อัจฉริยะสมองเพชร 1944-1945

 ตอนที่ 1944 ลอบสังหาร?

“คุณจะรีบร้อนไปหน่อยไหม? ผมไม่รู้เลยว่าสำนักเจ้าเมืองมีนิสัยชอบด่วนสรุป” ตั้นเฉี่ยวเทียนคำราม เขาหันไปมองหัวเจียงเหอ จากนั้นก็ประสานมือและตั้งคำถามอย่างสุภาพ “ศิษย์พี่หัว ผมขอเบิกตัวพยาน!”


“ได้สิ” หัวเจียงเหอพยักหน้า


“เข้ามา!” ตั้นเฉี่ยวเทียนมองออกไปข้างนอกและออกคำสั่ง


ร่างหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีดำและหมวกฟางเพื่ออำพรางตัวอย่างมิดชิดเดินออกมาจากหมู่ฝูงชน เขายืนอยู่หน้าการไต่สวน จากนั้นก็ถอดหมวกออกช้าๆ


“เขาคือเฉาเฉิงลี่!”


“คุณหมายถึงหัวหน้ากองโจรคนนั้น?”


“เขากล้าเดินเข้ามาในสำนักเจ้าเมืองเลยหรือ? บังอาจ! ฆ่าเขาเสีย!”


“เขาคือพยานที่ตั้นเฉี่ยวเทียนเรียกมาใช่ไหม? ดูเหมือนทั้งคู่จะรวมหัวกันจริงๆ!”


…..


เมื่อเห็นร่างนั้นใกล้ๆ ฝูงชนแทบจะคลุ้มคลั่ง


คนที่เพิ่งเข้ามาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวหน้ากองโจร, เฉาเฉิงลี่


ที่ซ่อนของหมอนี่อยู่ในส่วนลึกของหุบเขาที่อยู่ไกลออกไป เขาเชี่ยวชาญมากในการบุกป่าฝ่าดงในภูมิประเทศที่ซับซ้อน ด้วยเหตุนี้ ความพยายามหลายต่อหลายครั้งของสำนักเจ้าเมืองที่จะจับกุมเขาจึงล้วนแต่คว้าน้ำเหลว…แต่หมอนี่กล้าเดินอาดๆเข้ามาในสำนักเจ้าเมือง? ใครทำให้เขาอาจหาญได้ขนาดนั้น?


“ทุกคนเห็นไหม? เฉาเฉิงลี่ทำตามคำสั่งของตั้นเฉี่ยวเทียน! ชัดเจนเลยว่าพวกเขารวมหัวกัน!” เฉว่เฉินตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดตัวลอย


หลักฐานที่มีก่อนหน้านี้ล้วนแต่มาจากการสังเกตและพยานที่อยู่โดยรอบ แต่หมอนี่กลับนำตัวหัวหน้ากองโจรเข้ามา


นี่คือการตัดสินใจที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ใครสักคนหนึ่งจะทำได้ในสถานการณ์แบบนี้


“รวมหัว?” ตั้นเฉี่ยวเทียนหัวเราะลั่นขณะมองเฉาเฉิงลี่ที่สวมเสื้อคลุมสีดำ “ทำไมเราไม่ฟังจากปากของเจ้าตัวล่ะว่าเขารวมหัวกับใครกันแน่?”


“เป็นเขา!” เฉาเฉิงลี่ก้าวออกมาและชี้นิ้วไปที่เฉว่เฉินกับเฉว่ชิง “เธอก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”


“คุณพูดเหลวไหลอะไรออกมา? กล้าพูดโกหกในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยุติธรรมแบบนี้หรือ?” เฉว่เฉินเลิกคิ้วขณะรีบปฏิเสธคำกล่าวหาของเฉาเฉิงลี่


“พูดเหลวไหล?” เฉาเฉิงลี่กำหมัดแน่นด้วยความโมโหเดือด เขาหันกลับไปมองฝูงชนแล้วตั้งต้นทบทวนเรื่องราวด้วยเสียงดังฟังชัด “เมื่อคืนวาน เฉว่เฉินไปหาผมถึงที่พัก เอ่ยปากให้ผมลอบสังหารชายผู้หนึ่ง ขอแค่ผมสังหารเป้าหมายได้สำเร็จ เขาก็จะมอบเงินให้ผม 50,000 เหรียญนิรันดร์ ผมสืบเสาะอยู่สักพักและพบว่าชายที่ผมจะต้องสังหารเป็นคนอ่อนแอ จึงรีบตอบรับคำขอของเขา!”


“ลอบสังหาร?”


“อ่อนแอ?”


ในหมู่ฝูงชน มีผู้ปราดเปรื่องอยู่จำนวนหนึ่งที่คาดเดาไว้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขารีบหันกลับไปมองตั้นเฉี่ยวเทียน


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำพูดเหล่านั้นคือสิ่งที่ใช้พูดถึงตั้นเฉี่ยวเทียนอยู่บ่อยครั้ง


“ใช่ เป้าหมายของการลอบสังหารไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตั้นเฉี่ยวเทียน!” เฉาเฉิงลี่ตอบข้อสงสัยของฝูงชน “ผมจึงเตรียมการลอบโจมตีเขาในคืนนั้น แต่ตั้นเฉี่ยวเทียนกลับแข็งแกร่งกว่าที่ผมคิดไว้มาก ภารกิจลอบสังหารของผมจึงล้มเหลว สมาชิกในกองโจรของผมทุกคนถูกเขาจัดการเรียบ…”


มันออกจะน่าตกใจเกินไปหากเขาพูดว่าบรรดาลูกน้องของเขาถูกสังหารโดยม้าตัวหนึ่งและเกี้ยวหลังหนึ่ง ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ปรับเปลี่ยนเรื่องราวให้ดูน่าเชื่อถือกว่าเดิมสักนิดย่อมดีกว่า


“เพราะความโชคดีที่ทำให้ผมหนีเอาชีวิตรอดมาได้ ผมรีบกลับไปพบเฉว่เฉินและเรียกร้องค่าชดเชยจากเขาสำหรับข้อมูลที่ผิดพลาดซึ่งนำไปสู่ความตายของลูกน้องของผมจำนวนมากมาย แต่เขากลับมอบเงินให้ผมเพียง 500 เหรียญนิรันดร์ ด้วยความโมโห ผมสะกดรอยตามเขากลับไปถึงที่พัก หวังว่าจะได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่สิ่งที่ผมได้เห็นก็คือเฉว่เฉินเข้าสู่สำนักเจ้าเมือง และในตอนนั้นเองที่ผมคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ อีกอย่าง…ด้วยความบังเอิญ ผมได้บันทึกภาพนี้ไว้ในผลึกบันทึก กรุณาตรวจสอบดู” เฉาเฉิงลี่พูดขณะเริ่มเปิดใช้งานผลึกบันทึกที่เขาบันทึกภาพเมื่อคืนก่อนไว้


ภาพนั้นเผยให้เห็นลานบ้านของสำนักเจ้าเมืองที่ได้รับการอารักขาอย่างเข้มงวด สิ่งแรกที่ปรากฏต่อสายตาคือทหารกลุ่มใหญ่ที่ยืนเรียงกันเป็นระเบียบภายใต้คำสั่งของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง, เฉว่เฉิน ซึ่งยืนอยู่แถวหน้า ทหารเหล่านั้นถอดชุดเกราะของตัวเองออกและเปลี่ยนไปสวมเสื้อผ้าสีดำของเหล่ากองโจร หลังจากทุกคนเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เฉว่เฉินก็สั่งการเสียงดังฟังชัด “ในภารกิจนี้ ตั้นเฉี่ยวเทียนกับทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาจะต้องถูกสังหารหมดสิ้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม!”


บันทึกภาพไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น ผู้บันทึกภาพได้ติดตามกองทหารที่แต่งกายในชุดน่าสงสัยขณะที่พวกเขาพากันข้ามถนน มุ่งหน้าสู่บ้านพักของตั้นเฉี่ยวเทียน


“บันทึกภาพนี้ดูเหมือนกับบันทึกภาพที่เล่นเมื่อครู่ก่อน น่าจะถูกบันทึกในระยะเวลาเดียวกัน…”


“ผมคิดว่าคนที่สวมเสื้อผ้าพวกนั้นคือพวกกองโจร ใครจะไปคิดว่าแท้ที่จริงแล้วคือกองทหารของสำนักเจ้าเมือง…”


“เดี๋ยวก่อน หมายความว่ากองทหารของสำนักเจ้าเมืองจงใจปลอมตัวเป็นกองโจรเพื่อสังหารคนอื่นใช่ไหม?”


…..


ไม่ช้าผู้ชมบางส่วนก็รู้สึกได้ว่าสภาพแวดล้อมที่ปรากฏในบันทึกภาพของเฉาเฉิงลี่เหมือนกับ บันทึกภาพที่ถูกเล่นก่อนหน้านี้ เพียงแต่ถ่ายจากคนละมุมกัน


จากเสื้อผ้า พวกเขาเข้าใจโดยอัตโนมัติว่าคนชุดดำกลุ่มนั้นคือพวกกองโจร แต่กลับกลายเป็นเพียงเปลือกนอก แท้ที่จริงแล้วคือกองทหารของสำนักเจ้าเมือง!


ฟึ่บ!


ภาพหยุดลงหลังจากที่กองทหารเข้าสู่บ้านพักตระกูลตั้น เฉาเฉิงลี่เก็บผลึกบันทึก จากนั้นก็มองหน้าเฉว่เฉินและตั้งคำถาม “คุณยังมีอะไรจะแก้ตัวไหม?”


“คุณ…นั่นมันหลักฐานปลอม!” เฉว่เฉินหน้าซีดด้วยความพรั่นพรึง


เขานึกไม่ถึงว่าจะมีใครติดตามเขาและบันทึกภาพเหล่านี้


“หลักฐานปลอม? คุณพูดราวกับว่าสร้างหลักฐานปลอมได้ง่ายๆอย่างนั้นแหละ ทำไมคุณไม่พยายามสร้างหลักฐานปลอมสักชิ้นล่ะ?” เฉาเฉิงลี่คำราม


เป็นไปไม่ได้ที่จะปรับเปลี่ยนภาพที่ถูกบันทึกไว้ในผลึกบันทึก และการยืนยันจากเพื่อนบ้านของตั้นเฉี่ยวเทียนก็ยิ่งตอกย้ำข้อเท็จจริงในบันทึกภาพของเฉาเฉิงลี่ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น


“ผม…” เฉว่เฉินหน้าซีดเผือดขณะถอยกรูด “นี่มันเหลวไหลทั้งเพ! คุณหมั้นหมายกับนายหญิงน้อยที่ 2, และด้วยความปราดเปรื่องของคุณ ทำไมพวกเราจะต้องสังหารคุณด้วย? สำนักเจ้าเมืองโง่เง่าถึงขนาดคิดจะทำอะไรแบบนั้นหรือ?”


“ข้อโต้แย้งของเฉว่เฉินก็ฟังขึ้นนะ…”


ฝูงชนรีบหันกลับไปมองตั้นเฉี่ยวเทียน อยากรู้ว่าเขาจะอธิบายอย่างไร


ในเมื่อทั้งสองมีสัญญาผูกมัดการแต่งงานต่อกัน ก็ควรจะเป็นเรื่องดีสำหรับสำนักเจ้าเมืองที่ตั้นเฉี่ยวเทียนกลายเป็นอัจฉริยะ หรือหากคิดในอีกแง่หนึ่ง ต่อให้เฉว่ชิงกับตั้นเฉี่ยวเทียนเกิดความไม่เห็นพ้องต้องกัน ก็แค่ยกเลิกสัญญาผูกมัดการแต่งงาน เรื่องก็จบ สำนักเจ้าเมืองถึงกับต้องวางแผนลอบสังหารตั้นเฉี่ยวเทียนเลยหรือ?


เรื่องนี้ฟังดูไม่สมเหตุสมผลนัก


“คุณกำลังถามผมว่าทำไมคุณถึงอยากฆ่าผม? ดูเหมือนความจำของคุณจะไม่ค่อยดีนะ บางทีสิ่งนี้อาจช่วยทบทวนความจำของคุณได้!” ตั้นเฉี่ยวเทียนหัวเราะหึๆขณะนำผลึกบันทึกอีกอันหนึ่งออกมาเพื่อเปิดเผยบันทึกภาพที่อยู่ภายใน


“คุณก็รู้ว่าฉันมาที่นี่ทำไม แต่แทนที่จะออกไปต้อนรับฉันด้วยตัวเอง กลับส่งเจ้าคนใช้ต่ำต้อยมามอบสัญญาผูกมัดการแต่งงานให้ คุณคิดหรือว่ามันจะจบง่ายๆแบบนั้น?”


ในภาพ ท่าทีของเฉว่ชิงทั้งเย็นชาและหยาบคาย ราวกับสูงส่งเสียเต็มประดา


“ที่ฉันต้องการจากคุณน่ะไม่มากมายอะไรหรอก ก็แค่อยากให้คุณประกาศให้ทั้งเมืองรู้ว่าคุณคือคนที่ตัดสินใจยกเลิกการแต่งงานของเราเพราะคุณรู้สึกว่าคุณไม่คู่ควรกับฉัน ท่านพ่อของฉันคงจะใช้เวลาใคร่ครวญระยะหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเคารพความคิดเห็นของคุณและระงับการแต่งงานของเราไว้ ไอ้การที่คุณมอบกระดาษแผ่นนั้นให้ฉันน่ะ คิดหรือว่าจะให้ฉันเที่ยวบอกใครๆว่าตัวฉัน, เฉว่ชิง ไม่ยอมแต่งงานกับคุณ ฉันจะปล่อยให้ชื่อเสียงของสำนักเจ้าเมืองผู้ทรงเกียรติต้องด่างพร้อยได้อย่างไร?”


“อ๋อ เรื่องนั้นง่ายนิดเดียว! ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลตั้นทำร้ายผู้คนไปไม่น้อย ถูกไหม? คุณควรจะรู้ตัวนะว่าถ้าไม่ใช่เพราะการหมั้นหมายระหว่างคุณกับเฉว่ชิง คุณคงตายไปหลายครั้งหลายหนแล้ว” เฉว่เฉินคำรามเยาะอยู่ในบันทึกภาพ


“การตายของคุณจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสำนักเจ้าเมืองได้อย่างไร? เรื่องเป็นอย่างนี้นะ ท่านเจ้าเมืองจะโกรธกริ้วอย่างหนักเมื่อรับรู้การตายของคุณ เขาจะส่งคนออกตามล่าตัวการเพื่อล้างแค้นให้ ส่วนนายหญิงน้อยที่ 2 ของเรา, เธอจะคร่ำครวญโศกเศร้าอยู่นาน และลงท้ายก็ตัดสินใจจะออกจากดินแดนแห่งความอาดูรนี้ไป และมุ่งหน้าสู่สำนักดาบเมฆเหิน!”


…..


ผลึกบันทึกเปิดเผยความหยาบคายและเจตนาร้ายของทั้งเฉว่เฉินและเฉว่ชิงอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคำพูด สีหน้า หรือกิริยา!


“กลับกลายเป็นว่าเธอคือผู้ที่อยากยกเลิกสัญญาผูกมัดการแต่งงาน แต่ไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธ เพื่อรักษาชื่อเสียงไว้ จึงยอมทำแม้กระทั่งลดตัวลงไปสังหารเขา…”


“ใจคอเหี้ยมโหดอะไรอย่างนี้!”


“ชื่อเสียงของสำนักเจ้าเมืองโดดเด่นเป็นสง่ามานานหลายปี ใครจะไปคิดว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเขา ซ่อนการกระทำอันชั่วร้ายโหดเหี้ยมไว้?”


“น่าอับอายเหลือเกิน…ผมไม่เคยรู้สึกอับอายที่ต้องเป็นพลเมืองของเมืองชวนเจียงมากเท่านี้!”


…..


เมื่อได้ดูบันทึกภาพแล้ว ก็ไม่มีใครที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น นัยน์ตาของพวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยวขณะหันกลับไปมองเฉว่เฉินกับชเวชิง


“คะ-คุณ…”


เฉว่ชิงหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนพละกำลังถูกดูดออกจากร่าง ทำให้เธอทรุดฮวบลงกับพื้น


เธอเคยคิดว่าทุกอย่างคงถูกจัดการอย่างเรียบร้อย เธอจะเป็นอิสระจากเจ้าขยะนี่ แถมชื่อเสียงก็จะโด่งดังกว่าเดิม…แต่ทุกอย่างกลับลงเอยในทิศทางที่เธอคาดไม่ถึง ทุกสิ่งที่เธอเคยทำไว้ถูกเปิดโปงต่อหน้าสาธารณชนอย่างหมดเปลือก!


นับจากวันนี้ไป ชื่อเสียงของเธอป่นปี้ไม่มีเหลือ


ทุกคนจะจดจำเธอในฐานะผู้หญิงหัวใจเย็นชาที่ยอมลดตัวลงไปรวมหัวกับกองโจรเพียงเพื่อสังหารคู่หมั้นของตัวเองอย่างเลือดเย็น…


ใครจะกล้าแต่งงานกับเธอเมื่อเธอมีกิตติศัพท์แบบนี้?


เมื่อเรื่องแบบนี้เกิดกับตั้นเฉี่ยวเทียนได้ จะมีอะไรรับประกันว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนต่อไป?


“ไอ้พวกสวะ! วันนี้ฉันจะสั่งสอนพวกแกในฐานะที่บังอาจสร้างหลักฐานปลอมเพื่อใส่ร้ายสำนักเจ้าเมือง!” เฉว่เฉินคำรามก้องขณะกระโจนเข้าใส่ตั้นเฉี่ยวเทียนกับเฉาเฉิงลี่


เกิดลมพัดหอบใหญ่ พละกำลังจากฝ่ามือของเขาพุ่งออกไปอย่างหนักหน่วง


หลังจากเรื่องที่เกิดทั้งหมด เฉว่เฉินรู้ดีว่าเขาจนมุมแล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้ก็คือปิดปากตั้นเฉี่ยวเทียนกับเฉาเฉิงลี่เสีย มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะทำให้เขากอบกู้สถานการณ์ได้ดังเดิม


ด้วยวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 3 เขาสกัดกั้นทุกอย่างภายในห้องนั้นไว้อย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา ทั้งตั้นเฉี่ยวเทียนกับเฉาเฉิงลี่ก็รู้สึกเหมือนมีหมาป่าโหดเหี้ยมคอยจับจ้องอยู่ ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านจากภายใน


ตอนที่ 1945 หน้าไม่อายอะไรขนาดนี้?

“บังอาจ!”


หัวเจียงเหอหรี่ตาอย่างโกรธจัด เขาไม่คิดว่าเฉว่เฉินจะกล้าฆ่าใครต่อหน้าเขาแบบนี้


ดูเหมือนอีกฝ่ายจงใจดูถูกเขาด้วย!


หัวเจียงเหอคว้าดาบทันที ตั้งใจจะยับยั้งเฉว่เฉิน แต่ในชั่วพริบตา ก็รู้สึกว่ามีฝ่ามือหนึ่งผลักมือของเขา กันไม่ให้เขาชักดาบออกมาได้ เขาจ้องคนผู้นั้น เห็นเจ้าเมืองเฉว่เหยากำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มสุขุม “นายท่านเหอ ไม่มีอะไรต้องกังวล เฉว่เฉินกำลังขู่ 2 คนนั่นเท่านั้น เขาไม่คิดจะเล่นงานทั้งคู่จริงๆหรอก ในฐานะศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหิน คุณไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาเกี่ยวข้องกับกิจธุระในเมืองของเรา!”


คำพูดนั้นทำให้หัวเจียงเหอหรี่ตาอีกครั้ง


ไม่มีทางที่เขาจะตีความเจตนาสังหารของเฉว่เฉินผิด มันไม่ใช่การขู่ แต่คือการจงใจฆ่า ถ้าพลังจากฝ่ามือนั้นเข้าถึงเป้าหมาย ทั้งคู่จะต้องตายทันที


และเมื่อทั้งคู่ถูกกำจัด เจ้าเมืองเฉว่เหยาก็จะออกมาแสดงความเสียใจที่ไม่อาจควบคุมลูกน้องให้ทำตัวเหมาะสมได้ จากนั้นเขาก็จะขังเฉว่เฉินไว้สักระยะหนึ่งจนกว่าเรื่องจะซา…


ถึงตอนนั้น ตั้นเฉี่ยวเทียนกับเฉาเฉิงลี่ก็ตายไปแล้ว แล้วจะมีใครกล้าตั้งคำถามกับเจ้าเมืองเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้คนตาย?


และเมื่อทุกอย่างเงียบหาย เฉว่เฉินก็จะได้รับการปล่อยตัวราวกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น


“ไม่นะ!”


เมื่อต้องเผชิญกับพละกำลังทำลายล้างจากฝ่ามือของเฉว่เฉิน เฉาเฉิงลี่หน้าซีดเผือด เหงื่อหยดเป็นทางจากหน้าผาก


เขามาที่นี่เพียงเพื่อชดเชยความเสียหายให้ตั้นเฉี่ยวเทียนภายใต้คำสั่งของหนังสือลึกลับเล่มนั้น…ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตมาทิ้ง!


ขณะที่กำลังคิดว่าโชคชะตาคงถูกปิดตายแล้ว พละกำลังหนักหน่วงที่มุ่งหน้ามาทางเขาก็สลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เฉาเฉิงลี่เงยหน้าขึ้นด้วยความพรั่นพรึงเพื่อแอบมอง เห็นนักปราชญ์โบราณขั้น 3 ที่อยู่ตรงหน้าเขาทรุดฮวบลงไร้เรี่ยวแรงอยู่กับพื้น


“ฮะ?”


เฉาเฉิงลี่รีบเข้าไปตรวจสอบร่างของเฉว่เฉินอย่างระแวง เห็นบาดแผลขนาดเล็กที่บริเวณหน้าผากยาวไปจนถึงด้านหลังศีรษะ เขาทาบนิ้วที่รูจมูกของเฉว่เฉินอย่างระมัดระวัง และได้รู้ว่าอีกฝ่ายหมดลมหายใจเฮือกสุดท้ายไปแล้ว นิ้วของเขาสั่นเทาด้วยความตกตะลึง


เฉาเฉิงลี่จังงังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเหลียวมองไปรอบๆอย่างคลุ้มคลั่งเพื่อหาอาวุธของฆาตกร แต่สิ่งเดียวที่เขาเห็นคือต้นหญ้าลึกลับที่ปักอยู่กับพื้น มีร่องรอยสีเทาเปื้อนอยู่บนต้นหญ้านั้น ถึงจะเหลือเชื่อขนาดไหน แต่ก็ดูเหมือนว่ามันคืออาวุธที่ใช้คร่าชีวิตของเฉว่เฉิน!


ต้นหญ้าบอบบางต้นหนึ่งสามารถเจาะศีรษะของนักปราชญ์โบราณขั้น 3 ได้…ผู้ที่ใช้มันจะต้องทรงพลังขนาดไหน?


ความรู้สึกที่ว่ามีผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังอยู่รอบตัวซึ่งสามารถคร่าชีวิตของเขาได้ทุกขณะทำให้เฉาเฉิงลี่เกิดความพรั่นพรึงอย่างหนัก เขาตัวแข็งด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว


ส่วนหัวเจียงเหอก็เดินเข้ามาดูภาพนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ


ตัวเขาเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ขั้นต้นเหมือนกับเจ้าเมืองเฉว่เหยา แต่ก็รู้ดีว่าแม้ตัวเขาก็ไม่อาจทำอะไรแบบนี้ได้


โครงสร้างของต้นหญ้าที่อ่อนแอทำให้ไม่อาจสำแดงพละกำลังผ่านตัวมันหรือถ่ายทอดพลังปราณเข้าไปในนั้นได้ แต่มันก็สังหารนักปราชญ์โบราณขั้น 3, แทงทะลุชั้นพลังปราณของเขาและถึงกับทะลุศีรษะด้วย…


ที่สำคัญกว่านั้น ขนาดเรื่องนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวการเป็นใคร หรือแม้แต่ต้นหญ้านั้นมาจากไหน!


ราวกับว่าต้นหญ้าโผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้!


เจ้าเมืองเฉว่เหยาตกตะลึงพอๆกับหัวเจียงเหอ ร่างของเขาเย็นเฉียบ


เขารู้ดีว่าหากตัวเองอยู่ในตำแหน่งของเฉว่เฉิน การโจมตีนั้นคงคร่าชีวิตเขาได้โดยง่ายเช่นกัน


คนเดียวในบริเวณนั้นที่ดูจะไม่ประหลาดใจคือตั้นเฉี่ยวเทียน เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะครุ่นคิด “ท่านอาจารย์ของเรา…ไร้เทียมทานจริงๆ!”


เขารู้ดีว่าท่านอาจารย์ของเขาเป็นนักรบที่พิเศษเหนือชั้นกว่าธรรมดา แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังขนาดนี้


ตั้นเฉี่ยวเทียนระงับความตื่นเต้นและประหลาดใจไว้ เขากำลังจะพูดต่อ ก็พอดีกับที่เห็นเจ้าเมืองเฉว่เหยาลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าขุ่นเคืองใจ “เฉว่เฉินกล้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้อย่างไร? คิดดูสิว่าผมไว้ใจเขา มอบตำแหน่งสำคัญในฐานะหัวหน้าใหญ่ของสำนักเจ้าเมืองให้! ตอนนั้นผมคงหูหนวกตาบอด นี่ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่…แกะดำตัวนี้ควรจะถูกสังหารเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นๆ!”


ตั้นเฉี่ยวเทียนถึงกับผงะกับการระเบิดอารมณ์ของเฉว่เหยา


หมอนี่กำลังอ้างว่าตัวเขาคือผู้สังหารเฉว่เฉินอย่างนั้นหรือ?


หน้าไม่อายอะไรขนาดนี้?


“เฉี่ยวเทียน ผมขออภัยที่คุณต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำที่มีเจตนาร้ายของเฉว่เฉิน โชคดีที่คุณฉลาดพอจะอ่านเกมของเขาออก ไม่อย่างนั้น สำนักเจ้าเมืองของเราคงต้องตกหลุมพรางไปด้วย!”


เฉว่เหยาเดินเข้ามาหาตั้นเฉี่ยวเทียน วางท่าของผู้อาวุโสผู้เอาใจใส่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “การหมั้นหมายระหว่างคุณกับลูกสาวของผมเป็นการตัดสินใจของท่านปู่ของคุณกับท่านพ่อของผม ซึ่งทั้งสองก็เสียชีวิตไปแล้ว ในฐานะทายาทของพวกเขา เราไม่ควรทำให้พวกเขาผิดหวัง ผมเชื่อว่าเหตุผลที่เฉว่ชิงทำอะไรโง่เง่าแบบนั้นลงไปก็เพราะถูกเฉว่เฉินล่อลวง หมอนั่นมีความเชี่ยวชาญในการชักจูงความคิดของใครต่อใครอยู่แล้ว…”


ตั้นเฉี่ยวเทียนอดคำรามเยาะไม่ได้เมื่อเห็นเฉว่เหยาพลิกลิ้นให้เข้ากับสถานการณ์ได้ทันท่วงที สมกับที่เป็นเจ้าเมือง เขาคือหมาป่าเฒ่าเจ้าเล่ห์


เพราะท่านอาจารย์ของเขาให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว จึงไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวในสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งในบรรดาทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ ผู้ที่มีพละกำลังสูงสุดก็คือเฉว่เหยา จึงเป็นธรรมดาที่ใครๆจะพากันคิดว่าเขาคือผู้สังหารเฉว่เฉิน


เฉว่เหยาใช้โอกาสนี้ป้ายความผิดทั้งหมดให้เฉว่เฉิน ทำให้ดูเหมือนว่าสำนักเจ้าเมืองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย ซึ่งหลังจากเรื่องนี้เงียบหาย เขาก็จะใช้ทั้งพระเดชพระคุณให้ทุกคนตายใจ จากนั้น ความขัดแย้งที่ฝูงชนรู้สึกต่อสำนักเจ้าเมืองก็จะสลายไปอย่างรวดเร็ว


แต่นั่นแหละ…กำจัดลูกน้องผู้จงรักภักดีได้ในชั่วพริบตา เฉว่เหยาช่างใจคอโหดเหี้ยม!


“เจ้าเมืองเฉว่เหยา คุณนี่เป็นตัวตลกตัวเอ้เลยนะ” ตั้นเฉี่ยวเทียนหัวเราะหึๆก่อนนัยน์ตาจะพลันเย็นเยียบ “กองทหารทั้ง 50 นายที่สำนักเจ้าเมืองส่งไปเสียชีวิตแล้วเมื่อคืน จากนั้นก็มีการสืบสวนครั้งใหญ่ตามมา จะให้เราเชื่อหรือว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเฉว่เฉินคนเดียว คุณไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย?”


ความตายของกองทหารชั้นสูง 50 นายถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของสำนักเจ้าเมือง ไม่มีทางที่เฉว่เหยาจะไม่รู้ไม่เห็นเรื่องนี้!


แม้จะมีคนฉลาดอยู่จำนวนหนึ่งในหมู่ฝูงชนที่ฉุกคิดได้เช่นกัน แต่การกระทำของตั้นเฉี่ยวเทียนเทียนที่ชี้ให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาก็เรียกได้ว่าเป็นการท้าทายสำนักเจ้าเมืองโดยตรง


“ฮึ่มมม!”


นึกไม่ถึงว่าตั้นเฉี่ยวเทียนจะไม่ยอมจบทั้งที่เขายื่นข้อเสนอเจรจาสันติภาพแล้ว เฉว่เหยาหน้าตึง เขาส่งโทรจิตเตือนตั้นเฉี่ยวเทียน “ยังไม่พอใจกับความตายของเฉว่เฉินหรือไง? จะลากผมให้จบเห่ไปด้วยใช่ไหม? คิดสิคิด! มีหลักฐานอะไรมาพิสูจน์ว่าผมมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้?”


ตั้นเฉี่ยวเทียนเงียบกริบ


แม้ท่าทีของเฉว่ชิงจะเลวร้าย แต่เรื่องจริงก็คือแผนการส่วนใหญ่ถูกวางแผนและดำเนินการโดยเฉว่เฉิน ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีอะไรเชื่อมโยงโดยตรงที่บ่งบอกว่าเฉว่เหยามีส่วนรู้เห็นด้วย…อันที่จริง มีความเป็นไปได้ว่าแม้แต่เฉว่ชิงก็อาจปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัวได้ เพราะถึงอย่างไร ทั้งหมดที่เธอทำลงไปก็แค่ปฏิเสธสัญญาผูกมัดการแต่งงานเท่านั้น


พฤติกรรมของเธออาจดูไม่เหมาะสมหากมองด้วยจุดยืนทางจริยธรรม แต่ไม่ได้ขัดต่อกฎหมาย ไม่มีทางลากเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมครั้งนี้ได้ เว้นเสียแต่เขาจะพิสูจน์ได้ว่าเฉว่เฉินทำการใดๆลงไปภายใต้คำสั่งของฉเว่ชิง


“ถ้าคุณไม่มีหลักฐาน ผมขอแนะนำให้เงียบปากไว้ดีกว่า ผมรู้ว่าคุณมีผู้เชี่ยวชาญผู้ไร้เทียมทานคอยหนุนหลังอยู่ และนั่นคือเหตุผลที่คุณสังหารเฉว่เฉินได้อย่างง่ายดาย แต่ผมเป็นเจ้าเมืองชวนเจียง ขึ้นตรงกับสำนักดาบเมฆเหินเท่านั้น มีแต่เหล่าผู้อาวุโสของสำนักดาบเมฆเหินที่มีสิทธิ์มีเสียงในการตัดสินผม ถ้าผู้เชี่ยวชาญที่คอยหนุนหลังคุณกล้าแตะต้องผมล่ะก็ นั่นก็หมายความถึงการเข้ามาก้าวก่ายกับกิจการภายในของสำนักดาบเมฆเหิน…คุณคิดว่าทางสำนักจะปล่อยให้ใครสักคนที่ท้าทายอำนาจของเขาลอยนวลไปได้หรือไง? หรือคิดว่าคนที่หนุนหลังคุณอยู่เก่งกาจพอจะต้านทานแรงกดดันจากหนึ่งในสำนักใหญ่ได้?” เฉว่เหยาคำราม


“ถ้าคุณไม่อยากให้คนที่คอยช่วยคุณต้องเจอกับเรื่องยุ่งยากล่ะก็ ขอแนะนำให้คุณทำตามคำพูดของผมและปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป นั่นจะเป็นการจบเรื่องที่สวยงามที่สุดไม่ใช่หรือ? การแต่งงานระหว่างคุณกับฉเว่ชิงจะดำเนินไปตามแผนเดิม แล้วคุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องบรรดาศัตรูของตระกูลตั้น!”


ตั้นเฉี่ยวเทียนนัยน์ตาแดงก่ำด้วยความโกรธจัด แต่พูดอะไรไม่ออก


อันที่จริง เขาคาดเดาไว้แล้วว่าเจ้าเมืองเฉว่เหยาน่าจะมีบทบาทสำคัญต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตซึ่งส่งผลต่อความตายของครอบครัวของเขา และเขาก็อยากแก้แค้น!


แต่…สิ่งที่เฉว่เฉินพูดมาก็มีเหตุผล


หากทำตามครรลองคลองธรรม ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะตัดสินเฉว่เหยา ซึ่งหากท่านอาจารย์ของเขากล้าเล่นงานเฉว่เหยาโดยตรง ก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดศึกกับสำนักดาบเมฆเหิน!


ถึงท่านอาจารย์ของเขาจะทรงพลัง แต่เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งพอจะต้านทานสำนักดาบเมฆเหินทั้งสำนักได้


“ต่อให้ผมไม่พูดอะไรมากกว่านี้ ผมก็เชื่อว่าคุณคงรู้ดีว่าควรทำอะไร ถูกไหม?” เห็นตั้นเฉี่ยวเทียนเริ่มคล้อยตาม เฉว่เหยาคำราม “ถ้าคุณโง่เง่าพอที่จะคิดว่าตัวเองรับมือไหว ขอผมบอกความจริงให้คุณรับรู้อีกครั้งนะ เว้นเสียแต่ผู้อาวุโสสักคนของสำนักดาบเมฆเหินจะได้ยินเสียงวิงวอนของคุณและมาปรากฏตัวตอนนี้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คุณมีแต่จะขุดหลุมฝังตัวเองเท่านั้น…”


ฟึ่บ!


ยังไม่ทันที่เฉว่เหยาจะพูดจบ เสียงกึกก้องของอสูรตัวหนึ่งก็ดังขึ้นกลางอากาศ จากนั้นหลายร่างก็ร่อนลงมา


“ผู้อาวุโสลู่!”


เห็นคนกลุ่มนั้น หัวเจียงเหอตาโต เขารีบเข้าไปประสานมือให้


ในที่สุดผู้อาวุโสลู่ก็เดินทางจากเมืองแสงดาวมาถึงที่นี่!


เห็นภาพนั้น ถ้อยคำที่เฉว่เหยาอยากจะพูดต่อติดค้างอยู่ในลำคอของเขา


แม้ผู้อาวุโสลู่อวิ๋นจะทำหน้าที่เพียงแค่ควบคุมดูแลการเปิดรับศิษย์สายตรงฝ่ายใน แต่เขาก็เป็นนักรบเสมือนอมตะคนหนึ่ง โดยทั่วไป เขาจะทำหน้าที่ดูแลการทดสอบเพื่อรับศิษย์สายตรงฝ่ายใน ที่เมืองแสงดาวเท่านั้น จะไม่เหยียบย่างเข้ามาในสถานที่อย่างเมืองชวนเจียงซึ่งมีการเปิดรับเฉพาะศิษย์สายตรงระดับล่าง!


เว้นเสียแต่จะเป็นโอกาสพิเศษ เขาจึงจะผ่านมา


แล้วทำไมจู่ๆถึงมาเอาเวลานี้?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)