อัจฉริยะสมองเพชร 1996-1997

 ตอนที่ 1996 เขาคือ…

ไป๋เหรินชิงฝึกฝนวรยุทธต่อไปอีก 1 ชั่วโมง แต่รู้สึกเหมือนไปไม่ถึงไหน จึงขึ้นขี่หลังอสูรและมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่พักของศิษย์สายตรงฝ่ายใน


ก่อนจะแยกกันที่หอสมุดของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด เธอสอบถามอาจารย์ลุงแล้วว่าเขาพักอยู่ที่ไหน จึงรุดหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็ถึงที่หมาย


ไป๋เหรินชิงกระโดดลงจากหลังอสูรและเคาะประตูบ้านพัก


แอ๊ดดดด!


ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเปิดประตูออกมา เมื่อเห็นไป๋เหรินชิงก็ตาโต เขาตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามดัดให้หล่อเหลาที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ไม่ทราบว่าคุณคือ…”


“ฉันมาขอพบศิษย์พี่-เอ่อ ฉันหมายถึงศิษย์น้องจางเซวียน!” ไป๋เหรินชิงพูด


เธอรู้ดีว่าอาจารย์ลุงไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขากับใคร จึงไม่กล้าเรียกเขาในแบบที่อาจทำให้คนอื่นๆรู้


“คุณมาขอพบนายน้อยของเราหรือ?” ชายวัยกลางคนย้อนถามอย่างประหลาดใจ


แน่นอนว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉาเฉิงลี่ เขาคิดว่าชื่อเสียงกระฉ่อนของเขาในฐานะนักรักตัวยงคงทำให้สาวสวยคนนี้มาเยือนถึงประตูบ้าน หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น แต่กลับกลายเป็นว่าเธอมาขอพบนายน้อย


ไม่คิดเลยว่านายน้อยที่ดูไม่เอาไหนคนนี้จะมีดีอยู่ในตัวเหมือนกัน…


มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาเคยคิดว่าความแปลกประหลาดพิสดารของนายน้อยดูจะเป็นลักษณะเฉพาะของมนุษย์สายพันธุ์ที่ต้อง ‘เป็นโสดตลอดชีวิต’ ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะมีเสน่ห์ดึงดูดสาวสวยระดับนี้ให้มาหาได้ตั้งแต่มาถึงที่นี่ได้เพียงไม่ถึง 1 วัน…


คนเรานี่ตัดสินกันที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ!


“นายน้อยของเราอยู่ข้างใน เชิญทางนี้…” เฉาเฉิงลี่เชื้อเชิญไป๋เหรินชิงเข้าไปในบ้านพัก


เขากำลังจะพาแขกเข้าไปด้านใน ก็พอดีกับที่นึกอะไรได้บางอย่าง เฉาเฉิงลี่พลันเกิดอาการกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาเปลี่ยนมาใช้ขาขวา ก่อนจะก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไป


หลังจากก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไป เฉาเฉิงลี่หันไปพูดกับสาวน้อย “ต้องขออภัยด้วย แต่กรุณาใช้ขาขวาของคุณก้าวข้ามธรณีประตูนะ”


ไป๋เหรินชิงถึงกับงง


“นี่เป็นกฎที่นายน้อยของเราตั้งขึ้น ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ” เฉาเฉิงลี่สำทับอย่างจริงจัง


ไป๋เหรินชิงงุนงงกับกฎเกณฑ์ที่ฟังดูแสนจะเหลวไหล เธอไม่รู้ว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ตั้งใจหยอกเธอเล่นหรือไม่ แต่ลงท้ายก็ไม่กล้าฝ่าฝืนกฎเพราะเกรงจะทำให้อาจารย์ลุงไม่พอใจ ไป๋เหรินชิงใช้ขาขวาก้าวข้ามธรณีประตูไปอย่างว่าง่าย


เมื่อเข้าสู่ลานบ้าน ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังฝึกฝนศิลปะเพลงดาบอยู่ พื้นที่รอบตัวเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายฝึกฝนศิลปะเพลงดาบอยู่นานแล้ว


“ศิลปะเพลงดาบนี้…” ไป๋เหรินชิงมองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มจากระยะไกลอยู่ครู่หนึ่ง เธออดไม่ได้ที่จะตัวแข็ง


ยังไม่ทันจะรู้ตัว เหงื่อของเธอก็ไหลเป็นทางจนชุ่มโชกทั้งแผ่นหลัง


ชายหนุ่มคนนี้น่าจะมีอายุราว 16-17 ปีเท่านั้น แถมมีวรยุทธแค่นักปราชญ์โบราณขั้น 2 ไม่น่าจะเป็นอะไรที่มากกว่าศิษย์สายตรงฝ่ายในธรรมดาสามัญคนหนึ่ง แต่ศิลปะเพลงดาบของเขาทั้งสมบูรณ์แบบและพุ่งทะยานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การเคลื่อนไหวของเขาเรียบง่ายแต่ล้ำลึก และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ


เธอสัมผัสได้ถึงความเป็นนักดาบผู้เชี่ยวชาญในตัวเขา ราวกับเขาคือใครสักคนที่ดำดิ่งอยู่ในวิถีแห่งเพลงดาบมาเนิ่นนานหลายสิบปี


อันที่จริง แม้สิ่งนี้อาจเป็นแค่มุมมองของเธอ แต่เธอแน่ใจว่าศิลปะเพลงดาบของอีกฝ่ายลึกซึ้งยิ่งกว่าท่านปู่เฟิงเสียอีก!


ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งจะสามารถเทียบชั้นกับนักดาบผู้ช่ำชองอย่างไป๋เฟิงได้ สิ่งนี้ทำให้ไป๋เหรินชิงรู้สึกว่าศิลปะเพลงดาบที่เธอร่ำเรียนมาเนิ่นนานหลายปีนั้นแสนด้อยค่า ไม่ต่างอะไรกับของเด็กเล่น


“เขาคือ…ตั้นเฉี่ยวเทียน?” ไป๋เหรินชิงกัดริมฝีปาก


“ใช่แล้ว เขาคือนายน้อยเฉี่ยวเทียน” เฉาเฉิงลี่ตอบพร้อมกับพยักหน้า


“เขาร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบจากศิษย์น้องจางมานานแค่ไหนแล้ว?” ไป๋เหรินชิงตั้งคำถาม


อีกฝ่ายคงได้เรียนกับอาจารย์ลุงจางตั้งแต่เกิด ถึงได้มีความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบขั้นสูงขนาดนี้!


“นานแค่ไหน?” เฉาเฉิงลี่ตั้งต้นนับนิ้วก่อนจะชู 6 นิ้วขึ้นมา “ก็น่าจะนานประมาณนี้แหละ”


“6 ปี? เขาใช้เวลาเพียง 6 ปีก็เก่งกาจขนาดนี้เลย?” ไป๋เหรินชิงถึงกับจังงัง


เธอร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ซึ่งนับจากวันนั้นก็ผ่านไป 20 ปีแล้ว


เธอได้รับคำชี้แนะเป็นการส่วนตัวจากท่านปู่และท่านปู่เฟิง ทั้งยังไม่เคยขาดแคลนทรัพยากรล้ำค่าสำหรับการฝึกฝนวรยุทธ ก็เพราะทั้งหมดนี้ที่ทำให้เธอพัฒนาได้ไกลแม้จะอายุยังน้อย ส่วนชายหนุ่มคนนี้เพิ่งเริ่มเรียนได้แค่ 6 ปี แต่ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งกว่าเธอเสียอีก!


เรื่องนี้ยากจะรับไหว


“6 ปี?” เฉาเฉิงลี่ชะงัก “คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ ผมหมายถึง 6 ชั่วโมง!”


ตลอดสองสามวันที่ได้อยู่ด้วยกัน เฉาเฉิงลี่รู้ว่าจางเซวียนมีธุระยุ่งเหยิงมาก แม้จะเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลเอาใจใส่ตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้มีเวลาให้คำชี้แนะเรื่องวรยุทธกับอีกฝ่ายสักเท่าไหร่ บ่อยครั้งที่เขาเพียงแค่ชี้ข้อบกพร่องเรื่องวรยุทธไม่กี่ข้อให้ตั้นเฉี่ยวเทียนเห็นก่อนจะยื่นตราหยกให้เพื่อให้อีกฝ่ายไปศึกษาต่อด้วยตัวเอง


ด้วยเหตุนี้ แม้ตั้นเฉี่ยวเทียนจะเป็นศิษย์ของจางเซวียนได้หลายวันแล้ว แต่ระยะเวลาที่แท้จริงที่อีกฝ่ายใช้ในการชี้แนะเขาก็น่าจะตกราว 6 ชั่วโมงเป็นอย่างมาก!


“ชั่วโมง?” ไป๋เหรินชิงแทบลมจับ


คนๆหนึ่งจะเก่งกาจขนาดนี้ได้อย่างไรหลังจากได้ร่ำเรียนศิลปะเพลงดาบเพียงแค่ 6 ชั่วโมง?


ในตอนนั้น เธอรู้สึกเหมือนหัวสมองของตัวเองมืดตื้อ ข้อมูลที่ได้มาหนักหนาเกินกว่าจะรับไหว


ขณะที่ไป๋เหรินชิงกำลังจังงัง ตั้นเฉี่ยวเทียนก็เห็นว่ามีผู้มาเยือน เขารีบหยุดการฝึกฝนศิลปะเพลงดาบทันที จากนั้นก็ก้าวยาวๆเข้ามาหาไป๋เหรินชิงและทักทายเธอด้วยรอยยิ้มก่อนจะอธิบายรายละเอียด “อันที่จริง ระยะเวลาที่ท่านอาจารย์ใช้สั่งสอนผมน่ะตกราว 2 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วน 6 ชั่วโมงนั่น…ผมเกรงว่าผมไม่คู่ควรกับการที่ท่านอาจารย์จะให้เวลากับผมมากมายขนาดนั้นหรอก”


การที่ไป๋เหรินชิงมาตามหาท่านอาจารย์ของเขาถึงที่นี่ ก็หมายความว่าเธอรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับท่านอาจารย์แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร


“2 ชั่วโมง…” ไป๋เหรินชิงตกตะลึงกับคำบอกเล่านั้น เธอเงียบงันไปนานกว่าจะพูดออก “จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอท้าคุณดวลศิลปะเพลงดาบ”


“ได้แน่นอน!” ตั้นเฉี่ยวเทียนพยักหน้า


เขาฝึกฝนวรยุทธตัวคนเดียวอยู่เสมอ จึงยิ่งกว่าดีใจที่จะได้มีใครสักคนให้ดวลด้วย เพื่อจะได้ตรวจสอบความก้าวหน้าของตัวเอง


“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มกันเถอะ!” ไป๋เหรินชิงลดระดับวรยุทธของเธอลงมาเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 2 ขั้นต้นอย่างรวดเร็วก่อนจะชักดาบ


ตึ้ง!


เธอกระทืบเท้าและพุ่งเข้าใส่ตั้นเฉี่ยวเทียน


ก่อนหน้านี้ เธอได้เห็นศิลปะเพลงดาบของตั้นเฉี่ยวเทียนแล้ว และรู้ว่าความเชี่ยวชาญในศิลปะเพลงดาบของเขาอยู่ในระดับเหนือชั้น เธอจึงไม่กล้าปล่อยให้การ์ดตก ไป๋เหรินชิงตัดสินใจใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่เริ่ม ทำให้เธอเคลื่อนไหวไปรอบๆได้ด้วยความไวราวกับแสง


ฟึ่บ!


เธอรีบปิดช่องว่างระหว่างตัวเธอกับตั้นเฉี่ยวเทียน และขณะที่คิดว่าคว้าชัยชนะได้อย่างแน่นอนแล้ว ตั้นเฉี่ยวเทียนก็เคลื่อนไหวอย่างปุบปับ เกิดภาพพร่าเลือนชั่วขณะ และทันใดนั้น…


ดาบเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ศีรษะของเธอ!


สัญชาตญาณการป้องกันตัวของไป๋เหรินชิงตื่นตัวขึ้นด้วยความหวาดระแวง เธอรีบปลดปล่อยระดับวรยุทธเพื่อเรียกคืนพละกำลังของนักรบอมตะตัวจริงกลับคืนมา ด้วยการคุ้มกันของชั้นพลังปราณที่โอบรอบตัวเธอ ดาบของตั้นเฉี่ยวเทียนก็กระเด็นไป


ถ้าไม่ใช่เพราะความว่องไวของไป๋เหรินชิง ดาบนั้นคงแทงทะลุศีรษะของเธอแล้ว


ประสบการณ์เฉียดตายทำให้ไป๋เหรินชิงถึงกับอ้าปากหอบหายใจ


เธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มสำแดงศิลปะเพลงดาบแบบไหน มันถึงประชิดเธอได้ขนาดนั้นโดยที่เธอยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ!


พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเธอกำลังเผชิญหน้ากับนักรบอมตะตัวจริง ตอนนี้คงตายไปแล้ว


น่าสะพรึงเหลือเกิน!


ไป๋เหรินชิงอดไม่ได้ที่จะประเมินตั้นเฉี่ยวเทียนอย่างหวาดระแวง เธอคิดว่าศิลปะเพลงดาบที่เขาฝึกฝนก่อนหน้านี้ก็ทรงพลังและน่าทึ่งพอแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขายังมีไม้ตายที่เหนือชั้นกว่านั้นอีก?


หากเป็นคู่ต่อสู้ที่มีวรยุทธระดับเดียวกัน การเคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้คงสังหารเธอได้ในพริบตาเดียว!


“ผมเสียใจจริงๆ! ผมฝึกฝนศิลปะเพลงดาบนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่เคยใช้มันในการต่อสู้จริงๆมาก่อน อีกอย่าง ผมยังควบคุมพละกำลังของเทคนิคนี้ไม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก็เลย…”


ตั้นเฉี่ยวเทียนตั้งใจจะหยุดดาบทันทีที่มันไปจ่ออยู่ตรงหน้าคู่ต่อสู้ แต่เขาประเมินความสามารถในการใช้ดาบของตัวเองสูงไป ด้วยเหตุนี้ แม้จะพยายามขนาดไหน ก็ยับยั้งมันไม่ได้


โชคดีที่อีกฝ่ายตอบโต้อย่างรวดเร็วและใช้พลังปราณป้องกันตัวของเธอผลักดันดาบของเขาออกไปได้ ไม่อย่างนั้น ถ้าดาบเขาแตะต้องแขกของท่านอาจารย์ เขาจะต้องถูกตำหนิอย่างรุนแรงแน่!


“คุณเพิ่งเรียนศิลปะเพลงดาบกับเขาได้เพียง 2 ชั่วโมง แต่เพลงดาบของคุณเหนือชั้นกว่าฉันเสียอีก…” ไป๋เหรินชิงกลืนน้ำลายด้วยความพรั่นพรึง แต่ในเวลาเดียวกันก็อดสงสัยไม่ได้


เราก็ได้เรียนการฟาดฟันในแนวราบจากอาจารย์ลุงมา…ถึงทักษะของเราจะยังไม่เข้าที่เข้าทางและต้องใช้เวลาอีกยาวไกลกว่าจะเข้าใจแก่นสารของมัน แต่เราก็อยากรู้ว่ามันจะทรงพลังแค่ไหนหากนำไปใช้ในการต่อสู้จริงๆ…


เธอแน่ใจว่าการฟาดฟันในแนวราบนั้นทรงพลัง แต่การรับรู้มันแค่ในทางทฤษฎีย่อมแตกต่างจากการปฏิบัติจริง


ทันทีที่คิดได้ ไป๋เหรินชิงก็คันไม้คันมืออยากทดสอบเทคนิคนั้นกับใครสักคนขึ้นมา


เธอมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ส่ายหัว


เธอไม่อยากเสี่ยงกับการถูกดาบแทงทะลุศีรษะ ที่หลบเลี่ยงมาได้อย่างเฉียดฉิวก็เพราะปฏิกิริยาตอบโต้อันว่องไวของเธอเท่านั้น ถ้าใจลอยสักหน่อย ป่านนี้คงเป็นศพไปแล้ว!


“ที่นี่มีห้องส่วนตัวให้ฉันใช้ไหม?” ไป๋เหรินชิงตั้งคำถาม


“ห้องนั้นว่าง คุณใช้ได้ตามสบาย ตอนนี้ท่านอาจารย์กำลังฝึกฝนวรยุทธอยู่ คุณพักผ่อนไปก่อนนะ ผมจะเรียกคุณทันทีที่เขาออกมา” ตั้นเฉี่ยวเทียนตอบ ก่อนจะชี้ไปยังห้องหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ


ศิษย์สายตรงฝ่ายในส่วนใหญ่มีคนรับใช้เพื่อคอยอำนวยความสะดวกต่างๆ บ้านพักของพวกเขาจึงกว้างขวางและมีห้องหับมากมาย


ไป๋เหรินชิงขอบคุณตั้นเฉี่ยวเทียนก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง เธอทรุดตัวลงนั่งบนเตียงก่อนจะนำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันหนึ่งออกมา


มันคือตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลที่ใช้เข้าสู่หอนิรันดร์ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด!


ไป๋เหรินชิงเพ่งสมาธิเข้าสู่ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล บริเวณรอบตัวเธอมืดมิดไปทันที


เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็มายืนอยู่ที่ใจกลางหอนิรันดร์แล้ว


ตอนที่ 1997 ศิลปะเพลงดาบไร้มลทิน

ที่นี่ไม่เหมือนกับสังเวียนประลองของศิษย์สายตรงฝ่ายใน สังเวียนประลองของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดมีทั้งสังเวียนประลองที่เปิดให้สาธารณชนเข้าชมและสังเวียนประลองส่วนตัว


ไป๋เหรินชิงครุ่นคิด ในการประลองของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดครั้งก่อน เรารั้งอันดับ 17 เท่านั้น ส่วนอันดับ 16 คือหวังเฮ่า เรายังไม่เคยเอาชนะเขาได้เลย นี่คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ทดลอง!


เหตุผลที่ไป๋เหรินชิงมีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดก็มาจากท่านปู่ของเธอ, ผู้อาวุโสไป๋เย่เป็นหลัก ถึงเธอจะเก่งกาจไม่น้อย แต่เรื่องจริงก็คือยังมีเหล่าปีศาจมากมายในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่แข็งแกร่งกว่าเธอ ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ เธอยังไม่อาจเข้าถึงแม้แต่ 10 อันดับแรกด้วยซ้ำ


ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอันดับต้นๆมีพละกำลังเหนือชั้นกว่าผู้อาวุโสส่วนใหญ่เสียอีก


ในเมื่อเธอยังไม่เคยเอาชนะหวังเฮ่าซึ่งรั้งอันดับ 16 ได้ เขาก็น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทดสอบศิลปะเพลงดาบที่เธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่


ไป๋เหรินชิงเดินไปที่เคาน์เตอร์ด้านหน้า “ฉันขอยื่นคำท้าดวลกับผู้รั้งอันดับ 16, หวังเฮ่า!”


ไม่ช้า ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดที่ชื่อหวังเฮ่าก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นไป๋เหรินชิง เขาเหยียดริมฝีปาก “ลมอะไรหอบคุณมาถึงที่นี่? เพิ่งเรียนศิลปะเพลงดาบชนิดใหม่มาหรือไง ถึงคิดว่าจะเอาชนะได้? จะลองดูก็ไม่มีปัญหานะ แต่ผมเชื่อว่าไม่น่ามีอะไรแตกต่าง เราเพิ่งดวลกันไปเมื่อครึ่งเดือนก่อนนี่เอง และเห็นกันชัดๆว่าคุณสู้ผมไม่ได้”


“ฉันเพิ่งเรียนศิลปะเพลงดาบชนิดใหม่มา และอยากหาใครสักคนมาทดสอบมัน” ไป๋เหรินชิงตอบตามตรง “ผลจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญหรอก เพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นแบบฝึกหัดที่ดีสำหรับทั้งคุณและฉัน”


เธอยังไม่แน่ใจว่ากระบวนท่าการฟาดฟันในแนวราบของอาจารย์ลุงจางทรงพลังแค่ไหน ดังนั้น หากจะพูดกันตามตรง เธอก็ยังไม่รู้อีกเหมือนกันว่าจะเอาชนะหวังเฮ่าได้หรือไม่


“ได้เลย ทำตามที่คุณเห็นดี” หวังเฮ่าหัวเราะหึๆ “เริ่มกันเถอะ!”


ทั้งคู่เข้าสู่สังเวียนประลองส่วนตัวที่อยู่ในห้องๆหนึ่ง


ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดทุกคนถือเป็นทรัพยากรสำคัญในสำนักดาบเมฆเหิน พวกเขาได้รับความเคารพอย่างสูงและมีผู้นิยมชมชอบมากมาย ดังนั้น ศิษย์สายตรงส่วนใหญ่จึงมักเลือกความเป็นส่วนตัวหากเป็นเรื่องของการประลอง


หลังจากเข้าประจำที่ หวังเฮ่ามองไป๋เหรินชิงขณะพูดว่า “ผมจะเริ่มเลยนะ!”


ฟึ่บ!


พริบตาต่อมา เขาก็ขับเคลื่อนพละกำลังเพลงดาบอันหนักหน่วงอย่างน่าทึ่งออกมา


จริงอยู่ว่าไป๋เหรินชิงยังไม่เคยเอาชนะเขาได้ แต่ทักษะของเธอก็ถือว่าเก่งกาจไม่น้อย คงโง่เง่าเต็มทีหากจะสบประมาทผู้ที่ได้รับการชี้แนะเป็นการส่วนตัวจากผู้อาวุโสที่ 3 ไป๋เย่


เพราะไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น หวังเฮ่าจึงยังไม่ได้ปล่อยหมัดออกไป


“การโจมตีซึ่งหน้าหรือ?” ไป๋เหรินชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะหึๆออกมา


การฟาดฟันแนวราบที่เธอเพิ่งเรียนมานั้นดูจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับรับมือกับการโจมตีลักษณะนี้ ดูราวกับอีกฝ่ายกำลังเปิดช่องให้เธออย่างเต็มเปา


ไป๋เหรินชิงสำแดงการฟาดฟันแนวราบตามที่เพิ่งร่ำเรียนมาอย่างไม่ลังเล


“ระวังหน่อยนะ ฉันยังไม่เชี่ยวชาญกระบวนท่านี้สักเท่าไหร่ แต่แน่นอนว่ามันทรงพลังมาก…” ไป๋เหรินชิงเปรยพร้อมกับยิ้มให้


แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ ก็รู้สึกว่าแรงกดดันที่พุ่งเข้าใส่เธอแตกสลายไปทันที


ตุ้บ!


ศีรษะหนึ่งกลิ้งหลุนๆไปที่มุมห้อง จากนั้นไม่นาน ร่างของหวังเฮ่าก็ล้มคว่ำลงกับพื้น


“ฮะ?” ไป๋เหรินชิงถึงกับจังงัง


นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าเธอไม่ได้เชี่ยวชาญการฟาดฟันในแนวราบมากนัก เธอก็ยังไม่ได้สำแดงเทคนิคฉบับเต็มด้วย แต่ยังไม่ทันจะรู้ตัว คู่ต่อสู้ที่เธอไม่เคยเอาชนะได้มาก่อนก็ถูกสังหาร


หวังเฮ่าที่ถูกฆ่าตายไปแล้วรีบกลับเข้ามาในหอนิรันดร์อีกครั้งด้วยการใช้ตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลอันใหม่ เขาถามไป๋เหรินชิงด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความไม่อยากเชื่อ “คุณ…มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?”


เขากำลังงงงันสุดขีด


ไป๋เหรินชิงไม่เคยเทียบชั้นกับเขาได้มาก่อน แต่คราวนี้เธอถึงกับตัดศีรษะของเขาได้ มันยากที่จะรับไหว!


“ฉันก็ไม่แน่ใจ” ไป๋เหรินชิงตอบงงๆ


เธอแค่สำแดงกระบวนท่าตามแบบที่อาจารย์ลุงจางสอน ไม่นึกไม่ฝันเลยว่ามันจะทรงพลังขนาดนี้


“ผมขอแก้มือ คราวนี้ผมจะทุ่มสุดตัวตั้งแต่เริ่ม!” หวังเฮ่ายืนกรานขณะชักดาบออกมาอีกครั้ง


ฟิ้ววววว!


เขาปลดปล่อยกระแสดาบฉีออกมาเป็นชุด มันอบอวลอยู่ในอากาศ ทำให้ตัวเขาสามารถปล่อยการโจมตีและป้องกันตัวได้ตามใจปรารถนา


ในฐานะผู้รั้งอันดับ 16 ของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด ความเข้าใจในศิลปะเพลงดาบของเขาถือว่าเหนือชั้น นักดาบทั่วไปมีแต่จะสิ้นหวังหากได้เห็นประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขา


ส่วนไป๋เหรินชิงก็รู้ดีว่าคราวนี้หวังเฮ่าเอาจริงแน่ ถ้าเธอใช้เทคนิคอื่น ก็มีโอกาสสูงที่จะพ่ายแพ้ จึงสำแดงเทคนิคที่อาจารย์ลุงจางเพิ่งถ่ายทอดให้ออกมาอีกครั้งอย่างไม่ลังเล


ฟึ่บ!


และแล้วก็อีกครั้ง ยังไม่ทันที่เธอจะได้สำแดงเทคนิคอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ศีรษะของหวังเฮ่าก็หลุดกระเด็น คราวนี้มันกลิ้งหลุนๆไปไกลกว่าคราวก่อนเสียอีก


“นี่…” ไป๋เหรินชิงตกตะลึงสุดขีด


ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ตั้งแต่เธอใช้กระบวนท่านี้ ก็รู้สึกเหมือนว่าลำคอของอีกฝ่ายจะบอบบางอย่างน่าประหลาด แค่การฟาดฟันง่ายๆเพียงครั้งเดียวก็เกินพอที่จะตัดศีรษะของเขาให้หลุดจากบ่าแล้ว


ถังเหยียนคือผู้ได้รับความยกย่องอย่างสูงแม้ในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดด้วยกัน เขารั้งอันดับ 7 ในการประลองศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคราวก่อน ศิลปะเพลงดาบไร้มลทินที่เขาฝึกฝนนั้นเป็นที่เลื่องลือ ผู้คนพากันเกรงกลัว


ครั้งหนึ่งเขาเคยไล่ล่าจอมโจรที่เป็นนักรบขั้นอมตะตัวจริงสรวงสวรรค์ไปจนถึงรังของมันและทำลายล้างทั้งสำนัก รวมถึงทุกกลุ่มอำนาจที่เกี่ยวข้องกับจอมโจรผู้นั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชื่อเสียงของเขาจึงระบือลือลั่นไปทั่วโลก


เขาอายุ 51 ปีแล้ว แต่รูปร่างหน้าตาดูไม่ต่างกับคนอายุ 20 ต้นๆ พลังปราณของเขาเข้มข้นและเป็นหนึ่งเดียว ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาสามารถสร้างพายุดาบฉีที่มีอานุภาพทำลายล้างได้ด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว


ไม่ว่าจะเป็นสถานภาพ ชื่อเสียง หรือพละกำลัง ก็ล้วนไม่อ่อนด้อยสักอย่าง


ตอนนี้เขายืนอยู่บริเวณลานบ้านของที่พัก กำลังสำแดงการฟาดฟันดาบอันงดงาม มันเป็นภาพที่ก่อให้เกิดความสุนทรีย์ราวกับกำลังเฝ้ามองจิตรกรผู้เก่งกาจ


ฟึ่บ!


ถังเหยียนหยุดการเคลื่อนไหวแล้วถอนดาบกลับ


การฟาดฟันเหล่านั้นยังคงลอยละล่องอย่างงดงามอยู่กลางอากาศราวกับควันที่ลอยเอื่อย


นกป่าตัวหนึ่งบินเข้าสู่ใจกลางกลุ่มควันนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ


ควั่บ!


ราวกับมันพุ่งเข้าใส่เครื่องหั่นเนื้อ เลือดสดๆกระจายไปทั่ว เพียงชั่วพริบตา ร่างของมันก็แหลกเละ


“ขอแสดงความยินดีด้วย ศิษย์พี่ถัง! ในที่สุดคุณก็เข้าถึงความสำเร็จในภาพรวมของศิลปะเพลงดาบไร้มลทินแล้ว!” เสียงปรบมือดังขึ้นขณะที่ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา


เขาคือผู้รั้งอันดับ 8 ในหมู่ศิษย์สายตรงฝ่ายใน กั้วอี้!


แม้จะดูเหมือนคนอายุ 20 ปีต้นๆ แต่เรื่องจริงก็คือเขาอายุราว 50 ปีแล้วเช่นกัน


อายุขัยของผู้สำเร็จวรยุทธขั้นเสมือนอมตะนั้นยาวนานถึง 300 ปี ซึ่งการพัฒนาวรยุทธไปสู่ขั้นนักรบอมตะตัวจริงจะไม่ช่วยเพิ่มอายุขัย แต่จะทำให้พลังงานและพลังชีวิตของผู้นั้นเข้มข้นกว่าเดิม ช่วยรักษาพละกำลังและความอ่อนเยาว์ไว้ได้ ด้วยเหตุนี้ นักรบอมตะตัวจริงที่มีอายุราว 50 ปีจึงถือว่ายังหนุ่ม


“หลังจากหมั่นเพียรฝึกฝนเทคนิคนี้มาถึง 30 ปี ในที่สุดผมก็ประสบความสำเร็จบางอย่าง สำหรับการประลองศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดครั้งต่อไป ผมน่าจะขึ้นสู่ 5 อันดับแรกได้” ถังเหยียนพยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ


เพราะเขายังไม่ประสบความสำเร็จในการฝึกฝนศิลปะเพลงดาบนี้ จึงทำให้ต้องรั้งอันดับ 7 ในการประลองครั้งก่อน แต่ในเมื่อตอนนี้เขาประสบความสำเร็จโดยภาพรวมแล้ว การจะก้าวขึ้นสู่การเป็น 5 อันดับแรกก็คงไม่ยากเกินไป


“ผู้ที่เข้าสู่ 5 อันดับแรกของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดได้จะมีโอกาสได้เป็นผู้อาวุโสขั้นสูงสุดของสำนัก ผมขอแสดงความยินดีกับคุณล่วงหน้า, ศิษย์พี่ถัง!” กั้วอี้ประสานมือ


บรรดาผู้อาวุโสขั้นสูงสุดที่ทำหน้าที่ดูแลกิจธุระสำคัญของสำนักดาบเมฆเหินนั้น ส่วนใหญ่ก็มาจากผู้เชี่ยวชาญ 5 อันดับแรกของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด


ยกตัวอย่าง เมื่อร้อยปีก่อน ผู้อาวุโสไป๋เย่รั้งอันดับ 3 ในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดอยู่นาน ผู้เดียวที่เอาชนะเขาได้คือผู้อาวุโสเหอเทียน


“อย่าห่วงน่ะ ผมได้เป็นผู้อาวุโสขั้นสูงสุดเมื่อไหร่ จะไม่ลืมคุณแน่” ถังเหยียนหัวเราะหึๆก่อนจะมองหน้าอีกฝ่าย “แปลกดีที่คุณแวะมาหาผม มีอะไรหรือเปล่า?”


“เรื่องเป็นอย่างนี้…ศิษย์พี่ถัง คุณสนใจไป๋เหรินชิงใช่ไหม?” กั้วอี้ถาม


“ใช่” ถังเหยียนยอมรับตามตรง


ไป๋เหรินชิงอาจมีอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่เสมอ แต่ทั้งภูมิหลังและรูปร่างหน้าตาของเธอถือว่าเยี่ยมยอด หากเขาได้แต่งงานกับเธอ ย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อความก้าวหน้าในอนาคต เขาอาจได้เป็นถึงผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก และนั่นจะทำให้เขากลายเป็นบุคลากรชั้นนำของทวีปที่ถูกลืมแห่งนี้


“ตอนนี้เธอรั้งอันดับ 17 ในหมู่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง วันนี้เธอท้าดวลกับหวังเฮ่า…”


“คุณหมายถึงหวังเฮ่าที่รั้งอันดับ 16 หรือ?” ถังเหยียนย้อนถาม “หมอนั่นก็ไม่ได้ทรงพลังเท่าไหร่ แต่ศิลปะเพลงดาบสายน้ำของเขาจัดว่ารับมือด้วยได้ยาก เจตจำนงเพลงดาบของเขาไหลลื่นราวกับสายน้ำ ก่อเกิดเป็นปราการป้องกันตัวที่ทะลุทะลวงได้ยาก แม้แต่ตัวผมก็ยังต้องเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยหากจะรับมือกับมัน ผมไม่คิดว่าไป๋เหรินชิงจะมีโอกาสเอาชนะเขาได้หรอก”


“หวังเฮ่าคือผู้ที่รับมือด้วยได้ยากจริงๆ แต่ผมได้ข่าวว่าไป๋เหรินชิงตัดหัวหวังเฮ่าไป 2 ครั้งแล้ว แถมเธอยังใช้ไปไม่ถึง 3 กระบวนท่าด้วย!” กั้วอี้อธิบาย


“ภายในไม่ถึง 3 กระบวนท่า เธอสังหารหวังเฮ่าได้ถึง 2 ครั้ง?” ถังเหยียนถึงกับผงะ


เขารู้ความสามารถของไป๋เหรินชิงกับหวังเฮ่าดี พูดได้เลยว่าหวังเฮ่าเหนือชั้นกว่าไป๋เหรินชิงอย่างแน่นอนแม้ทั้งคู่จะห่างกันเพียงอันดับเดียว แล้วหวังเฮ่ามาถูกไป๋เหรินชิงสังหารภายในไม่ถึง 3 กระบวนท่า แถมยังถูกสังหารถึง 2 ครั้งด้วย!


แม่ไดโนเสาร์ตัวเมียตัวนั้นเก่งกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?


“ไป๋เหรินชิงยังไม่หยุดนะ หลังจากที่เล่นงานหวังเฮ่าแล้ว เธอยังท้าทายคนอื่นๆที่มีอันดับเหนือกว่าหวังเฮ่าด้วย ที่ผมได้ข่าวมาก็คือเธอใช้เพียงกระบวนท่าเดียวในการเล่นงานซุนเจียน อันดับ 15, หยางหู่ อันดับ 14, และตู้ชวน อันดับ 13 ด้วยกระบวนท่าเดียว!” กั้วอี้สาธยาย


“ด้วยกระบวนท่าเดียว เธอกำจัดทุกคนตั้งแต่อันดับ 16 ถึงอันดับ 13 เลยหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?” ถังเหยียนแทบไม่เชื่อหู “ไปดูกันเถอะ!”


“ไปสิ” กั้วอี้พยักหน้า


เหตุผลหลักที่เขามาหาถังเหยียนก็เพราะเรื่องนี้ ทั้งคู่รีบนำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลออกมาและเข้าสู่หอนิรันดร์ ไม่ช้าก็มาถึงโซนการประลองส่วนตัว ที่นั่น พวกเขาเห็นนักรบจำนวนหนึ่งนั่งอยู่ด้านนอกด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)