ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 198-201
ตอนที่ 198 จับตาดูอยู่ตลอดเวลา ดูสิว่...
อยู่ดีๆ ตู๋กูซิงหลันก็พลันนึกสงสารอู๋เจินน้อยขึ้นมา
อู๋เจินน้อยถูกคนคิดถึงจนต้องจามออกมายกใหญ่ ในกระท่อมไม้ไผ่ เขาลูบจมูกพลาง ในใจก็รู้สึกหวาดผวาอยู่บ้าง
เขาแค่เผลอไปนิดเดียว ก็ดันทำท่านเซียนไทเฮาหายไปเสียแล้ว สวรรค์ทรงโปรดเถอะ ดูสายพระเนตรที่ฝ่าบาททรงมองเขาสิ แทบจะแทงเขาให้ทะลุอยู่แล้ว
สวรรค์ได้โปรดเมตตาด้วยเถอะ ระดับของเขากับไทเฮาน้อยนั้นต่างกันสักหนึ่งแสนแปดพันลี้ได้ เขาจะไปรั้งนางเอาไว้ได้อย่างไรกัน
แต่ว่าเรื่องนี้เขาจะอธิบายให้ฝ่าบาทฟังได้อย่างไร
หากว่าพูดความจริงออกไป เกรงว่าคำพูดยังไม่ทันได้ออกจากปาก ก็คงโดนไทเฮาน้อยผู้นั้นขว้างยันต์ออกมาสักใบสองใบ แค่นี้ก็พอจะทำให้เขาต้องอำลาโลกที่สวยงามใบนี้ไปเสียแล้ว
ยังดีนะ ยังดี ที่ฝ่าบาทยังทรงมีเรื่องวุ่นวายเรื่องอื่นอยู่อีก ถึงได้ไม่ทรงมาหาเรื่องกับเขา
สามวันหลังจากนั้น ก้อนเมฆมืดครึ้มเหนือท้องฟ้าเมืองลี่โจวก็กระจัดกระจายออกไปบ้าง ฮ่องเต้ทรงเสด็จไปยังอารามเทพธิดาแต่เช้าตรู่
ชาวบ้านไม่น้อยพากันมาเฝ้ารอตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง ตลอดชีวิตพวกเขายังไม่เคยได้เห็นฮ่องเต้มาก่อนสักครั้ง ย่อมต้องรู้สึกสนอกสนใจอย่างยิ่ง
ขบวนเสด็จของฝ่าบาทมิได้ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงฉลองพระองค์มังกรทอง ข้างพระวรกายมีองครักษ์ไม่กี่คน
หรานอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอก็ตามเสด็จอยู่ข้างๆ เขาสวมใส่ชุดสีดำสนิททั้งร่าง ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับฮ่องเต้ที่มีพระวรกายสูงใหญ่แล้ว เขาก็ดูเตี้ยไปถนัดตา
ท่าทางของหรานอ๋องราวกับคนที่เจ็บป่วยมานาน ดวงเนตรปูดโปน แม้แต่ใต้ตาก็เป็นสีดำ
พอชาวบ้านเห็นดังนั้น ต่างก็พากันรู้สึกปวดใจขึ้นมา ท่านอ๋องหรานเป็นท่านอ๋องที่ดีมีความรับผิดชอบ ยามปกติก็มีเมตตารักษาคุณธรรม ไม่เคยถือยศถืออย่างว่าตนเป็นอ๋อง บางครั้งก็ออกไปให้กำลังใจชาวบ้านจนถึงที่บ้าน ในใจของพวกเขา หรานอ๋องก็คือพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตอยู่บนโลก ที่คอยช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากโดยเฉพาะ
ก่อนหน้านี้เขายังดูสดใสกว่านี้บ้าง ตอนนี้กลับดูเหมือกำลังป่วยไข้อยู่อย่างไรอย่างนั้น นี่จะต้องเป็นเพราะว่าครั้งก่อนเขาใช้ร่างกายตนเองขวางแม่น้ำเอาไว้ จนทำให้เกิดป่วยไข้ขึ้นมา
ท่านอ๋องที่ดีเช่นนี้ นับว่าสูงส่งหาได้ยากจริงๆ
พูดขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้ที่จริงหรานอ๋องก็นับว่าเป็นบุรุษที่งดงามผู้หนึ่ง ในบางครั้งเขาก็จะสวมใส่ชุดสีขาวทั้งร่าง หากมิใช่เป็นเพราะว่าลี่โจวตกอยู่ในความยากลำบาก เขาก็คงจะไม่กลายสภาพเป็นแบบนี้
ลองไปดูฝ่าบาทบ้างสิ อ้าาาา ช่างเป็นผู้ที่ดูแล้วสง่างามอะไรเช่นนี้ งดงามประหนึ่งเทพเซียนลงมาจากฟากฟ้า ชุดมังกรทองนั้นคงจะแพงมากสินะ
ผู้คนในลี่โจวตั้งเท่าไหร่ที่ไม่มีข้าวและหมั่นโถกินสักคำ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว น้ำมหาศาลที่ทะลักเข้ามาครั้งนี้ แค่พวกเขายังมีเสื้อผ้าเอาไว้ใส่ ก็นับว่าดีมากแล้ว
พอนำทั้งคู่มาเปรียบเทียบกันเช่นนี้ ผู้ใดมีใจห่วงใยชาวบ้าน ผู้ใดที่แค่มาตั้งขบวนเดินให้ดูเท่านั้น เพียงแวบเดียวก็สามารถบอกออกมาได้แล้ว
หลายวันมานี้ ในเมืองลี่โจวมีข่าวเล่าลือว่า ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงประทานเสบียงบรรเทาทุกข์มาให้ แต่ว่ากลับถูกผู้ที่มาบรรเทาทุกขภิกภัยอย่างตู๋กูเจวี๋ยกักตุนเอาไว้
ตู๋กูเจวี๋ยผู้นั้นไม่เพียงกักตุนเงินบรรเทาทุกข์ เขายังเป็นสาเหตุให้เขื่อนแตก พอเกิดเรื่องก็ม้วนหางหนีหายไป กระทั่งเงินบรรเทาทุกข์ก็ถูกเขาหอบเอาไปด้วย
ว่ากันตามจริงแล้ว หากว่าเบื้องหลังไม่มีฮ่องเต้หนุนอยู่ละก็ ตู๋กูเจวี๋ยจะกล้าบังอาจเพียงนั้นได้อย่างไร
ฮ่องเต้พระองค์นี้ เพียงแต่ใช้รูปลักษณ์ภายนอกมาหลอกลวงผู้คนเท่านั้น
เกรงว่าล่วงเลยมาจนถึงป่านนี้ตู๋กูเจวี๋ยก็คงจะหอบเอาเงินบรรเทาทุกข์กลับไปถึงเมืองหลวงแล้วละมั้ง และก็ทิ้งความยากลำบากยุ่งเหยิงทั้งหลายเอาไว้ให้หรานอ๋องดูแลต่อไป ที่ฮ่องเต้เสด็จมายังลี่โจว ก็เพียงเพื่อนเอาหน้าเท่านั้น
ก็แค่มาจัดพิธีบูชาขอพรที่อารามสักรอบหนึ่ง เขาคิดว่าผู้คนทั้งหลายเป็นไอ้โง่กันหมดหรืออย่างไร
เทพธิดาประจำสายน้ำองค์นั้นหมดความศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นสิบปีแล้ว ขนาดพวกเขายังไม่มีใครไปจุดธูปให้เลย เขามาขอพรที่อารามที่ไร้ความศักดิ์สิทธิ์แล้วเช่นนี้ มันจะมีประโยชน์อะไร
ตลอดทางที่เดินทางมาจีหรานทรงคอยสังเกตดูปฏิกริยาของผู้คนอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าได้ผลตอบรับเช่นนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง
เช้าวันนี้ เดิมทีฮ่องเต้ทรงสวมฉลองพระองค์สีดำมาสวดขอพร แต่ว่ากลับถูกเขาทูลทัดทานไว้
เขาบอกกับฮ่องเต้ว่า ในพิธีขอพรนั้นต้องแสดงออกถึงความรู้สึก ให้เห็นถึงความจริงใจอย่างที่สุด ถึงจะสามารถสร้างความประทับใจอันซาบซึ้งให้เทพธิดากลับมาปกป้องลี่โจวอีกครั้ง
ดังนั้น จำเป็นจะต้องสวมใส่ชุดมังกร เพื่อจะได้แสดงออกถึงการให้ความเคารพ
ฝ่าบาททรงรับฟังแล้วก็เห็นว่ามีเหตุผล จึงเปลี่ยนเป็นชุดมังกรแทน
ดูเอาสิ เจ้าโง่นี่ กลับเป็นคนหูเบาถึงเพียงนี้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร พระองค์ก็ทรงทำตามนั้นไปหมด
ในสถานการณ์เช่นนี้กลับสวมใส่ชุดมังกรที่หรูหรางดงาม มิใช่ว่าเท่ากับลากเอาความเกลียดชังของชาวบ้านทั้งหลายมาเทรวมกันหรอกหรือ
ดูเอาสิ ถึงแม้ว่าพระองค์จะมีรูปโฉมงดงาม แต่พอปรากฏพระองค์ออกมากลับทำให้เหล่าชาวบ้านเกิดความรู้สึกย่ำแย่ด้วยกันทั้งนั้น
เมื่อประกอบกับข่าวลือที่เขาจงใจปล่อยออกไป ไม่ต้องเดาก็รู้แน่ว่าประชาชนทั้งหลายกำลังก่นด่าพระองค์อยู่
ไม่ต้องรีบร้อน พอพิธีขอพรเริ่มขึ้น ยังจะมีเรื่องให้พระองค์ได้โดนซ้ำเติมอีกเยอะ
ที่จริงแล้วช่วงนี้จีหรานทรงครุ่นคิดถึงปัญหาหนึ่งมาโดยตลอด อี้อ๋องจีเย่ผู้นั้นจะต้องเป็นคนโง่เง่าถึงขนาดไหน จึงได้พ่ายแพ้ให้กับคนอย่างจีเฉวียนได้กัน
พลังอำนาจของราชวงศ์จีนั้นตกต่ำจนถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ฮ่องเต้ขาดคุณสมบัติถึงเพียงนี้ หากว่าแผ่นดินต้าโจวไม่ได้ถูกเขารับเอาไว้ เกรงว่าอีกไม่นานก็คงต้องเปลี่ยนแซ่ของผู้ปกครองกันแล้ว
ฮ่องเต้ยังทรงมีสีพระพักตร์ที่ไร้อารมณ์ใดๆ ดังเช่นเคย นับตั้งแต่ที่พระองค์ย่างพระบาทออกมาจากตำหนักของหรานอ๋อง ก็มิได้กวาดพระเนตรมองดูประชาชนสักแวบหนึ่ง พระวรกายของโอรสสวรรค์ตั้งตรงงามสง่าดุจดั่งต้นสน ยามเสด็จผ่านก็ดูสูงส่งอย่างไร้ที่เปรียบ
แต่ว่าในสายตาของจีหรานแล้ว ก็ไม่ถือว่ามีค่าใดๆ ทั้งสิ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเองก็คุ้นเคยกับท่าทางดั่งเสือกระดาษของจีเฉวียนไปเสียแล้ว
อารามเทพธิดาผุพังมานาน เนื่องเพราะการเสด็จมาของฮ่องเต้จึงได้รับการบูรณะ ต้นฮว๋ายกลางลานเ**่ยวเฉามานานหลายปีแล้ว ถึงแม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิแต่ก็ไม่เคยมียอดใหม่แทงออกมาเลยสักนิด
จีเฉวียนเสด็จเข้าไปในอาราม ประทับยืนอยู่กลางลานใต้ต้นฮว๋ายต้นนั้น ทอดพระเนตรอยู่ครู่หนึ่ง
ลำต้นทั้งใหญ่และหนามาก ดูท่าอย่างน้อยๆ คงมีอายุนับร้อยปีแล้ว
จีหรานเห็นพระองค์ทอดพระเนตรมองอยู่ครู่ใหญ่ ก็เกรงว่าจะเลยเวลาขอพร จึงทูลว่า ” ฝ่าบาท ต้นไม้ต้นนี้เมื่อสิบปีก่อนก็เ**่ยวเฉาไปแล้ว ไม่มีอันใดน่ามองหรอกพะยะค่ะ “
เขาไม่ได้เข้ามาในอารามนี้มานานแล้ว ยิ่งไม่ได้เห็นต้นฮว๋ายต้นนี้มานานเช่นกัน
ต้นฮว๋าย เรียกผีได้
ตอนนั้นต้นฮว๋ายต้นนี้เติบโตอย่างยิ่งใหญ่และงดงาม ยามที่ดอกฮว๋ายผลิบานนั้น ก็จะกลายเป็นช่อดอกสีขาวบานสะพรั่งไปทั้งต้น ดอกฮว๋ายพร่างพราวเต็มไปหมด
ทุกๆ ปียามที่ดอกไม้นี้ผลิบาน กลิ่นหอมขจรไปไกลหลายลี้ ดึงดูดเหล่าภูติผีเข้ามาไม่น้อย ชือหลีมักจะหัวเราะพลางกล่าวว่า รอให้เขาตายแล้ว ก็ให้ฝังร่างของเขาเอาไว้ใต้ต้นฮว๋ายนี้ เช่นนี้ดวงวิญญาณของเขาก็จะได้วนเวียนอยู่ในอารามเทพธิดา อยู่เป็นเพื่อนนางได้ตลอดไป
พอคิดถึงเรื่องเก่าๆ ขึ้นมา ในใจของจีหรานก็รู้สึกอึดอัดคับข้อง
ยังดีที่พอจิตวิญญาณของชือหลีแตกสลายไปแล้ว ต้นฮว๋ายนี้ก็เ**่ยวเฉาตามไปด้วย
จีเฉวียนทรงประทับอยู่ใต้ต้นฮว๋าย ในพระทัยก็คิดไปถึงตู๋กูซิงหลัน สาวน้อยที่ไม่รู้จักความสงบเสงี่ยมผู้นั้น ชอบออกไปวิ่งวุ่นวายอยู่เสมอ
บนร่างของนางมีกลิ่นดอกฮว๋ายอยู่ตลอดเวลา คิดดูแล้วคงจะต้องชอบต้นฮว๋ายเป็นแน่ ไว้หลังจากกลับวังไปแล้ว เขาจะสร้างตำหนักใหม่ขึ้นมาอีกหลังหนึ่ง ด้านในปลูกต้นฮว๋าย จากนั้นก็ขังนางเอาไว้ คอยจับตาดูนางอยู่ตลอดเวลา ดูสิว่านางยังจะกล้าไม่เชื่อฟังอีกไหม
พอคิดถึงตู๋กูซิงหลันแล้ว พระขนงของฮ่องเต้ก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา
เมื่อเห็นพระองค์พระอารมณ์ของพระองค์ จีหรานก็ทูลขึ้นมาว่า ” ฝ่าบาท ต้นฮว๋ายนี้มีลักษณะชั่วร้าย ถึงแม้จะเ**่ยวเฉามานานปี แต่ก็ยังคงมีความน่ากลัวอยู่ พระองค์อย่าได้ทอดพระเนตรนานจนเกินไปจะดีกว่าพะยะค่ะ “
ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ จีเฉวียนถึงได้เก็บสายพระเนตรกลับมา พระพักตร์ที่งดงามก็กลับไปเย็นชาดุจดังน้ำแข็งอีกครั้ง
ทรงหันไปทอดพระเนตรดูภายในอารามอีกรอบ ก็เห็นว่าบริเวณที่แตกหักผุพังทั้งสี่ด้านมีแต่ใยแมงมุม รูปปั้นเทพธิดายืนอยู่เพียงลำพังบนแท่นด้านใน ดวงหน้าเปี่ยมเมตตาแฝงรอยยิ้มที่ขมขื่น
——
槐花 ดอกฮว๋าย Sophora japonica : ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ดอกไม้ที่มีสรรคุณทางยา นำมาผัดกิน สรรพคุณลดความดันเลือด ออกดอกเป็นช่อสีขาวทั้งต้น
(สำหรับกลิ่นหอมประจำตัวของอาหลันนั้นก็คือดอกฮว๋าย (槐) ไม่ใช่ดอกกุหลาบ (瑰) ต้องของอภัยทุกท่านด้วยสำหรับความผิดพลาดในการแปลที่ผ่านมา เนื่องจากตัวอักษรทั้งสองมีความคล้ายกันมากค่ะ)
槐树 ‘ ต้นฮว๋าย เรียกผีได้ ‘ : ที่จีหรานคิดเช่นนี้ เพราะในบางความเชื่อของคนจีน มีต้นไม้สี่ชนิดที่ว่ากันว่ามีความผูกพันและสามารถดึงดูดจิตวิญญาณเหนือธรรมชาติและภูตผี นั่นก็คือ 桑 (ต้นหม่อน) ,槐 (ต้นฮว๋าย) ,杨 (ยาง) ,柳 (ต้นหลิว, วิลโลล์) (ผู้แปลคิดว่านี่เหมือนกับที่บ้านเราเชื่อเรื่อง ต้นโพธิ์ , ต้นไทร, กล้ายตานีและต้นตะเคียนทอง)
ในส่วนของต้นฮว๋ายนั้นก็เป็นเพราะคำว่า 槐 นี้ ประกอบขึ้นมาจากตัวอักษรสองตัว ก็คือ 木 (มู่, ไม้) และ 鬼 (กุ่ย,ผี) นั้นเอง ประกอบกับความเขียวขจีของต้นไม้ชนิดนี้ทำให้สะสมธาตุหยินเอาไว้มาก จึงดึงดูให้มีวิญญาณเข้ามาสิงสถิต
แต่ว่าหากไปดูในตำราฮวงจุ้ยนั้น จะบอกว่าต้นฮว๋ายนี้ ไม่ได้เรียกผี แต่เป็นการสะกดข่มผีและขับไล่สิ่งชั่วร้ายต่างหาก ทั้งยังช่วยเรียกทรัพย์ด้วย
ตอนที่ 199 นี่มันทำบ้าอันใดกัน?
โต๊ะบูชาตรงเบื้องหน้าเทพธิดาเลอะเทอะไปด้วยฝุ่น กระถางธูปอันเล็กๆ ที่วางเอาไว้หลายอันก็มีแต่สนิมเขรอะ ยิ่งทำให้เห็นถึงความชำรุดทรุดโทรม
จีหรานสั่งให้คนไปเปิดประตูและหน้าต่างในอารามออกให้หมด จะได้ให้ชาวบ้านทั้งหลายที่รายล้อมอยู่ทุกทิศได้เห็นอย่างชัดเจน
วันนี้ต้องถือว่าอากาศดีขึ้นมากจริงๆ สายลมพัดโชยเบาๆ บนท้องฟ้าก็สามารถมองเห็นสีฟ้าได้อย่างชัดเจน มีก้อนเมฆลอยอยู่เพียงสองก้อนเท่านั้น แสงอาทิตย์ที่มิได้เห็นมานานสาดส่องลงมา พอสัมผัสกับร่างกายก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นสบายขึ้นกว่าเดิม
สภาพอากาศเช่นนี้สำหรับเมืองลี่โจวแล้วนับว่าหากได้ยากอย่างยิ่ง
เหล่าประชาชนต่างก็รายล้อมอยู่รอบๆ อาราม พวกเข่าคุกเข่าลงบนพื้น ในใจก็ปรากฏความหวังขึ้นมาใยหนึ่ง หากว่าโอรสสวรรค์สามารถโน้มนำเทพธิดาแห่งสายน้ำให้กลับมาพิทักษ์เมืองลี่โจวอีกครั้งได้ละก็ นั้นก็ถือว่าเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
พวกเขาต่างก็จดจ้องมองดูโดยมิกล้ากระพริบตา ด้วยเกรงว่าจะพลาดสิ่งใดไป
ท่ามกลางฝูงชน มีเงาคนชุดดำสองคนแอบอยู่ในมุมหนึ่ง
บุรุษชุดดำที่มีผ้าคลุมผมในมือถือแส้เหล็กเอาไว้ ตลอดร่างมีกลิ่นอายของความตามกำจายออกมา ” อันกูกู อีกเพียงไม่นาน ก็ต้องขอดูฝีมือของท่านสักหน่อยแล้ว “
อันหร่วนเองก็สวมชุดสีดำ ยืนอยู่ข้างกายบุรุษผู้นั้น ในมือของนางมีตุ๊กตาคนที่ทำจากไม้ตัวเล็กๆ บนตุ๊กตาไม้มียันต์ที่ใช้โลหิตเขียนขึ้นมาอยู่แผ่นหนึ่ง
บนอกของตุ๊กตาไม้ แกะเป็นวันเวลาตกฝากของคนผู้หนึ่ง
นางกำตุ๊กตาเอาไว้แน่น พยักหน้า ค่อยกล่าวออกมาไม่กี่คำ ” วางใจเถอะ “
……………………………………..
ขณะเดียวกัน ฮ่องเต้ประทับยืนอยู่ต่อหน้ารูปปั้นเทพธิดา สั่งให้องครักษ์ที่อยู่ข้างพระองค์ทำความสะอาดโต๊ะบูชาจนหมดจดเรียบร้อย จากนั้นก็นำผลไม้สดขึ้นมาถวาย
พอผลไม้สดสีแดงสดใสถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะบูชา ก็ยิ่งดึงดูดสายตามากเป็นพิเศษ
จีหรานยื่นธูปถวายด้วยความเคารพนบนอบ กราบทูลเบาๆ ว่า ” ฝ่าบาท เทพธิดาแห่งสายน้ำผู้นี้อารักขาแม่น้ำลี่เหอมานานนับพันปี วันนี้พระองค์เสด็จมาขอพรด้วยพระองค์เอง ย่อมต้องสามารถทำให้นางซาบซึ้งใจได้แน่พะยะค่ะ “
พอธูปสีเขียวถูกจุด ควันสีเขียวจางๆ ก็ล่องลองขึ้นมา ทั่วทั้งพระวรกายของจีเฉวียนราวกับว่ามีควันบางๆ ล้อมอยู่ชั้นหนึ่ง ทรงประคองธูปเอาไว้ในพระหัตถ์ ตั้งพระทัยสวดมนต์ขอพรต่อเทพธิดา
หลังจากนั้นก็ปักธูปลงไปในกระถางธูปแต่ละกระถาง
จีหรานคอยเฝ้าอยู่ด้านข้าง ในหัวใจของเขากำลังยิ้มอย่างเย็นชา ดวงจิตของชือหลีดับสูญไปนานหลายปีแล้ว ต่อให้ตอนนี้นางจะได้รับควันจากธูปบูชาก็ไม่มีทางจะกลับมามีชีวิตได้อีก
ดูท่าทางของฮ่องเต้ที่ทรงตั้งอกตั้งใจเสียขนาดนั้น ราวกับว่าในพระทัยพระองค์ใส่ใจราษฏรจริงๆ
แต่ว่าฮ่องเต้ที่มีพระปรีชาความสามารถจริง ย่อมไม่ฝากความหวังเอาไว้กับเทพยดาอย่างแน่นอน
จากนั้นฮ่องเต้ก็ทรงทำพิธีสวดมนต์ขอพรอย่างยืดยาวอีกครั้งหนึ่ง
ประชาชนทั้งหลายต่างก็จดจ้องมองดูพระองค์ นับตั้งแต่เริ่มพิธีจนถึงตอนนี้ไม่ได้เห็นพระองค์คุกเข่าลงเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่เป็นพิธีขอพรแท้ๆ แต่กลับเอาแต่ถือยศว่าเป็นฮ่องเต้ไม่ละวาง หากไม่คุกเข่าลงไปแล้วจะสามารถทำให้เทพธิดาหวั่นไหวใจได้อย่างไรกัน?
ขณะที่พวกเขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ ท้องฟ้าที่เดิมแจ่มใสอยู่ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่รู้ว่ามีลมพัดแรงขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ท้องฟ้าสีฟ้าถูกปิดบังไปอย่างรวดเร็ว
” เปรี้ยง! ปร้าง! ” เพียงครู่เดียว ก็เริ่มได้ยินเสียงฟ้าผ่า ท้องฟ้ามีแต่ความมืดครึ้มไปหมด สายลมก็พัดโหมกระหน่ำ
พายุใหญ่บอกมาก็มา ทำท่าจะตกกระหน่ำให้ชุ่มโชก
ชาวบ้านต่างตระหนกตกใจกับขึ้นมา แยกย้ายกันหาที่หลบฝนอย่างรวดเร็ว
ฮ่องเต้องค์นี้ขอพงขอพรอะไรกัน?
ทำไมถึงไปเรียกพายุฝนมาเสียได้! เขื่อนในแม่น้ำลี่เหอพึ่งจะแตกไป ทั่วทั้งเมืองลี่โจวจมอยู่ใต้น้ำไปแล้ว เมื่อเห็นว่าพายุฝนใหญ่กำลังมาในใจของผู้คนต่างก็หวาดผวา เกรงว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำลี่เหอจะเพิ่มพูนขึ้นอีก จนทำให้เมืองลี่โจวต้องจมบาดาลอีกรอบ
นี่จะต้องเป็นเพราะว่าในพระทัยฮ่องเต้ไม่มีศรัทธา ทำให้เทพทั้งหลายพิโรธ ถึงได้ส่งพายุฝนใหญ่ลงมา!
จีหรานมองดูสถานการณ์ภายนอก ในใจก็ตื่นตะลึงขึ้นมาบ้าง คนชุดดำผู้นั้นช่างมีความสามารถจริงๆ ถึงกับเรียกฟ้าเรียกฝนได้เช่นนี้ แต่กลับทำงานรับใช้ผู้อื่น ไม่รู้ว่าเจ้านายที่เขาเรียกหาอยู่นั้นจริงๆ แล้วจะเก่งกาจมากถึงเพียงไหนกัน
พอฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์โดยรอบ ก็ทรงตกตะลึงไป สีพระพักตร์เต็มไปด้วยความสับสน ความไม่เข้าใจว่าทรงทำสิ่งใดผิด
” ฝ่าบาท ที่ด้านนอกฝนตกลงมาใหญ่แล้ว หรือจะเป็นเพราะว่าเทพธิดาเข้าใจความหมายของพระองค์ผิดไป? ฝ่าบาทมิได้เสด็จมาเพื่อขอฝนสักหน่อย “
จีหรานยืนอยู่ข้างพระองค์ ทำท่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
” เราทำสิ่งใดผิดไปหรือ? ” จีเฉวียนประทับอยู่ที่เดิม ตรัสเบาๆ กับพระองค์เอง
” ฝ่าบาทจะทรงทำผิดได้อย่างไร? ” จีหรานส่ายศีรษะ ” อากาศในลี่โจวเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บางทีอาจจะเป็นความบังเอิญที่กำลังจะเกิดพายุฝนเท่านั้น ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลพระทัยไปเลยพะยะค่ะ “
แม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น แต่จีหรานกลับเดินลึกเข้าไปข้างในอาราม มือข้างหนึ่งก็กุมข้อมือเอาไว้ ตระเตรียมจะเรียกงูออกมา
ฮ่องเต้เสด็จมาขอพร ไม่เพียงเรียกพายุฝนใหญ่มา แต่ยังเป็นเหตุให้แม่น้ำลี่เหอหลากล้นอีกรอบ ความผิดรุนแรงเช่นนี้ เพียงพอจะให้คนรุ่นหลังก่นด่าไปอีกร้อยปีแล้ว
” เป็นเช่นนั้นหรือ ” จีเฉวียนหรี่พระเนตรลง สายพระเนตรปรากฏความผิดหวังอยู่บ้าง
พระองค์มองออกไปยังพายุฝนด้านนอก พายุฝนนี้ตกอย่างแปลกประหลาดนัก เมื่อครู่ตกลงมาอย่างกระจายไปทั่ว แต่ว่าตอนนี้กลับตกลงแต่ในใจกลางของอาราม ที่อื่นล้วนหยุดหมดแล้ว
ราวกับว่าด้านบนของอารามมีรูระบาย ให้เทน้ำลงมาอย่างไรอย่างนั้น
อารามเทพธิดาเดิมทีก็เก่าผุพังอยู่แล้ว พอโดนเข้าไปเช่นนี้ ก็ทำท่าว่าจะทลายลง
แต่ว่ายังไม่ทันจะทลายลงมาจริงๆ ทันใดนั้นก็เห็นว่าพายุฝนเริ่มย้ายที่ออกไป ราวกับว่ามันมีความตั้งใจของตนเอง ถึงกับมุ่งไปยังตำแหน่งที่เป็นตำหนักของหรานอ๋อง
ผู้คนทั้งหลายต่างตกตะลึง
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
ผู้คนไม่น้อยติดตามเมฆฝนนั้นไป ก็เห็นว่าฝนยิ่งทียิ่งตกหนักขึ้น ราวกับว่าบนฟ้ามีรู้รั่วอย่างไรอย่างนั้น ฝนทั้งหมดเทไปรวมกันลงบนตำหนักของหรานอ๋อง สาดกระหน่ำลงไปอย่างรุนแรง
ในตำหนักของหรานอ๋อง อู๋เจินนั่งขัดสมาธิทำพิธีเรียกฝนอยู่ด้านใน ที่ด้านข้างกายของเขายังมีบุรุษหนุ่มอีกผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดสีเขียวแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่าอ่อนเยาว์กว่าอู๋เจินอยู่มาก ทั้งสองต่างปิดตาแน่น ริมฝีปากท่องคาถาอยู่ตลอด
” ศิษย์พี่อู๋ซื่อ ฝนมาแล้ว ” พอพายุฝนกระหน่ำลงมาตรงนี้จริงๆ อู๋เจินถึงได้ลืมตาขึ้นมา ” หน้าที่ที่ฝ่าบาททรงมอบหมายมาให้ พวกเราถือว่าทำสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง “
บุรุษที่ถูกเรียกว่าอู๋ซื่อยังคงปิดตาทั้งสองข้าง ” ในเมืองลี่โจวเกิดปีศาจอาละวาด เจ้าและข้าต่างก็เป็นผู้อาวุโสของอารามเทียนเก๋อกวน เดิมที่ก็ต้องเห็นแก่อาณาประชาราษฏร์เป็นหลักอยู่แล้ว นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเรา ต่อให้ฮ่องเต้มิได้ทรงมีพระบัญชา เจ้าและข้าก็ยังคงต้องมาปราบปีศาจ “
อู๋ซื่อกล่าวอย่างซื่อตรง แม้ว่าดูไปแล้วจะมีอายุเพียงสามสิบห้าสามสิบหกปี แต่ท่าทางกริยากลับเหมือนนักพรตเฒ่าอย่างไรอย่างนั้น
” ใช่แล้วๆๆ ” อู๋เจินได้แต่ท่องคาถาเรียกฝนต่อไป ไม่กล้าว่อกแว่กพูดมากอีก
……………………………………………….
ภายในอารามเทพธิดา รอบนี้กลับถึงคราวที่จีหรานจะต้องตื่นตะลึงบ้างแล้ว
คนชุดดำนั่นทำบ้าอันใดกัน? ทำไมพายุฝนถึงได้ไปเทลงบนตำหนักของเขา?
” หรานอ๋อง เจ้าไปทำอะไรเข้า ถึงได้ทำให้เทพธิดาทรงพิโรธ ถึงกับจะจมบ้านของเจ้าให้จงได้? ” คราวนี้ จีเฉวียนทรงไพล่สองพระหัตถ์เอาไว้ด้านหลัง สองเนตรหงส์จดจ้องไปยังเขา สีพระพักตร์ขององค์เหนือหัวมีแต่ความเย็นชา
จีหรานถูกจ้องเสียจนทั่วทั้งร่างขนลุกขึ้นมา เขาตัดสินใจถอยไปข้างหลังก้าวหนึ่ง ” ไม่ จะต้องเกิดข้อผิดพลาดในที่ใดเป็นแน่ “
” ครื่ด คราด เปรี้ยงปร้าง! ” เขาพึ่งจะพูดออกไป ก็ได้ยินเสียงสายฟ้าฟาดดังออกมาจากท้องฟ้า แสงสว่างที่มากับสายฟ้าทำเอาในอารามเทพธิดาสว่างวาบขึ้นมา
จีหรานหันออกไปด้านนอกพอดี พอมองออกไป เขาก็ได้เห็นว่ารูปปั้นเทพธิดากำลังแสยะยิ้มให้เขา
หัวใจของจีหรานกระตุกขึ้นมาในทันที เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ……ชือหลีตายไปตั้งนานแล้ว นางตายไปตั้งนานมากแล้ว!
ต้องมีใครกำลังดำเนินแผนวางอุบายอยู่เป็นแน่?
เขาหันไปมองดูโดยรอบ นอกจากจีเฉวียนและคนข้างกายไม่กี่คน ที่ด้านนอกก็มีแต่พวกชาวบ้านที่ไม่ได้รู้ความจริงอะไรเท่านั้น
เมื่อครู่ผู้คนต่างก็พากันมองเห็นฮ่องเต้เป็นศัตรู ตอนนี้แต่ละคนต่างก็จดจ้องมาที่หรานอ๋องเป็นตาเดียว
ตอนที่ 200 เทพธิดาสำแดงองค์!
ในใจของพวกเขา หรานอ๋องเป็นคนดีมากผู้หนึ่ง
แต่ว่าทำไม……..พายุฝนที่เกิดขึ้นหลังจากฮ่องเต้ขอพร ถึงได้เทลงไปบนตำหนักของหรานอ๋องกัน?
ขณะที่หรานอ๋องยังตื่นตะลึงไม่ทันหาย จีเฉวียนก็เอ่ยพระโอษฐ์ออกมาว่า ” เรานึกได้แล้ว ตอนนั้นเงินบรรเทาทุกข์ที่ส่งมา เป็นหัวหน้าองครักษ์เงาส่งมอบให้ท่านกับมือ ตอนนี้พวกเราอยู่ตอนหน้าเทพธิดา เราอยากจะรู้ว่า เงินบรรเทาทุกข์ทั้งหมดนั้นเสด็จอานำไปใช้ในทางใด? “
พระสุรเสียงของฮ่องเต้เปี่ยมไปด้วยพลัง ประชาชนที่อยู่รอบอารามต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน
เงินบรรเทาทุกข์หรือ? ไม่ใช่ว่าถูกตู๋กูเจวี๋ยที่มาบรรเทาภัยหอบหนีไปแล้วหรือ?
ทำไมฝ่าบาทถึงได้มารับสั่งถามเอากับหรานอ๋องกัน?
พวกเขาล้วนรู้กันทั่ว พอเกิดน้ำท่วม หรานอ๋องก็เอาเสบียงอาหารที่สะสมไว้มาแจกชาวบ้านที่ประสบภัยจนหมด แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังได้ดื่มแต่โจ๊กใสเท่านั้น
แต่ฮ่องเต้ตรัสออกมาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นพระองค์เองที่สนับสนุนการกระทำของตู๋กูเจวี๋ยมิใช่หรือ นี่คิดจะหันกลับมาแว้งกัดหรานอ๋องหรือไร?
พอจีหรานถูกถามเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าก็ไม่น่าดูยิ่งไปกว่าเดิม เขายกชายแขนเสื้อขึ้นมากระแอมไอหลายครั้ง ” ฝ่าบาท พระองค์ทรงสงสัยกระหม่อมหรือ? “
” ตั้งแต่แรกแล้วเรื่องการบรรเทาอุทกภัยในลี่โจวล้วนเป็นคุณชายรองตู๋กูเป็นผู้สั่งการ กระหม่อมเป็นเพียงบุตรที่มิได้รับความเหลียวแลของราชวงศ์เท่านั้น ทุกเรื่องล้วนอยู่ภายใต้การตัดสินใจของคุณชายรอง เงินบรรเทาทุกข์ทั้งหมดนั้นย่อมเป็นเขาที่ดูแล ” จีหรานกราบทูลราวกับจะปฏิญานตน ” ตลอดหลายวันมานี้ สิ่งที่กระหม่อมทำลงไปล้วนอยู่ในสายพระเนตร กระหม่อมเองก็เป็นคนในราชวงค์ต้าโจว หรือฝ่าบาททรงเห็นว่ากระหม่อมนำชีวิตของพลเมืองต้าโจวมาเป็นเรื่องเล่นหรือ? “
จีหรานมีโทสะขึ้นมา ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอยู่ตลอด เมื่อต้องมองดูตำหนักหรานอ๋องถูกพายุฝนกระหน่ำใส่อย่างไม่มีหยุด ในใจของเขาก็ร้อนรุ่มไปหมดแล้ว
” ฝ่าบาทพะยะค่ะ ความผิดพลาดทั้งหลายล้วนเป็นคุณชายรองตู๋กูเป็นผู้ก่อขึ้นมาทั้งนั้น ไยตอนนี้พระองค์ถึงได้ทรงตรัสโทษท่านอ๋องของพวกกระหม่อมด้วย? ” เหล่าลูกน้องของจีหรานต่างแสดงความไม่พอใจออกมา
” หุบปาก ยามที่ฝ่าบาทตรัส ไหนเลยจะมีที่ให้ข้ารับใช้อย่างเจ้ากล่าวสอดกัน! ” ทันใดนั้นผู้ติดตามข้างพระวรกายก็แสดงความเกรี้ยวกราดออกมา เขาเพียงสะบัดเท้าออกไปแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ลูกน้องของหรานอ๋องต้องคุกเข่าลงไปกับพื้นได้อย่างสบายๆ
จีเฉวียนมิได้เคลื่อนไหว เพียงตรัสต่อไปว่า ” เราเพียงแต่ถามดูเท่านั้น เสด็จอาไม่จำเป็นจะต้องโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่ ตู๋กูเจวี๋ยหายสาบสูญไปตั้งนานแล้ว เราไม่อาจถามเขา ย่อมต้องถามท่านดู”
จีหรานเห็นสายพระเนตรที่เย็นเฉียบเป็นน้ำแข็งของฮ่องเต้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่สงบ เขากุมข้อมือเอาไว้ คิดจะกระตุ้นอสรพิษจำแลงออกมาก่อนเวลาที่วางแผนไว้
พอเขาขยับตัว ก็ได้ยินเสียงชาวบ้านต่างก็ร้องระงมออกมาว่า ” ดูนั้นสิ ที่ตำหนักหรานอ๋องนั้นเกิดอะไรขึ้นกัน? “
ภายใต้ลมพายุฝนกระหน่ำลงมา ตำหนักหรานอ๋องทั้งหลังถูกฝนชะจนพังทลายลง บนพื้นใต้ตำหนักหรานอ๋อง ก็มีน้ำผุดเพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อยๆ พอรวมเข้ากับพายุฝนที่ตกลงมา จึงกลายเป็นแม้น้ำน้อยๆ สายหนึ่ง
สายน้ำเพิ่มพูนขึ้นมา แทบจะทำให้ในตัวเมืองลี่โจวล่มลงไปแล้ว
และในขณะเดียวกันนั้นเอง งูยักษ์สีน้ำตาลเทาตัวหนึ่งก็สะบัดตัวขึ้นมาจากในนั้น มันผงาดร่างขึ้นสูง ดวงตาสีเขียวแวววาวคู่นั้นจดจ้องไปยังผู้คน ปลายหางขนาดใหญ่ก็ฟาดกระหน่ำไปทั่วทั้งสี่ทิศ ทำลายสิ่งก่อสร้างลงไปทีละหลังๆ
มันอ้าปากกว้างร้องคำรามออกมา ส่งเสียงคำรามดังกึกก้องประหนึ่งระฆังยักษ์ ทันใดนั้น น้ำในแม่น้ำก็เกิดคลื่นซัด ไหลหลากราวกับจะล้นทะลักออกมา
ในใจของผู้คนทั้งหลายต่างก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อนว่าจะมีงูยักษ์ออกมาจากในตำหนักหรานอ๋อง
ทุกครั้งที่มันร้องคำราม ระดับน้ำในแม่น้ำ้ก็จะสูงขึ้นมาหนึ่งฉื่อ (ประมาณ 10นิ้ว) ทั่วทั้งร่างของมันมีแต่กลิ่นเหม็นคาวสุดทนทาน ต่อให้อยู่ห่างไกลออกไปก็ยังคงได้กลิ่น
ในมุมอับ คนชุดดำและอันหร่วนต่างก็ตกตะลึงจนแทบจะกระโดดออกมา แผนการหลุดจากการควบคุมไปแล้ว
จีหรานมองดูอสรพิษจำแลงที่กำลังคลุ้มคลั่ง ก็ขมวดคิ้วแนบแน่น
ไม่รอให้จีเฉวียนตรัสอันใดออกมา เขาก็ชิงตะโกนฟ้องเสียงดังขึ้นก่อน ” ฝ่าบาท พระองค์เป็นถึงโอรสสวรรค์ เสด็จมาขอพรแท้ๆ ทำไมอยู่ๆ ถึงได้เรียกเอาตัวประหลาดเช่นนี้ออกมากัน? ตำหนักของกระหม่อมสงบสุขร่มเย็นตลอดมา ทำไมพอพระองค์เสด็จมาประทับเพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆ ก็เกิดตัวประหลาดโผล่ออกมา? “
เสียงของจีหรานดังก้อง ราวกับเกรงว่าฝูงชนจะไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
พอได้ยินคำพูดของเขา ฝูงชนที่มิได้รู้ความจริงก็พากันหันไปมองดูฮ่องเต้ด้วยความสงสัย
หรือฮ่องเต้จะทรงเป็นต้นเหตุให้เทพธิดาส่งหายนะลงมา?
เมื่อกลายเป็นเช่นนี้ คนชุดดำก็จำต้องเปลี่ยนแปลงแผนการ เขาหันไปมองดูอันหร่วนแวบหนึ่ง กล่าวว่า ” รีบลงมือ “
อันหร่วนมือหนึ่งถือตุ๊กตาไม้เอาไว้ อีกมือหนึ่งก็หยิบเอาเข็มดำหนาๆ ออกมา ปักลงไปบนอกของตุ๊กตาไม้โดยมิได้ลังเล
ทันทีที่เข็มดำแทงลงไป ก็ปรากฏเลือดสีดำไหลออกมา
อันหร่วนบริกรรมคาถาอยู่ในปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ภายในอาราม ฮ่องเต้ที่เมื่อครู่ประทับยืนตรงดังพู่กัน ทันใดนั้นก็กดพระอุระของพระองค์เอาไว้
บนร่างของพระองค์ ปรากฏไอสีดำกำจายออกมา
บนพระพักตร์ที่งดงาม เกิดเป็นน้ำแข็งบางๆ ขึ้นชั้นหนึ่ง
” ฮ๊ากกก ปีศาจจจ! ” จีหรานร้องเสียงดังออกมาในทันที จากนั้นก็ถอยหนีออกไปจนห่าง
ฝูงชนล้วนอยู่ด้านนอก ต่างก็มองเห็นได้ไม่ชัดเท่าไร เพียงได้ยินแค่ว่าหรานอ๋องตะโกนโหวกเหวกเสียงดังว่า ‘ฮ่องเต้ทรงกลายเป็นปีศาจแล้ว ฮ่องเต้กลายเป็นปีศาจจจจ……’
เขาตะโกนพลางวิ่งออกมาด้านนอก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
อสรพิษจำแลงที่ห่างออกไปไม่ไกลได้ยินเสียงร้องของเขา ก็ม้วนตัวเคลื่อนมาทางอารามเทพธิดา
” ดูสิ งูยักษ์นั้นเป็นปีศาจที่ฮ่องเต้ทรงเลี้ยงเอาไว้! ” จีหรานร้องเสียงดังออกมา ดึงความสนใจของทุกคนไปยังจีเฉวียน
จิตใจของประชาชนตกอยู่ในความหวาดกลัว แต่เมื่อพวกเขามองตามไป ฮ่องเต้ที่ประทับยืนอยู่ห่างไกล นอกจากจะมีไอเย็นออกมาจากพระองค์แล้ว ก็มิได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนี่?
หรือว่าหรานอ๋องจะวิปลาสไปแล้ว ถึงได้พูดออกมาว่าฮ่องเต้เป็นปีศาจ?
ในมุมมืด อันหร่วนเองก็ตกตะลึงไป ” นี่ไม่ถูกต้อง พอฝังเข็มลงไป เขาควรจะกลายเป็นปีศาจสิ ทำไมถึงได้มีแค่ไอดำออกมากัน? “
คาถาสาปแช่งของนางศักดิ์สิทธิ์ได้ผลเสมอมา ทั้งๆ ที่ตุ๊กตาไม้นี่ถูกซ่อนเอาไว้ในตำหนักบรรทมของจีเฉวียนมาตลอดเจ็ดสัปดาห์สี่สิบเก้าวัน ซึมซับกลิ่นไอของจีเฉวียนไปมากมายแล้วแท้ๆ อีกทั้งนางยังรู้เวลาตกฟากของจีเฉวียนอย่างแม่นยำ และมีสิ่งของที่เคยติดกายของเขาอีกด้วย ย่อมไม่มีทางที่มันจะล้มเหลวไปได้
จีเฉวียนประทับยืนอยู่ที่เดิม กุมพระอุระเอาไว้ ดวงพระเนตรหงส์ทอประกายเย็นยะเยือกออกมา
สีพระพักตร์ของพระองค์ยังคงนิ่งเฉย ทันทีที่กำพระหัตถ์เข้า เงาดำหลายเงาก็พุ่งเข้าไปสกัดจีหรานที่กำลังจะหนีออกไปเอาไว้
ในขณะเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงแตกดังกึกก้อง โต๊ะบูชาที่อยู่ด้านหน้ารูปปั้นของเทพธิดาแตกร้าวออกมา
ทันใดนั้น ก็เกิดแสงสีทองส่องออกมาจากภายใน เทพธิดาปรากฏองค์ขึ้น เทพธิดาที่มีเส้นผมสีแดงยาวสยายลืมตาขึ้นมาช้าๆ ดวงเนตรทั้งสองที่แดงฉานของนางแวววาวดั่งนัยตาของอสรพิษ พอกวาดมองออกมา ก็สำแดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา ขณะที่กำลังตกตะลึงตุ๊กตาไม้ในมือของอันหร่วนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผงลงไป
เหนือโต๊ะบูชา ดวงเนตรของเทพธิดาทอดมองลงมายังร่างของจีเฉวียน
นางสำแดงความเป็นเทพ กล่าวเรียกพระองค์ขึ้นมาครั้งหนึ่ง ” ฮ่องเต้แห่งต้าโจว”
จีเฉวียนเงยพระพักตร์ขึ้นมองนาง ในพระทัยบังเกิดความรู้สึกว่าน้ำเสียงในคำพูดนั้นฟังแล้วคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
” เจ้าเดินทางไกลมาพันลี้ เพื่อสวดมนต์ขอพรแทนชาวประชาต้าโจว เราบังเกิดความประทับใจแล้ว ” ด้วยพลังของเทพธิดา ทั่วทุกมุมในเมืองลี่โจวต่างก็สามารถได้ยินเสียงนี้กันทั่ว
ประชาชนต่างก็ไม่นึกไม่ฝัน เทพธิดาสำแดงองค์แล้วจริงๆ!
ทันใดนั้นผู้คนทั้งหมดต่างก็พากันคุกเข่าลงไป แม้แต่กระทั่งงูยักษ์ที่อาละวาดก็หยุดอยู่กับที่ ไม่กล้าก่อเรื่อง
ชือหลีมิได้แตกดับจนสิ้นสูญไปแล้วหรือ?
จีหรานเองก็เองก็ตื่นตะลึงจนตาเบิกโพรง มองดูเทพธิดาผมแดงผู้นั้นด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ต่อให้ฝันเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ชาตินี้จะมีวันที่ได้เจอกับนางอีก
นี่มันเป็น………ฝันร้ายที่แท้จริง!
ตอนที่ 201 มีดที่แทงลงไปกลางใจ!
ใต้โต๊ะบูชา ตู๋กูซิงหลันกำลังนั่งอยู่บนบันไดไม้ นางและดวงจิตของชือหลีที่อยู่ด้านบนต่างแสดงท่าทางและอารมณ์ออกมาในแบบเดียวกัน
ยามนี้ มิว่านางจะกล่าวอะไร ชือหลีก็จะต้องพูดออกไปแบบนั้น
ดวงจิตของชือหลีมิได้ถูกดึงออกไป นางเพียงแต่ถูกยันต์สีชาดของตู๋กู๋ซิงหลันควบคุมเอาไว้เท่านั้น จึงไม่อาจทำอะไรได้ด้วยตนเอง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ชือหลีมองเห็น นางก็สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด
ดูจีเฉวียนสิ เขาช่างน่าสงสารนัก ผ่ายผอมไปจากเมื่อหลายวันก่อนมากทีเดียว ชั้นน้ำแข็งบางๆ บนใบหน้านั้นยังมิได้จางหายไปทั้งหมด
มือข้างนั้นยังคงกดอยู่บนอก ราวกับว่าได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
ยันต์คุ้มครองที่ก่อนหน้านี้นางได้ผนึกเอาไว้บนร่างของเขาพึ่งจะช่วยรับเคราะห์แทนไปครั้งหนึ่ง เจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้ไปขวางทางผู้คนเอาไว้มาก ไม่ว่าจะไปที่ใดก็มีแต่คนคิดจะลอบลงมือกับเขา
แต่ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้หุ่นไม้สาปแช่งก็ถือว่าชั่วร้ายเกินไปแล้ว! นางชักจะสงสัยแล้วว่าจีเฉวียนไปฆ่าล้างตระกูลใครมาหรืออย่างไร ถึงได้ถูกวางแผนทำร้ายเช่นนี้
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าหลังจบเรื่องแล้ว ควรจะคิดบัญชีเก็บเงินกับฮ่องเต้ผู้นี้สักหน่อย รอบนี้นับว่านางได้ช่วยชีวิตเขาครั้งหนึ่งจริงๆ
” ฮ่องเต้แห่งต้าโจว ท่านเป็นโอรสที่สวรรค์เลือกสรรมา เราผู้เป็นเทพถูกพันธนาการมานานหลายปี เมื่อได้รับไอมังกรของโอรสสวรรค์จึงสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการได้ บุญคุณครั้งนี้ เราจะตอบแทนให้กับประชาชนของท่าน ” ตู๋กูซิงหลันบนบันไดไม้ ยังคงพล่ามอย่างเรื่อยเปื่อยต่อไป
แต่ในสายตาของผู้คนทั้งหลาย นี่เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากปากของเทพธิดา
พวกเขากำลังพากันตกตะลึง ในโลกนี้ยังมีสิ่งที่สามารถพันธนาการดวงจิตของเทพเซียนได้ด้วยหรือ?
นี่เป็นฝีมือของใครกัน? ถึงกับกล้าลงมือกับเทพธิดาผู้พิทักษ์สายน้ำ?
” ในปีนั้นเราผู้เป็นเทพมีเมตตาช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งไว้ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับทำร้ายเราดาบหนึ่ง ทำลายควันธูปของเรา เกือบจะทำให้เราต้องแตกดับสิ้นสูญ ขอเพียงลงโทษคนผู้นั้น ให้เราผู้เป็นเทพได้สมประสงค์ เรายินดีจะทุ่มเทพลังทั้งหมดไปช่วยเหลือเมืองลี่โจวให้พ้นทุกข์ “
ภายในอาราม พอจีหรานได้ยินคำพูดของชือหลี ในใจก็หวาดผวาขึ้นมาในทันที
ที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือ ยามที่กล่าวเรื่องนี้ออกมา ชือหลีก็หันมาจับจ้องที่เขาอย่างชัดเจน
แม้ว่าพลังอำนาจของชือหลีจะมิอาจหลุดพ้นจากการควบคุมของตู๋กูซิงหลันไปได้ แต่ว่านางก็มิได้ตาบอด แค่มองเพียงแวบเดียวนางก็หาจีหรานเจอ
บุรุษที่นางเกลียดชังเข้ากระดูกดำผู้นี้ หากเปรียบเทียบกับความหล่อเหลาในตอนนั้นแล้ว ดูย่ำแย่กว่ามากนัก
แต่ต่อให้เขากลายเป็นเถ้าถ่าน นางก็ยังคงจดจำเขาได้
แม้จะเป็นเพียงแค่การกวาดตามอง แต่ในสายตานั้นก็เปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง ที่แทบจะแผดเผาจีหรานให้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเสีย
จีหรานถูกสายตาของนางกวาดมองมา ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านกว่าเดิม ชือหลีไม่เพียงแต่ยังไม่ตาย แต่ว่ากลับมาแก้แค้นเขา!
ฝีเท้าของเขาอ่อนระทวย จนต้องถอยไปหลายก้าว
แต่เพราะว่าองครักษ์ของจีเฉวียนรายล้อมเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่อาจหลบหนีได้เลยสักนิด
ผู้คนทั้งหลายต่างก็สังเกตเห็นสายตาของชือหลี ความชิงชังที่แทบจะพวยพุ่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น แม้ว่าไม่มีผู้ใดบอก ก็สามารถรับรู้ได้ ผู้ที่เทพธิดาเอ่ยถึงว่าได้ทำร้ายนางไปดาบหนึ่ง ก็คือ…..หรานอ๋อง?
คราวนี้จึงเริ่มมีคนคิดขึ้นมาได้ว่า เมื่อสิบปีก่อน คนที่สั่งให้ทุบทำลายอารามเทพธิดาก็คือจีหราน
เรื่องนี้มีความนัยอะไรซ่อนอยู่กันแน่?
” จีเฉวียน เจ้าแกล้งทำเป็นมีผีสางเช่นนี้เพื่ออะไรกัน? ” จีหรานเห็นสายตาของผู้คนทั้งหลายมองมาที่ตัวเองเช่นนี้ ก็ไม่กล้านิ่งเฉยอยู่อีก
เขาขมวดคิ้วแนบแน่น ตัดสินใจทุบหม้อข้าวตนเอง ตะโกนใส่เทพธิดาและจีเฉวียน ” เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าสวดขอพายุฝน เรียกเอาปีศาจออกมา ตอนนี้ก็มาทำเป็นว่ามีเทพธิดาจากไหนก็ไม่รู้มาใส่ความข้าอีกหรือ? “
” ข้ารู้แล้ว เป็นเพราะว่าเจ้ามันไร้ความสามารถ จึงชิงชังที่อ๋องเช่นข้าได้รับความเคารพจากประชาชน กลัวว่าข้าจะทำให้บัลลังก์ของเจ้าไม่มั่นคง จึงได้คิดหาหนทางที่จะโค่นข้าทิ้งไปใช่หรือไม่? เหมือนดั่งที่เจ้าทำกับอี้อ๋องจีเย่ว์ไง คิดจะฆ่าลูกหลานตระกูลจีให้หมดสิ้น? “
เรื่องมาจนถึงขั้นนี้ เขาได้แต่ต้องทุบหม้อข้าวสู้พนันดูสักครั้งแล้ว
จีเฉวียนที่ร้ายกาจ!
ที่แท้แล้วเขาแกล้งทำเป็นว่าไร้ความสามารถมาโดยตลอด!
แต่ที่จริงแล้วกลับขุดหลุมพรางดักเขาเอาไว้ คิดจะให้ตัวเขาจีหรานต้องตายอยู่ที่นี่!
เขาประมาทคนผู้นี้เกินไปแล้ว
นับตั้งแต่อดีตกาลมา ผู้ที่ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ จะเป็นเพียงแค่คนที่ซื่อบื้อจนถึงขั้นไร้เดียงสาไปได้อย่างไร!
สีพระพักตร์ของจีเฉวียนราวน้ำแข็ง เพียงทอดพระเนตรมองไปยังเขาอย่างเย็นชา “เจ้ามองว่าตนเองสูงส่งจนเกินไป”
ต่อให้ฮ่องเต้มิได้ทรงตรัสออกมา เพียงแค่สายพระเนตรนั้นก็เปี่ยมไปด้วยไอสังหารอยู่แล้ว
ทันทีที่ทรงตรัสจบ ก็เห็นเทพธิดาล่องลอยมายังเบื้องหน้าของจีหราน นัยตาทั้งสองที่เหมือนกับนัยตาของงูจับจ้องอยู่ที่จีหราน นางยื่นนิ้วมือที่เรียวยาวออกเชยคางของจีหรานขึ้นมา ” ดูท่าแล้ว ไม่ต้องบีบบังคับเจ้าก็เผยพิรุธออกมาแล้วนี่ “
จากนั้นปลายนิ้วของนางก็บีบแน่นเข้า จนเล็บยาวนั้นแทบจะจิกเข้าไปในเนื้อของจีหราน ดวงหน้าที่เย็นชาเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง ” บอกมาซิ ที่ติดค้างเรานั้นจะชดใช้ให้อย่างไร? “
จีหรานถูกนางบีบคางจนเลือดสดๆ ซึมไหลออกมา ความหนาวเหน็บชนิดหนึ่งแทรกซึมจากปากแผลกระจ่างไปทั่วทั้งร่าง แทบจะทำให้เขากลายเป็นน้ำแข็งอยู่กับที่
บรรดาผู้ติดตามของจีหรานได้เห็นแล้วต่างก็ตื่นตระหนกจนตัวแข็งทื่อไปหมด ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปช่วยเหลือเลยสักนิด
ฝ่ายตรงข้าม…….ถึงกับเป็นเทพเชียวนะ!
เหล่าประชาชนทั้งหลายก็เพียงชมดูอยู่ด้านหนึ่ง พวกเขาต่างก็พากันประหลาดใจ ตอนนั้นหรานอ๋องทำสิ่งใดกันแน่ จึงได้ทำให้เทพธิดาพิโรธถึงเพียงนี้?
จีหรานมองดูชือหลี กี่คืนกันที่เขาหลับฝันกลับไปกลับมา ในความฝันเขามักจะเห็นสองเนตรที่มีนัยตาแดงฉานดุจเลือด ทุกครั้งที่ฝันเห็นเป็นต้องเหงื่อท่วมกายจนสะดุ้งตื่นจากความฝัน
ปีนั้นเขาอายุเพียงแค่เจ็ดชันษา ไม่ทันระวังจึงตกลงไปในแม่น้ำ จึงได้ถูกงูยักษ์สีเขียวช่วยเอาไว้ นัยตาสีแดงของงูเขียวตัวนั้นยังใหญ่กว่ากำปั้นของเขาเสียอีก
เขาคิดว่าตนเองคงต้องตายแน่แล้ว คิดไม่ถึงว่างูเขียวตัวนั้นจะกลายเป็นพี่สาวที่งดงามผู้หนึ่ง ชือหลี
เขาพำนักอยู่ใต้แม่น้ำลี่เหอนั่นหลายวัน ชือหลีคอยดูแลเขาโดยมิได้จากไปไหน ในใจของเขาเกิดความซาบซึ้ง ดังนั้นพออาการบาดเจ็บหายดีแล้ว จึงมักจะลงไปที่ใต้แม้น้ำเพื่อเล่นกับนาง
อย่างช้าๆ เขาเริ่มเกิดความคิดนอกลู่นอกทางกับชือหลี ในค่ำคืนหนึ่งที่ท้องฟ้ามีแต่แสงดาวพร่างพราว เขาสารภาพความในใจกับนางที่ใต้ต้นฮว๋ายในอารามเทพธิดา ยินดีจะอยู่ร่วมกับนางไปชั่วชีวิต
และเพราะคำสาบานนี้ ต่อมาเขายังต้องอยู่ในนรกที่ไม่อาจย้อนคืนมาได้
เขาคิดว่าเขามีความรักฉันท์ชายหญิงให้กับชือหลี จนกระทั่งเขาได้พบกับน้องสาวของนาง ชือฉิง
เพียงแค่ได้มองเห็นชือฉิงเพียงแวบเดียว เขาก็ตกหลุมรักนาง ชือหลี่ไร้เหตุผลน่าเบื่อหน่าย แต่ชือฉิงกลับมีเสน่ห์ดึงดูด พอเปรียบเทียบกันแล้วยังน่าหลงใหลกว่าชือหลีมากนัก
เป็นชือฉิงที่นำพาเขาไปสู่ความสุขจากความรักของบุรุษและสตรี เขาดิ่งลึกลงไปในความสุขนี้จนไม่อาจถอนตัว
แต่ว่าความสุขของพวกเขาได้แต่เพียงแอบซ่อนอยู่ลับหลังชือหลีเท่านั้น ถูกกดเอาไว้เช่นนี้อยู่ตลอด ไม่มีวันได้พบกับแสงสว่าง
เขากับชือฉิงรักกันอย่างแท้จริง รักแท้ย่อมต้องไม่ผิด!
ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าไปเปิดเผยเรื่องนี้กับชือหลี แต่ว่านอกจากชือหลีจะไม่ยอมเข้าใจพวกเขาแล้ว ยังด่าว่าพวกเขาเป็นคนอกตัญญูที่ลืมบุญคุณผู้อื่น
ครั้งนั้นนางโกรธเกรี้ยวอย่างถล่มทลาย ความเกรี้ยวกราดของนางม้วนเข้าใส่แม่น้ำลี่เหอ จมเมืองลี่โจวไปครึ่งหนึ่ง
นับตั้งแต่วันนั้น เขาก็ถูกชือหลีคอยหลอกหลอนเรื่อยมา นางต้องการให้เขาตัดความสัมพันธ์กับชือฉิงให้เด็ดขาด กลับไปรักษาคำสัญญาที่เขาเคยให้เอาไว้ตลอดไป
แต่นั่นเป็นเพราะความวู่วามในวัยหนุ่มของเขาเท่านั้น เขาจะไปอยู่ร่วมกับนางไปจนชั่วชีวิตได้อย่างไร?
ที่เขารักก็คือชือฉิง ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นชือฉิง
เพื่อความรักของเขาและชือฉิง ……เขาจึงแกล้งรับปากข้อแม้ของชือหลี แต่งนางเป็นภรรยา
แต่เขาแอบไปเสาะหาดาบทำลายเทพมา ในคืนแต่งงาน ยามที่พวกเขาร่วมหอผ่านคืนวสันต์ด้วยกัน ก็แทงดาบทำลายเทพลงไปในหัวใจของนาง
แต่ว่านางก็ชั่วร้ายยิ่งนัก ถึงกับใช้พลังเทพก่อนตายสาปแช่งมิให้เขาและชือฉิงได้ลงเอยกัน ชือฉิงถูกนางสาปจนมิอาจกลายร่างเป็นมนุษย์ ได้แต่เป็นงูยักษ์ที่หน้าเกลียดตัวหนึ่งอยู่เคียงข้างเขา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น