ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1944-1955

 ตอนที่ 1944 ล่องูออกจากรู


โจวเจี๋ยรุ่ยออกจากระบบอย่างรวดเร็ว เขาดูประหม่าเป็นอย่างมาก หลังจากเขาออกจากระบบแล้วเขาก็ยังไม่หยุด เขาขยับปลายนิ้วอีกสักพักใหญ่ ๆถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นถึงสงบลงมาได้


“อันตรายมาก เกือบถูกพวกเขาจับได้แล้ว!”


“พี่สาวพอใจไหม?” โจวเจี๋ยรุ่วหัวเราะแล้วถาม


“เหมยเหมยพยักหน้า “ยิ่งกว่าพอใจอีก เลขบัญชีของนายคืออะไร อีกครู่ฉันจะไปโอนเงินที่ธนาคารให้”


“พี่สาวง่ายตรงไปตรงมาจริง ๆ” โจวเจี๋ยลุ่ยอารมณ์ดีมาก ๆ ธุรกิจวันนี้เพียงพอที่จะให้เขาดื่มกินเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว เขาชี้ไปที่เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและพูดว่า “เธอรู้หมายเลขบัญชีและชื่อบัญชีของผมครับ”


“ดี หวังว่าในอนาคตพวกเราจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกนะ!”


เหมยเหมยมองเขาอย่างมีนัยยะแอบแฝง


ระยะนี้เหยียนหมิงซุ่นกำลังมองหาคนที่มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ยุโรปและสหรัฐอเมริกากำลังเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ต ฮวาเซี่ยก็ต้องตามให้ทัน ถึงแม้ว่าตอนนี้ในหมู่ประชาชนคอมพิวเตอร์จะไม่ได้รับความนิยมนักแต่ระบบความมั่นคงแห่งชาติก็ได้รับการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์แล้ว


ดังนั้นฝ่ายความปลอดภัยจึงต้องการผู้มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์อย่างเร่งด่วน หากยอดอัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์อย่างโจวเจี๋ยรุ่ยไม่ได้รับใช้ชาติมันน่าเสียดายเกินไป!


โจวเจี๋ยรุ่ยไม่เข้าใจความหมายของเธอยังนึกไปว่าจะมีงานใหญ่ให้เขาทำอีกเลยยิ้มกว้าง “ได้สิ ผมชอบทำธุรกิจกับพี่สาวสุดสวยมากที่สุดเลย!”


เหมยเหมยหัวเราะเบา ๆ บอกลาแล้วจากไปพร้อมกับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน


เธอไปธนาคารที่อยู่ละแวกใกล้ ๆ โอนเงินสามหมื่นหยวนเข้าบัญชีโจวเจี๋ยรุ่ย สำหรับเธอแล้วเงินสามหมื่นหยวนนี้สามารถค้นหาผู้ที่มีความสามารถมาช่วยเหยียนหมิงซุ่นได้ เงินนี้ก็คุ้มค่ามากแล้ว!


“เงินของเธอมีเยอะจนไม่มีที่จะใช้แล้วหรือไง? ทำไมต้องให้เงินเจ้าหมอนั่นถึงสามหมื่นด้วย?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนปวดใจเป็นอย่างมาก สามหมื่นเลยนะ!


“เขาคู่ควรแล้ว!” เหมยเหมยยิ้มอย่างคาดเดาไม่ได้ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกาหัวด้วยท่าทีงงงวยเป็นอย่างมาก


“ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ของโจวเจี๋ยรุ่ยใครเป็นคนสอนเขา?”


“ไม่มีใครสอนเขาหรอก เขาเรียนรู้ด้วยตัวเอง หมอนี่เรียนอะไรก็ไม่สำเร็จแต่พอเรียนคอมพิวเตอร์ก็เป็นเลย ช่างร้ายกาจจริง ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลุ้มใจกว่าเดิม


เมื่อก่อนยังคิดว่าเจ้าหมอนี่ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ตอนนี้เห็นเขาทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ อย่าให้พูดเลยว่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอิจฉาตาร้อนมากแค่ไหนเลยขอให้โจวเจี๋ยรุ่ยสอนคอมพิวเตอร์ให้เธอหน่อย เท่านี้เธอก็จะสามารถหาเงินเข้ากระเป๋าได้ แต่สิ่งที่เจ้าหมอนี่พูดกลับทำให้เธอโกรธ


โจวเจี๋ยรุ่ยพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่าเธอไม่มีพรสวรรค์ในการเรียนคอมพิวเตอร์ ต่อให้เรียนไปตลอดชีวิตก็ไม่มีทางเรียนรู้ได้ แต่นี่กลับเป็นพรสวรรค์ที่เบื้องบนประทานให้เขาไว้ใช้หาข้าวกิน ต่อให้ไม่อยากเรียนก็คงไม่ได้!


โธ่เอ้ย เบื้องบนประทานพรสวรรค์ให้เขาไว้ใช้หาข้าวกินแต่กลับประทานร่างอวบอ้วนให้เธอ!


ช่างทิ่มแทงใจจริง ๆ!


“เธอถามเรื่องนี้ทำไม? คงไม่ใช่ว่าถูกใจเขาจริง ๆหรอกนะ ฉันจะบอกเธอไว้ก่อนเลยนะว่าเจ้าหมอนี่ไม่มีอะไรดีเลย ตั้งแต่คนแก่อายุแปดสิบจนถึงเด็กน้อยสามขวบต่างก็โดนเขาปั่นหัวมาหมดแล้ว ปากหวานราวกับจะมีน้ำผึ้งไหลออกมาเสียอย่างนั้น แต่กลับขี้ตืดขี้เหนียวเทียบกับผู้ชายของเธอไม่ได้เลยสักนิด เธออย่าทำตัวเลอะเลือนเลย!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเกลี้ยกล่อมเธอสุดแรงเพราะกลัวว่าเหมยเหมยจะทำอะไรโง่ ๆขึ้นมา


“สมองเธอน้ำเข้าแล้วหรือไง ฉันจะชอบเด็กน้อยที่ขนยังไม่ขึ้นเลยได้ไงกัน?” เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอ สมองมีปัญหาจริง ๆ ไม่ว่าโจวเจี๋ยรุ่ยจะเก่งกาจมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเทียบกับเหยียนหมิงซุ่นได้หรอกนะ เธอจะเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือได้อย่างไร?


ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้วเหมยเหมยกลับหอพักก่อน เปิดคอมพิวเตอร์เข้าบอร์ดกระทู้ในเพจของมหาวิทยาลัย แอดฮวาจิงหลิงโดยตรง “รุ่นพี่เซียว ไม่รู้ว่าฉันไปทำให้พี่ขุ่นเคืองใจตรงไหนเหรอ? รบกวนบอกให้ทราบทีเถอะ ถ้าฉันทำอะไรผิดไปจริง ๆฉันจะขอโทษต่อหน้าทุกคนในมหาวิทยาลัยเลย แต่ถ้าไม่มีเหตุผลอะไรงั้นขอให้รุ่นพี่เซียวบอกเหตุผลฉันด้วยค่ะ!”


ในเมื่อเซียวเวยไม่ยอมออกมา งั้นเธอก็ต้องล่อออกมาเสียหน่อยแล้ว!


เธอกำชับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนอีกครั้งว่าให้เธอโทรหาจางเหยาแล้วให้หล่อนจงใจพูดถึงโพสต์ของเธอในหอพักเพื่อล่อให้เซียวเวยออนไลน์ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนฉลาดจึงเข้าใจในทันที เพียงแค่บอกให้เหมยเหมยวางใจได้เลย


…………………………………………..


ตอนที่ 1945 หลุดปากพูด


ประสิทธิภาพในการทำงานของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนนั้นว่องไวมาก จางเหยาก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน ในคืนนั้นเซียวเวยก็ติดกับ เข้าระบบและตอบโพสต์ของเหมยเหมยปฏิเสธว่าตนเองคือเซียวเวย


นี่มันช่างมีพิรุธเสียจริง ๆ!


โจวเจี๋ยรุ่ยก็ปฏิบัติงานอย่างรวดเร็ว หลังจากเซียวเวยออนไลน์ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โจวเจี๋ยลุ่ยก็หาที่อยู่ IP ของเธอได้ สิ่งสำคัญเลยก็คือในตอนนี้มีนักเรียนจำนวนน้อยมากที่จะมีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเอง ซึ่งทั้งมหาวิทยาลัยมีเพียงไม่กี่คนจึงหาตัวได้ง่ายมาก


“ตึก 9 ห้อง 207 คือหอพักนี้ ส่วนที่ว่ามันคืออันไหนผมไม่รู้หรอกนะ” โจวเจี๋ยรุ่ยกล่าว


เหมยเหมยแอบหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในใจ ตึก 9 ห้อง 207 คือหอพักของเซียวเวย และในหอพักนี้มีเพียงเซียวเวยเท่านั้นที่มีคอมพิวเตอร์ คนอื่นไม่มี จางเหยามีแต่ของเธอเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะซึ่งวางไว้ที่บ้าน จะกลับไปเล่นแค่วันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น


“คาดไม่ถึงว่ารุ่นพี่เซียวจะเป็นคนแบบนี้จริง ๆ เราจะทำอย่างไรต่อไปดี?” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนสบถด่าอย่างดุเดือดออกมาสองสามคำ


“พวกเธอไม่ต้องยุ่งแล้ว เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง!” เหมยเหมยพูด


ในเมื่อเซียวเวยทำแบบนี้ก่อนก็อย่าโทษที่เธอทำมากกว่าก็แล้วกัน


เซียวเวยไม่ได้ใสสะอาดอะไรขนาดนั้น ถ้าเธอคิดจะเอาคืนมันก็ง่ายนิดเดียว แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องรู้เรื่องหนึ่งให้ได้ก่อนว่าสรุปแล้วเซียวเวยโดนบงการหรือว่าตัวเองสมองมีปัญหากันแน่!


เหยียนหมิงซุ่นกลับมาถึงบ้านแล้ว เหมยเหมยทำโจ๊กไว้ให้เขากินตอนมื้อดึก ตอนที่เหมยเหมยรับโทรศัพท์เขากำลังกินโจ๊กพร้อมเครื่องเคียงอยู่พอดี


“ใครโทรมาเหรอ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” เหยียนหมิงซุ่นถาม


“ไมมีอะไรหรอก ก็แค่ที่มหาวิทยาลัยมีเรื่องนิดหน่อย ใช่แล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่เรื่องหนึ่ง”


เหมยเหมยตัดสินใจว่าจะไม่ให้เหยียนหมิงซุ่นรู้เรื่องนี้ เธอสามารถจัดการเองได้แต่เธอจะบอกอีกเรื่องหนึ่ง


“ก่อนหน้านี้พี่เคยบอกว่ากำลังหาคนที่มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์อยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วหาเจอหรือยัง?”


เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะ “หาได้อยู่หลายคนแต่ก็แค่พอไปวัดไปวาได้ ไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่พี่ต้องการ ตอนนี้ในประเทศมีคนที่มีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์น้อยเกินไป”


“ฉันแนะนำให้พี่คนหนึ่ง รับรองว่าพี่ต้องพอใจแน่!” เหมยเหมยพูดอย่างลำพองใจ


เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้ว “ใครเหรอ?”


เหมยเหมยเล่าเรื่องโจวเจี๋ยรุ่ยให้ฟัง แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดเรื่องที่ให้โจวเจี๋ยลุ่ยตรวจสอบ IP  แค่บอกว่าเป็นเพื่อนของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน


“พี่ คนนี้เก่งมากเลยนะ วันนี้เขาเข้าสู่ระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะได้ด้วย!”


เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก เขาไม่รู้สึกว่าภรรยาของเขาจะพบกับอัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์อะไรทำนองนั้นได้ แต่หลังจากได้ฟังเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามว่า “เข้าไปตั้งแต่เมื่อไร?”


“น่าจะประมาณบ่ายสี่โมงห้าสิบ เขาใช้เวลา 20 นาที ฉันตั้งใจจับเวลาเลยนะ” พอเหมยเหมยเห็นเหยียนหมิงซุ่นสนใจก็ดีใจสุด ๆ


เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนบ่ายสี่โมงห้าสิบระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะถูกคนแฮ็ก แต่พอลูกน้องของเขาจับได้ฝ่ายตรงข้ามกลับสลัดทิ้งหนีไปได้ วันนี้เขากลับมาดึกมากเพราะวุ่นกับเรื่องนี้แหละ ระบบรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเมืองหลวง อยู่ดี ๆก็ถูกรุกรานโดยคนอื่นอย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆเลย


แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ที่แท้ภรรยาของเขาใช้เงินสามหมื่นหยวนเพื่อทำมันนี่เอง จริง ๆเลย…ภรรยาตัวดีของเขา!


“เธอไปหาโจวเจี๋ยรุ่ยทำไม?” เหยียนหมิงซุ่นแสร้งถามอย่างไม่ใส่ใจ


“ให้เขาช่วยฉันหาที่อยู่ IP…” เหมยเหมยหลุดปากพูดออกมา พอพูดไปได้ครึ่งทางก็เพิ่งรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เธอจึงเอามือปิดปากตามสัญชาตญาณ มองอย่างเงียบ ๆเพราะอยากรู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นจะให้ความสนใจกับสิ่งที่ตัวเองพูดหรือไม่


แน่นอนว่าเหยียนหมิงซุ่นได้ยิน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถทางคอมพิวเตอร์สูงส่งอะไรแต่ความรู้พื้นฐานของคอมพิวเตอร์ก็พอรู้อยู่บ้าง ทำไมเหมยเหมยต้องตรวจสอบที่อยู่ IP  ของคนอื่นด้วยล่ะ?


“เธอหาที่อยู่ของใคร?”


เหมยเหมยอยากจะปฏิเสธ แต่พอเห็นดวงตาสีเข้มของเหยียนหมิงซุ่นก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที งุดหน้าลงไม่กล้าพูดอะไรอีก


ตอนที่ 1946 สารภาพด้วยตัวเอง


เหมยเหมยพูดตะกุกตะกักว่า “ก็แค่หาสนุก ๆไปงั้นแหละ ไม่ได้หาใครเป็นพิเศษหรอก”


“จริงเหรอ…” น้ำเสียงของเหยียนหมิงซุ่นไม่สูงไม่ต่ำฟังแล้วเหมือนพูดจาปกติ แต่เหมยเหมยกลับลุกลี้ลุกลนในใจ


โธ่เอ้ย ทำไมเธอถึงกลัวเหยียนหมิงซุ่นมากกว่าจ้าวอิงหัวที่เป็นพ่อของเธออีกนะ?


ทั้ง ๆที่พวกเขาศักดิ์เท่ากันไม่ใช่หรือไง?


“จริงสิ จริงแท้แน่นอน…เออคือ พอดีเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย เรื่องเล็กกว่าเส้นผมอีก…” เสียงของเหมยเหมยเล็กลงเรื่อย ๆ หัวก็ก้มต่ำลงเรื่อย ๆจนแทบก้มลงไปถึงสะดืออยู่แล้ว


เธอไม่กล้าสบตาสามีตัวเอง ใจฝ่อหมดแล้ว!


“เธอจะพูดเองหรือจะให้พี่ไปสืบเอง? เธอต้องนึกถึงผลที่ตามมาให้ชัดเจนด้วยล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นกล่าวอย่างไม่แยแส


เหมยเหมยท้องไส้ปั่นป่วน ยังไม่ทันเริ่มก็จบเสียแล้ว เธอใช้เท้าหลังคิดยังคิดได้เลยว่าหากเหยียนหมิงซุ่นไปสืบหาเองผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?


เฮ้อ สารภาพผิดเองจะดีกว่า!


“ทั้งหมดมันก็เกิดจากพี่นั่นแหละ…”


เหมยเหมยเบะปากเล่าเรื่องรูปถ่ายและเรื่องเมียน้อยด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ถ้าไม่ใช่เพราะพี่มากอดจูบฉันแบบนั้น จะเกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้เหรอ? ทำเอาฉันโดนยัดเยียดข้อหากลายเป็นเมียน้อยอย่างไร้สาเหตุ ขนาดแม่ของฉันยังรู้เรื่องเลย อีกไม่กี่วันพ่อของฉันกลับมาก็ต้องรู้เรื่องแน่…”


เธอเจตนาแสดงท่าทีไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม แบบนี้จะทำให้ตัวเองดูไม่ได้รับความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น ไม่แน่พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นว่าเธอไม่ได้รับความเป็นธรรมมากขนาดนี้อาจจะลดโทษลงมาหน่อยก็ได้!


เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วเบา ๆ ตอนนี้มหาวิทยาลัยมีเรื่องวุ่นวายขนาดนี้เลยเหรอ?


ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีที่เจ้าปีศาจตัวน้อยของเขาถูกใส่ความ แต่ตอนนี้เขาสนใจภาพนั้นมากกว่า ว่าแต่ภาพถ่ายเขากับภรรยาของเขาออกมาเป็นแบบไหนกันนะ?


“ภาพถ่ายอยู่ในเพจมหาวิทยาลัยของพวกเธอเหรอ?”


เหมยเหมยนิ่งชะงักไปแล้วพยักหน้า


เหยียนหมิงซุ่นกินโจ๊กในชามเสร็จก็ลุกขึ้นไปห้องหนังสือ เหมยเหมยตามไปอย่างงง ๆแต่กลับเห็นเหยียนหมิงซุ่นเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องหนังสือ ขยับปลายนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์ก็เข้าสู่เพจของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง เหมยเหมยมองจนลูกตาแทบถลนออกมา


“บ้านเราเชื่อมต่อกับเพจมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่เมื่อไร? ไม่สิ บ้านเราเล่นอินเทอร์เน็ตได้ด้วยเหรอ?”


“ก็ได้ตลอดนะ” เหยียนหมิงซุ่นตอบพร้อมพิมพ์บนแป้นพิมพ์ ซึ่งไม่นานก็เข้าสู่เพจมหาวิทยาลัย แล้วภาพถ่ายที่สวยงามน่าประทับใจก็โผล่ออกมา


เหมยเหมยไม่ทันได้สนใจรูปภาพ เพราะที่เธอสนใจยิ่งกว่าก็คือ——


“งั้นทำไมพี่ถึงไม่บอกฉันให้เร็วกว่านี้ล่ะ?” เหมยเหมยโมโหเป็นอย่างมาก


เธอนึกมาตลอดว่าอินเตอร์เน็ตในบ้านใช้ไม่ได้จึงเอาคอมพิวเตอร์ไว้ที่มหาวิทยาลัย ใช้เวลาพักเที่ยงเล่นสักครู่หนึ่ง แต่เธอไม่ค่อยสนใจนักเพราะความเร็วอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันช้าเกินไป และสิ่งที่ไว้ใช้เล่นก็มีน้อยมากจึงไม่น่าสนใจ


“เล่นคอมพิวเตอร์บ่อย ๆไม่ดีต่อสายตา” เหยียนหมิงซุ่นเลือกกดภาพนั้นขึ้นมาและซูมขยายใหญ่ขึ้น กอดอกพร้อมชื่นชมพลางพยักหน้าเบา ๆ “ไม่เลวเลย ในมหาวิทยาลัยของเธอยังมีคนที่มีความสามารถอยู่หลายคนนะเนี่ย”


เขาเอาภาพนี้ตั้งเป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดคอมพิวเตอร์ สิ่งที่เห็นก็คือภาพถ่ายที่จูบกันอย่างดูดดื่ม มันไม่น่าดูเลยจริง ๆ


ตัวเหมยเหมยเองยังทนมองไม่ไหว “คนอื่นเห็นคงกระดากใจน่าดู!”


“ไม่มีใครได้เห็นทั้งนั้นแหละ”


พอเหยียนหมิงซุ่นตั้งค่าหน้าจอเสร็จก็เริ่มเลื่อนดูเพจคร่าว ๆ สีหน้าท่าทางดูสงบมาก ในความคิดของเขาเรื่องพวกนี้ดูอ่อนหัดเกินไปหน่อยเหมือนเกมของเด็กอนุบาล หากไม่ใช่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับภรรยาของตนเขาคงไม่สนใจที่จะดูด้วยซ้ำ


“หาตัวฮวาจิงหลิงได้หรือยัง?” เหยียนหมิงซุ่นถาม


“หาได้แล้ว เซียวเวยตระกูลเซียว” เหมยเหมยตอบไปตามตรง พูดอย่างรู้สึกไม่เป็นธรรมว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนโรคจิต ฉันและเธอไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมต้องทำร้ายฉันลับหลังด้วยล่ะ?”


…………………………………………..


ตอนที่ 1947 การออกกำลังเป็นพลังของชีวิต


เหมยเหมยคิดไม่ออกจริง ๆ เพราะเคยพูดคุยกันแค่ไม่กี่คำ เคยคุยกันล่าสุดก็ตอนงานเลี้ยงต้อนรับปีที่แล้ว เซียวเวยเป็นพิธีกรในงาน ในเวลานั้นผู้หญิงคนนี้ก็ใช่ย่อยจนเธออดไม่ได้ที่จะสบถด่าอยู่หลายคำ แต่คำพูดก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร มันไม่ควรก่อให้เกิดความเกลียดชังร้ายแรงขนาดนี้มั้ง?


“พี่ พี่คิดว่าจะมีใครบงการเธอไหม?”


“น่าจะเป็นแบบนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องยุ่งแล้วพี่จะให้คนไปจัดการ” อันที่จริงเหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกว่ามีคนบงการอยู่ บนโลกใบนี้ไม่มีการรักโดยไม่มีเหตุผล และก็ไม่มีการเกลียดชังกันโดยไม่มีเหตุผลเช่นกัน


จู่ ๆเซียวเวยคงจะไม่ทำร้ายคนอื่นมั่วซั่ว มันต้องมีเหตุผล


เหมยเหมยเองก็ไม่แน่ใจ แต่จู่ ๆเธอก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง “พี่ พี่ว่าจะเป็นอู่เยวี่ยบงการอยู่เบื้องหลังไหม?”


เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้ว “ทำไมถึงคิดว่าเป็นอู่เยวี่ยล่ะ?”


“ฉันจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน ตอนวันคล้ายวันเกิดของคุณนายหรูภรรยาของอาจารย์เซียวอู่เยวี่ยและเหมยซูหานก็ไปร่วมงานด้วยกัน ในเวลานั้นอู่เยวี่ยและเซียวเวยดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีเลย ตอนนั้นฉันและเซ่อเซ่อก็ไปร่วมงานด้วย”


เมื่อครู่เหมยเหมยก็เพิ่งคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ขึ้นมา ตอนนั้นอู่เยวี่ยมาทำการผ่าตัดหูที่เมืองหลวง เพราะแผนของเหยียนหมิงซุ่นการผ่าตัดของอู่เยวี่ยเลยล้มเหลวต่อมาจึงต้องใส่เครื่องช่วยฟัง หัวใจของเธอเต้นแรง เธอลืมเรื่องสำคัญเกี่ยวกับเครื่องช่วยฟังไปได้อย่างไรนะ?


“พี่ ตอนนี้อู่เยวี่ยไม่ใช้เครื่องช่วยฟังแล้วเหรอ? หรือว่าหูของเธอหายดีแล้ว?”


หลังจากเจออู่เยวี่ยอยู่หลายครั้ง ถึงแม้ว่าอู่เยวี่ยจะปล่อยสยายผมเกือบตลอดเวลาแต่ก็มีไม่กี่ครั้งที่ผมถูกรวบมัดไว้ และเห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ใส่เครื่องช่วยฟังแล้ว


แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่แปลกใจ “อู่เยวี่ยก็แค่แก้วหูได้รับความเสียหายเท่านั้นไม่ใช่การบาดแผลที่มีมาแต่กำเนิด ตอนนี้ยาในสหรัฐอเมริกาได้รับการพัฒนาอย่างมาก การบาดเจ็บประเภทนี้สามารถรักษาได้แต่ราคาไม่ใช่น้อย ๆ”


เหมยเหมยด่าออกมาอย่างโกรธแค้น “คงดูถูกเธอเกินไป”


เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะ “วางใจเถอะ ต่อให้การแพทย์จะก้าวหน้าแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้หูของอู่เยวี่ยกลับมาปกติ การได้ยินและความสมดุลของร่างกายต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน”


ตอนนี้เองเหมยเหมยถึงได้สบายใจ ถ้ามีผลกระทบก็ดี เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอู่เยวี่ยจะตาบอดหูหนวกและเป็นง่อยไปเลย แน่นอนว่าตายไปเลยจะดีที่สุด


ในเมื่อผู้ชายของเธอคิดจะจัดการเอง เหมยเหมยก็จะไม่ยุ่งจึงไปพักผ่อนอย่างมีความสุข เหยียนหมิงซุ่นออกจากระบบของมหาวิทยาลัยพร้อมกับปิดคอมพิวเตอร์ เหมยเหมยก็หยุดเขาไว้


“อย่าเพิ่งปิด ให้ฉันเล่นเดี๋ยวหนึ่งสิ ฉันอยากเข้าไปดูกระทู้สักหน่อย”


เมื่อก่อนคิดว่าอินเทอร์เน็ตที่บ้านใช้ไม่ได้ พอกลับมาบ้านก็ทำตัวเป็นเด็กดี ถ้าไม่ร่างภาพก็ต้องออกกำลังกายกับเหยียนหมิงซุ่น…ทำเอาเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว


ตอนนี้มีอินเตอร์เน็ตแล้ว เธอก็ต้องเข้าไปอ่านกระทู้สักหน่อย น่าสนุกมากทีเดียว


เพียงแต่——


เหยียนหมิงซุ่นทำเป็นไม่ได้ยินและปิดคอมพิวเตอร์อย่างไม่ลังเล มองไปที่เหมยเหมยที่ทำท่าทีน้อยใจ มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย พูดเสียงเบาว่า “เด็กดี การเล่นคอมพิวเตอร์ไม่ดีต่อสายตา พวกเราไปออกกำลังกายกันเถอะ…”


เอื้อมมือยาวยื่นไปโอบสาวน้อยเข้ามาในอ้อมกอด


ค่ำคืนในฤดูใบไม้ผลิที่น่าหวงแหนต้องใช้อย่างคุ้มค่า ค่ำคืนดี ๆแบบนี้ถ้าไม่ออกกำลังกายจะทำอะไรได้อีก?


“ไม่เอา…ฉันอยากเล่นคอมพิวเตอร์ ไม่อยากออกกำลังกาย…” เหมยเหมยฟุบบนไหล่เขาและออกแรงต่อต้าน เอวเล็ก ๆของเธอจะหักอยู่แล้ว


“การออกกำลังเป็นพลังของชีวิต สุขภาพที่แข็งแรงอยู่ที่การออกกำลังกาย เชื่อเถอะน่า!”


แน่นอนว่าเวลานี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ถนอมเหมยเหมยเลยสักนิด เดินก้าวใหญ่มุ่งหน้าเข้าห้องไป…


หลังจากนั้น…


เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยเหมยที่ปวดหลังปวดเอวก็ไปเรียน ในใจเต็มไปด้วยความแค้นแต่ไร้ที่ระบาย เมื่อคืนเหยียนหมิงซุ่นทรมานเธอจนดึกดื่น เอาแต่พูดว่าเป็นค่าตอบแทนที่ทำงานแทนเธอ


อยากจะด่าจริง ๆ…เธอไม่ได้ให้เขาช่วยสักหน่อย ทั้ง ๆที่เขาเป็นฝ่ายขอร้องทำแทนเองแท้ ๆ!


ประเทศที่อ่อนแอไร้การทูต เหตุผลนี้ก็ใช้ได้กับเรื่องบนเตียงเหมือนกัน!


ทำไมประจำเดือนยังไม่มาอีกนะ?


ตอนที่ 1948 มีแต่สตรอว์เบอร์รี


พอเห็นเหมยเหมยเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ตื่นเต้นขึ้นมาราวกับถูกฉีดยากระตุ้น บนจมูกกลม ๆมีสิวสีแดงเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นมา เห็นแล้วช่างน่าขันเหลือเกิน


“หัวเราะอะไร ฉันทำเพื่อใครล่ะ? ไม่ใช่เพราะเธอหรือไง ข่มตาหลับไม่ได้เลยทั้งคืน”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเคืองมาก ทุกครั้งที่เธอนอนไม่หลับสิวก็จะขึ้นทันที ผลชัดเจนมากและมาตรงเวลายิ่งกว่าประจำเดือนอีก


เหมยเหมยอบอุ่นใจ เธอล้วงครีมไข่มุกในกระเป๋าออกมาแล้วโยนไปให้ “เห็นท่าทางน่าสงสารของเธอแล้วครีมไข่มุกนี้ให้เธอแล้วกัน ทาแค่ไม่กี่ครั้งก็หายแล้ว ฉันเคยใช้แค่สองสามครั้งเธออย่ารังเกียจแล้วกัน”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรับครีมไข่มุกมาอย่างมีความสุข “ไม่รังเกียจเลย เธอมีแต่ของดี ๆทั้งนั้น ฉันไม่โง่ถึงขนาดดีไม่ดีก็แยกแยะไม่ได้หรอกน่ะ”


ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมยเหมยใช้ล้วนแต่เป็นแบรนด์ต่างประเทศ ราคาแพงและแน่นอนว่าได้ผลลัพธ์ดีมากเช่นกัน ต่อให้เธอมีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อมันได้ หลายยี่ห้อไม่มีขายในประเทศเพราะต้องไปซื้อที่ต่างประเทศเท่านั้น


“เธอจะเอายังไงกับเซียวเวยต่อ? เธอสั่งมาได้เลยฉันมีกำลังคน ฝีมือถือว่าเป็นกระสอบทรายชั้นเยี่ยมเลยล่ะ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทาครีมไข่มุกที่จมูกของเธอ จากนั้นก็ตบอกอย่างภาคภูมิใจ


เหมยเหมยมุมปากกระตุก คุณหนูใหญ่คนนี้รู้จักแต่กระสอบทรายหรือไงกันนะ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอใส่คนในกระสอบไว้กี่คน


“พวกเราไม่ต้องยุ่งแล้ว ผู้ชายของฉันบอกว่าเขาจะตรวจสอบเอง” เหมยเหมยกล่าวด้วยรอยยิ้ม


เวลานี้พวกเธอทั้งหมดอยู่ในห้องเรียน ฮีตเตอร์ทำความร้อนได้เพียงพอและอบอุ่นมาก เหมยเหมยแก้ผ้าพันคอและหมวกออกพร้อมทั้งถอดเสื้อคลุมด้วยจนเผยลำคอขาว ๆของเธอ อยู่ดี ๆเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อก็มีสีหน้าท่าท่างแปลกไป หูก็แดงไปหมด


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแสร้งว่าปกติ สะกิดเหมยเหมยปิดตาและพูดว่า “เธอพันผ้าพันคอเอาไว้ดีกว่า เร็วเข้าเถอะ”


เหมยเหมยฟังไม่เข้าใจ “ทำไมต้องพันผ้าพันคอด้วยล่ะ ฉันร้อนจะตายอยู่แล้ว”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนมองไปรอบ ๆ พอเห็นว่าไม่มีใครสนใจจึงพูดกระซิบว่า “เธอพลีกายขอร้องให้ผู้ชายของเธอช่วยทำการบ้านให้ใช่ไหมล่ะ?”


เหมยเหมยหน้าร้อนผ่าวแล้วถลึงตาใส่ “พูดจาไร้สาระ!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยิ้มอย่างลำพองใจพลางชี้ไปที่คอของเธอ พูดอย่างคลุมเครือว่า “ยังคิดจะทำปากแข็งอีก ดูที่คอของเธอสิ จุ๊ ๆ ผู้ชายของเธอมีพลังเหลือเฟือจริง ๆ ฉันว่านะไม่เจ็ดครั้งก็แปดครั้งละมั้ง?”


สาวเมืองหลวงหน้าหนาจริง ๆ หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานพูดถึงผู้ชายขึ้นมาโดยที่หน้าไม่แดงเลยสักนิด เหมยเหมยโมโหจนหน้าแดงก่ำพลันรีบร้อนหยิบกระจกเล็ก ๆออกมาจากกระเป๋า ส่องอยู่ครู่หนึ่งก็ตกใจจนรีบหยิบผ้าพันคอมาจากลิ้นชักแล้วพันมันไว้ด้วยใบหน้าแดงซ่าน


ลำคอขาวเนียนของเธอเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กสีแดงอมม่วงจากฝีมือของใครบางคน มิน่าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อถึงมีสีหน้าแปลกไปแบบนั้น


ไม่รู้ว่ามีคนอื่นเห็นอีกหรือเปล่า ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ!


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนยังคงถามเซ้าซี้ว่าตกลงแล้วเจ็ดครั้งหรือแปดครั้ง เหมยเหมยถลึงตาจ้องเธอด้วยความโมโห ตวาดเสียงต่ำว่า “เธอเอาเวลาไปสนใจว่าผู้ชายของเธอจะทำได้กี่ครั้งดีกว่านะ!”


พอพูดถึงตรงนี้เหมยเหมยก็มีเจตนาร้ายขึ้นมาพร้อมกระซิบถามข้างหูของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนว่า “บอกมาว่าเธอกับอิงจวี้กังถึงขั้นไหนแล้ว? เคยจูบกันหรือยัง? ใครเป็นคนเริ่มก่อน?”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเสียงดังด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า “เรื่องจูบต้องมีอยู่แล้ว และแน่นอนว่าผู้ชายต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นสาวน้อยแสนบอบบางนะ!”


เหมยเหมยหันไปยกนิ้วชื่นชมผู้หญิงคนนี้


“ฉันขอเตือนพวกเธอไว้ก่อนว่าแค่จูบปากก็ได้อยู่หรอกแต่อย่าเพิ่งกินสุกก่อนหามเด็ดขาด ไม่ว่าจะหื่นจะต้องการขนาดไหนก็ต้องทน!” เหมยเหมยกล่าวเตือนพวกเธอ


ตอนนี้เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนและฉีฉีเก๋อต่างก็ทนไม่ไหวแล้ว ทั้งสองดึงแขนของเธอไว้คนละข้างแล้วจั๊กจี้ด้วยความโมโห


ตัวเองกับผู้ชายมีความสุขบรรเลงเพลงรักด้วยกันทุกคืนแต่จะให้พวกเธอเป็นแม่ชีที่ปฏิบัติตามกฎ ถึงแม้จะพูดว่าเพราะหวังดีกับพวกเธอก็เถอะแต่ในใจกลับไม่กระดากใจบ้างเลยหรือไง!


ปวดตัวชะมัดเลย!


…………………………………………..


ตอนที่ 1949 น้ำลดตอผุด


ทางฝั่งเหยียนหมิงซุ่นสืบได้ความอย่างรวดเร็วเพราะให้ลูกน้องระดับประเทศทำเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ช่างเหมือนใช้วัวไปฆ่าไก่จริง ๆ ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็สืบสาวราวเรื่องได้แล้ว


ฮวาจิงหลิงเป็นเซียวเวยจริง ๆแต่ตอนนี้ยังสืบหาไม่พบว่าเธอเกี่ยวข้องกับอู่เยวี่ยอย่างไร แต่หลังจากอู่เยวี่ยมาเมืองหลวง เธอเคยไปเจอเซียวเวยอยู่สองครั้งดังนั้นอู่เยวี่ยจึงเป็นผู้ต้องสงสัยที่สุด


เหยียนหมิงซุ่นไม่สนใจเรื่องนี้ เขาส่งเสี่ยวอวิ๋นไปช่วยเหมยเหมยตามสืบแล้วก็ไม่ยุ่งกับเรื่องนี้อีก


“เซียวเวยเธอสารภาพเองว่าแค้นใจคุณหนูเรื่องที่ช่วยเซียวเซ่อทำให้แม่ของเธอต้องอับอายในงานเลี้ยงวันเกิดปีนั้น ดังนั้นถึงได้ทำแบบนี้” เสี่ยวอวิ๋นรายงาน


เหมยเหมยมุ่นคิ้ว ถ้าหากว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็มีความเป็นไปได้ แต่เธอรู้สึกว่าเซียวเวยไม่เหมือนลูกสาวที่แสนกตัญญูอะไรขนาดนั้น มันต้องมีเหตุผลอื่นอีกแน่นอน


“เธอว่าเซียวเวยทำไปเพราะอะไร?” เหมยเหมยถามเสี่ยวอวิ๋น


เสี่ยวอวิ๋นตอบอย่างไม่ลังเล “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามก็ไม่ใช่เหตุผลตามที่เธอพูดอย่างแน่นอน”


เธอเล่าสถานการณ์คร่าว ๆของเซียวเวยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาให้ฟัง อาจารย์เซียวสำนึกผิดกะทันหันจึงหย่ากับแม่ของเซียวเวย จะว่าไปถึงแม้ว่าอาจารย์เซียวจะอายุมากแล้วแต่สติกลับไม่เลอะเลือนเลยสักนิด เขารู้เรื่องที่ภรรยาของเขาคบชู้นานแล้ว แต่เพราะตัวเองเติมเต็มความสุขให้ไม่ได้จึงทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งไป


จนถึงตอนหย่าร้างจริง ๆ อาจารย์เซียวไม่เลอะเลือนเลยสักนิด เขาเอาหลักฐานมากมายตบหน้าคุณนายหรู และเพราะคุณนายหรูเป็นฝ่ายผิดดังนั้นแม่ของเซียวเวยจึงไม่ได้รับทรัพย์สินมากนัก แต่อาจารย์เซียวก็ไม่ได้ปฏิบัติแย่กับเธอแต่อย่างใด ทุก ๆเดือนเธอจะได้รับเงินค่าเลี้ยงดูจำนวนไม่น้อย


ถึงอย่างไรก็เป็นลูกแท้ ๆของเขานี่นา!


เซียวเวยถูกตัดสินให้อยู่ในความดูแลของแม่ ส่วนพี่ชายเซียวจิ่งหนิงกลับได้อยู่กับอาจารย์เซียว หลังจากหย่าร้างแม่ของเธอก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เปลี่ยนแฟนไม่ซ้ำหน้าแต่เงินก็ใช้จ่ายไม่หยุด ชีวิตที่สุขสบายของเซียวเวยในอดีตก็ลดลงจากฟ้าร่วงหล่นสู่พื้นดิน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเธอกับแม่นั้นย่ำแย่มากซึ่งจะมองอย่างไรก็มองไม่ออกว่าเธอจะเป็นลูกที่แสนกตัญญูได้อย่างไร


เสี่ยวอวิ๋นพูดอธิบายว่า “เพราะจำเป็นต้องไว้หน้าอาจารย์เซียวเลยทรมานเซียวเวยมากไม่ได้”


เหมยเหมยพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ฉันจะพูดกับเซียวจิ่งหมิงเองว่าอย่าให้อาจารย์เซียวรู้”


ถึงแม้ว่าร่างกายของอาจารย์เซียวจะดีขึ้นมากเพราะผลพวงจากยาวิเศษ แต่ถึงอย่างไรก็อายุเยอะมากแล้วคงรับเรื่องสะเทือนใจไม่ไหว เรื่องเสียหายแบบนี้อย่าเอาไปรบกวนคนแก่อย่างเขาจะดีกว่า


“คุณชายหมิงก็บอกแบบนี้เช่นกัน คุณหนูวางใจได้” เสี่ยวอวิ๋นรับประกัน หากเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกล่วงหน้า ด้วยวิธีการของเธอแล้วคุณหนูอย่างเซียวเวยที่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็กจะต้านทานไว้ได้อย่างไร?


เหมยเหมยยิ้มพลางกดโทรหาเซียวจิ่งหมิง ตอนนี้เขาเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในตระกูลเซียว ถึงแม้ว่าเซียวเวยจะไม่ได้อยู่ที่บ้านตระกูลเซียวแล้วแต่ก็ยังเป็นคุณหนูของตระกูลเซียวอยู่ ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วก็ต้องหาคนในครอบครัวเป็นธรรมดา


“เหมยเหมยวางใจได้ เรื่องนี้ฉันต้องจัดการให้เธอแน่นอน” เซียวจิ่งหมิงพูดเสียงต่ำพลางแอบก่นด่าเซียวเวยในใจว่าโง่ อยากหาที่ตายก็อย่าลากตระกูลเซียวไปด้วยสิ ถึงขนาดกล้าล่วงเกินจ้าวเหมยได้อย่างไรกัน?


แน่นอนว่าเซียวจิ่งหมิงไม่ได้ใจดีเหมือนรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวันเซียวเวยก็มาหาเหมยเหมยด้วยตัวเองพร้อมโค้งขอโทษเธอ ถึงแม้เธอจะดูไม่ค่อยยินยอมเต็มใจเท่าไรนักแต่แล้วจะอย่างไร ขอแค่มาให้ทุกคนเห็นก็พอแล้ว


ถึงอย่างไรสิ่งที่เธอต้องการก็เป็นเช่นนี้ แต่ทว่า——


“เซียวเวย เธอจะขอโทษแค่นี้ไม่ได้หรอกนะ เธอต้องเขียนจดหมายขอโทษและโพสต์ลงในกระทู้ของเพจมหาวิทยาลัยให้ฉันด้วย จดหมายขอโทษไม่ควรเขียนต่ำกว่าแปดร้อยคำและต้องลงสามวันติดต่อกัน เห็นแก่อาจารย์เซียวและลุงเซียวงั้นฉันให้อภัยเธอก็ได้” เหมยเหมยไม่ยอมยกโทษให้เซียวเวยง่าย ๆ


หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของอาจารย์เซียว ตอนนี้เซียวเวยคงไม่ได้อยู่สบายเช่นนี้หรอก!


คนอย่างจ้าวเหมยมีบุญคุณต้องทดแทน หากมีแค้นต้องชำระ จิตใจคับแคบไม่ต่างอะไรกับเข็ม เธอจะยอมปล่อยให้คนที่ทำร้ายเธอไปง่าย ๆได้อย่างไรกันล่ะ?


ตอนที่ 1950 เพียงเพื่อกระเป๋าหนึ่งใบ


ต่อให้เซียวเวยไม่เต็มใจแต่เธอก็ต้องยอมทำตามอย่างเชื่อฟัง


เซียวจิ่งหมิงพูดแล้วว่าถ้าหากเธอไม่เชื่อฟังเหมยเหมยวันหลังก็อย่าคิดว่าจะได้เงินจากตระกูลเซียวอีก ตอนนี้เธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว หากว่ากันตามกฎหมายตระกูลเซียวไม่มีภาระผูกพันที่จะต้องส่งเสียเลี้ยงดูเธออีก การให้เงินคือการแสดงความรักในครอบครัว ต่อให้จะไม่ให้เงินกฎหมายก็ทำอะไรไม่ได้


เซียวเวยเคยชินกับชีวิตที่ฟุ่มเฟือย ถ้าเซียวจิ่งหมิงตัดรายได้ของเธอจริง ๆ แล้วเธอจะใช้ชีวิตอย่างไร!


เซียวจิ่งหมิงรู้จักธาตุแท้ของน้องสาวคนนี้ดี ยื่นคำขาดไปก็ทำเอาเซียวเวยยอมจำนนอย่างง่ายดายแล้ว


“จ้าวเหมย โอหยางซานซานให้ฉันทำแบบนี้เพราะเขาให้กระเป๋าชาแนลฉันหนึ่งใบ ฉันชอบมันมากก็เลยทำเรื่องโง่ ๆลงไป อันที่จริงฉันวางแผนไว้ว่าจะลบกระทู้วันนี้ จริง ๆนะ…เธอเชื่อฉันนะ!”


เซียวเวยไม่ต้องการโพสต์จดหมายขอโทษในกระทู้ของมหาวิทยาลัยให้สาธารณชนรับรู้ แถมยังต้องโพสต์เป็นเวลาสามวันติดต่อกัน ถึงอย่างไรเธอก็เป็นคนดังในมหาวิทยาลัย ถ้าหากต้องโพสต์จดหมายขอโทษจริง ๆเธอยังจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรอีกเล่า?


เพื่อนร่วมชั้นและเพื่อน ๆจะต้องหัวเราะเยาะเธอแน่ ๆ!


นี่ไม่ต่างจากที่เหมยเหมยคาดคิดไว้เพราะเธอเดาออกนานแล้วว่าต้องเป็นอู่เยวี่ย เมื่อก่อนโอหยางซานซานและเซียวเวยเคยเป็นเพื่อนสนิทกัน หลังจากไปต่างประเทศความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนก็ค่อย ๆห่างกันไป แต่คนอย่างอู่เยวี่ยจะปล่อยเซียวเวยไปเหรอ?


คนที่เกิดมาเป็นคนโง่เพื่อช่วยบังกระสุนแทนคนอื่น!


“เพียงแค่เพื่อกระเป๋าชาแนลหนึ่งใบเธอถึงขนาดกล้าหาเรื่องฉันเลยเหรอ? เซียวเวย หรือว่าเธอคิดว่าฉันใจดีมากใช่ไหม?” เหมยเหมยส่งเสียงเยาะเย้ยแล้วสะบัดฝ่ามือตบไปโดยไม่คิดทันที


เวลานี้พวกเธออยู่ที่ชั้นล่างของหอพัก ตอนเที่ยงมีนักศึกษาเข้าออกพลุกพล่านดังนั้นการตบของเหมยเหมยจึงดึงดูดจำนวนคนไม่น้อย


คนหนึ่งก็อดีตดาวมหาวิทยาลัย อีกคนก็ดาวมหาลัยคนปัจจุบัน อีกอย่างกระแสของโพสต์นั้นก็ยังไม่จบจึงมีคนมามุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ


เซียวเวยปิดใบหน้าของเธอและมองไปที่เหมยเหมยอย่างเหลือเชื่อ “แกกล้าตบฉัน? แก…”


“เพี๊ยะ”


เหมยเหมยตบอีกครั้ง ช่วงนี้มีเรื่องแย่ ๆมากเกินไปจนเธอไม่มีที่ให้ระบายความโกรธเลย ตอนนี้เซียวเวยมาหาถึงที่ก็ไม่ใช่เพื่อให้เธอระบายอารมณ์เหรอ?


“ฉันตบเธอแล้วจะทำไมเหรอ? เพราะเธอมันสมควรโดนไง เพียงเพื่อกระเป๋าชาแนลใบเดียวเธอถึงขนาดโพสต์กระทู้บนเพจมหาวิทยาลัยเพื่อใส่ร้ายว่าฉันเป็นเมียน้อย เซียวเวย ฉันควรจะพูดว่าเธอฉลาดเกินไปหรือโง่เกินไปดีนะ?”


เหมยเหมยด่าด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทุกคนได้ยินเต็มสองหูและตอนนี้เองถึงได้ถึงบางอ้อ


ที่แท้ฮวาจิงหลิงก็คืออดีตดาวมหาวิทยาลัยเซียวเวยนี่เอง!


จุ๊ ๆ ที่แท้คนเราจะมองเพียงหน้าตาภายนอกไม่ได้จริง ๆ รุ่นพี่เซียวเวยที่มักจะใจดีและอ่อนโยนต่อหน้าผู้คน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนต่ำทรามแบบนี้?


อีกอย่างเมื่อวานนี้ฮวาจิงหลิงยังปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่เซียวเวย แต่วันนี้ถูกดาวมหาวิทยาลัยตบหน้าหัน นี่ช่างน่าอับอายขายขี้หน้าชะมัด!


“จ้าวเหมย…เธออย่าทำเกินไปนักเลย ฉันขอโทษเธอแล้วไง เธอยังจะเอายังไงอีก?” เซียวเวยตวาดเสียงดัง


เธอไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองโพสต์จะเป็นความผิดใหญ่โตอะไรเลย ก็แค่เมียน้อยคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ยุคสมัยนี้การเป็นเมียน้อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แถมโอหยางซานซานยังบอกอีกว่าเดิมทีคุณชายหมิงชอบอู่เยวี่ยพี่สาวของจ้าวเหมย แต่จ้าวเหมยกลับแย่งคุณชายหมิงไป


แล้วมันแตกต่างอะไรกับเมียน้อย?


“ฉันพูดแล้วนะว่าเขียนจดหมายขอโทษลงในเพจมหาวิทยาลัยให้สาธารณชนได้รับรู้เป็นเวลาสามวันติดกัน หากทำไม่ได้งั้นก็รอจดหมายจากทนายความของฉันแล้วกัน พวกเราเจอกันที่ศาล!” เหมยเหมยมองไปที่เซียวเวยที่กำลังร้องไห้อย่างเย็นชา


ถ้าหากขอโทษแล้วมีประโยชน์ งั้นจะมีตำรวจไว้ทำไม?


ประโยคนี้พูดถูกต้องเหลือเกิน สำหรับคนสารเลวอย่างเซียวเวยคุกก็เป็นสถานที่ดีสำหรับเธอเช่นกัน


เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอเป็นลูกสาวของอาจารย์เซียวถึงอย่างไรก็ต้องไว้หน้าบ้าง เธอจะโหดเหี้ยมไร้ความปรานีไม่ได้


เซียวเวยทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ เธอร้องไห้พลางสบถด่าออกมาว่า “ฉันพูดไม่ผิดสักหน่อย โอหยางซานซานบอกฉันว่า คุณชายหมิงคือคนที่เธอแย่งมาจากพี่สาวของเธอ ถึงแม้ตอนนั้นคุณชายหมิงจะยังไม่ได้แต่งงานกับพี่สาวของเธอ แต่พวกเขาก็ต่างชอบพอกันอยู่ มีความรู้สึกดี ๆให้กันแต่เธอกลับแทงข้างหลังแล้วแย่งคุณชายหมิงไปจนทำให้พี่สาวของเธอเป็นบ้า หลังจากนั้นเธอก็กระโดดตึกตาย หรือว่าเธอไม่รู้สึกละอายใจต่อความผิดชอบชั่วดีของตัวเองเลยเหรอ?”


……………………………………………..


ตอนที่ 1951 เธอโง่เองอย่าไปโทษคนอื่น


นักศึกษาที่มุงล้อมอยู่เผลอสูดปากกันถ้วนหน้า โอ้โฮ…ข่าวร้อนแรงจัง!


ดาวมหาวิทยาลัยมีพี่สาวอีกหนึ่งคนแถมยังเป็นผู้ป่วยทางจิตอีกด้วยหรือนี่?


แล้วยังผิดหวังจากความรักถึงขั้นกระโดดตึกฆ่าตัวตายอีก?


นี่รู้สึกเหมือนกำลังดูละครน้ำเน่าอยู่เลยนะเนี่ย!


เหมยเหมยเบิกตากว้างฉับพลันพลางมองเซียวเวยอย่างไม่เชื่อหู โอ้โฮ…นี่คงเป็นตัวอย่างของคนที่มีสมองหมูอย่างแท้จริงสินะ?


ถ้อยคำเหลวไหลของอู่เยวี่ยแม้แต่เด็กอายุสามขวบยังไม่เชื่อแต่หมูตัวนี้กลับเชื่อเสียอย่างนั้น


“อย่างแรกฉันต้องขอชี้แจงประเด็นแรกก่อนว่าฉันไม่มีพี่สาว พ่อแม่ฉันมีลูกสาวคนเดียวก็คือฉัน คนที่ป่วยทางจิตแล้วกระโดดตึกฆ่าตัวตายที่เธอว่าคืออู่เยวี่ยสินะ? หล่อนไม่ใช่พี่สาวของฉัน หล่อนเป็นศัตรูของฉัน ระหว่างฉันกับหล่อนมีความแค้นมากถึงขั้นอยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้ด้วยซ้ำ”


เหมยเหมยพูดเสียงเล็ดลอดไรฟันฉายชัดถึงความแค้นเคืองที่มีต่ออู่เยวี่ยมากจนทำเอานักศึกษาละแวกนั้นต่างรู้สึกกันอย่างถ้วนหน้า ทั้งยังนึกสงสัยในตัวอู่เยวี่ยว่าเป็นผู้วิเศษมาจากไหน แล้วทำอะไรดาวมหาวิทยาลัยไปบ้างถึงได้สร้างความแค้นใจให้เธอนัก?


“อย่างที่สองอู่เยวี่ยไม่เคยรักกับคู่หมั้นฉันมาก่อน ฉันรู้จักคู่หมั้นฉันตั้งแต่อายุสิบสองปีจนกระทั่งตอนนี้เราสองคนต่างรักกันดี คู่หมั้นฉันเคยคุยกับอู่เยวี่ยแค่ไม่กี่ประโยคแล้วพวกเขาจะรักกันได้อย่างไร? ถ้าพวกเธอไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เธอลองไปตามสืบที่โรงเรียนอีจงที่เมืองจินก็ได้ ดูสิว่าฉันพูดโกหกหรือเปล่า?”


“อย่างที่สามเรื่องที่อู่เยวี่ยป่วยทางจิตไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉันสักนิดเดียว นั่นเป็นโรคที่ถ่ายทอดต่อกันมาทางพันธุกรรมของเธอเอง เพราะแม่ของอู่เยวี่ยป่วยทางจิตเหมือนกันและเคยฆ่าคนตอนที่อาการกำเริบมาก่อน แม่ของอู่เยวี่ยฆ่าสามีคนที่สองและลูกเลี้ยงของเธอ ตอนโรคของอู่เยวี่ยกำเริบก็เคยฆ่าแม่แท้ ๆของเธอจากนั้นเธอก็กระโดดตึกฆ่าตัวตาย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลยตั้งแต่แรก”


ทุกคนพลันรู้สึกเสียวสันหลังวาบในทันที อู่เยวี่ยแปลงร่างมาจากมารร้ายหรือเปล่า?


แม้แต่แม่แท้ ๆยังกล้าฆ่าได้ลงคอ นี่มันไม่ใช่คนแล้ว!


แน่นอนว่าแม่แท้ ๆของเธอก็ไม่ใช่คนดีอะไรเช่นกัน โรคจิตที่ถ่ายทอดต่อกันมาทางพันธุกรรมนี่ช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริง แต่โชคดีที่ตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นหากมีลูกหลานที่ป่วยทางจิตอีกคนก็เท่ากับทิ้งตัวหายนะไว้ไม่ใช่หรือไง?


เซียวเวยกลับไม่เชื่อพลางส่ายศีรษะแรง ๆ “ไม่ใช่แบบนี้ โอหยางซานซานไม่ได้บอกฉันว่าเป็นแบบนี้…”


เหมยเหมยแค่นหัวเราะ “นั่นก็โทษได้แค่ว่าเธอโง่เอง สิ่งที่ฉันพูดไปคือความจริงทั้งหมด เรื่องพวกนี้เธอสามารถไปตามสืบความจริงได้ที่เมืองจิน คดีลูกฆ่าแม่ที่เป็นข่าวโด่งดังในเมืองจินเมื่อสี่ปีก่อนตอนนี้ต้องมีคนที่จำได้อยู่แล้ว พวกเธอลองไปตามสืบได้ตามสบายเลย!”


“ฉันยืนยันได้ ตอนนั้นเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริง ๆ ฉันกับรุ่นพี่จ้าวจบจากโรงเรียนอีจงที่เมืองจินเหมือนกัน ฉันเป็นรุ่นน้องรุ่นพี่จ้าวหนึ่งปี เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนน่ากลัวมากจนถึงตอนนี้ยังมีคนพูดถึงอยู่เลย!”


นักศึกษาสาวหน้าตาน่ารักที่มีใบหน้ากลมก้าวออกมาเอ่ยเสียงดังเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เหมยเหมยพูดเป็นความจริง


พอมีคนหนึ่งก้าวออกมาก็จะมีคนที่สองตามมา นักเรียนจบจากเมืองจินอีกหนึ่งคนก็ก้าวออกมาช่วยยืนยันอีกเสียง “ฉันก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน ฉันเองก็จบจากโรงเรียนอีจงเหมือนกัน อู่เยวี่ยกับรุ่นพี่จ้าวเป็นนักเรียนของอีจงทั้งคู่ ส่วนโอหยางซานซานที่รุ่นพี่เซียวพูดถึงก็เป็นนักเรียนของอีจงแต่เป็นรุ่นพี่ของฉันสองปี แต่รุ่นพี่โอหยางลาออกไปเรียนต่อต่างประเทศหลังจากเรื่องที่จ้างมือปืนมาช่วยเขียนหนังสือถูกเปิดโปง”


เหมยเหมยก้มศีรษะอมยิ้มเป็นเชิงขอบคุณให้รุ่นน้องทั้งคู่น้อย ๆทำเอาหญิงสาวน่ารักทั้งสองหน้าแดงระเรื่อและรู้สึกดีใจอย่างมาก


รุ่นพี่จ้าวเป็นไอดอลของพวกเธอเชียวนะ!


ตอนนี้สามารถช่วยเหลือรุ่นพี่จ้าวได้อย่าให้ต้องพูดถึงเลยว่าพวกเธอจะมีความสุขขนาดไหน!


ตอนนี้แนวโน้มสถานการณ์ชัดเจนแล้วว่าเซียวเวยกำลังใส่ร้ายขณะที่ดาวมหาวิทยาลัยอย่างจ้าวเหมยพูดมีหลักฐานเป็นไปตามเหตุและผล ทั้งยังมีพยานบุคคลคอยยืนยันความจริงให้อีกเสียง เมื่อความจริงเปิดเผยแม้แต่คนโง่ยังรู้ว่าควรเชื่อใคร


เหมยเหมยเน้นย้ำอีกที “เซียวเวย เธอโง่เองจะโทษคนอื่นไม่ได้นะ นี่ฉันเห็นแก่อาจารย์เซียวหรอก นับว่าฉันใจกว้างกับเธอมากแล้ว สามวันห้ามขาดและเริ่มจับเวลาตั้งแต่วันนี้ ฉันจะรอนะ!”


ตอนที่ 1952 ฉันยกโทษให้เธอแล้ว


ภายใต้ท่าทีแข็งกร้าวของเหมยเหมยและความกดดันเรื่องการเงินจากเซียวจิ่งหมิงทำให้เซียวเวยไม่กล้าขัดคำสั่ง เธอได้แถลงคำขอโทษบนกระทู้มหาวิทยาลัยภายในวันนั้นซึ่งเป็นบทความยาวหนึ่งโพสต์ เนื้อหาพอใช้ได้ที่ดูแล้วนับว่ามีความจริงใจอยู่


หลังจากลงแถลงคำขอโทษติดต่อกันสามวัน เหล่าครูบาอาจารย์และนักศึกษาต่างก็รู้กันเกือบทั้งมหาวิทยาลัย เดิมเซียวเวยก็เป็นคนดังประจำมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งโด่งดังเป็นเท่าตัวจนมหาวิทยาลัยละแวกนั้นต่างรู้เรื่องนี้ไปด้วย


การแก่งแย่งชิงดีอย่างโจ่งแจ้งของดาวมหาวิทยาลัยสองรุ่น อีกทั้งตัวต้นเหตุเป็นผู้มีชื่อเสียงอยู่แล้ว หนำซ้ำมหาวิทยาลัยเมืองหลวงยังเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับร้อยปีและมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยกว่ามหาวิทยาลัยอื่นแต่อย่างใด แต่เพื่อติดตามความคืบหน้าของเหตุการณ์นี้ทำให้มีคนมาใช้บริการห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงกันทุกคืน


ห้องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีผู้มาใช้บริการคับคั่งตลอดสามวันจนแทบไม่มีพื้นที่ว่างให้ยืน


วันที่สามเหมยเหมยได้ตอบกลับใต้กระทู้แถลงคำขอโทษของเซียวเวย เธอไม่ได้พูดอะไรมากนักเพียงแค่ตอบกลับประโยคสั้น ๆว่า “ฉันยกโทษให้เธอแล้ว วันหลังก็หัดมีสมองหน่อย”


เหยียนซินหย่าเองก็ตามมาเสริมทัพอีกคนโดยเลือกตอบกลับกระทู้หนึ่ง เธอไม่กลัวคนนอกจะหาว่าเธอรังแกเด็กเลยสักนิด เพื่อลูกสาวผู้เป็นที่รักต่อให้ต้องรังแกข่มเหงเด็กแล้วจะทำไม?


ถ้าทำให้เธอโมโหเข้าจริง ๆ เธอยังคิดจะใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงด้วยซ้ำ!


เหยียนซินหย่าตอบกลับกระทู้ด้วยประโยคที่ดูมีนัยยะเหลือเกิน “คราวหลังเวลานักศึกษาเซียวพูดอะไรทำอะไรก็คิดให้มาก ๆหน่อย ในเมื่อไม่ใช่ทุกคนที่จะใจกว้างเหมือนลูกสาวฉัน คิดก่อนค่อยทำ โปรดจำไว้ให้ดี!”


สามวันผ่านพ้นไปเซียวเวยหายตัวไปจากรั้วมหาวิทยาลัย เธอไม่ได้ออกมาทำตัวเชิดหน้าชูตาอย่างปกติ นี่จึงทำเอาคนทั้งมหาวิทยาลัยนึกอยากรู้กันว่าเธอทำอะไรอยู่ เสี่ยวอวิ๋นบอกเหมยเหมยว่าเพราะอาจารย์เซียวรู้เรื่องนี้เข้าจึงโกรธจนพังทำลายจานชามเกือบหมดบ้าน


อาจารย์เซียวให้เซียวจิ่งหมิงเรียกทนายมาทำเรื่องขอคืนสิทธิ์การเลี้ยงดูในตัวเซียวเวย ทั้งยังมัดตัวไว้ข้างกายเพื่ออบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวดทุกวัน ส่วนทางคุณนายเฉียนหรูแน่นอนว่าค่าเลี้ยงดูก็ต้องเป็นอันจบไปโดยไม่ได้เงินสักหยวนเดียว


นี่นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างเหนือคาดสินะ!


อู่เยวี่ยที่กำลังดูแลครรภ์อยู่บ้านคอยติดตามเรื่องนี้อยู่ตลอด พอรู้ว่าเซียวเวยแผนล่มถูกจ้าวเหมยจับได้ตั้งแต่เพิ่งเริ่มก็เกือบแท้งเพราะสะเทือนอารมณ์เกินไป


มีแต่พวกโง่ไม่เอาไหน ไม่เห็นมีประโยชน์เลยสักคนเดียว!


อู่เยวี่ยมองท้องของตัวเองอย่างไม่พอใจ เธอท้องได้ห้าเดือนแล้วและหนิงเฉินเซวียนจะให้นักโภชนาการต้มน้ำซุปบำรุงเธอทุกวันโดยลดปริมาณลงไม่ได้เลย ท้องของเธอป่องนูนขึ้นมาราวกับลูกโป่งอัดแก๊ซพร้อมกับเจ้าตัวที่อ้วนขึ้นจากเดิมหลายเท่าทั้งยังตัวบวมไม่เหลือสภาพ


นอกจากนี้ยังมีฝ้ากระเหลืองขึ้นตามใบหน้าเยอะมากและเพราะยังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์จึงใช้เครื่องสำอางไม่ได้ เธอจึงไร้หนทางจะปกปิดรอยด่างพวกนี้ หน้าตาน่าเกลียดแทบไปเจอใครไม่ได้จึงตัดสินใจอยู่ดูแลครรภ์ที่บ้านเสียเลย


สำหรับอู่เยวี่ยผู้ที่อยู่อย่างสงบเสงี่ยมไม่ได้นั้น ในหนึ่งวันจึงยาวนานเหมือนเป็นปี ได้แต่แค้นใจว่าทำไมเจ้าก้อนเนื้อในท้องยังไม่ออกมาสักทีนะ!


“คุณนาย คุณชายเช่อมาแล้ว” คนรับใช้เข้ามารายงาน


อู่เยวี่ยยิ้มร่าในใจรีบจัดองค์ทรงเครื่องอยู่หน้ากระจกก่อนจะยิ้มโอนอ่อน แม้ไม่พึงพอใจกับใบหน้าบวมฉึ่งของตัวเองนักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้


“คุณชายเช่อ…”


เฮ่อเหลียนเช่อเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเย็นชา อู่เยวี่ยเดินเข้าไปต้อนรับ เฮ่อเหลียนเช่อปรายตามองภรรยาตามกฎหมายของตนอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะได้รับคำสั่งจากหนิงเฉินเซวียนเขายังไม่อยากก้าวเข้ามาในห้องนี้เลยแม้แต่ก้าวเดียว


“ช่วงนี้เด็กเป็นอย่างไรบ้าง?” เฮ่อเหลียนเช่อถามคุณหมอ


“เจริญเติบโตดี ตอนนี้มั่นใจได้แล้วว่าเป็นเด็กผู้ชายที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงมาก” คุณหมอตอบกลับอย่างนอบน้อม


อู่เยวี่ยรู้อยู่แล้วว่าเด็กในท้องเป็นลูกผู้ชายแต่ก็ดีใจมากอยู่ดี แอบรู้สึกโชคดีที่เด็กในท้องเธอไม่ใช่เด็กอ่อนแอ หากท้องลูกผู้หญิงอนาคตก็ต้องตั้งครรภ์ใหม่อีก เช่นนี้เธอคงไม่ต้องคิดจะกลับมาหุ่นดีเหมือนเดิมอีกตลอดชีวิตแล้ว


เฮ่อเหลียนเช่อจุดยิ้มมุมปากหน่อย ๆ นี่กลับเป็นข่าวดีอีกเรื่อง เขาถาม “คุณอารู้หรือยัง?”


“ยังไม่ทันบอกคุณอาเลย ฉันอยากบอกคุณก่อนแล้วค่อยบอกคุณอา ในเมื่อคุณเป็นพ่อของเด็กนี่นา!” อู่เยวี่ยพูดเอาใจแล้วคอยสังเกตสีหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อไปด้วย


…………………………………


ตอนที่ 1953 คลอดลูกเสร็จก็ไสหัวไป


ช่วงนี้คอยสู้รบปรบมือกับจ้าวเหมยทั้งในที่ลับและที่โจ่งแจ้งมาหลายคราแต่เธอกลับต้องจบด้วยการพ่ายแพ้ตลอด ทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกเสียความมั่นใจไปชั่วขณะแต่เธอก็รับรู้แล้วว่าตนแพ้ที่จุดใด


ไม่ว่าจะเรื่องความฉลาดหรือฝีมือเธอล้วนเก่งกว่าจ้าวเหมยเป็นร้อยเท่าแต่เธอกลับเอาชนะจ้าวเหมยไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วเป็นเพราะเธอขาดผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง


หากนางแพศยาจ้าวเหมยไม่ได้รับการสนับสนุนจากเหยียนหมิงซุ่น ลำพังแค่นางแพศยาคนนี้เธอใช้แค่นิ้วก้อยนิ้วเดียวก็ล้มหล่อนได้แล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับแพ้อย่างราบคาบ


ฉะนั้นเธออยากร่วมมือกับเฮ่อเหลียนเช่อ


นิสัยของตาแก่หนิงเฉินเซวียนช่างประหลาดนัก ต่อให้เธอตามประจบประแจงแต่ก็คาดเดานิสัยตาแก่คนนี้ไม่ได้อยู่ดี การสร้างสัมพันธ์กับหนิงเฉินเซวียนทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังเดินเลียบตรงปากเหวด้วยความรู้สึกหวาดผวาทุกวัน


อีกอย่างเพราะเรื่องอัลบั้มรูปโป๊เหล่านั้นทำให้หนิงเฉินเซวียนไม่คิดจะใยดีเธออีกต่อไป อู่เยวี่ยจคงเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เฮ่อเหลียนเช่อซึ่งตอนนี้ดูเหมือนเฮ่อเหลียนเช่อจะรับมือง่ายกว่า


เฮ่อเหลียนเช่อได้ยินอู่เยวี่ยพูดคำว่าคุณพ่อก็รู้สึกสะอิดสะเอียนใจขึ้นมาแล้วแค่นหัวเราะเผยให้เห็นรอยยิ้มแสนประหลาด เรียกให้อู่เยวี่ยใจหล่นวูบพลางรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ


“วันหลังถ้ามีเรื่องอะไรก็รายงานคุณอาได้ทันที อย่าให้คนแก่ต้องรอเข้าใจไหม?” เฮ่อเหลียนเช่อถามเสียงเย็นชา


เด็กคนนี้เป็นเพียงเครื่องมือของเขาเท่านั้น เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยล่ะ!


บนโลกใบนี้สิ่งมีชีวิตที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือเด็ก!


อู่เยวี่ยมองเฮ่อเหลียนเช่อด้วยความตกใจ จากใบหน้าของเขาเธอไม่รู้สึกถึงความคาดหวังหรือความห่วงใยที่เขามีต่อเด็กในท้องเลยสักนิด นั้นยิ่งทำให้หัวใจของเธอดิ่งลงก้นเหว


เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?


ในเมื่อเฮ่อเหลียนเช่อไม่ชอบเด็กคนนี้แล้วทำไมถึงให้เธอคลอดออกมาด้วยล่ะ?


“คุณชายเช่อ ตั้งชื่อลูกของเราไว้หรือยัง?” อู่เยวี่ยถามหยั่งเชิง


เฮ่อเหลียนเช่อเผยสีหน้ารังเกียจขึ้นมาชั่วขณะพลางมองอู่เยวี่ยอย่างเย็นชา “วันหลังห้ามพูดว่าลูกของเรา น่ารำคาญ เด็กคลอดออกมาก็มีคุณอาคอยช่วยเลี้ยงดูฉะนั้นเด็กคนนี้เป็นของคุณอา ชื่อก็ต้องให้คุณอาเป็นคนตั้ง เธอจะมากังวลเรื่องพวกนี้ทำไม? คอยดูแลครรภ์อยู่บ้านให้ดี จำหน้าที่ตัวเองไว้ให้ดี อย่าไปสร้างปัญหาข้างนอกให้ฉันอีก!”


อู่เยวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หมายความว่าอย่างไร!


“คุณชายเช่อ เด็กคนนี้ไม่ได้ให้ฉันเป็นคนดูแลเหรอ? ฉันต่างหากที่เป็นแม่ของเด็ก!” อู่เยวี่ยพลั้งถามออกไป


แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเธอรักเด็กคนนี้มากนักหรอก เธอแค่อยากใช้เด็กคนนี้เป็นตัวเพิ่มอำนาจต่อรองเท่านั้น ขอแค่เธอผูกพันกับเด็กได้ลึกซึ้งมากแค่ไหนสถานะของเธอก็จะสูงมากเท่านั้นและเข้าใกล้เป้าหมายของเธอมากยิ่งขึ้น!


แต่พอฟังจากน้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อในตอนนี้ดูเหมือนจะผิดไปจากที่เธอคาดการณ์เอาไว้เสียแล้ว!


เฮ่อเหลียนเช่อมองเธอด้วยสายตารังเกียจแล้วเอ่ยเสียงประชด “เธอมีสิทธิ์อะไรมาเลี้ยงดูผู้สืบตระกูลหนิงของเรา เธอจำเอาไว้ว่าเธอเป็นแค่เครื่องมืออย่างหนึ่งที่ฉันไว้ใช้คลอดลูกเท่านั้น คลอดลูกเสร็จเธอก็ไสหัวไปได้แล้ว นี่ยังคิดจะเลี้ยงลูกอีกเหรอ?”


ผู้หญิงคนนี้ช่างเพ้อฝันเสียจริง!


อู่เยวี่ยหน้าซีดเผือดและซีดไปทั้งริมฝีปาก รู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า


ถ้อยคำที่เหมยเหมยพูดไว้ก่อนหน้านี้ดังก้องอยู่ข้างหูเธออีกครั้ง ‘เธอก็แค่เครื่องมือที่เฮ่อเหลียนเช่อไว้ใช้มีลูกเท่านั้น ทางที่ดีเธอรีบอธิษฐานให้ตัวเองท้องเป็นนาจาซะเถอะ…’


ตอนนี้เธอนึกอยากให้ลูกในท้องตนเป็นนาจาขึ้นมาแล้วจริง ๆ!


เหลือเวลาอีกสี่เดือนกว่าก็จะคลอดลูก ตอนนี้เธอมีเวลาอีกไม่มากแล้ว เธอต้องรีบหาวิธีโดยเร็วที่สุด!


เฮ่อเหลียนเช่อถามอาการเด็กในครรภ์กับคุณหมออีกเล็กน้อยก่อนเตรียมตัวกลับ ก่อนกลับเขาเอ่ยเตือนอีกครั้ง “อยู่บ้านดี ๆ อยู่อย่างสงบเสงี่ยมหน่อย ฉันหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอย่างเซียวเวยขึ้นอีก!”


อู่เยวี่ยใจกระตุกวูบและรีบตอบรับกลับไป


เฮ่อเหลียนเช่อแค่นเสียงทีหนึ่ง ผู้หญิงก็เป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เป็นผู้หญิงที่เก่งกาจเพียงใดจิตใจก็คับแคบอยู่ดี มักให้เรื่องเล็กน้อยส่งผลกระทบต่อส่วนรวมเสมอ


“คุณชายเช่อ…ความจริงฉันแค่โมโหที่จ้าวเหมยเอาเปรียบฉันไปหนึ่งล้านหยวนจากงานประมูลการกุศล ก็เลย…” อู่เยวี่ยแสร้งทำท่าคุกรุ่นไม่พอใจ


ตอนที่ 1954 เธอเป็นแค่เครื่องมือไว้คลอดลูก


อู่เยวี่ยแค่จงใจหยั่งเชิง เงินหนึ่งล้านหยวนคราวก่อนเดิมทีเธอคิดจะยักยอกออกจากกองทุนมูลนิธิโดยตรงหลังจบงานประมูล ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบและเธอไม่ขาดทุนเลยแม้แต่น้อย


แต่เหยียนหมิงซุ่นสั่งให้คนตามเช็กบัญชีจนทำลายแผนการของเธอทุกอย่าง เงินหนึ่งล้านที่สูญเสียเป็นปมในใจของอู่เยวี่ยมาโดยตลอด


ทรัพย์สินที่เธอมีทั้งหมดก็แค่หลักพันถึงหลักหมื่นรวมกับหุ้นส่วนและเพชรพลอยของเธอทั้งหมด เธอมีเงินสดไม่มากซึ่งเงินหนึ่งล้านได้เกินขอบเขตที่เธอรับไหวแล้ว นั่นจึงทำให้เธอลำบากไม่น้อย


เธอทำใจขายหุ้นส่วนและเพชรพลอยไม่ได้ อีกทั้งตอนนี้ยังท้องโตจะไปยั่วยวนหลอกล่อพ่อบุญธรรมก็ไม่ได้อีก แม้ตอนนี้ค่าใช้จ่ายที่มีจะไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายแต่การไม่มีเงินติดตัวทำให้อู่เยวี่ยรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างมาก เงินหนึ่งล้านนี้เธอจึงต้องหาวิธีเอาคืนมาให้ได้


เฮ่อเหลียนเช่อมองเธออย่างขบขันเพราะเรื่องงานประมูลเขารู้ตั้งแต่วันถัดมาแล้ว เหมยซูหานบอกให้เขาอย่าไปสนใจแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปเสีย เขาที่ไม่คิดจะสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ตั้งแต่แรกจึงรับปากตอบตกลงไปทันที


ความทะเยอทะยานของอู่เยวี่ยเขารับรู้มันได้ ผู้หญิงคนนี้คิดวางแผนไว้แยบยลเสียจริงแต่กลับไม่ลองคิดว่าเขาจะยอมตกลงหรือไม่?


คิดว่าเขาตายไปแล้วหรือไงกัน?


ตอนนี้ยังคิดจะมาขอเงินจากเขาอีก ฝันกลางวันชัด ๆ!


“ฉันบอกเธอตั้งแต่แรกแล้วว่าท้องก็ให้อยู่อย่างสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าไปทำตัวโอ้อวดใส่คนอื่นนัก ตัวเองไม่รู้จักสงบเสงี่ยมเองแล้วจะโทษใครได้ล่ะ? แต่เมื่อก่อนเธอรู้จักพ่อบุญธรรมเยอะขนาดนั้นเงินหนึ่งล้านก็น่าจะไม่สะทกสะท้านอะไรนี่นา แล้วจะไปใส่ใจมากขนาดนั้นทำไมล่ะ?”


เฮ่อเหลียนเช่อฝีปากร้ายไม่เบา เขาสามารถพูดจาแดกดันจนคุณอับอายได้แต่นึกอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียให้รู้แล้วรู้รอด


อู่เยวี่ยโกรธจนเริ่มปวดท้องน้อยขึ้นมาเนือง ๆ หลังจากผ่านเดือนที่สี่มาไม่รู้ว่าเด็กในท้องเธอเป็นอะไรถึงทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยมากและจะโกรธหน่อยไม่ได้เลย


“คุณชายเช่อ ฉันไม่ได้ทำเพื่อความแค้นส่วนตัวเลย จะว่าอย่างไรตอนนี้ฉันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคุณนายเฮ่อเหลียนแล้ว เหตุที่ทำก็เพราะอยากเชิดหน้าชูตาให้คุณต่างหาก” อู่เยวี่ยเรียกกำลังใจกล่าวออกไปอย่างไม่พอใจนัก


เฮ่อเหลียนเช่อหน้าขรึมทันทีพลางตวาดด่า “ฉันจำเป็นต้องให้ผู้หญิงอย่างเธอมาช่วยเชิดหน้าชูตาเหรอ? ใครก็ได้ จับตาดูคุณนายให้ดี อย่าให้เธอออกไปเพ่นพ่านข้างนอกเด็ดขาด ถ้าเกิดคุณชายเล็กเป็นอะไรขึ้นมาฉันจะตัดหัวพวกแกซะ”


บรรดาลูกน้องสะดุ้งเฮือกได้แต่ผงกศีรษะรับอย่างหวาดกลัว เฮ่อเหลียนเช่อบอกว่าจะตัดศีรษะก็คือตัดศีรษะจริง ๆซึ่งไม่มีทางเปลี่ยนใจไปตัดแขนหรือขาแทนเด็ดขาด พวกเขายังอยากมีชีวิตต่อ ไม่อยากตายเลยสักนิดเดียว!


อู่เยวี่ยมองเฮ่อเหลียนเช่อด้วยความตกใจและยิ่งเจ็บท้องหนักไปอีกจนแทบทรงตัวยืนไม่ไหว คุณหมอข้าง ๆถลาเข้ามาประคองเธอไว้


เฮ่อเหลียนเช่อปรายตามองด้วยความเย็นชาด้วยท่าทีเรียบนิ่งราวกับกำลังยืนมองคนแปลกหน้า


“ถ้าเด็กคนนี้เป็นอะไรไป พวกแกทุกคนจะต้องถูกเอาไปฝังพร้อมกับเด็กคนนี้ รวมถึงแกด้วย!”


เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยประโยคนี้จบด้วยความเยือกเย็น จากนั้นก็ก้าวขายาวจากไปอย่างไม่คิดจะอยู่นานกว่านี้แม้แต่นาทีเดียว


อู่เยวี่ยคอยมองแผ่นหลังของเขาพร้อมหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง


ไม่เหลือความหวังอะไรจากเฮ่อเหลียนเช่ออีกแล้ว เธอจะต้องรีบหาทางอื่น เธอก้มมองหน้าท้องนูนก่อนจะเริ่มมีความหวังขึ้นมาใหม่


ไม่ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะไม่ชอบเด็กคนนี้มากแค่ไหนแต่กลับแก้ไขความจริงที่ว่าเด็กคนนี้เป็นผู้สืบตระกูลหนิงไม่ได้ เธอยังต้องใช้เด็กคนนี้สร้างผลประโยชน์อยู่ดี


หลังถูกอู่เยวี่ยลอบแทงทีหนึ่งจึงทำเอาเหมยเหมยยิ่งนึกก็ยิ่งไม่พอใจ แค่เสียดายที่ช่วงนี้อู่เยวี่ยทำตัวเหมือนเต่าในกระดองที่ไม่ยอมโผล่ศีรษะออกมา เธอคิดจะทำอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ควรลงมือจากตรงไหน


เหยียนหมิงซุ่นรู้ทันความคิดเธอเลยพูดปลอบว่า “สบายใจได้ ไม่นานก็จะมีคนช่วยแก้แค้นให้เธอเอง!”


เหมยเหมยตาเป็นประกาย “ใครเหรอ?”


เหยียนหมิงซุ่นส่งสายตามาแวบหนึ่ง…


เหมยเหมยเคยชินกับสายตาเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยเลศนัยแบบนี้มานานแล้วพลางก่นด่าใครบางคนในใจหลายสิบตลบ แต่ก็ยอมคลานเข้าไปหาแต่โดยดี เธอคิดจะใช้เรือนร่างแลกกับคำตอบ


……


………………………….


ตอนที่ 1955 ออกหมายตามล่าทั่วโลก


บรรเลงเพลงรักอย่างขันแข็งตลอดทั้งคืน


เหมยเหมยจะยังจำได้เช่นไรว่าต้องถามหาคำตอบอีกเพราะดันเหนื่อยจนเผลอหลับไปก่อน พอตื่นเช้ามาอีกวันถึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้จึงเค้นถามหยียนหมิงซุ่นว่าเป็นผู้วิเศษจากแห่งใด เธอถามด้วยความสงสัยจากใจจริงเพราะตอนนี้สถานะของอู่เยวี่ยคือภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่อ ภายในประเทศนอกจากเธอแล้วยังจะมีใครกล้าหาเรื่องนางแพศยานี้อีกล่ะ?


เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่เล่นลิ้นกับเธออีกพลางบอกชื่ออีกฝ่ายไปตามตรง “โจวจื่อหัว”


“เขาเองเหรอ มิน่าล่ะ” เหมยเหมยเข้าใจในฉับพลัน


โจวจื่อหัวมีความแค้นกับอู่เยวี่ยชนิดที่อยู่ใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้เพราะฆ่าภรรยาและหยามศักดิ์ศรีหลานสาวของเขา การที่เขาคิดจะหาทางเอาคืนอู่เยวี่ยนั้นเป็นเรื่องปกติมาก เพียงแต่–


“โจวจื่อหัวอยู่ฮ่องกงไม่ใช่เหรอ? เขาจะคิดบัญชีแค้นกับอู่เยวี่ยอย่างไรล่ะ?” เหมยเหมยค่อนข้างกังวลอยู่ดี


เหตุผลที่ว่ามังกรผู้แข็งแกร่งมักเอาชนะงูถิ่นไม่ได้ โจวจื่อหัวเป็นพี่ใหญ่ของฮ่องกงแต่พอมาอยู่ในแผ่นดินใหญ่โจวจื่อหัวก็ไม่เหลืออะไรอีก เขาจะทำอะไรอู่เยวี่ยได้ล่ะ?


เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างมีเลศนัยเล็กน้อยและเริ่มเล่นลิ้น เขาให้เหมยเหมยคอยจับตาดูเรื่องราวต่อจากนี้เงียบ ๆอย่างไม่คิดจะบอกคำตอบแก่เธอ


“ไม่นานก็จะรู้เอง เธอรอดูเถอะ”


เหมยเหมยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง เกลียดคนที่ชอบพูดครึ่ง ๆกลาง ๆแบบนี้ที่สุดเลย


แต่คราวนี้เธอไม่ได้รอนานนักเพราะโจวจื่อหัวจัดการทุกอย่างว่องไวดี สมกับที่เป็นตาแก่สุนัขจิ้งจอกผู้โหดเหี้ยมจริง ๆ ต่อให้จะทานเจสวดมนต์มากเพียงใดก็เป็นพระโพธิสัตว์ไม่ได้หรอก


สุขภาพโจวจื่อหัวฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเพราะยาวิเศษบำรุงร่างกายของเหมยเหมย ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากเหยียนหมิงซุ่นจนกำจัดลูกน้องที่คิดจะทรยศได้จึงทำให้ภายในแก๊งสงบสุขอย่างมาก ดังนั้นย่อมสามารถออกมาจัดการคนแพศยาอย่างอู่เยวี่ยได้แล้ว!


วิธีของโจวจื่อหัวเองก็ชั้นต่ำใช้ได้เพราะปกติคนที่มีสถานะใหญ่โตไม่มีทางทำเช่นนี้ พวกเขากลัวขายหน้าแต่โจวจื่อหัวไม่สนใจอะไรอีกแล้ว


ภรรยาตาย หลานสาวเกือบถูกทำลาย ส่วนตัวเขาเองก็รอดตายมาแล้วรอบหนึ่ง เขามีอะไรให้ต้องพะวงอีกล่ะ?


ตอนนี้เหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือนก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว หลายครอบครัวเริ่มเตรียมของไว้สำหรับฉลองวันปีใหม่จึงทำให้ตามถนนซอกตรอกซอยเต็มไปด้วยกลิ่นอายวันปีใหม่ โจวจื่อหัวเลือกทำการจู่โจมในเวลานี้ซึ่งเจตนาชัดเจนมากว่าไม่อยากให้อู่เยวี่ยใช้ช่วงเวลาวันปีใหม่ได้อย่างมีความสุข


ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้หนิงเฉินเซวียนกับเฮ่อเหลียนเช่อสุขสบายเช่นกัน


เหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวเขาแม้อู่เยวี่ยจะเป็นฆาตกรทางตรงแต่ไอ้สารเลวสองคนนี้ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน อู่เยวี่ยฟังคำสั่งจากพวกเขาทั้งสิ้น


โจวจื่อหัวได้ลงคำแถลงบนหนังสือพิมพ์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในฮ่องกงซึ่งเป็นบทความลายมือของเขาเอง แม้จะเขียนได้ไม่ลื่นไหลนักแต่กลับมีเนื้อความเถรตรงทั้งยังมีคำผิดด้วยบางส่วน แต่คำแถลงการณ์นี้ยังคงถูกจัดวางไว้ตำแหน่งสะดุดตามากที่สุดบนหน้าหนังสือพิมพ์ ยอดขายหนังสือพิมพ์วันนั้นพุ่งกระฉูดและทุกคนแทบมีกันคนละฉบับ


คำแถลงมีทั้งตัวอักษรและรูปภาพที่แสดงเนื้อหาสั้น ๆง่าย ๆหรือความจริงควรบอกว่าเป็นประกาศออกหมายจับ เป็นหมายตามล่าทั่วโลกโดยมีคู่กรณีคืออู่เยวี่ย ไม่สิ ควรบอกว่าเป็นโอหยางซานซาน


โจวจื่อหัวได้พิมพ์รูปถ่ายของโอหยางซานซานไว้บนหน้าหนังสือพิมพ์ที่ไม่ได้มีเพียงรูปเดียวแต่มีทั้งรูปหน้าตรง รูปมุมข้าง รูปทั้งตัว รูปครึ่งตัวอย่างครบครัน ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงสั่งประกาศตามล่าทั่วโลกหรือ?


นั่นเพราะโอหยางซานซานได้กระทำในสิ่งที่ผิดต่อเขา กล่าวสั้น ๆก็คือสวมเขา ทั้งยังทำให้ภรรยาของเขาต้องเสียชีวิตรวมเป็นความผิดสองกระทง


เนื่องจากโอหยางซานซานยังคงสถานะเป็นชู้รักของโจวจื่อหัวเหมือนเดิมจนถึงตอนนี้


ปกติโจวจื่อหัวมีกฎเหล็กหนึ่งข้อที่ชู้รักของเขาต้องถูกบอกเลิกโดยเขาเพียงคนเดียว หากเขาไม่เคยประกาศเช่นนี้ชู้รักคนนี้จะเป็นชู้รักของเขาตลอดกาล ใครก็อย่าได้คิดไม่ซื่อกับชู้รักของเขาเป็นอันขาด


กฎนี้ชาวฮ่องกงต่างรู้กันดี ฉะนั้นปกติแล้วชู้รักที่โจวจื่อหัวเคยเลี้ยงดูจะไม่มีใครกล้าไปแหยมด้วย โจวจื่อหัวได้บอกในคำแถลงว่าอู่เยวี่ยเป็นฝ่ายเข้าไปยั่วยวนเฉินกั๋วเปียวและทำให้ภรรยาของเขาต้องเสียชีวิต


ด้วยเหตุนี้จึงมีความแค้นชนิดอยู่ภายใต้ผืนฟ้าเดียวกันไม่ได้ ต่อให้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรกเขาก็ไม่มีวันปล่อยคนแพศยาอู่เยวี่ยไปเด็ดขาดและจะต้องแก้แค้นให้ภรรยาให้ได้!


ฉะนั้นโจวจื่อหัวได้ออกหมายตามล่าทั่วโลก เป็นเชิงว่าในชีวิตที่เหลือของเขาจะต้องทำให้อู่เยวี่ยตายทั้งเป็น


อีกทั้งเขายังได้ประกาศข่าวสำคัญในคำแถลงฉบับนี้ด้วยเช่นกัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)