อัจฉริยะสมองเพชร 1960-1961

 ตอนที่ 1960 ฟังคำสั่งของผม!

ที่สภาผู้อาวุโส ผู้อาวุโสฝ่ายในทั้งหมดและผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่ามารวมตัวกัน บรรยากาศออกจะตึงเครียดเล็กน้อย


“หนังสือในหอภูมิปัญญาเพลงดาบที่ผมลงทุนลงแรงจัดระเบียบด้วยความยากลำบากพากันรับรู้ถึงเจตจำนงเพลงดาบและโค้งคำนับให้อย่างพร้อมเพรียง สุดท้ายพวกมันก็ร่วงลงมาจากชั้นหนังสือและกลับไปไร้ระเบียบอีกครั้ง” ผู้อาวุโสเว่ยเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด


“ดาบเล่มใหญ่ที่ผู้ก่อตั้งของเราทิ้งไว้ก็แตกสลาย ทำให้ประตูภูเขาพังทลายไปด้วย” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยรายงาน


ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งประสานมือ “บรรดาศิษย์สายตรงที่กำลังเข้ารับการประเมินศิลปะเพลงดาบในหอเทพดาบต่างถูกเจตจำนงเพลงดาบนั้นเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บ”


หลังจากได้ฟังรายงานจากเหล่าผู้อาวุโส ผู้อาวุโสเหอที่นั่งอยู่ใจกลางห้องลุกขึ้นยืนแล้วสบตากับทุกคนที่อยู่โดยรอบ “ผมเชื่อว่าพวกคุณทุกคนคงพอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”


“ใช่” ฝูงชนพยักหน้า


“นับตั้งแต่ผู้ก่อตั้งของเรา, ผู้ที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้จากไป ก็ไม่มีนักดาบคนไหนเข้าถึงความเข้าใจในเพลงดาบระดับสูงแบบเขาอีก” ผู้อาวุโสเหอพูด “แม้แต่อัจฉริยะที่ปราดเปรื่องที่สุดในประวัติศาสตร์ของเราก็เป็นได้แค่เทพดาบสิบลี้เท่านั้น แต่ในวันนี้ ใครคนหนึ่งสามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของบรรพบุรุษของเราได้ ทำให้ดาบเล่มใหญ่ที่อยู่บริเวณทางเข้าแตกสลาย หนังสือศิลปะเพลงดาบทุกเล่มต่างโค้งคำนับให้ด้วยอาการยอมจำนน ผมอยากฟังความคิดเห็นของพวกคุณที่มีต่อเรื่องนี้!”


“ผมคิดว่าการปรากฏตัวของนักดาบผู้ปราดเปรื่องระดับนี้ถือเป็นพรสำหรับสำนักของเรา ในครั้งนั้น ผู้ก่อตั้งของพวกเราปรากฏตัวขึ้นจากที่ไหนสักแห่งและสร้างชื่อเสียงโด่งดังได้ด้วยการต่อสู้เพียงครั้งเดียว เขาฉกฉวยครึ่งหนึ่งของตัวอักษรคำว่า ‘เทพเจ้า’ มาจากหอเทพเจ้า และนั่นคือที่ๆคำว่าหอเทพดาบกับสมญานามเทพดาบได้รับการขนานนาม!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดอย่างตื่นเต้น


“หลายพันปีมาแล้วที่เหล่าบรรพบุรุษของเราพยายามจะนำพาสำนักดาบเมฆเหินขึ้นสู่ความรุ่งโรจน์เหมือนครั้งเก่า แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีใครเข้าถึงศิลปะเพลงดาบระดับสูงได้เหมือนอย่างผู้ก่อตั้ง แต่ในวันนี้ ใครคนหนึ่งสามารถเข้าถึงเจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งได้แล้ว นั่นหมายความว่าในไม่ช้า สำนักของเราก็จะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดดังเดิม!”


“จริงด้วย ในบรรดา 6 สำนักใหญ่ แม้แต่ตำหนักคว้าดาวที่สามารถสื่อสารกับเทพเจ้าได้ก็ยังไม่อาจหาญใช้คำว่า ‘เทพเจ้า’ หอเทพดาบของเราเป็นข้อยกเว้นเพียงข้อเดียว! และตอนนี้ ใครคนหนึ่งก็ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้เหมือนกันกับผู้ก่อตั้งของเราแล้ว ขอแค่เราดูแลบ่มเพาะเขาให้ดี สำนักดาบของเราจะต้องได้ตัวอักษรอีกครึ่งหนึ่งมา ทำให้กลายเป็นสำนักเทพดาบ ซึ่งนั่นจะทำให้เรามีสถานภาพเทียบเท่ากับหอนิรันดร์เลยทีเดียว!”


“ตัวอักษรที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งนั้น บรรพบุรุษมากมายของพวกเราต้องต่อสู้อย่างหนักและยอมเสียเลือดเนื้อ ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ในที่สุด แสงแห่งความหวังก็สาดส่องอยู่ตรงหน้าแล้ว…”


ผู้อาวุโสอีก 2-3 คนลุกพรวดด้วยความตื่นเต้น


“ผู้ที่ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จคงจะนำตัวอักษรอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ จากหอเทพเจ้ามาได้ ทำให้สำนักของเรามีคำว่า ‘เทพเจ้า’ อย่างสมบูรณ์ นี่คือความปรารถนาและเกียรติยศสูงสุดที่พวกเราจะนำมาสู่สำนัก!” ผู้อาวุโสเหอพยักหน้าขณะกำหมัดแน่น


ทวีปที่ถูกลืมเป็นสถานที่ที่เหล่าเทพเจ้าพากันละเลย มีทางเดียวที่จะทำให้เทพเจ้ารับรู้ นั่นก็คือการนำตัวอักษรคำว่าเทพเจ้าที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งมา


สำนักดาบเมฆเหินเป็นเพียงสำนักเดียวใน 6 สำนักใหญ่ที่มีตัวอักษรนั้น แต่ก็ได้มาเพียงครึ่งเดียว นั่นหมายความว่าพวกเขายังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะใช้คำว่าเทพเจ้าเป็นชื่อสำนัก จึงเลือกที่จะใส่คำว่าเทพไว้ในหอที่ใช้เพื่อการทดสอบ


เหตุผลที่ตัวเขาอดทนยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าถึง 30 ปี ตั้งใจฝึกฝนวรยุทธอย่างไม่ลดละไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นแบบไหน ก็เพราะมีความหวังว่าจะสามารถทำความเข้าใจแนวคิดของผู้ก่อตั้งและเข้าถึงแก่นสารของเจตจำนงเพลงดาบอันไร้เทียมทานนั้นได้


แต่ความเพียรพยายามของเขาก็ไม่เป็นผล


สุดท้าย ผู้ที่ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จก็ไม่ใช่ตัวเขา แต่ถึงอย่างนั้น การที่เรื่องนี้เกิดขึ้นกับสำนักดาบเมฆเหินก็ถือเป็นพรครั้งใหญ่!


“ฟังคำสั่งของผม! สืบเสาะเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน หาตัวผู้ที่ปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบออกมาให้ได้ ถ้ามีใครในหมู่พวกคุณพบตัวเขา รายงานตรงต่อผมทันที ห้ามรอช้า!” ผู้อาวุโสเหอสั่งการอย่างเคร่งเครียด


“อีกอย่าง เรื่องนี้ถือเป็นความลับสุดยอด ใครก็ตามที่แพร่งพรายให้คนนอกรับรู้ จะถือว่าเป็นผู้ทรยศต่อสำนัก จะไม่ได้รับความปรานีโดยเด็ดขาด!”


“ขอรับ” ฝูงชนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม


“ก่อนจบการประชุม ผมขอทบทวนหัวข้ออีกครั้ง ควานหาตัวบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าให้ได้และรายงานให้ผมรับทราบ ผมจะส่งเรื่องนี้ไปยังท่านเจ้าสำนักทันที มั่นใจได้เลยว่าท่านเจ้าสำนักจะตบรางวัลให้อย่างงาม”


“ท่านเจ้าสำนักจะตบรางวัลอย่างงาม?”


ทุกคนนัยน์ตาแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น


ท่านเจ้าสำนักมีความเก่งกาจในระดับที่ยากจะหยั่งถึง รางวัลที่ได้จากเขาย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน


ขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกฮึกเหิมกับการควานหาตัวนักดาบลึกลับผู้นั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นด้านนอก


“ผู้อาวุโสเหอ, ผู้อาวุโสฝ่ายนอกลู่อวิ๋นขอเข้าพบสภาผู้อาวุโส”


“ลู่อวิ๋น?” ผู้อาวุโสเหอขมวดคิ้ว


ด้วยความใหญ่โตของสำนักดาบเมฆเหิน มีผู้อาวุโสมากมายที่ทำหน้าที่บริหารงานด้านต่างๆในสำนัก หากจะว่าไป บรรดาผู้อาวุโสฝ่ายนอกไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะขอพบสภาผู้อาวุโส อันเนื่องมาจากสถานภาพต่ำต้อยของพวกเขา


“มีเรื่องอะไร?”


“เขาบอกว่าเขาได้พบนักดาบผู้ปราดเปรื่องคนหนึ่ง จึงมาที่นี่เพื่อรายงาน หวังว่าจะได้มอบตำแหน่งศิษย์สายตรงฝ่ายในให้ผู้นั้น” เสียงหนึ่งรายงาน


“เขาพบนักดาบผู้ปราดเปรื่อง?” ผู้อาวุโสเหอเลิกคิ้ว “เรียกเขาเข้ามา!”


เหตุผลที่เขาเรียกรวมพลเหล่าผู้อาวุโสก็เพื่อควานหาตัวอัจฉริยะผู้สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงของเพลงดาบของเทพเจ้า การมาถึงของผู้อาวุโสลู่อวิ๋นในเวลานี้จึงจุดประกายความหวังให้เกิดขึ้นในหัวใจของเขา


ไม่ช้าผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็มาอยู่ตรงหน้าสภาผู้อาวุโส


“คุณบอกว่าคุณได้พบนักดาบผู้ปราดเปรื่องคนหนึ่ง เกิดอะไรขึ้น?” ผู้อาวุโสเหอตั้งคำถาม


“ผู้อาวุโสที่ 1, ผมมีหน้าที่รับผิดชอบการรับศิษย์สายตรงฝ่ายนอกและศิษย์สายตรงระดับล่าง ตอนที่ผมผ่านไปที่เมืองแสงดาว…”


ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างรวบรัด รวมถึงการที่เขาได้พบกับเจ้าโลก การที่ตั้นเฉี่ยวเทียนเอาชนะหัวเจียงเหอได้อย่างง่ายดาย รวมถึงวีรกรรมของตั้นเฉี่ยวเทียนในการปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบได้ไกลถึง 499 เมตร


“นี่คือตราหยกที่เขาทิ้งไว้ในหอเทพดาบ”


“เขาเป็นแค่นักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 1 เท่านั้น แต่สำแดงเจตจำนงเพลงดาบได้ไกลเกือบ 1 ลี้?” ผู้อาวุโสเหอมีทีท่าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด


ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว ผู้อาวุโสคนอื่นๆที่อยู่ในสภาก็พากันตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ


ความสามารถในการเข้าถึงแนวคิดของศิลปะเพลงดาบระดับสูงนั้นเชื่อมโยงกับความปราดเปรื่องแต่กำเนิดของนักดาบผู้นั้นด้วย แต่หากปราศจากวรยุทธที่ทรงพลังมากพอ ก็ไม่อาจขับเคลื่อนเจตจำนงเพลงดาบที่แข็งแกร่งได้


ด้วยเหตุนี้ จึงออกจะเหลือเชื่อที่นักรบระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 1 สามารถปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบได้เป็นระยะทาง 1 ลี้


นั่นคือวีรกรรมที่เหนือชั้นกว่าแม้แต่ศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดคนอื่นๆ เป็นอัจฉริยะผู้น่าสะพรึงคนหนึ่งเลยทีเดียว


ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยหันไปถามผู้อาวุโสเหอ “หรือว่าจะเป็นเขา?”


“นักดาบที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 1, อายุ 17 ปี…ผมไม่คิดว่าเขาจะเก่งกาจถึงขั้นทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้หรอก หรือต่อให้เขาทำได้ ก็ไม่น่าจะปลดปล่อยพละกำลังมหาศาลได้ขนาดนั้น แต่ก็แน่นอนว่าเขาคืออัจฉริยะผู้หาตัวจับยากคนหนึ่ง!” ผู้อาวุโสเหอพยักหน้า


แม้แต่นักรบที่มีวรยุทธระดับเดียวกับตัวเขาก็ยังไม่อาจควบคุมพละกำลังมหาศาลของเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้ นับประสาอะไรกับข้อเท็จจริงที่ว่าอีกฝ่ายเป็นแค่ชายหนุ่มอายุ 17 ปีที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 1


ดังนั้น เขาจึงตัดความเป็นไปได้ข้อนี้ออกไป


“สำนักของเราอ้าแขนต้อนรับอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องทุกคน ตั้นเฉี่ยวเทียนจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายใน และต่อไปก็จะได้รับสิทธิพิเศษของศิษย์สายตรงขั้นสูงสุด เมื่อเขาสำเร็จวรยุทธขั้นเสมือนอมตะ ก็จะได้รับการเลื่อนขั้นทันทีโดยไม่ต้องเข้ารับการทดสอบ!”


ถึงตอนนี้ ผู้อาวุโสเหอหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ผู้อาวุโสลู่อวิ๋น ความดีความชอบของคุณในการพบตัวอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องและพาเขามาสู่สำนักของเราจะไม่ถูกมองข้าม คุณจะได้รับยาเม็ดสวรรค์ยิ่งใหญ่ และผู้อาวุโสอู๋กับผู้อาวุโสไป๋จะให้ความช่วยเหลือคุณในการฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักรบอมตะตัวจริง ซึ่งทันทีที่คุณทำสำเร็จ คุณจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้อาวุโสฝ่ายในของสำนักของเรา”


เมื่อรู้ว่าได้รับรางวัลอย่างงาม ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นและอุทานออกมา “ขอบคุณมาก ผู้อาวุโสเหอ!”


ยาเม็ดสวรรค์ยิ่งใหญ่เป็นหนึ่งในยาเม็ดล้ำค่าที่สุดของสำนัก แต่ละเม็ดมีมูลค่าสูงมาก และเป็นหนึ่งในทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนวรยุทธไม่กี่อย่างที่เพียงแค่มีเงินมากก็ไม่อาจซื้อหาได้


ถ้านักรบขั้นเสมือนอมตะสรวงสวรรค์คนหนึ่งได้กินยานี้เข้าไป 1 เม็ด โอกาสในการฝ่าด่านวรยุทธของเขาก็จะเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ด้วยสิ่งนี้ เขาจะสำเร็จวรยุทธขั้นนักรบอมตะตัวจริงได้ง่ายขึ้นมาก


แถมยังจะได้รับคำชี้แนะจากผู้อาวุโสอู๋กับผู้อาวุโสไป๋ด้วย


บอกได้เลยว่าตอนนี้เขาอยู่ไม่ไกลจากการได้เป็นผู้อาวุโสฝ่ายในแล้ว!


“ผู้มีความดีความชอบย่อมได้รับรางวัล ส่วนผู้กระทำผิดจะต้องถูกลงโทษ นี่คือกฎของสำนักของเรา คุณไม่ต้องเกรงอกเกรงใจไปหรอก จนกว่าคุณจะได้เป็นผู้อาวุโสฝ่ายใน คุณจะต้องรับหน้าที่ดูแลตั้นเฉี่ยวเทียนไปก่อน ถ้าพบอะไรผิดสังเกต รายงานผมทันที!” ผู้อาวุโสเหอสั่งการ


“ขอรับ ผู้อาวุโสที่ 1” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นรับคำอย่างตื่นเต้นก่อนจะออกจากสภาผู้อาวุโส


“อือ!” ผู้อาวุโสเหอมองไปรอบๆสภาผู้อาวุโสอีกครั้งก่อนจะโบกมือ “เอาล่ะ พวกคุณไปได้ จดจำสิ่งที่เราคุยกันไว้ให้ดี ขอแค่พวกคุณพบตัวนักดาบคนนั้น รางวัลของคุณจะยิ่งใหญ่กว่าที่ผู้อาวุโสลู่ได้รับเสียอีก!”


“ขอรับ ผู้อาวุโสที่ 1!” ฝูงชนตอบรับก่อนจะออกจากสภา


ตอนที่ 1961 คุณคงไม่ได้หมายถึง…

สำหรับพวกเขา ถึงตั้นเฉี่ยวเทียนจะเป็นอัจฉริยะ แต่สำนักดาบเมฆเหินก็ไม่เคยขาดแคลนคนแบบนี้ มีศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดมากมายที่สามารถปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบได้ไกลถึง 2 ลี้


แน่นอนว่าพวกเขาประหลาดใจกับความสามารถของตั้นเฉี่ยวเทียน แต่ก็แค่นั้น ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่เหมือนกับนักดาบผู้สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้า การปรากฏตัวของเขาไม่ได้ทำให้สำนักดาบเมฆเหินเกิดความเปลี่ยนแปลง


ทุกคนรีบออกจากห้อง เหลือแต่ผู้อาวุโสเหอกับผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ย


“คุณจะส่งข้อความหาท่านเจ้าสำนักไหม?” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยตั้งคำถาม


“ส่งสิ เรื่องนี้สำคัญมาก ต้องรายงานท่านเจ้าสำนักโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” ผู้อาวุโสเหอตอบรับพร้อมกับพยักหน้า


“ตอนนี้ท่านเจ้าสำนักกำลังอยู่กับผู้นำคนอื่นๆของ 5 สำนักใหญ่เพื่อหารือกันในรอบ 1 ศตวรรษของ ‘สะพานเบื้องบน’ เราควรขัดจังหวะด้วยการติดต่อเขาในเวลานี้หรือ?” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยเอ่ยขึ้นอย่างกังวลใจ


“ผมคิดว่าต้องเป็นอย่างนั้น เพราะต่อให้เราไม่รายงานท่านเจ้าสำนักตอนนี้ ไม่ช้าสำนักอื่นๆก็จะต้องได้ข่าว คงไม่ดีแน่หากท่านเจ้าสำนักไม่ได้รู้เรื่องเป็นคนแรกจากพวกเราโดยตรง” ผู้อาวุโสเหอตอบ


เขานำตราหยกพิเศษอันหนึ่งออกมาและจารึกข้อความลงไปบนนั้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเสร็จสิ้น ตราหยกพิเศษอันนั้นก็มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ก่อนจะหายวับไป


…..


หมู่เมฆขาวลอยเอื่อยอย่างสงบสุขอยู่บนยอดเขาที่มีความสูงอย่างน่าทึ่ง เสียงร้องของฝูงนกกระเรียนสวรรค์ดังมาจากที่ไกลๆ ลำธารสายเล็กๆไหลอยู่ไม่ห่างออกไปนัก กลิ่นหอมสดชื่นของธรรมชาติอบอวลอยู่ในอากาศ


เมื่อมองจากที่ไกลๆ สถานที่นี้ดูไม่ต่างอะไรกับสวรรค์


ใต้ต้นสนโบราณ คนกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมวงกัน


สาวสวยคนหนึ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสง่างามก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฉันขอเสนอให้พวกเรายึดกฎเกณฑ์เดิม ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาถกเถียงเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก”


“กฎเกณฑ์เดิมที่เราเคยใช้ยุติธรรมและมีเหตุผลดีอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่เคยประสบความสำเร็จแม้จะพยายามมาเนิ่นนานหลายปี ผมเกรงว่าการยึดติดกับวิธีเดิมๆจะทำให้เราไปไม่ถึงไหน” ชายชราคนหนึ่งพูด


“อ้อ? อย่างนั้นหรือ? ดูเหมือนคุณจะมีแผนการดีๆอยู่ในใจนะ ทำไมไม่พูดออกมาล่ะ เผื่อพวกเราจะได้พิจารณา!” สาวสวยคำราม


“ตู้ชิงหย่วน, สำนักคว้าดาวของคุณเป็นสำนักเดียวใน 6 สำนักใหญ่ที่สามารถติดต่อกับหอนิรันดร์ได้ คุณควรจะรู้ว่าเหตุผลหลักที่พวกเรามารวมตัวกันที่นี่ก็เพื่อฟังความคิดเห็นของคุณที่มีต่อเรื่องนี้ หรือว่าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตแทนที่จะหาทางออกไป ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด อายุขัยของคุณใกล้สิ้นสุดแล้วนี่ ใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับสาวสวยพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว


“ก็จริงอยู่ที่พวกเราติดต่อกับหอนิรันดร์ได้ แต่คุณก็ควรรู้ว่าหอนิรันดร์เป็นอย่างไร เพียงแค่เราติดต่อกับหอนิรันดร์ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเรามีความเข้าใจในสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้ อีกอย่าง ถึงอายุขัยของฉันใกล้จะสิ้นสุดแล้ว แต่คุณคิดว่าตำหนักคว้าดาวของเราจะล่มสลายเพียงเพราะเรื่องนั้นหรือ? จะลองดูก็ได้ ฉันยิ่งกว่าเต็มใจที่จะดวลกับคุณที่นี่ เดี๋ยวนี้!” สาวสวยที่ชื่อตู้ชิงหย่วนคำรามอย่างเย็นชา


“เอาเถอะ ใจเย็นก่อน เรามาที่นี่เพื่อหารือกันนะ ไม่ได้มาสู้กันเอง!” ชายชราที่พูดขึ้นก่อนหน้านี้รีบไกล่เกลี่ย “เจ้าสำนักชิง, คุณควรสงบสติอารมณ์สักนิด…เจ้าตำหนักตู้, คุณก็รู้ว่าเจ้าสำนักชิงออกจะพูดเกินเลยไปสักหน่อยเสมอ เพราะฉะนั้นก็อดทนกับเขาหน่อยสิ ผมไม่คิดว่าพวกเราจะหาข้อสรุปได้หรอกหากใช้วิธีแบบนี้ จึงประสานงานกับหัวหน้าขงแห่งหอนิรันดร์ไว้แล้ว เขาคงจะมาถึงในไม่ช้านี่แหละ…”


ยังไม่ทันที่ชายชราจะพูดจบ ชายวัยกลางคนหน้าตาเฉลียวฉลาดคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าทุกคนในที่นั้น เขายิ้มบางๆ


“ดูเหมือนพี่หานจะเข้าใจผมดี…”


การมาถึงของชายวัยกลางคนทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นลุกขึ้นยืนทันที


พวกเขาอาจเป็นผู้นำของ 6 สำนักใหญ่ แต่ต่างก็รู้ดีว่าสถานภาพของตัวเองยังเหลื่อมล้ำหากจะเปรียบเทียบกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า


6 สำนักใหญ่เปรียบเหมือนจักรวรรดิใหญ่ 6 จักรวรรดิ แต่ละจักรวรรดิกินอาณาบริเวณกว้างใหญ่ แต่หอนิรันดร์คือสิ่งที่มีอานุภาพครอบคลุมทั่วทั้งโลก ที่ไหนก็ตามที่มีมนุษย์อยู่ ก็จะต้องมีหอนิรันดร์และตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาล


แม้จะไม่ได้เป็นเจ้าข้าวเจ้าของดินแดนใด แต่อิทธิพลของหอนิรันดร์ก็แผ่ขยายไปทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืม


แถมยังไม่มีใครรู้ด้วยว่าแท้ที่จริงแล้วชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีพละกำลังมากแค่ไหน


นักรบทั่วไปมีอายุขัยจำกัด แต่ดูเหมือนความแก่ชราจะไม่ย่างกรายมาสู่ชายวัยกลางคนผู้นี้เลย เขามีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน จนกระทั่งไม่มีใครในโลกที่ไม่รู้จักเขา แต่นับจากตอนนั้น ก็ดูเหมือนตัวเขาจะไม่ได้เปลี่ยนไปสักกี่มากน้อย


แม้ทุกคนจะเป็นกลุ่มอำนาจหลักที่ถือเป็นสุดยอดของโลกใบนี้ แต่ก็ยังมีความยำเกรงในตัวอีกฝ่าย


พวกเขาประสานมือและทักทาย “คารวะหัวหน้าขง!”


“ไม่ต้องมีพิธีรีตองหรอก” หัวหน้าขงหัวเราะหึๆขณะหาที่นั่ง


“เหตุผลที่พวกเรารบกวนหัวหน้าขงให้เดินทางมาที่นี่ก็เพื่อหารือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสะพานเบื้องบน ไม่ทราบว่าพวกเราควรทำตามข้อตกลงที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ หรือรื้อทิ้งและจัดระเบียบข้อตกลงใหม่?” ชายชราที่ถูกเรียกขานว่าพี่หานตั้งคำถาม


“จริงด้วย เมื่อสี่พันปีก่อน คุณบุกเข้าไปที่สะพานเบื้องบนและเอาชนะเหล่าผู้เชี่ยวชาญของหอเทพเจ้าได้ ทำให้ได้ตัวอักษรคำว่า ‘นิรันดร์’ มา ด้วยตัวอักษรนั้น คุณได้ก่อตั้งหอนิรันดร์ขึ้น คุณมีความเข้าใจอย่างดีในหอเทพเจ้า เข้าใจลึกซึ้งมากกว่าใครๆที่นี่ ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าคุณอีกแล้วที่จะช่วยไขความกระจ่างให้พวกเรา” เจ้าสำนักชิงพูด


“ผมได้เข้าสู่หอเทพเจ้าก็จริง แต่ความน่าสะพรึงที่อยู่ในนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะใช้คำเพียงไม่กี่คำอธิบายได้ สะพานเบื้องบนปรากฏขึ้นทุก 100 ปี แต่ในอดีตตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีใครทำสำเร็จ ถึงเวลาที่จะต้องปรับเปลี่ยนอะไรสักเล็กน้อยแล้วล่ะ” หัวหน้าขงพูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ


เขากำลังจะพูดต่อ ก็พอดีกับที่พี่หานสะบัดข้อมือ ตราหยกอันหนึ่งปรากฏในมือของเขา


หลังจากก้มลงมอง พี่หานตาโต


“มีอะไรหรือพี่หาน?” เจ้าสำนักชิงตั้งคำถาม


“ผมเพิ่งได้รับรายงานจากสมาชิกในสำนักของผม มีอัจฉริยะผู้หนึ่งที่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบที่ผู้ก่อตั้งของเราทิ้งไว้ได้!” พี่หานพูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ


“เจตจำนงเพลงดาบที่ผู้ก่อตั้งของคุณทิ้งไว้? คุณคงไม่ได้หมายถึง…เจตจำนงเทพดาบหรอกนะ?” หัวหน้าขงถึงกับชะงัก


“นั่นแหละ” พี่หานพยักหน้า


“ว่ากันว่าเจตจำนงเทพดาบคือสิ่งที่มีแต่เทพเจ้าเท่านั้นที่จะทำความเข้าใจและสำแดงมันออกมาได้ ผู้ที่ทำความเข้าใจมันได้สำเร็จจะต้องมีอนาคตที่รุ่งเรืองอย่างมากแน่!” หัวหน้าขงตาโตขณะถามยิ้มๆ “ไม่ทราบว่าสมาชิกผู้นั้นชื่ออะไร?”


“เอ่อ…ผมคิดว่าเหล่าผู้อาวุโสกำลังสืบเสาะเรื่องนั้นอยู่ ในเวลานี้ พวกเขาเพียงแค่รับรู้ได้ถึงการปรากฏขึ้นของเจตจำนงเพลงดาบที่ผู้ก่อตั้งทิ้งไว้เท่านั้น” พี่หานตอบ


“เข้าใจแล้ว!” หัวหน้าขงพยักหน้า “ในเมื่อบุคคลระดับนั้นปรากฏตัว ผมก็เชื่อว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสะพานเบื้องบน แต่แน่นอนว่าเราจะหารือเรื่องนี้กันหลังจากคุณพบตัวนักดาบผู้ปราดเปรื่องผู้นั้นแล้ว พี่หาน…เราต้องหาตัวนักดาบผู้นั้นให้ได้ และต้องแน่ใจว่าเขามีความเก่งกาจแบบไหนเพื่อจะได้วางแผนการที่รัดกุมต่อไป ดีไหม?”


“พวกเราเห็นด้วย” คนอื่นๆพยักหน้ารับ


“ก็ดี ไว้ค่อยนัดหมายการประชุมครั้งต่อไปก็แล้วกัน!” หัวหน้าขงพูด


เจ้าสำนักทั้ง 6 แยกย้ายไปตามทางของตัวเอง


พี่หานกำลังจะมุ่งหน้ากลับสำนักดาบเมฆเหิน ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงลมหอบใหญ่พุ่งมาหาเขา ครู่ต่อมา หัวหน้าขงก็มายืนอยู่ตรงหน้า


“หัวหน้าขง!” พี่หานประสานมือและโค้งคำนับ


“พี่หาน มีบางอย่างที่ผมอยากมอบหมายให้คุณจัดการ…บุคคลที่สามารถทำความเข้าใจจำนงเทพดาบได้จะต้องมีบทบาทสำคัญต่อสะพานเบื้องบน ถึงตอนนี้ผมจะยังไม่รู้ว่าเขาทรงพลังแค่ไหน แต่ในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่ง ผมก็อยากมอบของกำนัลให้เขา นี่คือตราสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของผม ถ้าคุณพบนักดาบผู้นั้น กรุณามอบมันให้เขา ด้วยตราสัญลักษณ์นี้ เขาจะสามารถซื้อหาทุกอย่างในหอนิรันดร์ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสักแดงเดียว” หัวหน้าขงยิ้มขณะยื่นตราหยกอันหนึ่งให้พี่หาน


“ผมขอแสดงความขอบคุณแทนศิษย์สายตรงของผมด้วย” พี่หานประสานมือและโค้งคำนับอย่างงาม


หอนิรันดร์มีอำนาจและอิทธิพลที่ครอบคลุมไปทั่วทั้งโลก ข้อเท็จจริงที่ว่าตราหยกอันนี้สามารถใช้ซื้อหาทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนวรยุทธได้โดยไม่ต้องใช้เงินสักแดงเดียว ก็หมายความว่ามันมีมูลค่าอย่างที่ประเมินไม่ได้!


พูดได้เลยว่าขอแค่นักรบคนหนึ่งมีตราหยกอันนี้ในมือ ทรัพยากรทุกชนิดที่มีอยู่ในทวีปที่ถูกลืมก็จะตกเป็นของเขา เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินทองและค่าใช้จ่ายใดๆอีก


ไม่มีของกำนัลใดจะยิ่งใหญ่กว่านี้อีกแล้ว!


“คุณก็เกรงอกเกรงใจเกินไป” หัวหน้าขงตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณก็รู้ว่าวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งหอนิรันดร์ก็คือเพื่อบ่มเพาะความแข็งแกร่งของเหล่านักรบ ผมถือเป็นความรับผิดชอบของผมที่จะต้องดูแลเหล่าผู้เชี่ยวชาญของโลกใบนี้”


“หัวหน้าขง คุณช่างมีใจเมตตากรุณาเหลือเกิน ผมยำเกรงในตัวคุณมาก แต่ขออภัยด้วยเถอะ มีบางเรื่องที่ผมต้องไปจัดการก่อนจะกลับสำนัก ถ้าไม่มีอะไรแล้ว…ผมต้องขอตัวก่อน” พี่หานประสานมือก่อนจะรีบจากไป


หัวหน้าขงเอาสองมือไพล่หลังขณะมองร่างของพี่หานที่ลับตาไป ดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่


ครู่ต่อมา เขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า อาจกำลังพูดกับใครสักคน หรือพึมพำกับตัวเองก็เป็นได้ “ผมรอมาเนิ่นนานเหลือเกิน และในที่สุด ความอดทนของผมก็ส่งผล…ออกมาเร็วๆเถอะ ผมไม่รู้ว่าผมจะรอได้นานแค่ไหน…”


ฟิ้ววววว!


เกิดลมพัดหอบใหญ่ ร่างของหัวหน้าขงหายวับไปจากสายตา


…..


จางเซวียนไม่รู้เรื่องรู้ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่สภาผู้อาวุโสหรือที่ภูเขา ในตอนนั้น เขากำลังจ้องหน้าเฉาเฉิงลี่ด้วยความหงุดหงิดสุดขีด


เขามอบหมายให้อีกฝ่ายออกไปหาข่าว แต่เฉาเฉิงลี่กลับมาด้วยใบหน้าบวมฉึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะกระแสพลังปราณเทียบฟ้าที่เขาเคยถ่ายทอดให้ไว้ก่อนหน้านี้ หมอนี่คงตายไปแล้ว


“ผมบอกให้คุณไปหาข่าวคราวเกี่ยวกับตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไม่ใช่หรือ? แล้วไปทำอะไรมาถึงอยู่ในสภาพนี้?” จางเซวียนถามด้วยความหงุดหงิด


ขนาดซุนฉางซึ่งเป็นพ่อบ้านคนเก่าของเขาก็ยังมีประสิทธิภาพกว่านี้ เขารู้ดีว่าภารกิจใดๆก็ตามที่มอบหมายให้ซุนฉางทำจะต้องสำเร็จลุล่วงอย่างไร้ที่ติ ถึงซุนฉางจะชอบคุยโวโอ้อวด แต่อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เคยถูกซ้อมจนหมดสภาพภายใน 1 ชั่วโมงตั้งแต่ออกจากที่พัก!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)