อัจฉริยะสมองเพชร 1998-1999

 ตอนที่ 1998 หัวใจของศิลปะเพลงดาบ

“หงฉิง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”


หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มที่ชื่อหงฉิง เขารั้งอันดับ 10 ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด การที่เขาก้าวขึ้นสู่ 10 อันดับแรกของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดได้ก็บ่งบอกแล้วว่าเป็นผู้ที่เก่งกาจพอตัว


มีการจัดลำดับชั้นอย่างไม่เป็นทางการในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ผู้รั้งอันดับ 1 จะถือเป็นชนชั้นสูงสุด, ผู้รั้งอันดับ 2 และอันดับ 3 ถือเป็นชนชั้น 2, อันดับ 4-6 เป็นชนชั้น 3, อันดับ 7-11 เป็นชนชั้น 4 และอันดับ 11-20 เป็นชนชั้น 5


แต่ละชนชั้นมีความเหลื่อมล้ำของพละกำลังที่ต่างกันมาก


ถังเหยียนรั้งอันดับ 7 จึงอยู่ในกลุ่มชนชั้น 4 แต่ถึงอย่างนั้น พละกำลังของเขาก็ถือว่ามากเกินพอที่จะทำให้ใครๆหวาดกลัวแล้ว


ไป๋เหรินชิงไม่ได้หยุดอยู่แค่การเอาชนะผู้รั้งอันดับ 13 หรือ? ทำไมหงฉิงถึงรออยู่ข้างนอกด้วยสีหน้าจนปัญญาแบบนั้น?


ในเมื่อหงฉิงอยู่ในชนชั้นเดียวกับเขา ก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่ไป๋เหรินชิงจะเล่นงานอีกฝ่ายได้สำเร็จ!


“ผมถูกศิษย์พี่ไป๋ตัดหัวภายในกระบวนท่าเดียว!” หงฉิงตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆ


ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในหรือศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ก็ถือเป็นธรรมเนียมที่จะเรียกขานผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองว่าศิษย์พี่ นี่เป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์ที่รู้กันดีภายในสำนัก


“คุณกำลังบอกว่าไป๋เหรินชิงท้าทายคุณ และเอาชนะคุณได้อย่างนั้นหรือ?” กั้วอี้เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ


“เธอท้าทายคู่ต่อสู้ที่มีอันดับเหนือกว่าเธอคนแล้วคนเล่า…ผมคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรมาก แต่ลงท้ายก็ถูกตัดหัวด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!”


“เหมือนพวกเราเลย”


ชายหนุ่มและหญิงสาวอีกสองสามคนที่อยู่ตรงนั้นร้องออกมา เมื่อมองไป ถังเหยียนเห็นผู้รั้งอันดับ 11 และ 12 อยู่ที่นั่นด้วย พวกเขามีสีหน้าอับจนหนทาง


แม้แต่คนพวกนี้ก็ไม่อาจรับมือกับศิลปะเพลงดาบของไป๋เหรินชิงได้


“ในหอนิรันดร์ ระดับวรยุทธของพวกเราถูกจำกัดอยู่แค่นักรบเสมือนอมตะระดับล่าง แต่เธอก็เอาชนะทุกคนตั้งแต่อันดับ 16 ลงมาจนถึงอันดับ 10 ได้รวดเดียวโดยไม่หยุดพัก เธอยังมีเรี่ยวแรงสู้ต่ออีกหรือ?” ถังเหยียนแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น


เขาไม่เชื่อว่าศิลปะเพลงดาบของไป๋เหรินชิงจะพัฒนาได้ถึงระดับนั้นจริงๆ


กั้วอี้พลันคิดอะไรได้บางอย่าง เขาตาโต “เดี๋ยวก่อน การที่พวกคุณทุกคนมาอยู่ที่นี่…นั่นหมายความว่าเธอ…”


“ใช่แล้ว เธอกำลังท้าทายลู่เยว่ ผู้รั้งอันดับ 9 ถ้าเธอเอาชนะเขาได้ คุณก็คง…” หงฉิงพยักหน้า


ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ประตูก็ลั่นเอี๊ยด ศีรษะของหญิงสาวคนหนึ่งผลุบออกมา “กั้วอี้ คุณอยู่นี่แล้วหรือ? มาได้เวลาอะไรอย่างนี้ เข้ามาเลย!”


“….” กั้วอี้


น้ำเสียงนั้นราบเรียบและสบายใจ ราวกับเธอกำลังเชิญเขาเข้าไปคุยกัน…


คุณกำลังท้าทายศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดนะ ไม่ใช่สัมภาษณ์ผู้สมัครงาน…แน่ใจหรือว่าไม่ต้องการหยุดพัก?


“ไม่ต้องเข้าไปข้างในหรอก ทำไมไม่ดวลกันเสียที่นี่ล่ะ?” ถังเหยียนโพล่งออกมา


“จริงด้วย ทำไมไม่ดวลกันจะๆให้ทุกคนเห็น? พวกเราอยู่กันแค่ไม่กี่คน ไม่จำเป็นต้องปิดบังหรอก!”ใครคนหนึ่งตะโกนอย่างเห็นพ้อง


ในเมื่อไป๋เหรินชิงเล่นงานพวกเขาจนราบคาบแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน


“ดวลอย่างเปิดเผย?” ไป๋เหรินชิงหันไปถามกั้วอี้ “คุณคิดว่าอย่างไร?”


“ผมจะทำตามข้อเสนอของศิษย์พี่ถัง” กั้วอี้พยักหน้า


“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่มีปัญหา” ไป๋เหรินชิงเดินออกจากห้อง


“ไปที่สังเวียนประลองด้านนอกเถอะ” กั้วอี้พูด


“ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอกน่ะ” ไป๋เหรินชิงตอบขณะชูดาบขึ้นและเดินเข้าหากั้วอี้


“คุณจะโจมตีผมตรงนี้หรือ?”


กั้วอี้ไม่คิดว่าไป๋เหรินชิงจะเล่นงานเขาตรงนี้ เขารีบชูดาบขึ้นป้องกันตัวด้วยความประหลาดใจ


แต่ยังไม่ทันจะรู้ตัว ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอ


ตุ้บ!


ศีรษะของเขาร่วงลงกับพื้น นัยน์ตาเบิกโพลงอย่างพรั่นพรึง ราวกับไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง


หลังจากเล่นงานกั้วอี้แล้ว ไป๋เหรินชิงหันไปมองถังเหยียน “เรียบร้อย คราวนี้ก็ถึงตาคุณ!”


ในตอนแรก เธอยังไม่คุ้นชินกับการฟาดฟันในแนวราบที่อาจารย์ลุงจางถ่ายทอดให้ แต่หลังจากสังหารศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนแล้วคนเล่าไปอย่างง่ายดาย ความมั่นใจของเธอก็พุ่งพรวด


อาจารย์ลุงสอนเธอเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่ศิลปะเพลงดาบเธอก็พัฒนาขึ้นมาก


ไม่แปลกใจแล้วที่เธอสู้กับตั้นเฉี่ยวเทียนไม่ได้! เธอแทบจินตนาการไม่ถูกเลยว่าตัวเองจะทรงพลังแค่ไหนหากได้รับคำชี้แนะเป็นเวลาถึง 2 ชั่วโมงเหมือนตั้นเฉี่ยวเทียน


“คุณจะท้าดวลกับผมที่นี่เหมือนกันหรือ?” ถังเหยียนหน้าดำคร่ำเครียด


“ที่นี่ก็ใช้ได้น่ะ…ตัดปัญหาไปได้เยอะ” ไป๋เหรินชิงตอบ


“คุณจะหยิ่งผยองไปหน่อยไหม?” ถังเหยียนโต้กลับอย่างดุเดือด


จริงอยู่ว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้แข็งแกร่งกว่ากั้วอี้มากนัก แต่หลังจากได้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบไร้มลทินจนเข้าถึงความสำเร็จในภาพรวมแล้ว เขาก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป


“ฉันกำลังรีบนะ ยังต้องท้าทาย 5 อันดับแรกอีก อย่ามัวเสียเวลาเลย ดีไหม?” ไป๋เหรินชิงพูดพร้อมกับโบกมือ


ถังเหยียนหน้าแดงก่ำ “ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าหวังว่าผมจะออมมือให้!”


เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็ปล่อยกระแสดาบฉีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนออกสู่พื้นที่โดยรอบ


“เขาเข้าถึงความสำเร็จโดยภาพรวมของศิลปะเพลงดาบไร้มลทินแล้วหรือ?”


“ไร้เทียมทานจริงๆ!”


“ด้วยประสิทธิภาพการต่อสู้ระดับนี้ อย่างน้อยๆก็น่าจะเข้าสู่ 5 อันดับแรกได้”


“ใช่…”


ผู้ที่อยู่ตรงนั้นล้วนแต่เป็นนักดาบผู้เก่งกาจ จึงเห็นความก้าวหน้าในศิลปะเพลงดาบของถังเหยียนได้ทันที ใครจะไปรู้ว่าถังเหยียนจะฝ่าด่านวรยุทธได้ถึงขนาดนี้ภายในเวลาเพียง 2-3 เดือน


“น่าทึ่งจริงๆ!” ไป๋เหรินชิงตั้งข้อสังเกตเมื่อเห็นกระบวนท่านั้น


ศิลปะเพลงดาบไร้มลทินจะทิ้งร่องรอยของกระแสดาบฉีไว้ทุกหนแห่ง ผู้ที่ผ่านเข้าสู่อาณาเขตของการโจมตีจะถูกเฉือนเป็นชิ้นๆทันที แม้การฟาดฟันในแนวราบของเธอจะเป็นกระบวนท่าของการโจมตีที่ทรงพลัง แต่ก็แทบไม่อาจรับมือกับศิลปะเพลงดาบไร้มลทินได้


“ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะฝึกฝนศิลปะเพลงดาบไร้มลทินได้จนถึงระดับนี้ ขอเวลาสักครู่หนึ่งนะ ฉันจะออกไปข้างนอกสักพัก แล้วจะรีบกลับมาสู้กับคุณ!”


จากนั้น ร่างของไป๋เหรินชิงก็แหลกสลายและหายวับไป


“เฮ้ย…”


ทุกคนมองหน้ากันอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น


ถังเหยียนก็จังงัง


เขาคิดว่าไป๋เหรินชิงจะพุ่งเข้ามาตัดศีรษะของเขาเหมือนที่ทำกับกั้วอี้ ซึ่งถ้าเธอทำอย่างนั้นจริงๆ เขาจะต้องตอบโต้ ลงท้ายก็ขึ้นอยู่กับว่าใครไวกว่า


ไม่นึกเลยว่าเธอจะหันหลังกลับแล้วจากไปดื้อๆ


เธอถึงกับบอกให้เขารอด้วย!


“ศิษย์พี่ถัง…” กั้วอี้ซึ่งเพิ่งกลับเข้ามาโดยใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันใหม่ก็งุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น


“รอที่นี่ก่อนเถอะ” ถังเหยียนตอบ “ผมไม่เชื่อหรอกว่าการให้พวกเรารอที่นี่จะทำให้เธอเอาชนะได้!”


ไป๋เหรินชิงสะบัดศีรษะเมื่อฟื้นคืนสติสัมปชัญญะกลับสู่โลกของความเป็นจริง เธอนั่งลงบนเตียงด้วยสีหน้าสับสนครู่หนึ่งก่อนจะผลักประตูและเดินออกไป


ที่ลานบ้าน ตั้นเฉี่ยวเทียนยังคงฝึกฝนศิลปะเพลงดาบ


ห่างออกไป 10 เมตร เฉาเฉิงลี่ยืนขาสั่น มีลูกวอลนัทอยู่บนศีรษะ


ฟิ้วววว!


ดาบพุ่งออกไป เฉียดลูกวอลนัทไปเล็กน้อย ถากศีรษะของเฉาเฉิงลี่แทน เลือดสดๆไหลซึมออกมาจากบาดแผล


“ผมว่าผมเจ็บตัวนะ” เฉาเฉิงลี่พูดขณะคลำศีรษะของเขา


“คุณไม่เป็นอะไรหรอกน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย มีใครบ้างไม่เจ็บตัว?” ตั้นเฉี่ยวเทียนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ตั้งลูกวอลนัทบนศีรษะของคุณให้อยู่นิ่งๆหน่อย”


“แต่ผมเจ็บจริงๆนะ” เฉาเฉิงลี่คร่ำครวญ


ยังไม่ทันจะพูดจบ ดาบอีกเล่มก็พุ่งหวือออกไปและถากศีรษะอีกส่วนของเขา


เห็นเลือดหยดติ๋งๆลงกับพื้น เฉาเฉิงลี่ตัวสั่นขณะร่ำร้อง “อ๊ากกกก ผมต้องตายแน่ถ้าเป็นแบบนี้!”


“อย่าห่วงน่ะ ผมควบคุมดาบของผมอย่างดี ก็แค่ถากๆผิวของคุณเท่านั้น ไม่ได้ทำอันตรายกะโหลกศีรษะสักหน่อย” ตั้นเฉี่ยวเทียนพูดอย่างสบายใจขณะเดินเข้าไปเก็บดาบของเขา


ก็เป็นอย่างที่ตั้นเฉี่ยวเทียนพูด บาดแผลของเฉาเฉิงลี่ตื้นมาก ไม่มีทางที่เขาจะตายเพราะแผลนั้น


ตั้นเฉี่ยวเทียนฝึกฝนการควบคุมการโยนดาบหลังจากได้รับคำชี้แนะของท่านอาจารย์ และภาคภูมิใจที่จะกล่าวว่าการฝึกฝนของเขาดำเนินไปได้ด้วยดี ไม่อย่างนั้น คงไม่กล้าใช้ศีรษะของเฉาเฉิงลี่เป็นหนูทดลอง


ไป๋เหรินชิงอดตัวสั่นไม่ได้เมื่อเห็นภาพอันแสนอันตรายอยู่ตรงหน้า เธอสูดหายใจลึก จากนั้นก็เดินเข้าไปและถามอย่างอายๆ “ศิษย์น้องตั้น เรื่องจริงก็คือฉันเพิ่งเริ่มเล่าเรียนกับอาจารย์ลุงจางได้ไม่นาน ไม่ทราบว่าคุณพอจะถ่ายทอดเทคนิคการโยนดาบของคุณให้ฉันได้ไหม?”


ตั้นเฉี่ยวเทียนผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “อย่างนั้นหรือ? ถ้าท่านอาจารย์ของผมสอนคุณแล้ว ผมก็คิดว่าคงไม่เป็นไร”


แม้เขาเพิ่งใช้เวลากับท่านอาจารย์ไม่นาน แต่ก็รู้ดีว่าท่านอาจารย์ของเขาเป็นคนมีใจเมตตากรุณา ไม่แยแสทั้งชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ เลือกที่จะตั้งชื่อศิลปะเพลงดาบของตัวเองว่าศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 ตามชื่อของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ยังถ่ายทอดเทคนิคต่างๆให้ทั้งเฉาเฉิงลี่และผู้อาวุโสอี้อย่างไม่ลังเลด้วย


ในเมื่อท่านอาจารย์ของเขาถ่ายทอดวิชาให้ไป๋เหรินชิงแล้ว ตั้นเฉี่ยวเทียนก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะมีปัญหาหากเขาจะถ่ายทอดบางเทคนิคให้เธอ


“การที่คุณจะฝึกฝนศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 ให้เชี่ยวชาญในระยะเวลาอันสั้นนั้นเป็นเรื่องยาก แต่คุณสามารถเพ่งสมาธิไปที่การพิจารณารูปแบบและเส้นทางการไหลเวียนของพลังปราณก่อนได้ หากเข้าใจสิ่งนั้นแล้ว ก็จะค่อยๆเรียนรู้รูปแบบของกระบวนท่าและการตอบโต้ที่หลากหลายได้เอง” ตั้นเฉี่ยวเทียนพูด


ศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 ไม่ใช่ศิลปะที่สำแดงได้ยากจนเกินไป ซึ่งนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เขาเรียนรู้มันได้แม้ในครั้งนั้นจะเป็นแค่นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3


ภายใต้คำชี้แนะของตั้นเฉี่ยวเทียน ไป๋เหรินชิงเข้าใจหลักการพื้นฐานได้ภายใน 3 นาที


ฟึ่บ!


เธอโยนดาบในมือออกไปอย่างไม่ลังเล พริบตาต่อมา มันก็ไปปักอยู่ที่กำแพงข้างตัวเฉาเฉิงลี่


“อ๊ากกกก…” เฉาเฉิงลี่ทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยความกลัว


เขาแทบเสียสติเพราะการโจมตีอย่างกะทันหันครั้งนี้!


ถ้าดาบที่ทั้งทรงพลังและว่องไวนั้นแทงทะลุศีรษะของเขา เขาคงตายทันทีแน่


เห็นการสำแดงเทคนิคของไป๋เหรินชิง ตั้นเฉี่ยวเทียนพลันเกิดความเข้าใจในแนวคิดสำคัญบางอย่างขึ้นมา


“กุญแจของศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 อยู่ที่ความรวบรัดเด็ดขาดของการโจมตี ไม่ใช่ความเร็ว เมื่อคุณแน่ใจว่าจะสามารถเล่นงานคู่ต่อสู้ได้แล้วเท่านั้นถึงควรจะโยนดาบออกไป ซึ่งก็แน่นอนว่านั่นหมายถึงคุณจะต้องสามารถทำนายกระบวนท่าต่อไปของคู่ต่อสู้ อีกทั้งมองเห็นข้อบกพร่องของพวกเขา”


แก่นสารของศิลปะเพลงดาบของนายน้อยที่ 3 ไม่ใช่พละกำลังหรือความเร็ว แต่อยู่ที่การโจมตีจุดอ่อนในการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้


นั่นคือหัวใจของศิลปะเพลงดาบ ส่วนการโยนดาบเป็นเพียงส่วนที่ผิวเผินที่สุดของเทคนิคนั้น


ตอนที่ 1999 นี่มันเทคนิคของเขา!

“คุณใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเข้าใจเทคนิคนี้?” ไป๋เหรินชิงตั้งคำถามพร้อมกับขมวดคิ้ว


ยังมีคนกลุ่มหนึ่งรอเธออยู่ที่หอนิรันดร์ คงไม่ดีแน่หากปล่อยให้พวกนั้นรอนานเกินไป


“ผมใช้เวลา 1 ชั่วโมง แต่นั่นก็เป็นเพราะท่านอาจารย์ถ่ายทอดเทคนิคนี้ให้ผมด้วยตัวเอง ความเข้าใจที่ผมมียังไม่สมบูรณ์แบบนัก เพราะฉะนั้น หากผมถ่ายทอดให้คุณ คุณก็น่าจะต้องใช้เวลา 2 วันเป็นอย่างน้อย…” ตั้นเฉี่ยวเทียนเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน


ถึงเขาจะฝึกฝนเทคนิคนี้มากว่า 10 วัน และเริ่มประสบความสำเร็จบ้างแล้ว แต่ก็รู้ดีว่ายังห่างไกลเหลือเกินหากจะเทียบกับท่านอาจารย์


โดยรูปแบบแล้วอาจดูไม่ต่างกัน แต่หากเป็นเรื่องหัวใจของเทคนิค ก็เรียกได้ว่าอยู่คนละชั้น


การบรรยายของท่านอาจารย์ของเขาเหนือชั้นในแง่ที่มันใช้ตรรกะอันเรียบง่ายเพื่อสร้างองค์รวมของความรู้ สามารถทำลายทุกข้อมูลที่ซับซ้อนและทำความเข้าใจได้ยากจนหมดสิ้น เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสามารถทำอะไรแบบนั้นได้


“ไม่เป็นไร ฉันจะตั้งใจศึกษามันทีหลัง ตอนนี้คงต้องลองดูก่อน…” ไป๋เหรินชิงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า จากนั้นก็เดินกลับห้อง


เธอไม่เคยมีความอดทนมาแต่ไหนแต่ไร ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ฉายาว่า ‘ไดโนเสาร์ตัวเมีย’ ไม่มีทางที่คนอารมณ์ร้อนอย่างเธอจะยืดเวลาของการดวลออกไปอีก 2 วันเพียงเพื่อศึกษาเทคนิคนี้


ฟึ่บ!


ไป๋เหรินชิงกลับสู่พื้นที่การดวล เห็นถังเหยียนกับคนอื่นๆยังรออยู่


“ฉันกลับมาแล้ว ดวลกันต่อเถอะ” ไป๋เหรินชิงพูดขณะชักดาบของเธอออกมาและเข้าประจำตำแหน่ง


เห็นไป๋เหรินชิงจากไปเพียง 5 นาที ถังเหยียนมีสีหน้าสงสัย แต่เขาก็พยักหน้าและสำแดงศิลปะเพลงดาบไร้มลทินอีกครั้ง


กระแสดาบฉีอบอวลอยู่ในอากาศอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นรูปของควันที่ลอยเอื่อย


“ช่างมันเถอะ เราไม่มีทางเลือก ต้องลองดูเท่านั้น…”


ไป๋เหรินชิงคุ้นเคยกับข้อบกพร่องของศิลปะเพลงดาบไร้มลทินเป็นอย่างดี ถึงเธอจะไม่เคยฝึกฝนศิลปะเพลงดาบนั้นมาก่อน แต่เพราะท่านปู่ของเธอเป็นผู้อาวุโสที่ 3 ของสำนัก จึงมีโอกาสได้เห็นหนังสือศิลปะเพลงดาบชั้นยอดมากมาย


ปัญหาก็คือไม่มีทางที่เธอจะมองเห็นข้อบกพร่องของอีกฝ่ายได้เลย


ก็เหมือนกับการที่ต่อให้คุณรู้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสังหารชายที่สวมกางเกงในสีแดงไว้ข้างนอกได้ด้วยหินชนิดหนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำแบบนั้นจริงๆได้


ศิลปะเพลงดาบส่วนใหญ่ของไป๋เหรินชิงคือการโจมตีระยะใกล้ ทำให้เธอต้องฝ่าหมอกควันที่ถูกสร้างขึ้นโดยกระแสดาบฉีเข้าไป แต่หากเธอแตะต้องมัน ก็จะต้องถูกความคมกริบของกระแสดาบฉีนั้นเฉือนร่างเป็นชิ้นๆ


แต่นั่นแหละ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหากเธอมีความเชี่ยวชาญในเทคนิคการโยนดาบ


ไป๋เหรินชิงสะบัดข้อมืออย่างไม่ลังเล ฟึ่บ!


ดาบของเธอพุ่งออกไปด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง


“อะไรกัน? เธอโยนดาบหรือ?” ถังเหยียนถึงกับผงะ เขาชูดาบขึ้นทันทีเพื่อปัดป้องการโจมตีของไป๋เหรินชิง แต่แล้ว พริบตาต่อมาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ศีรษะ


ดาบปักเข้าที่ศีรษะของเขา ถังเหยียนซวนเซเล็กน้อยก่อนจะทรุดฮวบลงกับพื้น


แพ้ราบคาบ!


“การดวลจบแล้วหรือ?”


“แม้แต่ถังเหยียนก็ถูกสังหารภายในกระบวนท่าเดียว?”


“พระเจ้า คุณเห็นความเร็วของดาบเมื่อครู่นี้ไหม? ผมเพิ่งมาถึง…สำนักดาบเมฆเหินมีศิลปะเพลงดาบแบบนั้นด้วยหรือ?”


“ผมไม่คิดว่าผมเคยเห็นมันมาก่อน อันที่จริง ไม่ใช่แค่กระบวนท่านี้นะ ผมไม่เคยเห็นกระบวนท่าที่ไป๋เหรินชิงใช้สังหารพวกเราก่อนหน้านี้เหมือนกัน…”


ทุกคนเงียบกริบ


“มันได้ผลหรือ?”


ขณะที่ฝูงชนตะลึงจนพูดไม่ออก ไป๋เหรินชิงก็ชะงักกับสิ่งที่เธอเพิ่งทำลงไป


เธอเพิ่งศึกษาเทคนิคนี้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน และด้วยความรีบร้อน จึงคิดแต่จะใช้เทคนิคนี้สร้างความหวาดกลัวให้อีกฝ่าย ไม่คิดเลยว่าหมอนั่นจะมาตายแบบนี้


น่าทึ่งเหลือเกิน!


“คนต่อไป!”


ไป๋เหรินชิงตาวาวด้วยความตื่นเต้น ความมั่นใจของเธอพุ่งพรวดขณะกล่าวคำท้าทายผู้รั้งอันดับ 6


…..


ที่บ้านพักของผู้อาวุโสไป๋…


“เป็นอย่างไรบ้าง?” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตั้งคำถาม


“ผมสะกดรอยตามนายหญิงน้อยไป พบว่าเธอเข้าไปที่บ้านพักของศิษย์สายตรงฝ่ายในคนหนึ่ง แต่ศิษย์สายตรงฝ่ายในคนนั้นไม่ใช่จางเซวียน…กลับเป็นตั้นเฉี่ยวเทียน!”


ไป๋เฟิงยื่นตราหยกให้ “นี่คือข้อมูลส่วนตัวของเขา”


“ตั้นเฉี่ยวเทียน?” ผู้อาวุโสไป๋เย่รีบอ่านรายละเอียดขณะขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “ผมรู้จักเจ้าหนุ่มคนนี้ ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นเป็นคนนำตัวเขามาที่สำนักดาบเมฆเหิน ลูกน้องของผมคนหนึ่งรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในสภาผู้อาวุโสให้ผมฟัง และผมก็เห็นรายงานการประชุมแล้ว แม้เขาจะเป็นแค่นักรบขั้นนักปราชญ์โบราณขั้น 1 แต่ก็สามารถปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบได้ไกลถึง 499 เมตร อีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าถึงระดับของเทพดาบ!”


“ใช่ เขานั่นแหละ…จากการสืบเสาะของผม เขาพาสหายคนหนึ่งมาที่สำนักของเราด้วย ซึ่งสหายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจางเซวียน ระดับวรยุทธของ ‘จางเซวียน’ คนนี้คือผู้ทำลายล้างมิติขั้นต้น ซึ่งก็ไม่ได้ห่างจากตั้นเฉี่ยวเทียนเท่าไหร่” ไป๋เฟิงพูดขณะยื่นข้อมูลอีกชุดหนึ่งให้


ด้วยอิทธิพลของผู้อาวุโสไป๋เย่ การสืบเสาะหาภูมิหลังของใครสักคนย่อมง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก


แม้จางเซวียนจะเพิ่งเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินตามตั้นเฉี่ยวเทียนมาไม่นาน แต่ข้อมูลของเขาก็ถูกบันทึกไว้แล้ว


“เป็นเขานั่นแหละ” ผู้อาวุโสไป๋เย่ตั้งข้อสังเกตขณะอ่านรายละเอียด


เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความแตกต่างระหว่างระดับวรยุทธที่ถูกบันทึกไว้กับระดับวรยุทธที่แท้จริงของจางเซวียน แต่รายละเอียดอื่นๆก็ตรงกันกับสิ่งที่เขารู้


“เป็นไปได้ว่าเหรินชิงไปบ้านพักของตั้นเฉี่ยวเทียนเพื่อตามหาจางเซวียน ผมอยากให้คุณสืบเสาะเรื่องนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในหรือไม่ จางเซวียนคนนี้ก็ปลอมตัวมา ผมเกรงว่าเขาอาจมีเจตนาร้าย” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูด


“ขอรับ นายท่าน” ไป๋เฟิงตอบ


ไป๋เฟิงลุกขึ้นยืนและกำลังจะออกจากห้อง ก็พอดีกับที่ชายชราอีกคนหนึ่งพรวดพราดเข้ามา “ผู้อาวุโสไป๋เย่ พวกเรายินดีเหลือเกินที่คุณหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว…แต่คุณควรดูแลหลานสาวของคุณให้ดีกว่านี้นะ!”


“หลานสาวของผม? มีอะไรหรือ?” ผู้อาวุโสไป๋เย่ชะงัก


“เลิกทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้แล้ว! หลังจากที่เธอเข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด เธอก็ท้าทายทุกคนนับตั้งแต่อันดับ 16 ขึ้นไป และเอาชนะพวกเขาได้ภายในกระบวนท่าเดียว ตอนนี้เธอเข้าสู่ 5 อันดับแรกแล้ว!” ผู้อาวุโสคนนั้นพูดพร้อมกับโบกมือ


“เธอเข้าสู่ 5 อันดับแรกแล้ว?” ผู้อาวุโสไป๋เย่กับไป๋เฟิงต่างจังงัง


ทั้งคู่รู้พละกำลังของไป๋เหรินชิงดี ซึ่งหากพูดกันตามตรง การรั้งอันดับ 17 นั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอ แต่จู่ๆก็เข้าสู่ 5 อันดับแรกได้?


เป็นไปได้อย่างไร?


ชายชราโยนผลึกบันทึกให้ขณะพูดว่า “นี่คือบันทึกภาพการดวลของเธอ คุณดูเอาเองเถอะ!”


ผู้อาวุโสไป๋เย่รีบเปิดใช้งานผลึกบันทึกและพิจารณารายละเอียด


จากภาพที่เห็น เขาเห็นไป๋เหรินชิงสังหารศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนแล้วคนเล่าด้วยการฟาดฟันเพียงครั้งเดียว ทำให้ทุกคนหมดกำลังใจอย่างหนัก


รวมแล้ว หลานสาวของเขาใช้เพียง 2 กระบวนท่าเท่านั้นตลอดการดวล คือการฟาดฟันในแนวราบและการโยนดาบ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าไหน การสังหารก็เกิดขึ้นทันทีที่เธอเริ่มสำแดงมัน


สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากระบวนท่านั้นทรงพลังแค่ไหน…ว่าแต่ เธอร่ำเรียนมาจากใคร?


“นี่…นี่มันเทคนิคของเขา!” ไป๋เฟิงหรี่ตาด้วยความตกใจ


“เทคนิคของใคร?” ผู้อาวุโสไป๋เย่ย้อนถาม


ไป๋เฟิงรีบเปลี่ยนไปใช้โทรจิตก่อนจะพูดต่อ “นี่คือเทคนิคที่ผมน่ะถ่อมตัวเป็นผู้สำแดง ผมศึกษาและตีความมันเพื่ออธิบายให้ไป๋เหรินชิงฟัง ไม่นึกเลยว่าเธอจะนำมาใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญกว่าผมเสียอีก ราวกับ…ราวกับว่า…”


“ราวกับอะไร?”


“ราวกับเธอได้ร่ำเรียนจากผมน่ะถ่อมตัวด้วยตัวเอง!” ไป๋เฟิงอุทาน


เรื่องของผมน่ะถ่อมตัวกระฉ่อนไปทั่วทั้งสำนักดาบเมฆเหิน ถึงขนาดที่ไม่มีใครไม่รู้จัก แม้ผู้อาวุโสไป๋เย่จะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็รู้เรื่องที่หลานสาวของเขาถูกตัดหัวถึง 2 ครั้ง แถมลูกน้องผู้จงรักภักดีของเขาก็ยังถูกตัดหัวไปครั้งหนึ่ง


ผมน่ะถ่อมตัวดูเหมือนผู้ที่น่าจะสามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสใหญ่ เขาไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้คลาดสายตา!


แถมตอนนี้เขาก็กำลังได้รับการบอกเล่าว่าศิลปะเพลงดาบที่หลานสาวของเขาสำแดงออกมามีต้นกำเนิดจากชายผู้นั้น


“คุณกำลังบอกผมว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ผมน่ะถ่อมตัวเป็นผู้ถ่ายทอดเทคนิคนั้นให้เหรินชิงด้วยตัวเอง และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เธออาจหาญท้าทายศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนอื่นๆใช่ไหม?” ผู้อาวุโสไป๋เย่เข้าใจได้ทันที


ก็จริง ดูจะไม่มีคำอธิบายอื่นที่สมเหตุสมผลกว่านี้


“ใช่แล้ว นายท่าน!” ไป๋เฟิงพยักหน้า


“ทั้งสำนักกำลังควานหาผมน่ะถ่อมตัว แต่เขาถ่ายทอดศิลปะเพลงดาบของตัวเองให้เหรินชิงและท้าทายเหล่าศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดโดยผ่านตัวเธอ น่าสนใจ น่าสนใจมาก!” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูดยิ้มๆ


“พูดก็พูดเถอะ คุณคิดว่าหมอนั่นเป็นใคร?”


“ผมก็ไม่แน่ใจ…” ไป๋เฟิงส่ายหัว แต่ยังไม่ทันจบประโยคก็ตาโตขึ้นมาเมื่อพลันนึกได้ เขาถามด้วยริมฝีปากสั่นเทา “คงไม่ใช่ว่า…นายท่าน คุณกำลังนึกถึงจางเซวียนใช่ไหม?”


ผู้อาวุโสไป๋เย่พยักหน้า “ถ้าไม่ใช่เขา จะเป็นใครอื่นได้ล่ะ?”


“เอ่อ…”


ไป๋เฟิงพูดไม่ออกหลังจากได้ฟังคำยืนยันของนายท่าน


หากคิดแบบนี้ ทุกอย่างก็ลงตัว


นายหญิงน้อยออกไปโดยมีเจตนาจะท้าทายจางเซวียน แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง เธอกลับลงเอยด้วยการเต็มใจแสดงละครจัดฉากกับหมอนั่น และหลังจากที่กลับมา เธอก็ดูเหมือนจะได้ร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบของผมน่ะถ่อมตัวและใช้กระบวนท่าของเขาเอาชนะศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดจำนวนมากมายได้


เมื่อย้อนคิดดู ก็น่าแปลกใจไม่น้อยว่าจางเซวียนมียาที่สามารถรักษานายท่านของเขาอยู่กับตัวได้อย่างไร


ยิ่งไปกว่านั้น จางเซวียนเพิ่งเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินได้เพียงวันเดียว แต่ดูเหมือนจะสามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าและท้าทายศิษย์สายตรงฝ่ายในทุกคนได้


ยิ่งพิจารณามากขึ้นเท่าไหร่ ทุกเงื่อนงำก็ดูจะพุ่งเป้าไปที่จางเซวียน ทั้งคู่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะอยากปฏิเสธก็ตาม


“อย่าเพิ่งด่วนสรุป เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าใช่เขาจริงๆหรือเปล่า” ผู้อาวุโสไป๋เย่พูด “ผมจะทดสอบเขาด้วยตัวเอง”


“ขอรับ นายท่าน” ไป๋เฟิงตอบ


ทั้งคู่สนทนากันผ่านโทรจิต ชายชราที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่รู้เรื่องการหารือที่เกิดขึ้น


“คุณไม่คิดจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้เลยหรือ?” เห็นทั้งสองคนไม่แยแส ชายชราโมโหเดือดจนแทบปรี๊ดแตก


“ไม่หรอกน่ะ พวกเราจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้แหละ”


ผู้อาวุโสไป๋เย่สั่งการให้ไป๋เฟิงนำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดมา 2 อัน จากนั้นก็เพ่งสมาธิเข้าไป เขาเข้าสู่หอนิรันดร์พร้อมกันกับไป๋เฟิง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)