ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1914-1919
ตอนที่ 1914 ไม่สนใจแล้ว
“งั้นทำไมเธอถึงไม่กรีดข้อมือล่ะ? ซื้อมีดปอกผลไม้สักเล่มแล้วกรีดที่ข้อมือมันง่ายกว่าเธอมากระโดดตึกเยอะเลยนะ ถ้าไม่ไหวจริง ๆก็ผูกคอฆ่าตัวตายจะได้จบ ๆไป สวีจื่อเซวียนเธอจงใจข่มขู่ให้ผู้ชายคนนี้แต่งงานกับเธอไม่ใช่หรือไง?”
เหมยเหมยชี้ไปที่เจียงจื้อหรู่แล้วตะโกนพูดเสียงดัง ลิ้นแข็งไปหมด พร้อมกับความอดทนที่หายไปเพราะความหนาวเช่นกัน
หากสวีจื่อเซวียนคิดจะตายจริงคงรีบกระโดดลงไปให้มันจบ ๆแล้ว แต่นี่ดันทำให้เธอต้องมาทนหนาวตัวสั่นแบบนี้อีก!
คุณนายเจียงสายตาเป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยกับสวีจื่อเซวียนเสียงนิ่ง “คุณสวี ฉันกับเจียงจื้อหรู่จะจัดงานแต่งงานขึ้นในวันคริสต์มาส หวังว่าตอนนั้นคุณจะมาร่วมงานด้วยนะ!”
คิดจะใช้การกระโดดตึกข่มขู่เธอหรือ?
เหอะ ดูถูกเธอเกินไปแล้ว!
แน่จริงก็กระโดดลงไปสิ อย่างมากเธอก็ช่วยบริจาคค่าหลุมศพให้!
เจียงจื้อหรู่หันมองมาทางคุณนายเจียงอย่างไม่พอใจ เวลานี้ทำไมต้องพูดจาแทงใจจื่อเซวียนอีก?
คุณนายเจียงปรายตามองเขาอย่างเย็นชาไร้ซึ่งความนอบน้อมตามใจเหมือนอย่างเคยแต่กลับดูเย็นชาขึ้นกว่าเดิม เจียงจื้อหรู่ไม่ชินกับคุณนายเจียงในอิริยาบถนี้อย่างมาก ต่อหน้าผู้หญิงที่หน้าตาไม่งดงามคนนี้เขามีแต่ความได้ใจ แต่ตอนนี้–
เขาเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้ว
“บริษัทฉันยังมีลูกค้าสำคัญรอฉันอยู่ ขอไม่อยู่เสียเวลาตรงนี้แล้วกัน ขอตัวก่อน” คุณนายเจียงเอ่ยเสียงเรียบแล้วหมุนตัวเดินลงบันไดไป
เมื่อครู่เองที่อยู่ ๆเธอก็คิดได้
พ่อแม่พี่น้องหรือญาติคนสนิทล้วนด่าเธอโน้มน้าวเธอแต่เธอก็ยังยึดติดอยู่กับเจียงจื้อหรู่จนถอนตัวไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอหลุดพ้นแล้ว
ผู้ชายอย่างเจียงจื้อหรู่ไม่ว่าจะเรื่องพื้นหลังครอบครัว ความสามารถหรือนิสัยใจคอล้วนสู้เธอไม่ได้สักอย่าง แม้แต่ข้อดีเพียงข้อเดียวที่เคยมีอย่างเรื่องหน้าตา ตอนนี้กลับดูโทรมจนไม่เหลือเค้าเดิมและไร้ซึ่งความดูดีสง่างามอย่างที่เคยเป็น กลับกันตอนนี้ดูหน้าตาโรคจิตขึ้นเล็กน้อยจนทำเอาเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนใจไปพักใหญ่ ๆ
หรือว่าตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอตาบอดไปจริง ๆ?
คุณนายเจียงส่ายหน้าแล้วเดินลงไปอย่างแน่วแน่ เสียงร้องเท้าส้นสูงค่อย ๆหายไป
เจียงจื้อหรู่ใจร้อนรน เขารู้สึกว่าตัวเองได้สูญเสียบางอย่างไปแต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคิดเยอะเพราะเรื่องสวีจื่อเซวียนนั้นรีบร้อนกว่า
ในฐานะผู้หญิงเหมือนกันอย่างเหมยเหมยก็พอจะดูออกว่าคุณนายเจียงได้สติแล้วจึงรู้สึกยินดีด้วย เห็นทีชีวิตอนาคตของเจียงจื้อหรู่จะไม่ได้สบายเหมือนเดิมแล้วละนะ!
จู่ ๆเธอก็เริ่มหมดอารมณ์พลางคิดว่าตัวเองยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหมือนแม่พระเข้าไปทุกที สวีจื่อเซวียนอยากตายแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอกัน!
“เราก็ไปกันเถอะ ชีวิตเป็นของเธอ แม้แต่เธอยังไม่คิดจะรักษาไว้เราก็จนปัญญาแล้ว ไป ๆ ฉันจะหนาวตายอยู่แล้ว ไปทานหม้อไฟกัน!”
เหมยเหมยกระทืบเท้าปึงปังแล้วชิงเดินลงบันไดไปก่อนหนึ่งก้าว อีกประเดี๋ยวจะขอสั่งน้ำซุปต้มกระดูกร้อน ๆสักหม้อแล้วให้เจ้าของร้านต้มหน่อไม้แห้งกับฟองเต้าหู้เยอะ ๆรสชาติสดใหม่หอมหวาน ทานแล้วไม่อ้วนด้วย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อมองหน้ากัน ทำไมอยู่ ๆสถานการณ์ถึงพลิกแบบนี้ไปได้ล่ะ?
เมื่อกี้ยังกังวลแทบตายไม่ใช่หรือไง?
“ไปสิ พวกเธอไม่หนาวเหรอ?” เหมยเหมยมาเร่ง
ทั้งสองคนรีบย่นคอ ทำไมจะไม่หนาวล่ะ นี่หนาวแทบตายอยู่แล้ว พวกเธอมองสวีจื่อเซวียนที่ยังนั่งเหม่ออยู่บนพื้นแวบหนึ่งและเจียงจื้อหรู่ที่แอบเขยิบเข้าไปหา ส่วนทางฝั่งเหมยเหมยก็เร่งเร้าอีกครั้งจนทั้งคู่ตัดสินใจเดินตามลงไปอย่างแน่วแน่เมื่อนึกถึงหม้อไฟน้ำซุปรสชาติดีและร้อนระอุ
เหมยเหมยพูดถูก แม้แต่ตัวเองยังไม่คิดจะมีชีวิตต่อไปคนนอกอย่างพวกเธอจะทำอะไรได้?
ใช้ชีวิตตัวเองให้ดีที่สุดสิถึงจะถูก!
พอมาถึงชั้นสามก็เจอเจ้าหน้าที่ฝ่ายดับเพลิงที่กำลังขึ้นมาอย่างเร่งรีบ พวกเหมยเหมยทักทายพวกเขาครู่หนึ่งแล้วอธิบายเหตุการณ์ไปคร่าว ๆก่อนจะเดินลงไปต่อ
เพราะทานหม้อไฟสำคัญกว่า!
พื้นที่ลานว่างใต้หอสมุดถูกปูด้วยฟูกหนาไว้เสร็จสรรพ คุณนายเจียงไม่ได้กลับไปทันทีแต่เลือกจะแหงนหน้ามองขึ้นมาชั้นบนด้วยสายตาเรียบเฉย พอเห็นพวกเหมยเหมยก็ยิ้มผงกศีรษะให้เล็กน้อย
“กรี๊ด…”
มีนักศึกษาหญิงขี้กลัวคนหนึ่งกรีดร้องขึ้นมา ที่แท้ก็เพราะเจียงจื้อหรู่กอดสวีจื่อเซวียนไว้ แต่สวีจื่อเซวียนดิ้นตะเกียกตะกายไม่หยุด ทั้งคู่ที่กระชากกันไปยื้อกันมาทำเอาคนมองรู้สึกปวดหนึบที่ใจไปหมด!
………………………..
ตอนที่ 1915 ให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่า
ในที่สุด–
ไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง เมื่อทั้งสองคนซัดกันไปซัดกันมาจนเผลอลื่นแล้วร่วงตกลงไปด้วยวิธีการตกแบบอิสระ[1]
คนหนึ่งนำหน้า อีกคนหนึ่งตามหลัง
สวีจื่อเซวียนอยู่ล่างเจียงจื้อหรู่อยู่บน ซึ่งต่อให้อยู่กลางอากาศทั้งคู่ก็ไม่แยกจากกันบ่งบอกว่าเป็นรักแท้ของจริง แต่เสียดายที่ไม่มีเงิน ต่อให้รักมากแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์
คุณนายเจียงหรี่ตาลงมือกำหมัดแน่นแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉยเช่นกัน
“ตุบ…”
แรงโน้มถ่วงของตึกเจ็ดชั้นไม่เบาจริง ๆ ทั้งคู่ร่วงตกบนฟูกตามกันติด ๆจนเกิดเสียงดังสนั่นและหิมะกระจัดกระจายท่ามกลางอากาศ ทีมดับเพลิงที่เฝ้ารออยู่ก่อนแล้วรีบใช้ผ้านวมห่อตัวสองคนที่หมดสติไปและรถพยาบาลก็มาถึงพอดี
“ไปกันเถอะ ไม่ตายแน่ ๆล่ะ เราไปทานหม้อไฟกัน!” เหมยเหมยเร่ง มีฟูกรองอยู่อย่างมากก็แค่กระดูกหักบ้างอะไรบ้าง ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตแน่นอน
รักษาชีวิตไว้ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งแล้ว!
คุณนายเจียงก้มหน้าแล้วยิ้มให้พวกเหมยเหมย “ให้พวกเธอเห็นเรื่องตลกเข้าแล้ว”
เหมยเหมยยิ้มแห้งหลายทีนึกในใจว่าประโยคนี้ต่อยากเสียจริงเธอจึงเลือกจะเปลี่ยนประเด็นโดยยิ้มกล่าว “ยินดีกับคุณนายเจียงด้วย ขอให้รักกับอาจารย์เจียงไปนาน ๆนะคะ”
คุณนายเจียงยิ้มเย้ยตัวเองทีหนึ่งแล้วตอบเสียงเบา “ขอบคุณนะ!”
เธอหันหลังเดินไปยังรถที่จอดทิ้งไว้เผยให้เห็นแผ่นหลังที่ดูปล่อยวางแต่ที่มากกว่านั้นคือความเศร้าโศก
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถามเสียงเบา “อาจารย์เจียงกับอาจารย์แม่กลับมาคืนดีกันแล้วจริงเหรอ?”
“อืม จัดงานแต่งงานวันคริสต์มาสอย่างใหญ่โตเลยล่ะ ถึงตอนนั้นเธอไปทานของฟรีได้อีกมื้อเลยนะ” เหมยเหมยกระทืบเท้าเอามือล้วงกระเป๋าก้มหน้าเดินไปยังถนนซอยหลังมหาวิทยาลัย เวลานี้สิ่งที่อยากทำมากที่สุดก็คือซดน้ำซุปร้อน ๆสักคำให้ความอุ่นแผ่ซ่านตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเลย
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนส่ายหน้าถอนหายใจกล่าว “หรือว่าสวีจื่อเซวียนคิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายจริง ๆ เหอะ ผู้หญิงคนนี้โง่จริง ๆ ผู้หญิงอย่างอาจารย์แม่ต้องใจกว้างแน่ ๆถึงเอาเงินก้อนหนึ่งให้ไปเสวยสุขที่ต่างประเทศ แบบนี้ดีจะตายไป ทำไมต้องมายึดติดกับอาจารย์เจียงคนเดียวด้วยนะ!”
“โง่เองโทษใครได้? ฉะนั้นวันหน้าถ้าพวกเธอมีลูกสาวก็ต้องอบรมสั่นสอนพวกเธอดี ๆอย่าไปโง่ผูกตัวเองอยู่กับผู้ชายคนเดียว จะว่าไปแล้วผู้ชายไม่น่าพึ่งพาเท่ากับเงินหรอก และไม่ซื่อสัตย์ภักดีเท่าเงินด้วย”
เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะพูดสอนแต่เธอก็เอ่ยเสริมไปอีกประโยค “แน่นอนว่ายกเว้นพี่หมิงซุ่นของฉัน เขาเก่งกว่าเงินหลายร้อยล้านเท่า!”
ก่อนจะโดนสายตาสองคู่มองบนใส่!
“เธอเก็บไว้สอนลูกสาวตัวเองเถอะ ฉันกับฉีฉีเก๋อจะต้องมีลูกชายแน่ ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดอย่างมีความสุข
“เธอให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิงเหรอ!” เหมยเหมยถลึงตาใส่เธอ หากแม่หนูคนนี้กล้าพยักหน้ารับละก็เธอจะต้องเคาะศีรษะเรียกสติอีกฝ่ายให้ได้
“ไม่นี่ เธอดูสิฉันกับฉีฉีเก๋อหน้าตาไม่สวยกันทั้งคู่ ถ้ามีลูกชายอย่างน้อยก็มีส่วนสูงแต่ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงคงคิดหนัก ไม่เหมือนเธอที่หน้าตาสวยไม่ว่าจะมีลูกเพศไหนก็ดูดีทั้งนั้น” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดประโยคหนึ่งฉีฉีเก๋อก็พยักหน้ารับประโยคหนึ่งอย่างเห็นด้วย
เหมยเหมยร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก นี่มันเหตุผลบ้าบออะไรกันเนี่ย?
เรื่องราวกระโดดตึกฆ่าตัวตายอันน่าสะเทือนใจของสวีจื่อเซวียนก็จบลงอย่างงงงวยเช่นนี้
ได้ข่าวว่าอาการไม่สาหัสกันทั้งคู่ เจียงจื้อหรู่ออกจากโรงพยาบาลภายในวันนั้นโดยมีกระดูกช่วงแขนแตกร้าวนิดหน่อยเลยต้องใส่เฝือกข้างหนึ่งไว้ ส่วนสวีจื่อเซวียนจะอาการหนักกว่าเล็กน้อยโดยแขนหักไปหนึ่งข้าง แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือขาทั้งสองข้างของเธอบาดเจ็บเพราะอากาศที่หนาวจัด ถึงแม้จะไม่ต้องตัดขาทิ้งแต่เรียวขาสวยในอดีตก็เปลี่ยนรูปไปแล้ว หนำซ้ำยังจะเกิดอาการแทรกซ้อนตามมาภายหลังอีกด้วย
เหมยเหมยฟังมาจากเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เมื่อเธอกับฉีฉีเก๋อได้ไปเยี่ยมเยียนสวีจื่อเซวียนที่โรงพยาบาลถึงได้กลับมาเล่าให้เธอฟัง
“ใครดูแลเธอที่โรงพยาบาลเหรอ?” เหมยเหมยถาม
“อาจารย์เจียงจ้างพยาบาลคนหนึ่งมา แต่ฉันคิดว่าสวีจื่อเซวียนน่าจะคิดได้แล้ว คงไม่คิดสั้นอีกแล้วละ”
“แล้วแต่เธอเลย อยากตายก็เชิญ!”
เหมยเหมยพูดอย่างเย็นชาประโยคหนึ่งก่อนจะเลิกถามเรื่องสวีจื่อเซวียน ไม่นานวันคริสต์มาสก็มาถึง เหล่านักศึกษาวัยหนุ่มสาวดีใจตื่นเต้นกันอย่างมากพลางจัดตกแต่งมหาวิทยาลัยกันอย่างร่าเริงเพื่อต้อนรับการมาถึงของวันคริสต์มาส
………………………..
[1] การตกแบบอิสระ (free fall) ศัพท์เฉพาะทางวิศวกรรมที่หมายถึงการตกของวัตถุในแนวดิ่งจากแรงโน้มถ่วงของโลก
ตอนที่ 1916 เข้าร่วมด้วยกัน
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อเองก็ตื่นเต้นเช่นกันเห็นบอกว่าจะเข้าร่วมงานเต้นรำวันคริสต์มาสที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้นอีกด้วย ในคืนวันนั้นทางมหาวิทยาลัยเมตตาอนุญาตให้นักศึกษาเล่นสนุกโต้รุ่งได้ ทำเอาเหล่านักศึกษาที่อัดอั้นมาตั้งนานเตรียมสนุกกันทั้งคืน!
“เหมยเหมยเธอจะมาร่วมงานเต้นรำไหม? สนุกมากเลยละ เสียดายที่ปีที่แล้วเธอกับฉีฉีเก๋อไม่ไป” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดโน้มน้าว
ปีที่แล้วเวลานี้เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นไปเที่ยวบ้านฉีฉีเก๋อจึงใช้เวลาวันคริสต์มาสที่ทุ่งกว้างและสนุกมากเช่นกัน อีกทั้งยังมีความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่านี้ด้วยนะ!
พอนึกถึงปีที่แล้วตอนยั่วยวนหลอกล่อเหยียนหมิงซุ่นที่ทุ่งกว้าง เหมยเหมยก็อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ ไม่รู้จริง ๆว่าทำไมตอนนั้นเธอถึงใจกล้าขนาดนี้?
หน้าไม่อายมากจริง ๆเลย!
“ฉันต้องกลับไปถามก่อนว่าเขาวางแผนจะทำอะไรหรือเปล่า” เหมยเหมยก็เริ่มสนใจ การที่อาจารย์และลูกศิษย์ทั้งมหาวิทยาลัยมาร่วมฉลองด้วยกันแค่คิดก็น่าสนุกแล้ว!
*********
“งานเต้นรำวันคริสต์มาส? เพื่อนทั้งมหาวิทยาลัยจะเข้าร่วมกันหมดเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นเงียบไปนาน สรุปอนุญาตหรือไม่อนุญาตกันแน่นะ?
คืนนั้นต้องมีเพื่อนผู้ชายมากแน่ ๆ แค่คิดเขาก็รู้สึกไม่สบายใจแล้ว แต่หากไม่ปล่อยให้เหมยเหมยไปเธอจะต้องงอนอีกแน่ ๆ ต้องคิดหาวิธีรับมือทั้งสองทางให้ได้!
“พี่…ฉันไปสนุกแค่สองชั่วโมงเอง แล้วจะกลับมาก่อนสี่ทุ่มแน่ ๆได้ไหม…”
เหมยเหมยกอดแขนออดอ้อนลากเสียงยาวหวานหยดย้อนราวกับขนมน้ำตาลเคลือบ ทำเอาคนฟังเสียวซ่านจับใจและเหยียนหมิงซุ่นเองก็ใจอ่อนยวบทำใจแข็งใส่ไม่ได้อีกต่อไป
“งั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเธอแล้ว…” เขาพูดเหมือนมีนัยยะแอบแฝงอยู่ เขาคิดในใจไว้แล้วว่าถึงตอนนั้นจะต้องหาเวลาไปร่วมงานเต้นรำกับยัยปีศาจน้อยนี้ให้ได้ มีหมาป่าอยู่ตั้งมากมาย หากเขาไม่อยู่จับตามองเขาคงไม่วางใจ
พอได้ยินดังนั้นเหมยเหมยก็เข้าใจทันทีจึงหน้าแดงระเรื่อ…
แต่เพื่อผลประโยชน์ของวันคริสต์มาสอีฟ เธอยอมทุ่มหมดหน้าตักเลยทำท่าเหมือนยอมให้อีกฝ่ายทำทุกอย่าง ขอแค่ผู้บังคับบัญชาใหญ่เหยียนพอใจก็พอ
……
ไม่นานคืนคริสต์มาสอีฟก็มาถึง เหยียนหมิงซุ่นรีบสะสางงานให้เสร็จตั้งแต่กลางวันเพื่อเตรียมพาภรรยาตนไปสนุกสนานตอนกลางคืน เขาต้องคอยกันหมาป่าพวกนั้นไว้
“พี่…พี่จะไปด้วยกันเหรอ?”
เหมยเหมยมองเหยียนหมิงซุ่นที่เตรียมไปพร้อมกับเธออย่างตกตะลึงจนลิ้นพันกันไปหมด หากมีสามีคอยตามติดแบบนี้แล้วเธอจะสนุกสนานอย่างเต็มที่ได้ไงล่ะ?
ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้แต่แรกเมื่อหลายวันก่อนเธอคงไม่จำเป็นต้องคอยเอาอกเอาใจอีกฝ่ายหรอก
ตอนนี้ยังปวดเอวอยู่เลย!
เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองเธอด้วยสายตาเรียบนิ่งแวบหนึ่ง…
เธอรู้ตัวเองแล้วกัน
เหมยเหมยเสียววาบตรงคอ ต่อให้มีใจขัดขืนแต่กลับไม่มีความกล้านั้น เธอเลยเค้นรอยยิ้มหวานออกมาแล้วพูดอย่างฝืนใจว่า “ฉันอยากให้พี่ไปด้วยกันด้วยซ้ำ ฉันไม่อยากอยู่ห่างพี่เลยแม้แต่นาทีเดียว…”
เหยียนหมิงซุ่นมองยัยปีศาจน้อยที่กำลังแสดงละครเกินจริงอย่างขบขัน ทักษะการแสดงที่เกินจริงแบบนี้แม้แต่คนโง่ยังดูออกว่ากำลังฝืนใจอยู่
“วันหลังถ้ามีงานเต้นรำแบบนี้ฉันจะไปกับเธอด้วย” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงต่ำประโยคหนึ่ง พอเห็นสีหน้าเปลี่ยนไปของเหมยเหมยถึงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
สิ่งที่ชอบที่สุดคงไม่พ้นการหยอกล้อภรรยาแสนโง่นี่ล่ะ!
หยอกทีไรก็ได้ผลทุกที สนุกที่สุดเลย!
เหมยเหมยแอบทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่แผ่นหลังเหยียนหมิงซุ่นแล้วกวาดสายตาหาเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อ แต่พอทั้งคู่เห็นเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังขมวดคิ้วทำหน้าเย็นชาก็ตกใจจนไม่กล้าหายใจเสียงดัง พวกเธอเลยตัดสินใจทิ้งเหมยเหมยชิ่งหนีไปก่อน
พวกเธอไม่อยากหาเรื่องอยากตายในคืนคริสต์อีฟหรอกนะ อยู่กับพญายมบาลในโลกมนุษย์แบบนี้จะสนุกอะไร?
ทั้งคู่ส่งสายตาให้เหมยเหมยเป็นเชิงหาทางเอาตัวรอดเองแวบหนึ่งก่อนจะจากไปอย่างไร้ซึ่งน้ำใจใด ๆ
เหมยเหมยถลึงตาใส่พวกเธอแวบหนึ่ง บนฟลอร์เต้นรำล้วนเป็นเพื่อนที่เธอไม่รู้จักจึงทำให้เหมยเหมยไม่กล้าเข้าไป เธอได้แต่หาที่นั่งแถวนั้นแล้วนั่งลงโดยมีเหยียนหมิงซุ่นคอยเฝ้าเธออยู่ข้าง ๆตามหน้าที่
“สวัสดี เต้นรำด้วยกันสักเพลงไหม?” ไม่นานเหมยเหมยผู้งดงามก็ได้ดึงดูดฝูงหมาป่าให้เข้าหา โดยมีเพื่อนผู้ชายใจกล้าคนหนึ่งเดินเข้ามาโค้งตัวให้เหมยเหมยทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยคำเชื้อเชิญ
………………………..
ตอนที่ 1917 ฉันบอกเมื่อไรว่าเต้นไม่เป็น
เหมยเหมยรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ดีเลยคิดจะอ้าปากตอบรับ แต่เหยียนหมิงซุ่นตวัดตาเยือกเย็นไปที่เพื่อนผู้ชายคนนั้นทำเอาอีกฝ่ายอดสะท้านเฮือกไม่ได้ แต่ยังหัวรั้นผายมือทำท่าเชื้อเชิญอย่างแน่วแน่ต่อไป
นาน ๆทีดาวมหาวิทยาลัยจะเข้าร่วมงานเต้นรำด้วย เขาไม่อยากพลาดโอกาสดี ๆแบบนี้ไป!
เหมยเหมยทำท่าเคอะเขินเล็กน้อย แม้เธอจะไม่ค่อยได้ร่วมงานเต้นรำบอลรูมเช่นนี้บ่อยนักแต่พอจะรู้กฎอยู่บ้าง ปกติหากผู้หญิงถูกผู้ชายเชิญเต้นรำจะไม่สามารถปฏิเสธได้ด้วยเรื่องมารยาท
อีกอย่างเธอรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ดีจริง ๆนะ!
ร่วมเต้นรำกับเพื่อนมากมายขนาดนี้ น่าสนุกออก!
“ขอบคุณ…” เหมยเหมยลุกขึ้นยืนตัดสินใจรับคำเชิญ แค่เต้นรำด้วยกันเพลงเดียวเท่านั้นเอง เหยียนหมิงซุ่นคงไม่ใจแคบขนาดนั้นหรอกมั้ง?
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือใครบางคนดันใจแคบขนาดนี้จริงๆ ด้วย จิตใจคับแคบยิ่งกว่าเข็มเสียอีก!
เพื่อนผู้ชายคนนั้นนัยน์ตาฉายแววดีใจแวบหนึ่ง ได้เต้นรำกับดาวมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่สามารถเอาไปโม้กับเพื่อน ๆได้ในอนาคตเชียวนะ!
เพียงแต่–
มือของเพื่อนผู้ชายยังไม่ทันได้สัมผัสมือขาวละเอียดของเหมยเหมยดาวมหาวิทยาลัยคนสวยก็ถูกลมหอบตัวไปจนไม่เหลือแม้แต่เงา เพื่อนผู้ชายที่น่าสงสารขยี้ตาและกวาดตามองรอบ ๆอย่างสงสัย
ดาวมหาลัยล่ะ?
ถูกพายุประหลาดหอบตัวไปหรือ?
เหมยเหมยถูกเหยียนหมิงซุ่นพามาที่ฟลอร์เต้นรำ ไม่นานก็จมหายไปท่ามกลางฝูงชน ขณะนี้ดนตรีได้เปลี่ยนเป็นเพลงจังหวะเร็วอย่างรุมบ้าซึ่งเพลงก่อนหน้านั้นเป็นดนตรีจังหวะวอลซ์ ทุกคนเริ่มเปลี่ยนจังหวะเท้าให้เร็วขึ้นอย่างอัตโนมัติแล้วร่วมเต้นรำเพลงรุมบ้ากันอย่างสนุกสนาน ชายกระโปรงบนฟลอร์เต้นรำบิดพลิ้ว แสงไฟหลากสีสาดส่องลงมาทำให้บรรยากาศเริ่มร้อนแรงขึ้นมา
วันนี้เหมยเหมยสวมชุดกระโปรงพลิ้วสีแดงเลยเข่าซึ่งสะดวกต่อการเต้นรำมาก อีกทั้งยังช่วยให้เต้นได้สวยเป็นพิเศษ เธอเอาตัวแนบชิดเหยียนหมิงซุ่นแล้วบ่นอุบอิบ “พี่เต้นไม่เป็นด้วยซ้ำ พาฉันเข้ามาเต้นเพลงพื้นบ้านเหรอ?”
เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านเธอจะชวนเหยียนหมิงซุ่นเต้นรำบ้างเป็นครั้งคราวเพราะเธอนึกอิจฉาคู่รักในหนังอย่างมาก เวลากลางคืนที่แสนสงบเปิดดนตรีจังหวะช้า ๆ สวมกระโปรงผ้าบางพลิ้วแล้วถือแก้วไวน์แดงหอมละมุนหนึ่งแก้ว คู่รักโอบกอดเต้นรำกันตัวแนบชิด…
ภาพนั้นแค่คิดก็โรแมนติกแล้ว!
แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ยอมเติมเต็มความหวังที่แสนโรแมนติกของเธอโดยปฏิเสธการเต้นรำทุกครั้ง แล้วยังบอกว่าหากจะเต้นก็ให้เต้นออกกำลังกายฉบับทหารแทน
เต้นบ้าบออะไรของเขาล่ะ!
การเต้นรำด้วยกันจะทำให้บรรยากาศยิ่งหวานชื่นขึ้นซึ่งเป็นการปูทางเข้าสู่ฉากรักของชายหญิงอย่างดี แต่เต้นออกกำลังกายฉบับทหารจะทำอะไรได้?
เสียงดนตรีฮึกเหิม จังหวะเท้าแข็งทื่อที่มีแต่จะช่วยให้รู้สึกเลือดร้อนขึ้น…ภาพนั้นแค่จินตนาการถึงก็แย่แล้ว!
เหมยเหมยเตรียมใจบิดตัวเต้นมั่ว ๆบนฟลอร์เต็มที่แล้วแต่เหยียนหมิงซุ่นกลับหัวเราะเสียงเบา “เหมยเหมยไม่เชื่อใจพี่ขนาดนี้เชียว?”
เพิ่งสิ้นเสียงเหยียนหมิงซุ่นก็ยกแขนเหมยเหมยขึ้นสูงแล้วพาเหมยเหมยหมุนรอบตัวเองตามจังหวะเพลงหลายรอบ ปล่อยให้ชายกระโปรงสีแดงบิดพลิ้วโดดเด่นเตะตาผู้คนท่ามกลางฟลอร์เต้นรำ
เหมยเหมยยังไม่ทันได้สติดีเหยียนหมิงซุ่นก็โอบเธอเต้นรำบิดตัวไปตามจังหวะก่อนจะให้เธอหมุนรอบตัวเองอีกหลายที…จังหวะเท้าที่แสนคล่องแคล่วนี้ทำให้เหมยเหมยเบิกตากว้าง เงยหน้ามองเหยียนหมิงซุ่นอย่างไม่เชื่อสายตา
เป็นใบหน้าเดิมไม่ผิด หรือว่าเทพแห่งการเต้นรำจะสิงร่าง?
เหยียนหมิงซุ่นหลุดขำเสียงเบาอีกทีแล้วพาเหมยเหมยหมุนรอบตัวเองอย่างช่ำชองอีกหลายรอบก่อนจะดึงเข้ามาในอ้อมแขนแล้วกระซิบถามข้างหูเธอว่า “ทำไมนิ่งไปแล้วล่ะ?”
พอรู้สึกถึงจังหวะหัวใจและลมหายใจอันคุ้นเคยของคนรักตนเหมยเหมยถึงหลุดจากภวังค์แล้วบิดตัวไปตามจังหวะเพลง พลางมองค้อนใส่ “พี่ไปเรียนเต้นรำมาตั้งแต่เมื่อไร?”
“พี่บอกเมื่อไหร่ว่าพี่เต้นไม่เป็น?” เหยียนหมิงซุ่นพูดหยอกเย้า
ในฐานะสายลับตัวฉกาจไม่ถึงขั้นต้องทำได้ทุกอย่างหรอก แต่มารยาทขั้นพื้นฐานทางสังคมแบบนี้จำเป็นต้องเรียนรู้เอาไว้ซึ่งหนึ่งในบทเรียนที่เขาต้องเรียนรู้ก็คือการเต้นรำ แทงโก้รุมบ้าลีลาศหรือการเต้นแบบวอลซ์…ล้วนไม่ใช่เรื่องเกินตัวสำหรับเขาเลย
เพียงแต่เขาไม่ชอบการเต้นรำสักเท่าไร ผู้บังคับบัญชาการใหญ่เหยียนคิดมาเสมอว่าการเต้นรำเป็นเรื่องของผู้หญิง หากลูกผู้ชายมาเต้นรำมันดูไม่เข้าท่าเอาเสียเลย!
แต่ตอนนี้เพื่อเอาใจยัยปีศาจตัวน้อยของตน ต่อให้เขาไม่ชอบมากแค่ไหนก็จำเป็นต้องเสียสละเพื่อให้สาวงามได้มีความสุขล่ะ
ตอนที่ 1918 บรรยากาศหวานชื่นติดต่อกันได้
เหมยเหมยจึงครุ่นคิดตาม จนในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนใครบางคนไม่เคยบอกว่าตนเต้นรำไม่เป็นอย่างที่ว่าจริง ๆ บอกเพียงว่าเขาไม่อยากเต้นรำเธอจึงคิดไปเองว่าหมอนี่เต้นไม่เป็น
“ในเมื่อพี่เต้นเป็นแล้วทำไมถึงไม่เคยเต้นกับฉันล่ะ?” คราวนี้เจ้าแมวน้อยกลายร่างเป็นแม่เสือสาวแยกเขี้ยวข่มขู่
เหยียนหมิงซุ่นจับเธอหมุนรอบตัวเองอีกหลายทีแล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนให้ตัวประกบแนบชิดกันอีกครั้ง บิดลำตัวไปตามจังหวะเพลงด้วยท่วงท่าที่หวานชื่นมาก
เหยียนหมิงซุ่นผ่านการฝึกซ้อมจากครูมืออาชีพมาก่อนส่วนเหมยเหมยยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ต่อให้เธอบิดตัวอย่างไม่ตั้งใจก็ดูเย้ายวนจับใจแล้ว นอกจากนี้ทั้งคู่ยังรู้ใจกันจึงเข้าขากันได้ดีมากจนทำให้รู้สึกเหมือนผ่านการซักซ้อมมานับครั้งไม่ถ้วน
นักศึกษาคนอื่น ๆไม่ใช่นักเต้นมืออาชีพเพราะพวกเขามาเต้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่พอเห็นคู่เต้นที่มีความช่ำชอง ผู้ชายหล่อเหลาเต้นคู่กับหญิงสาวสวยน่าเย้ายวน ทั้งยังเต้นได้ดีขนาดนี้อีก…
เอาเสียพวกเขาเทียบไม่ติดเลย!
บรรดานักศึกษาต่างถอยห่างจากพวกเหมยเหมยอย่างเงียบ ๆ ทิ้งพื้นที่กว้างให้คู่นี้ ส่วนพวกเขาเชยชมอยู่ข้าง ๆก็พอแล้ว!
เหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นกลายเป็นคู่ที่โดดเด่นมากที่สุดในฟลอร์เต้นรำ พวกเขาไม่รู้ตัวแล้วยังคงเต้นไปตามจังหวะเพลงเรื่อย ๆ
“ความจริงฉันอยากเต้นออกกำลังกายฉบับทหารมากกว่าแต่ที่รักไม่ยอม” เหยียนหมิงซุ่นกระซิบพลางกลั้วหัวเราะเสียงเบาข้างหูเหมยเหมย ทั้งยังแลบลิ้นเลียเบา ๆทีหนึ่ง ความรู้สึกราวกับโดนไฟฟ้าสถิตทำเอาเหมยเหมยร่างอ่อนยวบพลางถลึงตามองค้อนใส่เขาอย่างคุกรุ่นปนเขินอายแวบหนึ่ง
คนนิสัยไม่ดี!
“นี่มันมหาลัยของฉันนะ พี่สงบเสงี่ยมหน่อยอย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อสิ!”
“ไม่ได้ทำอะไรเลยแค่ขยับปากนิดเดียวเอง”
เหยียนหมิงซุ่นตอบไปตามความจริงด้วยสีหน้าจริงจังและอารมณ์ดีไม่หยอก เขาเพิ่งค้นพบว่าความจริงการได้เต้นรำกับยัยตัวแสบนี่ก็รู้สึกดีไม่เลว เมื่อก่อนไม่ควรปฏิเสธเลยจริง ๆ
ก่อนออกกำลังกายเต้นวอลซ์ผ่อนคลายสักเพลง ไม่มีวิธีปูทางก่อนบรรเลงเพลงรักได้ดีเท่านี้อีกแล้ว!
เดี๋ยวกลับไปลองสักหน่อยแล้วกัน!
หลังจบเพลงรุมบ้า ไม่นานก็เปลี่ยนเพลงใหม่อย่างรวดเร็วซึ่งครั้งนี้เป็นดนตรีที่ถูกใจเหยียนหมิงซุ่นพอดี ดนตรีเพลงสำหรับการเต้นแบบสไลว์ฟอกซ์ทรอท แสงไฟหรี่สลัวลงตามสไตล์เพลง แสงไฟเหนือศีรษะหมุนไปรอบ ๆอย่างเชื่องช้าโดยปล่อยแสงหลากหลายสีสันออกมาขับให้บรรยากาศดูสลัวยิ่งกว่าเดิม
ท่านผู้บังคับบัญชาการใหญ่เหยียนที่ค้นพบความสนุกสนานจากการเต้นรำย่อมไม่ปล่อยให้เหมยเหมยได้ไปพักผ่อนอย่างง่ายดาย เพื่อไม่เป็นการล่อฝูงหมาป่าอีกครั้งสู้เต้นรำไปแบบนี้ตลอดทั้งคืนยังจะดีเสียกว่า!
เขาเกี่ยวกระชับเอวคอดแน่น เอวคอดที่เล็กผอมบางเสียจนเขาสามารถกอบกุมมันได้เพียงมือเดียว บางครั้งเขาก็นึกแปลกใจว่าทำไมเอวของผู้หญิงถึงได้เล็กขนาดนี้?
มันมหัศจรรย์มากจริง ๆ!
แสงไฟมืดสลัวเป็นตัวกระตุ้นสารฮอร์โมนของทุกคนได้เป็นอย่างดี ปล่อยให้อากาศโดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นอายความรัก หนุ่มสาวมากมายกำลังสวมกอดกันตัวแนบชิดปล่อยร่างกายขยับไปตามจังหวะเพลง คนส่วนมากกำลังเต้นตามดนตรีสไลว์ฟอกซ์ทรอทแต่ก็มีคู่รักบางส่วนเริ่มเอาใบหน้าแนบชิดกัน บรรยากาศดูหวานชื่นยิ่งกว่าเก่า…
บนฟลอร์เต้นรำเหลือเพียงเสียงดนตรี ทุกคนต่างดื่มด่ำอยู่กับเวลาสามนาทีอันแสนล้ำค่านี้
เหมยเหมยก็เริ่มซึมซับบรรยากาศนี้เข้า คิดว่าบรรยากาศหวานชื่นนี้คงติดต่อกันได้สินะ
เธอลอบมองไปทางซ้ายที่ไม่ไกลจากเธอมีคู่รักวัยหนุ่มสาวกำลังโอบจูบกันอยู่ ฝั่งขวาก็มีอีกคู่หนึ่งที่ทำเกินกว่าคู่นั้นอีก ตัดสินใจหยุดเต้นรำแล้วจูบกันอย่างดูดดื่มหลงลืมสิ่งรอบกายทุกอย่างไปชั่วขณะ
ทุกคนต่างใจเย็นกันมาก ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นหน่อยมันเป็นเรื่องปกติยิ่งกว่าอะไร!
หากไม่เกิดอะไรเกินขอบเขตสินับว่าผิดปกติ
เหมยเหมยมองจนเนื้อตัวร้อนรุ่มเช่นเดียวกับเหยียนหมิงซุ่นที่กำลังเต้นรำแบบเนื้อแนบเนื้อประจันหน้าเธออยู่ เพียงแต่ต่อให้เธอสวมรองเท้าส้นสูงก็สูงถึงแค่ปลายคางของเหยียนหมิงซุ่น อยู่ในจุดตำแหน่งลูกกระเดือกแสนเซ็กซี่ที่เธอชื่นชอบมากที่สุด นอกจากนี้ยังรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจเต้นเร็วตึกตักของเหยียนหมิงซุ่นอย่างชัดเจน
น่าเย้ายวนใจชะมัด!
ลำคอเริ่มแห้งผาก เหมยเหมยแลบลิ้นเลียริมฝีปากน้อย ๆเพราะถูกคู่รักใจกล้ารอบตัวกระตุ้นอารมณ์…
จนเธอเริ่มรู้สึกต้องการขึ้นมา!
…………………………….
ตอนที่ 1919 ทำการแสดงต่อหน้าผู้คน
เหยียนหมิงซุ่นเองก็รู้สึกร้อนรุ่มแทบแย่เพราะเขาสังเกตถึงบรรยากาศร้อนระอุจากรอบข้างตั้งนานแล้ว จากการนับผิวเผินของเขามีคู่รักอย่างน้อยสิบคู่ที่กำลังกอดจูบกันอยู่ มีคู่หนึ่งหนักหนาที่สุดถึงขั้นพากันออกจากงานซึ่งคาดว่าคงไปหาจุดลับตาคนจัดการปัญหาบางอย่างแล้ว
เขาตกใจจริง ๆว่ารั้วมหาวิทยาลัยเปิดกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
แต่มากกว่านั้นคือเขารู้สึกโชคดีที่อย่างน้อยคืนนี้เขาได้ตามมาด้วย สภาพแวดล้อมแบบนี้ต้องพาเหมยเหมยเสียคนแหง!
ทันใดนั้น–
ความรู้สึกร้อนชื้นแผ่ซ่านมาจากส่วนลำคอที่เป็นสัมผัสลื่น ๆร้อนรุ่ม ปนเสียวซ่าน…
เกิดอะไรขึ้น?
เหยียนหมิงซุ่นก้มมองกลับพบว่าใครบางคนกำลังกะพริบตามองเขาอย่างเจ้าเล่ห์ เธอแลบลิ้นสีแดงระเรื่อออกมาเลียลูกกระเดือกเขาแผ่วเบาทีหนึ่งทำเอาเหยียนหมิงซุ่นร่างสะท้าน ความรู้สึกร้อนรุ่มเริ่มก่อตัวขึ้นในท้องน้อยและลำคอแห้งผากยิ่งกว่าเดิม!
ยัยปีศาจน้อยเสียคนแล้วจริง ๆด้วย!
แต่รู้สึกไม่แย่เลยจริง ๆ!
“ที่รัก…”
ยายแมวเหมียวขานเรียกเสียงแผ่วพลางเขย่งปลายเท้าจุ๊บปลายคางเขาอีกที เหยียนหมิงซุ่นจะทนอย่างไรไหวจึงส่งเสียงครางตอบในลำคอก่อนจะสละมือข้างหนึ่งมารั้งท้ายทอยของเหมยเหมยแล้วประกบจูบลงไปอย่างร้อนแรง
ยัยปีศาจน้อยทุ่มเทขนาดนี้แล้วถ้าหากเขายังไม่ทำอะไรอีกคงเสียชื่อความเป็นชายหมด!
ทั้งคู่ต่างหยุดทุกการกระทำพลางกอดจูบตัวแนบชิดอยู่กลางฟลอร์อย่างเร่าร้อน
คู่ของพวกเขากลายเป็นจุดเด่นในงานไปชั่วขณะซึ่งคู่รักอื่น ๆต่างหลบไปแอบจูบกันตรงมุมอื่นอย่างรู้ตัว แต่คู่นี้กลับตรงกันข้ามกลัวคนอื่นจะมองไม่เห็นถึงได้ยืนกอดจูบเร่าร้อนอยู่กลางฟลอร์แบบนี้…
อื้อหือ อิจฉาเสียจริง!
“นั่นดาวมหาลัยไม่ใช่เหรอ? โอ้โห…ดาวมหาลัยมีเจ้าของแล้วเหรอ?” ทุกคนล้วนหยุดท่าเต้นแล้วหันมาชมการแสดงของพวกเหมยเหมยอย่างไม่ละสายตา ทำเอาทุกคนทั้งอิจฉาทั้งริษยา
“ได้ยินมานานแล้วว่าดาวมหาลัยมีคู่หมั้นแล้ว หรือว่าผู้ชายคนนั้นก็คือคู่หมั้นของดาวมหาลัย? หล่อจัง!”
“ดาวมหาลัยก็สวยมากนะ พวกเขาเหมาะสมกันจัง…เหมือนภาพวาดเลย โรแมนติกมาก!”
……
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกับฉีฉีเก๋อต่างเต้นรำอยู่กับคู่ควงของตนบนฟลอร์เต้นรำเช่นกัน พอเห็นเพื่อน ๆกลางฟลอร์หยุดเต้นจึงเบียดเข้าไปมุงอีกคนก่อนจะเบิกตากว้างเสียจนลูกตาแทบถลนออกมา
“เหมยเหมยหน้าด้านขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? กล้าทำการแสดงต่อหน้าผู้คนแบบนี้เลยเหรอ…จิ๊ ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพร่ำบ่นแต่มากกว่านั้นคือความรู้สึกอิจฉา โรแมนติกดีจัง!
ฉีฉีเก๋อกะพริบตาปริบ ๆพลันผุดคำถามหนึ่งขึ้นมาอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก “จูบนานขนาดนี้หายใจทันเหรอ?”
เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนกลอกตามองบนแล้วตวัดตามองไปทางฉางชิงซงที่เดินตามมาอย่างมีเลศนัยก่อนจะแสร้งพูดขึ้นว่า “เธอลองจูบสักทีก็รู้แล้วนี่!”
ฉีฉีเก๋อหน้าแดงก่ำทันที ถลึงตาใส่เธอด้วยความเขินปนโกรธ “เธอไปจูบเองสิ ฉันจะกลับหอแล้ว”
เธอชอบเต้นรำแต่ไม่ชอบการเต้นรำบอลรูมแบบนี้ เธอชอบการเต้นรำอย่างอิสระบนทุ่งกว้างโดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใด ฟลอร์เต้นรำขนาดเล็กเกินไปทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องและไม่สบายตัวนัก
ฉางชิงซงเดินตามหลังเธอไป เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่ง หลังจากสองคนนี้กลับไปจะต้องหามุมลับตามืด ๆจูบกันแน่นอน เธอขอพนันด้วยเนื้อวัวแดดเดียวสองถุงเลย!
บทเพลงจบลงอีกครั้ง ฟลอร์เต้นรำตกอยู่ในความเงียบสงัด ไม่นานก็มีคนผิวปากแซวด้วยเสียงหัวเราะ “มาอีกสักเพลง…”
เหมยเหมยที่ถูกจูบจนลืมตัวเพิ่งได้สติกลับมา เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเธอจูบกับเหยียนหมิงซุ่นอย่างดูดดื่มต่อหน้าสาธารณชน ความรู้สึกเขินอายถาโถมเข้ามาจนเธอรีบซุกหน้าลงกับอกของเหยียนหมิงซุ่นแล้วไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีก
ไม่มีหน้าจะไปเจอใครอีกแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นกลับหน้าด้านกว่ามาก กวาดตามองรอบฟลอร์เต้นรำอย่างใจเย็นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งรอบหนึ่งแล้วแผ่รังสีความเยือกเย็นออกมา เรียกให้พวกคนที่กำลังส่งเสียงกู่ร้องเสียวสันหลังวาบพร้อมตัวสั่นสะท้านเฮือก
เสียงทุกอย่างเงียบลงฉับพลัน!
พอได้สติแล้วมองกลับไปยังฟลอร์เต้นรำอีกทีก็พบว่าดาวมหาวิทยาลัยกับคนรักของเธอหายตัวไปแล้ว หายตัวไวปานสายลมก่อนที่เสียงดนตรีสไตล์ดิสโก้จะดังขึ้น ทุกคนรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีพลางขยับตัวไปมาตามจังหวะอย่างบ้าคลั่ง คืนแสนสนุกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น