ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1986-1997
ตอนที่ 1986 ฉันไม่มีพ่อบุญธรรมสักหน่อย
“คุณหนูจ้าวระวังคำพูดด้วย ภรรยาของฉันมาจากตระกูลผู้ดี งดงามสง่า แล้วจะมีรอยสักได้อย่างไร? โจวจื่อหัวจากฮ่องกงนั่นแค่พูดจาเหลวไหล คุณจ้าวเป็นคนฉลาดจะเชื่อคำพูดกลวง ๆอย่างนั้นได้อย่างไรเล่า?” เฮ่อเหลียนเช่อพูดเสียงเย็นชา
เหยียนหมิงซุ่นก้าวออกมายืนบังหน้าเหมยเหมยแล้วยิ้มเอ่ยกับเฮ่อเหลียนเช่อว่า “ไม่มีมูลคงไม่เกิดกระแส อีกอย่างโจวจื่อหัวไม่ใช่คนธรรมดา อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงเจ้าพ่อประจำถิ่นแล้วจะกล้าพูดจาเหลวไหลเหมือนอันธพาลตัวเล็กตัวน้อยได้อย่างไรกัน!”
เหมยเหมยพยักหน้าแรง ๆแล้วพึมพำเสียงเบา “นั่นสิ ๆ แมลงวันกินแต่ของเน่า โจวจื่อหัวทำไมไม่ไปว่าคนอื่นล่ะ?”
เฮ่อเหลียนเช่อตวัดตาคมกริบมาทันที เหมยเหมยตัวสะท้านแล้วรีบหลบหลังเหยียนหมิงซุ่น
ไม่กลัวหรอก เพราะฉันมีสามีคอยบังอยู่
“เหมยเหมยของฉันก็พูดไม่ผิด หรือว่าระหว่างนายกับโจวจื่อหัวมีเรื่องเข้าใจผิดแล้วยังเคลียร์กันไม่รู้เรื่องหรือเปล่า เอาแบบนี้แล้วกันฉันกับโจวจื่อหัวเคยผูกมิตรกันไว้บ้าง ถ้ามีเรื่องเข้าใจผิดฉันยอมเป็นตัวกลางช่วยเกลี่ยไกล่ให้แล้วกันนะ เป็นไงล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นแสร้งกล่าว
“คงไม่ต้องลำบากคุณชายหมิงหรอก โจวจื่อหัวเป็นโรคประสาท ไม่มีอะไรให้ต้องพูด” เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันแล้วปรายตามองไปยังเหมยเหมยที่หลบอยู่หลังเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งก่อนจะกระตุกยิ้มเย้ยหยัน
“ฉันก็ขอเตือนคุณชายหมิงระวังตัวหน่อยแล้วกัน ตอนนี้โจวจื่อหัวก็แค่หมาบ้าตัวหนึ่ง ไม่แน่สักวันเขาอาจจะกุข่าวเสียหายใส่ร้ายผู้หญิงของคุณชายหมิงก็ได้!” สายตาของเฮ่อเหลียนเช่อเต็มไปด้วยความปองร้าย
เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “คุณชายเช่อคิดมากไปแล้ว เหมยเหมยของฉันทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ในกรอบในเกณฑ์ดี ไม่ได้เที่ยวไหว้พ่อบุญธรรมไปทั่ว ไม่ได้ทำผิดเลยไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร แล้วจะไปกลัวคนร้ายกาจพวกนั้นทำไมกัน?”
เขาชะงักแล้วกวาดตามองอู่เยวี่ยแวบหนึ่งถึงแค่นเสียงกล่าว “อีกอย่างมีฉันอยู่ ใครมันจะไม่มีตามองกล้าวางแผนทำร้ายผู้หญิงของฉัน? อยากตายหรือไงกัน!”
เหมยเหมยอุ่นวาบที่หัวใจแล้วมองเฮ่อเหลียนเช่ออย่างรังเกียจ เกลียดจริง ๆเลย!
หางตาเหลือบเห็นลาดไหล่ที่ขาวผิดปกติของอู่เยวี่ย เหมยเหมยเลยหมุนตารอบหนึ่งก่อนจะมีแผนดี ๆในใจ แสร้งหยิบแก้วน้ำเก็บความร้อนจากกระเป๋าออกมา ต้องขอบคุณความใส่ใจของเหยียนหมิงซุ่นที่พอถึงฤดูหนาวก็จะสั่งให้เธอพกน้ำชาพุทราแดงทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ตอนนี้ถึงคราวได้ใช้ประโยชน์แล้วไง
“วันนี้อากาศหนาวขนาดนี้ ดื่มชาขับไอเย็นสักหน่อยดีกว่า”
เหมยเหมยดื่มชาไปก็ประเมินมองอู่เยวี่ยไป จงใจยิ้มเอ่ย “โอหยางซานซานเธอไม่หนาวเหรอ? ฉันใส่เสื้อเยอะขนาดนี้ยังหนาวแทบแย่ แต่เธอกลับโชว์ไหล่ขนาดนี้!”
อู่เยวี่ยลอบกัดฟันกรอด ทำไมเธอจะไม่หนาวกันล่ะ เธอหนาวจะตายอยู่แล้ว
แต่เธอจะยอมแพ้นางแพศยาต่อหน้าคนอื่นไม่ได้
หนำซ้ำเธอจะบอกว่าตัวเองหนาวต่อหน้าแขกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นการที่เธอใส่ชุดราตรีมาต้อนรับแขกจะกลายเป็นเรื่องตลกของคนทั้งเมืองหลวง
“คุณหนูจ้าวสุขภาพแย่เกินไปแล้ว ฉันไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด” อู่เยวี่ยแสร้งทำท่าเหมือนไม่เป็นอะไรแล้วยังจงใจคลี่ผ้าคลุมออกหน่อยเผยให้เห็นเนื้อหนังมากกว่าเดิม
บรรดาแขกกระซิบกระซาบเสียงเบาก่อนจะเริ่มสงสัยในคำพูดของโจวจื่อหัว คุณนายเฮ่อเหลียนไม่มีรอยสักบนไหล่และไม่มีไฝสีแดงอย่างว่าสักหน่อย คงไม่ใช่ชู้รักคนนั้นแน่ ๆ!
พวกเขาว่าแล้วเชียว คุณชายเช่อคงไม่ได้สายตาแย่ขนาดนั้นหรอก!
เฮ่อเหลียนเช่อหูดีได้ยินคำกระซิบกระซาบของคนพวกนี้ชัดเต็มสองหูเลยจุดยิ้มอย่างพึงพอใจ บรรลุจุดประสงค์ของเขาในวันนี้แล้ว
เหยียนหมิงซุ่นย่อมได้ยินชัดเต็มสองหูด้วยเช่นกันเลยลอบแสยะยิ้มไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่รอดูเรื่องสนุก ๆต่อไปเงียบๆ!
ยายตัวแสบของเขาคงไม่ยอมจบง่าย ๆหรอก!
“โอ๊ย ฉันเวียนหัว…”
จู่ ๆ เหมยเหมยก็ร้องขึ้นมาตัวเซเอนเอียงไปอีกข้างซึ่งเป็นฝั่งที่อู่เยวี่ยยืนอยู่พอดี
………………………
ตอนที่ 1987 ฉีกหน้ากากของเธอ
บรรดาแขกสีหน้าเปลี่ยนไป นี่มันละครฉากใหญ่อะไรกัน?
เฮ่อเหลียนเช่อไหวตัวหมายจะยกเท้าถีบเหมยเหมยออกแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไวกว่ารั้งเหมยเหมยมาอยู่ในอ้อมแขน เพียงแต่น้ำชาในแก้วกลับหกใส่ตรงซอกคอบ่าไหล่ของอู่เยวี่ยพอดิบพอดี
น้ำสาดเป็นวงกว้างแล้วหยดลงบนเสื้อคลุมไหล่จุดสีแดงเรียงรายอย่างสวยงาม
อาหารบำรุงชั้นดีเก๋ากี่ที่ผู้บังคับบัญชาการใหญ่เหยียนเตรียมไว้ให้ภรรยาสุดรักล้วนหกอยู่บนเสื้อคลุมไหล่ขนมิงค์ตัวนี้หมดแล้ว
“เฮ้ย ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ฉันจะเช็ดให้นะ…”
เหมยเหมยตาไวมือไวรีบฉุดอู่เยวี่ยไว้ก่อนที่หล่อนจะเข้าห้อง หยิบผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมไว้แต่แรกเช็ดน้ำบนลำคอให้หล่อน เธอเช็ดอย่างแรงไม่มีท่าทีจะทะนุถนอมสักนิด
“จ้าวเหมยเธอทำอะไร…ปล่อยฉันนะ!”
อู่เยวี่ยคิดจะขืนตัวให้หลุดแต่กลับถูกกระชากไว้อย่างเหนียวแน่น พอจุดที่ถูกน้ำชาหกใส่ถูกลมพัดเข้าก็เย็นราวกับมีน้ำแข็งวางอยู่ หนาวจนเธอปากสั่นฟันกระทบกัน
“ขอโทษ…ขอโทษ ฉันจะช่วยเช็ดน้ำให้สะอาดเลย ถ้าเป็นหวัดละฉันแย่เลย ใกล้เสร็จแล้ว”
เหมยเหมยปากบอกขอโทษแต่มือกลับไม่รอช้ารีบเร่งความไวให้เร็วขึ้น เฮ่อเหลียนเช่อฉลาดไม่นานก็รู้ทันจุดประสงค์ของเหมยเหมยเลยสีหน้าเปลี่ยนไปยื่นมือหมายจะห้ามเหมยเหมย
“คุณชายเช่ออย่ากังวลใจไป คุณนายไม่กลัวความหนาว สุขภาพร่างกายแข็งแรงขนาดนี้ น้ำแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”
เหยียนหมิงซุ่นรุดก้าวน้ำไปหนึ่งก้าว ดูท่ากำลังพูดขำ ๆแต่กลับใช้ร่างขวางเฮ่อเหลียนเช่อเอาไว้
“เหลวไหล วันอากาศหนาวขนาดนี้น้ำหกใส่จะไม่เป็นไรได้ไง? เหยียนหมิงซุ่น ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยพวกแกสองคนไว้แน่!” เฮ่อเหลียนเช่อร้อนรนเหลือเกิน เขาวางแผนมาตั้งนานจะล้มเหลวไม่ได้
เหมยเหมยกระชากตัวอู่เยวี่ยไว้แน่นทำให้อีกฝ่ายกระดิกตัวไม่ได้แม้แต่น้อย มือยังขยับเช็ดไปเรื่อย ๆทำให้ผิวที่ขาวเนียนในทีแรกเริ่มขึ้นสีแดงคล้ำและผิวตะปุ่มตะป่ำบางจุดเริ่มปรากฎขึ้นมา
เพียงแค่จุดที่เช็ดออกยังไม่มาก หากไม่สังเกตอาจจะมองไม่เห็นได้เลยต้องเช็ดออกให้มากกว่านี้
เหมยเหมยจำจุดที่ตนเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเองกับมือได้อย่างแม่นยำเลยเลือกเช็ดจุดที่แผลเยอะที่สุดพร้อมเร่งความเร็ว เธอได้ยินถ้อยคำของเฮ่อเหลียนเช่อเลยจงใจพูดเสียงดัง “คุณชายเช่อไม่ต้องกังวลไปหรอก เมื่อกี้ภรรยาของคุณเพิ่งบอกว่าไม่หนาวเลยสักนิด คุณดูสิวันอากาศหนาว ๆแบบนี้เธอยังใส่แค่ชุดตัวบางออกมา ดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เก่งจะตายไป!”
แขกคนอื่นที่แต่เดิมคิดว่าเหมยเหมยค่อนข้างซุ่มซ่าม พอได้ฟังคำของเธอกลับไม่คิดอย่างนั้นแล้ว
นั่นน่ะสิ พวกเขาใส่เสื้อโค้ทตัวหนายังหนาวจนตัวสั่นแต่คุณนายเฮ่อเหลียนใส่ชุดปาดไหล่ แล้วยังมีท่าทีเฉยเมยไม่สะทกสะท้านอะไร ซึ่งบ่งบอกว่าเธอไม่กลัวหนาวจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะใส่ชุดนี้ได้อย่างไรกันล่ะ?
“แบบนี้แหละ คนท้องหงุดหงิดง่ายเลยไม่กลัวหนาวเท่าไรเมื่อเทียบกับคนทั่วไป” คนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนเอ่ยขึ้นโดยมีคนอื่น ๆพยักหน้าตาม
เฮ่อเหลียนเช่อคร้านจะฟัง เขาเห็นแล้วว่าแผลตรงซอกคอของอู่เยวี่ยใกล้จะปิดไม่มิดก็ยิ่งร้อนใจ แม้แผลพวกนี้ไม่ได้มาจากการลบรอยสักแต่คนอื่นคงไม่คิดอย่างนั้น ต้องคิดว่าพวกเขาจงใจปกปิดหลักฐานและจะทำให้ความพยายามของเขาต้องสูญเปล่า
“เหยียนหมิงซุ่นแกคิดจะหาเรื่องเหรอ? หลีกไป!”
เฮ่อเหลียนเช่อถลึงตาโตตั้งท่าเตรียมรบ
อู่เยวี่ยเองก็พยายามขืนตัวออกแต่เธอเป็นห่วงเด็กในท้องเลยไม่กล้าใช้แรงมากจึงทำให้ขืนตัวไม่สำเร็จ เธอจึงทั้งโกรธทั้งร้อนใจ
“เอ๋…โอหยางซานซานทำไมบนคอเธอมีรอยแผลเยอะขนาดนี้ล่ะ? โอ้โห มีแต่รอยแผลเต็มไปหมดเลย ดูจากรูปร่างลักษณะคล้ายนกตัวโตเลยนะ โอหยางซานซานแผลพวกนี้มาจากไหนเหรอ?”
ในที่สุดเหมยเหมยก็เช็ดคอนซีลเลอร์ที่ใช้ปกปิดรอยแผลบนไหล่ของอู่เยวี่ยจนสะอาด เผยให้เห็นรอยแผลตะปุ่มตะป่ำสีดำคล้ำในตอนแรก หากดูไกล ๆจะมองเห็นไม่ค่อยชัดนักแต่หากดูใกล้ ๆค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว
ตอนที่ 1988 ยิ่งซ่อนยิ่งเห็นชัด
พอบรรดาแขกได้ยินคำว่ารอยแผลเป็นก็หูตั้ง แอบร้องเฮในใจว่ามีเรื่องสนุก ๆให้ดูแล้ว
คนที่สมองดีหน่อยเพียงแค่ขบคิดเล็กน้อยไม่นานก็สามารถประติดประต่อเรื่องราวเข้ากับรูปถ่ายของโจวจื่อหัวได้ เจ้าพ่อโจวบอกอย่างชัดเจนว่าชู้รักคนนั้นของเขาสักรูปนกฟินิกซ์ไว้ตรงช่วงไหล่มาถึงช่วงหน้าอกตัวหนึ่งอย่างสวยงาม นอกจากนี้ตรงไหปลาร้ายังมีไฝแดงอีกหนึ่งเม็ด
หลังจากนั้นเฮ่อเหลียนเช่อก็เงียบไปแต่อยู่ ๆก็จัดงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดให้หนิงเฉินเซวียน วันอากาศหนาวเหน็บอย่างนี้เจ้าภาพกลับสวมชุดตัวบางแบบนี้
ความหมายที่แอบแฝงอยู่ขอแค่มีสมองสักนิดก็คิดได้ทั้งนั้น!
มิน่าคุณหนูจ้าวกับคุณชายหมิงถึงร่วมมือกันเล่นงานคุณนายเฮ่อเหลียน!
อู่เยวี่ยก้มมองรอยแผลเป็นที่ตนอุตส่าห์หาทางปกปิดมันด้วยแววตาที่ฉายแววลนลานชั่ววูบ แผลพวกนี้มีมากเกินไป ต่อให้ใช้ยารักษาแผลเป็นที่ดีที่สุดก็ไม่หาย เธอจำใจต้องสักลายนกฟินิกซ์ทับรอยแผลเป็นพวกนี้
แต่ตอนนี้…
อู่เยวี่ยรู้สึกสลดใจ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
จ้าวเหมยกลายเป็นคนฝีมือฉกาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
“คุณหนูจ้าวจะตะโกนเสียงดังทำไม พวกนี้แค่แผลน้ำร้อนลวกเท่านั้นเอง สมัยที่เรียนต่างประเทศเมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะต้องทำงานหาค่าเทอมที่ร้านอาหารเลยโดนน้ำซุปร้อนลวกใส่โดยไม่ทันระวังตัวถึงได้มีสภาพน่ารังเกียจอย่างตอนนี้ ถ้าคุณจ้าวรู้สึกไม่สวยก็อย่ามองเถอะ”
ไม่นานอู่เยวี่ยก็ได้ทำการตอบโต้แถมยังรักษาภาพลักษณ์อันดีให้ตัวเองอย่างไม่มีวันตาย ช่างฉลาดเสียจริง
เหมยเหมยอมยิ้มน้อย ๆ “ที่แท้ก็แผลโดนน้ำร้อนลวกนี่เอง เมื่อกี้เห็นฉันคิดว่าโดนอะไรกรีดมาซะอีก อย่างเช่นกรีดเอาลายดอกไม้เอยดอกหญ้าเอยนกเอยปลาเอยอะไรเทือกนี้ออกไปจากบนผิวหนัง”
อู่เยวี่ยอดประชดไม่ได้ “จ้าวเหมยเธอไม่มีความรู้ก็อ่านหนังสือเยอะ ๆหน่อย ลบรอยสักใช้เลเซอร์ในการลบ กรีดบ้าบออะไรกัน!”
“ที่แท้ลบรอยสักใช้แสงเลเซอร์เองหรอกเหรอ ฉันคิดว่าใช้มีดกรีดเอาชั้นผิวหนังที่โดนสักทิ้งซะอีก ได้ความรู้ใหม่แล้วจริง ๆ โอหยางซานซานเธอรู้เยอะจัง เธอเคยลบมาหรือเปล่า?”
เหมยเหมยทำหน้าเกินจริงพร้อมการแสดงท่าทางเกินจริงซึ่งใคร ๆก็ดูออกว่าเธอกำลังปั่นหัวอยู่ ในตอนนี้อู่เยวี่ยเพิ่งรู้สึกตัวจึงลอบด่าอีกฝ่ายในใจ โดนวางกับดักเข้าเสียได้
“ฉันจะเคยลบรอยสักได้อย่างไรกัน ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายต้องขอตัวก่อนล่ะ”
อู่เยวี่ยตีหน้านิ่งเลิกชายกระโปรงขึ้นกลับเข้าห้องไป คราวนี้เหมยเหมยไม่ได้ห้ามเธอไว้ในเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วนี่นา!
เชื่อว่าแขกในที่นี้ทุกคน ตอนนี้คงรู้แล้วว่าความจริงคืออะไร
“คุณชายเช่อ วันนี้ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ไว้กลับไปฉันจะให้คนเอาโสมป่าอายุห้าสิบปีมาให้เป็นการไถ่โทษ ขอให้คุณนายกับลูกสุขภาพแข็งแรงปลอดภัยนะ!” เหยียนหมิงซุ่นถ่อมตัว ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อจะมีไฟโทสะสุมอยู่เต็มอกก็ไม่อาจระบายออกมาได้ ทำได้เพียงเก็บอัดอั้นไว้อย่างนั้น
“ไม่จำเป็น บ้านฉันขาดแคลนโสมป่าซะเมื่อไร”
เสียงพูดเล็ดลอดไรฟัน เฮ่อเหลียนเช่อใช้สายตาดุดันมองมายังสองคนนี้ เขาเสียแรงวางแผนมาตั้งนานแต่ดันถูกสองคนนี้ทำลายจนไม่เหลือสภาพ
“พี่ คุณชายเช่อมีกิจการใหญ่โตทั้งเป็นคนใจกว้าง คงไม่ถือสาเราหรอก เรารีบไปทานข้าวกันเถอะ หิวจนท้องแฟบไปหมดแล้ว”
เหมยเหมยเสียดายโสมป่าแม้จะเป็นเพียงโสมอายุห้าสิบปีและไม่ใช่ของหายาก ในเมื่อมีคุณชายฉิวผู้มากความสามารถอยู่ ต่อให้เป็นโสมอายุห้าร้อยปีก็ไม่ใช่ปัญหา แต่เธอไม่อยากให้คนแพศยาอู่เยวี่ย ยอมป้อนให้หมากินยังจะดีเสียกว่า
“ตัวแสบ!”
เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยอย่างรักใคร่แล้วยิ้มให้เฮ่อเหลียนเช่อที่ทำสีหน้าถมึงทึง “ในเมื่อคุณชายเช่อไม่ถูกใจ งั้นฉันทำตามความต้องการของคุณแต่โดยดีแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะส่งแตงโมมาให้หนึ่งคันรถ คุณนายอารมณ์ฉุนเฉียวจะไม่ดีกับเด็กในท้อง ทานแตงโมช่วยดับไฟหน่อยแล้วกันนะ”
“แกเก็บไว้ทานเอง…”
เฮ่อเหลียนเช่อยังไม่ทันพูดจบเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยกลับเดินหนีไปไกลเสียแล้ว เสียงของเขาจึงลอยหายไปตามสายลม…
ให้ตายเถอะ!
……………………….
ตอนที่ 1989 ของขวัญวันเกิดที่เตรียมไว้อย่างดี
หลังจากหนิงเฉินเซวียนรับแขกเสร็จก็รู้เรื่องที่เหมยเหมยทำกับอู่เยวี่ยจากลูกน้องจนสีหน้าถมึงทึงในฉับพลัน แม้ภายหลังได้พยายามเค้นรอยยิ้มแล้วแต่เพราะอารมณ์ไม่ดีเลยยิ้มได้ค่อนข้างน่าสะพรึงพอสมควร
บวกกับมีเจ้าคนที่เกรงว่าโลกนี้ยังป่วนไม่พออย่างเฮ่อเหลียนชิง หากอยู่ว่าง ๆก็ก่อเรื่องได้ ตอนนี้เปิดฉากได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ฉะนั้นเขาจะไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้อย่างไร
เฮ่อเหลียนชิงออกตัวขอนั่งร่วมโต๊ะเจ้าของวันเกิดด้วยตัวเองด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของวันเกิดมาหลายปีเลยต้องนั่งด้วยกัน แบบนี้จะได้แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของพวกเขา
“ตาแก่หนิง ฉันให้เกียรติแกมากเลยนะที่หาเวลาว่างมาร่วมแสดงความยินดีกับแก ของขวัญวันเกิดฉันใช้เวลาตั้งสองเดือนกว่าจะได้มา เสียแรงไม่น้อยเชียว!”
เฮ่อเหลียนชิงยิ้มร่าหน้าสดใส ต่างไปจากหนิงเฉินเซวียนที่สีหน้าบึ้งตึงอารมณ์ไม่ดีจะแย่อยู่แล้ว
ตอนนี้เขาเห็นลูกสะใภ้จ้าวเหมยเข้าตาขึ้นเรื่อย ๆ ช่างถูกใจคนแก่อย่างเขาเหลือเกิน!
เหยียนหมิงซุ่นแววตาใช้ได้ ทั้งยังมีความแน่วแน่มั่นคงไม่ได้เปลี่ยนใจภายใต้คำขู่เข็ญจากเขา ไม่เลว ไม่เลวจริง ๆ
อนาคตลูกของสองคนนี้คงฉลาดซุกซนไม่เบา เห็นทีคงน่าสนุกยิ่งกว่าต้าหวงที่อ้วนขึ้นเรื่อย ๆตัวนั้นแน่ เฮ่อเหลียนชิงเริ่มจินตนาการถึงชีวิตอนาคตที่หยอกแมวเล่นกับหลานอย่างมีความสุข ใบหน้ายิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ
สีหน้าของหนิงเฉินเซวียนตรงกันข้ามกับเฮ่อเหลียนชิงอย่างเห็นได้ชัด หน้าบูดเสียยิ่งกว่าอะไร เขามองเฮ่อเหลียนชิงอย่างนึกแค้นใจก่อนจะโต้กลับอย่างไม่เกรงใจ “ฉันไม่ได้ต้องการให้แกมา ไม่ได้ส่งบัตรเชิญไปให้แกด้วยซ้ำ แกจะกลับเมื่อไรก็เชิญ”
แขกร่วมโต๊ะคนอื่น ๆส่วนมากเป็นเจ้าพ่อประจำเมืองหลวงและสถานะไม่ต่ำต้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้เกรงกลัวหนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนชิงเหมือนคนอื่น ๆแต่กลับทานข้าวไปพลางยิ้มแย้มดูเรื่องสนุก ๆไป
“เหล่าหนิงอย่าโมโหไป อายุปูนนี้แล้วเราจะยังมีชีวิตดี ๆอีกสักกี่ปีเชียว เรื่องอดีตก็อย่าไปคิดถึงมันเลย ถือซะว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราดื่มด่ำกับชีวิตบั้นปลายอันน้อยนิดนี้อย่างมีความสุขกันเถอะ!” มีคนพูดโน้มน้าว
คนอื่น ๆต่างพยักหน้าเห็นด้วย กว่าครึ่งชีวิตที่เอาแต่ลำบากต่อสู้เพื่อการปฏิวัติ ชีวิตบั้นปลายนี้ควรได้เสวยสุขสักทีแล้ว
เฮ่อเหลียนชิงตบโต๊ะทีหนึ่งพลางกล่าว “ฉันเป็นคนใจกว้าง เรื่องในอดีตก็ลืมเลือนไปบ้างแล้ว พวกแกดูตาแก่หนิงสิใจแคบเหลือเกินไม่ส่งบัตรเชิญมาให้ฉัน ฉันไม่ถือสามันถึงได้หน้าด้านมาร่วมงานด้วย ไหนจะเอาของขวัญวันเกิดที่อุตส่าห์เตรียมไว้ดิบดีมาด้วย ทำฉันเสียแรงไม่น้อยเชียว”
เขาเอ่ยถึงของขวัญวันเกิดเป็นครั้งที่สอง คนอื่น ๆอยากจะเพิกเฉยยังทำไม่ได้ ในเมื่อไม่ใช่คนหูตึงสักหน่อย
แต่คนพวกนี้รู้กันดีว่าเฮ่อเหลียนชิงจะใจกว้างขนาดนั้นได้อย่างไร?
ทั่วทั้งเมืองหลวงแทบจะหาคนใจแคบเท่าเขาไม่ได้อีกแล้ว เจ้าคิดเจ้าแค้นยิ่งกว่าผู้หญิง คนแบบนี้จะเตรียมของขวัญดี ๆอะไรไว้ได้กันล่ะ?
พวกเขาไม่อยากซวยไปด้วยหรอกนะ
“แกนี่ใส่ใจดีจังนะ รีบทานข้าว กับข้าวพวกนี้รสชาติดีไม่หยอก ฝีมือดีจริง ๆ” มีคนพูดกลบเกลื่อน
หนิงเฉินเซวียนจุดยิ้มจาง ๆ “ทุกอย่างอาเช่อเป็นคนเตรียมเองเลย เหมือนว่าจะเป็นเชฟที่เชิญมาจากโรงแรมเมืองหลวง วัตถุดิบก็ใช้เครื่องบินส่งมา ทุกคนทานได้ตามสบายเลยนะ รับรองว่าสดแน่นอน”
“อาเช่อช่างกตัญญูเสียจริง เป็นบุญของเหล่าหนิงละ!”
……
คนอื่น ๆก็พูดเอาใจคล้อยตามด้วยบางส่วน ล้วนมีแต่คำชมเฮ่อเหลียนเช่อกตัญญูนับเป็นบุญของหนิงเฉินเซวียน นี่จึงทำให้หนิงเฉินเซวียนอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย บรรยากาศก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่เฮ่อเหลียนชิงกลับอารมณ์ไม่ดีแทน
ลูกชายกตัญญูที่ทุกคนเอ่ยถึงเดิมทีควรเป็นของเขา!
ตอนนี้กลับถูกไอ้สารเลวนี่แย่งไป!
เขาแค่นหัวเราะทีหนึ่งแล้วพูดเสียงดัง “ตาแก่หนิง ฉันยังไม่ได้เอาของขวัญวันเกิดให้แกสินะ งั้นก็ให้ซะตอนนี้เลย เสี่ยวเมิ่ง เอาของขวัญวันเกิดที่ฉันใช้เวลาสองเดือนกว่าจะหาเจอมาให้หน่อย ระวังหน่อยนะ เจ้าเขียวขี้กลัว อย่าทำให้มันตกใจล่ะ…”
เฮ่อเหลียนชิงจู้จี้ไม่หยุด เสี่ยวเมิ่งหน้าเรียบนิ่งแต่ตัวกลับแข็งทื่อรักษาท่าทีที่พร้อมจะถอนตัวกลับตลอดเวลา
ตอนที่ 1990 เต่าหัวเขียว
ทุกคนเองก็ถูกเฮ่อเหลียนชิงจุดประกายความสนใจขึ้นมา ฟังแล้วเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิต หรือว่าจะเป็นม้า?
ความชื่นชอบม้าของหนิงเฉินเซวียนเป็นที่ขึ้นชื่อในเมืองหลวง ปีที่แล้วม้าดี ๆตัวหนึ่งถูกเฮ่อเหลียนชิงตัดหน้าไปก่อนทำเอาหนิงเฉินเซวียนหงุดหงิดไปพักใหญ่ หรือว่าปีนี้เฮ่อเหลียนชิงจะเอาม้าตัวนั้นส่งคืนให้กันนะ?
แต่ทำไมม้าถึงชื่อเจ้าเขียวกันล่ะ?
ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าเฮ่อเหลียนชิงไม่หวังดีอยู่แล้วแต่ยิ่งเขาพูดเช่นนี้คนอื่น ๆก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ ต่างยื่นคอชะเง้อมองตามหลังเสี่ยวเมิ่งอยากรู้ว่าเขาจะเอาของรักอะไรมากันแน่
“ฉันไม่สนใจของขวัญของแก ไม่จำเป็นต้องเอามาหรอก” หนิงเฉินเซวียนที่รู้แผนชั่วร้ายของเฮ่อเหลียนชิงตั้งแต่แรกจึงไม่มีความอยากรู้เลยสักนิดว่าเจ้าเขียวคือตัวอะไร วันนี้อับอายมากพอแล้ว ตอนนี้เขาแค่ต้องการฉลองวันเกิดจนจบงานอย่างเงียบ ๆ ไม่อยากให้มีประเด็นอื่นเกิดขึ้นอีก
เฮ่อเหลียนชิงกล่าวด้วยท่าทีกระตือรือร้น “อย่าสิ นี่ของดีเชียวนะ เป็นของดีที่ร้อยปีกว่าจะเจอที ถ้าไม่ใช่เพราะวันเกิดแกฉันคงทำใจให้คนอื่นไม่ได้หรอกนะ!”
เขาเร่งเสี่ยวเมิ่งอีกที “แกเร็วหน่อย ชักช้ายืดยาดอยู่นั่น”
เสี่ยวเมิ่งปากกระตุกพลางสอดมือเข้ากระเป๋าหยิบกล่องไม้ประดู่ม่วงขนาดใหญ่ออกมา เพียงแต่กล่องนี้ก็ไม่ใช่ของที่จะเห็นได้ทั่วไปจึงทำให้ทุกคนยิ่งคาดหวังกับมันมากขึ้น
หรือว่าเฮ่อเหลียนชิงคิดจะขอคืนดี?
ถึงได้เอาของดีมาแสดงความยินดีในงานเลี้ยงวันเกิดโดยเฉพาะหรือ?
เหมยเหมยที่อยู่โต๊ะข้าง ๆก็แปลกใจไม่แพ้กันเลยถามเหยียนหมิงซุ่นเสียงเบา “พี่รู้ไหมว่าเจ้าเขียวคืออะไร?”
เหยียนหมิงซุ่นส่ายหน้า “ไม่รู้ แต่ต้องไม่ใช่ของดีอะไรแน่”
จากระดับความแค้นล้นฟ้าของพ่อบุญธรรมเขาแล้ว เป็นไปได้หรือที่จะให้ของดี?
ไม่ป่วนจนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินสิแปลก!
เฮ่อเหลียนชิงแย่งกล่องนั้นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะขยิบตาให้หนิงเฉินเซวียนทีหนึ่งแล้วเปิดฝากล่องออกมาอย่างไม่ลังเล เผยให้เห็นของดีข้างใน…
“ซี๊ด”
คนที่เห็นของข้างในชัดเจนต่างสูดปากกันอย่างพร้อมเพรียงแล้วก้มหน้าทานข้าวต่ออย่างรวดเร็ว ยุ่งเรื่องคนอื่นให้น้อย ๆหน่อย เรื่องทานข้าวถือเป็นเรื่องใหญ่
ที่แท้เจ้าเขียวของดีที่เฮ่อเหลียนชิงพูดถึงกลับเป็นเต่าหัวเขียวขนาดใหญ่เท่าถ้วยหนึ่งใบ บนตัวมีขนสีเขียวเข้มยาวสยายขึ้นเต็มไปหมด หากมองไกล ๆจะเห็นเหมือนก้อนเมฆสีเขียว
เต่าหัวเขียวเป็นหนึ่งในสี่ชนิดของเต่าสุดประหลาดในประเทศจีน เฮ่อเหลียนชิงเองก็พูดไม่ผิด เต่าหัวเขียวขนาดใหญ่แบบนี้เป็นของดีที่ร้อยปีถึงจะเจอหนหนึ่ง แต่ว่า–
การมอบของขวัญในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดแบบนี้ อีกทั้งช่วงก่อนหน้านี้เพิ่งก่อเรื่องใหญ่โตไป ไม่ว่าใครคงไม่มีทางเชื่อเฮ่อเหลียนชิงว่าแค่ต้องการมอบเต่าหัวเขียวเป็นของขวัญด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์หรอก
เต่าเป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุที่ยืนยาว แถมยังเป็นเต่าหัวเขียวเสียด้วย…
จิ๊ ๆ!
เฮ่อเหลียนชิงเลื่อนกล่องไปตรงหน้าหนิงเฉินเซวียนพร้อมทำหน้าจริงใจ “เหล่าหนิง เรารู้จักกันมาหลายสิบปี ตอนนี้ผ่านไปครึ่งชีวิตแล้ว อย่าไปคิดถึงเรื่องความแค้นในอดีตเลย เต่าตัวนี้แกรับเอาไว้ก็ถือว่าเราคืนดีกันแล้ว”
คนอื่นทำหน้าตกใจลอบด่าเฮ่อเหลียนชิงที่ใช้แผนการสุดแสนจะร้ายกาจ
หากรับเต่าหัวเขียวนี้ไว้หนิงเฉินเซวียนจะกลายเป็นคนตลกของคนทั้งเมืองหลวง แต่ถ้าไม่รับไว้ก็จะสะท้อนให้เห็นว่าเขาเป็นคนใจคับแคบ ไม่ว่าจะเลือกทางใดเฮ่อเหลียนชิงก็ได้เปรียบกว่าเห็น ๆ
เฮ่อเหลียนเช่อมาแล้ว เมื่อครู่เขาไปดูอู่เยวี่ยพลางให้คุณหมอช่วยตรวจเช็กร่างกายให้เธอหน่อยซึ่งดูอาการไม่สู้ดีนักเนื่องจากทนหนาวเป็นเวลานานเลยเป็นไข้
คนท้องไข้ขึ้นไม่ใช่เรื่องดี เฮ่อเหลียนเช่อให้คุณหมอพยายามรักษาเด็กในท้องไว้ให้ได้ หลังจากพูดสั่งทิ้งท้ายเสร็จถึงออกมารับแขก ทันทีที่ออกมาก็เห็นเต่าหัวเขียวที่เฮ่อเหลียนชิงวางไว้บนโต๊ะพลันก็บันดาลโทสะ
“ไอ้แก่พวกแกทั้งครอบครัวจงใจมาป่วนงานสินะ เต่าหัวเขียวนี่แกเก็บไว้ใช้เองเถอะ”
เฮ่อเหลียนเช่อคว้าเต่าหัวเขียวขึ้นแล้วเขวี้ยงใส่พื้นอย่างแรงด้วยความขุ่นเคือง เต่าที่น่าสงสารตกใจรีบหดคอเข้ากระดอกแล้วกลิ้งบนพื้นหลายตลบจนขนสีเขียวร่วงตามรายทาง….
……………………..
ตอนที่ 1991 ทุกคนย่อมรู้ภาระหน้าที่ตัวเอง
เต่าเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาให้เห็นว่าเป็นเพียงเต่าธรรมดาที่ซื้อได้ตัวละหยวนตามท้องตลาดมากมาย
ส่วนขนยาวสีเขียวเข้มนั่นกลับเป็นการเอาขนสีเดียวกันมาติดให้ ตอนเขวี้ยงเฮ่อเหลียนเช่อใช้แรงไม่น้อยทำให้ขนพวกนั้นหลุดร่วงจนหมด
เหมยเหมยรีบเอามือปิดปากไว้พร้อมอาการไหล่สั่น เฮ่อเหลียนชิงช่างคิดเสียจริง…
ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นสมบัติหายากร้อยปีที่ใช้เวลาตั้งสองเดือนกว่าจะหาเจอ เอาหน้าจากไหนมาพูดกัน!
แต่…สะใจจริง ๆ!
“โอ้ย…วัยรุ่นขี้โมโหจริง เต่ามันหาเรื่องอะไรแกหรือไง? น่าสงสาร…”
เฮ่อเหลียนชิงสั่งให้เสี่ยวเมิ่งที่ตื่นตระหนกตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่างเก็บเต่าขึ้นมาไว้บนฝ่ามือ ลูบปลอบทำเป็นไม่เห็นเฮ่อเหลียนเช่อ
เหยียนหมิงซุ่นดึงตัวเหมยเหมยที่ยังแอบขำขึ้นมาแล้วถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่ง พลางเอ่ยเสียงเบา “นิ่งไว้”
เหมยเหมยรีบหุบยิ้มกลั้นขำพลันทำท่าเจี๋ยมเจี้ยมยิ่งกว่าใคร
เหยียนหมิงซุ่นลูบหน้าเธออย่างพึงพอใจแล้วเดินไปหาเฮ่อเหลียนชิง “พ่อครับ นี่ก็ดึกแล้ว เราควรกลับบ้านได้แล้วครับ”
ป่วนงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดคนอื่นพังไม่เป็นท่า แล้วจะอยู่ต่อให้เขาซ้อมหรือไงเล่า?
เฮ่อเหลียนชิงแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งแล้วกวักมือเรียกเสี่ยวเมิ่ง “รีบเข็นฉันกลับเลย หนาวจะตายอยู่แล้ว”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มให้สองพ่อลูกตระกูลหนิงที่ยืนทำหน้าถมึงทึง “รบกวนแล้ว ขอให้คุณท่านหนิงมีโชคมีลาภ อายุยืนยาว ขอตัวก่อน!”
“ช้าก่อน!”
เฮ่อเหลียนเช่อเรียกเขาไว้แล้วชี้นิ้วใส่เหมยเหมยด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ภรรยาของฉันเป็นไข้เพราะผู้หญิงของแกทำน้ำหกใส่ บัญชีนี้ควรสะสางอย่างไร?”
เหตุที่อู่เยวี่ยเป็นไข้แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะน้ำชาร้อนของเหมยเหมยแต่เพราะอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานานถึงเป็นหวัด แต่ความผิดนี้เฮ่อเหลียนเช่อต้องหาทางโยนให้คนอื่นแทน
เหมยเหมยลอบดีใจ อู่เยวี่ยเป็นไข้หรือ?
ฟ้าช่างมีตา!
“คุณชายเช่ออย่ามาใส่ร้ายคนดีกันง่าย ๆแบบนี้สิ ฉันไม่ระวังตัวถึงได้ทำชาร้อนหกใส่ภรรยาคุณ แต่ตอนนั้นฉันก็รีบเช็ดให้ทันทีใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำแล้วจะหนาวนานสักแค่ไหนเชียว? อีกอย่างถ้าโอหยางซานซานต้านหนาวไม่ได้ทำไมวันอากาศหนาวจัดแบบนี้ถึงใส่ชุดโชว์หน้าอกโชว์ไหล่ล่ะ ถ้าใส่เสื้อผ้ามิดชิดหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้วนี่”
เหมยเหมยไม่ยอมเป็นแพะรับบาปนี้หรอกจึงทำการโต้กลับไปอย่างไม่ลังเล
เฮ่อเหลียนชิงได้ยินเข้าก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการหาเรื่องพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไว เอ่ยเสียงแหลมสูง “นั่นน่ะสิ ลมหนาวของฤดูใบไม้ผลิหนาวยิ่งกว่าอากาศของเดือนธันวาคมด้วยซ้ำ คนอื่นเขามีแต่อยากจะห่อตัวด้วยผ้านวมออกจากบ้านแต่ลูกสะใภ้ของตาแก่หนิงสมองไม่ปกติ แทบจะเปลื้องผ้าออกจากบ้านอยู่แล้ว ทั้ง ๆที่กำลังท้องอยู่แล้วยังไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัวอีก เหอะ…”
หนิงเฉินเซวียนหน้าขรึมกล่าวด้วยเสียงเย็นยะเยือก “แต่จ้าวเหมยทำน้ำหกใส่ลูกสะใภ้ฉันเป็นเรื่องจริง เฮ่อเหลียนชิงแกคิดจะปฏิเสธเหรอ?”
“ความจริงก็คือความจริง ถึงจะไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรมากแต่ยังไงซะก็เป็นเด็กบ้านฉันไม่รู้ความนี่นา เอาอย่างนี้แล้วกันไว้กลับไปฉันจะสั่งสอนเด็กคนนี้เอง ค่ารักษาของพวกแกฉันจะรับผิดชอบทั้งหมด แบบนี้คงได้แล้วสินะ?”
เฮ่อเหลียนชิงทำหน้าเหมือนว่า ‘ฉันใจกว้างมากจะไม่ถือสาแล้วกัน’ ทำเอาสองพ่อลูกหนิงเฉินเซวียนคันปากยุบยิบ นึกอยากจะจัดการมันให้ตาย ๆไปเสีย
“ถ้าเด็กเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยจ้าวเหมยไปแน่” เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือกราวกับเสียงของซาตานจากแดนนรก
เหมยเหมยตกใจสะดุ้งเฮือกแล้วขยับตัวใกล้เหยียนหมิงซุ่นอีกหน่อย
เหยียนหมิงซุ่นกระชับกอดเธอแน่นแล้วแค่นหัวเราะให้เฮ่อเหลียนเช่อ แม้เสียงไม่ดังมากแต่กลับดังพอให้แขกในที่นี้ได้ยินกันถ้วนหน้า
“คุณชายเช่อพูดแบบนี้ก็ไม่มีเหตุผลสิ แน่นอนว่าเราหวังว่าลูกของนายจะแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ต่อให้เป็นลูกของชาวบ้านทั่วไปก็ยังยากจะรอดพ้นจากมันได้ แล้วนี่ยังเป็นลูกของนายอีก? ความผิดนี้เหมยเหมยของฉันรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ และจะไม่ยอมรับด้วย”
เฮ่อเหลียนชิงปรบมือหัวเราะเสียงดัง “หมิงซุ่นพูดถูก ทุกคนย่อมรู้หน้าที่ภาระตัวเองดี คนบ้านเราไม่ชอบเป็นแพะรับบาปหรอกนะ กลับ!”
ตอนที่ 1992 พี่ชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง
เรื่องที่เหมยเหมยกับเฮ่อเหลียนชิงป่วนงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของหนิงเฉินเซวียนแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน นายใหญ่เรียกเหยียนหมิงซุ่นกับเฮ่อเหลียนชิงไปแสร้งด่าต่อหน้าสองพ่อลูกหนิงเฉินเซวียนยกหนึ่ง
เฮ่อเหลียนชิงกับเหยียนหมิงซุ่นไม่แม้แต่จะปริเสียงสักคำปล่อยให้นายใหญ่ด่าอยู่อย่างนั้น ท่าทางสำนึกผิดที่ทำเอาสองพ่อลูกหนิงเฉินเซวียนเกลียดจนคันฟันยุบยิบแต่ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้
แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ?
“ตอนนี้อู่เยวี่ยเป็นอย่างไรบ้าง? ป่วยตายไปหรือยัง?” เหมยเหมยถามเหยียนหมิงซุ่นด้วยความสนอกสนใจนึกอยากให้ตระกูลหนิงส่งบัตรเชิญมาอีก แต่เป็นบัตรเชิญงานศพของอู่เยวี่ย
“ตายคงไม่ตายหรอก เธอดวงแข็งจะตายไป แต่โดนหนักขนาดนั้นคงทรมานมากแน่ ๆ” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยตอบ
อู่เยวี่ยที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวเป็นเวลานาน ทั้งยังไม่ได้รับความอบอุ่นร่างกายอย่างดีเลยเป็นไข้หวัดรุนแรง ไข้ขึ้นสูงไม่ลดนำมาซึ่งอาการปอดอักเสบและโรคปวดตามหัวไหล่เพราะโดนความชื้น บวกกับใช้ยารักษาไม่ได้ทำให้อาการป่วยหนักขึ้นเรื่อย ๆ
“สมน้ำหน้า ฉันว่าเธอไม่สนใจเด็กในท้องด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงยอมทำตามวิธีโง่ ๆของเฮ่อเหลียนเช่อล่ะ!” เหมยเหมยด่า
เด็กที่เกิดมาอยู่ในท้องของอู่เยวี่ยช่างอับโชคยิ่งนัก!
เหยียนหมิงซุ่นเห็นด้วย ไม่เพียงแค่อู่เยวี่ยที่ไม่สนใจแต่เฮ่อเหลียนเช่อกับหนิงเฉินเซวียนก็ไม่มีใครสนใจเด็กคนนี้สักคน ในสายตาพวกเขาเด็กก็คือเครื่องมือ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่อย่างใด
คนแบบนี้ไม่คู่ควรกับการมีลูก!
“ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เกิดมาจะเป็นอย่างไรบ้าง เฮ้อ!” เหมยเหมยเอ่ยเสียงสลด
“คนปกติมีโอกาสหายดีไม่ถึงสามในสิบด้วยซ้ำ” เหยียนหมิงซุ่นมั่นใจ เขาเคยถามจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว พวกเขาล้วนแต่กล่าวเช่นนี้กันทั้งนั้น นอกจากนี้ยังแนะนำไม่ให้คลอดเด็กคนนี้ออกมาเพราะไม่เพียงแค่พ่อแม่ที่เจ็บปวดแต่เด็กจะเจ็บปวดยิ่งกว่า
เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เฮ่อเหลียนเช่อกับอู่เยวี่ยช่างสร้างเวรสร้างกรรมจริง ๆ!
“หวังว่าอู่เยวี่ยจะป่วยหนักกว่านี้ ให้พระเจ้าเป็นคนตัดสินใจแล้วกัน!”
อู่เยวี่ยตอนนี้ท้องได้หกเดือนครึ่งซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณสามเดือนจะถึงเวลาคลอด ไม่นานคงได้เห็นผลแล้ว
“พี่ พี่ชอบลูกชายหรือลูกสาว?” เหมยเหมยนึกถึงคำพูดของคุณย่าหยางกับเหยียนซินหย่าตอนช่วงปีใหม่พลันก็รู้สึกสนใจขึ้นมา อีกสองปีจะเรียนจบคงถึงเวลาคิดเรื่องนี้แล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นตุบ เฉินซานยังอยู่อเมริกา อีกอย่างต่อให้เขากลับมาก็ไม่รู้ว่าท่านพ่อมดยอดฝีมือจะช่วยขับพิษได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้เขากับเหมยเหมยคงไม่สามารถมีลูกเป็นของตัวเองได้อีกตลอดชีวิต!
หากเหมยเหมยรู้เรื่องนี้เข้าจะเสียใจหรือเปล่านะ?
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้วว่าเหมยเหมยชอบเด็กมากเพียงใด เอาแต่พูดถึงเด็กอยู่วันเว้นวัน บางครั้งไปห้างสรรพสินค้าเห็นของใช้สำหรับเด็กทารกเธอก็จะยืนมองอยู่พักใหญ่ ถึงขั้นซื้อตุ๊กตาน่ารักกลับบ้านบอกว่าเตรียมเผื่อไว้วันข้างหน้า
“ไม่รีบ พี่ถามคุณหมอแล้วว่าช่วงอายุที่ผู้หญิงเหมาะมีลูกมากที่สุดคือยี่สิบหกปี แบบนี้จะดีต่อทั้งผู้ใหญ่และเด็ก”
เหยียนหมิงซุ่นอยากเบี่ยงประเด็นออกจากเรื่องนี้ ยื้อได้กี่ปีก็ยื้อตามนั้น
เหมยเหมยไม่พอใจพร้อมมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความสงสัย ทุกครั้งที่พูดถึงเด็กทีไรหมอนี่มักพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้เสมอ หรือว่า–
“เหยียนหมิงซุ่น พี่ไม่ชอบเด็กใช่ไหม?” เหมยเหมยถามเสียงขรึมสองแขนเท้าสะเอว
ถ้ากล้าพยักหน้ายอมรับละก็เธอจะทุบเข้าให้!
เหยียนหมิงซุ่นรีบกลืนคำว่า ‘ใช่’ ลงคอไป “จะใช่ได้อย่างไรล่ะ?”
เหมยเหมยเองก็ไม่ได้คิดมาก สำหรับเธอแล้วเด็กก็เหมือนนางฟ้าตัวน้อย แล้วเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ชอบได้อย่างไรกัน เมื่อครู่ต้องเป็นเพราะเธอคิดมากไปแน่ ๆ
“งั้นพี่ชอบลูกสาวหรือลูกชายเหรอ? เสียดายจังที่มีได้แค่คนเดียว ถ้าได้ชายคนหญิงคนคงดีที่สุดเลย” เหมยเหมยเท้าคางมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความรู้สึกเสียดาย เธออยากคลอดนางฟ้าตัวน้อยสักคอกหนึ่งจัง!
……………………….
ตอนที่ 1933 พี่เปลี่ยนชนเผ่าเป็นชาวแมนจู
เหยียนหมิงซุ่นชาวาบที่หนังศีรษะ แค่คนเดียวก็มากพอสำหรับเขาแล้วยังคิดจะมีสองคนเลยเหรอ?
ชีวิตจะยังสงบสุขอยู่อีกไหม?
แน่นอนว่าจะพูดไปแบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาอย่าคิดจะมีชีวิตที่สงบสุขอีกเลย
“ขอแค่เป็นลูกของเหมยเหมย จะลูกชายหรือลูกสาวพี่ก็ชอบหมดแหละ” เหยียนหมิงซุ่นพูดพร้อมกับบ่นในใจไปด้วย เลี้ยงลูกสู้เลี้ยงฉิวฉิวฉาฉาดีกว่า เจ้าตัวเล็กสองตัวนี้เป็นเด็กดีจะตาย ขอแค่มีของกินมีน้ำให้ดื่มก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ
ส่วนเด็กน้อยทั้งต้องคอยดูแลเรื่องปัสสาวะอุจจาระทั้งป้อนนมแล้วยังต้องเล่นเป็นเพื่อน ที่สำคัญคือปัญหาทางด้านการศึกษา หากโตมาฉลาดก็แล้วไปแต่หากโตมาเป็นคนไร้สมองอย่างเหยียนหมิงต๋าคงทำให้เขากระอักเลือดได้
ในเมื่อไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะยอดเยี่ยมอย่างเขา!
เหมยเหมยยิ้มหน้าบานมองค้อนใส่เขาแวบหนึ่งแล้วยู่ปากเอ่ย “คุณย่าบอกว่าชอบเหลนสาว แม่ฉันบอกว่าทางที่ดีก็ให้มีลูกหลังเรียนจบเลย แบบนี้จะได้ฟื้นตัวไว พี่ ถ้าตอนนี้เรามีลูกกัน แล้วรอจัดงานแต่งงานหลังเรียนจบให้ลูกของเราเป็นเด็กถือดอกไม้ดีไหม?”
“พรวด”
เหยียนหมิงซุ่นที่ทานซุปอยู่พ่นน้ำซุปเลอะโต๊ะอาหารเพราะความตกใจเป็นครั้งแรก เหมยเหมยขยับตัวหนีอย่างรังเกียจแล้วถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ ทานข้าวทานดี ๆไม่ได้หรือไงกัน
เหยียนหมิงซุ่นดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดด้วยใจที่เต้นตุ่ม ๆต่อม ๆ ตอนนี้จะให้เขามีลูกได้อย่างไร?
ความคิดฉบับศิลปินของแม่ยายของเขานี่มันจริง ๆเลย…
“เด็กดี ตอนนี้เอาเรื่องการเรียนเป็นหลักก่อน ท้องป่องจะไปเรียนอย่างไรล่ะ? รอหลังเรียนจบเราค่อยคิดเรื่องลูกนะดีไหม?” เหยียนหมิงซุ่นพูดเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็น ทั้งตัดสินใจเร่งเสี่ยวกัวให้เขารีบอีกสักหน่อย
เหมยเหมยก็แค่พูดไปงั้น ๆ ก่อนเรียนจบจะมีลูกไม่ได้อยู่แล้ว เธอไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาหรอกนะ
เพียงแต่ปฏิกิริยาของเหยียนหมิงซุ่นรุนแรงเกินไปหรือเปล่า!
“วันนี้พี่เป็นอะไรกันแน่ ดูท่าทางลนลานแปลก ๆ พี่ไม่ชอบเด็กจริง ๆใช่ไหม?” เหมยเหมยซักถาม เธอไม่รู้สึกถึงความคาดหวังกับความชื่นชอบในตัวเด็กจากเหยียนหมิงซุ่นเลยสักนิดเดียวเลยรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
“ที่รักคิดมากไปแล้ว พี่ไม่ชอบเด็กก็จริง แต่ถ้าเป็นลูกของเราต้องชอบอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมีลูกจริง ๆ” เหยียนหมิงซุ่นตักน้ำซุปให้เหมยเหมยหนึ่งถ้วยแล้วพูดโอ๋อีกพักใหญ่ถึงเบี่ยงประเด็นเรื่องลูกไปได้
แต่ว่า–
เหมยเหมยที่ยังไม่ลืมเรื่องลูก หลังทานซุปหมดพลันก็ฉุกคิดถึงเรื่องที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเคยพูดเอาไว้เลยเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “พี่ หรือว่าพี่ทำทะเบียนบ้านของชนกลุ่มน้อยให้ฉันสักเล่มสิ จะชนกลุ่มไหนก็ได้ขอแค่ไม่ใช่ชาวฮั่นก็พอ”
เหยียนหมิงซุ่นงงงวยเพราะตามความคิดของภรรยาตัวเองไม่ทัน นี่หมายความว่าอย่างไร?
สอบเกาเข่าไปแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงต้องทำทะเบียนบ้านของชนกลุ่มน้อยด้วย?
“แฟนของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นชาวจ้วง เธอบอกว่าอนาคตเธอมีลูกได้สองคน ส่วนฉีฉีเก๋อเป็นเผ่ามองโกล เธอก็มีลูกได้สองคน พี่ พี่แก้ชนชาติในทะเบียนบ้านให้ฉันสิ ฉันไม่เป็นชาวฮั่นแล้ว ห้าสิบหกชนกลุ่มน้อยก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน พี่จะเปลี่ยนเป็นเผ่าไหนก็ได้”
พวกเธอสามคนชอบคุยเรื่องลูกกันในเวลาว่าง เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อในตอนนั้นได้ใจอย่างมากบอกว่าพวกเธอสามารถมีลูกคนที่สองได้อย่างเปิดเผย แต่เหมยเหมยกลับมีได้แค่คนเดียวอย่างน่าสงสาร ทำเอาเธอนึกอิจฉาริษยาเสียเหลือเกิน!
หลังจากนั้นเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ได้คิดแผนพิเรนทร์ให้เธอ บอกว่าเหยียนหมิงซุ่นเก่งขนาดนี้ลองใช้เส้นสายเปลี่ยนชนเผ่าในทะเบียนบ้านและแนะนำให้เธอเปลี่ยนเป็นชาวแมนจูเรีย เพราะบรรพบุรุษตระกูลจ้าวมีชาวแมนจูเรียอยู่ไม่น้อยซึ่งประจวบเหมาะพอดี
ในตอนนั้นเหมยเหมยแค่คิดว่าเป็นเรื่องขำขันเท่านั้นแต่เมื่อครู่เผลอนึกถึงมันเลยคิดว่าสมแล้วที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนฉลาด สมองก็คิดได้เสียจริง
“พรวด!”
เหยียนหมิงซุ่นพ่นน้ำซุปออกมาอีกคำแล้วมองหญิงสาวตัวน้อยที่กำลังตื่นเต้นอยู่ข้าง ๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย
จะให้ทานข้าวดี ๆอยู่ไหมนะ?
ตอนที่ 1994 ถ้ามีลูกแฝดคงจะดี
เหยียนหมิงซุ่นสูดหายใจเข้าลึก ๆแล้วปลอบภรรยาอย่างใจเย็น “ที่รัก เรื่องที่ผิดนโยบายเราไม่ทำอยู่แล้ว หรือว่าเธออยากให้ฉันทำความผิดเหรอ?”
ความจริงการเปลี่ยนชนเผ่าไม่ใช่เรื่องยากแต่เขาทำไม่ได้ คนเดียวก็มากพอแล้วถ้าสองคนเขาคงเป็นบ้า ไม่ว่าอย่างไรก็ยืนยันว่าเปลี่ยนไม่ได้
หากให้เขารู้ว่าใครเป็นคนคิดแผนพิเรนทร์นี้จะไม่ยอมปล่อยตัวไปเด็ดขาด!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังทานหม้อไฟอยู่ในร้านอาหารกับอิงจวี่กังเสียวสันหลังวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอรีบกวาดตามองรอบข้างด้วยความกังวลใจ
“เชี่ยนเชี่ยนทานสมองหมูสิ ต้มสุกแล้ว” อิงจวี่กังตักสมองหมูสีชมพูมาไว้ในถ้วยของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอย่างขยันขันแข็ง นี่เป็นของโปรดของเธอและต้องสั่งทุกครั้งที่มาทานหม้อไฟ
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนช่วยติดต่อบริษัทโฆษณาหนึ่งให้อิงจวี่กัง แม้หมอนี่หน้าตาไม่เป็นที่นิยมมากแต่มีความสามารถจริง ๆ โฆษณาที่เขาออกแบบได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากทางบริษัท บวกกับมีคนเจ้าแผนการอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอยู่ทำให้สองเดือนที่ผ่านมาอิงจวี่กังได้กำไรไม่น้อย
สถานที่นัดเดตของคู่รักจึงเลื่อนขั้นจากสระบัวก้าวกระโดดมาเป็นร้านอาหารเล็ก ๆหรือโรงภาพยนตร์ ในเมื่อมีเงินแล้วนี่นา!
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกวาดตามองรอบข้างอีกที เมื่อพบว่าไม่มีเรื่องผิดสังเกตจึงทานสมองหมูอย่างสบายใจ
ภายใต้การล้างสมองและอบรมของเหยียนหมิงซุ่น เหมยเหมยจึงล้มเลิกความคิดที่จะเปลี่ยนชนเผ่าในทะเบียน เธอจะเป็นต้นเหตุให้เหยียนหมิงซุ่นทำผิดไม่ได้นี่นา!
“ถ้ามีลูกแฝดก็ดีสิ ถ้าแฝดสามยิ่งดีเลย พี่ ฉันได้ยินมาว่ามีแฝดสี่แฝดห้าด้วยนะ คราวก่อนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนบอกว่ามีสามีภรรยาชาวแคนาดาคู่หนึ่งมีลูกแฝดเจ็ด แข็งแรงทุกคนด้วยนะ โอ๊ย พวกเขาช่างมีความสุขเสียจริง!”
เหมยเหมยยังยึดติดกับเรื่องลูกไม่หาย เธอไม่ขออะไรมากไม่กล้าคิดถึงสี่คนหรือห้าคนหรอก ขอแค่คู่แฝดสองคนก็เพียงพอแล้ว
เด็กสองคนที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับตัวเอง แค่คิดก็รู้สึกว่าช่างงดงามเหลือเกิน เหมยเหมยจินตนาการภาพเด็กน้อยตัวอ้วนร่างขาวอยู่ในหัวแล้วก็น้ำลายไหลอยู่คนเดียว อดยิ้มโง่ ๆไม่ได้เลย
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ นี่โดนอะไรกระตุ้นมาถึงไม่เลิกฟุ้งซ่านเรื่องลูกสักที!
เขาลอบมองเอวคอดของเหมยเหมยที่ใช้มือเขาเพียงข้างเดียวก็กำรอบแล้ว เอวเล็กขนาดนั้นยังคิดจะมีลูกแฝดงั้นหรือ?
แค่คนเดียวเขาก็ปวดใจแย่แล้วเพราะกลัวเหมยเหมยท้องแตกเสียก่อน พอคิดว่าในท้องเหมยเหมยต้องอุ้มของที่หนักกว่าห้ากิโลกรัมเขาก็ไม่กล้าจินตนาการต่อแล้ว
ภาพนั่นน่าสะพรึงเกินไป!
“สองตระกูลเราไม่มียีนแฝด” เหยียนหมิงซุ่นพูดความจริงด้วยท่าทางเรียบนิ่ง เป็นการดับฝันของเหมยเหมยเละไม่เป็นท่า
หญิงสาวที่ชื่อเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปากมากเกินไปหน่อยแล้ว คราวหลังเจอคงต้องเตือนสักหน่อยว่าคนพูดน้อยต่างหากที่ประสบความสำเร็จง่าย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่เพิ่งทานสมองหมูหมดกำลังเร่งเร้าให้อิงจวี่กังต้มไส้เป็ดซึ่งเป็นของโปรดของเธอเช่นกัน หม้อไฟควันลอยโขมงรมหน้าคุณหนูใหญ่เหริ่นจนดวงหน้าแดงระเรื่อ ดวงหน้าขาวเนียนใสที่ทำเอาคนบื้อบางคนมองจนตาค้าง
เขาชอบผู้หญิงอวบอั๋นอย่างเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเพราะเวลากอดจะได้เต็มไม้เต็มมือ และชอบดูเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานเนื้อที่รู้สึกอิ่มเอมใจยิ่งกว่าเวลาตัวเองทานเสียอีก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตัวสะท้านเฮือกอีกทีพลางรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบ เธอมองไปด้านหลังแวบหนึ่งก็ไม่เห็นว่ามีเหตุการณ์น่าสงสัยอะไร มันแปลกเกินไปแล้ว
ใครกันที่คิดถึงเธออยู่ตลอดนะ?
หรือว่าเป็นพ่อที่กำลังสำนึกผิดอยู่ในเรือนจำของเธอ?
จะว่าไปไม่ได้ไปเยี่ยมพ่อของเธอมาเกินครึ่งเดือนแล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ซื้อของอร่อย ๆไปเยี่ยมสักหน่อยดีกว่า ในเมื่อเป็นพ่อแท้ ๆเธอก็ต้องเลี้ยงดูยามแก่เฒ่าและจัดงานศพให้สิ!
ทางเหยียนหมิงซุ่นที่โอ๋ภรรยาตัวเองเสร็จก็ไม่ได้มีเวลาว่างนัก แต่ติดต่อโจวจื่อหัวว่าวันนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เรื่องสนุก ๆกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ผู้หญิงที่กล้าวางแผนทำร้ายเขาอย่าคิดจะมีชีวิตสงบสุขแม้แต่วันเดียวเลย!
………………………….
ตอนที่ 1995 คลอดก่อนกำหนด
อู่เยวี่ยนอนอยู่บนเตียงอย่างทุกข์ทรมาน ระบมไปทั้งร่างไม่มีตรงไหนที่ไม่ปวด รู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อครั้นที่เธอต้องศัลยกรรมครั้งแรกมากโข
ไข้ลดลงแล้วโดยไม่ได้ใช้ยาใด ๆแต่ใช้น้ำแข็งประคบเอา จุดที่สร้างความเจ็บปวดแก่เธอคือตรงส่วนไหล่ต่างหาก
โดนความหนาวเย็นปะทะเป็นเวลานานทำให้ไหล่ของเธอเปราะบางราวกับแก้ว อีกทั้งใช้ยารักษาไม่ได้ทำให้ต้องทนเจ็บราวกับมีเข็มนับไม่ถ้วนกระหน่ำทิ่มแทงไปจนถึงกระดูกเสียอย่างนั้น
ราวกับธนูนับหมื่นปักลงกลางใจ!
อีกทั้งยังไม่เห็นจุดจบสักที!
“ขอร้องละให้ฉันใช้ยาเถอะ ฉันทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ” อู่เยวี่ยอ้อนวอนคุณหมอขณะที่บริเวณหน้าผากมีเหงื่อผุดเต็มไปหมด
คุณหมอเกามองคนรักที่นอนเจ็บปวดทรมานอยู่บนเตียงอย่างปวดใจ หากเป็นไปได้เขาก็อยากใช้ยารักษาอู่เยวี่ย แต่เฮ่อเหลียนเช่อออกคำสั่งเด็ดขาดแล้วเขาจึงไม่มีความกล้านั่น
“ทนอีกหน่อย อีกสามเดือนกว่า ไม่นานก็จะผ่านไปแล้ว” คุณหมอเกานวดให้อู่เยวี่ยหมายจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้เธอได้บ้าง
ต่อให้ตอนนี้เขาอยากใช้ยากับอู่เยวี่ยแต่ก็ไม่มียาชนิดไหนให้ใช้ เฮ่อเหลียนเช่อยึดยาแก้อักเสบไปหมดบ้านแล้ว อีกทั้งยังสั่งให้คุณหมออีกคนคอยคุมไม่ละสายตา บางทีอาจจะสงสัยในตัวเขาแล้วสินะถึงทำให้คุณหมอเกากลัวยิ่งกว่าเดิม
อู่เยวี่ยมองเขาอย่างหยามเหยียด ไม่คิดจะร้องขอให้ผู้ชายคนนี้ช่วยเหลือเธออีก
บรรดาชู้รักทั้งหมดของเธอมีเพียงคุณหมอเกาที่ไร้ประโยชน์ที่สุด หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์พาไปเธอจะถูกใจคนไร้น้ำยาอย่างนี้ได้อย่างไร?
“ไม่ได้ สามเดือนกว่านานเกินไป มีวิธีให้คลอดก่อนกำหนดไหม?” อู่เยวี่ยกัดฟันถาม
เจ็บปวดทุกวันจนแม้แต่เวลานอนยังไม่แน่ไม่นอน เธอไม่สามารถรับประกันได้ว่าตนจะทนได้นานขนาดนั้น
ต่อให้เธอทนได้นานขนาดนั้นก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าหลังจากคลอดลูกแล้วสุขภาพของตัวเองจะยังแข็งแรงดีเหมือนเดิม
เธอไม่อยากเห็นตัวเองต้องมีสภาพป่วยออด ๆแอด ๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ
คุณหมอเกามองอู่เยวี่ยด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะมีความคิดแบบนี้แต่ก็ตอบกลับไปว่า “วิธีการก็พอมีอยู่หรอก แต่เด็กเติบโตในท้องแม่ได้นานแค่ไหนก็จะแข็งแรงได้มากเท่านั้น เด็กคลอดก่อนกำหนดส่วนมากจะมีโรคประจำตัวติดมาแต่เกิด”
อู่เยวี่ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้ายังไม่คลอดออกมาก็รับประกันสุขภาพฉันไม่ได้แล้ว ขอคลอดก่อนกำหนดหนึ่งถึงสองเดือนคงไม่เป็นไรหรอก”
ชีวิตจริงมีเด็กคลอดก่อนกำหนดตั้งมากก็ยังสุขภาพแข็งแรงดีดังเดิม แล้วจะมีโรคประจำตัวติดมาแต่เกิดได้อย่างไร?
“คุณไม่ต้องพูดไร้สาระกับฉัน คุณบอกฉันมาตรง ๆว่ามีวิธีไหนทำให้ฉันคลอดก่อนกำหนดไหม?” อู่เยวี่ยคำรามเสียงต่ำพร้อมสายตาที่ฉายแววเย็นยะเยือก
คุณหมอเกาตัวสะท้านเฮือกเพราะตกใจกับสายตาของอู่เยวี่ยเลยตอบกลับด้วยเสียงหวาดผวา “ก็พอมี แค่กระตุ้นปากมดลูกก็คลอดก่อนกำหนดได้แล้ว แต่แบบนี้จะไม่เป็นผลดีทั้งผู้ใหญ่และเด็ก…”
อู่เยวี่ยพูดขัดเขากล่าวขึ้นอย่างไม่ลังเลเลยว่า “ตกลงตามนี้แล้วกัน อีกสองเดือนคุณหาทางให้ฉันคลอดก่อนกำหนด ห้ามทิ้งร่อยรอยใดไว้ และอย่าให้เฮ่อเหลียนเช่อจับได้ด้วย”
“แต่คุณชายเช่อ…”
คุณหมอเกาลังเลใจ เขาไม่กล้าทำเพราะหากถูกเฮ่อเหลียนเช่อจับได้ เขาต้องรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แน่ ๆ
อู่เยวี่ยพูดเสียงเย็นชา “ถ้าคุณไม่ช่วยฉัน ฉันจะบอกเรื่องที่คุณหลอกล่อฉันให้คุณชายเช่อฟัง…”
คุณหมอเกาหน้าซีดเผือดมองอู่เยวี่ยอย่างไม่เชื่อสายตา แต่เสียใจก็ไม่ทันแล้วเพราะมันสายเกินไป
อู่เยวี่ยกำลังคิดหาเหตุผลที่ทำให้คลอดก่อนกำหนด และทางโจวจื่อหัวกลับสร้างโอกาสให้เธอ
หลังจบงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดหนิงเฉินเซวียนไม่กี่วันโจวจื่อหัวก็ได้เคลื่อนไหวบางอย่างที่ฮ่องกง โดยปล่อยรูปของอู่เยวี่ยในวันเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดลงหนังสือพิมพ์แถมยังวงส่วนหัวไหล่เปลือยเปล่าของเธอไว้ นอกจากนี้ยังใช้รูปที่มีความคมชัดสูงอีกต่างหาก
อู่เยวี่ยในรูปน่าจะเป็นรูปหลังจากที่เหมยเหมยทำน้ำชาหกใส่จึงเผยให้เห็นรอยแผลเป็นตรงไหล่อย่างชัดเจน
ตอนที่ 1996 สวรรค์เป็นใจ
ครั้งนี้โจวจื่อหัวไม่ได้เขียนบรรยายอะไรมาก เขาทิ้งไว้เพียงประโยคเดียวว่า
‘อย่าคิดว่าทุกคนจะโง่และตาบอดจนหลงคิดว่าลบรอยสักแล้วจะลบล้างความผิดได้’
ประโยคนี้ประดับอยู่ติดกับรูปรอยแผลเป็นภาพคมชัดของอู่เยวี่ย ซึ่งก็สื่อความหมายได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องสาธยายให้มากความอีก ขอแค่ไม่ใช่คนโง่ก็ต้องเข้าใจ
พอหนังสือพิมพ์ฮ่องกงเพิ่งวางแผงลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นก็คัดลอกหนังสือพิมพ์รายงานฉบับนี้มาอย่างรู้หน้าที่ แถมยังส่งไปให้ถึงคฤหาสน์ตระกูลหนิงอีกหลายฉบับอย่างกระตือรือร้นเสมือนกลัวว่าพวกหนิงเฉินเซวียนกับอู่เยวี่ยจะมองไม่เห็น
ได้ข่าวว่าวันนั้นหนิงเฉินเซวียนทำลายข้าวของทุกอย่างในบ้านเท่าที่จะมีให้ทำลายได้จนเศษซากเกลื่อนกลาดเต็มพื้น
ส่วนอู่เยวี่ย–
“ให้ตายสิ!”
อู่เยวี่ยหน้าถมึงทึงโกรธจนฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์เป็นชิ้น ๆ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงอารมณ์ทำเอาคุณหมอเกานึกกังวลใจอย่างมาก
“สูดหายใจเข้าลึก ๆแล้วหายใจออก คุณผู้หญิงจะอารมณ์แปรปรวนเกินไปไม่ได้มันจะกระตุ้นมดลูกซึ่งส่งผลไม่ดีต่อเด็กในท้อง” คุณหมอเกาพูดโน้มน้าวด้วยเสียงอ่อนโยน ส่วนคุณหมออีกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน
อู่เยวี่ยตาประกายวาว กระตุ้นมดลูก?
เธอหาข้ออ้างให้คุณหมออีกคนออกไปข้างนอก ในห้องเหลือเพียงเธอกับคุณหมอเกา
“เดี๋ยวรอตอนที่คุณชายเช่อมาคุณก็บอกเขาว่าฉันเกือบแท้งเพราะโมโห และมีความเป็นไปได้สูงว่าจะคลอดก่อนกำหนด” อู่เยวี่ยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับกำลังพูดถึงเรื่องของคนอื่น
คุณหมอเกาตกใจ ให้เขาพูดปดต่อหน้าเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่ต่างอะไรกับการคร่าชีวิตเขา
อู่เยวี่ยมองเขาอย่างไม่ใส่ใจแล้วแค่นหัวเราะใส่ “แม้แต่ภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่อคุณยังกล้านอนด้วยเลย แค่พูดโกหกจะเป็นอะไรไป”
“นี่…นี่…มันไม่เหมือนกัน…”
คุณหมอเกาเสียใจภายหลังแทบแย่ หากย้อนเวลาได้เขาไม่มีทางยอมถูกอู่เยวี่ยยั่วยวนอย่างแน่นอน
ตอนนี้เขาลงเรือโจรมาแล้ว จะลงเรือหรืออยู่ต่อก็มีแต่ตายสถานเดียว
เขาควรทำอย่างไรดี?
“สรุปคุณก็ทำตามที่ฉันบอก ถ้าคุณไม่ยอมทำตาม คุณคงคาดถึงผลที่ตามมาได้นะ” อู่เยวี่ยหมดความอดทนแล้วเลยเปิดเผยธาตุแท้ออกมาอย่างไม่คิดปิดบังอีก
“แต่ยังมีคุณหมอตู้อีกคน เขา…” คุณหมอเกากังวลใจมาก
“เรื่องนี้คุณต้องหาวิธีจัดการเอาเอง ฉันแค่รอดูผลลัพธ์” อู่เยวี่ยคร้านจะพูดเปลืองน้ำลายอีกเลยหลับตาพักผ่อน
เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังทำไม่ได้ ไร้ประโยชน์จริง ๆ!
เหมยเหมยพึงพอใจกับสิ่งที่โจวจื่อหัวทำอย่างมาก สมกับที่เป็นเจ้าพ่ออันธพาล ความขี้โกงนี้ไม่มีใครเทียบได้เลย!
หากเป็นเจ้าพ่อที่มีสถานะคนอื่น ๆ ต่อให้โกรธเพียงใดก็ไม่มีทางใช้วิธีต่ำต้อยแบบนี้ในการต่อกรกับผู้หญิงคนหนึ่งหรอก ไม่งั้นพวกเขาคงหมดซึ่งศักดิ์ศรีแน่นอน
แต่โจวจื่อหัวต่างออกไป เขาผันตัวมาจากอันธพาลจอมโกงอยู่แล้ว สมัยหนุ่ม ๆทั้งหลอกทั้งโกงมานับครั้งไม่ถ้วน อู่เยวี่ยก้าวล้ำขอบเขตเขา เขาย่อมหาทางจัดการนังแพศยาคนนี้อย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว
ถึงขนาดเกือบจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้แล้วจะมัวแต่กลัวอับอายขายหน้าไปอีกทำไม?
“ฉันขอนับเวลาก่อน อีกสามเดือนถึงจะคลอด เด็กคนนี้หัวรั้นจริง ๆ ผ่านมาตั้งหลายเรื่องกลับยังแข็งแรงดี หรือว่าสวรรค์จะเป็นใจจริง ๆ?”
เหมยเหมยนึกในใจและสงสัยเหลือเกินว่าอู่เยวี่ยจะคลอดลูกหน้าตาแบบไหนออกมา
“สวรรค์อาจจะเป็นใจจริง ๆก็ได้!”
เหยียนหมิงซุ่นก็รู้สึกไม่ต่างกัน ในเมื่อเด็กคนนี้มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งขนาดนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามที่สวรรค์ต้องการเถอะ
“พี่ เรารอคอยกันอย่างเงียบ ๆเถอะนะดีไหม?” เหมยเหมยมองเขา
ใช้แผนการทำร้ายเด็กทารกคนหนึ่งมันต่ำช้าเกินไปจริง ๆ ในเมื่อเด็กคนนี้อดทนมานานขนาดนี้ก็ช่างเถอะ!
รออู่เยวี่ยคลอดลูกออกมาก่อนค่อยหาโอกาสคิดบัญชีกับนังแพศยานี้แล้วกัน!
“อื้ม!”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มมุมปากแล้วหยิกแก้มเหมยเหมย
แต่ทว่า–
“ไอ้สารเลวเหยียนหมิงซุ่น แกคิดจะทำอะไรกันแน่? ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไปแกรอดูนะ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
เฮ่อเหลียนเช่อมาหาถึงที่อย่างเดือดดาล ตั้งท่าเหมือนจะท้าต่อยอย่างไรอย่างนั้น
…………………
ตอนที่ 1997 ออกหน้าเพื่อผู้หญิง
“แกเป็นบ้าอะไร? ลูกชายแกเป็นอะไรไปแล้วเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย!”
เหยียนหมิงซุ่นมองเฮ่อเหลียนเช่อที่ใกล้จะระเบิดโทสะเหมือนกำลังมองคนโง่เขลาด้วยสีหน้าเย็นชา
“แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกเป็นพวกเดียวกับโจวจื่อหัว โจวจื่อหัวเอารูปมาจากไหน? แกเป็นคนให้มันไม่ใช่หรือไง!” เฮ่อเหลียนเช่อตวาดใส่ด้วยความเดือดดาล
เมื่อครู่นี้คุณหมอเกากับคุณหมอตู้ที่เขาส่งตัวไปต่างรายงานให้เขาฟังว่าอู่เยวี่ยความดันขึ้นเพราะเห็นข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ของโจวจื่อหัว บวกกับสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะคลอดก่อนกำหนด
แม้เขาไม่ใช่หมอสูตินรีเวชแต่ก็รู้ว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนดไม่แข็งแรงอย่างแน่นอน และอาจจะตายตอนเกิดได้
สำหรับเด็กคนนี้แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเฮ่อเหลียนเช่อรักในฐานะพ่อ เขาแค่เป็นห่วงเรื่องที่ว่าเด็กคนนี้จะสร้างผลประโยชน์อะไรแก่เขาได้หรือไม่
เด็กคลอดก่อนกำหนดขี้โรค หนิงเฉินเซวียนจะชอบได้หรือ?
เช่นนี้เขาต้องเสียแรงทำลูกอีกคน นี่ต่างหากคือสาเหตุที่เฮ่อเหลียนเช่อโมโห
“แล้วก็ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดไม่กี่วันก่อนยัยจ้าวเหมยจงใจทำน้ำหกใส่ทำให้ภรรยาของฉันต้องเป็นไข้หวัดรุนแรง แล้วยังเป็นโรคไหล่อักเสบเพราะความชื้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดี เหยียนหมิงซุ่นต้องเป็นแกที่คอยบงการอยู่แน่นอน!”
เฮ่อเหลียนเช่อคิดบัญชีทีเดียว
เหยียนหมิงซุ่นแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “อย่างแรก รูปของโจวจื่อหัวไม่ได้มาจากฉัน”
แน่นอนว่ามาจากลูกน้องของเขาจึงไม่ใช่ตัวเขาเอง
“อย่างที่สอง เหตุผลที่คุณนายหนิงเป็นไข้หวัดรุนแรงกับไหล่อักเสบเพราะความชื้นเกี่ยวกับน้ำชาของเหมยเหมยจริงเหรอ? เฮ่อเหลียนเช่อแกอย่ามาโยนความผิดให้เหมยเหมยของฉัน!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างใจเย็นด้วยท่าทีน่าเกรงขามไม่เป็นรองอีกฝ่ายเลย
คุณชายที่มีอิทธิพลไม่แพ้กันประจำเมืองหลวงยืนประจันหน้ากันอยู่อย่างนั้น
เฮ่อเหลียนเช่อรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอาการไข้หวัดกับไหล่อักเสบเพราะความชื้นของอู่เยวี่ยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหมยเหมยมากนัก แต่เขาต้องโยนความผิดนี้ไปให้คนอื่นให้ได้
“แกว่าไม่ใช่ก็ต้องไม่ใช่หรือไง? เหยียนหมิงซุ่น แกระวังตัวไว้ให้ดี สิ่งที่แกทำไว้กับลูกชายฉัน อนาคตฉันจะเอาคืนร้อยเท่า!”
เฮ่อเหลียนเช่อทำอะไรเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้จึงทำได้เพียงพูดข่มขู่
นอกจากเหยียนหมิงซุ่นไม่มีลูกตลอดชีวิต ขอแค่จ้าวเหมยท้องเขาจะหาทางฆ่าเด็กคนนั้นเสีย!
เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเย็นชาลง “ฉันไม่ให้โอกาสแกหรอก!”
ก่อนเฮ่อเหลียนเช่อจะลงมือทำเขาย่อมต้องหาทางกำจัดหมอนี่อยู่แล้ว!
เฮ่อเหลียนเช่อแสยะยิ้มด้วยสีหน้าคลุ้มคลั่ง “งั้นก็รอดู!”
บางทีครั้งนี้อู่เยวี่ยคงถูกกระตุ้นค่อนข้างหนักบวกกับเฮ่อเหลียนเช่อที่เดือดดาลอย่างมากจึงสั่งให้ลูกน้องสร้างปัญหาให้โจวจื่อหัวที่ฮ่องกงแต่เห็นทีจะได้ผลอยู่บ้าง โจวจื่อหัวถูกเบี่ยงความสนใจออกไปจึงไม่ได้จ้องจะเล่นงานอู่เยวี่ยกัดไม่ปล่อยอย่างเดิมแล้ว
ส่วนทางโจวซิ่งเอ๋อร์เหยียนหมิงซุ่นก็ได้ส่งบอดี้การ์ดคุ้มกันเพิ่มจำนวนมากเพื่อรับประกันความปลอดภัย ทำให้เหมยเหมยสบายใจขึ้นไม่น้อย
ข่าวที่อู่เยวี่ยถูกคู่หมั้นของคุณชายหมิงทำร้ายจนต้องคลอดก่อนกำหนดแพร่งพรายไปทั่วเมืองหลวงในไม่ช้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของเฮ่อเหลียนเช่อทั้งสิ้น
ภรรยาของเขาถูกรังแก หากเขาไม่ก้าวออกมาทำอะไรสักอย่างจะต้องตกเป็นที่สงสัยของคนอื่นอย่างแน่นอน นอกจากนี้จะหาว่าคุณชายเช่ออย่างเขาไร้ความสามารถ
แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นได้ทำการโต้ตอบกลับทันควัน เขาลงแถลงหน้าหนังสือพิมพ์เมืองหลวงโดยเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดคร่าว ๆ แต่เน้นอธิบายถึงลักษณะการแต่งตัวของอู่เยวี่ยรวมถึงเวลาที่เธอยืนตากลมหนาวข้างนอกเป็นสำคัญ
“คู่หมั้นของผมเป็นโรคเลือดจางเลยทำน้ำชาหกใส่ตัวคุณนายเฮ่อเหลียนอย่างไม่ทันระวังตัว เรื่องนี้เธอทำผิดจริง ซึ่งผมรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง แต่—
เราไม่มีทางยอมรับความผิดที่ทำให้คุณนายเฮ่อเหลียนต้องคลอดก่อนกำหนดแน่ กล้ายืนโชว์อกโชว์ไหล่ในสภาพอากาศที่อุณหภูมิติดลบยี่สิบกว่าองศา เห็นทีคุณนายเฮ่อเหลียนต้องเป็นคนสุขภาพกายแข็งแรงมาก ๆ แล้วจะหวาดหวั่นต่อน้ำชาแก้วเล็ก ๆได้อย่างไรกัน?”
ชาวเมืองหลวงเห็นคุณชายผู้มีชื่อเสียงทั้งสองเริ่มปะทะกันเพราะผู้หญิง จึงต่างรอดูเรื่องสนุก ๆอย่างขบขัน
แค่รอดูเฉย ๆก็พอ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น