ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 193-196
บทที่ 193 หมาและหมีขนเกรียน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนฉินสือโอวหยิบกรรไกรและมีดโกนออกมานั้น เจ้าหมาไร้เดียงสาสองตัวหู่จือและเป้าจือยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน จึงยังคงกระโดดโลดเต้นแลบลิ้นทำหน้าน่ารักรอบๆตัววินนี่
รอจนถึงวินนี่ถือกรรไกรไว้ในมือแล้วเท่านั้น พวกมันก็รู้สึกชักไม่ชอบมาพากล ก้มหน้าก้มตาอยากจะวิ่งหนีหางจุกตูดออกไป แต่จะทันได้อย่างไรกัน?
วินนี่โอบหู่จืออย่างนุ่มนวล ให้มันนอนอยู่บนพื้นหินอ่อน เสียงกรรไกรดัง ‘ฉับๆ’ สองที หู่จือก็ร้องลั่นขึ้นมา ขนทองอร่ามบนหลังของมันถูกตัดออกไปล็อตใหญ่
หู่จืออยากลุกขึ้นมา ฉินสือโอวรีบเกาไปที่ขนคอของมัน นี่คือจุดที่หู่จือและเป้าจือชอบให้เกามากที่สุด การเกาไปที่ขนคอพวกมันทำให้พวกมันรู้สึกสบาย
ตอนนี้ หู่จือรู้สึกสบายจนร้องครางออกมาเบาๆ และนอนนิ่งๆอยู่บนพื้น ให้วินนี่จัดการขนของมันต่อ
แต่ว่า หู่จือก็ยังคงมองฉินสือโอวด้วยสายตาน่าสงสาร ร้องขอความสงสารออกมาเป็นพักๆไม่หยุด ฉินสือโอวมองแล้วก็รู้สึกปวดใจ แต่ทำได้เพียงพูดปลอบใจมันว่า “ที่ต้องทำแบบนี้เพราะหวังดีกับนายนะ ลูกรัก ตัดขนแล้วแกจะได้รู้สึกเย็นสบายตัวมากขึ้น”
สาวสมัยใหม่อย่างวินนี่นั้นเคยเรียนการใช้กรรไกรกับช่างทำผมมืออาชีพมาก่อน เพราะบางทีเธอต้องตัดผมและทำผมด้วยตัวเอง ดังนั้นเพียงแค่ไถมีดออกไปเบาๆ ขนหนาๆบนตัวของหู่จือก็บางลงไปทันทีอย่างรวดเร็ว
เมื่อก่อนฉินสือโอวเคยเห็นสุนัขที่โดนตัดขนเพราะเข้าหน้าร้อนมาก่อน ก็คือขนบนตัวต่างก็ถูกโกนหมดเผยให้เห็นถึงแผ่นหนังสีชมพูของมัน ดูไม่ได้เอามากๆ เขานึกว่าวินนี่ก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด วินนี่เพียงตัดให้ขนของหู่จือให้สั้นลงเท่านั้น บนตัวมันยังเหลือขนบางๆอีกชั้นอยู่
นอกจากส่วนหัวแล้ว ขนสีทองทั่วตัวรวมถึงขนขาของหู่จือล้วนถูกไถออกไป มองไปแล้วดูผอมลงไปมาก แต่ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
เมื่อลุกขึ้น หู่จือวิ่งไปที่สนามหญ้าหน้าประตูเพื่อสะบัดเศษขนบนตัวออก วินนี่พูดออกมาอย่างประหลาดใจว่า “เด็กพวกนี้รู้งานดีจัง หู่จือถึงกับวิ่งไปที่สนามหญ้าเพื่อสะบัดขนออก เป็นเด็กดีจริง”
ฉินสือโอวพร้อมด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เพียงเท่านั้น คุณดูสิ อีกสักพักหู่จือยังจะไปอาบน้ำเองด้วยนะครับ”
แล้วก็เป็นไปตามนั้น หลังจากสะบัดตัวไปสองสามที หู่จือกางเล็บออกวิ่งไปที่ชายทะเล แล้วกระโดดลงไปอาบน้ำ
วินนี่ตาเป็นประกาย ตะโกนออกมาไม่หยุดว่า ‘เด็กดีๆ เป็นเด็กดีจริงๆ’ เมื่อชมได้สักพัก เธอก็หยิบกรรไกรขึ้นมามองไปที่เป้าจือ
จากเมื่อกี้ถึงตอนนี้เป้าจือหมอบตัวหลบอยู่หลังโซฟามาตลอด แล้วก้มหัวมุดหน้าเข้าไปในขาหน้าของมัน
วินนี่เรียกมันสองครั้ง หูเป้าจือสั่นระริกไปมา แล้วมุดหัวของมันเข้าไปลึกกว่าเดิม
เออร์บักที่นั่งอยู่บนบันไดหัวเราะขึ้นมา แล้วพูดหยอกล้อว่า “วินนี่ เธอไม่สามารถปลุกคนที่แกล้งหลับให้ตื่นขึ้นมาได้ฉันใด ก็ไม่สามารถเรียกหมาที่แกล้งโง่ได้ให้เข้ามาหาได้ฉันนั้น”
วินนี่เม้มปากยิ้ม ตบมือไปมาแล้วพูดว่า “อย่างนั้นคงใช้กำลังบังคับให้ร่วมมือเสียแล้ว”
สุดท้าย เป้าจือก็หนีไม่พ้นการถูกตัดขน หู่จือสะบัดน้ำบนตัวจนแห้งแล้ววิ่งกลับมา มันนั่งอยู่ข้างๆดูเป้าจือโดนตัดขน มุมปากเบะออกอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ฉินสือโอวคิดวิเคราะห์อยู่พักหนึ่ง มีความรู้สึกว่ามันกำลังยิ้มอยู่!
สุนัขแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์สองตัวนี้ บางทีก็ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกว่า พวกมันเป็นลูกของฉินสือโอวจริงๆ ลูกที่ทั้งฉลาดทั้งเงอะงะ
พอเป้าจือตัดขนเสร็จ มันก็วิ่งไปสะบัดขนบนสนามหญ้า และไปอาบน้ำในทะเลเหมือนกัน
วินนี่ตัดขนจนรู้สึกติดลม หลังจากปล่อยเป้าจือไปแล้ว เธอก็ยิ้มตาหยีแล้วกวักมือให้ฉงต้า
ฉงต้าไม่สนใจ สำหรับสัตว์แล้ว ขนบนตัวก็เหมือนเป็นเกราะป้องกันของพวกมัน ในป่านั้น หากมีคนลงมือกับขนของพวกมันก็เหมือนกับการเอาชีวิตพวกนั้น คงต้องข้ามศพพวกมันไปก่อน
ดังนั้น ฉงต้าจึงเบ่งตัวทำท่าขู่ วินนี่ใช้ถ้วยอาหารของมันใส่ผลไม้ราดน้ำเชื่อม แต่ครั้งนี้มีใส่น้ำสลัดและเนยลงไปด้วย หลังจากป้อนให้ฉงต้ากินคำหนึ่งแล้ว ตาของฉงต้าก็หยีกลายเป็นเส้นตรงไปชั่วขณะ ไม่ว่าวินนี่เดินไปไหนมันก็เดินไปด้วย
วินนี่จูบมันทีหนึ่ง ให้มันนั่งอยู่ตรงขั้นต่างระดับหน้าประตูบ้านพัก ยื่นถ้วยอาหารให้มันกอดไว้ จากนั้นก็ลงมือตัดขนของมันอย่างสบายใจ
แต่ว่าเราคงคาดหวังอะไรในตัวฉงต้ามากไม่ได้ จะให้มันนั่งนิ่งๆเป็นเด็กดีเหมือนหู่จือและเป้าจือนั้น ก็เหมือนกับการพยายามทำให้โลกเป็นทรงเหลี่ยมและทำให้กลางคืนสว่างไสว
หลังถูกตัดขนแล้ว ฉงต้าก็ลุกขึ้นมาอุ้มถ้วยอาหารวิ่งเล่นไปทั่ว ทำให้เศษขนบนตัวหล่นไปทั่วทั้งบนพื้นและโซฟา
ฉินสือโอวและวินนี่ตกใจหน้าเปลี่ยนสี รีบไปลากมันเพื่อจะอาบน้ำให้ แต่ฉงต้าที่ตัดขนออกแล้วนั้นกระฉับกระเฉงขึ้นมาก เนื้อตัวลื่นไปหมดทำให้จับลำบาก และมันยังคิดว่าฉินสือโอวกับวินนี่กำลังเล่นวิ่งไล่จับกับมันอยู่ ทำให้วิ่งไปมาหนักกว่าเดิม
เออร์บักที่นั่งอยู่ตรงบันไดหัวเราะจนปวดท้อง หู่จือและเป้าจือก็ร้องโฮ่งๆไม่หยุด จากนั้นกระรอกน้อยเสี่ยวหมิงก็ถูกความโกลาหลนี้ดึงดูด พาเสี่ยวหวงเพื่อนกระรอกของมันวิ่งเข้ามาดูด้วย
ในที่สุดก็จับตัวฉงต้าได้ วินนี่จะพามันขึ้นไปอาบน้ำบนชั้นสอง ฉินสือโอวยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “ระวังนะ วินนี่ ฉงต้าไม่ชอบอาบน้ำ ระวังเถอะสักพักมันได้สาดน้ำไปทั่วแน่”
วินนี่พูดว่า “อย่างนั้นแล้ว คุณยังไม่รีบมาช่วยกันอีกเหรอคะ?”
ฉินสือโอวแอบหัวเราะสักพัก แล้วก็พูดเสียงจริงจังว่า “ได้เลย ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
เข้าไปในห้องอาบน้ำ ฉินสือโอวให้ฉงต้าลงในอ่างอาบน้ำ ราดน้ำไปที่ตัวมันไม่ยั้ง นี่เป็นเกมที่เขากับฉงต้าชอบเล่นด้วยกัน เมื่อโดนสาดน้ำใส่ฉงต้าจะใช้อุ้งเท้าอันอวบอ้วนของมันตบน้ำใส่ตัวฉินสือโอว
ตอนนี้เรื่องชักน่าสนใจขึ้นมาแล้ว วินนี่โดนน้ำสาดไปทั่วตัว เธอใช้มือลูบน้ำบนหน้าหัวเราะแล้วพูดว่า “พระเจ้าช่วย เจ้าตัวนี้นี่ซนจริงๆ โชคดีที่มีคุณอยู่ด้วยฉิน… เฮ้ คุณมองอะไรอยู่?”
อากาศร้อนอย่างนี้ แล้วยังเป็นตอนเที่ยงวันอีก วินนี่จึงสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวบาง เมื่อโดนฉงต้าสาดน้ำใส่ เสื้อผ้าที่โดนน้ำทำให้โปร่งจนสามารถมองทะลุไปถึงข้างใน และยังแนบติดเนื้ออีก เผยให้เห็นถึงรูปร่างที่ได้สัดส่วนและผิวพรรณที่ผุดผ่องของเธอออกมา
ฉินสือโอวมองดูอย่างมีความสุข น่าเสียดายกระโปรงสั้นที่วินนี่สวมอยู่เป็นกระโปรงยีนรัดรูป ไม่อย่างนั้นเขาคงจะมองอย่างมีความสุขกว่านี้
วินนี่เมื่อลูบน้ำบนหน้าออกหมดแล้วทำให้เห็นว่าฉินสือโอวกำลังทำอะไร เธอแสร้งทำทีว่าโกรธ แล้วก็ตบน้ำในอ่างสาดไปที่ตัวของฉินสือโอว พร้อมกับหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณมันคนโรคจิต ฉันรู้แล้วว่าทำไมคุณถึงอยากช่วยฉันอาบน้ำให้ฉงต้าแล้ว….”
ฉินสือโอวได้ทีรีบตอบโต้กลับ วินนี่ร้องกรี๊ดออกมา ฉงต้าเองไม่อยากเหงาก็ร่วมวงด้วย แต่ในสถานการณ์กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้ และด้วยนิสัยของฉินสือโอว มีหรือที่จะให้ฉงต้าเข้ามาร่วมด้วย
เขาตบก้นของฉงต้าสองที แล้วรีบหิ้วมันออกไปนอกห้องอาบน้ำ
ฉงต้าไม่เข้าใจสถานการณ์ มันนั่งเหม่ออยู่หน้าประตูห้องอาบน้ำครู่หนึ่ง จากนั้นก็หน้าบูดขมวดคิ้วแล้วเดินลงบันไดไป ระหว่างเดินน้ำบนตัวก็หยดไปตามทางเต็มพื้น
ฉินสือโอวไม่ควรจับฉงต้าออกไป เขาคาดเรื่องนี้ไปผิดถนัด เพราะวินนี่ไม่ให้โอกาสเขาอีก เธอหาโอกาสวิ่งออกมา กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อ ส่วนเขาจึงทำได้แต่ทำหน้าบึ้งไปตามเช็ดน้ำที่ฉงต้าทำเปียกไว้บนพื้นแทน
วินนี่ถอดเสื้อเชิ้ตกระโปรงยีนออก เปลี่ยนมาใส่ชุดเดรสโบฮีเมียนที่ฉินสือโอวเคยเห็นมาก่อนหน้านี้
ชุดเดรสสายเดี่ยวตัวนี้พิมพ์ลายดอกไม้สีขาว ชุดค่อนข้างยาว แต่เมื่อวินนี่สวมแล้วก็ถือว่ายาวกำลังดี แล้วเธอก็ยังคาดเข็มขัดเส้นเล็กไว้อีก ทำให้ขาทั้งสองข้างของเธอดูเรียวยาวมากขึ้น ชุดอยู่บ้านเรียบง่ายชุดหนึ่ง แต่เมื่ออยู่บนตัวเธอแล้วกลับมีความงดงามอย่างบอกไม่ถูก
ฉินสือโอวเอียงคอมองไปพักหนึ่ง วินนี่เม้มปากยิ้มแล้วพูดว่า “สวยไหมคะ?”
ฉินสือโอวผงกหัวหงึกๆ พูดอย่างจริงใจว่า “สวยมากเลยครับ”
เสียงอึกทึกดังมาจากชั้นล่าง ฉินสือโอวรีบวิ่งลงไปดู เป็นชาร์คและพวกที่ไปเก็บกวาดปลาตายในทะเลกลับมาแล้ว
ชาร์คชี้ไปที่หู่จือและเป้าจือที่ถูกตัดขนแล้ว พูดอย่างเก้ๆกังๆว่า “ตอนผมเดินเข้าประตูมาแล้วพวกมันกระโดดโผเข้าหาผมทำเอาผมตกใจหมดเลย เจ้าสองตัวนี้ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ครับ?”
นีลเซ็นพยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดว่า “ความจริงแบบนี้น่ะถูกแล้ว ผมอยากแนะนำให้บอสตัดขนให้แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์มาตลอด อากาศร้อนแบบนี้หากหู่จือและเป้าจือออกกำลังมากจนร่างกายระบายความร้อนไม่ทัน จะทำให้ป่วยได้ง่ายนะครับ”
…………………………………………………………….
บทที่ 194 อาหารค่ำที่แสนจะมีความสุข
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชาร์คและคนอื่นๆ รู้ว่าฉินสือโอวได้ไปรับวินนี่ เมื่อเห็นฉินสือโอวเป็นเช่นนี้พวกเขาก็รู้เลยว่าวินนี่ได้มาถึงแล้ว
ทันทีหลังจากนั้นวินนี่ก็ได้เดินลงมา แต่หลังจากนั้นเธอก็กลับไปเอาเสื้อคลุมผ้าชีฟองตัวหนึ่งมาสวมที่ตัว ด้วยเหตุนี้ทำให้ไหล่อันอวบอิ่มที่โชว์ออกมาด้านนอกเมื่อสักครู่นี้ได้ถูกปิดคลุมไว้ และยังมีผ้าโปร่งสีขาวเสริมให้เด่นขึ้น กระโปรงโบฮีเมียนยาวที่เย็บได้อย่างประณีต ช่างดูสวยแบบมีระดับมาก
“ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็น สวัสดีทุกคน คิดถึงพวกคุณมากเลย” วินนี่เข้ามาสวมกอดพวกเขาทีละคน สุดท้ายเมื่อมาอยู่ตรงหน้าอีวิลสัน เธอเงยหน้ามองชายร่างใหญ่ที่มีท่าทางโง่เขลาอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จากนั้นจึงเอ่ยออกมาว่า “เฮ้เพื่อน ยังจำฉันได้ไหม?”
อีวิลสันขมวดคิ้ว มองไปที่วินนี่และส่ายหน้าอย่างช้าๆ
วินนี่จึงพูดด้วยความผิดหวังขึ้นว่า “อ้อ ไม่ คุณยักษ์ คุณลืมแล้วเหรอว่าในวันวิคตอเรียใครเป็นคนพาคุณไปเลี้ยงพิซซ่า?”
“บอสไง” อีวิลสันพูดด้วยความมั่นใจ
ฉินสือโอวหัวเราะอย่างพึงพอใจ เขาเข้ามาโอบอีวิลสันไว้และพูดอย่างเบิกบานใจขึ้นว่า “ใช่แล้ว ไอ้เพื่อนฉัน บอสเป็นคนพานายไปเลี้ยงพิซซ่าเอง?”
เมื่อเห็นฉินสือโอวยิ้ม อีวิลสันจึงยิ้มอย่างปัญญาอ่อนขึ้นมาเช่นกัน
ผ่านไปสักครู่ พวกเด็กๆพาวลิสทั้งสี่คนก็กลับมาจากโรงเรียน เมื่อพวกเขาวิ่งกลับมาที่วิลล่าก็มองเห็นวินนี่กับเออร์บักนั่งคุยเฮฮากันอยู่ที่โซฟาพอดิบพอดี
ด้วยเหตุนี้ เด็กทั้งสี่คนที่กำลังเตรียมตัววิ่งเข้าไปในวิลล่าก็ต้องเบรกอย่างฉุกเฉินและรวมกันอยู่ที่ประตูทางเข้า มองไปที่วินนี่อย่างขี้ขลาดเล็กน้อย
เมื่อวินนี่มองเห็นพวกเขาทั้งสี่คน เธอจึงดีดนิ้วและเดินขึ้นข้างบนไป
เมื่อพบเจอเช่นนี้ เชอร์ลี่ย์จึงตกใจกลัวและเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ฉิน พี่วินนี่ไม่ชอบพวกเราเหรอ?”
ฉินสือโอวยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกมา เออร์บักก็ได้แย่งพูดขึ้นมาก่อนว่า “จะเป็นไปได้ยังไง พี่วินนี่ของพวกเธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่งเลย”
ฉินสือโอวได้พูดขัดเขาออกมาว่า “นี่ ทำไมพวกเธอไม่ถามความคิดเห็นฉันก่อนล่ะ? ฉันจำได้ว่าเด็กเวรอย่างพวกเธอทั้งสี่คนเรียกฉันว่าลุงฉินตลอดเลย ทำไมทีวินนี่ถึงเรียกว่าพี่วินนี่ล่ะ?”
กอร์ดอนเกาที่ท้ายทอยและพูดอย่างเปิดเผยออกมาว่า “พี่วินนี่เหมือนกับพี่สาว แต่คุณเหมือนกับลุง”
พาวลิสจึงโผล่ออกมาและพูดแก้ต่างให้กับฉินสือโอวขึ้นว่า “อย่าคิดมากเลยลุงฉิน กอร์ดอนไม่ได้หมายความว่าคุณดูแล้วเหมือนคนแก่”
ฉินสือโอวยักไหล่อย่างจนปัญญาและเอ่ยออกมาว่า “ขอบใจที่นายปลอบฉัน พาวลิส นายทำให้ฉันเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นจริงๆ”
‘กึกกึก กึกกึก’ เสียงรองเท้าส้นสูงของวินนี่กระทบไปที่พื้นบ้านดังออกมา เธอถือกล่องของขวัญเล็กๆสี่กล่องไว้และรีบเดินลงมา เธอหยุดยืนที่ตรงหน้าของเด็กทั้งสี่คน หลังจากที่เธอนั่งยองๆลงแล้วก็ได้เอากล่องของขวัญเล็กๆสีชมพูยื่นให้กับเชอร์ลี่ย์ก่อน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “สาวน้อยคนสวย ดูสิว่าเธอชอบของขวัญที่พี่เอามาฝากไหม?”
“แกะตอนนี้ได้เลยเหรอคะ” เชอร์ลี่ย์ลองเอ่ยถาม
วินนี่โอบกอดเธอไว้แล้วจูบไปที่บนหน้าผากของเธอหนึ่งที และเอ่ยขึ้นว่า “แน่นอนสิจ๊ะ สายน้อยน่ารักของฉัน”
ต่อจากนั้น เธอก็ได้ส่งกล่องของขวัญที่เหลืออีกสามกล่องให้กับพาวลิส กอร์ดอนและมิเชล
พาวลิสได้เริ่มเปิดกล่องของขวัญออกมา ด้านในคือหมวกแข่งรถที่มีสัญลักษณ์รูปดาวใบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายหมวกเบสบอล แต่ว่ามีความเบาและนุ่มกว่า ตัวหมวกเป็นสีแดง ด้านบนมีลายเซ็นที่ดูมีชีวิตชีวาและทรงพลัง
พาวลิสไม่เข้าใจเกี่ยวกับลายเซ็นนี้ เขาจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากฉินสือโอว ฉินสือโอวมองดูแล้วมองดูอีกแต่ก็ยังไม่เข้าใจเช่นกัน เขาจึงส่งต่อให้กับเออร์บักอย่างเขินอาย
เออร์บักยิ้มตาหยีและมองดูหมวก จากนั้นก็ได้แสดงออกมาอย่างจริงจังทันทีทันใด เขาเอ่ยถามวินนี่ออกมาว่า “นี่ของจริงเหรอ?”
วินนี่ยักไหล่และเอ่ยขึ้นว่า “น้องชายกัปตันของพวกเราเป็นผู้จัดการให้กับคุณคนนี้ ฉันก็เลยได้มันมาอย่างราบรื่น”
เออร์บักเอาหมวกสวมให้กับพาวลิสและเอ่ยขึ้นว่า “ชื่อยี่ห้อของหมวกใบนี้คือ ‘อัลไพน์สตาร์ส’ ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมอุปกรณ์การแข่งรถ และเจ้าของลายเซ็นนี้ชื่อว่า “ลูวิส แฮมิลตัน!”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ฉินสือโอวจึงเข้าไปโอบกอดวินนี่ วินนี่ช่างใส่ใจมากจริงๆ
ลูวิส แฮมิลตัน เป็นนักแข่งรถเอฟวันชาวอังกฤษ ชนะการแข่งขันชิงแชมป์โลกเอฟวันสองสมัย เป็นหนึ่งในนักแข่งที่ดีที่สุดของชูมัคเกอร์ในการแข่งขันเอฟวัน และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ลูวิสยังเป็นนักแข่งรถผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์ของเอฟวัน
ได้ยินดังนั้น พาวลิสจึงส่งเสียงร้องออกมา เขาถอดหมวกออกและเอามากอดไว้ที่อก จากนั้นก็เข้าไปกอดวินนี่ เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบที่แก้มเธอและเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณมากครับ พี่วินนี่ ต้องขอบคุณพี่มากจริงๆ! ลูวิส แฮมิลตันเป็นไอดอลของผม ผมชอบเขามากเลย! ขนาดฝันผมยังไม่กล้าฝันเลยว่าผมจะได้ลายเซ็นของเขา!”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้ให้ดีนะ ถ้าครั้งหน้าฉันให้ลายเซ็นของอลอนโซ นายอย่าทำไม่รู้จักลายเซ็นเขาอีก” วินนี่ลูบที่หลังเขาและเอ่ยขึ้น
พาวลิสพยายามพยักหน้า เขาตื่นเต้นดีใจจนแก้มสีดำได้เปล่งประกายออกมา ทันทีหลังจากนั้นเขาจึงคิดและเอ่ยออกมาว่า “ผมไม่อยากได้ลายเซ็นของอลอนโซแล้ว เขาไม่ชอบลูวิส เขายังเป็นศัตรูกับลูวิสด้วย แต่ถึงยังไงผมก็ต้องขอบคุณพี่วินนี่มากๆเลย”
วินนี่ยิ้มและเอ่ยออกมาว่า “ถ้าเช่นนั้นลูวิสก็คงต้องดีใจมากจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะมีแฟนคลับที่มีความศรัทธาอย่างแรงกล้าอย่างนาย”
ของขวัญที่เชอร์ลี่ย์ได้คือตุ๊กตาบาร์บี้รุ่นหายาก สำหรับของขวัญของกอร์ดอนคือชุดไพ่ที่มีจำนวนทั้งหมดหนึ่งร้อยใบ ด้านบนไพ่ได้แนะนำบุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดในโลกหนึ่งร้อยคน วินนี่เอ่ยกับเขาขึ้นว่า “กอร์ดอน ในอนาคตฉันหวังว่าเธอจะกลายเป็นคนที่อยู่บนไพ่ใบที่หนึ่งร้อยหนึ่งนะ”
ของขวัญของมิเชลกลับเป็นโปสเตอร์ใบหนึ่ง ซึ่งเป็นโปสเตอร์ภาพถ่ายรวมทั้งครอบครัวของเอ็นบีเอ ฮีท ด้านบนโปสเตอร์ก็มีลายเซ็นเช่นกัน เป็นลายเซ็นของนักกีฬาดังแต่ละคนในทีมฮีท ซึ่งทั้งหมดนี้มีค่ามากกว่าลายเซ็นของลูวิสที่อยู่บนหมวกเสียอีก
นอกจากนี้ บนโปสเตอร์ยังเขียนไว้ประโยคหนึ่งว่า ‘การขัดเกลาความยากลำบาก จะเป็นวิธีที่สามารถทำให้กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้!’
คำพูดประโยคนี้ไม่ใช่พูดเรื่อยเปื่อยโดยไม่มีเป้าหมาย แฟนกีฬาบาสเกตบอลทุกคนต่างก็รู้ดีว่าทีมฮีทเคยประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบได้ สุดยอดนักบาสเกตบอลของทีมสามคนได้ต่อสู้ไปด้วยกันให้ได้มาซึ่งชัยชนะ เพื่อพิสูจน์ให้โลกรู้ว่าพวกเขาทำได้ เมื่อผ่านฤดูกาลแข่งขันที่พ่ายแพ้ไป ในตอนนั้นพวกเขาได้พบกับการประนามที่ไม่มีที่สิ้นสุด สามารถพูดได้ว่าเป็นการต่อสู้กับทั้งโลก สุดท้ายพวกเขาก็ได้เตรียมความพร้อมกันมาเป็นอย่างดี จนได้เป็นแชมป์ในฤดูกาลที่สอง
“ฉินบอกว่านายชอบกีฬาบาสเกตบอล มิเชล นายสามารถเป็นนักบาสเอ็นบีเอชื่อดังได้นะ ฉันเชื่อมั่นมาก!” วินนี่มองไปที่ตาของมิเชลและเอ่ยขึ้น
มิเชลกะพริบตา พยายามพยักหน้า
เออร์บักมองไปที่ฉินสือโอวและใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางวินนี่อย่างเงียบๆ จากนั้นก็ยกนิ้วโป้งตั้งตรงเพื่อแสดงการชื่นชมให้กับวินนี่
เดินทีฉินสือโอวอยากที่จะพาทุกคนไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารคุณลุงฮิคสัน แต่ว่าทุกคนก็ได้ปฏิเสธกันหมด เออร์บักพาเด็กทั้งสี่คนและอีวิลสันไปร้านพิซซ่า ชาร์ค ซีมอนสเตอร์และนีลเซ็น ต่างก็กลับไปบ้านของตนเอง
และไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย การกลับมาที่ฟาร์มปลาในคืนแรก ควรจะเป็นของฉินสือโอวและวินนี่
ก่อนหน้านี้คุณลุงฮิคสันได้รับการกำชับจากเออร์บักเป็นอย่างดี หลังจากที่ฉินสือโอวและวินนี่มาถึงเขาก็ได้ปิดประตูร้านและแขวนป้าย “ตอนนี้ปิด” ไว้
ฉินสือโอวแปลกประหลาดใจ คุณลุงฮิคสันเชิญพวกเขาสองคนไปที่ลานเล็กๆของร้าน ในนี้มีเพียงโต๊ะยาวที่คลุมด้วยผ้าปูโต๊ะสีชมพู
ข้างบนโต๊ะมีแจกันดอกไม้อยู่สองอัน ด้านในคือดอกไม้ป่าของเกาะแฟร์เวลที่พึ่งเด็ดมา นอกจากนั้นยังมีไอซ์ไวน์อยู่หนึ่งขวด ด้วยเหตุนี้ เมื่อเทียนหอมสว่างไสวขึ้นมาก็มีกลิ่นหอมอ่อนๆตลบอบอวลโชยไปทั่ว บรรยากาศของการดินเนอร์ใต้แสงเทียนได้ปรากฏขึ้นแล้ว
วินนี่นั่งลงและหยิบคลี่ผ้าเช็ดปากที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ผลคือเพียงแค่คลี่ผ้าออกมา ดอกกุหลาบดอกหนึ่งก็ร่วงลงมา เธอหยิบดอกกุหลาบขึ้นมาอย่างดีใจ ยิ้มอย่างหวานชื่นและเอ่ยขึ้นว่า “ฉิน นับวันคุณยิ่งจะเหมือนเพลย์บอยขึ้นทุกทีแล้ว”
ฉินสือโอวอดหัวเราะไม่ได้จึงเอ่ยออกมาว่า “ไม่ วินนี่ นี่ไม่ใช่ผม……”
“แต่ว่าฉันชอบมากเลย” วินนี่เอ่ยออกมาอีก
ฉินสือโอวจึงรีบปิดปากเงียบ และพูดขึ้นว่า “ขอเพียงแค่คุณชอบ ให้ผมทำอะไรผมก็มีความสุขหมด”
‘คุณลุงเออร์บัก คุณนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่เสียแรงที่ผมพยายามอย่างสุดชีวิตในการใช้พลังของโพไซดอนปรับปรุงร่างกายคุณให้ดีขึ้น’ หลังจากที่ฉินสือโอวได้นั่งลงก็ได้แอบพูดขึ้นมาในใจ
……………………………………………………………
บทที่ 195 ตกปลาเป็นเพื่อนคุณ
โดย
Ink Stone_Fantasy
นี่คือครั้งแรกที่ฉินสือโอวกินอาหารค่ำใต้แสงเทียนเช่นกัน เขาพึ่งจะรู้ว่าต้องใช้ความพิถีพิถันมากขนาดนี้
อาหารที่นำมาเสิร์ฟเป็นเมนูแรกคือสลัด ซึ่งในส่วนของวัตถุดิบจะประกอบไปด้วย ผักกาดหอม เนื้อปูสุกและเนื้อส้มโอเป็นหลัก มีน้ำมันมะกอก น้ำมะนาวและน้ำผึ้งเล็กน้อยเป็นส่วนผสม ชื่อของอาหารเมนูนี้ก็คือ “ความหวานชื่นที่ได้พบกัน”
ต่อจากนั้นอาหารที่มาเสิร์ฟก็คือมะกะโรนีอิตาเลียน และชื่อของอาหารเมนูนี้ก็คือ “หนึ่งใจเดียวกัน”
ในส่วนของอาหารจานหลักมีชื่อเรียกว่า “ความรักที่หวานดั่งน้ำผึ้ง” เป็นเมนูพิเศษของเกาะแฟร์เวล โดยมีวัตถุดิบหลักเป็น ปลาค็อดสดแล่เนื้อ เนื้อปลาที่แล่แล้วจะถูกทอดจนเป็นสีเหลืองทอง จากนั้นเอาพริกหวานและแตงกวาที่หั่นบางๆมาทำเป็นเครื่องเคียง เอาเห็ดสดและเนยมาปรุงเข้าด้วยกัน ปรุงจนเป็นน้ำซอสและเทราดลงบนเนื้อปลา
และอาหารลำดับสุดท้ายก็คือของหวาน ชื่อเรียกของของหวานเมนูนี้ก็คือ “หัวใจตรงกัน” โดยใช้เนยและสตรอว์เบอร์รีเป็นวัตถุดิบ ผสมเนยกับน้ำเชื่อมเมเปิลและทาให้หนาทั่วจานหนึ่งชั้น หั่นสตรอว์เบอร์รีออกเป็นสองซีกและจัดวางให้เป็นรูปลูกธนูหนึ่งอัน แทงทะลุผ่านเข้าไปในเนยผสมน้ำเชื่อมที่เป็นรูปหัวใจ
คุณลุงฮิคสันก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการสวมเสื้อกั๊กสีดำ กางเกงสูทขายาวสีดำและรองเท้าหนังสีดำ บนปกเสื้อยังผูกโบไทอีกด้วย เส้นผมสีขาวได้ถูกหวีอย่างพิถีพิถัน เมื่อมาเสิร์ฟอาหารก็มีกิริยาที่เป็นมาตรฐานเหมือนกับในหนังไม่มีผิด มองดูแล้วทำให้ฉินสือโอวเข้าถึงความรู้สึกเป็นอย่างมาก
ในขณะที่รับประทานอาหาร ฉินสือโอวและวินนี่ก็ได้พูดคุยกันเบาๆ และสบตากันบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกรักที่อยู่ในดวงตาของกันและกัน
ฉินสือโอวอยากที่จะคุกเข่าให้กับเออร์บักจริงๆ ตาเฒ่าคนนี้ไม่เพียงแต่เป็นบุคคลอันทรงเกียรติของเขา แต่ยังเป็นพ่อสื่อให้กับเขาอีกด้วย
ลมทะเลพัดโชยมาเบาๆ ลานเล็กๆภายในร้านได้ปลูกดอกไม้และต้นหญ้าไว้ เมื่อสายลมพัดมาที่ต้นหญ้าจึงทำให้เกิดเสียง ‘กรอบแกรบ’ ดังขึ้นมา คลื่นทะเลที่อยู่ไกลออกไปได้ซัดสาดเข้ามาที่ชายหาด เมื่อเสียงแผ่ดังมาถึงที่ลานเล็กๆภายในร้านจึงเป็นเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนมาก ทำให้รู้สึกหลงใหลเคลิบเคลิ้ม
เมื่อทานของหวานที่เป็นเมนูสุดท้ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวและวินนี่ก็จูงมือกันออกจากร้านอาหารไป และเดินไปตามบนถนนอย่างเงียบๆ
เวลาในขณะนี้พึ่งจะสามทุ่มตรง แต่เมืองเล็กๆแห่งนี้ก็เงียบสงบเป็นอย่างมาก บนถนนแทบจะไม่มีคนเดินหรือมีรถวิ่งผ่านเลย มีเพียงเสียงสุนัขเห่าที่ดังออกมาจากบ้านที่พวกเขาเดินผ่านบ้างเล็กน้อย
ทั้งสองคนเดินอยู่บนถนนโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เดินจูงมือกันอย่างเอ้อระเหยกลับไปที่วิลล่า เมื่อถึงเวลาที่จะต้องแยกจากกันวินนี่ก็ได้อ้าแขนออก ฉินสือโอวเข้าไปโอบกอดเธอและบอกฝันดี จากนั้นต่างคนต่างก็กลับไปที่ห้องนอนของตัวเองอย่างอาลัยอาวรณ์
ในครั้งนี้วินนี่มาพักผ่อนในช่วงวันหยุด ฉินสือโอวจึงอยากที่จะพาเธอไปเที่ยวเล่น รุ่งเช้านีลเซ็นได้ถามเขาว่าอยากที่จะออกทะเลไปด้วยกันไหม ชาร์คจึงพูดอย่างจนปัญญาขึ้นมาว่า “นี่เพื่อน บอสมีเรื่องที่สำคัญกว่าให้ต้องทำ งานในทะเลพวกเราจัดการเองเถอะ ทำไมเรื่องแค่นี้นายก็ยังไม่เข้าใจ?”
“ตอนนี้ยังเหลืองานอีกเยอะเหรอ?” ฉินสือโอวเอ่ยถามขึ้น
ชาร์คจึงพูดอธิบายออกมา “ก็เหลือไม่มากหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็จะไปงมปลาตายที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกมันเน่าเปื่อยอยู่ในน้ำ ถ้าปล่อยให้ปลาเน่าเปื่อยจะทำให้มีผลกระทบต่อคุณภาพน้ำ”
ชาวประมงได้ขับเรือออกทะเลกันไปและฉินสือโอวก็ได้ขับเรือหัวกว้างสไตล์ไครเมียออกมาเช่นกัน เพื่อพาวินนี่ไปตกปลาที่ทะเล
เมื่อกำหนดทิศทางและความเร็วในการเดินเรือไว้เรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวจึงเทน้ำองุ่นให้กับวินนี่หนึ่งแก้วและเข้าไปในห้องบังคับเรือ คุยกับเธอไปพลางตากลมทะเลไปพลาง
ในตอนนี้เรือก็ได้ออกมาไกลจากชายฝั่งทะเลแล้ว มองไปรอบๆสามารถเห็นน้ำทะเลสีฟ้ากว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา ฉินสือโอวจึงหยุดเรือหัวกว้างแล้วยื่นคันเบ็ดตกปลาส่งให้กับวินนี่หนึ่งคัน จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “มาดูกันว่าวันนี้ดวงคุณจะเป็นยังไง ผมเดาว่าคุณจะต้องตกได้ปลาดีๆแน่เลย”
พวกเขาออกมาจากห้องบังคับเรือและมานั่งบนดาดฟ้าที่เปิดโล่ง วินนี่เริ่มเกี่ยวเหยื่อไว้บนคันเบ็ดที่ได้มาและเอ่ยถามออกมาว่า “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ”
ฉินสือโอวหัวเราะและเอ่ยออกมาว่า “เพราะว่าคุณมีเสน่ห์มากไง สามารถดึงดูดปลาเยอะแยะมากมายมาติดเบ็ดได้”
ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเช้า แต่แสงอาทิตย์ในหน้าร้อนก็ยังคงร้อนแรงเป็นอย่างมาก ฉินสือโอวนั่งอยู่เพียงครู่เดียวก็รู้สึกว่าผิวหนังได้ถูกเผาแล้วบ้างเล็กน้อย ฉินสือโอวจึงวางคันเบ็ดลงและเตรียมที่จะเอาม่านบังแดดที่ด้านข้างเรือลง
วินนี่จึงดึงมือเขาไว้และพูดขึ้นมาว่า “อาบแดดเป็นเพื่อนฉันหน่อย ทุกวันฉันอยู่แต่ในห้องหรือไม่ก็บนเครื่องบิน จนกระดูกฉันขึ้นราหมดแล้ว”
ฉินสือโอวจึงทำตามด้วยความเต็มใจ แต่ทว่าเขารู้สึกร้อนเล็กน้อยเมื่อใส่เสื้อผ้าอยู่ ดังนั้นเขาจึงถอดเสื้อออก วินนี่ช่วยเขาเก็บเสื้อไว้ให้เรียบร้อยและหยิบครีมกันแดดออกมาหนึ่งขวด เธอให้เขานอนคว่ำลงและเอาครีมกันแดดทาลงไปที่หลังของเขา
ฝ่ามือของวินนี่นั้นช่างอ่อนนุ่ม เมื่อเอาครีมกันแดดที่เย็นชุ่มชื่นทาลงไป กระทบกับผิวหนังแล้วรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ทำให้ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะครวญครางออกมา
ผ่านไปสักครู่วินนี่ก็ได้ทาครีมกันแดดให้เขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงรีบรับครีมกันแดดมาทันทีและเอ่ยถามอย่างคาดหวังออกมาว่า “ให้ผมช่วยทาให้คุณสักหน่อยไหม?”
วินนี่ยิ้มหัวเราะอย่างอ่อนหวานและตีมือที่เขายื่นออกมา จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “ฉันยังไม่ต้องทาหรอก ยังใส่เสื้อผ้าอยู่เลย จะทาครีมกันแดดได้ยังไง?”
ฉินสือโอวยื่นหน้าออกมาและเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ถอดเสื้อผ้าสิ เอ่อ ผมหมายถึงคุณเปลี่ยนเป็นชุดบิกินีก็ได้ แบบนี้จะทำให้รู้สึกเย็นสบายมากขึ้น”
วินนี่โบกมือปฏิเสธ หู่จือและเป้าจือกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างๆ ดวงตาจ้องมองครีมกันแดดที่อยู่ในมือของฉินสือโอว จากนั้นก็เห่า ‘โฮ่งโฮ่ง’ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ในเมื่อวินนี่ไม่ยินยอม ฉินสือโอวจึงดึงมือกลับด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว เมื่อเห็นหู่จือและเป้าจือกระตือรือร้นที่จะตำหนิเขา เขาจึงด่าทอออกมาและลากเจ้าสองตัวนี้มาทาครีมกันแดดลงบนผิวที่เกลี้ยงเกลาของพวกมัน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อแสงแดดสาดส่องมาที่บนตัวของสุนัขแลบราดอร์จึงทำให้เกิดแสงมันวาวออกมา
คันเบ็ดที่พึ่งวางลงไปก็ยังไม่มีปลามากินเหยื่อ ฉินสือโอวจึงเอาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกมาและไปวนเวียนอยู่ในฟาร์มปลา จากนั้นจึงกลับมาดูว่าที่ก้นทะเลมีปลาอะไรอยู่บ้าง
ขณะที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปที่ฟาร์มปลา บอลหิมะและไอซ์สเกตก็ได้ขึ้นมาต้อนรับอย่างดีใจ ฉินสือโอวชี้ทิศทางให้กับพวกมัน เพื่อให้พวกมันไปบริเวณที่เรือหัวกว้างจอดทอดสมออยู่ และเมื่อเขากำลังจะตามพวกมันขึ้นไปด้วย เขาก็ได้เจอกับฉลามขาวฝูงหนึ่งซึ่งอยู่ในตำแหน่งใต้ทะเลลึกของฟาร์มปลา
ไม่รู้ว่าในฟาร์มปลาของเขามีฝูงฉลามขาวตั้งแต่เมื่อไร ซึ่งมีจำนวนทั้งหมดยี่สิบกว่าตัวและต่างก็เป็นฉลามที่มีขนาดใหญ่ มีความยาวประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบเมตร พวกมันแหวกว่ายอยู่ที่บริเวณชายขอบของฟาร์มปลา ทำให้ฝูงปลาที่อยู่บริเวณรอบๆนั้นหายไป ก็ใครยังจะกล้าเข้าไปใกล้ล่ะ?
ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังตกตะลึงอยู่นั้น พวกฉลามขาวก็รับรู้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน พวกมันจึงส่ายหัวสะบัดหางแหวกว่ายเข้ามาในน่านน้ำที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนได้ควบคุมอยู่และลอยไปลอยมาอย่างอิสระ
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่า น่าจะมาจากตอนแรกที่เขาออกคำสั่งโจมตีพวกกลุ่มเพื่อนเพลย์บอยที่โหดร้าย เดาว่าในตอนนั้นตัวเองไม่ได้เอาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเก็บกลับมาและได้ขับเจ็ทสกีกลับมาเลย ดังนั้นจึงพาฉลามขนาดใหญ่เหล่านี้กลับมาด้วย
ตอนนี้ได้เกิดปัญหาขึ้นแล้ว การจัดการกับฉลามขนาดใหญ่พวกนี้กลายเป็นปัญหาที่แก้ยากอย่างหนึ่ง
ฉินสือโอวรู้สึกเสียดายที่จะไล่พวกมันไป ถึงอย่างไรพวกมันก็เป็นขุนพลที่กล้าหาญกลุ่มหนึ่งที่เคยได้รับพลังแห่งโพไซดอนแล้ว กำลังสู้รบของพวกมันนั้นดีกว่างูเหลือมทะเลเสียอีก ขอเพียงแค่ใช้พวกมันให้ดี ฉลามขาวพวกนี้ก็สามารถกลายเป็นอาวุธที่ดีมากได้
แต่ทว่าถ้าไม่ไล่พวกมันไป ฟาร์มปลาก็คงจะรับไม่ได้หากมีฉลามที่กินเก่งเหล่านี้อยู่ในฟาร์ม พวกฝูงปลาก็จะโชคร้ายไปกันหมด พวกมันกินเยอะกว่าอีวิลสันมาก ถ้าหากกินอย่างเต็มที่ ไม่ช้าก็เร็วฉินสือโอวก็คงจะกลายเป็นยาจกแน่ๆ
เมื่อคิดดูแล้ว ฉินสือโอวก็ยังคงตัดใจที่จะทิ้งสัตว์ประหลาดที่โหดร้ายพวกนี้ไปไม่ลง เขาเลือกที่จะใช้ข้อเสนอแบบประนีประนอม โดยให้ฉลามเหล่านี้กลับไปล่าอาหารที่ใต้ทะเลลึกได้อย่างอิสระ เขาจะคอยให้ความสนใจกับเจ้าพวกนี้ทุกวัน ถ้าหากกินไม่อิ่มก็จะพากลับมาที่ฟาร์มปลาเพื่อป้อนอาหารให้อิ่ม
ทางด้านฉินสือโอวกำลังจัดการกับฝูงฉลาม ส่วนทางด้านของวินนี่ก็ร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนกออกมา เขาจึงรีบลืมตาขึ้นมาทันที เขาได้เห็นวินนี่ทำหน้าบึ้ง กัดฟันแน่นและจับคันเบ็ดดึงไปข้างหลัง
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนจึงรีบย้ายกลับมาโดยเร็ว ฉินสือโอวมองเห็นปลาตัวใหญ่ที่มีริ้วสีดำอยู่บนตัว ซึ่งมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า ปลาเก๋าเสือ จะพบมากที่มหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ส่วนมหาสมุทรแอตแลนติกพบเห็นได้ค่อนข้างน้อย ดูเหมือนว่าวินนี่จะมีเสน่ห์มากจริงๆ แม้แต่ปลาชนิดนี้ยังสามารถดึงดูดมันมาได้
เมื่อหู่จือและเป้าจือมองเห็นเอ็นเบ็ดนั้นแน่นตึง พวกมันจึงกระโดด ‘ตู้ม’ ลงไปในน้ำ
วินนี่ตื่นตกใจกลัวจึงโยนคันเบ็ดทิ้งและจะยื่นมือไปช่วยเจ้าสุนัขสองตัวนั้นอย่างไม่รู้ตัว ฉินสือโอวรีบเข้าไปรับคันเบ็ดไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เข้าไปกอดวินนี้และจับคันเบ็ดไว้ด้วยกันพร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “อย่ากังวลเลย พวกมันลงไปจับปลา!”
เมื่อได้ยินดังนี้ วินนี่จึงสงบจิตสงบใจลงและจับคันเบ็ดเพื่อดึงขึ้น ฉินสือโอวได้โอบกอดวินนี่ไว้พอดี ร่างกายของหญิงสาวจึงอยู่ในอ้อมอกของเขา
…………………………………………………………….
บทที่ 196 เจ้าพวกกลุ่มนี้
โดย
Ink Stone_Fantasy
พละกำลังของปลาเก๋าสือนั้นค่อนข้างน้อย ซึ่งมันเป็นปลาที่เกียจคร้านประเภทหนึ่ง พวกมันชอบอาศัยอยู่บริเวณปากแม่น้ำ เพราะว่าบริเวณนั้นมีอาหารปลาที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด
คนที่เคยดูภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ของเซียงเจียงและไต้หวันจะรู้ดีว่าปลาเก๋าเสือนั้นเป็นที่นิยมในฮ่องกง มาเก๊าและไต้หวัน เป็นที่รู้จักกันว่าปลาเก๋าสือเป็นหนึ่งในสี่ของปลาที่มีชื่อเสียงในประเทศ
ฉินสือโอวได้ช่วยวินนี่จับคันเบ็ดและดึงปลาเก๋าสือที่อยากจะดิ้นหนีอย่างลุกลี้ลุกลนขึ้นมาบนผิวน้ำ หู่จือและเป้าจือแหงนหน้าขึ้นว่ายน้ำเข้ามา ในความเป็นจริงแล้วเพียงแค่ฉินสือโอวออกแรงอีกนิดก็สามารถยกปลาขึ้นมาได้แล้ว แต่ทว่าฉินสือโอวอยากที่จะให้วินนี่ได้เห็นการจับปลาของหู่จือและเป้าจือ ดังนั้นหลังจากที่ดึงปลาขึ้นมาบนผิวน้ำแล้วก็ได้หยุดดึง
หู่จือและเป้าจือได้ขนาบเข้าไปทั้งสองข้าง พวกมันว่ายน้ำไปข้างหน้าสักสองสามเมตรก่อน จากนั้นก็หันกลับมาโจมตีขนาบทั้งสองด้านไปที่ปลาตัวนี้ และขับไล่มันหนีเตลิดไปทางเรือหัวกว้าง
ด้วยเหตุนี้ ฉินสือโอวจึงคลายมือออก ปล่อยให้วินนี่หมุนรอกวงล้อเบ็ดด้วยตัวเองและตกเอาปลาตัวนี้ขึ้นมาอย่างสบายๆ
และก็เป็นอย่างที่คาดเดาไว้ วินนี่แปลกใจกับการแสดงความสามารถของหู่จือและเป้าจือเป็นอย่างมาก เมื่อพวกมันว่ายน้ำกลับมา เธอจึงรีบยื่นมือลงไปงมเจ้าสองตัวนั้นขึ้นมาบนเรือทันที
ฉินสือโอวเอาเลือดปลาเก๋าเสือออกให้หมดและแช่แข็งไว้ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นว่า “นี่เป็นปลาที่ดีตัวหนึ่งเลย พวกเรามีอาหารกลางวันกินแล้ว”
วินนี่จึงพูดอย่างไม่พอใจขึ้นมาว่า “ไม่สนหรอกว่าจะกินอะไร? ดูพวกลูกๆของฉันสิ ทำไมถึงแสดงความสามารถออกมาได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้? ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าต่อไปตัดใจทิ้งพวกมันไปยังไง”
ฉินสือโอวหัวเราะคิกคักและเอ่ยออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องไปแล้ว อยู่ที่นี่ มีผมและก็มีลูกๆ แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ?”
วินนี่คิดแล้วคิดอีก จากนั้นจึงเอ่ยออกมาว่า “ถ้าเช่นนั้นฉันต้องคิดให้ดีจริงๆซะแล้ว”
เมื่ออากาศร้อนขึ้นมาแล้ว ฉินสือโอวจึงกางร่มกันแดดที่ใช้สำหรับเรือยอชต์ออกมาที่บนดาดฟ้า ด้วยเหตุนี้ แค่ลมทะเลพัดโชย จัดคู่เข้ากับน้ำผลไม้ที่เย็นเจี๊ยบก็สามารถทำให้อุณหภูมิของอากาศลดลงมาอย่างทันทีทันใด
การตกปลาในทะเลนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้ความอดทนมาก เพราะว่าไม่ใช่ทุกน่านน้ำของทะเลที่จะมีฝูงปลาเคลื่อนไหวอยู่ และถึงแม้ว่าจะมีฝูงปลากำลังแหวกว่ายอยู่รอบๆ แต่เมื่อคุณยกคันเบ็ดขึ้นก็แทบจะทำให้พวกปลาเหล่านี้ตกใจกลัวและว่ายน้ำหนีไปกันหมด
การระมัดระวังตัวของปลานั้นแข็งแกร่งกว่าสัตว์ป่ามาก หากทำให้พวกมันตกใจกลัวจนหนีไปครั้งหนึ่งแล้วก็ยากที่จะจับพวกมันด้วยวิธีเดิม
แต่ทว่าเสน่ห์ของกีฬาอยู่ที่ระดับความยาก ดังนั้นจึงมีนักตกปลาหลายคนชอบที่จะมาตกปลาในทะเล
ฉินสือโอวเพียงแค่อยากจะให้วินนี่มีความสุข พวกเขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อการแข่งขันแต่มาเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ดังนั้นเขาจึงเอาอาหารปลาที่ได้เตรียมมาจำนวนหนึ่งโยนลงไปในน้ำ นอกจากนั้นยังขยายหลอดไฟไอโอดีนทังสเตนแบบเต็มมุมลงไปในน้ำ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปลาที่มีความไวต่อแสงมากแหวกว่ายมารวมตัวกัน
ภายใต้การนำวิธีเหล่านี้เข้ามาช่วย ปลาทะเลจึงเข้ามาติดเบ็ดอย่างต่อเนื่อง แต่ปลาที่ติดเบ็ดล้วนแล้วแต่เป็นปลาขนาดเล็ก แต่ทว่าวินนี่ก็ตกได้ปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดตัวหนึ่ง นั่นก็คือปลาแมคเคอเรลมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งมีความยาวเกือบครึ่งเมตร ฉินสือโอวต้องช่วยเธอดึงเบ็ดถึงจะสามารถยกมันขึ้นมาได้
พวกเขาตกปลาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงเวลากลางวัน ฉินสือโอวเห็นวินนี่คล้ายกับยังอยากที่จะตกปลาต่อจึงเอ่ยถามเธอขึ้นว่า “คุณยังอยากที่จะตกปลาต่อไหม?”
วินนี่ยักไหล่และเอ่ยขึ้นว่า “ฉันอยากตกให้ได้ปลาตัวใหญ่ๆสักตัว ฉันเห็นเพื่อนในทวิสเตอร์และเฟซบุ๊กโพสต์รูปที่พวกเขาตกได้ปลาตัวใหญ่กันบ่อยๆ ฉันก็อยากจะโพสต์บ้างสักสามสี่รูป”
ฉินสือโอวยิ้มหัวเราะและเอ่ยออกมาว่า “ได้ ไม่มีปัญหา แต่ว่า เอ็นเบ็ดและคันเบ็ดของคุณไม่เหมาะกับการตกปลาที่มีขนาดใหญ่”
โดยปกติแล้วการตกปลาทะเลและการตกปลาแม่น้ำนั้นแตกต่างกัน ซึ่งจะใช้สองสายในการตก เรียกว่าสายหลักและสายย่อย เมื่อประกอบสายเข้ากันสายหลักจะเชื่อมต่อกับคันเบ็ดและตะขอวงเลขแปด และโดยปกติแล้วจะเป็นสายที่มีสี หลักสำคัญก็เพื่อเพิ่มสัดส่วนการตัดผ่านน้ำของเส้นหลักให้ได้ดีมากยิ่งขึ้น
แท้ที่จริงแล้วสายที่แขวนไว้กับคันเบ็ดคือสายย่อย สายเอ็นประเภทนี้จะเล็กกว่าสายหลักและส่วนใหญ่จะเป็นสีใส ด้วยเหตุนี้จึงสามารถลดการระมัดระวังตัวของปลาลงได้ ทำให้พวกมันมาติดเบ็ดได้ง่ายขึ้น
เอ็นเบ็ดสองสายนี้ต้องใช้คู่กัน สายหลักจะมีราคาสูงกว่าสายย่อย และตะขอจะเชื่อมไว้กับสายย่อย เช่นนี้หากตกได้ปลาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และคาดว่าสายเอ็นตกปลาจะรับน้ำหนักไว้ไม่ได้ ก็ให้ตัดสายย่อยออกก่อน เช่นนี้ก็สามารถรักษาสายหลักไว้ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการลดต้นทุน
ฉินสือโอวให้วินนี่เลือกสายที่แข็งแรงอย่างสายเบอร์แปดทำเป็นสายหลัก ซึ่งสามารถรับน้ำหนักในการดึงได้มากกว่าห้าสิบกิโลกรัม โดยปกติแล้วการตกปลาขนาดใหญ่ใช้สายประเภทนี้ก็เพียงพอแล้ว แต่ถึงอย่างไรฉินสือโอวก็ไม่ได้เตรียมสายที่มีความหนากว่านี้มาด้วย
วินนี่เกี่ยวเหยื่อที่ตะขอเบ็ดอย่างคาดหวังจากนั้นก็เหวี่ยงเอ็นเบ็ดลงไปในน้ำ ฉินสือโอวก็ได้เอาปลาแฮร์ริ่งมหาสมุทรแอตแลนติกที่ตกมาได้ก่อนหน้านี้มาหั่นเป็นท่อนๆและโยนลงไปในน้ำ นี่คือการโยนเหยื่อ จุดประสงค์ก็เพื่อดึงดูดให้ปลาตัวใหญ่เข้ามา
เมื่อตอนที่ชาร์คไปตกปลาเป็นเพื่อนฉินสือโอว ได้เคยสาธิตวิธีโยนเหยื่อให้เขาดู นี่เป็นเทคนิคที่ดีอย่างหนึ่งของลูกจ้าง ขนาดเล็กใหญ่ของชิ้นเนื้อปลาแฮร์ริ่งและจังหวะในการโยนนั้นมีความสัมพันธ์กันมาก ขอบเขตในการโยนเหยื่อก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน
ฉินสือโอวไม่ใช่นักเรียนที่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงโยนเหยื่อลงไปเรื่อยเปื่อย และเดิมทีเขาก็ไม่ได้อยากให้วินนี่ตกได้ปลาที่มีขนาดใหญ่ เพราะว่าถ้าหากการออกทะเลในครั้งนี้ได้เติมเต็มความมุ่งหวังทุกอย่างในการตกปลาของเธอ ถ้าเช่นนั้นต่อจากนี้พวกเขาสองคนจะมีโอกาสออกทะเลมาตกปลาอีกเหรอ?
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาโยนเหยื่อลงไปได้สักครู่ก็ไม่มีปลาขนาดใหญ่มาติดเบ็ดเลย วินนี่รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก รอไปถึงครึ่งชั่วโมงก็ไม่มีผลใดๆเกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงเลือกได้เพียงแค่เก็บคันเบ็ดขึ้นมาอย่างผิดหวัง
ฉินสือโอวจึงได้ปลอบใจเธอ โดยบอกกับเธอว่าการตกปลาในทะเลก็เป็นเช่นนี้แหละ หากเลือกบริเวณตกปลาไม่ถูกที่ ต่อให้รออยู่ที่นี่หนึ่งวันถึงสองวันก็ยังคงตกปลาขึ้นมาไม่ได้ เช่นนี้ในวันหลังพวกเขาค่อยออกมาทะเลกันใหม่อีกครั้ง และเลือกตกบริเวณที่มีคนเคยตกได้ปลาที่มีขนาดใหญ่
อาหารกลางวันที่พวกเขากินก็คือปลาที่วินนี่ตกมาได้ ฉินสือโอวมีความชำนาญในการทำปลามาก ไม่ว่าจะเป็นปลาเก๋าเสือหรือปลาแมคเคอเรล เมื่ออยู่ในมือของฉินสือโอวก็ได้กลับกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
สำหรับคนส่วนใหญ่ในประเทศแล้วปลาแมคเคอเรลมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นคำที่พวกเขาไม่ค่อยคุ้นเคยนัก เพราะในประเทศนิยมกินปลาชนิดนี้กันน้อย แต่ปลาชนิดนี้และปลาสายพันธุ์เดียวกับปลาแมคเคอเรลแอตแลนติกต่างเป็นอาหารที่ชื่นชอบของคนที่อยู่ตามเมืองเกาะทะเล ซึ่งมีชื่อเรียกทั่วไปว่า แมคเคอเรล ซึ่งมีชื่อสามัญมาจากวงศ์ปลาอินทรี(Scomberomorus niphonius)
วิธีการทำอาหารก็เหมือนกับปลาอื่นๆ ปลาชนิดนี้จะมีเนื้อที่สดและนุ่มในตัวของมันเอง ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่เครื่องปรุงให้เป็นพวกปลาน้ำแดง เพียงแค่หั่นปลาเป็นท่อนๆ หมักด้วยเหล้าและเกลือเล็กน้อย แค่วางลงไปตุ๋นในหม้อก็ได้แล้ว เสริมด้วยต้นหอม ขิงและโป๊ยกั๊กวางไว้ด้านบน เมื่อตุ๋นไปสักครู่ก็จะมีกลิ่นหอมโชยออกมา
ในแคนาดา ปลาแมคเคอเรลมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อตุ๋นออกมาก็สามารถที่จะกินได้เลย แต่ว่าขณะที่ฉินสือโอวอยู่ที่ประเทศของตัวเองก็ได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเมื่อรอให้ปลาต้มจนเกือบสุกแล้ว ก็โรยกุยช่ายลงไปข้างบนเล็กน้อย เช่นนี้ถึงจะกระตุ้นความสดอร่อยของปลาแมคเคอเรลมากยิ่งขึ้น
การทำปลาเก๋าเสือนั้นแสนง่ายขึ้นไปอีก แค่เอาปลาไปนึ่งก็เพียงพอแล้ว และฉินสือโอวเลือกที่จะราดน้ำมันลงไปด้วย
หลังจากที่กำจัดกลิ่นคาวของปลาโดยการล้างปลาให้สะอาด ถูด้วยเกลือและเหล้าสำหรับทำอาหารแล้ว ก็ห่อด้วยต้นหอมและขิงแผ่นไว้ที่ด้านนอกหนึ่งชั้น จากนั้นก็นำไปนึ่งไว้ในหม้อประมาณยี่สิบนาที เมื่อนำปลาออกมาจากหม้อแล้วก็เอาน้ำมันที่เดือดแล้วราดลงไป เทซอสดำลงไปเล็กน้อยก็สามารถที่จะกินได้แล้ว
ชาร์คและคนอื่นๆออกไปทำงานที่ทะเล ปกติแล้วในตอนพักกลางวันจะไม่กลับมา เพราะพวกเขาได้เตรียมอาหารกลางวันไปด้วย และจะเดินเรือกลับมาอีกครั้งในช่วงเวลาบ่ายแล้ว มิเช่นนั้นหากเดินเรือไปๆมาๆก็จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้
ลูกๆทุกคนก็ไปโรงเรียนกันหมดแล้ว ส่วนเออร์บักก็เป็นคนแก่ที่ยอดเยี่ยมมาก เขาสร้างโอกาสให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง ดังนั้นในช่วงเช้าเขาจึงไปช่วยงานแฮมเล็ตที่รัฐบาลเมือง ‘ทีมตรวจสอบการท่องเที่ยวของจีนได้เดินทางมาถึงแล้ว ที่เมืองแฟร์เวลได้ขาดผู้ที่จะมาเป็นล่าม เดิมทีฉินสือโอวคือคนที่จะเป็นล่ามได้ดีที่สุด แต่ทว่าเขาต้องพาวินนี่ไปเที่ยว และจะมีเวลาไปดูแลทีมตรวจสอบการท่องเที่ยวได้อย่างไร?
ด้วยเหตุนี้เออร์บักจึงทำงานนี้ด้วยตัวเอง
ก่อนที่จะกินข้าววินนี่ได้ใส่บะหมี่น้ำซุปปลาไว้ในชามอาหารสัตว์ให้กับหู่จือ เป้าจือและฉงต้าก่อน เพื่อให้พวกมันได้กินอิ่มก่อนแล้วเธอถึงจะเริ่มกินอาหารของตัวเอง
เหล่าครอบครัวพอสซั่มอย่างต้าป๋าย เสี่ยวหมิงและเสี่ยวหวงก็ได้กินลูกเบอร์รี่ นกโจรสลัดนิมิตส์ที่ไม่รู้ว่าในช่วงเช้าได้บินไปที่ไหนมาก็ได้กลับมาแล้วเช่นกัน หลังจากที่บินลงมาบนพื้นดิน มันก็ได้เดินกะโผลกกะเผลกเข้าไปในบ้าน
ขาของนกโจรสลัดนั้นเป็นจุดอ่อนของตัวพวกมันเอง เมื่อได้รับบาดเจ็บแล้วจึงยากที่จะฟื้นคืนสภาพเดิม นกโจรสลัดหลายตัวที่กล้าจะต่อสู้กับพายุที่โหมกระหน่ำก็จะถูกทำลายที่ขาและเท้าจนมีอาการบาดเจ็บ ในขณะที่บาดแผลตามที่ต่างๆของนิมิตส์ได้กลับคืนสู่สภาพเดิมหมดแล้ว จะมีเพียงแค่ที่เท้าเท่านั้นที่ยังไม่ฟื้นคืนเป็นปกติ
เมื่อเห็นนิมิตส์ ฉินสือโอวจึงโกรธแค้นมาก เจ้าหมอนี่ช่างจงรักภักดีจริงๆ เดิมทีฉันคิดว่าแกจะออกไปเที่ยวแอ๊บหล่อในทะเลกับฉัน ผลสุดท้ายคือแค่กินอาหารเช้าเสร็จแกก็บินออกไปไม่เห็นแม้แต่เงา พอถึงเวลากินอาหารกลางวันก็บินกลับมา
นิมิตส์จ้องมองฉินสือโอวอย่างไร้เดียงสา และอ้าปากร้องเสียง ‘จุ๊กกรู๊ จุ๊กกรู๊’ ออกมา และสายตาก็มองไปที่เนื้อสีขาวราวหิมะของปลาแมคเคอเรลอย่างต่อเนื่อง
ฉินสือโอวกลัวว่ามันจะบินขึ้นมาบนโต๊ะจริงๆ จึงหยิบปลาแฮร์ริ่งโยนให้มันหนึ่งตัว นิมิตส์คาบเข้าปากและกลืนมันลงไป จากนั้นก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูบริเวณที่แขวนเสื้อและเริ่มที่จะจัดขนของมันให้เป็นระเบียบ
……………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น