ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง 198-201

ตอนที่ 198 จับตาดูอยู่ตลอดเวลา ดูสิว่...

 

อยู่ดีๆ ตู๋กูซิงหลันก็พลันนึกสงสารอู๋เจินน้อยขึ้นมา 


 


 


อู๋เจินน้อยถูกคนคิดถึงจนต้องจามออกมายกใหญ่ ในกระท่อมไม้ไผ่ เขาลูบจมูกพลาง ในใจก็รู้สึกหวาดผวาอยู่บ้าง 


 


 


เขาแค่เผลอไปนิดเดียว ก็ดันทำท่านเซียนไทเฮาหายไปเสียแล้ว สวรรค์ทรงโปรดเถอะ ดูสายพระเนตรที่ฝ่าบาททรงมองเขาสิ แทบจะแทงเขาให้ทะลุอยู่แล้ว 


 


 


สวรรค์ได้โปรดเมตตาด้วยเถอะ ระดับของเขากับไทเฮาน้อยนั้นต่างกันสักหนึ่งแสนแปดพันลี้ได้ เขาจะไปรั้งนางเอาไว้ได้อย่างไรกัน 


 


 


แต่ว่าเรื่องนี้เขาจะอธิบายให้ฝ่าบาทฟังได้อย่างไร 


 


 


หากว่าพูดความจริงออกไป เกรงว่าคำพูดยังไม่ทันได้ออกจากปาก ก็คงโดนไทเฮาน้อยผู้นั้นขว้างยันต์ออกมาสักใบสองใบ แค่นี้ก็พอจะทำให้เขาต้องอำลาโลกที่สวยงามใบนี้ไปเสียแล้ว 


 


 


ยังดีนะ ยังดี ที่ฝ่าบาทยังทรงมีเรื่องวุ่นวายเรื่องอื่นอยู่อีก ถึงได้ไม่ทรงมาหาเรื่องกับเขา 


 


 


 


 


 


สามวันหลังจากนั้น ก้อนเมฆมืดครึ้มเหนือท้องฟ้าเมืองลี่โจวก็กระจัดกระจายออกไปบ้าง ฮ่องเต้ทรงเสด็จไปยังอารามเทพธิดาแต่เช้าตรู่ 


 


 


ชาวบ้านไม่น้อยพากันมาเฝ้ารอตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง ตลอดชีวิตพวกเขายังไม่เคยได้เห็นฮ่องเต้มาก่อนสักครั้ง ย่อมต้องรู้สึกสนอกสนใจอย่างยิ่ง 


 


 


ขบวนเสด็จของฝ่าบาทมิได้ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงฉลองพระองค์มังกรทอง ข้างพระวรกายมีองครักษ์ไม่กี่คน 


 


 


หรานอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอก็ตามเสด็จอยู่ข้างๆ เขาสวมใส่ชุดสีดำสนิททั้งร่าง ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับฮ่องเต้ที่มีพระวรกายสูงใหญ่แล้ว เขาก็ดูเตี้ยไปถนัดตา 


 


 


ท่าทางของหรานอ๋องราวกับคนที่เจ็บป่วยมานาน ดวงเนตรปูดโปน แม้แต่ใต้ตาก็เป็นสีดำ 


 


 


พอชาวบ้านเห็นดังนั้น ต่างก็พากันรู้สึกปวดใจขึ้นมา ท่านอ๋องหรานเป็นท่านอ๋องที่ดีมีความรับผิดชอบ ยามปกติก็มีเมตตารักษาคุณธรรม ไม่เคยถือยศถืออย่างว่าตนเป็นอ๋อง บางครั้งก็ออกไปให้กำลังใจชาวบ้านจนถึงที่บ้าน ในใจของพวกเขา หรานอ๋องก็คือพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตอยู่บนโลก ที่คอยช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากโดยเฉพาะ 


 


 


ก่อนหน้านี้เขายังดูสดใสกว่านี้บ้าง ตอนนี้กลับดูเหมือกำลังป่วยไข้อยู่อย่างไรอย่างนั้น นี่จะต้องเป็นเพราะว่าครั้งก่อนเขาใช้ร่างกายตนเองขวางแม่น้ำเอาไว้ จนทำให้เกิดป่วยไข้ขึ้นมา 


 


 


ท่านอ๋องที่ดีเช่นนี้ นับว่าสูงส่งหาได้ยากจริงๆ 


 


 


พูดขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้ที่จริงหรานอ๋องก็นับว่าเป็นบุรุษที่งดงามผู้หนึ่ง ในบางครั้งเขาก็จะสวมใส่ชุดสีขาวทั้งร่าง หากมิใช่เป็นเพราะว่าลี่โจวตกอยู่ในความยากลำบาก เขาก็คงจะไม่กลายสภาพเป็นแบบนี้ 


 


 


ลองไปดูฝ่าบาทบ้างสิ อ้าาาา ช่างเป็นผู้ที่ดูแล้วสง่างามอะไรเช่นนี้ งดงามประหนึ่งเทพเซียนลงมาจากฟากฟ้า ชุดมังกรทองนั้นคงจะแพงมากสินะ 


 


 


ผู้คนในลี่โจวตั้งเท่าไหร่ที่ไม่มีข้าวและหมั่นโถกินสักคำ ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องสวมใส่เสื้อผ้าแล้ว น้ำมหาศาลที่ทะลักเข้ามาครั้งนี้ แค่พวกเขายังมีเสื้อผ้าเอาไว้ใส่ ก็นับว่าดีมากแล้ว 


 


 


พอนำทั้งคู่มาเปรียบเทียบกันเช่นนี้ ผู้ใดมีใจห่วงใยชาวบ้าน ผู้ใดที่แค่มาตั้งขบวนเดินให้ดูเท่านั้น เพียงแวบเดียวก็สามารถบอกออกมาได้แล้ว 


 


 


หลายวันมานี้ ในเมืองลี่โจวมีข่าวเล่าลือว่า ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงประทานเสบียงบรรเทาทุกข์มาให้ แต่ว่ากลับถูกผู้ที่มาบรรเทาทุกขภิกภัยอย่างตู๋กูเจวี๋ยกักตุนเอาไว้ 


 


 


ตู๋กูเจวี๋ยผู้นั้นไม่เพียงกักตุนเงินบรรเทาทุกข์ เขายังเป็นสาเหตุให้เขื่อนแตก พอเกิดเรื่องก็ม้วนหางหนีหายไป กระทั่งเงินบรรเทาทุกข์ก็ถูกเขาหอบเอาไปด้วย 


 


 


ว่ากันตามจริงแล้ว หากว่าเบื้องหลังไม่มีฮ่องเต้หนุนอยู่ละก็ ตู๋กูเจวี๋ยจะกล้าบังอาจเพียงนั้นได้อย่างไร 


 


 


ฮ่องเต้พระองค์นี้ เพียงแต่ใช้รูปลักษณ์ภายนอกมาหลอกลวงผู้คนเท่านั้น 


 


 


เกรงว่าล่วงเลยมาจนถึงป่านนี้ตู๋กูเจวี๋ยก็คงจะหอบเอาเงินบรรเทาทุกข์กลับไปถึงเมืองหลวงแล้วละมั้ง และก็ทิ้งความยากลำบากยุ่งเหยิงทั้งหลายเอาไว้ให้หรานอ๋องดูแลต่อไป ที่ฮ่องเต้เสด็จมายังลี่โจว ก็เพียงเพื่อนเอาหน้าเท่านั้น 


 


 


ก็แค่มาจัดพิธีบูชาขอพรที่อารามสักรอบหนึ่ง เขาคิดว่าผู้คนทั้งหลายเป็นไอ้โง่กันหมดหรืออย่างไร 


 


 


เทพธิดาประจำสายน้ำองค์นั้นหมดความศักดิ์สิทธิ์ไปเป็นสิบปีแล้ว ขนาดพวกเขายังไม่มีใครไปจุดธูปให้เลย เขามาขอพรที่อารามที่ไร้ความศักดิ์สิทธิ์แล้วเช่นนี้ มันจะมีประโยชน์อะไร 


 


 


ตลอดทางที่เดินทางมาจีหรานทรงคอยสังเกตดูปฏิกริยาของผู้คนอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าได้ผลตอบรับเช่นนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง 


 


 


เช้าวันนี้ เดิมทีฮ่องเต้ทรงสวมฉลองพระองค์สีดำมาสวดขอพร แต่ว่ากลับถูกเขาทูลทัดทานไว้ 


 


 


เขาบอกกับฮ่องเต้ว่า ในพิธีขอพรนั้นต้องแสดงออกถึงความรู้สึก ให้เห็นถึงความจริงใจอย่างที่สุด ถึงจะสามารถสร้างความประทับใจอันซาบซึ้งให้เทพธิดากลับมาปกป้องลี่โจวอีกครั้ง 


 


 


ดังนั้น จำเป็นจะต้องสวมใส่ชุดมังกร เพื่อจะได้แสดงออกถึงการให้ความเคารพ 


 


 


ฝ่าบาททรงรับฟังแล้วก็เห็นว่ามีเหตุผล จึงเปลี่ยนเป็นชุดมังกรแทน 


 


 


ดูเอาสิ เจ้าโง่นี่ กลับเป็นคนหูเบาถึงเพียงนี้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร พระองค์ก็ทรงทำตามนั้นไปหมด 


 


 


ในสถานการณ์เช่นนี้กลับสวมใส่ชุดมังกรที่หรูหรางดงาม มิใช่ว่าเท่ากับลากเอาความเกลียดชังของชาวบ้านทั้งหลายมาเทรวมกันหรอกหรือ 


 


 


ดูเอาสิ ถึงแม้ว่าพระองค์จะมีรูปโฉมงดงาม แต่พอปรากฏพระองค์ออกมากลับทำให้เหล่าชาวบ้านเกิดความรู้สึกย่ำแย่ด้วยกันทั้งนั้น 


 


 


เมื่อประกอบกับข่าวลือที่เขาจงใจปล่อยออกไป ไม่ต้องเดาก็รู้แน่ว่าประชาชนทั้งหลายกำลังก่นด่าพระองค์อยู่ 


 


 


ไม่ต้องรีบร้อน พอพิธีขอพรเริ่มขึ้น ยังจะมีเรื่องให้พระองค์ได้โดนซ้ำเติมอีกเยอะ 


 


 


ที่จริงแล้วช่วงนี้จีหรานทรงครุ่นคิดถึงปัญหาหนึ่งมาโดยตลอด อี้อ๋องจีเย่ผู้นั้นจะต้องเป็นคนโง่เง่าถึงขนาดไหน จึงได้พ่ายแพ้ให้กับคนอย่างจีเฉวียนได้กัน 


 


 


พลังอำนาจของราชวงศ์จีนั้นตกต่ำจนถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ฮ่องเต้ขาดคุณสมบัติถึงเพียงนี้ หากว่าแผ่นดินต้าโจวไม่ได้ถูกเขารับเอาไว้ เกรงว่าอีกไม่นานก็คงต้องเปลี่ยนแซ่ของผู้ปกครองกันแล้ว 


 


 


ฮ่องเต้ยังทรงมีสีพระพักตร์ที่ไร้อารมณ์ใดๆ ดังเช่นเคย นับตั้งแต่ที่พระองค์ย่างพระบาทออกมาจากตำหนักของหรานอ๋อง ก็มิได้กวาดพระเนตรมองดูประชาชนสักแวบหนึ่ง พระวรกายของโอรสสวรรค์ตั้งตรงงามสง่าดุจดั่งต้นสน ยามเสด็จผ่านก็ดูสูงส่งอย่างไร้ที่เปรียบ 


 


 


แต่ว่าในสายตาของจีหรานแล้ว ก็ไม่ถือว่ามีค่าใดๆ ทั้งสิ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเองก็คุ้นเคยกับท่าทางดั่งเสือกระดาษของจีเฉวียนไปเสียแล้ว 


 


 


อารามเทพธิดาผุพังมานาน เนื่องเพราะการเสด็จมาของฮ่องเต้จึงได้รับการบูรณะ ต้นฮว๋ายกลางลานเ**่ยวเฉามานานหลายปีแล้ว ถึงแม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิแต่ก็ไม่เคยมียอดใหม่แทงออกมาเลยสักนิด 


 


 


จีเฉวียนเสด็จเข้าไปในอาราม ประทับยืนอยู่กลางลานใต้ต้นฮว๋ายต้นนั้น ทอดพระเนตรอยู่ครู่หนึ่ง 


 


 


ลำต้นทั้งใหญ่และหนามาก ดูท่าอย่างน้อยๆ คงมีอายุนับร้อยปีแล้ว 


 


 


จีหรานเห็นพระองค์ทอดพระเนตรมองอยู่ครู่ใหญ่ ก็เกรงว่าจะเลยเวลาขอพร จึงทูลว่า ” ฝ่าบาท ต้นไม้ต้นนี้เมื่อสิบปีก่อนก็เ**่ยวเฉาไปแล้ว ไม่มีอันใดน่ามองหรอกพะยะค่ะ “ 


 


 


เขาไม่ได้เข้ามาในอารามนี้มานานแล้ว ยิ่งไม่ได้เห็นต้นฮว๋ายต้นนี้มานานเช่นกัน 


 


 


ต้นฮว๋าย เรียกผีได้ 


 


 


ตอนนั้นต้นฮว๋ายต้นนี้เติบโตอย่างยิ่งใหญ่และงดงาม ยามที่ดอกฮว๋ายผลิบานนั้น ก็จะกลายเป็นช่อดอกสีขาวบานสะพรั่งไปทั้งต้น ดอกฮว๋ายพร่างพราวเต็มไปหมด 


 


 


ทุกๆ ปียามที่ดอกไม้นี้ผลิบาน กลิ่นหอมขจรไปไกลหลายลี้ ดึงดูดเหล่าภูติผีเข้ามาไม่น้อย ชือหลีมักจะหัวเราะพลางกล่าวว่า รอให้เขาตายแล้ว ก็ให้ฝังร่างของเขาเอาไว้ใต้ต้นฮว๋ายนี้ เช่นนี้ดวงวิญญาณของเขาก็จะได้วนเวียนอยู่ในอารามเทพธิดา อยู่เป็นเพื่อนนางได้ตลอดไป 


 


 


พอคิดถึงเรื่องเก่าๆ ขึ้นมา ในใจของจีหรานก็รู้สึกอึดอัดคับข้อง 


 


 


ยังดีที่พอจิตวิญญาณของชือหลีแตกสลายไปแล้ว ต้นฮว๋ายนี้ก็เ**่ยวเฉาตามไปด้วย 


 


 


จีเฉวียนทรงประทับอยู่ใต้ต้นฮว๋าย ในพระทัยก็คิดไปถึงตู๋กูซิงหลัน สาวน้อยที่ไม่รู้จักความสงบเสงี่ยมผู้นั้น ชอบออกไปวิ่งวุ่นวายอยู่เสมอ 


 


 


บนร่างของนางมีกลิ่นดอกฮว๋ายอยู่ตลอดเวลา คิดดูแล้วคงจะต้องชอบต้นฮว๋ายเป็นแน่ ไว้หลังจากกลับวังไปแล้ว เขาจะสร้างตำหนักใหม่ขึ้นมาอีกหลังหนึ่ง ด้านในปลูกต้นฮว๋าย จากนั้นก็ขังนางเอาไว้ คอยจับตาดูนางอยู่ตลอดเวลา ดูสิว่านางยังจะกล้าไม่เชื่อฟังอีกไหม 


 


 


พอคิดถึงตู๋กูซิงหลันแล้ว พระขนงของฮ่องเต้ก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา 


 


 


เมื่อเห็นพระองค์พระอารมณ์ของพระองค์ จีหรานก็ทูลขึ้นมาว่า ” ฝ่าบาท ต้นฮว๋ายนี้มีลักษณะชั่วร้าย ถึงแม้จะเ**่ยวเฉามานานปี แต่ก็ยังคงมีความน่ากลัวอยู่ พระองค์อย่าได้ทอดพระเนตรนานจนเกินไปจะดีกว่าพะยะค่ะ “ 


 


 


ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ จีเฉวียนถึงได้เก็บสายพระเนตรกลับมา พระพักตร์ที่งดงามก็กลับไปเย็นชาดุจดังน้ำแข็งอีกครั้ง 


 


 


ทรงหันไปทอดพระเนตรดูภายในอารามอีกรอบ ก็เห็นว่าบริเวณที่แตกหักผุพังทั้งสี่ด้านมีแต่ใยแมงมุม รูปปั้นเทพธิดายืนอยู่เพียงลำพังบนแท่นด้านใน ดวงหน้าเปี่ยมเมตตาแฝงรอยยิ้มที่ขมขื่น 


 


 


 


 


 


——


 


 


槐花 ดอกฮว๋าย Sophora japonica : ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ดอกไม้ที่มีสรรคุณทางยา นำมาผัดกิน สรรพคุณลดความดันเลือด ออกดอกเป็นช่อสีขาวทั้งต้น


 


 


(สำหรับกลิ่นหอมประจำตัวของอาหลันนั้นก็คือดอกฮว๋าย (槐) ไม่ใช่ดอกกุหลาบ (瑰) ต้องของอภัยทุกท่านด้วยสำหรับความผิดพลาดในการแปลที่ผ่านมา เนื่องจากตัวอักษรทั้งสองมีความคล้ายกันมากค่ะ)


 


 


槐树 ‘ ต้นฮว๋าย เรียกผีได้ ‘ : ที่จีหรานคิดเช่นนี้ เพราะในบางความเชื่อของคนจีน มีต้นไม้สี่ชนิดที่ว่ากันว่ามีความผูกพันและสามารถดึงดูดจิตวิญญาณเหนือธรรมชาติและภูตผี นั่นก็คือ 桑 (ต้นหม่อน) ,槐 (ต้นฮว๋าย) ,杨 (ยาง) ,柳 (ต้นหลิว, วิลโลล์) (ผู้แปลคิดว่านี่เหมือนกับที่บ้านเราเชื่อเรื่อง ต้นโพธิ์ , ต้นไทร, กล้ายตานีและต้นตะเคียนทอง)


 


 


ในส่วนของต้นฮว๋ายนั้นก็เป็นเพราะคำว่า 槐 นี้ ประกอบขึ้นมาจากตัวอักษรสองตัว ก็คือ 木 (มู่, ไม้) และ 鬼 (กุ่ย,ผี) นั้นเอง ประกอบกับความเขียวขจีของต้นไม้ชนิดนี้ทำให้สะสมธาตุหยินเอาไว้มาก จึงดึงดูให้มีวิญญาณเข้ามาสิงสถิต


 


 


แต่ว่าหากไปดูในตำราฮวงจุ้ยนั้น จะบอกว่าต้นฮว๋ายนี้ ไม่ได้เรียกผี แต่เป็นการสะกดข่มผีและขับไล่สิ่งชั่วร้ายต่างหาก ทั้งยังช่วยเรียกทรัพย์ด้วย 

 

 


ตอนที่ 199 นี่มันทำบ้าอันใดกัน?

 

โต๊ะบูชาตรงเบื้องหน้าเทพธิดาเลอะเทอะไปด้วยฝุ่น กระถางธูปอันเล็กๆ ที่วางเอาไว้หลายอันก็มีแต่สนิมเขรอะ ยิ่งทำให้เห็นถึงความชำรุดทรุดโทรม 


 


 


จีหรานสั่งให้คนไปเปิดประตูและหน้าต่างในอารามออกให้หมด จะได้ให้ชาวบ้านทั้งหลายที่รายล้อมอยู่ทุกทิศได้เห็นอย่างชัดเจน 


 


 


วันนี้ต้องถือว่าอากาศดีขึ้นมากจริงๆ สายลมพัดโชยเบาๆ บนท้องฟ้าก็สามารถมองเห็นสีฟ้าได้อย่างชัดเจน มีก้อนเมฆลอยอยู่เพียงสองก้อนเท่านั้น แสงอาทิตย์ที่มิได้เห็นมานานสาดส่องลงมา พอสัมผัสกับร่างกายก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นสบายขึ้นกว่าเดิม 


 


 


สภาพอากาศเช่นนี้สำหรับเมืองลี่โจวแล้วนับว่าหากได้ยากอย่างยิ่ง 


 


 


เหล่าประชาชนต่างก็รายล้อมอยู่รอบๆ อาราม พวกเข่าคุกเข่าลงบนพื้น ในใจก็ปรากฏความหวังขึ้นมาใยหนึ่ง หากว่าโอรสสวรรค์สามารถโน้มนำเทพธิดาแห่งสายน้ำให้กลับมาพิทักษ์เมืองลี่โจวอีกครั้งได้ละก็ นั้นก็ถือว่าเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง 


 


 


พวกเขาต่างก็จดจ้องมองดูโดยมิกล้ากระพริบตา ด้วยเกรงว่าจะพลาดสิ่งใดไป 


 


 


ท่ามกลางฝูงชน มีเงาคนชุดดำสองคนแอบอยู่ในมุมหนึ่ง 


 


 


บุรุษชุดดำที่มีผ้าคลุมผมในมือถือแส้เหล็กเอาไว้ ตลอดร่างมีกลิ่นอายของความตามกำจายออกมา ” อันกูกู อีกเพียงไม่นาน ก็ต้องขอดูฝีมือของท่านสักหน่อยแล้ว “ 


 


 


อันหร่วนเองก็สวมชุดสีดำ ยืนอยู่ข้างกายบุรุษผู้นั้น ในมือของนางมีตุ๊กตาคนที่ทำจากไม้ตัวเล็กๆ บนตุ๊กตาไม้มียันต์ที่ใช้โลหิตเขียนขึ้นมาอยู่แผ่นหนึ่ง 


 


 


บนอกของตุ๊กตาไม้ แกะเป็นวันเวลาตกฝากของคนผู้หนึ่ง 


 


 


นางกำตุ๊กตาเอาไว้แน่น พยักหน้า ค่อยกล่าวออกมาไม่กี่คำ ” วางใจเถอะ “ 


 


 


…………………………………….. 


 


 


 


 


 


ขณะเดียวกัน ฮ่องเต้ประทับยืนอยู่ต่อหน้ารูปปั้นเทพธิดา สั่งให้องครักษ์ที่อยู่ข้างพระองค์ทำความสะอาดโต๊ะบูชาจนหมดจดเรียบร้อย จากนั้นก็นำผลไม้สดขึ้นมาถวาย 


 


 


พอผลไม้สดสีแดงสดใสถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะบูชา ก็ยิ่งดึงดูดสายตามากเป็นพิเศษ 


 


 


จีหรานยื่นธูปถวายด้วยความเคารพนบนอบ กราบทูลเบาๆ ว่า ” ฝ่าบาท เทพธิดาแห่งสายน้ำผู้นี้อารักขาแม่น้ำลี่เหอมานานนับพันปี วันนี้พระองค์เสด็จมาขอพรด้วยพระองค์เอง ย่อมต้องสามารถทำให้นางซาบซึ้งใจได้แน่พะยะค่ะ “ 


 


 


พอธูปสีเขียวถูกจุด ควันสีเขียวจางๆ ก็ล่องลองขึ้นมา ทั่วทั้งพระวรกายของจีเฉวียนราวกับว่ามีควันบางๆ ล้อมอยู่ชั้นหนึ่ง ทรงประคองธูปเอาไว้ในพระหัตถ์ ตั้งพระทัยสวดมนต์ขอพรต่อเทพธิดา 


 


 


หลังจากนั้นก็ปักธูปลงไปในกระถางธูปแต่ละกระถาง 


 


 


จีหรานคอยเฝ้าอยู่ด้านข้าง ในหัวใจของเขากำลังยิ้มอย่างเย็นชา ดวงจิตของชือหลีดับสูญไปนานหลายปีแล้ว ต่อให้ตอนนี้นางจะได้รับควันจากธูปบูชาก็ไม่มีทางจะกลับมามีชีวิตได้อีก 


 


 


ดูท่าทางของฮ่องเต้ที่ทรงตั้งอกตั้งใจเสียขนาดนั้น ราวกับว่าในพระทัยพระองค์ใส่ใจราษฏรจริงๆ 


 


 


แต่ว่าฮ่องเต้ที่มีพระปรีชาความสามารถจริง ย่อมไม่ฝากความหวังเอาไว้กับเทพยดาอย่างแน่นอน 


 


 


จากนั้นฮ่องเต้ก็ทรงทำพิธีสวดมนต์ขอพรอย่างยืดยาวอีกครั้งหนึ่ง 


 


 


ประชาชนทั้งหลายต่างก็จดจ้องมองดูพระองค์ นับตั้งแต่เริ่มพิธีจนถึงตอนนี้ไม่ได้เห็นพระองค์คุกเข่าลงเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่เป็นพิธีขอพรแท้ๆ แต่กลับเอาแต่ถือยศว่าเป็นฮ่องเต้ไม่ละวาง หากไม่คุกเข่าลงไปแล้วจะสามารถทำให้เทพธิดาหวั่นไหวใจได้อย่างไรกัน? 


 


 


ขณะที่พวกเขากำลังคิดถึงเรื่องนี้ ท้องฟ้าที่เดิมแจ่มใสอยู่ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่รู้ว่ามีลมพัดแรงขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ท้องฟ้าสีฟ้าถูกปิดบังไปอย่างรวดเร็ว 


 


 


” เปรี้ยง! ปร้าง! ” เพียงครู่เดียว ก็เริ่มได้ยินเสียงฟ้าผ่า ท้องฟ้ามีแต่ความมืดครึ้มไปหมด สายลมก็พัดโหมกระหน่ำ 


 


 


พายุใหญ่บอกมาก็มา ทำท่าจะตกกระหน่ำให้ชุ่มโชก 


 


 


ชาวบ้านต่างตระหนกตกใจกับขึ้นมา แยกย้ายกันหาที่หลบฝนอย่างรวดเร็ว 


 


 


ฮ่องเต้องค์นี้ขอพงขอพรอะไรกัน? 


 


 


ทำไมถึงไปเรียกพายุฝนมาเสียได้! เขื่อนในแม่น้ำลี่เหอพึ่งจะแตกไป ทั่วทั้งเมืองลี่โจวจมอยู่ใต้น้ำไปแล้ว เมื่อเห็นว่าพายุฝนใหญ่กำลังมาในใจของผู้คนต่างก็หวาดผวา เกรงว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำลี่เหอจะเพิ่มพูนขึ้นอีก จนทำให้เมืองลี่โจวต้องจมบาดาลอีกรอบ 


 


 


นี่จะต้องเป็นเพราะว่าในพระทัยฮ่องเต้ไม่มีศรัทธา ทำให้เทพทั้งหลายพิโรธ ถึงได้ส่งพายุฝนใหญ่ลงมา! 


 


 


จีหรานมองดูสถานการณ์ภายนอก ในใจก็ตื่นตะลึงขึ้นมาบ้าง คนชุดดำผู้นั้นช่างมีความสามารถจริงๆ ถึงกับเรียกฟ้าเรียกฝนได้เช่นนี้ แต่กลับทำงานรับใช้ผู้อื่น ไม่รู้ว่าเจ้านายที่เขาเรียกหาอยู่นั้นจริงๆ แล้วจะเก่งกาจมากถึงเพียงไหนกัน 


 


 


พอฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์โดยรอบ ก็ทรงตกตะลึงไป สีพระพักตร์เต็มไปด้วยความสับสน ความไม่เข้าใจว่าทรงทำสิ่งใดผิด 


 


 


” ฝ่าบาท ที่ด้านนอกฝนตกลงมาใหญ่แล้ว หรือจะเป็นเพราะว่าเทพธิดาเข้าใจความหมายของพระองค์ผิดไป? ฝ่าบาทมิได้เสด็จมาเพื่อขอฝนสักหน่อย “ 


 


 


จีหรานยืนอยู่ข้างพระองค์ ทำท่าอย่างไม่อยากจะเชื่อ 


 


 


” เราทำสิ่งใดผิดไปหรือ? ” จีเฉวียนประทับอยู่ที่เดิม ตรัสเบาๆ กับพระองค์เอง 


 


 


” ฝ่าบาทจะทรงทำผิดได้อย่างไร? ” จีหรานส่ายศีรษะ ” อากาศในลี่โจวเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บางทีอาจจะเป็นความบังเอิญที่กำลังจะเกิดพายุฝนเท่านั้น ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลพระทัยไปเลยพะยะค่ะ “ 


 


 


แม้ปากจะกล่าวเช่นนั้น แต่จีหรานกลับเดินลึกเข้าไปข้างในอาราม มือข้างหนึ่งก็กุมข้อมือเอาไว้ ตระเตรียมจะเรียกงูออกมา 


 


 


ฮ่องเต้เสด็จมาขอพร ไม่เพียงเรียกพายุฝนใหญ่มา แต่ยังเป็นเหตุให้แม่น้ำลี่เหอหลากล้นอีกรอบ ความผิดรุนแรงเช่นนี้ เพียงพอจะให้คนรุ่นหลังก่นด่าไปอีกร้อยปีแล้ว 


 


 


” เป็นเช่นนั้นหรือ ” จีเฉวียนหรี่พระเนตรลง สายพระเนตรปรากฏความผิดหวังอยู่บ้าง 


 


 


พระองค์มองออกไปยังพายุฝนด้านนอก พายุฝนนี้ตกอย่างแปลกประหลาดนัก เมื่อครู่ตกลงมาอย่างกระจายไปทั่ว แต่ว่าตอนนี้กลับตกลงแต่ในใจกลางของอาราม ที่อื่นล้วนหยุดหมดแล้ว 


 


 


ราวกับว่าด้านบนของอารามมีรูระบาย ให้เทน้ำลงมาอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


อารามเทพธิดาเดิมทีก็เก่าผุพังอยู่แล้ว พอโดนเข้าไปเช่นนี้ ก็ทำท่าว่าจะทลายลง 


 


 


แต่ว่ายังไม่ทันจะทลายลงมาจริงๆ ทันใดนั้นก็เห็นว่าพายุฝนเริ่มย้ายที่ออกไป ราวกับว่ามันมีความตั้งใจของตนเอง ถึงกับมุ่งไปยังตำแหน่งที่เป็นตำหนักของหรานอ๋อง 


 


 


ผู้คนทั้งหลายต่างตกตะลึง 


 


 


นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน? 


 


 


ผู้คนไม่น้อยติดตามเมฆฝนนั้นไป ก็เห็นว่าฝนยิ่งทียิ่งตกหนักขึ้น ราวกับว่าบนฟ้ามีรู้รั่วอย่างไรอย่างนั้น ฝนทั้งหมดเทไปรวมกันลงบนตำหนักของหรานอ๋อง สาดกระหน่ำลงไปอย่างรุนแรง 


 


 


ในตำหนักของหรานอ๋อง อู๋เจินนั่งขัดสมาธิทำพิธีเรียกฝนอยู่ด้านใน ที่ด้านข้างกายของเขายังมีบุรุษหนุ่มอีกผู้หนึ่งที่สวมใส่ชุดสีเขียวแบบเดียวกัน เพียงแต่ว่าอ่อนเยาว์กว่าอู๋เจินอยู่มาก ทั้งสองต่างปิดตาแน่น ริมฝีปากท่องคาถาอยู่ตลอด 


 


 


” ศิษย์พี่อู๋ซื่อ ฝนมาแล้ว ” พอพายุฝนกระหน่ำลงมาตรงนี้จริงๆ อู๋เจินถึงได้ลืมตาขึ้นมา ” หน้าที่ที่ฝ่าบาททรงมอบหมายมาให้ พวกเราถือว่าทำสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง “ 


 


 


บุรุษที่ถูกเรียกว่าอู๋ซื่อยังคงปิดตาทั้งสองข้าง ” ในเมืองลี่โจวเกิดปีศาจอาละวาด เจ้าและข้าต่างก็เป็นผู้อาวุโสของอารามเทียนเก๋อกวน เดิมที่ก็ต้องเห็นแก่อาณาประชาราษฏร์เป็นหลักอยู่แล้ว นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเรา ต่อให้ฮ่องเต้มิได้ทรงมีพระบัญชา เจ้าและข้าก็ยังคงต้องมาปราบปีศาจ “ 


 


 


อู๋ซื่อกล่าวอย่างซื่อตรง แม้ว่าดูไปแล้วจะมีอายุเพียงสามสิบห้าสามสิบหกปี แต่ท่าทางกริยากลับเหมือนนักพรตเฒ่าอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


” ใช่แล้วๆๆ ” อู๋เจินได้แต่ท่องคาถาเรียกฝนต่อไป ไม่กล้าว่อกแว่กพูดมากอีก 


 


 


 


 


 


………………………………………………. 


 


 


 


 


 


ภายในอารามเทพธิดา รอบนี้กลับถึงคราวที่จีหรานจะต้องตื่นตะลึงบ้างแล้ว 


 


 


คนชุดดำนั่นทำบ้าอันใดกัน? ทำไมพายุฝนถึงได้ไปเทลงบนตำหนักของเขา? 


 


 


” หรานอ๋อง เจ้าไปทำอะไรเข้า ถึงได้ทำให้เทพธิดาทรงพิโรธ ถึงกับจะจมบ้านของเจ้าให้จงได้? ” คราวนี้ จีเฉวียนทรงไพล่สองพระหัตถ์เอาไว้ด้านหลัง สองเนตรหงส์จดจ้องไปยังเขา สีพระพักตร์ขององค์เหนือหัวมีแต่ความเย็นชา 


 


 


จีหรานถูกจ้องเสียจนทั่วทั้งร่างขนลุกขึ้นมา เขาตัดสินใจถอยไปข้างหลังก้าวหนึ่ง ” ไม่ จะต้องเกิดข้อผิดพลาดในที่ใดเป็นแน่ “ 


 


 


” ครื่ด คราด เปรี้ยงปร้าง! ” เขาพึ่งจะพูดออกไป ก็ได้ยินเสียงสายฟ้าฟาดดังออกมาจากท้องฟ้า แสงสว่างที่มากับสายฟ้าทำเอาในอารามเทพธิดาสว่างวาบขึ้นมา 


 


 


จีหรานหันออกไปด้านนอกพอดี พอมองออกไป เขาก็ได้เห็นว่ารูปปั้นเทพธิดากำลังแสยะยิ้มให้เขา 


 


 


หัวใจของจีหรานกระตุกขึ้นมาในทันที เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ……ชือหลีตายไปตั้งนานแล้ว นางตายไปตั้งนานมากแล้ว! 


 


 


ต้องมีใครกำลังดำเนินแผนวางอุบายอยู่เป็นแน่? 


 


 


เขาหันไปมองดูโดยรอบ นอกจากจีเฉวียนและคนข้างกายไม่กี่คน ที่ด้านนอกก็มีแต่พวกชาวบ้านที่ไม่ได้รู้ความจริงอะไรเท่านั้น 


 


 


เมื่อครู่ผู้คนต่างก็พากันมองเห็นฮ่องเต้เป็นศัตรู ตอนนี้แต่ละคนต่างก็จดจ้องมาที่หรานอ๋องเป็นตาเดียว  

 

 


ตอนที่ 200 เทพธิดาสำแดงองค์!

 

ในใจของพวกเขา หรานอ๋องเป็นคนดีมากผู้หนึ่ง 


 


 


แต่ว่าทำไม……..พายุฝนที่เกิดขึ้นหลังจากฮ่องเต้ขอพร ถึงได้เทลงไปบนตำหนักของหรานอ๋องกัน? 


 


 


ขณะที่หรานอ๋องยังตื่นตะลึงไม่ทันหาย จีเฉวียนก็เอ่ยพระโอษฐ์ออกมาว่า ” เรานึกได้แล้ว ตอนนั้นเงินบรรเทาทุกข์ที่ส่งมา เป็นหัวหน้าองครักษ์เงาส่งมอบให้ท่านกับมือ ตอนนี้พวกเราอยู่ตอนหน้าเทพธิดา เราอยากจะรู้ว่า เงินบรรเทาทุกข์ทั้งหมดนั้นเสด็จอานำไปใช้ในทางใด? “ 


 


 


พระสุรเสียงของฮ่องเต้เปี่ยมไปด้วยพลัง ประชาชนที่อยู่รอบอารามต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน 


 


 


เงินบรรเทาทุกข์หรือ? ไม่ใช่ว่าถูกตู๋กูเจวี๋ยที่มาบรรเทาภัยหอบหนีไปแล้วหรือ? 


 


 


ทำไมฝ่าบาทถึงได้มารับสั่งถามเอากับหรานอ๋องกัน? 


 


 


พวกเขาล้วนรู้กันทั่ว พอเกิดน้ำท่วม หรานอ๋องก็เอาเสบียงอาหารที่สะสมไว้มาแจกชาวบ้านที่ประสบภัยจนหมด แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังได้ดื่มแต่โจ๊กใสเท่านั้น 


 


 


แต่ฮ่องเต้ตรัสออกมาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นพระองค์เองที่สนับสนุนการกระทำของตู๋กูเจวี๋ยมิใช่หรือ นี่คิดจะหันกลับมาแว้งกัดหรานอ๋องหรือไร? 


 


 


พอจีหรานถูกถามเรื่องนี้ขึ้นมา สีหน้าก็ไม่น่าดูยิ่งไปกว่าเดิม เขายกชายแขนเสื้อขึ้นมากระแอมไอหลายครั้ง ” ฝ่าบาท พระองค์ทรงสงสัยกระหม่อมหรือ? “ 


 


 


” ตั้งแต่แรกแล้วเรื่องการบรรเทาอุทกภัยในลี่โจวล้วนเป็นคุณชายรองตู๋กูเป็นผู้สั่งการ กระหม่อมเป็นเพียงบุตรที่มิได้รับความเหลียวแลของราชวงศ์เท่านั้น ทุกเรื่องล้วนอยู่ภายใต้การตัดสินใจของคุณชายรอง เงินบรรเทาทุกข์ทั้งหมดนั้นย่อมเป็นเขาที่ดูแล ” จีหรานกราบทูลราวกับจะปฏิญานตน ” ตลอดหลายวันมานี้ สิ่งที่กระหม่อมทำลงไปล้วนอยู่ในสายพระเนตร กระหม่อมเองก็เป็นคนในราชวงค์ต้าโจว หรือฝ่าบาททรงเห็นว่ากระหม่อมนำชีวิตของพลเมืองต้าโจวมาเป็นเรื่องเล่นหรือ? “ 


 


 


จีหรานมีโทสะขึ้นมา ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอยู่ตลอด เมื่อต้องมองดูตำหนักหรานอ๋องถูกพายุฝนกระหน่ำใส่อย่างไม่มีหยุด ในใจของเขาก็ร้อนรุ่มไปหมดแล้ว 


 


 


” ฝ่าบาทพะยะค่ะ ความผิดพลาดทั้งหลายล้วนเป็นคุณชายรองตู๋กูเป็นผู้ก่อขึ้นมาทั้งนั้น ไยตอนนี้พระองค์ถึงได้ทรงตรัสโทษท่านอ๋องของพวกกระหม่อมด้วย? ” เหล่าลูกน้องของจีหรานต่างแสดงความไม่พอใจออกมา 


 


 


” หุบปาก ยามที่ฝ่าบาทตรัส ไหนเลยจะมีที่ให้ข้ารับใช้อย่างเจ้ากล่าวสอดกัน! ” ทันใดนั้นผู้ติดตามข้างพระวรกายก็แสดงความเกรี้ยวกราดออกมา เขาเพียงสะบัดเท้าออกไปแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ลูกน้องของหรานอ๋องต้องคุกเข่าลงไปกับพื้นได้อย่างสบายๆ 


 


 


จีเฉวียนมิได้เคลื่อนไหว เพียงตรัสต่อไปว่า ” เราเพียงแต่ถามดูเท่านั้น เสด็จอาไม่จำเป็นจะต้องโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่ ตู๋กูเจวี๋ยหายสาบสูญไปตั้งนานแล้ว เราไม่อาจถามเขา ย่อมต้องถามท่านดู” 


 


 


จีหรานเห็นสายพระเนตรที่เย็นเฉียบเป็นน้ำแข็งของฮ่องเต้ ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่สงบ เขากุมข้อมือเอาไว้ คิดจะกระตุ้นอสรพิษจำแลงออกมาก่อนเวลาที่วางแผนไว้ 


 


 


พอเขาขยับตัว ก็ได้ยินเสียงชาวบ้านต่างก็ร้องระงมออกมาว่า ” ดูนั้นสิ ที่ตำหนักหรานอ๋องนั้นเกิดอะไรขึ้นกัน? “ 


 


 


ภายใต้ลมพายุฝนกระหน่ำลงมา ตำหนักหรานอ๋องทั้งหลังถูกฝนชะจนพังทลายลง บนพื้นใต้ตำหนักหรานอ๋อง ก็มีน้ำผุดเพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อยๆ พอรวมเข้ากับพายุฝนที่ตกลงมา จึงกลายเป็นแม้น้ำน้อยๆ สายหนึ่ง 


 


 


สายน้ำเพิ่มพูนขึ้นมา แทบจะทำให้ในตัวเมืองลี่โจวล่มลงไปแล้ว 


 


 


และในขณะเดียวกันนั้นเอง งูยักษ์สีน้ำตาลเทาตัวหนึ่งก็สะบัดตัวขึ้นมาจากในนั้น มันผงาดร่างขึ้นสูง ดวงตาสีเขียวแวววาวคู่นั้นจดจ้องไปยังผู้คน ปลายหางขนาดใหญ่ก็ฟาดกระหน่ำไปทั่วทั้งสี่ทิศ ทำลายสิ่งก่อสร้างลงไปทีละหลังๆ 


 


 


มันอ้าปากกว้างร้องคำรามออกมา ส่งเสียงคำรามดังกึกก้องประหนึ่งระฆังยักษ์ ทันใดนั้น น้ำในแม่น้ำก็เกิดคลื่นซัด ไหลหลากราวกับจะล้นทะลักออกมา 


 


 


ในใจของผู้คนทั้งหลายต่างก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว ไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อนว่าจะมีงูยักษ์ออกมาจากในตำหนักหรานอ๋อง 


 


 


ทุกครั้งที่มันร้องคำราม ระดับน้ำในแม่น้ำ้ก็จะสูงขึ้นมาหนึ่งฉื่อ (ประมาณ 10นิ้ว) ทั่วทั้งร่างของมันมีแต่กลิ่นเหม็นคาวสุดทนทาน ต่อให้อยู่ห่างไกลออกไปก็ยังคงได้กลิ่น 


 


 


ในมุมอับ คนชุดดำและอันหร่วนต่างก็ตกตะลึงจนแทบจะกระโดดออกมา แผนการหลุดจากการควบคุมไปแล้ว 


 


 


จีหรานมองดูอสรพิษจำแลงที่กำลังคลุ้มคลั่ง ก็ขมวดคิ้วแนบแน่น 


 


 


ไม่รอให้จีเฉวียนตรัสอันใดออกมา เขาก็ชิงตะโกนฟ้องเสียงดังขึ้นก่อน ” ฝ่าบาท พระองค์เป็นถึงโอรสสวรรค์ เสด็จมาขอพรแท้ๆ ทำไมอยู่ๆ ถึงได้เรียกเอาตัวประหลาดเช่นนี้ออกมากัน? ตำหนักของกระหม่อมสงบสุขร่มเย็นตลอดมา ทำไมพอพระองค์เสด็จมาประทับเพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆ ก็เกิดตัวประหลาดโผล่ออกมา? “ 


 


 


เสียงของจีหรานดังก้อง ราวกับเกรงว่าฝูงชนจะไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น 


 


 


พอได้ยินคำพูดของเขา ฝูงชนที่มิได้รู้ความจริงก็พากันหันไปมองดูฮ่องเต้ด้วยความสงสัย 


 


 


หรือฮ่องเต้จะทรงเป็นต้นเหตุให้เทพธิดาส่งหายนะลงมา? 


 


 


เมื่อกลายเป็นเช่นนี้ คนชุดดำก็จำต้องเปลี่ยนแปลงแผนการ เขาหันไปมองดูอันหร่วนแวบหนึ่ง กล่าวว่า ” รีบลงมือ “ 


 


 


อันหร่วนมือหนึ่งถือตุ๊กตาไม้เอาไว้ อีกมือหนึ่งก็หยิบเอาเข็มดำหนาๆ ออกมา ปักลงไปบนอกของตุ๊กตาไม้โดยมิได้ลังเล 


 


 


ทันทีที่เข็มดำแทงลงไป ก็ปรากฏเลือดสีดำไหลออกมา 


 


 


อันหร่วนบริกรรมคาถาอยู่ในปาก ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง 


 


 


 


 


 


ภายในอาราม ฮ่องเต้ที่เมื่อครู่ประทับยืนตรงดังพู่กัน ทันใดนั้นก็กดพระอุระของพระองค์เอาไว้ 


 


 


บนร่างของพระองค์ ปรากฏไอสีดำกำจายออกมา 


 


 


บนพระพักตร์ที่งดงาม เกิดเป็นน้ำแข็งบางๆ ขึ้นชั้นหนึ่ง 


 


 


” ฮ๊ากกก ปีศาจจจ! ” จีหรานร้องเสียงดังออกมาในทันที จากนั้นก็ถอยหนีออกไปจนห่าง 


 


 


ฝูงชนล้วนอยู่ด้านนอก ต่างก็มองเห็นได้ไม่ชัดเท่าไร เพียงได้ยินแค่ว่าหรานอ๋องตะโกนโหวกเหวกเสียงดังว่า ‘ฮ่องเต้ทรงกลายเป็นปีศาจแล้ว ฮ่องเต้กลายเป็นปีศาจจจจ……’ 


 


 


เขาตะโกนพลางวิ่งออกมาด้านนอก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว 


 


 


อสรพิษจำแลงที่ห่างออกไปไม่ไกลได้ยินเสียงร้องของเขา ก็ม้วนตัวเคลื่อนมาทางอารามเทพธิดา 


 


 


” ดูสิ งูยักษ์นั้นเป็นปีศาจที่ฮ่องเต้ทรงเลี้ยงเอาไว้! ” จีหรานร้องเสียงดังออกมา ดึงความสนใจของทุกคนไปยังจีเฉวียน 


 


 


จิตใจของประชาชนตกอยู่ในความหวาดกลัว แต่เมื่อพวกเขามองตามไป ฮ่องเต้ที่ประทับยืนอยู่ห่างไกล นอกจากจะมีไอเย็นออกมาจากพระองค์แล้ว ก็มิได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนี่? 


 


 


หรือว่าหรานอ๋องจะวิปลาสไปแล้ว ถึงได้พูดออกมาว่าฮ่องเต้เป็นปีศาจ? 


 


 


ในมุมมืด อันหร่วนเองก็ตกตะลึงไป ” นี่ไม่ถูกต้อง พอฝังเข็มลงไป เขาควรจะกลายเป็นปีศาจสิ ทำไมถึงได้มีแค่ไอดำออกมากัน? “ 


 


 


คาถาสาปแช่งของนางศักดิ์สิทธิ์ได้ผลเสมอมา ทั้งๆ ที่ตุ๊กตาไม้นี่ถูกซ่อนเอาไว้ในตำหนักบรรทมของจีเฉวียนมาตลอดเจ็ดสัปดาห์สี่สิบเก้าวัน ซึมซับกลิ่นไอของจีเฉวียนไปมากมายแล้วแท้ๆ อีกทั้งนางยังรู้เวลาตกฟากของจีเฉวียนอย่างแม่นยำ และมีสิ่งของที่เคยติดกายของเขาอีกด้วย ย่อมไม่มีทางที่มันจะล้มเหลวไปได้ 


 


 


จีเฉวียนประทับยืนอยู่ที่เดิม กุมพระอุระเอาไว้ ดวงพระเนตรหงส์ทอประกายเย็นยะเยือกออกมา 


 


 


สีพระพักตร์ของพระองค์ยังคงนิ่งเฉย ทันทีที่กำพระหัตถ์เข้า เงาดำหลายเงาก็พุ่งเข้าไปสกัดจีหรานที่กำลังจะหนีออกไปเอาไว้ 


 


 


ในขณะเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงแตกดังกึกก้อง โต๊ะบูชาที่อยู่ด้านหน้ารูปปั้นของเทพธิดาแตกร้าวออกมา 


 


 


ทันใดนั้น ก็เกิดแสงสีทองส่องออกมาจากภายใน เทพธิดาปรากฏองค์ขึ้น เทพธิดาที่มีเส้นผมสีแดงยาวสยายลืมตาขึ้นมาช้าๆ ดวงเนตรทั้งสองที่แดงฉานของนางแวววาวดั่งนัยตาของอสรพิษ พอกวาดมองออกมา ก็สำแดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา ขณะที่กำลังตกตะลึงตุ๊กตาไม้ในมือของอันหร่วนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผงลงไป 


 


 


เหนือโต๊ะบูชา ดวงเนตรของเทพธิดาทอดมองลงมายังร่างของจีเฉวียน 


 


 


นางสำแดงความเป็นเทพ กล่าวเรียกพระองค์ขึ้นมาครั้งหนึ่ง ” ฮ่องเต้แห่งต้าโจว” 


 


 


จีเฉวียนเงยพระพักตร์ขึ้นมองนาง ในพระทัยบังเกิดความรู้สึกว่าน้ำเสียงในคำพูดนั้นฟังแล้วคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง 


 


 


” เจ้าเดินทางไกลมาพันลี้ เพื่อสวดมนต์ขอพรแทนชาวประชาต้าโจว เราบังเกิดความประทับใจแล้ว ” ด้วยพลังของเทพธิดา ทั่วทุกมุมในเมืองลี่โจวต่างก็สามารถได้ยินเสียงนี้กันทั่ว 


 


 


ประชาชนต่างก็ไม่นึกไม่ฝัน เทพธิดาสำแดงองค์แล้วจริงๆ! 


 


 


ทันใดนั้นผู้คนทั้งหมดต่างก็พากันคุกเข่าลงไป แม้แต่กระทั่งงูยักษ์ที่อาละวาดก็หยุดอยู่กับที่ ไม่กล้าก่อเรื่อง 


 


 


ชือหลีมิได้แตกดับจนสิ้นสูญไปแล้วหรือ? 


 


 


จีหรานเองก็เองก็ตื่นตะลึงจนตาเบิกโพรง มองดูเทพธิดาผมแดงผู้นั้นด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ต่อให้ฝันเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ชาตินี้จะมีวันที่ได้เจอกับนางอีก 


 


 


นี่มันเป็น………ฝันร้ายที่แท้จริง! 

 

 

 


ตอนที่ 201 มีดที่แทงลงไปกลางใจ!

 

ใต้โต๊ะบูชา ตู๋กูซิงหลันกำลังนั่งอยู่บนบันไดไม้ นางและดวงจิตของชือหลีที่อยู่ด้านบนต่างแสดงท่าทางและอารมณ์ออกมาในแบบเดียวกัน 


 


 


ยามนี้ มิว่านางจะกล่าวอะไร ชือหลีก็จะต้องพูดออกไปแบบนั้น 


 


 


ดวงจิตของชือหลีมิได้ถูกดึงออกไป นางเพียงแต่ถูกยันต์สีชาดของตู๋กู๋ซิงหลันควบคุมเอาไว้เท่านั้น จึงไม่อาจทำอะไรได้ด้วยตนเอง 


 


 


ทุกสิ่งทุกอย่างที่ชือหลีมองเห็น นางก็สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด 


 


 


ดูจีเฉวียนสิ เขาช่างน่าสงสารนัก ผ่ายผอมไปจากเมื่อหลายวันก่อนมากทีเดียว ชั้นน้ำแข็งบางๆ บนใบหน้านั้นยังมิได้จางหายไปทั้งหมด 


 


 


มือข้างนั้นยังคงกดอยู่บนอก ราวกับว่าได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง 


 


 


ยันต์คุ้มครองที่ก่อนหน้านี้นางได้ผนึกเอาไว้บนร่างของเขาพึ่งจะช่วยรับเคราะห์แทนไปครั้งหนึ่ง เจ้าฮ่องเต้สุนัขผู้นี้ไปขวางทางผู้คนเอาไว้มาก ไม่ว่าจะไปที่ใดก็มีแต่คนคิดจะลอบลงมือกับเขา 


 


 


แต่ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้หุ่นไม้สาปแช่งก็ถือว่าชั่วร้ายเกินไปแล้ว! นางชักจะสงสัยแล้วว่าจีเฉวียนไปฆ่าล้างตระกูลใครมาหรืออย่างไร ถึงได้ถูกวางแผนทำร้ายเช่นนี้ 


 


 


ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าหลังจบเรื่องแล้ว ควรจะคิดบัญชีเก็บเงินกับฮ่องเต้ผู้นี้สักหน่อย รอบนี้นับว่านางได้ช่วยชีวิตเขาครั้งหนึ่งจริงๆ 


 


 


” ฮ่องเต้แห่งต้าโจว ท่านเป็นโอรสที่สวรรค์เลือกสรรมา เราผู้เป็นเทพถูกพันธนาการมานานหลายปี เมื่อได้รับไอมังกรของโอรสสวรรค์จึงสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการได้ บุญคุณครั้งนี้ เราจะตอบแทนให้กับประชาชนของท่าน ” ตู๋กูซิงหลันบนบันไดไม้ ยังคงพล่ามอย่างเรื่อยเปื่อยต่อไป 


 


 


แต่ในสายตาของผู้คนทั้งหลาย นี่เป็นถ้อยคำที่ออกมาจากปากของเทพธิดา 


 


 


พวกเขากำลังพากันตกตะลึง ในโลกนี้ยังมีสิ่งที่สามารถพันธนาการดวงจิตของเทพเซียนได้ด้วยหรือ? 


 


 


นี่เป็นฝีมือของใครกัน? ถึงกับกล้าลงมือกับเทพธิดาผู้พิทักษ์สายน้ำ? 


 


 


” ในปีนั้นเราผู้เป็นเทพมีเมตตาช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งไว้ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับทำร้ายเราดาบหนึ่ง ทำลายควันธูปของเรา เกือบจะทำให้เราต้องแตกดับสิ้นสูญ ขอเพียงลงโทษคนผู้นั้น ให้เราผู้เป็นเทพได้สมประสงค์ เรายินดีจะทุ่มเทพลังทั้งหมดไปช่วยเหลือเมืองลี่โจวให้พ้นทุกข์ “ 


 


 


ภายในอาราม พอจีหรานได้ยินคำพูดของชือหลี ในใจก็หวาดผวาขึ้นมาในทันที 


 


 


ที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือ ยามที่กล่าวเรื่องนี้ออกมา ชือหลีก็หันมาจับจ้องที่เขาอย่างชัดเจน 


 


 


แม้ว่าพลังอำนาจของชือหลีจะมิอาจหลุดพ้นจากการควบคุมของตู๋กูซิงหลันไปได้ แต่ว่านางก็มิได้ตาบอด แค่มองเพียงแวบเดียวนางก็หาจีหรานเจอ 


 


 


บุรุษที่นางเกลียดชังเข้ากระดูกดำผู้นี้ หากเปรียบเทียบกับความหล่อเหลาในตอนนั้นแล้ว ดูย่ำแย่กว่ามากนัก 


 


 


แต่ต่อให้เขากลายเป็นเถ้าถ่าน นางก็ยังคงจดจำเขาได้ 


 


 


แม้จะเป็นเพียงแค่การกวาดตามอง แต่ในสายตานั้นก็เปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง ที่แทบจะแผดเผาจีหรานให้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเสีย 


 


 


จีหรานถูกสายตาของนางกวาดมองมา ในใจก็ยิ่งสั่นสะท้านกว่าเดิม ชือหลีไม่เพียงแต่ยังไม่ตาย แต่ว่ากลับมาแก้แค้นเขา! 


 


 


ฝีเท้าของเขาอ่อนระทวย จนต้องถอยไปหลายก้าว 


 


 


แต่เพราะว่าองครักษ์ของจีเฉวียนรายล้อมเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่อาจหลบหนีได้เลยสักนิด 


 


 


ผู้คนทั้งหลายต่างก็สังเกตเห็นสายตาของชือหลี ความชิงชังที่แทบจะพวยพุ่งออกมาจากดวงตาคู่นั้น แม้ว่าไม่มีผู้ใดบอก ก็สามารถรับรู้ได้ ผู้ที่เทพธิดาเอ่ยถึงว่าได้ทำร้ายนางไปดาบหนึ่ง ก็คือ…..หรานอ๋อง? 


 


 


คราวนี้จึงเริ่มมีคนคิดขึ้นมาได้ว่า เมื่อสิบปีก่อน คนที่สั่งให้ทุบทำลายอารามเทพธิดาก็คือจีหราน 


 


 


เรื่องนี้มีความนัยอะไรซ่อนอยู่กันแน่? 


 


 


” จีเฉวียน เจ้าแกล้งทำเป็นมีผีสางเช่นนี้เพื่ออะไรกัน? ” จีหรานเห็นสายตาของผู้คนทั้งหลายมองมาที่ตัวเองเช่นนี้ ก็ไม่กล้านิ่งเฉยอยู่อีก 


 


 


เขาขมวดคิ้วแนบแน่น ตัดสินใจทุบหม้อข้าวตนเอง ตะโกนใส่เทพธิดาและจีเฉวียน ” เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าสวดขอพายุฝน เรียกเอาปีศาจออกมา ตอนนี้ก็มาทำเป็นว่ามีเทพธิดาจากไหนก็ไม่รู้มาใส่ความข้าอีกหรือ? “ 


 


 


” ข้ารู้แล้ว เป็นเพราะว่าเจ้ามันไร้ความสามารถ จึงชิงชังที่อ๋องเช่นข้าได้รับความเคารพจากประชาชน กลัวว่าข้าจะทำให้บัลลังก์ของเจ้าไม่มั่นคง จึงได้คิดหาหนทางที่จะโค่นข้าทิ้งไปใช่หรือไม่? เหมือนดั่งที่เจ้าทำกับอี้อ๋องจีเย่ว์ไง คิดจะฆ่าลูกหลานตระกูลจีให้หมดสิ้น? “ 


 


 


เรื่องมาจนถึงขั้นนี้ เขาได้แต่ต้องทุบหม้อข้าวสู้พนันดูสักครั้งแล้ว 


 


 


จีเฉวียนที่ร้ายกาจ! 


 


 


ที่แท้แล้วเขาแกล้งทำเป็นว่าไร้ความสามารถมาโดยตลอด! 


 


 


แต่ที่จริงแล้วกลับขุดหลุมพรางดักเขาเอาไว้ คิดจะให้ตัวเขาจีหรานต้องตายอยู่ที่นี่! 


 


 


เขาประมาทคนผู้นี้เกินไปแล้ว 


 


 


นับตั้งแต่อดีตกาลมา ผู้ที่ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ จะเป็นเพียงแค่คนที่ซื่อบื้อจนถึงขั้นไร้เดียงสาไปได้อย่างไร! 


 


 


สีพระพักตร์ของจีเฉวียนราวน้ำแข็ง เพียงทอดพระเนตรมองไปยังเขาอย่างเย็นชา “เจ้ามองว่าตนเองสูงส่งจนเกินไป” 


 


 


ต่อให้ฮ่องเต้มิได้ทรงตรัสออกมา เพียงแค่สายพระเนตรนั้นก็เปี่ยมไปด้วยไอสังหารอยู่แล้ว 


 


 


ทันทีที่ทรงตรัสจบ ก็เห็นเทพธิดาล่องลอยมายังเบื้องหน้าของจีหราน นัยตาทั้งสองที่เหมือนกับนัยตาของงูจับจ้องอยู่ที่จีหราน นางยื่นนิ้วมือที่เรียวยาวออกเชยคางของจีหรานขึ้นมา ” ดูท่าแล้ว ไม่ต้องบีบบังคับเจ้าก็เผยพิรุธออกมาแล้วนี่ “ 


 


 


จากนั้นปลายนิ้วของนางก็บีบแน่นเข้า จนเล็บยาวนั้นแทบจะจิกเข้าไปในเนื้อของจีหราน ดวงหน้าที่เย็นชาเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง ” บอกมาซิ ที่ติดค้างเรานั้นจะชดใช้ให้อย่างไร? “ 


 


 


จีหรานถูกนางบีบคางจนเลือดสดๆ ซึมไหลออกมา ความหนาวเหน็บชนิดหนึ่งแทรกซึมจากปากแผลกระจ่างไปทั่วทั้งร่าง แทบจะทำให้เขากลายเป็นน้ำแข็งอยู่กับที่ 


 


 


บรรดาผู้ติดตามของจีหรานได้เห็นแล้วต่างก็ตื่นตระหนกจนตัวแข็งทื่อไปหมด ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปช่วยเหลือเลยสักนิด 


 


 


ฝ่ายตรงข้าม…….ถึงกับเป็นเทพเชียวนะ! 


 


 


เหล่าประชาชนทั้งหลายก็เพียงชมดูอยู่ด้านหนึ่ง พวกเขาต่างก็พากันประหลาดใจ ตอนนั้นหรานอ๋องทำสิ่งใดกันแน่ จึงได้ทำให้เทพธิดาพิโรธถึงเพียงนี้? 


 


 


จีหรานมองดูชือหลี กี่คืนกันที่เขาหลับฝันกลับไปกลับมา ในความฝันเขามักจะเห็นสองเนตรที่มีนัยตาแดงฉานดุจเลือด ทุกครั้งที่ฝันเห็นเป็นต้องเหงื่อท่วมกายจนสะดุ้งตื่นจากความฝัน 


 


 


ปีนั้นเขาอายุเพียงแค่เจ็ดชันษา ไม่ทันระวังจึงตกลงไปในแม่น้ำ จึงได้ถูกงูยักษ์สีเขียวช่วยเอาไว้ นัยตาสีแดงของงูเขียวตัวนั้นยังใหญ่กว่ากำปั้นของเขาเสียอีก 


 


 


เขาคิดว่าตนเองคงต้องตายแน่แล้ว คิดไม่ถึงว่างูเขียวตัวนั้นจะกลายเป็นพี่สาวที่งดงามผู้หนึ่ง ชือหลี 


 


 


เขาพำนักอยู่ใต้แม่น้ำลี่เหอนั่นหลายวัน ชือหลีคอยดูแลเขาโดยมิได้จากไปไหน ในใจของเขาเกิดความซาบซึ้ง ดังนั้นพออาการบาดเจ็บหายดีแล้ว จึงมักจะลงไปที่ใต้แม้น้ำเพื่อเล่นกับนาง 


 


 


อย่างช้าๆ เขาเริ่มเกิดความคิดนอกลู่นอกทางกับชือหลี ในค่ำคืนหนึ่งที่ท้องฟ้ามีแต่แสงดาวพร่างพราว เขาสารภาพความในใจกับนางที่ใต้ต้นฮว๋ายในอารามเทพธิดา ยินดีจะอยู่ร่วมกับนางไปชั่วชีวิต 


 


 


และเพราะคำสาบานนี้ ต่อมาเขายังต้องอยู่ในนรกที่ไม่อาจย้อนคืนมาได้ 


 


 


เขาคิดว่าเขามีความรักฉันท์ชายหญิงให้กับชือหลี จนกระทั่งเขาได้พบกับน้องสาวของนาง ชือฉิง 


 


 


เพียงแค่ได้มองเห็นชือฉิงเพียงแวบเดียว เขาก็ตกหลุมรักนาง ชือหลี่ไร้เหตุผลน่าเบื่อหน่าย แต่ชือฉิงกลับมีเสน่ห์ดึงดูด พอเปรียบเทียบกันแล้วยังน่าหลงใหลกว่าชือหลีมากนัก 


 


 


เป็นชือฉิงที่นำพาเขาไปสู่ความสุขจากความรักของบุรุษและสตรี เขาดิ่งลึกลงไปในความสุขนี้จนไม่อาจถอนตัว 


 


 


แต่ว่าความสุขของพวกเขาได้แต่เพียงแอบซ่อนอยู่ลับหลังชือหลีเท่านั้น ถูกกดเอาไว้เช่นนี้อยู่ตลอด ไม่มีวันได้พบกับแสงสว่าง 


 


 


เขากับชือฉิงรักกันอย่างแท้จริง รักแท้ย่อมต้องไม่ผิด! 


 


 


ในที่สุดเขาก็รวบรวมความกล้าไปเปิดเผยเรื่องนี้กับชือหลี แต่ว่านอกจากชือหลีจะไม่ยอมเข้าใจพวกเขาแล้ว ยังด่าว่าพวกเขาเป็นคนอกตัญญูที่ลืมบุญคุณผู้อื่น 


 


 


ครั้งนั้นนางโกรธเกรี้ยวอย่างถล่มทลาย ความเกรี้ยวกราดของนางม้วนเข้าใส่แม่น้ำลี่เหอ จมเมืองลี่โจวไปครึ่งหนึ่ง 


 


 


นับตั้งแต่วันนั้น เขาก็ถูกชือหลีคอยหลอกหลอนเรื่อยมา นางต้องการให้เขาตัดความสัมพันธ์กับชือฉิงให้เด็ดขาด กลับไปรักษาคำสัญญาที่เขาเคยให้เอาไว้ตลอดไป 


 


 


แต่นั่นเป็นเพราะความวู่วามในวัยหนุ่มของเขาเท่านั้น เขาจะไปอยู่ร่วมกับนางไปจนชั่วชีวิตได้อย่างไร? 


 


 


ที่เขารักก็คือชือฉิง ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นชือฉิง 


 


 


เพื่อความรักของเขาและชือฉิง ……เขาจึงแกล้งรับปากข้อแม้ของชือหลี แต่งนางเป็นภรรยา 


 


 


แต่เขาแอบไปเสาะหาดาบทำลายเทพมา ในคืนแต่งงาน ยามที่พวกเขาร่วมหอผ่านคืนวสันต์ด้วยกัน ก็แทงดาบทำลายเทพลงไปในหัวใจของนาง 


 


 


แต่ว่านางก็ชั่วร้ายยิ่งนัก ถึงกับใช้พลังเทพก่อนตายสาปแช่งมิให้เขาและชือฉิงได้ลงเอยกัน ชือฉิงถูกนางสาปจนมิอาจกลายร่างเป็นมนุษย์ ได้แต่เป็นงูยักษ์ที่หน้าเกลียดตัวหนึ่งอยู่เคียงข้างเขา 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)