อัจฉริยะสมองเพชร 1942-1943

 ตอนที่ 1942 ล้มเลิกเสียเถอะ

ในยุคนั้น ตระกูลตั้นมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ลำพังแค่นักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติที่มีอยู่ถึง 3 คนก็เกินพอจะทำให้เหล่าศัตรูยอมจำนนให้ตระกูลตั้นแล้ว แม้แต่สำนักเจ้าเมืองก็ยังไม่กล้าทำตัวเป็นศัตรูกับพวกเขา แต่เลือกที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีผ่านข้อตกลงผูกมัดการแต่งงาน


ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหลังจากความโชคร้ายที่เกิดขึ้น อันนำมาซึ่งความตายของผู้เชี่ยวชาญเกือบทุกคนในตระกูลตั้น ทรัพย์สมบัติของตระกูลตั้นถูกคนอื่นๆฉกฉวยไปภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่เขาก็ยังคงมีความมั่งคั่งระดับหนึ่งจากการสั่งสมทรัพย์สินเงินทองที่ได้มาตลอดระยะเวลาหลายปี ไม่มีเหตุผลอะไรที่ตั้นเฉี่ยวเทียนจะต้องรวมหัวกับเหล่ากองโจร!


ด้วยเหตุนี้ ฝูงชนกลุ่มหนึ่งที่ออกจะมีเหตุมีผลสักหน่อยจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังไม่มีคำอธิบาย


“นายหญิงน้อยที่ 2…”


ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัย เสียงฝีเท้าเร่งร้อนก็ดังขึ้น พวกเขาเงยหน้ามอง เห็นนายหญิงน้อยที่ 2 แห่งสำนักเจ้าเมือง, เฉว่ชิง พรวดพราดเข้ามาอย่างร้อนอกร้อนใจ


ภาพนั้นทำให้ฝูงชนมีสีหน้าประหลาด


ด้วยสัญญาผูกมัดการแต่งงานระหว่างตั้นเฉี่ยวเทียนกับเฉว่ชิง เธอไม่ควรจะมายุ่งเกี่ยวกับการพิพากษาครั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่เป็นกลางที่อาจเกิดขึ้น แต่เธอกลับบุกพรวดพราดเข้ามา…


ที่ตามหลังเฉว่ชิงคือบรรดาคนรับใช้ของสำนักเจ้าเมือง แต่ละคนมีสีหน้าปั่นป่วน ราวกับคิดไม่ถึงว่านายหญิงน้อยที่ 2 จะบุกเข้ามาในการพิพากษาอย่างหุนหันพลันแล่นแบบนั้น


“ทำไม?”


เฉว่ชิงสลัดบรรดาคนรับใช้ที่พยายามจะรั้งตัวเธอไว้ เธอจ้องหน้าตั้นเฉี่ยวเทียนด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ราวกับไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะทรยศ


“เราหมั้นหมายกันตั้งแต่อายุยังน้อย แม้คุณจะไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธได้ ฉันก็ไม่เคยดูถูกคุณ ทั้งยังปฏิบัติตัวต่อคุณเหมือนเดิม คราวนี้สำนักดาบเมฆเหินมาที่เมืองของเราเพื่อเปิดรับศิษย์สายตรงฉันคิดว่าคงเป็นโอกาสดีสำหรับเราทั้งคู่ จึงพยายามฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ได้การยอมรับจากศิษย์พี่หัวและได้เป็นศิษย์สายตรงระดับล่างคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน ฉันคิดว่าการได้เป็นศิษย์สายตรงระดับล่างของที่นั่นจะทำให้ฉันมีโอกาสได้สมุนไพรคุณภาพดีมารักษาคุณจากอาการเจ็บป่วย คุณจะได้กลับมาฝึกฝนวรยุทธได้อีกครั้งและสร้างตระกูลตั้นของคุณให้รุ่งเรืองดังเดิม…” เฉว่ชิงส่ายหน้าอย่างหม่นหมอง ผิดหวังกับการทรยศจากคนที่เธอรัก


“ฉันคิดว่าคุณน่าจะภาคภูมิใจในตัวฉัน จึงส่งคนไปรายงานคุณเรื่องนี้ แล้วทำไมคุณถึงรวมหัวกับพวกกองโจรเพื่อยับยั้งสิ่งนี้ล่ะ? คุณถึงกับลักพาตัวฉันไปและปล่อยให้พวกกองโจรซ้อมฉัน พยายามบังคับฉันให้เปลี่ยนใจให้ได้…คุณคิดหรือว่าฉันจะลืมคุณเพียงเพราะฉันได้เข้าสู่สำนักดาบเมฆเหิน…ฉันไม่ได้ทำอย่างนี้เพียงเพื่อตัวฉันเอง แต่เพื่ออนาคตของเรา นี่จะเป็นกุญแจที่เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเราไปอย่างสิ้นเชิง!”


ขณะที่เฉว่ชิงพูด น้ำตาก็เอ่อขึ้นมาปริ่มขอบตาก่อนจะเริ่มไหลเป็นทาง เธอเบือนหน้าไปจากตั้นเฉี่ยวเทียน ราวกับไม่อาจทนมองหน้าชายหนุ่มได้อีก


“ถ้าอย่างนั้น ก็เป็นเพราะนายหญิงน้อยที่ 2 ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหิน เรื่องนี้ทำให้ตั้นเฉี่ยวเทียนรู้สึกเสียหน้า เขาจึงเลือกรวมหัวกับพวกกองโจรเพื่อยับยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้น…”


“ตั้นเฉี่ยวเทียนโง่เง่าเหลือเกิน เขาไม่รู้ตัวหรือว่ามีศัตรูของตระกูลตั้นอีกมากมายที่อยากฆ่าเขา เหตุผลเดียวที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะสำนักเจ้าเมืองกับนายหญิงน้อยที่ 2 ปกป้องไว้ บางที…อาจเป็นเพราะเขารู้ตัวว่าสิ่งที่เขากังวลใจอยู่จะต้องเกิดขึ้นทันทีเมื่อนายหญิงน้อยจากไป นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกจะทำอะไรเสี่ยงๆเพื่อหวังว่าจะสามารถยับยั้งนายหญิงน้อยที่ 2 ให้อยู่ที่นี่ได้!”


“หากนายหญิงน้อยหายตัวไป เธอจะไม่อาจเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินได้อีกเลยเมื่อคนจากสำนักดาบเมฆเหินออกจากที่นี่ ด้วยสิ่งนี้ ขอแค่เขาผูกมัดสัญญาการแต่งงานไว้ให้ดี ความปลอดภัยของตัวเขาเองก็เป็นอันรับประกันได้ จะไม่มีใครกล้าแตะต้องเขาอีก!”


“ทุกอย่างดูจะลงตัว…นั่นอธิบายได้ว่าทำไมใบหน้าของนายหญิงน้อยที่ 2 ถึงดูจะบวมเล็กน้อย เธอคงได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยจากการจับกุมของกองโจร”


“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ใครจะกล้าลงมือลงไม้กับนายหญิงน้อยแห่งสำนักเจ้าเมืองล่ะ?”


“ไอ้พวกกองโจรน่ะกล้าทำทุกอย่างแหละ ขอแค่ใครสักคนเงินถึง ถ้าไม่ใช่เพราะความประมาทเลินเล่อของเขา คงไม่มีใครคิดจะสงสัยตั้นเฉี่ยวเทียน เขาวางแผนทุกอย่างไว้รอบคอบจริงๆ!”


…..


ได้ยินข้อกล่าวหาเหล่านั้น ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจขณะหันไปมองตั้นเฉี่ยวเทียนอีกรอบ ความขยะแขยงปรากฏบนสีหน้าของพวกเขา


สาวน้อยคนหนึ่งทำเพื่อคุณมากมายขนาดนี้ แต่คุณไม่มีความสำนึกในบุญคุณเลยสักนิด ไอ้สิ่งที่ทำลงไปนี่…ยังเรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์ได้หรือเปล่า?


“ถ้าเป็นโลกใบเก่าของผม เธอจะต้องได้รางวัลออสก้าร์แน่!” จางเซวียนกำลังสลึมสลือด้วยความเบื่อหน่าย ก็พอดีกับที่นายหญิงน้อยมาทำให้เขาเพลิดเพลินใจด้วยการแสดงอันน่าทึ่ง


เพียงพูดออกมาไม่กี่คำ เธอก็ปลุกเร้าความเห็นอกเห็นใจของฝูงชนได้ ด้วยทักษะการแสดงระดับนี้ เขาคงต้องกล่าวหาคณะกรรมการตัดสินว่ารับเงินใต้โต๊ะแน่หากเธอไม่ได้รางวัล


ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมเห็นอกเห็นใจผู้อ่อนแอและสตรี ยังไม่ต้องพูดถึงสตรีสาวสวยอย่างเฉว่ชิง ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็คือใช้คำพูดไม่กี่ประโยคและน้ำตา 2-3 หยดเพื่อทำให้ฝูงชนเกิดความคล้อยตาม


ในตอนแรก ทั้งหลักฐานและพยานที่มีดูจะมีน้ำหนักไม่มากพอที่จะกล่าวหาว่าตั้นเฉี่ยวเทียนพัวพันกับอาชญากรรมครั้งนี้ อีกอย่าง สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นปราศจากแรงผลักดันที่ชัดเจนที่บ่งบอกว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้อง คนสติดีคนไหนจะรวมหัวกับกองโจรเพื่อทำอะไรที่เป็นการต่อต้านสำนักเจ้าเมืองโดยปราศจากเหตุผล?


แต่เมื่อเฉว่ชิงกล่าวหาเขาด้วย ทุกอย่างก็ดูจะย่ำแย่ ต่อให้สำนักเจ้าเมืองก็ไม่อาจถอนตัวจากเรื่องนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำตามความต้องการของฝูงชนและพิพากษาตั้นเฉี่ยวเทียน


เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมนายหญิงน้อยที่ 2 ถึงได้การยอมรับให้เป็นศิษย์สายตรงระดับล่างของสำนักดาบเมฆเหินตั้งแต่ยังไม่ได้จัดการทดสอบ


สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของเฉว่ชิงจะไม่ด่างพร้อย เธอยังจะได้รับการยกย่องว่าเป็นสตรีที่มีจิตใจมั่นคงเข้มแข็งด้วย ส่วนตั้นเฉี่ยวเทียนก็จะกลายเป็นไอ้ชั่วร้ายที่ทำลายความปรารถนาดีของเฉว่ชิง และถึงกับพยายามทำร้ายเธอ สิ่งนี้จะทำให้สำนักเจ้าเมืองมีเหตุผลอันชอบธรรมที่จะยกเลิกสัญญาผูกมัดการแต่งงาน


มันคือการจัดฉากที่สลับซับซ้อนหลายชั้นอย่างน่าทึ่ง เป็นแผนอันชาญฉลาดของไอ้ชั่วร้ายตัวจริง!


ตั้นเฉี่ยวเทียนโมโหเดือดจนแทบระเบิดออกมา


ผมยอมตกลงยกเลิกการหมั้นหมายและการแต่งงานแล้ว แต่คุณก็ยังไม่พอใจ ยังอยากจะเล่นงานผมอีกเพื่อที่คุณจะได้ลอยนวลอย่างใสสะอาด ตอนที่ผมปฏิเสธ สิ่งแรกที่คุณคิดก็คือสังหารผม พอไม่สำเร็จ คุณก็พยายามใส่ร้ายป้ายสีผม ป้ายความผิดในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ…


คุณทำร้ายผมทุกวิถีทาง!


“นายหญิงน้อยที่ 2 อย่าเสียน้ำตาให้คนอย่างเขาเลย เขาไม่คู่ควร!”


เมื่อเห็นว่าชักจูงความคิดของฝูงชนให้คล้อยตามได้แล้ว เฉว่เฉินรู้ว่าแผนการของเขาสำเร็จลุล่วง


ในเวลานี้ ต่อให้ตั้นเฉี่ยวเทียนจะพูดอะไร ก็ไม่มีวันแก้ไขสถานการณ์ได้อีกแล้ว เฉว่เฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็ปลอบเฉว่ชิงก่อนจะสั่งการคนรับใช้ “พวกคุณมัวรีรออะไรอยู่? รีบพานายหญิงน้อยที่ 2 กลับไป!”


“ได้” คนรับใช้ทั้ง 2 รีบพาเฉว่ชิงที่กำลังร่ำไห้ออกจากการไต่สวน


เฉว่เฉินหันกลับไปมองตั้นเฉี่ยวเทียน นัยน์ตาของเขาเย็นเยียบ “หลักฐานมัดแน่นขนาดนี้ คุณยังมีอะไรจะแก้ตัวไหม?”


รู้ดีว่าต่อให้พูดอะไรออกไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ตั้นเฉี่ยวเทียนมองหน้าเฉว่ชิงอย่างสุขุม “สรุปจากที่คุณพูดมา เป็นเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจของผมที่ทำให้ผมอิจฉาเฉว่ชิงที่ผ่านการทดสอบของสำนักดาบเมฆเหินได้ ดังนั้นผมจึงรวมหัวกับกองโจรเพื่อยับยั้งเธอไม่ให้จากไป?”


“นี่คุณกำลังยอมรับใช่ไหม? หรือยังยืนกรานปฏิเสธทั้งๆที่มีหลักฐานและพยานมากมายหักล้างคุณอยู่?”เฉว่เฉินคำราม


“ยอมรับ?” ตั้นเฉี่ยวเทียนส่ายหน้าและถอนหายใจเล็กน้อย ราวกับคร้านจะโต้เถียงกับคนอย่างเฉว่เฉิน “ผมอยากขอพบศิษย์พี่หัวเจียงเหอแห่งสำนักดาบเมฆเหิน”


“บังอาจ! คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าขอพบนายท่านหัว?”


เฉว่เฉินคิดว่าตั้นเฉี่ยวเทียนกำลังจะกระพือเรื่องการที่พวกเขาพยายามยกเลิกสัญญาผูกมัดการแต่งงานก่อนหน้านี้ให้เป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา จึงเตรียมมาตรการตอบโต้ไว้เพื่อบีบอีกฝ่ายให้จนมุม


แต่หมอนี่กลับขอพบศิษย์พี่หัวแทน…เพราะอะไร?


“ผมน่ะมีคุณสมบัติไม่เพียงพอ แต่ได้ยินว่าสำนักดาบเมฆเหินกำลังเปิดรับศิษย์สายตรงระดับล่าง ซึ่งขอแค่ผ่านการทดสอบ ก็จะได้เข้าร่วมกับพวกเขา ในฐานะพลเมืองคนหนึ่งของเมืองชวนเจียงที่อยู่ในช่วงอายุตามกำหนด ผมเชื่อว่าผมมีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบเหมือนกัน ถูกไหม?” ตั้นเฉี่ยวเทียนพูด


“ทุกคนในเมืองชวนเจียงย่อมมีสิทธิ์จะได้เป็นศิษย์สายตรงระดับล่างของสำนักดาบเมฆเหิน แต่คุณ…ตั้นเฉี่ยวเทียน คุณน่ะไม่มีโอกาสหรอก ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพยายามยื้ออะไร แต่สำนักเจ้าเมืองมีสิทธิ์พิพากษาพลเมืองทุกคนในเมืองชวนเจียง ด้วยความชั่วร้ายที่คุณได้ทำลงไป ไม่มีทางที่สำนักเจ้าเมืองจะมองข้ามอาชญากรรมของคุณ!” ได้ยินคำพูดนั้น เฉว่เฉินหัวเราะลั่น ราวกับเพิ่งฟังเรื่องตลกที่สุดในโลก


นักรบระดับเซียนขั้น 6 ไม่เอาไหนคนหนึ่งอยากเข้าร่วมการทดสอบของสำนักดาบเมฆเหิน? เอาความกล้ามาจากไหนถึงพูดเรื่องเหลวไหลขนาดนี้ออกมาได้?


“อีกอย่าง คุณคิดหรือว่าคนสำคัญอย่างนายท่านหัวจะยอมจัดการทดสอบเป็นพิเศษให้ขยะไม่เอาไหนอย่างคุณ?” เฉว่เฉินพูดต่อ


“เขาช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย!”


“ทุกคนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการทดสอบล้วนแต่เป็นอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่อง หมอนั่นทั้งพิการและฝึกฝนวรยุทธไม่ได้…คิดจะทำให้ผู้คนทั่วทั้งทวีปหัวเราะเยาะเมืองของเราหรือไง?”


“นายท่านหัวกำลังยุ่งกับการคัดเลือกอัจฉริยะตัวจริงจากเมืองของเรา จะมีเวลามาประเมินคนพิการอย่างเขาได้อย่างไร?”


“หัวสมองของหมอนี่คงได้รับความกระทบกระเทือนที่ไหนสักแห่ง…”


ฝูงชนพากันหัวเราะลั่น


“สิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่น่ะ ล้มเลิกเสียเถอะ ไม่มีทางที่ศิษย์พี่หัวจะมาที่นี่เพื่อทำการทดสอบขยะอย่างคุณหรอก ผมขอแนะนำให้คุณสารภาพผิดในอาชญากรรมที่ทำลงไปเสียดีกว่า อย่างน้อยเราก็พอจะช่วยเหลือคุณไม่ให้ต้องทรมานมาก…” เฉว่เฉินตวาดก้อง


แต่ยังพูดไม่ทันจบ เสียงสุขุมเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านนอกลานบ้าน…


“ทำไมผมจะมาที่นี่เพื่อจัดการทดสอบให้เขาไม่ได้?”


ร่างสูงร่างหนึ่งก้าวยาวๆเข้ามาในลานบ้าน


หัวเจียงเหอ


ตอนที่ 1943 คัดเลือกรอบ 2

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินตามหลังหัวเจียงเหอ เขามีรูปร่างสูงและสวมชุดเกราะโอ่อ่าเต็มยศ นัยน์ตาของเขาฉายความมีอำนาจออกมา บ่งบอกว่าเป็นผู้มีตำแหน่งสูงส่ง


เฉว่ชิงผ่อนฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงนั้น เธอหันกลับไป จากนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะโค้งคำนับอย่างงาม “ท่านพ่อ, ศิษย์พี่หัว”


ชายวัยกลางคนผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนักสู้ที่ถูกจางเซวียนสังหารด้วยการโยนกระบี่เพียงครั้งเดียวเมื่อตอนอยู่ในหอนิรันดร์, ท่านเจ้าเมืองชวนเจียง, เฉว่เหยา


มีชายหนุ่มอีกราว 10 คนเดินตามหลังทั้งคู่มา พวกเขาล้วนอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้น อายุราว 16-17 ปี แม้จะอายุยังน้อย แต่ก็ดูจะมีพละกำลังน่าทึ่งไม่เบา


พวกเขาคือผู้เข้าร่วมการทดสอบของสำนักดาบเมฆเหิน


“นายท่านหัว…”


เมื่อเห็นทั้งคู่ เฉว่เฉินหันไปมองเจ้าเมืองเฉว่เหยาอย่างงงงัน


การทดสอบของสำนักดาบเมฆเหินมีความสำคัญสูงสุด ในฐานะเจ้าเมือง เขาย่อมต้องมาปรากฏตัวเพื่อดูแลสถานการณ์ แต่ใครจะไปคิดว่าหลังจากการคัดเลือกรอบแรกเสร็จสิ้น หัวเทียนเหอก็ยืนกรานจะมุ่งหน้ามาที่สำนักเจ้าเมือง เรื่องนี้ทำให้เฉว่เหยางุนงง


“เราจะจัดการคัดเลือกรอบ 2 ขึ้นที่นี่ ผมเห็นว่ามีผู้คนมากมายมาเป็นประจักษ์พยาน เชื่อว่าน่าจะเป็นเครื่องยืนยันความชอบธรรมในการทดสอบของเราได้เป็นอย่างดี” หัวเจียงเหอตัดสินใจขณะเดินตรงไปยังใจกลางห้อง


ถ้าเป็นสถานการณ์อื่น ก็ถือว่าผิดธรรมเนียมที่หัวเจียงเหอจะตัดสินใจโดยพละการแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าเมืองเฉว่เหยาก็อยู่ด้วย แต่ขณะที่การทดสอบกำลังดำเนินไป คำพูดของเขาถือเป็นตัวแทนของเจตจำนงของทั้งสำนักดาบเมฆเหิน ดังนั้น ต่อให้เฉว่เหยาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับการตัดสินใจของเขา


เมื่อเห็นกระบวนการไต่สวนถูกขัดจังหวะอย่างกะทันหันด้วยเหตุอันคาดไม่ถึง เฉว่เฉินถึงกับจังงัง


แล้วคราวนี้เขาจะทำอย่างไร?


“ศิษย์พี่หัว ผมเป็นพลเมืองคนหนึ่งของเมืองชวนเจียงเช่นกัน ไม่ทราบว่ามีคุณสมบัติเพียงพอจะได้เข้าร่วมการทดสอบไหม?” ตั้นเฉี่ยวเทียนตั้งคำถามเสียงดังฟังชัด


“ได้อย่างแน่นอน!” หัวเจียงเหอพยักหน้า


“นายท่าน ตั้นเฉี่ยวเทียนเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 6 คุณจะเสียเวลานะหากต้องทดสอบผู้ที่มีวรยุทธระดับเขา อีกอย่าง เขาเพิ่งรวมหัวกับเหล่ากองโจรเพื่อทำลายผลประโยชน์ของเมืองชวนเจียง สำนักดาบเมฆเหินจะเสียชื่อเสียงหากคนชั่วร้ายโหดเหี้ยมอย่างเขาได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการทดสอบ” เฉว่เฉินพูดอย่างร้อนใจ


เขารู้ดีว่าตั้นเฉี่ยวเทียนไม่มีทางผ่านการทดสอบได้ ต่อให้มีโอกาสได้เข้าร่วม แต่นั่นก็จะลดทอนความชอบธรรมของการทดสอบลงไปหากอีกฝ่ายได้เข้าร่วมในการทดสอบนั้น อีกอย่าง เขาดูออกว่าตั้นเฉี่ยวเทียนมีกลเม็ดเด็ดพรายบางอย่างซ่อนอยู่ แม้เฉว่เฉินจะมั่นใจในแผนการของตัวเอง แต่ก็รู้ดีเกินกว่าจะปล่อยให้ตั้นเฉี่ยวเทียนทำอะไรตามใจ


“คุณบอกว่าผมอ่อนแอใช่ไหม?” ตั้นเฉี่ยวเทียนมองหน้าเฉว่เฉินและตั้งคำถาม


“ก็ใช่น่ะสิ! นักรบระดับเซียนขั้น 6 ที่พิการ…พละกำลังของคุณน่ะเทียบกับพลเมืองธรรมดาสามัญในเมืองของเราไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะให้เรียกคุณว่าอะไรนอกจากคนอ่อนแอ?” เฉว่เฉินเลิกคิ้ว


“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมก็ขอถามว่าคุณมีความเห็นต่อความสามารถของเฉว่ชิงอย่างไร?” ตั้นเฉี่ยวเทียนถามต่อ


แม้สถานการณ์จะไม่เข้าข้างเขา แต่น้ำเสียงของตั้นเฉี่ยวเทียนก็ดูจะมั่นอกมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกเขาก็แค่ทำตามคำสั่งของจางเซวียนอย่างเคร่งครัด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอาการคุกคามข่มขู่ของเฉว่เฉิน คำพูดของเขาก็ค่อยๆหนักแน่นและทรงพลังขึ้น


“นายหญิงน้อยที่ 2 ของเรา? แน่นอนว่าคืออัจฉริยะ! แม้ปีนี้จะเพิ่งอายุ 16 ปี แต่ก็สำเร็จวรยุทธระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 โลกจารึกแล้ว อีกทั้งยังมีโอกาสฝ่าด่านวรยุทธได้เร็วๆนี้” เฉว่เฉินตอบอย่างภาคภูมิใจ


“อย่างนั้นหรือ?” ตั้นเฉี่ยวเทียนทวนคำด้วยอาการสุขุม


ฟิ้ววววว!


กระแสดาบฉีพุ่งออกจากปลายนิ้วของเขา ตัดกุญแจมือที่สวมอยู่รอบข้อมือให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ในเวลาเดียวกัน ตั้นเฉี่ยวเทียนปลดปล่อยระดับวรยุทธออกมา ทำให้รังสีที่อยู่รอบตัวเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเทียบเท่ากับนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 โลกจารึก แผ่นหลังของเขาที่เคยค่อมค่อยๆยืดตรง ทำให้ความสูงเดิมที่มีอยู่ราว 1.6 เมตรเพิ่มขึ้นไปเป็น 1.75 เมตร แม้จะยังไม่สูงเท่าจางเซวียน แต่ก็ดูสง่างามกว่าเดิมมาก


ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อเขาออกเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ความพิการที่ขาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


รูปลักษณ์ของเขาดูจะเปลี่ยนแปลงไประดับหนึ่ง แม้จะยังมีปานโดดเด่นอยู่บนใบหน้า แต่ผิวพรรณก็ดูจะหมดจดและสง่างามกว่าเดิม บ่งบอกถึงความเป็นสุภาพบุรุษ


“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้…” นัยน์ตาของเฉว่ชิงแทบร่วงลงกับพื้น


ตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่เธอเห็นในตัวตั้นเฉี่ยวเทียนคือความอ่อนแอและไร้ประโยชน์ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะเปลี่ยนแปลงไปได้มากมายขนาดนี้


ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่แยแสเฉว่ชิงที่กำลังตกตะลึง เขาเดินตรงเข้าหาเฉว่เฉิน จากนั้นก็เหยียดริมฝีปากขึ้นขณะตั้งคำถาม “ผมกับเฉว่ชิงมีวรยุทธระดับเดียวกัน คุณมองว่าผมคือขยะ แต่เฉว่ชิงคืออัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้…ผมสงสัยเหลือเกินว่าคุณใช้อะไรตัดสิน ใช้หัวแม่เท้าคิดหรือไง?”


“คุณ…” เฉว่เฉินสะบัดหน้าอย่างไม่อยากเชื่อขณะก้าวถอยหลัง


หมอนี่ฝึกฝนวรยุทธได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แถมยังเป็นถึงนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 โลกจารึกด้วย?


ไม่เพียงแค่พวกเขา ฝูงชนก็พากันเงียบกริบ


ข้อกล่าวหาที่พวกเขาพากันยัดเยียดให้ตั้นเฉี่ยวเทียนก่อนหน้านี้อยู่บนข้อเท็จจริงที่ว่าอีกฝ่ายไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธได้ ทั้งยังต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของสำนักเจ้าเมืองเพื่อให้ยังมีชีวิตรอด แต่ถ้าตั้นเฉี่ยวเทียนคือผู้เชี่ยวชาญตัวจริง เหตุผลพวกนั้นก็ถือว่าตกไป


“พวกคุณน่ะ เข้ามาหาผมพร้อมๆกันเลย!” ตั้นเฉี่ยวเทียนร้องบอกบรรดาชายหนุ่มที่ติดตามหัวเจียงเหอมาพร้อมกับหัวเราะหึๆ


“คุณอยากสู้กับพวกเราพร้อมกันในคราวเดียวหรือ?”


วัยรุ่นเหล่านั้นพากันชะงักกับการท้าทายที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ พวกเขาหันไปมองหัวเจียงเหอ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ แต่ละคนจึงเงื้อดาบในมือขึ้นและพุ่งเข้าใส่


ส่วนตั้นเฉี่ยวเทียนก็ใช้นิ้วแทนดาบ เขาทิ่มนิ้วไปข้างหน้าและฉกฉวยดาบมาจากมือของนักรบคนหนึ่งได้ เมื่อมีดาบในมือ ตั้นเฉี่ยวเทียนก็ปัดป้องการโจมตีของคนอื่นๆได้อย่างง่ายดาย


ฟิ้ววววว!


กระแสดาบฉีมากมายนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากปลายดาบของตั้นเฉี่ยวเทียนพร้อมๆกัน


ถึงเขาจะใช้เวลาส่วนใหญ่ทำความเข้าใจเทคนิคการโยนดาบที่ท่านอาจารย์ถ่ายทอดให้ แต่ก็ไม่ได้ละเลยที่จะสร้างรากฐานของตัวเองให้มั่นคง ต่อให้ไม่ต้องใช้ไม้ตาย ประสิทธิภาพการต่อสู้ของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเอาชนะได้โดยง่าย


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


ด้วยการระเบิดของกระแสดาบฉี ดาบที่วัยรุ่นกลุ่มนั้นถืออยู่ถูกสอยกระเด็นหลุดจากมือ มันร่วงลงกับพื้น ส่งเสียงดังเคร้ง วัยรุ่นเหล่านั้นอดไม่ได้ที่จะจ้องหน้าตั้นเฉี่ยวเทียนด้วยความพรั่นพรึง


ศิลปะเพลงดาบที่ตั้นเฉี่ยวเทียนสำแดงออกมาปลดอาวุธของพวกเขาได้ในชั่วพริบตา


โชคดีที่อีกฝ่ายออมมือให้ ไม่อย่างนั้นข้อมือของพวกเขาคงได้รับบาดเจ็บไปแล้ว


ฟึ่บ!


ตั้นเฉี่ยวเทียนกระดิกนิ้วอีกครั้ง ดาบในมือของเขาลอยออกไปและปักอยู่กับพื้นตรงหน้า เขามองหน้าเฉว่ชิงอย่างวางมาดและถามว่า “ไม่ทราบว่านายหญิงน้อยที่ 2 ผู้ปราดเปรื่องสามารถทำในสิ่งที่ผม, ไอ้ขยะคนนี้ทำได้หรือไม่?”


“….”


ฝูงชนพากันเงียบกริบ


ทั้งที่ตกอยู่ในวงล้อมของคู่ต่อสู้มากกว่า 10 คน ตั้นเฉี่ยวเทียนก็ยังฉวยดาบมาจากมือของวัยรุ่นคนหนึ่ง และสอยดาบของคนที่เหลือให้ร่วงได้โดยไม่ต้องใช้แม้แต่ก้าวเดียว…พละกำลังของศิลปะเพลงดาบที่เขาสำแดงออกมาช่างน่าสะพรึงเหลือเกิน!


ถ้าคนแบบนี้ถูกเรียกว่าขยะ แล้วพวกเขาจะกลายเป็นอะไร?


เฉว่ชิงหน้าซีดเผือดขณะตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว


ถึงเธอจะเป็นนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 โลกจารึก แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีความสามารถพอจะทำอะไรแบบนั้น


ถ้าเธอพยายามทำแบบเดียวกับตั้นเฉี่ยวเทียน ก็ยังสงสัยอยู่ว่าน่าจะพ่ายแพ้ในทันที


เฉว่เฉินเงียบงันไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบโต้แย้ง “ใช่ คุณไม่ใช่ขยะ แต่เรื่องจริงก็คือคุณรวมหัวกับพวกกองโจร แม้แต่เพื่อนบ้านของคุณก็ยังยืนยันว่าพวกเขาเห็นเหล่ากองโจรเข้าสู่บ้านพักของคุณเมื่อกลางดึกของคืนก่อน”


“ได้ยินคำนั้น ตั้นเฉี่ยวเทียนหันกลับไปมองพยานทั้งสองและตั้งคำถาม “คุณแน่ใจหรือว่าคุณได้เห็นกับตาว่ามีกองโจรเข้าสู่บ้านพักของผม?”


“ใช่ ไม่มีข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน!”


“พวกเราเห็นกับตา!”


ภายใต้สายตาดุดันของตั้นเฉี่ยวเทียน เพื่อนบ้านทั้งสองถึงกับผงะ


ถ้าตั้นเฉี่ยวเทียนยังคงไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ พวกเขาก็ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว แต่ด้วยประสิทธิภาพการต่อสู้ที่อีกฝ่ายเพิ่งสำแดงออกไป พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงอำนาจอันยิ่งใหญของตระกูลตั้นเมื่อ 10 ปีก่อน…


ถึงพวกเขาจะแค่เปิดเผยในสิ่งที่ได้เห็น แต่เพียงแค่คิดว่าในอนาคตตั้นเฉี่ยวเทียนจะมาเอาคืน ก็ทำให้สุ้มเสียงขาดความมั่นใจกว่าเดิมมาก


ขณะที่ทั้งสองกำลังใจเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น ตั้นเฉี่ยวเทียนก็โพล่งออกมา “จากข้อเท็จจริงที่พวกคุณเห็นน่ะ ก็หมายความว่าพวกคุณน่ะ…ตาแหลม!”


“ฮะ?”


เพื่อนบ้านทั้งสองถึงกับจังงัง


ตาแหลม?


ไอ้หนุ่ม รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา เท่ากับยอมรับเลยนะว่าคุณรวมหัวกับพวกกองโจร ต่อให้คุณจะปราดเปรื่องและทรงพลังแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่สำนักดาบเมฆเหินจะยอมรับบุคคลที่มีคดีความเกี่ยวกับคุณธรรมจริยธรรมหรอก!


เหมือนหินก้อนหนึ่งที่ถูกโยนลงไปในบึง อาการกระเพื่อมครั้งใหญ่เกิดขึ้นในหมู่ฝูงชนทันที


“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูสิ ในที่สุดตั้นเฉี่ยวเทียนก็ยอมรับการก่ออาชญากรรมของเขาแล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ผมเชื่อว่าเราไม่ต้องดำเนินการสืบสวนต่อแล้วล่ะ พวกเรา, จับตัวไอ้สารเลวที่กล้ารวมหัวกับกองโจรไว้แล้วพาไปขัง!” เฉว่เฉินจังงังไปครู่หนึ่งก่อนจะตาโตด้วยความยินดีปรีดา


ตั้งแต่วินาทีที่ตั้นเฉี่ยวเทียนเปิดเผยประสิทธิภาพการต่อสู้ที่แท้จริงออกมา เขาก็รู้แล้วว่าทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ ถ้าตั้นเฉี่ยวเทียนยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ก็คงเป็นการต่อสู้ที่ยากเย็นไม่น้อยสำหรับเขา


การเปิดการไต่สวนสาธารณะถือเป็นดาบสองคม พวกเขาต้องหาหลักฐานที่แน่นหนาพอจะมัดตัวตั้นเฉี่ยวเทียนให้ได้ ไม่อย่างนั้น ชื่อเสียงของสำนักเจ้าเมืองก็มีแต่จะด่างพร้อย


แต่ใครจะไปคิดว่าตั้นเฉี่ยวเทียนจะงี่เง่าขนาดยอมรับออกมาในทันที แถมยังทำต่อหน้าผู้คนมากมายด้วย!


ด้วยสิ่งนี้ ชะตากรรมของตั้นเฉี่ยวเทียนก็เป็นอันปิดตาย ในเมื่อเขาสารภาพออกมาเอง พวกเขาก็สามารถกดดันให้เกิดการประหารอีกฝ่ายได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)