อัจฉริยะสมองเพชร 1956-1957

 ตอนที่ 1956 เจตจำนงเพลงดาบ

เจตจำนงเพลงดาบอาจเรียกได้ว่าเป็นแนวคิดรูปแบบหนึ่งเช่นกัน จึงเป็นธรรมดาที่จะมีหลากหลายระดับ


หากจะยกบทกวีเป็นตัวอย่าง เมื่อสมัยราชวงศ์ถัง แม้หลี่ไป๋จะยังกังวลเรื่องกบฏลู่ชานที่เกิดขึ้นในเมือง แต่เขาก็ขึ้นสู่สรวงสวรรค์เพื่อใช้เวลารื่นรมย์กับเหล่าเทพธิดาก่อนจะลงเอยด้วย ‘เลือดแดงฉานไหลนองทั่วท้องทุ่ง สรรพสัตว์ต่ำช้าสวมมงกุฎไหม’ สำหรับผู้ที่อ่อนด้อยในการใช้ความคิด ก็คงจะร้องออกมาว่า ‘นี่มันบ้าบออะไร’


แต่แน่นอนว่านั่นเป็นแค่การเปรียบเทียบรูปแบบหนึ่ง เจตจำนงเพลงดาบที่แท้จริงมีหลายระดับขั้น และเมื่อเจตจำนงเพลงดาบที่มีแนวคิดในระดับต่ำกว่าต้องเผชิญกับเจตจำนงเพลงดาบที่มีแนวคิดสูงกว่า ก็เป็นธรรมดาที่ฝ่ายแรกจะต้องสั่นงันงกด้วยความยำเกรง


ในอีกแง่หนึ่ง ก็เหมือนกับการกดข่มสายเลือดที่เกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์มังกร หากช่องว่างระหว่างแนวคิดของเจตจำนงเพลงดาบมีความห่างกันมากเกินไป เจตจํานงเพลงดาบที่อ่อนแอกว่าก็จะสลายตัวไปเองโดยไม่สามารถต่อต้าน


ทั้งเหอเหยียนและเย่เหลียนเป็นผู้เชี่ยวชาญของสำนักดาบเมฆเหิน แต่เจตจำนงเพลงดาบของพวกเขาก็ยังถูกทำลายล้างอย่างน่าสะพรึง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?


หรือว่ามีใครคนหนึ่งในสำนักที่มีความสามารถไร้เทียมทานระดับนั้นจริงๆ?


“ผมไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้หรอกที่ในโลกนี้จะมีใครเหนือชั้นกว่าผมได้ขนาดนั้น!” เหอเหยียนคำรามกร้าวขณะระเบิดเจตจำนงเพลงดาบออกมาอีกครั้ง


ฟึ่บ!


แต่คราวนี้ ยังไม่ทันที่หมอกขาวจะได้รวมตัวกัน เหอเหยียนก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาของดาบที่คมกริบอย่างไม่มีอะไรเทียบกำลังจับจ้องเขาอยู่ หากเขาตอบโต้ออกไปเพียงนิดเดียว ดาบนั้นคงฟาดฟันเขาเป็นชิ้นๆและปลิดชีวิตเขาในทันที


เหงื่อเย็นๆไหลเป็นทางจากหน้าผากของเหอเหยียน เขาไม่กล้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว


เจตจำนงเพลงดาบเพียงเศษเสี้ยวที่เขาสามารถทำความเข้าใจได้ไม่อาจเทียบชั้นกับพละกำลังมหาศาลนั้นได้เลย ราวกับแสงเทียนที่พยายามประชันความสว่างกับดวงอาทิตย์เจิดจ้า


เปรียบเทียบกันไปก็มีแต่จะทำให้เขาอับอายขายหน้า!


ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังระดับนี้ปรากฏตัวในสำนักตั้งแต่เมื่อไหร่?


ขนาดบรรดาปีศาจที่อยู่ในกลุ่มศิษย์สายตรงขั้นสูงสุดก็ยังไม่เก่งกาจขนาดนั้น!


…..


ภาพแบบเดียวกันเกิดขึ้นในห้องอื่นๆด้วย ในชั่วพริบตา ผู้เข้ารับการทดสอบทุกคนที่อยู่ในหอเทพดาบก็ถูกเจตจำนงเพลงดาบนั้นทำลายล้าง แต่ละคนไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้เลย


เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดระงมไปทั่วทั้งหอคอย


…..


หอภูมิปัญญาเพลงดาบแห่งสำนักดาบเมฆเหินคือห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีหนังสืออยู่มากมายนับไม่ถ้วน


ผู้ที่เดินอยู่ท่ามกลางชั้นหนังสือเหล่านั้นคือผู้อาวุโสเว่ย ซึ่งง่วนอยู่กับการจัดเรียงและแบ่งแยกประเภทของหนังสือตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา เขาเหนื่อยยากไม่น้อยกว่าจะปฏิบัติภารกิจยิ่งใหญ่ครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้


“ผู้อาวุโสเว่ย คุณคงเหนื่อยไม่เบา แต่ด้วยการจัดระเบียบครั้งใหม่ของคุณ ใครต่อใครคงจะหาทรัพยากรที่พวกเขาต้องการจากห้องสมุดได้ง่ายขึ้นมาก” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดยิ้มๆขณะเดินเข้ามา


เขาคือผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งของหอภูมิปัญญาเพลงดาบ, เจียงหย่วน


“ใช่ หนังสือที่อยู่ในหอภูมิปัญญาเพลงดาบบรรจุเอาเจตจำนงเพลงดาบของบรรพบุรุษหลายต่อหลายรุ่นไว้ ด้วยความปราดเปรื่องที่มีมาแต่กำเนิดและประสบการณ์ที่แตกต่างกัน เจตจำนงเพลงดาบที่นักดาบแต่ละคนสามารถทำความเข้าใจได้จึงมีความแตกต่างและหลากหลาย เป็นเรื่องยากจริงๆที่จะจัดแยกประเภทของหนังสือเหล่านี้ให้ได้ทั้งหมด” ผู้อาวุโสเว่ยพูดขณะยืดหลังบิดขี้เกียจ “แต่หลังจากใช้เวลานานหลายเดือน ในที่สุดมันก็เสร็จสิ้น แต่ผมจะทำครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นแหละ หากต้องจัดมันอีกครั้งล่ะก็ ผมฆ่าตัวตายดีกว่า!”


ผู้อาวุโสเจียงหย่วนพยักหน้า “เจตจำนงเพลงดาบถูกสกัดกั้นไว้ในหนังสือพวกนี้ ผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบจะทำความเข้าใจและเข้าถึงพละกำลังของเหล่าบรรพบุรุษได้ก็ด้วยการเปิดหนังสือและซึมซับมันอย่างถี่ถ้วน”


“แต่ก็โชคร้ายที่ในโลกนี้มีเจตจำนงเพลงดาบที่แตกต่างกันมากมายเกินไป ถ้าหนังสือพวกนี้ไม่ได้รับการจัดระเบียบอย่างเหมาะสม ผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบก็อาจไปคว้าเอาหนังสือที่ไม่เข้ากันกับวรยุทธเพลงดาบของพวกเขา ซึ่งไม่เพียงแต่จะไม่เกิดประโยชน์ต่อการฝึกฝนวรยุทธ ยังอาจสร้างความเสียหายอย่างมากด้วย!”


“พูดตามตรงนะ ผมประทับใจเหลือเกินกับการจัดระเบียบอย่างละเอียดลออของคุณ คุณแบ่งแยกแม้กระทั่งรูปแบบและศิลปะเพลงดาบ ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าคุณต้องเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าท่านเจ้าสำนักจะต้องตบรางวัลให้คุณอย่างงามทันทีที่เรารายงานเรื่องนี้ให้เขารับทราบ!”


“ก็จริง ผมรู้สึกเหมือนตาจะบอดหลังจากต้องดูหนังสือพวกนี้ไม่รู้กี่วันกี่คืน” ผู้อาวุโสเว่ยพึมพำ “ช่วยดูแลหนังสือพวกนี้ก่อนนะ ผมขอไปพักสักครู่…”


“ได้” ผู้อาวุโสเจียงหย่วนพยักหน้า


ครืนนนนน!


ทันใดนั้น หนังสือที่อยู่บนชั้นต่างๆก็เริ่มสั่นสะท้านไม่หยุด ราวกับมีพละกำลังบางอย่างร้องเรียกมัน ทำให้พวกมันลอยคว้างอยู่กลางอากาศ เจตจำนงเพลงดาบพวยพุ่งออกมาและอบอวลไปทั่วทั้งห้องสมุด เกิดเสียงดาบกระทบกันดังกึกก้อง


ผู้อาวุโสเว่ยตัวแข็งเมื่อเห็นภาพนั้น การทำงานหนักของเขาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา…


ไอ้สารเลว! แกรู้ไหมว่าฉันเหนื่อยยากขนาดไหนที่ต้องจัดระเบียบพวกแกทุกเล่ม ทำไมจู่ๆถึงกระโจนออกไปแบบนั้น?


ฟึ่บ!


แต่นั่นยังไม่จบ


หนังสือทุกเล่มหันหน้าไปในทิศทางเดียวกันและโค้งคำนับอย่างงาม ราวกับข้าราชบริพารที่กำลังคารวะฮ่องเต้


โครมมมม!


ปัญหาของการโค้งคำนับครั้งนี้คือมันทำให้หนังสือมากมายหลายเล่มที่ได้รับการจัดระเบียบแล้วพังพาบใส่กัน อันที่จริง ชั้นหนังสือบางชั้นก็ถึงกับล้มลงไปกองกับพื้นเพราะแรงสั่นสะเทือน ทำให้ทั้งห้องสมุดเกิดความอลหม่านครั้งใหญ่


“บ้าจริง!” ผู้อาวุโสเว่ย แทบลมจับด้วยความพรั่นพรึงกับภาพที่เห็น


แกล้อฉันเล่นใช่ไหม?


รู้หรือเปล่าว่าการจัดระเบียบพวกแกมันยากขนาดไหน? แล้วตอนนี้ฉันจะทำอย่างไร?


“จะต้องมีใครสักคนสำเร็จความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบขั้นสูงแน่ หนังสือพวกนี้จึงโค้งคำนับเพื่อแสดงการยอมจำนน” ผู้อาวุโสเจียงหย่วนพึมพำ


“ผมรู้…แต่มันเรื่องอะไรต้องมาเกิดตอนที่ผมเพิ่งจัดหนังสือเสร็จด้วย!” ผู้อาวุโสเว่ยทึ้งผมอย่างคลุ้มคลั่ง


เห็นความอลหม่านที่เกิดขึ้นทั่วทั้งห้อง ผู้อาวุโสเจียงหย่วนถอนหายใจอย่างจนปัญญา “เอ่อ…แล้วคุณคิดจะพยายามจัดระเบียบมันอีกครั้งไหม? แต่…ช่างเถอะ ผมว่าคุณฆ่าตัวตายน่าจะดีกว่า!”


“….” ผู้อาวุโสเว่ย


…..


ที่บริเวณด้านหน้าประตูสูงใหญ่ซึ่งเป็นทางเข้าสำนักดาบเมฆเหิน ชาย 2 คนกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ


พวกเขาคือผู้อาวุโสที่มีอายุราว 50 ปี


ผู้อาวุโสที่อยู่ทางซ้ายสวมเสื้อคลุมไหมและคาดเข็มขัดหยกไว้รอบเอว สายตาของเขาคมกริบ ดูเหมือนพร้อมจะเชือดเฉือนทุกสิ่งที่เข้ามาขวางทาง


ส่วนคนที่อยู่ทางขวามีรูปร่างตุ้ยนุ้ย รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้า ดูเป็นคนที่เข้ากับใครๆได้ง่าย


มิติที่อยู่ในมิติเบื้องบนนั้นแข็งแกร่งมั่นคงมาก ทำให้การบิดเบือนกฎเกณฑ์ของโลกเป็นเรื่องยาก ขนาดนักรบอมตะอย่างผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็ยังบินไม่ได้ แต่ชาย 2 คนนี้สามารถลอยตัวอยู่กลางอากาศ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญชั้นยอด


“ผู้อาวุโสเหอ คุณฝึกฝนวรยุทธที่นี่มากว่า 30 ปีแล้ว คุณทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบที่ผู้ก่อตั้งของเราทิ้งไว้ได้สำเร็จหรือยัง?” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยถามยิ้มๆ


“การทำความเข้าใจเจตนาเพลงดาบของผู้ก่อตั้งของเรามันจะง่ายดายแบบนั้นได้อย่างไร?” ผู้อาวุโสเหอส่ายหน้า “เหตุผลที่ผมเลือกฝึกฝนวรยุทธที่นี่ก็เพราะต้องการใช้เจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งมาบ่มเพาะจิตวิญญาณของผม รวมถึงขัดเกลาเจตจำนงเพลงดาบของผมด้วย…”


“นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ยังไม่มีใครที่เก่งกาจเทียบชั้นกับผู้ก่อตั้งของเราได้เลย…” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยพยักหน้า


ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็พลันตาโตด้วยความตกใจ เขารีบเงยหน้ามองดาบเล่มใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า


ครืนนนนน!


ดาบนั้นเริ่มสั่นสะท้านไม่หยุด ดูเหมือนมันพร้อมจะพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศเพื่อฟาดฟันสวรรค์ได้ทุกขณะ ในเวลาเดียวกัน ประตูสูงตระหง่านก็เริ่มสั่นสะท้าน ดูเหมือนใกล้พังทลายเต็มที


ผู้อาวุโสทั้งสองหรี่ตาด้วยความตกตะลึง


ดาบเล่มมหึมานี้คือสัญลักษณ์ของเกียรติยศและความยิ่งใหญ่ของสำนักดาบเมฆเหิน หากมันพังทลาย พวกเขาคงกลายเป็นตัวตลกให้อีก 5 สำนักใหญ่หัวเราะเยาะ!


“มันคือเจตจำนงเพลงดาบ…ดูเหมือนเจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งของเราจะรับรู้อะไรได้บางอย่าง…” ผู้อาวุโสกําหมัดแน่น


“เป็นไปได้ด้วยหรือที่เจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งของเราจะรับรู้อะไรได้บางอย่าง?” ผู้อาวุโสร่างตุ้ยนุ้ยถึงกับผงะ จากนั้นเขาก็ตัวแข็งทื่อขณะพึมพำ “เวรแล้ว…”


“โครมมม!”


ดาบเล่มมหึมาที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาดูจะสูญเสียการทรงตัวอย่างฉับพลัน มันล้มลงไปกองกับพื้น


ดาบเล่มที่อยู่บริเวณทางเข้านี้ไม่ใช่ดาบจริงๆ มันทำจากหินแกรนิตกับคอนกรีตผสานกัน เหตุผลที่มันยืนยงมาได้ตลอดหลายพันปีก็เพราะมีเจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งรักษามันไว้


แต่เมื่อเจตจำนงเพลงดาบของผู้ก่อตั้งเกิดการสั่นไหวอย่างหนัก ดูเหมือนพร้อมระเบิดได้ทุกขณะ โครงสร้างมหึมาแต่ละเอียดอ่อนนั้นจึงสูญเสียการทรงตัวไป


เมื่อดาบล้มลงไป ประตูขนาดใหญ่ก็ดูจะหมดความอดทนและพังทลายลงมา หินทุกขนาดมากมายนับไม่ถ้วนร่วงลงสู่พื้นโลก เกิดเป็นหลุมบ่อหลุมแล้วหลุมเล่า


ในเวลาเดียวกัน เมื่อโครงสร้างพังทลาย เจตจำนงเพลงดาบที่อยู่ภายในดาบเล่มมหึมานั้นก็พุ่งออกไปไกลแสนไกลและหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมา?”


เห็นซากปรักหักพังและฝุ่นผงฟุ้งกระจาย ผู้อาวุโสทั้งคู่แทบคลุ้มคลั่ง


ดาบอันทรงเกียรติและประตูภูเขายิ่งใหญ่ที่สำนักดาบเมฆเหินของเราแสนภาคภูมิใจ…ถูกทำลายง่ายๆแบบนี้หรือ?


….


“อะไรกัน? ทำไมยังไม่ได้เรื่องอีก”


จางเซวียนงัดเอาเจตจำนงเพลงดาบทุกรูปแบบที่เขาเคยพบเจอในชีวิตออกมาใช้ จากนั้นก็เฝ้าดูการปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบที่อยู่ตรงหน้า แต่มันก็ยังไปไม่ได้ไกลเกินกว่า 1 เมตร ทำให้เขา หงุดหงิดและท้อใจจนหัวสมองแทบระเบิด


เขาคือผู้เชี่ยวชาญศิลปะเพลงดาบผู้โด่งดังในทวีปแห่งปรมาจารย์นะ!


ถ้าใครรู้ว่าเขาทำได้เพียงเมตรเดียว คงอับอายขายหน้าจนตายไปข้าง!


จางเซวียนท้อใจจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่


“ช่างเถอะ เราคงทำได้แค่นี้…” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และกำลังจะถอนเจตจำนงเพลงดาบกลับคืน ก็พอดีกับที่มีภาพพร่าเลือนภาพหนึ่งแวบเข้ามาในสายตา


ตอนที่ 1957 เพลงดาบสิบลี้

หัวสมองของเขากระตุกเล็กน้อยขณะรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งพุ่งเข้ามาในหัว พริบตาต่อมา จางเซวียนก็รู้สึกถึงอาการเจ็บแปลบรุนแรงที่จู่โจมสติสัมปชัญญะของเขา


ฟึ่บ!


หน้าหนังสือสีทองที่อยู่ในหอสมุดเทียบฟ้ากระเด็นออกไป


มันรีบฮุบเอาทุกอย่างที่ลอยเข้ามาในหัวสมองของจางเซวียน


“อะ-อะไรกัน? หน้าหนังสือสีทองของเรา!” จางเซวียนแทบลมจับด้วยความตกใจ


นั่นคือหน้าหนังสือสีทองที่เขาเพิ่งได้มาเมื่อไม่นานมานี้จากการยอมศิโรราบอย่างจริงใจของตั้นเฉี่ยวเทียน มันจะเป็นไม้ตายที่มีอานุภาพสูงสุดของเขาในมิติเบื้องบนแห่งนี้ เขาพร้อมจะเข้าสู่การดวลมากมายและดื่มน้ำที่ได้จากการต้มน้ำเต้างี่เง่านั่นเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บ ดีกว่าจะยอมใช้หน้าหนังสือสีทอง


แต่แล้วจู่ๆมันก็กระโจนออกจากที่อยู่ของมันเพื่อไปฮุบอะไรบางอย่างไว้ น่าเสียดายที่สุด!


จางเซวียนเจ็บปวดหัวใจอย่างรุนแรงจนแทบหยุดหายใจ


ทำไมอะไรๆถึงไม่เข้าข้างเขาเลย?


เขาเคยคิดว่าจะเข้าสู่หอนิรันดร์ของสำนักดาบเมฆเหินเพื่อท้าทายเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโส แต่เมื่อไม่มีหน้าหนังสือสีทอง ก็คงปกป้องตัวเองไม่ได้หากตาเฒ่าพวกนั้นเกิดอยากเอาคืนขึ้นมา!


ถึงนักรบจะสามารถปกปิดตัวตนที่แท้จริงในหอนิรันดร์ได้ แต่ก็โง่เง่าเต็มทีหากจะคิดว่าในหอนิรันดร์ของสำนักดาบเมฆเหินจะเป็นแบบเดียวกัน ในเมื่อมันอยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักอย่างสมบูรณ์แบบ การที่บุคลากรระดับสูงจะสืบหาตัวตนของเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก


“ขอดูหน่อยเถอะว่าสิ่งที่ทำให้หน้าหนังสือสีทองต้องเสียไปคืออะไร…”


จางเซวียนกัดฟันกรอด เขารีบถอนกระแสดาบฉีกลับคืนก่อนจะเปิดหนังสือเทียบฟ้า


ในนั้น เขาเห็นกระแสดาบฉีบริสุทธิ์กำลังแหวกว่ายราวกับปลาทองในอ่าง


“หน้าหนังสือสีทองต้องเสียไปเพียงเพราะสิ่งนี้หรือ?” จางเซวียนรู้สึกปวดใจยิ่งกว่าเดิม


แค่เขาไม่สามารถปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบออกไปได้เกินกว่า 1 เมตรก็น่าสมเพชเหลือเกินแล้ว ใครจะคิดว่าแม้แต่ไม้ตายที่มีอานุภาพที่สุดของเขาก็ยังต้องสูญเปล่าไปเพราะเรื่องไร้เหตุผลแบบนี้?


จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่และกำลังจะปิดหนังสือเทียบฟ้า ก็พอดีกับที่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาพินิจดูกระแสดาบฉีนั้นอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็เลิกคิ้วเพราะกระแสดาบฉีที่เห็นดูคุ้นตามาก


“ดูเหมือนจะมาจากต้นกำเนิดเดียวกันกับเจตจำนงเพลงดาบที่เรารู้สึกได้จากดาบเล่มใหญ่ที่อยู่บริเวณทางเข้าสำนัก”


จางเซวียนกำลังจะสัมผัสมัน ก็พอดีกับที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อนอยู่ด้านนอก


“พี่จาง คุณเป็นอะไรไหม?”


จางเซวียนหันกลับไป เห็นประตูที่อยู่ด้านหลังเขาสั่นสะท้านไม่หยุด ดูเหมือนถ้าเขาไม่รีบเปิดประตูเร็วๆนี้ ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นกับตั้นเฉี่ยวเทียนคงจะบุกเข้ามาเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของเขาแน่


“ผมไม่เป็นอะไร!” จางเซวียนตะโกนกลับไป


เขารีบเก็บหนังสือเทียบฟ้ากลับเข้าหอสมุดก่อนจะเดินออกจากห้อง


จางเซวียนเปิดประตูออกไป เห็นผู้อาวุโสลู่อวิ๋นกับตั้นเฉี่ยวเทียนมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด


“มีอะไร?” จางเซวียนขมวดคิ้วเมื่อเห็นทีท่าเคร่งขรึมของทั้งคู่


เขาแค่เข้าไปรับการประเมินศิลปะเพลงดาบ มีอะไรให้ต้องกังวล?


ส่วนผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นจางเซวียนไม่ได้รับอันตราย เขาอดถามไม่ได้ “คุณไม่ได้รับบาดเจ็บหรือ?”


“บาดเจ็บ?” จางเซวียนงงเล็กน้อยกับคำถามปุบปับของผู้อาวุโสลู่อวิ๋น “ผมก็แค่เข้าไปข้างในเพื่อทดสอบศิลปะเพลงดาบ…ในนั้นมีอะไรที่จะทำให้ผมบาดเจ็บได้หรือ?”


หรือว่ามีกลลวงบางอย่างในการทดสอบนี้ที่ทำให้นักดาบต้องเสี่ยงชีวิต ซึ่งก็หมายความว่าถ้าผู้นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บ การปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเขาก็จะไปไม่ได้ไกลใช่ไหม?


“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายความว่า…เอ่อ ท่านอาจารย์ คุณดูเอาเองเถอะ…” เห็นสีหน้าสับสนของอาจารย์ ตั้นเฉี่ยวเทียนเกาหัวขณะมองไปรอบๆ


จางเซวียนมองรอบตัว อดไม่ได้ที่จะตาโตด้วยความตกใจ


บรรดานักรบพากันออกจากห้องที่อยู่บริเวณนั้น ทุกคนหน้าซีดเผือดและกำลังกระอักเลือด ดูไร้เรี่ยวแรงราวกับถูกใครสักคนทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า


มันเกิดหายนะอะไรขึ้นที่นี่?


“การประเมินศิลปะเพลงดาบ…จะต้องรุนแรงขนาดนี้เชียวหรือ? ผมหมายความว่า…เฉี่ยวเทียน ตอนที่ผมเห็นคุณเมื่อครู่นี้ คุณก็ไม่ได้กระอักเลือดนี่…” จางเซวียนสงสัย


“ไม่ใช่ นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประเมินศิลปะเพลงดาบหรอก ก่อนหน้านี้…ระหว่างที่คุณกำลังเข้ารับการทดสอบ มีเจตจำนงเพลงดาบที่ทรงพลังอย่างน่าทึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน และด้วยความเหลื่อมล้ำอย่างมากกับเจตจำนงเพลงดาบของนักรบคนอื่นๆ พวกเขาจึงถูกเจตจำนงเพลงดาบนั้นทำลายล้าง ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่เป็นอยู่!” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นอธิบาย


ในฐานะผู้อาวุโสฝ่ายนอก เขามีความเข้าใจลึกซึ้งในศิลปะเพลงดาบ แม้เมื่อครู่นี้จะไม่ได้อยู่ในห้อง แต่ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพละกำลังมหาศาลของเจตจำนงเพลงดาบนั้น


มันเหมือนกับมีมังกรมหึมาตัวหนึ่งกำลังจับจ้องพวกเขา ในสายตาของมังกรตัวนั้น เจตจำนงเพลงดาบอื่นๆล้วนไร้ค่า ไม่ต่างอะไรกับฝูงมด


“เจตจำนงเพลงดาบที่ทรงพลังอย่างน่าทึ่ง? เป็นบางสิ่งที่เข้าถึงระดับของเทพดาบหรือเปล่า?” จางเซวียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบตั้งคำถาม


เกิดเรื่องน่าตื่นเต้นขนาดนั้นขึ้นตอนที่เขากำลังง่วนอยู่กับการทดสอบหรือ?


“อย่างน้อยๆก็น่าจะเข้าถึงระดับของเทพดาบสิบลี้” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นตอบอย่างเคร่งขรึม


เขาไม่เคยเห็นเทพดาบสิบลี้มาก่อน แต่มันคือระดับขั้นของนักดาบที่ไร้เทียมทานที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสำนัก แรงกดดันมหาศาลที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หนักหน่วงพอจะทำลายล้างเจตจำนงเพลงดาบของทุกคนได้ ทำให้พวกเขาหมดหนทางตอบโต้…ซึ่งนั่นก็เกินพอแล้วที่จะบ่งบอกถึงพละกำลังที่ไม่มีใครเทียบได้ของนักดาบผู้นั้น!


ต่อให้อีกฝ่ายไม่ใช่เทพดาบสิบลี้ ก็น่าจะอยู่ไม่ห่างจากระดับนั้นเท่าไหร่


ส่วนสิ่งที่มีระดับขั้นสูงกว่านั้น…ก็ล้ำลึกเกินกว่าที่หัวสมองของเขาจะใคร่ครวญได้


ถึงอย่างไร ตลอดระยะเวลาหลายพันปีในประวัติศาสตร์ของสำนักดาบเมฆเหิน ก็มีชายเพียงคนเดียวที่เข้าถึงขั้นนั้นได้สำเร็จ


“เทพดาบสิบลี้?” จางเซวียนอัศจรรย์ใจ นัยน์ตาของเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นขณะตั้งคำถาม “ผู้อาวุโสลู่อวิ๋น คุณรู้ไหมว่าคนผู้นั้นเป็นใคร?”


การปลดปล่อยเจตจำนงเพลงดาบของเขาไปได้ไกลไม่ถึง 1 เมตรด้วยซ้ำ แต่อีกฝ่ายปลดปล่อยมันออกไปได้ยาวไกลถึง 10 ลี้ มันเหนือกว่าจะจินตนาการได้ เขาอยากเห็นพละกำลังที่แท้จริงของผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นด้วยตาตัวเอง!


จางเซวียนเคยคิดว่าเขาน่าจะใช้พละกำลังที่เหนือชั้นกว่าบรรดานักรบที่มีวรยุทธขั้นเดียวกันเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำของหอนิรันดร์ได้ แต่เท่าที่เห็น ดูเหมือนเขาจะประเมินความเก่งกาจของคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป ที่นี่มีนักรบผู้ไร้เทียมทานอยู่มากมาย บางคนอาจแข็งแกร่งกว่าเขาด้วยซ้ำ


เทพดาบสิบลี้…


นั่นคือสมญานามที่ใช้เรียกขานเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่สำเร็จศิลปะเพลงดาบขั้นสุดยอด บางที ต่อให้ตัวเขาก็ยังอาจต้องคุกเข่ายอมจำนนหากต้องเผชิญหน้ากับเทพดาบสิบลี้!


“เรื่องนั้น…ผมเกรงว่าผมจะไม่รู้” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นส่ายหน้า


ผลการประเมินศิลปะเพลงดาบถือเป็นความลับ เว้นเสียแต่จะอยู่ในห้องติดกันและได้เห็นวีรกรรมนั้นกับตา หรือได้เห็นตราหยกที่แสดงผลการทดสอบของอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าใครทำได้ดีแค่ไหน


“ว่าแต่…ผลการประเมินศิลปะเพลงดาบของคุณเป็นอย่างไร?” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นถามด้วยความอยากรู้


พูดตามตรง เขาสนใจใคร่รู้ในตัวจางเซวียนมาก


ถึงตั้นเฉี่ยวเทียนจะบอกว่าจางเซวียนเป็นสหาย แต่ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็ดูออกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีบางอย่างแปลกๆ อย่างแรก ตั้นเฉี่ยวเทียนเชื่อฟังคำสั่งของจางเซวียนอย่างเคร่งครัด ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทกันขนาดไหน ก็คงไม่ต้องว่านอนสอนง่ายขนาดนั้นหรอก จริงไหม?


อีกอย่างที่จุดประกายความสงสัยของเขาก็คือความเคารพสูงสุดที่ผู้อาวุโสอี้กับเฉาเฉิงลี่แสดงออกต่อจางเซวียน


เพียงแต่หมอนี่ถ่อมเนื้อถ่อมตัวมาตลอด ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นพยายามจะหยั่งพละกำลังของชายหนุ่มหลายครั้งหลายหน แต่ลงท้าย ก็รู้สึกเหมือนตัวเขาคือผู้ที่ถูกหยั่งเสียเอง ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับทวีปที่ถูกลืม แถมเฝ้าตั้งคำถามข้อแล้วข้อเล่าในเรื่องที่ควรจะเป็นความรู้ที่รู้กันทั่วไป


ด้วยความข้องใจเหล่านี้ ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นจึงอนุญาตให้จางเซวียนมาที่หอเทพดาบด้วย เขาหวังว่า จะได้เห็นความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายสักแวบหนึ่ง


ไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีทางที่เขาจะพาคนนอกเข้ามาง่ายๆ เพราะการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่นี่ล้วนแต่มีค่าใช้จ่ายไม่น้อย!


“ผลการทดสอบของผม?” จางเซวียนหน้าเสีย “ผมว่าเราน่าจะยังเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกันได้นะหากคุณไม่ตั้งคำถามนี้”


“ถ้าคุณไม่อยากบอก ผมเข้าไปดูเองก็ได้…” ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นตอบพร้อมกับยักไหล่


เขาเดินเข้าไปในห้อง ครู่ต่อมาก็กลับมาพร้อมกับตราหยกที่มีผลลัพธ์ ที่จารึกไว้บนตราหยกคือผลการทดสอบก่อนหน้านี้ของจางเซวียน


ดูเหมือนจางเซวียนจะรีบร้อนออกมาจนลืมหยิบตราหยกมาด้วย


ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นยิ้มแป้นอย่างผู้มีชัย เขาก้มหน้าลงมองตราหยก จากนั้นก็อ้าปากค้าง


“2.5 สือ? คุณทำได้ไม่ถึง…1 เมตรหรือ?” แม้แต่ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นก็อดกระอักกระอ่วนใจแทนไม่ได้


ไม่แปลกใจแล้วที่จางเซวียนไม่ยอมพูดออกมา ผลการทดสอบแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะพูดถึงเลย


ตั้นเฉี่ยวเทียนมองตราหยก แต่ตรงกันข้ามกับความกระอักกระอ่วนของผู้อาวุโสลู่อวิ๋น นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายชื่นชม


ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านอาจารย์พูดอยู่เสมอว่าตัวเขาเป็นผู้ถ่อมเนื้อถ่อมตัวและอยากเก็บตัวให้เงียบที่สุด สิ่งนี้เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าทั้งหมดที่จางเซวียนเคยพูดไว้ไม่ใช่การพูดลอยๆ เขาคือคนที่มีนิสัยถ่อมเนื้อถ่อมตัวจริงๆ!


ด้วยการสำแดงศิลปะเพลงดาบที่ท่านอาจารย์สอนให้ ตัวเขาได้ผลลัพธ์อันน่าทึ่งถึง 499 เมตร แต่เมื่อท่านอาจารย์เข้าไป ก็ออมมือไว้จนได้ผลการทดสอบออกมาเพียงไม่ถึง 1 เมตร สภาวะจิตของคนคนหนึ่งจะต้องเหนือชั้นขนาดไหนถึงไม่ใส่ใจทั้งเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ เขาพร้อมจะใช้ชีวิตที่ยึดมั่นอยู่กับหลักการ


ส่วนตัวเขา เขากลับใช้ความดีความชอบของคนอื่นมาเหมาว่าเป็นความสำเร็จของตัวเอง หรือว่าท่านอาจารย์เห็นพฤติกรรมครั้งนี้และพยายามจะใช้เหตุการณ์นี้สั่งสอนเขาให้ได้บทเรียน?


ดูเหมือนเขายังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)