่มีละครฉากใหญ่ให้ดูอีกแล้ว!


ความจริงทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าจากสถานการณ์ของเฮ่อเหลียนเช่อ เกรงว่าต่อให้ไม่มีอุบัติเหตุใด ๆก็คงไม่มีลูกเป็นคนปกติได้หรอก!


เหยียนหมิงซุ่นเองก็คร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับเฮ่อเหลียนเช่ออีก เสี่ยวกัวมาหาเขาแล้ว เหยียนหมิงซุ่นให้เขาไปตามเก็บรวบรวมรูปถ่ายในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมาของเฉินซาน ซึ่งไม่ใช่งานที่ง่ายดายเลย


เฉินซานเป็นคนเก็บตัวและน้อยนักที่จะทิ้งรูปถ่ายไว้ข้างนอกจึงทำให้เสียเวลากับงานนี้ไปมากทีเดียว อีกทั้งนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ฉะนั้นเหยียนหมิงซุ่นถึงได้สั่งให้เสี่ยวกัวไปทำ


“เกือบจะอยู่นี่หมดแล้ว ทำเอาฉันเหนื่อยแทบแย่”


เสี่ยวกัวโยนรูปถ่ายหนึ่งปึกราว ๆยี่สิบกว่ารูปไปบนโต๊ะทำงานของเหยียนหมิงซุ่น


เหยียนหมิงซุ่นหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูอย่างละเอียดทีละรูป เสี่ยวกัวเป็นคนที่พึ่งพาได้อยู่แล้ว รูปถ่ายพวกนี้ส่วนมากเป็นรูปช่วงวัยหนุ่มของเฉินซานซึ่งตอนนั้นเฉินซานยังไม่มีฐานะมั่งคั่ง และไม่ได้ถือตัวเหมือนตอนนี้ฉะนั้นทำให้มีรูปถ่ายค่อนข้างมาก


เฉินซานในรูปผอมมากจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกซึ่งดูต่างไปจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งยังแตกต่างไปจากช่วงวัยเยาว์ของเขาอีกด้วย


เสี่ยวกัวเจอรูปถ่ายใบหนึ่งที่เฉินซานเพิ่งมาอยู่เมืองหลวงใหม่ ๆ อายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี หน้าตาใสซื่อยืนยิ้มเหนียมอายอยู่บนท้องถนน


ดูแล้วก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่รูปร่างไม่ผอมไม่อ้วน ใบหน้ามีความบริสุทธิ์ใสซื่อถึงขั้นไม่กล้ามองกล้องตรง ๆ


“ฉันตามสืบดูแล้ว เมื่อสามสิบปีก่อนเฉินซานเคยไปชายแดนเหมียวเจียงและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยครึ่งปีกว่า แล้วก็ปรากฏตัวอย่างน่าสงสัย หลังจากนั้นมาจู่ ๆก็ซูบผอมลง”


เสี่ยวกัวทำหน้าตื่นเต้นแล้วแสดงความคิดเห็นที่เป็นเพียงการคาดเดาของเขา “ฉันมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเฉินซานก็คือไอ้ชั่วที่ทำพิษกู่ใส่เรา”


เหยียนหมิงซุ่นมองเขาด้วยตาเรียบเฉยแวบหนึ่ง “คนที่โดนพิษคือคุณ ไม่ใช่ผม”


เสี่ยวกัว  ‘…เจ้างั่ง คิดว่าฉันโง่เหรอ?’


“ใช่ คนโดนพิษคือผมเอง คุณไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ!” เสี่ยวกัวเอ่ยหน้ายิ้มฝืดเคือง


เจ้าหมอนี่เป็นงูประจำถิ่น เขาจะมีเรื่องด้วยไม่ได้


เหยียนหมิงซุ่นวางรูปไว้บนโต๊ะแล้วกล่าว “ผมจะมอบอีกภารกิจหนึ่งให้คุณ ไปตามจับเฉินซานกลับมาจากอเมริกา”


เสี่ยวกัวสีหน้าเปลี่ยนไป อะไรนะ กว่าจะกลับมาได้ยังไม่ทันจู๋จี๋กับภรรยาก็ต้องถูกส่งตัวไปอีกแล้ว


นี่จะทำบ้าอะไร?


“คุณมีลูกน้องตั้งเยอะ ทำไมยังจะให้ผมไปอีก?” เสี่ยวกัวคัดค้านอย่างหนัก


“พวกเขาไม่ได้โดนพิษกู่และตระกูลไม่ได้ขาดคนสืบทอดสักหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบเพราะจับจุดอ่อนของเขาไว้ได้


ไฟโทสะของเสี่ยวกัวดับมอดลงทันทีพลางเบิกตากว้างด้วยความเครียดขึ้นมา


ให้ตายเถะ อยากบอกเขาประโยคหนึ่งว่า ‘ฉันไม่เอาลูกชายแล้ว!’


แต่–


“ไปเมื่อไร?” เสี่ยวกัวถามเสียงอ่อน


มังกรแกร่งยากจะเอาชนะงูประจำถิ่นได้ อีกอย่างแม้เขาจะไม่ได้ยึดติดกับลูกชายนักแต่หากเขาไม่มีลูกชาย แม่ของเขาคงไม่ยอมจบง่าย ๆแน่!


“ไปตอนนี้ เดี๋ยวนี้!”


เสี่ยวกัวเบิกตากว้าง “อย่างน้อยก็ต้องให้ฉันอยู่กับภรรยาหลายวันหน่อยสิ…ก็ได้ ๆ จะไปตอนนี้เลย กลัวคุณแล้วจริงๆ…”


พอเห็นสีหน้าเย็นชาของเหยียนหมิงซุ่นเสี่ยวกัวก็รู้สึกกดดันจนไม่กล้าพูดขัดขืนใด ๆ ยอมไปซื้อตั๋วเครื่องบินแต่โดยดี


เพื่อลูกชายเขาทุ่มหมดหน้าตักแล้ว!


เหยียนหมิงซุ่นหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดูอีกครู่หนึ่งด้วยใจที่หนักอึ้ง


เฉินซานเอ๋ยเฉินซาน หวังว่าคุณจะมีเหตุผลดี ๆสักเหตุผลนะ


ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าเขาไม่เห็นแก่มิตรภาพเก่าแล้วกัน!


…………………….


ตอนที่ 1999 เด็กแข็งแรงดี


พอเหยียนหมิงซุ่นได้ยินลูกน้องรายงานว่าเสี่ยวกัวเอาภรรยาไปประเทศอเมริกาด้วยก็หลุดขำอย่างอดไม่ได้


ดีที่เรื่องนี้เขาไม่รีบร้อนนัก แม้คราวก่อนเหมยเหมยจะเคยเอ่ยถึงแต่พอฟังคำโน้มน้าวของเขาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีก คงน่าจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว


ในเมื่อเช่นนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรอีก รออู่เยวี่ยคลอดลูกก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที


วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าและเริ่มใกล้วันคลอดของอู่เยวี่ยเข้ามาเรื่อย ๆ


วันกำหนดคลอดของอู่เยวี่ยน่าจะอยู่กลางเดือนมิถุนายน ไม่ใช่เพียงเหยียนหมิงซุ่นเท่านั้นที่ให้ความสนใจเด็กคนนี้ คนที่เป็นห่วงยิ่งกว่าคือหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อ


“ทำไมถึงคลอดก่อนกำหนดได้? พวกแกทำงานกันอย่างไร?”


หนิงเฉินเซวียนฟังจากคำรายงานของลูกน้องว่า จู่ ๆเช้าวันนี้อู่เยวี่ยก็น้ำคร่ำแตกใกล้คลอดแล้ว


แต่นี่เพิ่งจะกลางเดือนพฤษภาคมเอง ห่างจากวันกำหนดคลอดอีกตั้งหนึ่งเดือน หนิงเฉินเซวียนได้ยินดังนั้นจึงบันดาลโทสะแทบจะสั่งฆ่าคุณหมอประจำตัวของอู่เยวี่ยทั้งสองคนทันที


คุณหมอเกาสะดุ้งกลัวจนเหงื่อไหลไม่หยุด ดึงดันหาข้ออ้างให้ตัวเองว่า “ครรภ์ครั้งนี้ของคุณนายอาการไม่ค่อยคงที่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเป็นไข้หวัดจากงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดคราวก่อนที่ไม่มีท่าทีจะหายขาดสักที บวกกับสองเดือนก่อนที่สะเทือนอารมณ์จนมีวี่แววว่าจะคลอดก่อนกำหนดอยู่หลายครั้ง เรื่องนี้ผมได้รายงานกับคุณชายเช่อไปแล้ว”


ในเวลานี้คุณหมอตู้แค่อยากเอาตัวรอดให้ได้ย่อมไม่มีทางคัดค้านคำพูดของคุณหมอเกาอยู่แล้ว


ต่อให้เขาจะมีข้อสงสัยมากมายว่าทำไมอยู่ดี ๆถึงน้ำคร่ำแตกได้ล่ะ?


เพราะตอนที่เขาตรวจเช็กอาการให้อู่เยวี่ยตามปกติเมื่อสองวันก่อนไม่เห็นวี่แววว่าจะคลอดก่อนกำหนดเลย แต่ครั้งนี้กลับเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป


หนิงเฉินเซวียนคงฆ่าคุณหมอสองคนนี้ไม่ได้จริง ๆ เมื่อกี้แค่พูดตามอารมณ์เท่านั้น


“ถ้ามีอุบัติเหตุอะไรก็เลือกรักษาเด็กไว้ก่อน!”


หนิงเฉินเซวียนสีหน้าเย็นชาและสายตาเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ


“ครับ!” คุณหมอเกากับคุณหมอตู้สะท้านเฮือกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แอบรู้สึกโชคดีที่ผ่านพ้นมาได้


อู่เยวี่ยไม่ได้ทำการคลอดที่โรงพยาบาลเพราะในคฤหาสน์ตระกูลหนิงมีอุปกรณ์แพทย์อยู่อย่างครบครัน ไหนจะมีคุณหมอมากฝีมือสองคนคอยดูแลจึงสะดวกยิ่งกว่าอยู่โรงพยาบาลเสียอีก


คุณหมอเกาแนะนำให้อู่เยวี่ยผ่าคลอดเพราะสภาพร่างกายของเธอไม่สู้ดีนัก อาจจะทำให้หมดแรงตอนเบ่งคลอดได้


“ไม่ ฉันจะคลอดธรรมชาติ!”


อู่เยวี่ยปฏิเสธเสียงแข็งกร้าว เธอไม่อยากทิ้งรอยแผลเป็นจากมีดหมอไว้บนหน้าท้องเพราะมันน่าเกลียดเกินไป


………


หลังทุกข์ทรมานมาตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน ในที่สุดอู่เยวี่ยก็ได้ให้กำเนิดชีวิตทายาทผู้สืบทอดตระกูลหนิงก่อนที่ฟ้าจะรุ่งสาง


“นายท่าน เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเลย” คุณหมอเกาอุ้มเด็กที่เปื้อนเลือดมาให้หนิงเฉินเซวียนดู ซึ่งด้านข้างมีเฮ่อเหลียนเช่อที่เฝ้ารอคอยอยู่อีกคนเช่นกัน


หากนับจากสายเลือดเด็กคนนี้ก็ต้องเป็นน้องชายแท้ ๆของเขา


หนิงเฉินเซวียนรับเด็กมาไว้ในอ้อมแขนอย่างดีใจ เด็กหน้าตาน่ารักกว่าเด็กทั่วไปไม่ได้หน้ายับยู่ยี่เหมือนตาแก่ตัวน้อยอย่างเด็กที่เพิ่งคลอดทั่ว ๆไป แม้เด็กคนนี้จะน้ำหนักค่อนไปทางเบาแต่ผิวหน้าเรียบเนียนไร้รอยย่น


ผิวขาวใส ดวงตากลมโต จมูกโด่ง แล้วก็ผมสีดำขลับ…


แม้จะตัวโตกว่าสุนัขตัวน้อยไม่เท่าไรแต่ใครเห็นเด็กคนนี้ก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า


น่ารักมากจริง ๆ!


ราวกับเทวดาตัวน้อยที่ตกมาจากสรวงสวรรค์ ใครเห็นก็ต้องใจอ่อนไม่อาจทำร้ายเขาได้ลงคอ!


“ทำไมเด็กไม่ร้องไห้ล่ะ?”


หลังจากหนิงเฉินเซวียนดีใจจนอิ่มเอมแล้วก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ เด็กในอ้อมแขนเขาเงียบเชียบไม่เหมือนเด็กที่เพิ่งคลอด เด็กทั่วไปเวลาคลอดออกมาต้องร้องไห้เสียงใสกังวานกันไม่ใช่หรือ?


แต่เด็กนี่กลับไม่ปริเสียงสักนิด แค่ลืมตามองเงียบ ๆราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง


วันที่สองเหมยเหมยก็รู้ข่าวเรื่องที่อู่เยวี่ยคลอดลูก อีกทั้งยังได้ยินมาว่าเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง อีกอย่าง–


เด็กหน้าตาน่ารักไม่เหมือนผู้ชายคนนี้แข็งแรงสมบูรณ์ดีเสียด้วย!


นี่ต่างหากคือเรื่องที่เหนือความคาดหมาย!


ตอนที่ 2000 งานเลี้ยงครบเดือน


“ทำไมถึงแข็งแรงได้ล่ะ? พี่ เมื่อก่อนพี่บอกว่าน่าจะไม่ปกติกว่าร้อยละเก้าสิบเลยไม่ใช่เหรอ?”


เหมยเหมยได้ยินข่าวนี้ก็ตกตะลึงอย่างมาก


เธอเคยจิตนาการไว้นับไม่ถ้วน คิดเพียงว่าลูกของอู่เยวี่ยหากไม่ได้มีปัญหาด้านกายภาพก็ต้องมีปัญหาด้านจิตหรือบางทีอาจจะเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง


แต่ตอนนี้นี่มันเรื่องอะไรกัน?


เหยียนหมิงซุ่นเองก็คาดไม่ถึง ลอบด่าผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นในใจว่าพึ่งพาไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญตั้งสิบคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กไม่ปกติทั้งสิบคน


แต่ตอนนี้กลับเป็นเด็กที่สุขภาพกายแข็งแรง เฮ่อเหลียนเช่อได้กำไรละสิ!


“บางทีเด็กคนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือละมั้ง” เหยียนหมิงซุ่นพูดได้แค่นั้น เพื่อพยายามกู้หน้าให้ตัวเองสักหน่อย


เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง เรื่องนี้โทษเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้อยู่แล้วแต่เธอต้องหาใครสักคนให้ระบายอารมณ์ ไม่ให้ถลึงตาใส่สามีแล้วจะเป็นใครได้?


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มปลอบเธอ “เธอควรดีใจสิ หนิงเฉินเซวียนมีผู้สืบทอดที่แข็งแรง อู่เยวี่ยก็หมดค่าแล้ว จากนิสัยของหนิงเฉินเซวียนเขาไม่ยอมปล่อยให้อู่เยวี่ยมีชีวิตต่อแน่!”


เหมยเหมยถึงยิ้มกว้างได้สักที นั่นสิ ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้กันนะ?


ไม่มียันต์ป้องกันตัว วันตายของอู่เยวี่ยก็จะมาถึงแล้ว


ไม่รู้ว่าหนิงเฉินเซวียนจะจัดการอู่เยวี่ยอย่างไร? น่าตื่นเต้นจัง!


นับตั้งแต่รู้ว่าอู่เยวี่ยคลอดลูกชายเหมยเหมยก็นับวันรอ รอวันที่เหยียนหมิงซุ่นจะนำข่าวดีมาบอกเธอหรือบางทีหวังว่าจะได้เห็นข่าวรายงานว่าคุณนายเฮ่อเหลียนเสียชีวิตบนหน้าหนังสือพิมพ์


ทว่าไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น กลับได้บัตรเชิญสีทองดูดีมาแทนเสียอย่างนั้น


“งานฉลองครบเดือนของคุณชายน้อยตระกูลหนิง…”


เหมยเหมยอ่านตัวอักษรบนบัตรเชิญทีละตัว ๆ หนิงเฉินเซวียนจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันครบเดือนให้หลานชายเลยทำบัตรเชิญมาแจกจ่ายให้แขกผู้มีเกียรติมาร่วมงาน


เห็นทีหนิงเฉินเซวียนจะให้ความสำคัญแก่หลานชายคนนี้มากทีเดียว เขาถึงได้เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตจากที่เป็นคนเก็บตัวลึกลับให้ดูเปิดเผยมากขึ้น นึกอยากแบ่งปันความสุขนี้ให้คนทั้งโลกให้รับรู้


“ทำไมอู่เยวี่ยยังไม่ตาย?” เหมยเหมยอารมณ์เสียในฉับพลัน เพราะเธอเห็นชื่อของโอหยางซานซานบนบัตรเชิญ


บ่งบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องปรากฏตัวในงานเลี้ยงครบเดือนและยังมีชีวิตปกติดี


เรื่องนี้สร้างความขุ่นเคืองใจแก่เธอมาก


“บางทีหนิงเฉินเซวียนอาจจะรอให้เด็กหย่านมก่อนค่อยฆ่าอู่เยวี่ย ในเมื่อเด็กดื่มนมแม่ถึงจะดีต่อสุขภาพ” เหยียนหมิงซุ่นคาดเดา ซึ่งเหตุผลนี้แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไรเลย


จากความสามารถของหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อ ต่อให้หาแม่นมมาสักร้อยคนก็ไม่ใช่ปัญหา ฉะนั้นความเป็นอยู่ของอู่เยวี่ยไม่ได้มีความหมายมากนัก


“หรือว่าอยู่ดี ๆหนิงเฉินเซวียนชอบลูกสะใภ้อย่างอู่เยวี่ยเข้าแล้ว?” เหมยเหมยเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆ


“เป็นไปไม่ได้ อู่เยวี่ยสร้างความอับอายแก่หนิงเฉินเซวียนไว้ตั้งมาก เขาจะชอบผู้หญิงแบบนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้เหตุที่ไม่ฆ่าอู่เยวี่ยต้องมีสาเหตุอื่นแน่นอน!”


เหยียนหมิงซุ่นบอกเหมยเหมยอย่าคิดมาก รอไปร่วมงานเลี้ยงครบเดือนก็น่าจะรู้เบาะแสบางอย่างขึ้นมาบ้าง


งานเลี้ยงครบเดือนถูกจัดขึ้นกลางเดือนมิถุนายน ซึ่งเดิมทีควรเป็นวันกำหนดคลอดของเด็กคนนี้


เดือนมิถุนายนในเมืองหลวงอากาศไม่ร้อนไม่หนาวแต่กำลังดี เหมยเหมยไม่ได้เตรียมของขวัญอะไรนอกจากอั่งเปาที่ขนาดซองไม่หนาไม่บาง


ตระกูลหนิงครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง หนิงเฉินเซวียนสวมชุดฉางเผา[1]สีแดงยืนรับแขกอยู่ประตูทางเข้าหน้าบ้านด้วยหน้าตาชื่นบาน เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ยืนอยู่ข้างเขาที่ดูอารมณ์ดีไม่หยอก


“ยินดีด้วย ๆ ยินดีด้วยที่คุณหนิงเลื่อนขั้นมาเป็นคุณปู่ ยินดีกับคุณชายเช่อที่ได้ลูกชาย…”


บรรดาแขกต่างแห่มาแสดงความยินดี หนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อตอบรับกลับทีละคน ใบหน้ายิ้มแย้มไม่เสื่อมคลายเพราะเป็นความสุขที่มาจากใจ


เหมยเหมยกลับไม่พอใจนัก พอเห็นท่าทางสองคนนี้ที่คาดว่าคงไม่ได้ฝืนยิ้มก็บ่งบอกได้ว่าเด็กคนนั้นแข็งแรงจริง ๆ


……………….


ตอนที่ 2001 เมฆลอยมาจากท้องฟ้า


ในเมื่อเหมยเหมยคิดได้ แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นก็ต้องคิดได้เช่นกัน อารมณ์ก็พลันไม่ดีขึ้นมาในทันที


ทุกเรื่องอยู่เหนือความคาดเดาจนออกจากแผนการของเขาไปมาก เหยียนหมิงซุ่นเริ่มสงสัยในการตัดสินใจของตัวเอง ความมั่นใจที่มีถูกสั่นคลอนเล็กน้อย


“พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ อย่าเพิ่งพูดถึงมันเลย พ่อครัวที่หนิงเฉินเซวียนเชิญมาฝีมือไม่เลว พวกเราใส่ซองไปเยอะขนาดนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องกินให้คุ้มกับที่เสียไปหน่อยสิ”


เหมยเหมยรู้สึกได้ถึงความลังเลใจของเหยียนหมิงซุ่นจึงเปลี่ยนบทสนทนาไม่พูดถึงอู่เยวี่ยอีกต่อไป ลากเหยียนหมิงซุ่นไปหาของกิน


เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มเล็กน้อย จู่ ๆอารมณ์ก็ดีขึ้นมา ในเมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้แล้ว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนเขาก็ต้องหาวิธีตั้งรับได้อยู่แล้วจึงไม่มีอะไรให้ต้องกลุ้มใจ


“หรือว่าตอนเช้าเธอไม่ยอมกินข้าว เพื่อจะได้มากินตอนนี้มากหน่อยงั้นสิ?” เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอกล้อ


“แน่นอนสิ ตอนนี้ฉันยังเสียใจที่เมื่อคืนกินข้าวอยู่เลยนะ!”


เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีจริงจัง กวาดตามองหาตำแหน่งที่นั่งที่มีป้ายชื่อเธอและเหยียนหมิงซุ่นแล้วนั่งลง เพียงแต่ว่าอาหารยังไม่มาเสิร์ฟ มีเพียงพวกผลไม้แห้งและเมล็ดธัญพืชนิดหน่อยเท่านั้น


“แสบจริง ๆ!


เหยียนหมิงซุ่นตำหนิเสียงเบาแต่นัยน์ตากลับมีความรักความเอ็นดู หยิบถั่วสนขึ้นมาแล้วเริ่มปอกเปลือก เหมยเหมยรอรับอาหารอย่างเชื่อฟัง ทั้งคู่พลอดรักกันหวานหยดย้อยจนทำให้คนรุ่นใหญ่อิจฉาตาร้อนไม่หยุด


“ความสัมพันธ์ของเจ้าเด็กสองคนนั้นดีมากเลย ความสัมพันธ์ใกล้ชิดแน่นแฟ้น วันที่คุณจะได้อุ้มหลานชายคงอยู่ไม่ไกลแล้ว!”


เฮ่อหลียนชิงก็มาร่วมงานเลี้ยงครบหนึ่งเดือนด้วย มีคนที่รู้จักกับเขามานานหันมาหยอกล้อเขา


“ก็ใช่ พวกเขาสองคนโตมาด้วยกันเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเรียกว่ารักกันอย่างแท้จริงยังได้เลย ไม่เหมือนใครบางคนที่ใช้เงินจ้างผู้หญิงมาเป็นเมียเพื่อตบตาทุกคน แต่ดันเสียดายที่จะใช้เงินก้อนโต คนที่จ้างเลยไม่ใช่ของดีอะไร ไม่รู้ว่าผ่านมากี่สิบมือแล้วด้วยซ้ำ จุ๊ ๆ…”


เฮ่อเหลียนชิงอารมณ์เสียกว่าใคร หากหนิงเฉินเซวียนโชคร้ายเขาก็จะมีความสุข และในทางกลับกันหากหนิงเฉินเซวียนมีความสุข เขาก็จะอารมณ์บูดบึ้งทุกข์ใจยิ่งกว่าวันสิ้นโลกเสียอีก


หากอารมณ์ไม่ดีแน่นอนว่าคำพูดก็จะฟังไม่เข้าหูไปด้วย เฮ่อเหลียนชิงเหลือบมองหนิงเฉินเซวียนที่ยืนต้อนรับแขกอยู่ตรงประตู เขาแสร้งทำเป็นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าท่าทีเกินจริง จงใจปรับเสียงให้ดังขึ้น


“วันนี้อากาศดีจริง ๆ ดวงอาทิตย์ลอยสูงเหนือฟ้า ไร้ก้อนเมฆ เอ๊ะ…ดูเหมือนว่าจะมีเมฆก้อนใหญ่ลอยอยู่ตรงนั้น ฝนจะตกไหมนะ?”


เฮ่อเหลียนชิงเงยหน้าชี้นิ้วขึ้นฟ้าพูดราวกับว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของทุกคนให้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แต่ทุกคนกลับทำหน้างงงวย


เมฆจากไหนกัน?


ทั้ง ๆที่ฟ้าสีครามสวยราวกับน้ำทะเล สวยจะตายไป!


คนที่ฉลาดรีบปิดปากในทันทีแล้วนั่งแทะเมล็ดธัญพืชต่อไป ไม่หลับหูหลับตาเออออด้วย เฮ่อเหลียนชิงคงไม่พูดจาเช่นนี้โดยไร้ต้นสายปลายเหตุหรอก ถ้าพวกเขาขานรับต้องตกหลุมพรางไปด้วยแน่นอน


แต่มีบางคนกลับคันยุบยิบในใจ อยากจะชมเรื่องสนุก ๆโดยไม่เกรงกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งยังหวังเป็นอย่างมากว่าเฮ่อเหลียนชิงจะเปิดศึกจนสะเทือนเลือนลั่นในงานเลี้ยงครบหนึ่งเดือน!


“เมฆไหนล่ะ คุณเฮ่อเหลียนพูดเล่นอีกแล้ว” มีคนจงใจพูดขึ้น


เฮ่อเหลียนชิงยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วชี้นิ้วขึ้นฟ้าพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ใช่ว่าตรงนั้นมีกลุ่มเมฆสีเขียวจับตัวกันลอยมาหรอกเหรอ เฮ้ย เมฆนี้ช่างน่าเหลือเชื่อ มันใกล้จะลอยมาถึงนี่แล้ว กลัวว่าจะปกคลุมไปทั่วทั้งบ้านหลังนี้น่ะสิ แบบนี้เรียกว่าอะไรนะ?”


ทุกคนต่างก้มหน้าแทะเมล็ดธัญพืชต่อไปจนมีแต่เสียงแทะดังประสานขึ้นมา ช่างเป็นเสียงที่ทำให้รู้สึกสบายใจ และจากนั้นก็ไม่มีใครพูดขานต่อบทอีก


เฮ่อเหลียนชิงก็ไม่คาดหวังให้มีนักแสดงประกอบ เขาร้องเล่นคนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว


“พวกนายช่างไม่มีการศึกษาเลยจริง ๆ นี่เรียกว่าเมฆเขียวปกคลุม โอ้ย…ฉันต้องรีบทานรีบกลับไปที่สวนฟาร์มเล็ก ๆของฉันแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้หัวสัมผัสกับสีเขียวให้ขายขี้หน้าเด็ดขาด!”


เฮ่อเหลียนชิงพูดเองเออเองอย่างมีความสุขและพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง


……………………………………………


[1] ชุดฉางเผา เป็นเสื้อคลุมยาวกรอมเท้าที่แต่เดิมชาวแมนจูใช้สวมสำหรับขี่ม้า ภายหลังก็ได้สวมใส่ในชีวิตประจำวัน


ตอนที่ 2002 ดูอ่อนเยาว์ขึ้นทุกวัน


แขกเหรื่อมากันเกือบครบแล้ว หนิงเฉินเซวียนและเฮ่อเหลียนเช่อเข้ามาในงาน เพราะอากาศดีงานเลี้ยงจึงจัดในลานหน้าบ้าน เพราะลานบ้านกว้างจึงไม่มีปัญหาแม้ว่าจะตั้งหลายร้อยโต๊ะ


เสียงของเฮ่อเหลียนชิงทั้งแหลมทั้งสูง อีกทั้งที่นั่งก็อยู่ใกล้ประตูทางเข้า ต่อให้หนิงเฉินเซวียนไม่อยากได้ยินก็คงจะยาก


พอได้ยินถึงสีเขียว สีหน้าของหนิงเฉินเซวียนก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที ชั่วชีวิตนี้ของเขาสิ่งที่ไม่อยากได้ยินที่สุดก็คือสีนี้เหมือนกับเฮ่อเหลียนชิง หนิงเฉินเซวียนที่โกรธจัดรีบวิ่งไปตรงหน้าเฮ่อเหลียนชิง ตะโกนว่า “เฮ่อเหลียนชิง ทำไมแกถึงได้หน้าด้านไร้ยางอายแบบนี้อยู่เรื่อยเลยนะ? บ้านฉันไม่ต้อนรับคนอย่างแก ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”


สำหรับคนต่ำทรามหน้าด้านอย่างเฮ่อเหลียนชิง หนิงเฉินเซวียนไม่ต้องการไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย


เฮ่อเหลียนชิงส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา “ไม่ตอบแทนน้ำใจที่หวังดีแล้วยังไล่หยั่งกับหมูกับหมาอีก นี่ฉันก็แค่กังวลความโง่ไม่รู้ประสีประสาอะไรของแกหรอก กลัวว่าแกจะโดนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์หลอกลวงทรยศเลยอุตส่าห์ตั้งใจมาเตือนแกโดยเฉพาะเลยนะ”


“ฉันไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมของแก ต่อให้ฉันไม่เก่งกล้าสามารถก็ฉลาดกว่าแกแล้วกัน” หนิงเฉินเซวียนกัดฟันพูดอย่างโกรธแค้น


เฮ่อเหลียนชิงตาแก่บ้านี่ ไม่ใช่ว่ามาเพื่อสร้างความอับอายให้เขาหรอกหรือไง?


ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองหวังดีอีก?


ไร้ยางอาย!


“ฉันรู้ว่าแกทั้งฉลาดและมีความสามารถ แต่เพราะฉลาดเกินไปเลยเสียรู้ต่างหาก ฉันไม่วางใจ ตาแก่หนิงหลานสุดที่รักของนายหน้าตาเหมือนใครล่ะ? เหมือนนายหรือว่าเฮ่อเหลียนเช่อเหรอ?”


จู่ ๆเฮ่อเหลียนชิงก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนามาถามไถ่ถึงเรื่องหลานของเขา คนอื่นต่างเงียหูฟังด้วยความสนใจ พวกเขาก็สนใจเหมือนกันนี่นา!


หนิงเฉินเซวียนรู้สึกใจชาวาบ เขาไม่เหมาะที่จะคุยกับเฮ่อเหลียนชิงดี ๆเลยจริง ๆ สู้พูดจาถากถางเหน็บแนมยังจะดีเสียกว่า!


“หลานของฉันจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับแก!”


“งั้นจะโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงทำไมล่ะ? เอ๊ะ ตาแก่หนิงคงไม่ใช่ว่าหลานของแกโตมาไม่เหมือนคนตระกูลหนิงอย่างพวกแกหรอกใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนชิงทำเหมือนว่าเพิ่งค้นพบสิ่งใหม่จึงสนอกสนใจขึ้นมาทันที


“ฉันบอกแล้วไงของถูกและดีไม่มีอยู่จริงหรอก ไปคว้าเอาสินค้าที่ผ่านมาเป็นสิบมือ ลูกที่คลอดออกมาก็ไม่รู้ว่าเหมือนใคร ตาแก่หนิงแกก็อย่าทุกข์ใจไปเลย เด็กคือเทวดาที่ถูกส่งมาจากสวรรค์ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรเทือกนี้นายก็อย่าได้ไปสนใจมันเลย!”


เฮ่อเหลียนชิงพูดจนน้ำลายแตกฟอง นี่เป็นการสื่อว่าลูกที่อู่เยวี่ยคลอดออกมาไม่ใช่สายเลือดของตระกูลหนิง กล่าวก็คือบนหัวของเฮ่อเหลียนเช่อมีม้าหลายพันตัวเหยียบย่ำอยู่เพราะโดนสวมเขานั่นเอง


หนิงเฉินเซวียนจุกอกอย่างถึงที่สุด หลานของเขาคลอดออกมาแน่นอนว่าเขาดีใจมาก และวินาทีแรกเขาก็รีบพาไปหาหมอเพื่อตรวจเลือดโดยเร็วที่สุด ความสัมพันธ์ทางสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว เด็กนั่นเป็นหลานของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์


“เฮ่อเหลียนชิงแกหมดปัญญาจะมีลูก ชั่วชีวิตนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะมีหลานเลยอิจฉาฉันงั้นสิ? ฉันเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างไม่ถือสาแกแล้วกัน นายเลี้ยงดูสั่งสอนอาเช่อของฉันมาตั้งหลายปี บุญคุณนี้ฉันจำไว้เสมอ หลานของฉันจะเห็นแก่บุญคุณนี้คงไม่ลืมที่จะดูแลแกหรอก”


หนิงเฉินเซวียนสงบลงมา ประชันฝีปากกลับไปได้ไม่เลวเลยทีเดียว ในดวงตามีความเย้ยหยันและเห็นใจในเวลาเดียวกัน


พูดเหมือนว่าแกเป็นตาแก่ที่ไม่มีทายาทไม่มีลูกหลานดูแล แล้วมีสิทธิ์อะไรมาหัวเราะเยาะคนอื่น!


เหยียนหมิงซุ่นรีบลุกขึ้นพูดว่า “พ่อบุญธรรมของผมผมดูแลเองได้ คงไม่ต้องรบกวนคุณหนิงให้ลำบากหรอกครับ และอีกอย่างผมคิดว่าช่วงนี้คุณดูสีหน้าซีดเซียวไปหน่อยนะครับ สีหน้าดูไม่ดีเลย สุขภาพคงไม่ค่อยดีเท่าไรแน่ คุณหนิงโปรดดูแลสุขภาพด้วย หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น พ่อบุญธรรมของผมคงเหงาและไม่มีความสุขแน่เลยครับ”


เฮ่อเหลียนชิงพอใจกับการออกตัวอย่างทันท่วงทีของเหยียนหมิงซุ่นมาก ลูกชายคนนี้รับมาไม่เสียเปล่าเลยจริง ๆ ดูคำพูดทิ่มแทงนี่สิ ช่างมีความสุขเหลือเกิน!


“นั่นสิ ตาแก่หนิงแกต้องใช้ชีวิตดี ๆหน่อยล่ะ ถ้าแกตายฉันคงเสียใจมากแน่!” เฮ่อเหลียนชิงมองไปที่หนิงเฉินเซวียนด้วยความจริงใจ เขาจงใจยกคางอวบอิ่มขึ้นเพื่อโชว์ใบหน้าแดงฝาดสีดอกกุหลาบอันเปล่งปลั่งและไร้ริ้วรอยของเขาแสดงต่อหน้าทุกคน


หนิงเฉินเซวียนจุกอยู่ในอกจนแทบจะระเบิด โธ่เว้ย ตาแก่บ้านี่ดูอ่อนเยาว์ขึ้นทุกวันจริง ๆ!


……………………………………………


ตอนที่ 2003 เด็กที่งดงาม


อายุของเฮ่อเหลียนชิงกับหนิงเฉินเซวียนเท่ากัน เกิดปีเดียวกัน แต่สภาพปัจจุบันของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน


นับว่าหนิงเฉินเซวียนเองก็บำรุงร่างกายตัวเองค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับเพื่อน ๆแล้วเขาจะดูอายุน้อยกว่าเกือบสิบปี แต่พอมายืนเทียบกับเฮ่อเหลียนชิงที่ดูอ่อนวัยกว่ากลับดูเหมือนห่างกันสองชั่วอายุคน


“ถึงจะมีอายุยืนยาวแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีลูกหลานแล้วจะมีประโยชน์อะไร?” หนิงเฉินเซวียนถูกยั่วโมโหจนทนไม่ไหว ไม่อยากจะเห็นหน้าเฮ่อเหลียนชิงเจ้าหมอนี่อีกต่อไปแล้ว เขาสวนกลับไปหนึ่งประโยคแล้วเตรียมตัวเดินหนีไป


“กินดื่มกันให้เต็มที่เลยนะทุกคน ฉันจะไปต้อนรับแขกคนอื่น ๆก่อน”


มือทั้งสองข้างของหนิงเฉินเซวียนกำหมัดแน่น พูดตามมารยาทอยู่สองสามประโยคแล้วก็ไปทักทายแขกโต๊ะอื่น


เฮ่อเหลียนชิงส่งเสียงตะโกนขึ้นว่า “ตาแก่หนิง เดี๋ยวอุ้มหลานชายของแกมาให้ฉันดูหน่อยว่าหน้าตาเป็นไง ฉันตั้งใจเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้เป็นพิเศษเลยนะ!”


ทุกคนนึกถึงเต่าสีเขียวในงานเลี้ยงวันเกิดกันอย่างพร้อมเพียงกันจึงอดไม่ได้ที่จะตั้งหน้าตั้งตารอดู ไม่รู้ว่าครั้งนี้เฮ่อเหลียนชิงจะเตรียมของดี ๆอะไรไว้อีก?


หรือว่าจะเป็นเต่าอีกเหรอ?


หนิงเฉินเซวียนชะงัก เขาปรารถนาอยากจะบีบคอตาแก่สารเลวนี่ให้ตายเป็นอย่างยิ่ง บางครั้งเขาก็รู้สึกหดหู่ว่าทำไมมีเขาแล้วต้องมีตาแก่นั่นด้วย ทำไมต้องให้เขาและเฮ่อเหลียนชิงมาเกิดในยุคเดียวกันด้วยนะ!


เขาไม่สนใจเฮ่อเหลียนชิง เนื่องจากวันนี้เป็นงานเลี้ยงครบเดือน เด็กจะต้องถูกอุ้มออกมาให้ทุกคนได้เห็นอยู่แล้ว นี่คือจุดประสงค์หลักในการจัดเลี้ยงของเขา


เขาต้องการให้ทุกคนในเมืองหลวงและคนทั้งประเทศรับรู้ว่าเขาหนิงเฉินเซวียนมีหลานชายแล้ว


อีกทั้งยังเป็นหลานชายที่งดงามมากที่สุดอีกด้วย!


อาหารในงานเลี้ยงอร่อยมากแต่เหมยเหมยกลับไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดจึงกินด้วยท่าทีเหม่อลอย เธออยากเห็นอู่เยวี่ยเร็ว ๆเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้ หนำซ้ำยังว่ากันว่าเด็กสุขภาพแข็งแรงมากด้วยสิ


เธอมักมีลางสังหรณ์อยู่ตลอดว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายขนาดนั้น!


เหมยเหมยคีบเนื้อวัวสองสามชิ้นวางไว้บนโต๊ะแล้วปล่อยให้ฉิวฉิวหยิบกินเอง เจ้าตัวเล็กหน้าตาน่ารักและดึงดูดให้ผู้คนต่างเอ็นดูไม่น้อย แขกคนอื่น ๆที่ร่วมโต๊ะด้วยไม่ถือสามันเลย แถมแขกบางคนยังคีบเนื้อป้อนให้มันด้วยซ้ำ ฉิวฉิวไม่ปฏิเสธใครเลยแล้วกินอย่างมีความสุข


“คุณนายเฮ่อเหลียนและเจ้าหนูน้อยมาทางนี้แล้ว…” มีคนส่งเสียงพูดขึ้น


เหมยเหมยหันไปมอง อู่เยวี่ยที่แต่งหน้าอย่างประณีตอุ้มลูกชายที่ห่อผ้าไว้ในอ้อมอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เฮ่อเหลียนเช่อก็มากับเธอด้วย พยักหน้าและยิ้มให้แขกไม่หยุด


ไม่นานก็มาถึงโต๊ะของพวกเหมยเหมย วันนี้อู่เยวี่ยสวมชุดกี่เพ้าสีแดง ร่างกายหลังคลอดดูอวบอิ่มมากเหมาะที่จะใส่ชุดกี่เพ้า อวดสัดส่วนโค้งเว้าอย่างชัดเจน ทั่วทั้งเรือนร่างอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของผู้หญิงที่โตเต็มวัยแล้ว


แต่ว่าอู่เยวี่ยแต่งหน้าหนามากซึ่งสามารถมองเห็นได้จากในระยะใกล้ แป้งบนใบหน้าของเธอเยอะจนน่าตกใจทีเดียว ทั้งยังผมของเธอที่เกล้าขึ้นเพื่อให้เข้ากับชุดกี่เพ้าจึงเผยให้เห็นเส้นผมปลายโคนตรงหน้าผากดึงสูงขึ้น อีกทั้งยังเห็นผมหงอกหลายเส้นอยู่รำไร


เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ของอู่เยวี่ยแย่มาก ไม่เหมือนว่าจะมีความสุขอย่างที่เธอแสดงออกมาขนาดนั้นเลย!


เหมยเหมยถึงได้สบายใจขึ้นมาก มีชีวิตลำบากก็ดี!


“ฉันอยากเห็นว่าเจ้าหนูน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มขนาดไหนเชียว…”


เหมยเหมยเรียกอู่เยวี่ยไว้แล้วชะโงกหน้าดูเด็กน้อยในอ้อมอกของเธอ เธออยากรู้มากจริง ๆว่าสิ่งที่ทุกคนต่างเล่าลือกันว่าหลานชายของตระกูลหนิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มมากไม่เหมือนเด็กธรรมดาบนโลกมนุษย์ เธอคิดว่านี่เป็นเรื่องที่เกินจริงไปหน่อย เธอต้องเห็นด้วยตาของตัวเองถึงจะเชื่อ


แต่ว่า——


พอเหมยเหมยเห็นเด็กทารกที่กำลังหลับลึกอยู่ในผ้าห่อตัว สายตาก็เหมือนถูกสะกดไว้จนแทบไม่อยากละสายตาไปไหนเลย


คนพวกนั้นพูดไม่ผิดจริง ๆ เด็กคนนี้เหมือนเทวฑูตตัวน้อยที่ตกลงมาจากสวรรค์ งดงามจนไม่เหมือนมนุษย์ อีกอย่างพอเห็นเด็กที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเช่นนี้คงไม่มีใครทำร้ายได้ลงคอ!


เด็กคนนี้เหมือนกับเด็กทารกที่เหมยเหมยจินตนาการเอาไว้เลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นลูกของอู่เยวี่ยไปแล้ว เธออิจฉาเหลือเกิน!


อู่เยวี่ยมีสิทธิ์อะไรถึงได้ครอบครองลูกที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มขนาดนี้นะ?


ตอนที่ 2004 เด็กคนนี้มีปัญหา


อู่เยวี่ยมองเหมยเหมยอย่างลำพองใจ พูดตามตรงเธอเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าลูกที่ตัวเองคลอดออกมาจะหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มถึงเพียงนี้ นี่ทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกว่าสวรรค์คงเห็นว่าเธอน่าสงสารเกินไปจึงส่งเด็กที่เหมือนกับเทวดาลงมาช่วยเธอ


เหมยเหมยรู้สึกถึงความลำพองใจที่อยู่ในใจของอู่เยวี่ยพลันรู้สึกจุกอก พระเจ้าช่างตาบอดจริง ๆ ความเป็นไปได้อันน้อยนิดขนาดนี้อู่เยวี่ยยังโชคดีได้


ทันใดนั้น——


เด็กในอ้อมแขนของอู่เยวี่ยก็ลืมตาขึ้นมองเหมยเหมยด้วยความพร่าเบลอจนถึงขั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับกำลังขบคิดอะไรอยู่และเหมือนกับกำลังเพ่งพินิจพิจารณา ช่างน่ารักเสียจนใคร ๆก็อยากสัมผัสเขาอย่างอดใจไม่ไหว


“คุณชายเช่อช่างวาสนาดีเสียจริง ดูสิว่าเด็กคนนี้น่ารักขนาดไหน!”


แขกคนอื่น ๆต่างก็ยอมรับในความน่ารักที่ไม่มีใครเทียมได้ แทบไม่มีใครไม่เอ็นดูเขาเลย พร้อมทั้งชมไม่หยุดปาก


เฮ่อเหลียนเช่อลำพองใจเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้รู้สึกว่าคนเหล่านี้พูดเกินจริงเลยสักนิด เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าน้องชายของเขาจะหน้าตางดงามดั่งเทวดาลงมาจุติบนโลกแห่งความจริงนี้


ไม่สิ เพราะเทวดายังดูดีสู้น้องชายของเขาไม่ได้เลย!


จู่ ๆเทวดาตัวน้อยก็อ้าปากหาวอย่างน่ารัก อมยิ้มน้อย ๆ ความงดงามนี้ดั่งภาพวาดยังไงอย่างนั้น


เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้เขาพลันรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะละลาย จนลืมความเกลียดชังที่มีต่อพ่อแม่ของเด็กคนนี้จนหมดสิ้น!


อู่เยวี่ยยิ่งรู้สึกลำพองใจขึ้นไปอีก เธอจงใจกระชับอ้อมกอดลูกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพราะไม่อยากให้เหมยเหมยเห็นลูกของเธอ


ราวกับว่าตอนนี้เธอเป็นเจ้าของสมบัติสุดล้ำค่าหนึ่งเดียวบนโลกใบนี้ และนังแพศยาจ้าวเหมยกลับไม่มีอะไรเลย ความน้อยเนื้อต่ำใจในอดีตได้ย้อนกลับคืนไปแล้ว


ในใจของเหมยเหมยรู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ใจยิ่งกว่าเดิม เพราะเธออิจฉามากจริง ๆ


หากรู้ว่าอู่เยวี่ยจะมีลูกที่หน้าตาน่ารักขนาดนี้ ตีให้ตายเธอก็จะไม่มาให้ทรมานใจตนเองแบบนี้หรอก


“ลูกของคุณหนูจ้าวกับคุณชายหมิงต้องหน้าตาน่ารักมากแน่ ๆ!” อู่เยวี่ยจงใจเอ่ยขึ้น


เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงเบา “ก็ไม่แน่หรอก ถ้าเอายีนส์ด้อยของทั้งคู่มารวมกันยังไม่รู้เลยว่าหน้าตาจะเป็นแบบไหน!”


เหยียนหมิงซุ่นไม่ยอมเสียเปรียบ “ลูกชายของฉันจะเป็นอย่างไรคงไม่ต้องรบกวนให้คุณชายเช่อมาห่วงหรอก เพราะไม่ว่าจะหน้าตาดีร้ายอย่างไรก็เป็นลูกของฉัน เพราะเช่นนั้นจะหน้าตาแบบไหนก็ได้ ผู้ชายไม่ได้อาศัยแค่รูปลักษณ์สักหน่อย”


เขาเน้นคำว่าลูกชายของเขาชัดถ้อยชัดคำแล้วมองเด็กที่อยู่ในอ้อมอกของอู่เยวี่ย เฮ่อเหลียนเช่อใจหล่นวูบพลันรู้สึกขาดความมั่นใจขึ้นมาทันที


หรือว่าเจ้าบ้าเหยียนหมิงซุ่นจะรู้อะไรเข้า?


อู่เยวี่ยกลับได้ยินเช่นนั้นก็โมโหขึ้นมา ตอนนี้ในตระกูลหนิงเธอมีสถานะแตกต่างจากในอดีตแล้วจึงมีความกล้าขึ้นมาก พูดจาอะไรแน่นอนว่าต้องมีความมั่นใจขึ้น


“คุณชายหมิงหมายความว่าไงคะ? หรือว่าคุณจะบอกว่าลูกของฉันไม่ใช่สายเลือดตระกูลหนิงงั้นเหรอ? คุณชายหมิงคุณคิดมากเกินไปแล้ว”


เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มเล็กน้อยแฝงนัยยะบางอย่าง “คุณนายเฮ่อเหลียนอย่าเพิ่งโมโหไป ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่สายเลือดตระกูลหนิงเสียหน่อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นลูกชายของใครก็แค่นั้น”


เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขามั่นใจแล้วว่าเหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าเขาแอบทำการสับเปลี่ยนบางอย่างลับ ๆแน่นอน หากเขาบอกหนิงเฉินเซวียนละก็…


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มให้เฮ่อเหลียนเช่อเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนคำพูดว่า “ฉันล้อเล่นคุณนายเฮ่อเหลียน เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณชายเช่อแล้วจะเป็นลูกของใครได้ล่ะ? คุณหนิงก็ไม่ได้มีงานอดิเรกปีนขึ้นเตียงลูกสะใภ้เสียหน่อยใช่ไหมครับ?”


เฮ่อเหลียนชิงเองก็รีบเข้ามาร่วมสร้างความวุ่นวายด้วย เอ่ยเสียงแหลมสูงขึ้นว่า “ก็ไม่เสมอไปนะ ตาแก่หนิงสารเลวนี่ชอบแย่งเมียคนอื่น!”


“พวกแกคิดจะมาทำอะไรกันแน่? ถ้าแค่มาก่อความวุ่นวายก็กรุณาไสหัวไปเถอะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างพวกแก!” หนิงเฉินเซวียนพุ่งเข้ามาด่ายกใหญ่ด้วยใบหน้าเขียวคล้ำเพราะความโกรธ


เฮ่อเหลียนชิงยักไหล่แต่กลับไม่พูดอะไรอีก แล้วดื่มกินอาหารต่อไปอย่างว่าง่าย


ฉิวฉิวที่กินเนื้ออิ่มหนำสำราญแล้วก็ไม่รู้ว่ากระโดดเข้าอ้อมแขนของเหมยเหมยตั้งแต่เมื่อไร จากนั้นก็เหลือบมองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกของอู่เยวี่ยแล้วพูดขึ้นว่า “เด็กคนนี้มีปัญหา”


…………………………………………..


 ตอนที่ 2005 ตาบอดแต่กำเนิด


เหมยเหมยตกใจแล้วรีบถามฉิวฉิวอย่างร้อนใจว่าเกิดอะไรขึ้น เวลานี้จิตใจของเธอกลับไม่ได้ดีใจขนาดนั้น


ถ้าหากได้ยินว่าเด็กคนนี้สุขภาพไม่แข็งแรงก่อนหน้าจะมาร่วมงานเลี้ยงครบเดือน เธอคงมีความสุขมากแน่นอน แต่ตอนนี้พอได้เห็นเด็กแล้วเธอกลับใจร้ายอำมหิตไม่ลง!


เธอไม่ต้องการให้เด็กที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มคนนี้ได้รับความเจ็บปวดใด ๆ เธอหวังว่าเด็กคนนี้จะมีความสุขและสุขภาพแข็งแรง


ต่อให้เขาจะเป็นลูกของอู่เยวี่ยก็ตาม!


“เด็กคนนี้ตาบอดตั้งแต่เกิด” ฉิวฉิวพูดอย่างมั่นใจ


ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีทักษะทางการแพทย์ลึกซึ้งอะไรแต่ลูกตาของเด็กคนนี้ไม่มีการขยับ แค่แวบเดียวมันก็มองออกแล้ว


และมีบางอย่างที่ฉิวฉิวยังไม่ได้พูดออกมาเพราะมันยังไม่แน่ใจ มันสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบนร่างกายของเด็กคนนี้ ทำให้มันไม่สบายใจเป็นอย่างมาก


ตาบอดตั้งแต่เกิด?


เหมยเหมยตกตะลึงเป็นอย่างมาก “แกไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม?”


คาดไม่ถึงเลยว่าเด็กที่หน้าตางดงามขนาดนี้จะตาบอดตั้งแต่เกิด น่าเสียดายจัง


ฉิวฉิวไม่พอใจอยู่บ้าง “ฉันจะมองผิดได้ไง เด็กคนนี้ตาบอดตั้งแต่เกิด แถมยังมีปัญหาอื่นอีกด้วย”


“ปัญหาอะไร?”


“ตอนนี้ยังไม่รู้ รอจนเด็กคนนี้โตขึ้นกว่านี่หน่อยฉันถึงจะมองออก”


เหมยเหมยรู้ความสามารถของฉิวฉิวดี หากมันพูดแบบนี้ก็แสดงว่าเด็กคนนั้นจะต้องมีปัญหาแน่นอน การคาดเดาก่อนหน้านี้ทั้งของเธอและเหยียนหมิงซุ่นต่างก็ถูกต้องทั้งหมด


เด็กคนนั้นสุขภาพไม่แข็งแรงจริง ๆด้วย!


เหมยเหมยมองไปทางเด็กคนนั้นอีกครั้ง ดวงตากลมโตไม่ใช่สีดำขลับแต่มีสีเหลืองอำพันเล็กน้อย สวยงามราวกับฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว แต่กลับ…


ไม่รู้ว่าพวกหนิงเฉินเซวียนสังเกตเห็นจุดนี้หรือยัง?


คิด ๆแล้วคาดว่าคงยังไม่รู้เพราะไม่อย่างนั้นหนิงเฉินเซวียนคงจะไม่มีความสุขขนาดนี้ ทายาทสืบทอดที่ตาบอดตั้งแต่เกิด ต่อให้จะมีความสามารถเก่งกาจแค่ไหนแล้วจะอย่างไรเล่า?


ถ้าหากหนิงเฉินเซวียนรู้ว่าเด็กคนนี้ตาบอดตั้งแต่เกิด ด้วยนิสัยของเขาแล้วไม่แน่ว่าอาจจะกำจัดเด็กคนนี้ทิ้ง เหมยเหมยเสียวสันหลังวาบตัวสั่นสะท้าน และไม่กล้าคิดอีกต่อไป


เรื่องที่เด็กคนนี่ตาบอดตั้งแต่เกิดไม่สามารถพูดออกมาได้ ถ้าพูดออกมาเขาต้องตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย


อยู่ดี ๆเด็กน้อยก็หันมายิ้มให้เหมยเหมย ถึงแม้จะบอกว่าเด็กที่เพิ่งครบหนึ่งเดือนเต็มจะยังไม่ยิ้มแต่เป็นเพราะกล้ามเนื้อกระตุกโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น แต่เหมยเหมยกลับมั่นใจว่าเด็กคนนี้กำลังยิ้มให้เธออยู่จริง ๆ


เหมยเหมยเองก็ยิ้มขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ อู่เยวี่ยก็ยิ่งรู้สึกลำพองใจแล้วเอาผ้ามาคลุมหน้าลูกไว้เพื่อไม่ให้เหมยเหมยมองอีก


“ในเมื่อคุณหนูจ้าวชอบเด็กมากขนาดนี้ งั้นก็มีเองสักคนสิ ลูกของคนอื่นต่อให้ดูดีแค่ไหนก็เป็นลูกของคนอื่น”


อู่เยวี่ยเอ่ยขึ้นอย่างมีเจตนาแอบแฝง เยาะเย้ยที่เหมยเหมยไม่มีลูกเป็นของตัวเอง


“ในสายตาของฉัน ไม่ว่าจะเป็นลูกของใครก็ล้วนเป็นนางฟ้าเทวดาตัวน้อยที่น่ารัก ฉันชอบทั้งนั้นแหละ คุณนายเฮ่อเหลียนคิดมากไปแล้ว”


เหมยเหมยไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ได้ทำตัวต่ำต้อย คำพูดของเธอได้รับคำชมจากผู้คนมากมาย แต่สิ่งที่เธอพูดนั้นมาจากใจของเธอจริง ๆ เดิมทีเธอก็ชอบเด็กอยู่แล้ว คำสาปแช่งด่าทอที่เธอมีต่อลูกของอู่เยวี่ยก่อนหน้านี้ทั้งหมดมันทำให้เธอรู้สึกเสียใจในตอนนี้


อู่เยวี่ยแค่นเสียงในลำคอ นังคนปากแข็ง แต่เธอก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าในอนาคตนังแพศยาจ้าวเหมยจะคลอดตัวอะไรออกมา!


“อืม…”


ทันใดนั้นเด็กที่นอนหลับอย่างเงียบ ๆก็บิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวดแต่กลับไม่ปริเสียงร้องสักแอะ กำปั้นเล็ก ๆกำแน่นพร้อมกับบิดตัวไปมาไม่หยุด ดูท่าทางเจ็บปวดมาก มันเหมือนกับว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้น


สีหน้าของอู่เยวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อยพูดกับเฮ่อเหลียนเช่อว่า “ฉันพาลูกกลับไปกินนมก่อนนะ”


เฮ่อเหลียนเช่อขมวดคิ้วเล็กน้อย พยักหน้าแล้วให้อู่เยวี่ยกลับห้องไป


เด็กในอ้อมอกของอู่เยวี่ยยังคงบิดตัวไปมาไม่หยุดและดิ้นพล่านแรงขึ้นเรื่อย ๆ เหมยเหมยรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของเด็กคนนั้น เธอรู้สึกว่ามันแปลกมาก ทำไมเด็กคนนั้นถึงไม่ร้องไห้นะ?


ตอนที่ 2006 เด็กที่ร้องไห้ไม่เป็น


อู่เยวี่ยรีบกลับไปที่ห้องพร้อมกับลูกน้อยในอ้อมกอดของเธอ ฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อย ๆ พอจะมองออกว่าเธอร้อนใจกระสับกระส่ายมากราวกับว่ามีบางอย่างไล่ตามเธอจากด้านหลัง


เหมยเหมยเหลือบมองเฮ่อเหลียนเช่อจึงพบว่าสีหน้าท่าทางของเขาเองก็ผิดปกติมากเช่นกัน เขาไม่ได้มีท่าทีดีอกดีใจเหมือนก่อนหน้านี้ หนิงเฉินเซวียนก็แสดงท่าทีเหมือนกัน แต่พวกเขาทั้งสองคนเก็บซ่อนความคิดไว้ไม่แสดงออกออกมาชัดเจนนัก ในไม่ช้าพวกเขาก็ยิ้มแย้มออกมาอีกครั้ง ถ้าไม่ได้ตั้งใจดูก็จะไม่เจอความผิดปกตินี้


“เจ้าตัวเล็กของฉันกินเก่งมาก ๆ ไม่ได้กินนมแค่ครู่เดียวก็ดีดดิ้นแล้ว ทุกคนกินกันต่อเถอะ กินให้อร่อย”


หนิงเฉินเซวียนพูดแสดงความเกรงใจอยู่หลายประโยค แม้ว่าพวกแขกเหรื่อในงานจะคิดว่าเป็นเรื่องแปลกที่เด็กไม่ร้องไห้แต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม พวกเขาต่างพากันกินกันอย่างเงียบ ๆ


แต่เฮ่อเหลียนชิงกลับไม่ยอมปล่อยผ่านถามเสียงแหลมว่า “ทำไมหลานแกถึงไม่ร้องไห้ล่ะ? ไม่ใช่ว่ามีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหม?”


เขาไม่ได้เป็นคนใจอ่อนเหมือนเหมยเหมย ต่อให้เด็กจะหน้าตาดีราวดอกไม้ เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี


แค่คิดว่าเด็กคนนี้มีสายเลือดของตระกูลหนิง เฮ่อเหลียนชิงก็อยากจะสับเด็กคนนี้ให้กลายเป็นเนื้อบด ต้มซุปแล้วเอาให้หมามันกิน


ใบหน้าของหนิงเฉินเซวียนเย็นชาขึ้นแล้วมองไปที่เฮ่อเหลียนชิงอย่างเคร่งขรึม “นายพูดจาระวังหน่อย หลานของฉันแข็งแรงดีมาก ที่มีปัญหาคือตาแก่อย่างนายต่างหาก!”


มีแขกบางคนรีบออกมาไกล่เกลี่ย “มีเด็กบางคนไม่ชอบร้องไห้ตั้งแต่เล็ก ๆ เขาว่ากันว่าเด็กแบบนี้จะมีความสามารถพิเศษ ในวันข้างหน้าหลานของคุณหนิงจะต้องมีอนาคตที่ดีแน่นอน”


ตอนนี้เองหนิงเฉินเซวียนถึงได้เปลี่ยนความโกรธมาเป็นความสุข เขาชอบฟังคำมงคลพวกนี้มากกว่า


แต่กลับมีใครบางคนไม่อยากให้เขามีความสุข “มีพรสวรรค์ที่ประหลาดหรือไง? ถ้าคิดจะประจบประแจงก็อยู่ให้ห่าง ๆฉันหน่อย ฉันไม่ชอบฟังคำพวกนี้ ผิดปกติก็คือผิดปกติ? มัวแต่หลอกตัวเองกับคนอื่นอยู่ได้!”


“ถ้าตาแก่บ้านี่ยังพูดอีก ฉันเอาแกตายแน่!”


เฮ่อเหลียนเช่อก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วจ้องเขม็งด้วยความโกรธและเต็มไปด้วยแรงอาฆาต


เหยียนหมิงซุ่นปกป้องเฮ่อเหลียนชิงอยู่ด้านหน้าพูดอย่างเย็นชาว่า “วันนี้เป็นวันดี คุณชายเช่อจะโมโหมากมายไปทำไม? ไม่ว่าจะอย่างไรพ่อบุญธรรมของฉันก็เป็นผู้อาวุโสกว่า และยังมีบุญคุณดูแลสั่งสอนนายมาด้วย คุณชายเช่อจะเสียมารยาทมากเกินไปแล้วมั้ง!”


เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าเขานึกอะไรขึ้นได้ถึงยอมถอยกลับไปอย่างโมโห จากนั้นก็ไม่ได้ถลึงตาใส่เฮ่อเหลียนชิงอีก


เหยียนหมิงซุ่นพูดกระซิบข้างหูเฮ่อเหลียนชิงอยู่หลายประโยค ถึงแม้ว่าเฮ่อเหลียนชิงจะไม่เต็มใจแต่ก็ปล่อยให้เสี่ยวเมิ่งประคองเขากลับไปแต่โดยดี


ถึงอย่างไรวันนี้เขาก็ทำให้ตาแก่สารเลวหนิงเฉินเซวียนโมโหเกือบกระอักตาย นั่นก็เพียงพอแล้ว


“วันนี้รบกวนมามากพอแล้ว ขอตัวก่อน”


เหยียนหมิงซุ่นพาเหมยเหมยออกมาจากงาน แขกเหรื่อคนอื่น ๆก็ดื่มเหล้ากินกันต่อไป บรรยากาศสนุกสนานครึกครื้นเป็นอย่างมาก เพียงแต่อู่เยวี่ยและลูกไม่ได้ออกมาอีก


พวกเหมยเหมยไม่ได้กลับบ้านของตัวเองแต่ไปสวนฟาร์มของเฮ่อเหลียนชิงแทน


“พี่หมิงซุ่น เด็กคนนั้นตาบอดตั้งแต่เกิดและยังมีปัญหาอื่นอีกด้วย” พออยู่บนรถเหมยเหมยก็เอาเรื่องที่ฉิวฉิวค้นพบบอกเหยียนหมิงซุ่น


เหยียนหมิงซุ่นตกตะลึง “แน่ใจหรอ?”


เหมยเหมยพยักหน้าอย่างมั่นใจ “แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ฉิวฉิวมองไม่ผิดแน่นอน”


คุณชายฉิวรู้สึกไม่พอใจกับข้อข้องใจของเหยียนหมิงซุ่น กล้าสงสัยสายตาอันเฉียบคมของคุณชายฉิวอย่างมันหรือ?


ฉิวฉิวพุ่งไปหาเหยียนหมิงซุ่นแล้วแยกเขี้ยวใส่แสดงให้เห็นว่ามันโกรธมาก ๆ เหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าตัวเองพูดผิดเลยหยิบช็อกโกแลตออกมาจากกระเป๋าส่งให้ฉิวฉิวเพื่อเอาใจมัน


“อีกอย่างฉันรู้สึกว่าท่าทีระหว่างอู่เยวี่ยกับลูกนั้นแปลกมาก ทำไมเด็กอยากกินนมถึงไม่ร้องไห้ล่ะ?” เหมยเหมยพูดถึงความสงสัยของตัวเองออกมา


เด็กทุกคนเกิดมาก็ร้องไห้กันทั้งนั้น เพราะวิธีเดียวที่จะแสดงอารมณ์ของเด็กได้ก็คือการร้องไห้ หิวก็ร้องไห้ จะอึจะฉี่ก็ร้องไห้ เมื่อรู้สึกไม่สบายก็ร้องไห้ แทบไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่ร้องไห้เลย


แต่ว่าลูกของอู่เยวี่ยคนนี้กลับไม่ร้องไห้ แปลกมากจริง ๆ!


…………………………………………..


ตอนที่ 2007 รีบๆ มีหลาน


ชาติที่แล้วตัวเองท้องจึงรู้เรื่องนี้ดี เหมยเหมยซื้อคู่มือเลี้ยงเด็กมากมายกลับมาอ่าน เธอจึงมีความรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับการดูแลเด็กเยอะมาก ดังนั้นพอเธอเห็นท่าทีระหว่างอู่เยวี่ยกับลูกจึงรู้สึกว่าแปลก


เด็กทั่วไปเวลาหิวอยากกินนมก็จะร้องไห้เสียงดังโวยวายสะเทือนเลือนลั่น แต่ลูกของอู่เยวี่ยกลับร้องแง่ว ๆเหมือนลูกแมว อีกทั้งการแสดงออกของเด็กคนนั้นก็ดูเจ็บปวดมาก ไม่เหมือนท่าทางที่อยากจะกินนมเลย


เหยียนหมิงซุ่นเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นคนละเอียดรอบคอบแต่เขาไม่มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กมาก่อน พอได้ยินสิ่งที่เหมยเหมยพูดเขาถึงสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ พฤติกรรมการแสดงออกของเด็กคนนี้แปลกจริง ๆ


“ฉันจะส่งคนไปสืบดู”


อยู่ดี ๆเหยียนหมิงซุ่นก็เดาอะไรบางอย่างได้ บางทีท่าทางประหลาดที่เด็กคนนี้แสดงออกมาอาจจะเกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่ของอู่เยวี่ยก็เป็นได้


หลังจากกลับถึงสวนฟาร์ม อารมณ์ของเฮ่อเหลียนชิงก็ไม่ดีเอาเสียเลย เขาเขวี้ยงทำลายข้าวของในบ้านจนแตกกระจัดกระจายเรี่ยราดเต็มพื้น


“พวกแกรีบมีหลานให้ฉันเร็ว ๆเลยนะ แล้วจะต้องคลอดให้ดูดีกว่าไอ้ลูกหมาตระกูลหนิงให้ได้ด้วย ต้องให้น่ารักกว่าเป็นร้อยเท่า” เฮ่อเหลียนชิงตะโกนเสียงดัง


เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้ว โดนกระตุ้นเรื่องนี้อีกแล้ว


“พ่อครับ ตอนนี้เหมยเหมยยังเรียนอยู่เลยจะมีลูกได้อย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยท่าทีถ้อยทีถ้อยอาศัย


“ทำไมถึงจะมีไม่ได้? มีลูกกับการเรียนไม่ได้เกี่ยวข้องกันสักหน่อย ฉันจะไปพูดกับนายใหญ่ว่าให้ทำใบอนุญาตการเกิดให้เหมยเหมยตอนนี้แหละ แล้วจะต้องคลอดหลานที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มให้ฉันด้วย ฉันโมโหจะตายอยู่แล้ว”


เฮ่อเหลียนชิงดูเหมือนจะอารมณ์เสียมากจริง ๆ พ่นน้ำลายใส่หน้าเหยียนหมิงซุ่นจนเปียกชุ่ม แล้วตะโกนให้เสี่ยวเมิ่งประคองเขาไปหานายใหญ่ ปรารถนาเป็นอย่างมากว่าเหมยเหมยจะมีหลานชายให้เขาได้ในตอนนี้เลย


เหยียนหมิงซุ่นพูดจูงใจอย่างระอา “พวกเราอย่าทำสิ่งผิดกฎหมายเลยตกลงไหมครับ? อีกสองปีเหมยเหมยก็เรียนจบแล้ว อีกสองปีค่อยมีหลานก็ยังไม่สาย พ่อจะรีบร้อนไปทำไม?”


ฉันจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร? วันนี้นายไม่เห็นเหรอว่าตาแก่หนิงท่าทางลำพองใจมากแค่ไหน หางจะชี้ถึงฟ้าอยู่แล้ว นั่นไม่ใช่เพราะหลานของมันหรือไง แล้วก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีลูกชายเสียหน่อย นายรีบไปมีลูกให้ฉันเร็ว ๆเลย!”


เฮ่อเหลียนชิงโมโหมาก หนิงเฉินเซวียนมีอะไรเขาก็ต้องมีด้วย แต่เขามีอะไรหนิงเฉินเซวียนห้ามมีตามเขาเด็ดขาด


เขาเห็นสีหน้าของเหยียนหมิงซุ่นลังเลจึงเกิดความสงสัยขึ้นมาทันที ถามอย่างไม่พอใจว่า “หรือว่านายไม่อยากมีเหรอ? นายอยากจะเลียนแบบพวกชาวต่างชาติที่ไม่อยากมีลูกเพราะต้องการอิสระอะไรทำนองนั้นเหรอ?”


อุณหภูมิในห้องลดฮวบลงในฉับพลัน ดวงตาของเฮ่อเหลียนชิงเบิกกว้าง ขอแค่เหยียนหมิงซุ่นกล้าที่จะส่ายหัวเขาก็พร้อมจะปาถ้วยชาในมือทันทีเพื่อฆ่าลูกชายอกตัญญูคนนี้ทิ้งเสีย!


เฮ่อเหลียนชิงสมองทำงานอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็คิดถึงความเป็นไปได้อีกข้อหนึ่งขึ้นมา พลันหันขวับมองไปที่เหมยเหมยด้วยสายตาเย็นชา “เธอไม่อยากมีลูกใช่ไหม เพราะต้องการรักษาหุ่นเหรอ?”


เหมยเหมยสะดุ้งโหยง ส่ายหัวอย่างแรง


พูดตามสัตย์จริงเธอชอบเด็กมากจะตายไป


“ฉันชอบเด็กจะตาย แต่ว่าตอนนี้ฉันยังเรียนอยู่นี่นา…” เหมยเหมยพูดแก้ตัวเสียงเบา แต่ภายใต้ดวงตาที่น่ากลัวของเฮ่อเหลียนชิง เสียงก็เลยเบาลงเรื่อย ๆจนเงียบลงไม่พูดอะไรเลย แล้วเดินไปหลบอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่น


อยู่หลังสามีของเธอถึงจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหน่อย ตาแก่โรคจิตเฮ่อเหลียนชิงบ้าไปแล้วจริง ๆ ทำอะไรก็ประสาท


“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเหมยเหมย ผมเคยถามหมอแล้วตอนนี้เหมยเหมยยังเด็ก กระดูกเชิงกรานยังไม่ขยายตัว ถ้ามีลูกตอนนี้มีโอกาสที่จะทำให้เด็กพิการได้ หรือว่าพ่ออยากมีหลานชายที่พิการเหรอ?”


เหยียนหมิงซุ่นถือโอกาสเอาผู้เชี่ยวชาญมาอ้าง คำพูดเหล่านี้ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวไว้จริง ๆ ทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่าตราบใดที่แม่ของเด็กสุขภาพดี โอกาสในการให้กำเนิดเด็กพิการนั้นก็จะน้อยมากเรียกได้ว่าไม่ต้องเก็บมาคิดมากเลยทีเดียว


แต่แน่นอนว่าประโยคนี้เขาพูดกับเฮ่อเหลียนชิงไม่ได้ ตอนนี้จะให้เขามีได้อย่างไรกัน?


เฉินซานยังไม่กลับประเทศเลย อีกทั้งพิษกู่หักสวาทก็ไม่รู้ว่าจะแก้ได้หรือเปล่า เขามักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น


ตอนที่ 2008 ไม่อยากมีลูก


เฮ่อเหลียนชิงตกอกตกใจยกใหญ่กับคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น ทำหน้าสงสัย “ผู้เชี่ยวชาญเคยพูดอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ? แกอย่าคิดว่าฉันไม่เคยมีลูกแล้วจะไม่เข้าใจนะ!”


เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “หากพ่อไม่เชื่อก็ไปถามผู้เชี่ยวชาญด้วยตัวเองได้เลยครับ”


เฮ่อเหลียนชิงยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ผู้หญิงสมัยก่อนอายุสิบหกสิบเจ็ดก็มีลูกกันแล้วไม่ใช่เหรอ คลอดลูกเจ็ดแปดคนก็ไม่มีปัญหาอะไร พอมาถึงรุ่นแกอายุยี่สิบก็คลอดลูกไม่ได้แล้วเหรอ?”


พูดไปสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปดูไม่ได้อีกครั้ง สีหน้าไม่ค่อยดีนัก เขาชี้ไปที่เหมยเหมยแล้วก่นด่าว่า “ต้องเป็นเธอที่ไม่อยากมีลูกแน่ ๆ แกตั้งใจหลอกฉันแทนหล่อนใช่ไหม จะต้องเป็นแบบนี้แน่ ๆเลย”


เฮ่อเหลียนชิงมองเหมยเหมยที่หดศีรษะหลบอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่น เขาโมโหขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุจึงสบถด่าว่า “หลบอยู่หลังผู้ชายทำไม? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”


เหมยเหมยตัวสั่นอีกครั้ง เธอไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะวิ่งออกมาให้โดนด่า เธองุดหน้าลงไม่พูดไม่จาทำหูทวนลมไป


เหยียนหมิงซุ่นจ้องไปที่เฮ่อเหลียนชิงอย่างไม่พอใจ “ผมก็บอกแล้วว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหมยเหมย ถ้าหากพ่อยังว่าภรรยาของผมอีกก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจนะครับ”


“หน็อยแน่ แกยังคิดจะไม่เกรงใจฉันด้วยเหรอ? แล้วแกคิดจะไม่เกรงใจฉันด้วยวิธีไหนล่ะ ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม?” เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะแทนที่จะโกรธ เมื่อตระหนักว่าอำนาจของเขากำลังถูกท้าทาย สายตาที่มองเหยียนหมิงซุ่นจึงเปลี่ยนเป็นดุดันเย็นชา


ท่าทางของเหยียนหมิงซุ่นยังคงดูเคารพนบน้อมเหมือนเดิมแต่น้ำเสียงกลับเย็นชาขึ้น “ไม่กล้าหรอกครับ พ่อจะเป็นพ่อบุญธรรมของผมตลอดไป แต่บางเรื่องก็ได้โปรดพ่ออย่าบังคับผมเลย”


“แค่ให้แกมีลูกมันเป็นการบังคับแกอย่างไร? หรือว่าชีวิตนี้แกจะไม่มีลูกงั้นเหรอ?”


“แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่อยากมีเพราะอยากดื่มด่ำกับเวลาของเราสองคนก่อน ผมเลยไม่อยากมีลูกมารบกวนเราสองคนครับ” เหยียนหมิงซุ่นถือโอกาสบอกความจริง


เหมยเหมยกลับนึกว่าเหยียนหมิงซุ่นพูดแบบนี้เพราะตั้งใจจะช่วยเธอพลันนึกซาบซึ้งใจ ในใจอบอวลไปด้วยความอบอุ่น


เฮ่อเหลียนชิงโกรธจนขนหัวลุก กล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมสูงขึ้นกว่าเดิม “อะไรที่เรียกว่าอยากดื่มด่ำกับเวลาของเราสองคนก่อนเหรอ หากทุกคนเห็นแก่ตัวเหมือนแก แล้วสังคมนี้จะดำเนินต่อไปได้อย่างไร?”


เหยียนหมิงซุ่นกลอกตาใส่แล้วพูดเปิดโปงเขาว่า “พ่อไม่จำเป็นต้องพูดให้ดูน่าฟังหรอก วันนี้พ่อก็แค่โดนยุแหย่มาถึงให้ผมและเหมยเหมยมีลูกกันไม่ใช่เหรอครับ วันข้างหน้าลูกของผมจะเกิดมาภายใต้เงื่อนไขของความรักเท่านั้น แต่ไม่ใช่เพราะมาจากความโกรธของพ่อบุญธรรมแน่นอน”


นอกจากเรื่องที่เขาไม่สามารถมีลูกได้ในตอนนี้ นี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาปฏิเสธเช่นกัน


เขาและศัตรูโกรธแค้นกัน หากให้เอาลูกของเขามาเป็นเดิมพัน เขาจะเห็นด้วยได้อย่างไร?


พอโดนพูดจี้ใจดำเฮ่อเหลียนชิงก็รู้สึกผิดเล็กน้อย การแสดงออกบนใบหน้าของเขาดูไม่เป็นธรรมชาตินัก “พูดเหลวไหล ฉันไปโมโหตั้งแต่เมื่อไรกัน ฉันก็แค่อยากอุ้มหลานชาย ถึงอย่างไรก็อย่าเอาข้ออ้างที่ว่าอายุยังน้อยเกินไปจะทำให้ลูกพิการได้มาหลอกฉันเลย สายเลือดที่เละเทะของตระกูลตาแก่หนิงยังสามารถให้กำเนิดเด็กที่ดีเช่นนั้นได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกกับเหมยเหมยจะมีลูกที่แข็งแร็งกว่าไม่ได้?”


เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทำไมพ่อถึงแน่ใจว่าหลานชายของหนิงเฉินเซวียนปกติดีนักล่ะครับ?”


เฮ่อเหลียนชิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะแสดงท่าทีดีใจ


“นี่แกหมายความว่าไง? หรือว่าเด็กคนนั้นไม่ปกติเหรอ?” เฮ่อเหลียนชิงไม่ปกปิดความปิติยินดีของตัวเองเลยสักนิด


เหยียนหมิงซุ่นพยักหน้า “เด็กคนนั้นตาบอดตั้งแต่เกิดและยังมีปัญหาอื่นอีก แต่ตอนนี้ผมยังตามสืบไม่พบ”


“ฮ่า ๆ…พระเจ้าช่างมีตาจริง ๆ!”


เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับเสียสติไปแล้วเป็นเวลาห้านาทีเต็ม ๆถึงจะหยุด เขาปาดน้ำตาที่หางตาของเขาพร้อมพูดกับเหยียนหมิงซุ่นว่า “จัดการเพิ่มคนไปตามสืบมา ฉันต้องการรู้ข่าวนี้โดยเร็วที่สุด”


เฮ่อเหลียนชิงที่รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก็ไม่สนใจประเด็นที่จะให้เหมยเหมยมีลูกอีก เขาโบกมืออย่างอดรนทนไม่ไหวรีบให้เหยียนหมิงซุ่นไปตามสืบมา เขายังให้เสี่ยวเมิ่งไปสั่งห้องครัวเพิ่มอาหารให้เขาเป็นพิเศษด้วย อารมณ์ดีก็ต้องกินให้มากขึ้นหน่อยสิ


เหมยเหมยลอบพรูลมหายใจ ถือว่าไม่เพ่งเล็งมาที่ท้องของเธอแล้ว


…………………………………………..


ตอนที่ 2009 ผู้สมรู้ร่วมคิดที่เสียใจในภายหลัง


ณ คฤหาสน์ตระกูลหนิง


อู่เยวี่ยรีบอุ้มเด็กกลับมาที่ห้อง เด็กดูเหมือนทุกข์ทรมานมาก ใบหน้าที่งดงามบิดเบี้ยวดูท่าทางแปลกเล็กน้อย แต่ต่อให้ทรมานแค่ไหนเด็กก็ไม่เปล่งเสียงร้องออกมา เขาทำแค่เพียงส่งเสียงครางเล็กน้อย


“อย่างอแงเลยนะ เดี๋ยวแม่จะให้กินนมเดี๋ยวนี้แหละ”


อู่เยวี่ยมองดูลูกชายที่เธอพยายามอย่างหนักในการให้กำเนิดแต่กลับปราศจากความรู้สึกใกล้ชิดใด ๆ หล่อนแค่รู้สึกปวดใจและหวาดกลัวอยู่บ้าง


“ฮืม ๆ…”


เด็กน้อยยังคงบิดตัวไปมาไม่หยุดและเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆจนถึงขนาดชักกระตุก หมอเกาตกใจมากจึงรีบวิ่งไปอุ้มเด็กน้อยมาปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน


ด้วยความพยายามของหมอเกาในที่สุดเด็กก็หายแล้วกลับมาสงบลงอีกครั้ง แต่สีหน้ากลับยังดูเจ็บปวดอยู่มาก


“พวกเราจะทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่งั้นเด็กคนนี้จะตายได้นะ” หมอเกาขอร้องอย่างขมขื่น เขาไม่ใช่คนโหดร้ายอะไร หมอเป็นผู้มีใจเมตตา เขามีความสุขกับความสำเร็จในการช่วยชีวิตคน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยทำร้ายใครเลย


แต่เพราะการหลอกล่อของอู่เยวี่ยจึงทำให้เขาทำความชั่วครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก้าวเท้าลงเหวไปแล้วเลยไม่สามารถถอนตัวได้


แต่พอเห็นเด็กน้อยเจ็บปวดขนาดนี้ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของหมอเกาก็ได้รับความทุกข์ทรมานทุกวัน ฝันร้ายทุกคืนและมีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น


อู่เยวี่ยแค่นเสียงเย็นชาแล้วกระชากเด็กกลับมา เธอปลดเสื้อผ้าต่อหน้าหมอเกาแล้วยัดหัวนมที่บวมเป่งเข้าปากลูก มันแปลกมากเพราะทันทีที่เด็กกินนมก็เงียบลงทันที พลันกลับกลายมาเป็นภาพที่งดงามดั่งเดิม


เด็กกำหมัดเล็ก ๆไว้แน่นพร้อมดูดนมเสียงดังจ๊วบจ๊าบ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆบนหน้าผากของเขาช่างเป็นภาพที่สวยงามนัก ต่อให้คนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมได้เห็นภาพนี้ก็ต้องใจอ่อนยวบจนละลายเป็นน้ำ


อารมณ์ของอู่เยวี่ยก็ดีขึ้นมากพลันปรากฏรอยยิ้มของคนเป็นแม่แต่งแต้มบนใบหน้าของเธอ เธอใช้นิ้วลูบไล้ใบหน้าอันบอบบางของเด็กเบา ๆ “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีนะ กินนมเยอะจะได้โตเร็ว ๆ เติบโตเป็นผู้ชายที่ดีในอนาคตและสามารถปกป้องแม่ได้”


อารมณ์ของหมอเกาสงบลงมาแล้ว แต่ยังมีความเจ็บปวดในดวงตาของเขาอยู่ เพราะเขารู้ว่านี่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น


เมื่อเวลาผ่านไปเด็กจะเจ็บปวดขึ้นเรื่อย ๆจนถึงตายได้


สิ่งนี้เป็นผลพวงที่เขาและอู่เยวี่ยสร้างกันขึ้นมา มันเป็นบาปกรรมที่เขาสร้างขึ้นมาเอง!


“คุณนาย ผมขอร้องคุณล่ะ ปล่อยเด็กคนนี้ไปได้ไหม? ผมจะช่วยคุณคิดหาวิธีอื่นเอง” หมอเกาวิงวอนจากใจจริง


อู่เยวี่ยสีหน้าดุดันขึ้นแล้วมองเขาอย่างดูถูก “สมองหมูอย่างนายจะคิดอะไรดี ๆได้? ถ้าฉันไม่ใจร้ายสักหน่อย งั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้านายตอนนี้ก็คงเป็นศพของฉันแล้ว ฉันจะบอกนายให้นะว่าฉันจะทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของฉัน”


เสียงของเธอเหมือนดังแว่วมาจากนรกก็ไม่ปาน อึมครึมน่ากลัวมาก สีหน้าท่าทางของอู่เยวี่ยก็ดูเย็นชาขึ้น นัยน์ตาปล่อยความบ้าคลั่งออกมา


เธอเคยไปนรกมารอบหนึ่งแล้ว และเธอจะไม่ไปอีกเป็นครั้งที่สอง


เพื่อความอยู่รอด เพื่อการแก้แค้น เธอสามารถเสียสละได้ทุกอย่างซึ่งรวมถึงเด็กคนนี้ด้วย!


หมอเกาถึงกับผงะตกใจ เสียวสันหลังวาบ หัวใจจมดิ่งสู่ก้นบึ้ง ในเวลานี้เขาถึงได้รู้จักธาตุแท้ของอู่เยวี่ยพลันนึกเสียใจเหลือเกิน


ทำไมตอนนั้นเขาถึงโดนอู่เยวี่ยหลอกล่อได้นะ?


ตอนนี้ลงเรือลำเดียวกันแล้วคงหนีไม่พ้น เขาจึงทำได้แค่บ้าไปตามอู่เยวี่ย แต่จะมีสักวันที่เขาจะได้ปีนขึ้นฝั่งไหมนะ?


เฮ่อเหลียนเช่อเป็นห่วงเจ้าตัวน้อย หลังจากจัดการกับแขกเรียบร้อยแล้วจึงรีบกลับมาดู พอเห็นเด็กกินนมแม่อยู่ในอ้อมแขนของอู่เยวี่ยก็รู้สึกเบาใจและสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี


“ให้แม่นมที่หาได้เมื่อวานมาป้อนนมเสี่ยวเป่า” เฮ่อเหลียนเช่อสั่งลูกน้อง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)