ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1894-1905
ตอนที่ 1894 ความยากจนจำกัดความฝัน
ความอิจฉาในใจของอู่เยวี่ยก็เหมือนกับลาวาที่กำลังเผาอวัยวะภายในทั้งหมดของเธอจนมอดไหม้ เสียงซุบซิบของผู้คนรอบข้างลอยเข้าหูเธอไม่หยุด พอพวกเขาต่างพากันอิจฉาจ้าวเหมยนั่นจึงยิ่งทิ่มแทงใจเธอ
พิธีกรงานเลี้ยงการกุศลขึ้นบนเวที ประกาศเริ่มการประมูลที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ฮึกเหิม แขกในงานด้านล่างเวทีรู้สึกคึกคักพลางมองดูของประมูลบนเวทีด้วยสายตาเป็นประกาย
สินค้าประมูลส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับเก่า ๆหรือภาพวาดพู่กันเป็นต้น แน่นอนว่ามันไม่ใช่ของธรรมดา
แต่ก็ไม่ใช่ของหายากอะไร ผู้ที่มาร่วมงานต่างก็ไม่ขาดแคลนเงินทอง เพียงให้ความสำคัญแค่เรื่องชื่อเสียงเท่านั้นเอง
“ของประมูลชิ้นแรกคือสร้อยข้อมือคาร์เทียร์ที่คุณนายเฮ่อเหลียนบริจาคมา ราคาเริ่มต้นคือหนึ่งพันหยวน เพิ่มอีกห้าร้อย…”
ในฐานะที่อู่เยวี่ยเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยง ของชิ้นแรกที่ประมูลเป็นของเธอนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ผู้ชมด้านล่างเวทีรีบช่วยกันเสนอราคา เอ่ยตัดราคากันเสียงดังเซ็งแซ่ ไม่ถึงหนึ่งนาทีสร้อยข้อมือนี้ก็ถูกเพิ่มราคาเป็นหนึ่งแสน และยังไม่หยุดเพียงเท่านั้นด้วย
แม้ว่าคนเหล่านี้จะเหยียดหยามอู่เยวี่ยแต่ก็ต้องให้เกียรติเธอบ้าง ถึงอย่างไรเธอก็คือภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่อ อีกทั้งในท้องยังมีลูกรักสุดหวงแหนอยู่ด้วย ขอแค่ไม่ทำเรื่องผิดใหญ่โตเกินไป คุณนายเฮ่อเหลียนก็จะนั่งบนบัลลังก์นี้ได้อย่างมั่นคงแน่นอน
แน่นอนว่าต้องประจบสอพลอไว้ด้วย!
“สองแสนห้าหมื่น…มีใครให้ราคามากกว่านี้ไหมครับ สองแสนห้าหมื่นครั้งที่หนึ่ง สองแสนครั้งที่สอง…สองแสนห้าหมื่นครั้งที่…” เสียงตื่นเต้นของผู้ประมูลดังก้องในห้องโถง และก่อนที่เขาจะฟาดค้อน——
“สามแสน!”
เหมยเหมยชูป้าย เสียงนุ่มนวลถึงแม้ว่าจะไม่ดังนักแต่ตัวเลขที่เอ่ยขึ้นมานั้นน่ากลัวมากทีเดียว ทันใดนั้นห้องโถงก็เงียบราวกับป่าช้าและทุกคนต่างหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ
ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เธอเพิ่งพองขนสู้กับคุณนายเฮ่อเหลียนหยั่งกับไก่ชนหรอกเหรอ?
ตอนนี้ทำไมถึงได้ประมูลสร้อยข้อมือของคุณนายเฮ่อเหลียนในราคาสูงขนาดนั้นล่ะ?
หรือว่าสองคนนี้จะเป็นตำนานคู่รักคู่แค้นที่เล่าขานต่อกันมา?
อู่เยวี่ยก็ตกใจเช่นกัน สามแสนไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ สร้อยข้อมือของเธอไม่ได้แพงที่สุดในคาร์เทียร์ รุ่นใหม่ก็มีราคาเพียงหมื่นกว่า ๆเท่านั้นเอง นี่เป็นของขวัญวันเกิดจากคนรวยที่เธอพัวพันด้วยตอนเรียนอยู่อเมริกา
เหมยเหมยหันไปมองอู่เยวี่ยพลางพยักหน้ายิ้มตาหยี ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งทำให้อู่เยวี่ยสงสัยว่าเหมยเหมยจะทำบ้าอะไรอีก!
บริกรลงมาพร้อมถาดและสร้อยข้อมือที่เพิ่งประมูลเมื่อครู่ ตอนนี้สร้อยข้อมือนี้เป็นของเธอเรียบร้อยแล้ว
แต่เหมยเหมยกลับเหลือบมองอย่างเย็นชา ไม่แตะต้องมันด้วยซ้ำ แถมยังพูดอย่างรังเกียจว่า “สกปรก…”
ทุกคนต่างสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่ นี่หมายความว่าอย่างไร?
เหยียนหมิงซุ่นมองเธออย่างขบขัน “รังเกียจเธอก็ยังซื้อมาอีกเนี่ยนะ?”
“ซื้อมาทิ้งไง จะได้ไม่แปดเปื้อนสายตาของคนอื่น” เหมยเหมยตอบกลับเสียงกร้าว พูดกับบริกรที่ทำหน้าประหลาดใจว่า “ขอโทษนะแต่รบกวนโยนสร้อยข้อมือนี้ลงหน้าต่างให้ฉันที โยนทิ้งตอนนี้เลย ระวังอย่าให้ไปโดนใครเข้าล่ะ!”
บริกรค่อนข้างฉลาด ถึงแม้ว่าจะปวดใจแต่เขารู้ดีว่าคนที่นั่งในที่แห่งนี้ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่เขาไม่สามารถล่วงเกินได้จึงพยักหน้าด้วยความนอบน้อม “คุณหนูจ้าววางใจได้ ด้านล่างโรงแรมเป็นสระว่ายน้ำ ไม่มีใครเดินผ่านไปผ่านมาครับ”
เขาเดินไปที่หน้าต่างอย่างไม่ลังเล เปิดหน้าต่างแล้วหยิบสร้อยข้อมือโยนทิ้งไปแต่ไม่มีเสียงใดดังขึ้นมาเลย ตอนนี้ถาดว่างเปล่าเรียบร้อยแล้ว
ทุกคนเหมือนกำลังดูการแสดงจ้องแน่นิ่งไม่ละสายตาไปไหนเลย ไม่เข้าใจเหมยเหมยว่ากินยาผิดสำแดงอะไรเข้าไป?
สามแสนเลยนะ!
โยนทิ้งไปอย่างนี้เลยเหรอ?
คุณชายหมิงเงินเยอะจนไม่มีที่ให้ใช้แล้วหรือไง?
เหมยเหมยพอใจกับการกระทำของบริกรเป็นอย่างมาก จากนั้นก็หันไปโบกมือให้กับผู้ประมูลว่า “ต่อเลยสิคะ ยังมีของมากมายรอประมูลอีกนะ!”
ตอนนี่เองผู้ประมูลถึงได้สติกลับมาและดำเนินการประมูลต่อไป แต่ในใจกลับสบถไม่หยุด
ความยากจนจำกัดจินตนาการของเขา!
เขาไม่มีอิทธิพลพอจะไปตำหนิด้วยซ้ำ…
……………………………………………………………….
ตอนที่ 1895 อย่าทีละหมื่น ปัดเศษขึ้นมาเลย
อู่เยวี่ยโกรธจนหน้าเขียว ท้องน้อยสั่นกระเพื่อมขึ้นลงถี่ เดิมทีเธออยากจะถามจ้าวเหมย แต่อาการปวดท้องน้อยทำให้เธอไม่กล้าโมโหอีกต่อไป หากเกิดอะไรขึ้นกับเด็กในท้องขึ้นมาหนิงเฉินเซวียนต้องฆ่าเธอแน่นอน
แต่อารมณ์โมโหนี้ช่างสะกดลงยากจริง ๆ!
นังแพศยาจ้าวเหมยทำให้เธออับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย หากเธอไม่สู้กลับบ้างคนอื่นจะคิดว่าเธอกลัวนังจ้าวเหมยเอาได้!
เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่ดูท่าลำพองใจเหมือนฉิวฉิวที่แอบขโมยกินช็อกโกแลตยังไงอย่างนั้น หางเกือบจะชี้ขึ้นฟ้าแล้ว อดไม่ได้ที่จะหยิกหน้าเธออีกครั้ง “ตอนนี้มีความสุขแล้วหรือยัง?”
“อืม มีความสุขมาก ถึงอย่างไรพี่ก็เงินเยอะเกินไป ฉันช่วยพี่ใช้หน่อยแล้วกันเนอะ!” เหมยเหมยพูดเสียงน่ารักออดอ้อนพร้อมรอยยิ้มสดใส
ทุกคนต่างมองมาทางนี้เป็นตาเดียว เดิมทียังคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะด่าว่าคุณหนูจ้าวเป็นผู้หญิงล้างผลาญครอบครัวเสียอีก แต่ที่ไหนได้คุณชายหมิงกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่างสะเทือนใจทุกคนเหลือเกิน
ผู้ชายปวดใจ ผู้หญิงหวั่นไหวใจเต้น!
“ต่อไปนี้เป็นต่างหูเพชรที่คุณจ้าวเหมยบริจาค ราคาเริ่มต้นที่หมื่นหยวน เพิ่มขึ้นหนึ่งพัน…”
สิ่งที่เหมยเหมยบริจาคแน่นอนว่าไม่ใช่ของราคาถูก นี่เป็นของขอบคุณของโจวจื่อหัวที่มอบให้เธอและเหยียนหมิงซุ่นที่มีบุญคุณช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ ราคาขายได้อยู่หลายแสน และเหมยเหมยก็ไม่เคยใส่เลยสักครั้งเพราะเธอไม่ชอบที่มันหนักเกินไป ครั้งนี้จึงนำออกมาประมูล
ทุกคนที่นั่งอยู่ในงานนี้ล้วนเป็นพวกมีความรู้ แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าต่างหูคู่นี้เป็นของดีและแพงกว่าสร้อยข้อมือคาร์เทียร์ชิ้นก่อนของอู่เยวี่ยมาก บรรยากาศในห้องโถงคึกคักอยู่พักหนึ่ง ในไม่ช้าต่างหูก็ราคาพุ่งทะลุถึงสามแสน ผู้ประมูลก็คืออู่เยวี่ยนั้นเอง
เหมยเหมยมองแวบเดียวก็รู้ความคิดของนังสารเลวคนนี้แล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่าอยากแก้แค้น หลังจากประมูลได้ก็คงจะโยนมันทิ้งลงหน้าต่างเหมือนที่เธอทำเพื่อสร้างความอับอายให้กับเธอ
เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าท้ายที่สุดแล้วอู่เยวี่ยมีเงินมากมายขนาดไหน!
“สามแสนห้าหมื่น…” เหมยเหมยยกป้ายประมูล แค่ครู่เดียวก็เพิ่มขึ้นห้าหมื่น พลางขยิบตาให้อู่เยวี่ยอย่างยียวน
อู่เยวี่ยกัดฟันกรอด ท้องน้อยเริ่มขยายตัวขึ้น เธอหายใจเข้าลึก ๆทำใจให้สงบลงพร้อมชูป้ายประมูล “สามแสนหกหมื่น”
ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ความอัปยศที่นังจ้าวเหมยทำไว้เธอต้องเอาคืนให้ได้ ความโมโหนี้เธอปล่อยผ่านไปไม่ได้จริง ๆ
“สี่แสน!”
เหมยเหมยพูดสี่แสนโดยไม่ลังเล เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าเรียบนิ่ง เขาก้มมองเหมยเหมยที่อยู่ข้าง ๆเป็นครั้งคราว หางตาแฝงรอยยิ้มดูเหมือนกำลังหัวเราะกับความซุกซนของเธออยู่
“พี่…พี่คอยดูนะว่าฉันจะทำยังไงให้เสียทั้งหน้าเสียทั้งทรัพย์…” เหมยเหมยขยิบตาให้อย่างทะเล้น หันไปพูดกับอู่เยวี่ยว่า “คุณนายเฮ่อเหลียน เธอกล้าได้กล้าเสียหน่อยสิเพิ่มทีละหมื่นแบบนี้ช่างไม่สนุกเอาเสียเลย เรียบแบบฉันนี่ พวกเรามาสู้กันแบบเต็มที่หน่อยสิ!”
ผู้ชมต่างสูดลมหายใจเข้าลึก ปิดป้ายในมือกันหมดโดยไม่ได้นัดหมาย
ผู้ใหญ่เขาจะเล่นกัน เด็ก ๆอย่างพวกเขาดูการแสดงอย่างเงียบ ๆจะดีกว่า
ภาพตรงหน้าของอู่เยวี่ยมืดลง เธอแทบจะกระอักเลือดออกมา ฝ่ามือของเธอชื้นไปด้วยเหงื่อ
เพิ่มทีละหมื่นเธอก็เหนื่อยแล้ว คาดไม่ถึงว่านังแพศยาจ้าวเหมยจะให้เธอสู้ครั้งละห้าหมื่นอีก?
ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อแล้วแต่อำนาจทางการเงินของเฮ่อเหลียนเช่อยังอยู่ในมือของเหมยซูหาน เธอไม่ได้สักแดงเดียวด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมื่อก่อนเธอขูดรีดจากพ่อบุญธรรมมาไม่น้อย ไหนเลยจะมีความมั่นใจมาสู้กับจ้าวเหมยได้?
แต่เงินพวกนั้นเป็นเงินในอนาคตเธอจะใช้หมดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากวันหลังเกิดอะไรขึ้นเธอก็คงหมดทางหนีทีไล่!
เหมยเหมยเหลือบมอง จงใจพูดว่า “โอ๊ย คงไม่ใช่ว่าคุณชายเช่อไม่ได้ให้เงินคุณใช้หรอกนะ? งั้นก็ช่างเถอะ พวกเราเพิ่มทีละหมื่นก็ได้ ถึงแม้ว่าจะน่ารำคาญไปสักหน่อยแต่ก็เพราะว่าเธอมีความลำบากอยู่นี่เนอะ!
ตอนที่ 1896 หนึ่งล้าน
ทุกคำพูดของเหมยเหมยเหมือนกับคมมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของอู่เยวี่ยอย่างรุนแรง ความจริงเป็นแบบนั้น แต่แน่นอนว่าเธอไม่สามารถยอมรับได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรอยู่อีก?
“ฉันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณชายเช่อ เขาจะไม่ให้เงินฉันใช้ได้อย่างไร?” อู่เยวี่ยเน้นคำว่าภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เน้นย้ำถึงสถานะของตัวเอง แน่นอนว่าพวกผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ชะเง้อยืดคอยาวอยู่ก็สงบลงทันที แสร้งทำเป็นมองไปทางเวทีแต่เงียหูฟังอย่างตั้งใจ
เหมยเหมยปิดปากหัวเราะ “ที่แท้ก็ให้เงินค่าขนมด้วยหรอเนี่ย แล้วทำไมเธอถึงขี้เหนียวจัง? ฉันได้ยินมาว่าคุณชายเช่อหาเงินได้เก่งมากเลยนะ พี่หมิงซุ่นของฉันยังหาเงินไม่ได้มากเท่าเขาเลย พี่…ใช่ไหมคะพี่?”
เหยียนหมิงซุ่นพงกหัวเบา ๆ “ใช่ คุณชายเช่อหาเงินเก่งมาก ฉันยังสู้ไม่ได้เลย”
“พี่ ในใจของฉันพี่สุดยอดที่สุดแล้ว ยอดมนุษย์ยังสู้พี่ไม่ได้เลย!” เหมยเหมยรีบประจบ ทำไมสามีของเธอจะสู้คนโรคจิตวิปริตอย่างเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้เล่า?
ครั้งนี้เพื่อให้ความร่วมมือเขาเสียสละเยอะเกินไปแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ไม่พูดอะไรทั้งนั้น เธอค่อย ๆสัมผัสเองแล้วกัน…
เหมยเหมยเสียวสันหลังวาบ หัวเราะเสียงแห้งไปไม่กี่ที…แม่จ๋า ประจำเดือนหมดแล้ว หนีไม่พ้นแล้ว…
คนอื่น ๆก็หัวเราะตามเช่นกัน แม้ว่าอาการขนลุกที่แขนของพวกเขาจะลุกซู่ซ่าก็ตาม
เหมยเหมยเอาใจสามีของเธอจนอารมณ์ดีขึ้นแล้วจึงหันกลับมาอีกครั้งเพื่อจัดการกับอู่เยวี่ย เธอไม่ได้มางานการกุศลเพื่อละลายทรัพย์ แต่เพื่อความสะใจตอนเหยียบย่ำอู่เยวี่ยจมดินต่างหาก!
“คุณนายเฮ่อเหลียนก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนี่นา ในเมื่อพวกเรามาทำการกุศลกันใช่ไหมล่ะ มีเงินก็ออกเงินไม่มีเงินก็ออกแรง ถึงแม้ว่าพี่หมิงซุ่นของฉันจะหาเงินสู้คุณชายเช่อไม่ได้ แต่เขาพูดไว้แล้วว่าขอแค่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ถึงเราจะต้องกินแครอทกับผักก็คุ้ม!”
เหมยเหมยพยายามกลั้นหัวเราะ ไม่ย่อท้อที่จะยืนหยัดต่อความถูกต้อง
คนข้าง ๆก็คล้อยตามด้วย “คุณชายหมิงคุณธรรมสูงส่ง พวกผมจะเอาเป็นแบบอย่างนะครับ!”
เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วแล้วเหลือบมองยัยปีศาจตัวน้อยที่หน้าหนาขึ้นเรื่อย ๆ คว้ามือเล็กของเหมยเหมยมาวาดวงกลมลงบนฝ่ามือของเธอเบา ๆจนรู้สึกคันยุบยิบ
เหมยเหมยไล่ต้อนแบบนี้ ต่อให้อู่เยวี่ยตัดใจทำไม่ลงก็ต้องกัดฟันรับคำท้าแล้ว ไม่อย่างนั้นพอเธอก้าวขาออกจากโรงแรมไปก็คงมีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแน่
พูดว่าคุณชายเช่อใจกว้างสู้คุณชายหมิงไม่ได้ทำการกุศลก็ตระหนี่ขี้เหนียว
หากหนิงเฉินเซวียนรู้เข้าคงตำหนิเธอที่ทำให้เฮ่อเหลียนเช่อเสียหน้าต่อคนภายนอกแน่นอน
อู่เยวี่ยกัดฟันฝืนยิ้มพูดว่า “คุณหนูจ้าวพูดตลกแล้ว ตอนฉันออกมาอาเช่อยังกำชับฉันไว้ว่าไม่จำเป็นต้องช่วยเขาประหยัดเงิน ให้ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย”
“ที่แท้คุณชายเช่อก็เป็นคนจริงใจเหลือเกิน ต่างหูคู่นี้เป็นของรักของหวงของฉัน ดังนั้นฉันจะต้องซื้อกลับมาให้ได้ คุณนายเฮ่อเหลียน หากคุณยังไม่เสนอราคาต่างหูคู่นี้ก็จะเป็นของฉันแล้วนะ!”
เหมยเหมยพูดพลางยิ้มตาหยี ค่อย ๆพูดกดดันเธอ
อู่เยวี่ยฝืนยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ พูดว่า “ฉันก็ชอบต่างหูคู่นี้เหมือนกัน คุณหนูจ้าว งั้นฉันขอไม่เกรงใจแล้วละกัน ห้าแสน!”
เธอก็ยอมเสี่ยงหมดหน้าตัก ต่อให้เหยียนหมิงซุ่นจะใจกว้างมากแค่ไหนก็คงจะไม่ให้จ้าวเหมยใช่เงินตามอำเภอใจจนไม่มีที่สิ้นสุดหรอกจริงไหม?
เมื่อเทียบกับจ้าวเหมยที่เขียนหนังสือเพื่อหาเงินแล้ว เธอมีเงินมากกว่า ดังนั้นการต่อสู้ในครั้งนี้เธอต้องชนะแน่นอน!
“หกแสน!”
“เจ็ดแสน!”
“แปดแสน!”
“เก้าแสน!”
ใจของทุกคนต่างก็จุกอยู่ที่คอหอย มองสองสาวประมูลกันอย่างตั้งใจตาไม่กะพริบ ทุกคนต่างตื่นตะลึงเพราะตอนนี้เก้าแสนแล้ว!
สามารถซื้อต่างหูใหม่ได้ตั้งกี่คู่เนี่ย?
เหมยเหมยมองอู่เยวี่ยที่ดวงตาแดงก่ำจึงแอบขบขันในใจ ดูเหมือนว่าเกือบจะถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว เธอต้องดันเป็นครั้งสุดท้าย เหมยเหมยจงใจแสร้งทำเป็นลังเล ป้ายประมูลถูกยกขึ้นแล้วก็ลดลงแล้วก็ยกขึ้นอีกครั้ง ไม่เสนอราคาประมูลอยู่นาน
เดิมอู่เยวี่ยยังคงมีความปวดใจอยู่บ้าง แต่พอเห็นท่าทางเหมยเหมยแบบนี้ก็รู้สึกลำพองใจ รู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิด เหยียนหมิงซุ่นไม่ยอมให้จ้าวเหมยเพิ่มราคาแล้ว
เหมยเหมยยกป้ายประมูลพูดว่า “เก้าแสนห้าหมื่น!”
“หนึ่งล้าน!” อู่เยวี่ยเสนอราคาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิดแล้วมองเหมยเหมยอย่างยั่วยุ
……………………………………………………………..
ตอนที่ 1897 ทิ้งแล้ว
ทุกคนต่างก็สูดหายใจเฮือก หนึ่งล้าน!
พระเจ้า!
โลกของคนรวยช่างยากจะเข้าถึงจริง ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นสะกิดฝ่ามือของเหมยเหมยเตือนเธอว่าให้พอได้แล้ว เหมยเหมยพยักหน้าเบา ๆเป็นการรู้กัน เสแสร้งทำเป็นถอนหายใจอย่างเสียดาย “เฮ้อ คุณชายเช่อช่างร่ำรวยเงินทองอำนาจจริง ๆ ฉันเทียบไม่ได้เลย ฉันตระหนักได้แล้วถึงแม้ว่าต่างหูคู่นี้จะเป็นคู่โปรดของฉัน แต่ถ้าสามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยได้ถึงจะมีความหมายยิ่งใหญ่ที่สุด คุณนายเฮ่อเหลียนคุณช่างใจดีมีน้ำใจจริง ๆ ฉันต้องขอขอบคุณแทนผู้คนในพื้นที่ประสบภัยด้วยนะคะ!”
อู่เยวี่ยจุกอยู่ในอก เวลานี้ถึงสงบลงมาได้ หัวใจเหมือนถูกมีดสับจนแหลกละเอียด ความเจ็บปวดทรมานเกินกว่าจะหายใจได้
ทำไมเธอถึงเสียเงินหนึ่งล้านเพื่อซื้อต่างหูผุพังนี้นะ?
หนึ่งล้านเป็นเงินที่มากกว่าวงศ์สกุลของเธอทั้งชีวิตเลยนะ!
หายวับไปง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ…
“การทำการกุศลเป็นหน้าที่ที่ทุกคนพึงกระทำอยู่แล้ว และฉันก็ยังเป็นหนึ่งในผู้จัดงานแน่นอนว่าต้องทำมากกว่าอยู่แล้ว คุณหนูจ้าวก็พูดเกินไป” อู่เยวี่ยพยายามสะกดความปวดใจไว้ พูดเสียงเรียบนิ่ง ฝ่ามือถูกเล็บจิกจนเลือดไหลซิบ
เวลานี้เธอตระหนักได้แล้วว่าเธอถูกจ้าวเหมยหลอก โดนนังแพศยานี่ยั่วยุจนเสียการควบคุม เสียเงินเปล่าเป็นล้าน ๆ!
มาเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ทำได้แค่เพียงซื้อชื่อเสียงที่ดีกลับคืนมาให้ได้มากหน่อยเท่านั้น อีกทั้งอู่เยวี่ยยังคงมีความหวังสุดท้ายว่าบางทีเฮ่อเหลียนเช่อจะคืนเงินให้กับเธอ!
ถึงอย่างไรท้ายที่สุดเธอก็ใช้เงินเพื่อชื่อเสียงของเฮ่อเหลียนเช่อนะ!
อีกอย่างต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อไม่คืนเงินก้อนนี้ให้เธอ เธอก็มีวิธีเอาเงินก้อนนี้กลับคืนมา ถึงอย่างไรตอนนี้มูลนิธิก็มีเธอเป็นผู้รับผิดชอบ
อู่เยวี่ยถึงใจสงบลงมาบ้าง
เหมยเหมยยิ้มอย่างอารมณ์ดี ในเวลานี้พนักงานได้หยิบเอาต่างหูของเธอไปมอบให้กับอู่เยวี่ย เหมยเหมยเหลือบมอง พร้อมจงใจพูดว่า “คุณนายเฮ่อเหลียนต้องรักษาต่างหูของฉันคู่นี้ให้ดีนะ พวกมันถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของฉัน คุณต้องดูแลต่างหูบ้าง อย่าลืมล่ะ!”
เดิมทีอู่เยวี่ยยังคงลังเลว่าจะโยนต่างหูทิ้งดีไหมเพื่อแก้แค้นความอัปยศที่จ้าวเหมยทำไว้เมื่อครู่ ถึงอย่างไรก็เป็นเงินตั้งหนึ่งล้าน เธอทำไม่ลงจริง ๆ
แต่พอได้ยินคำพูดของเหมยเหมยพร้อมสายตาอาลัยอาวรณ์ของเธอ อู่เยวี่ยก็ตัดสินใจ
ขนาดพระสงค์องค์เจ้ายังต้องการให้คนกราบไหว้ มนุษย์เราก็ต้องการต่อสู้เพื่อความเหนือกว่าเช่นกัน วันนี้เธอจะต้องเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนังจ้าวเหมยอย่างโหดเหี้ยมให้ได้ เหยียบย่ำไว้ใต้เท้าประหนึ่งเป็นขี้หมากองหนึ่ง
เงินหนึ่งล้านจะแค่ไหนกันเชียว ขอแค่เธอยืนอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างมั่นคง เงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็จะหลั่งไหลเข้ามาในกระเป๋าของเธอ
“คุณหนูจ้าว ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ฉันรังเกียจที่ต่างหูคู่นี้มันสกปรก”
อู่เยวี่ยยิ้มอย่างลำพองใจและไม่แตะต้องต่างหูด้วยซ้ำ สั่งพนักงานเสียงเบาว่า “เอาต่างหูคู่นี้ไปโยนทิ้งนอกหน้าต่างให้ฉันที โยนทิ้งตอนนี้เลย!”
“เฮือก…”
ทุกคนต่างสูดลมหายใจเข้าด้วยท่าทีตกตะลึง แคะหูอย่างสงสัย คิดว่าพวกเขาคงหูฝาดไป หนึ่งล้านเชียวนะ!
ไม่ใช่หนึ่งหมื่นหรือหนึ่งแสน ของราคาหนึ่งล้าน บอกว่าจะทิ้งก็ทิ้งเลยเหรอ?
ผู้หญิงสองคนนี้จะต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ!
พนักงานปวดใจจนไม่รู้จะหาวิธีหายใจเช่นไรแล้ว เมื่อครู่เพิ่งโยนสร้อยข้อมือราคาสามแสนไป จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะผ่อนคลายลง แต่ตอนนี้กลับมาบอกให้เขาโยนต่างหูราคาเป็นล้านทิ้ง?
หัวใจของเขาจะต้องวายแน่นอน!
“นิ่งอยู่ทำไมล่ะ? รีบไปโยนทิ้งสิ!” อู่เยวี่ยมองไปยังพนักงานที่เฉื่อยชาด้วยความไม่พอใจ
พนักงานบีบแขนของตัวเองอย่างแรงถึงได้ดึงสติตัวเองกลับคืนมา ถือถาดอย่างเศร้าสลดเดินไปที่หน้าต่าง หยิบต่างหูขึ้นมาอย่างลังเล…
ของราคาหนึ่งล้านจะโยนทิ้งไปแบบนี้จริงเหรอ?
แม่เจ้า เงินเดือนและโบนัสรวมกันหนึ่งเดือนของเขายังได้แค่ไม่กี่พันหยวนเอง เขาทำทั้งชีวิตยังหาเงินไม่ได้มากมายเท่านี้เลย แต่ตอนนี้เขาต้องทิ้งเงินหนึ่งล้านกับมือตัวเอง ทำไมพระเจ้าต้องโหดร้ายกับเขาขนาดนี้?
ถึงแม้ว่าเขาจะปวดใจจนน้ำตาแทบไหลแต่พนักงานก็ต้องทำใจโยนต่างหูออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เงินของเขาอยู่แล้ว ก็แค่โยนทิ้งไปซะ!
ในอนาคตยังสามารถออกไปคุยโวได้อีกว่า เขาโยนเงินหนึ่งล้านสามแสนทิ้งเองกับมือ!
ทุกคนต่างพากันมองด้วยสายตาสิ้นหวัง เงินหนึ่งล้านหายวับไปง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ มันช่างน่าปวดใจจริง ๆ!
แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นแสงสีขาวที่กะพริบหายวับไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้ากระโดดลงหน้าต่างไป จากนั้นก็แวบกลับมาอย่างรวดเร็ว ทุกคนเพิ่งสังเกตเห็นว่ามันเป็นกระรอกสีขาวน่ารักที่กำลังคาบต่างหูคู่หนึ่งอยู่ในปาก ดวงตาสีดำเล็ก ๆกลอกไปมา ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันน่ารักขนาดไหน
ตอนที่ 1898 คุณชายฉิวออกโรง
คนที่คาบต่างหูไว้ก็คือคุณชายฉิว ก่อนหน้านั้นมันซุกตัวนอนหลับอยู่ในเสื้อคลุมตัวนอกของเหมยเหมยจึงไม่มีใครสังเกตเห็น เมื่อครู่เหมยเหมยปลุกฉิวฉิวตื่นแล้วให้มันออกโรง จากนั้นมันก็คาบเอาต่างหูกลับมาได้อย่างง่ายดาย
ทุกคนมองไปทางฉิวฉิวที่ฟุบอยู่บนขอบหน้าต่างด้วยความตกใจและแปลกใจที่มีกระรอกน้อยแสนน่ารักเช่นนี้โผล่มาได้ มันมุดเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?
ช่วงนี้ฉิวฉิวกินดีอยู่ดีหลับสบาย ขนขึ้นปุกปุยทั้งตัว หากมองไกล ๆดูคล้ายลูกบอลยังไงอย่างนั้น ชวนให้ใคร ๆต่างหลงรักโดยเฉพาะพวกผู้หญิง พอเห็นฉิวฉิวน่ารักสัญชาตญาณของความเป็นแม่ก็แผ่ซ่านออกมา ไม่กล้าหายใจแรงเพราะกลัวจะทำให้กระรอกน้อยตกใจ
แต่อู่เยวี่ยมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเป็นฉิวฉิว นัยน์ตาปล่อยแสงอันเยือกเย็นออกมา เพราะสัตว์เดรัจฉานน้อยนี้เลยทำให้เธอมีกลิ่นตัวเหม็นคละคลุ้งไปทั้งร่างกายจนถูกคนหัวเราะเยาะเย้ย ฝันร้ายของเธอเริ่มต้นจากตรงนั้นและไม่จบไม่สิ้นมาโดยตลอด!
สัตว์เดรัจฉาน น่ารังเกียจเหมือนกับเจ้าของมันไม่มีผิด!
“มีกระรอกเข้ามาได้อย่างไร? พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่? รีบไปจับกระรอกตัวนี้มาสิ!” อู่เยวี่ยตะโกนเสียงเข้ม
พนักงานโรงแรมไหนเลยจะกล้าอยู่เฉย หยิบทั้งกระบองทั้งคีมหนีบจนมือไม้พัลวันกันยุ่งเหยิงไปหมดเพื่อเตรียมจับตัวฉิวฉิว เหมยเหมยลุกขึ้นตะโกน “ใครกล้าจับ? กระรอกตัวนี้เป็นลูกรักของฉัน ถอยออกไปเลยนะ!”
พนักงานมองหน้ากันอย่างพร้อมเพียง เข้าไปก็ไม่ได้ ถอยออกมาก็ไม่ได้ สรุปเขาต้องฟังใครกันแน่เนี่ย?
“ถอยออกไป!” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเย็นชา ผู้จัดการโรงแรมแอบส่งสายตาให้คนด้านล่างอย่างเงียบ ๆ ทุกคนจึงต่างถอยออกมา
คุณชายหมิงออกปากเอง พวกเขาจะกล้าขัดได้อย่างไรเล่า?
ต่อให้ผู้หญิงเก่งแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาผู้ชายที่คอยอยู่ด้านหลังเพื่อจะได้ยืนหยัดอย่างมั่นคง ในเมื่อมีคุณชายหมิงอยู่ก็ต้องฟังคำสั่งของคุณชายหมิงเป็นธรรมดา
เหมยเหมยกวักมือเรียกฉิวฉิว ฉิวฉิวจึงกลับมาพร้อมกับต่างหูในปากแล้วมุดเข้าไปในอ้อมอกของเหมยเหมย วางตุ้มหูบนมือหมยเหมยเหมือนถวายสมบัติล้ำค่า ดวงตาสีดำกลอกไปมาอย่างชาญฉลาด
อู่เยวี่ยพูดอย่างโมโหว่า “คุณหนูจ้าวหรือว่าคิดจะทำผิดข้อตกลง?”
“จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า? ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีเงินเท่าคุณชายเช่อแต่ต่างหูคู่นี้ก็ไม่ได้เข้าตาฉันมากขนาดนั้น ในเมื่อบริจาคไปแล้วแน่นอนว่าฉันจะไม่รับกลับคืนมาอีก ฉิวฉิวของฉันก็แค่แยกไม่ออกว่าต่างหูคู่นี้ไม่ใช่ของฉันแล้ว คิดไปว่าฉันทำต่างหูตกเลยเก็บกลับมาคืนฉันก็เท่านั้นเอง!”
เหมยเหมยหยิบช็อกโกแลตออกมาจากกระเป๋าหักเป็นชิ้น ๆแล้วป้อนฉิวฉิว พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ฉิวฉิวเด็กดี ตอนนี้ต่างหูคู่นี้เป็นของคุณนายเฮ่อเหลียนไม่ใช่ของพี่สาว อีกเดี๋ยวไม่ต้องเก็บกลับมาแล้วนะ!”
ฉิวฉิวสะบัดหางเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ ท่าทางของเจ้าโง่น้อยนี่ไม่ต้องให้พูดเลยว่าน่ารักขนาดไหน อุ้งเท้าอ้วนกลับแอบชูขึ้นสามนิ้ว ซึ่งความหมายก็คือต้องให้ช็อกโกแลตมันสามชิ้นถึงจะตอบตกลง
ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็ไม่ทำ!
เหมยเหมยแอบหยิกก้นฉิวฉิวเบา ๆ แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้บาน พร้อมคืนต่างหูให้พนักงาน “รบกวนคุณไปทิ้งมันอีกครั้งแล้วกันนะคะ!”
อู่เยวี่ยปวดใจ และปวดท้องน้อยมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อครู่เธอตัดสินใจแน่วแน่ที่จะทิ้งต่างหูแต่ตอนนี้เธอกลับต้องตัดใจทำมันอีกครั้ง มันเจ็บปวดจนเธอหายใจไม่ออก อู่เยวี่ยจึงหันหน้าหนี หากไม่เห็นก็คงไม่ต้องหงุดหงิดใจแล้ว
พนักงานหยิบต่างหูไปที่หน้าต่างอีกครั้ง พอเปิดหน้าต่างแล้วโยนมันลงไป ทุกคนก็เห็นแสงสีขาวอีกครั้ง เพราะ ——
คุณชายฉิวที่น่ารักกลับมาอีกครั้งพร้อมปากที่คาบต่างหูมาด้วย จากนั้นก็วางลงบนมือของเหมยเหมยราวกับเป็นสิ่งของล้ำค่า…แล้วก็โยนทิ้งอีก…แล้วก็เก็บเอากลับมาใหม่…
ทำซ้ำแบบนี้อยู่อีกสี่ห้ารอบ หัวใจของอู่เยวี่ยเจ็บปวดจนชาไปหมดแล้ว แต่พอเธอเห็นฉิวฉิวคาบเก็บต่างหูกลับมาอีกครั้ง หัวใจของเธอก็เจ็บปวดอย่างสาหัส
เงินหนึ่งล้านไม่ใช่จำนวนน้อย ๆเลยนะ!
“จ้าวเหมย เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่?” อู่เยวี่ยตะคอกด้วยความโมโห
…………………………………………………………
ตอนที่ 1899 ถลำลึกเกินไป
เหมยเหมยมองอู่เยวี่ยด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ยกมือขึ้นมาอย่างจนใจแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เหมือนกัน แต่ฉันพูดภาษากระรอกไม่เป็น เธอพอจะมีวิธีไหมล่ะ?”
อู่เยวี่ยโมโหจนแทบกระอักเลือด พูดอย่างโมโหว่า “สัตว์เลี้ยงของเธอเองยังไม่ฟังเธอเลย แล้วฉันจะมีวิธีอื่นได้ไงล่ะ?”
“โอ๊ย ฉิวฉิวไม่ต้องคาบเก็บกลับมาอีกแล้วนะ เด็กดีกินช็อคโกแลตอยู่ตรงนี้นะ…” เหมยเหมยหักช็อคโกแลตอีกชิ้นให้ฉิวฉิว คืนต่างหูให้กับพนักงานที่ทำงานหนักพร้อมยิ้มอย่างรู้สึกผิด พูดเบา ๆว่า “ลำบากคุณแย่เลย!”
พนักงานรีบส่ายศีรษะเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ลำบากเลย แต่อันที่จริงเขาลำบากและเหนื่อยใจเหลือเกิน
ทิ้งของราคาหนึ่งล้านไปตั้งสี่ห้ารอบ สติของเขาแทบจะแตกกระเจิงอยู่แล้ว!
ทุกคนหันไปจ้องที่มือพนักงานอย่างเคร่งเครียดแล้วก็หันไปมองฉิวฉิว แอบสงสัยในใจว่าคราวนี้มันจะคาบเก็บกลับมาอีกไหม…สาม สอง หนึ่ง…โยนต่างหูลงไป จากนั้นก็มีแสงสีขาวขึ้นมา…
อู่เยวี่ยโมโหจนหน้าซีดขาว ตวาดด้วยเสียงแหลมสูงว่า “จ้าวเหมย นี่เธอกำลังจงใจป่วนงานอยู่ใช่ไหม?”
ฉิวฉิวปีนขึ้นมาจากหน้าต่าง ในปากว่างเปล่า…ไม่ได้คาบอะไรกลับมาทั้งนั้น!
ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความผิดหวัง หนึ่งล้านละลายไปกับน้ำเสียแล้ว!
อู่เยวี่ยยิ่งรู้สึกผิดหวัง เดิมทีเธอยังวางแผนว่าหากครั้งนี้เจ้าสัตว์เดรัจฉานน้อยตัวนี้คาบเก็บกลับมาอีก เธอก็จะฉวยโอกาสทำเป็นเหมือนว่าจะกลับไปหาที่ทิ้งซะ ส่วนเธอจะโยนทิ้งหรือไม่นั้นใครจะไปรู้ได้ล่ะ?
ถึงแม้ว่าต่างหูคู่นี้จะไม่สมกับราคาหนึ่งล้านแต่ก็คงขายได้หลายแสนอยู่ ถึงอย่างไรเธอก็พอจะได้เงินคืนมาบ้าง!
แต่ตอนนี้——
“ต่างหูล่ะ?” อู่เยวี่ยอดถามเสียงแหลมไม่ได้ คนอื่น ๆก็ถามอย่างสงสัยเช่นกัน ทำไมครั้งนี้เจ้ากระรอกน้อยถึงไม่คาบกลับมาแล้วล่ะ?
ฉิวฉิวกระโดดอยู่สองสามที จากนั้นก็รีบวิ่งมุดเข้าอ้อมแขนของเหมยเหมย สะบัดหางปิดหน้าของมันแล้วก็หลับไป
“ฉิวฉิวของฉันเหนื่อยแล้ว มันขี้เกียจจะขยับแล้ว” เหมยเหมยลูบขนของมันเบา ๆแล้วกล่าวอธิบาย
อู่เยวี่ยโมโหจนหน้าแทบยู่เข้ามารวมกันแล้ว “เหนื่อยแล้วงั้นเหรอ? ก่อนหน้านี้วิ่งเป็นลิงเป็นค่างอยู่เลยไม่ใช่หรือไง?”
“ก็แค่ออกกำลังกายมากเกินไปจนเหนื่อย คุณนายเฮ่อเหลียนกำลังโทษฉิวฉิวที่ไม่ได้คาบต่างหูกลับมางั้นสิ? ไม่ใช่ว่าคุณรังเกียจต่างหูเพราะมันสกปรกถึงอยากจะทิ้งมันหรอกเหรอ? หรือตอนนี้เกิดเสียดายขึ้นมาแล้ว?” เหมยเหมยมองอู่เยวี่ยที่มีสีหน้าดูไม่ได้ด้วยรอยยิ้ม
ท่าทางของเธอในตอนนี้ แม้แต่คนโง่ยังมองออกว่าในใจคิดอะไรอยู่ คงปวดใจกับเงินหนึ่งล้านละมั้ง!
อู่เยวี่ยหัวเราะแห้ง ๆอยู่หลายที “ใช่สิ ฉันรังเกียจที่ต่างหูสกปรก ขนาดจะแตะต้องฉันยังไม่อยากตะต้องมันเลย โยนทิ้งไปซะก็ดี!”
“คุณชายเช่อช่างร่ำรวยเสียจริง ๆ เงินเป็นล้านบอกจะทิ้งก็ทิ้ง ขนาดฉันที่เพิ่งโยนกำไลเส้นละสามแสนทิ้งไปยังปวดใจอยู่เลย โชคดีที่ฉิวฉิวของฉันคาบเก็บกลับมาคืนให้ แม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ใส่แต่เอาให้คนอื่นไปก็ดีไม่หยอก!”
จู่ ๆเหมยเหมยก็หยิบสร้อยข้อมือคาร์เทียร์ที่พนักงานโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้ออกมา ไม่รู้ว่าฉิวฉิวคาบกลับมาคืนตั้งแต่เมื่อไร สายตาของทุกคนแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว
พระเจ้า กระรอกน้อยตัวนี้ช่างฉลาดแสนรู้เกินไปแล้ว!
เหมยเหมยเอาสร้อยข้อมือขึ้นมาส่องไฟแล้วหันไปฉีกยิ้มสดใสให้อู่เยวี่ย จากนั้นก็ใส่สร้อยข้อมือลงในกระเป๋า
เวลานี้แม้แต่คนโง่ก็ยังมองออกว่าเหมยเหมยเล่นละครตบตามาตั้งแต่เริ่มการประมูล และพวกเขาทั้งหมดก็อยู่ในบทนั้นด้วย คุณนายเฮ่อเหลียนถลำลึกเกินไปจนโดนจ้าวเหมยหลอกถลุงเงินหายไปตั้งหนึ่งล้านแต่กลับไม่ได้อะไรเลย!
ปราดเปรื่องจริง ๆ!
อู่เยวี่ยแค่นเสียงด้วยความแค้น อาการปวดท้องน้อยรุนแรงขึ้น ใบหน้าก็เปลี่ยนจากสีเขียวคล้ำเป็นสีดำแล้วกลายเป็นสีขาวซีดอีกครั้ง เห็นแล้วรู้สึกคันยุบยิบใจเหลือเกิน!
“จ้าวเหมย ฉัน…ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
อู่เยวี่ยไม่สามารถยืนหยัดรอให้งานประมูลสิ้นสุดลงได้อีกต่อไปแล้ว เธอปล่อยให้ผู้หญิงสองคนที่มากับเธอประคองเธอเดินออกไป ตอนเดินผ่านเหมยเหมยเธอทนไม่ไหวจึงทิ้งท้ายไว้อีกหนึ่งประโยค
เหมยเหมยพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยหน่าย ในอ้อมแขนอุ้มฉิวฉิวไว้ ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “คุณนายเฮ่อเหลียนค่อย ๆเดินนะ ระวังลูกในท้องด้วย อย่าโมโหจนรกหลุดพรวดออกมาล่ะ”
อู่เยวี่ยแค่นเสียงพร้อมถลึงตาใส่เธออย่างเคียดแค้น แล้วถึงประคองท้องเดินจากไป
ตอนที่ 1900 ประมูลกลับมา
อู่เยวี่ยไปแล้ว เหมยเหมยก็ไม่มีความสนใจที่จะอยู่ต่อ แต่ก่อนหน้านั้นเธอต้องทำอะไรบางอย่างก่อน
“ฉิวฉิว พวกเรากลับบ้านกัน” เหมยเหมยส่งเสียงเรียกอย่างนุ่มนวล
คุณชายฉิวลุกขึ้นหยิบต่างหูคู่หนึ่งออกมาจากท้องราวกับแสดงมายากล มันเป็นต่างหูคู่ที่อู่เยวี่ยซื้อมาด้วยเงินหนึ่งล้าน
“กู่ ๆ…”
ฉิวฉิวส่งเสียงเรียกเหมยเหมยอยู่หลายครั้งแล้วเอาต่างหูยัดใส่มือเธอ จากนั้นก็มุดเข้าไปในเสื้อคลุมตัวนอกของเธอ ซ่อนจนไม่เห็นเงา ทุกคนต่างอ้าปากค้างอีกครั้ง
เจ้ากระรอกตัวนี้ช่างเยี่ยมยอดจริง ๆ!
ยังรู้จักซ่อนของเอาไว้ด้วย!
เหมยเหมยแสร้งทำเป็นประหลาดใจพลางหยิบต่างหูขึ้นมา พูดกับตัวเองว่า “แล้วนี่จะทำอย่างไรดีล่ะ คุณนายเฮ่อเหลียนกลับไปแล้วด้วย ฉันไม่กล้าถือวิสาสะโยนต่างหูทิ้งหรอกนะ!”
“แต่ว่าคุณนายเฮ่อเหลียนเกลียดต่างหูมากขนาดนี้ คืนเธอไปก็กลัวว่าจะยั่วโมโหจนส่งผลกระทบกับลูกในครรภ์อีก พี่หมิงซุ่น พี่ว่าจะจัดการกกับต่างหูนี้อย่างไรดีล่ะ?”
เหมยเหมยหันไปมองเหยียนหมิงซุ่นดวงตากลมโตแล้วกะพริบตาด้วยท่าทีใสซื่อ
“ก็ประมูลอีกครั้งสิ คุณนายเฮ่อเหลียนมีใจนึกถึงแต่ผู้ประสบภัย คงหวังแต่ว่าการประมูลบริจาคเงินในครั้งนี้ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี พี่เป็นคนตัดสินใจให้เอง” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงเรียบนิ่ง ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
ผู้ประมูลเริ่มการประมูลต่างหูอีกครั้ง “ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่น เพิ่มขึ้นครั้งละหนึ่งพัน…”
“หนึ่งหมื่นหนึ่งพัน” เสียงของเหมยเหมยชัดก้องกังวาน เดิมทียังมีคุณหญิงบางคนที่ยังลังเลใจอยู่บ้างแต่ก็หยุดความคิดนั้นในฉับพลัน ป้ายประมูลที่ถูกกดเอาไว้แน่นไหนเลยจะกล้าเอาขึ้นมาเสนอราคา
มีคุณชายหมิงจ้องเขม็งอยู่ข้าง ๆ พวกเธอจะกล้ายกป้ายประมูลขึ้นมาได้อย่างไร?
ในห้องโถงเงียบสนิทไร้เสียง เสียงของผู้ประมูลนั้นสูงมาก “หนึ่งหมื่นหนึ่งพันครั้งที่หนึ่ง หนึ่งหมื่นหนึ่งพันครั้งที่สอง…หนึ่งหมื่นหนึ่งพันครั้งที่สาม ปิดการขาย!”
เสียงค้อนทุบโต๊ะดังขึ้น หัวใจของทุกคนตกอยู่ในสภาวะเดิม ในที่สุดละครฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ก็จบลงเสียที!
“ขอบคุณทุกคนที่ยอมให้นะคะ!”
สุดท้ายต่างหูก็ถูกส่งกลับคืนเจ้าของเดิมอย่างเหมยเหมยอีกครั้ง เธอแค่เหลือบมองแล้วก็โยนต่างหูลงในกระเป๋า ท่าทางที่แสดงออกมาไหนเลยจะมีท่าทีถนอมของรักของหวงอยู่อีก?
เหยียนหมิงซุ่นลุกขึ้นยืนก่อน จากนั้นถึงดึงเหมยเหมยลุกขึ้นมา ตอนเดินผ่านหัวหน้ามูลนิธิซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดงานเลี้ยงแถมยังเป็นหญิงสาวที่มีชื่อเสียงด้วย เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “มีคนมากมายกระตือรือร้นที่อยากจะช่วยเหลือผู้คนในพื้นที่ประสบภัย เงินบริจาคเหล่านี้จะต้องโปร่งใสและเปิดเผยชัดเจนเพื่อเลี่ยงไม่ให้ใครบางคนคิดเล่นตุกติกได้”
“คุณชายหมิงโปรดวางใจ มูลนิธิของเราจะเปิดเผยแหล่งที่มาที่ไปของเงินบริจาคทั้งหมดพร้อมทั้งแจกแจงรายละเอียดอย่างชัดเจนแน่นอน” ผู้รับผิดชอบมูลนิธิตกใจจนต้องรีบชี้แจงออกมา
“ผมเคยได้ยินมาว่าการบริจาคเงินของกองทุนคุณไม่ค่อยเปิดเผยอย่างโปร่งใสเท่าไรนัก!” เสียงของเหยียนหมิงซุ่นไม่ดังมากแต่กลับเหมือนค้อนหนัก ๆที่ทุบใส่หัวใจของหัวหน้ามูลนิธิจนหน้าซีดไร้สีเลือด
“นั่นเป็นความผิดพลาดในการทำงานครั้งก่อน ตอนนี้จะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว พวกเรายินดีให้คุณชายหมิงมาตรวจสอบได้ทุกเมื่อ” เสียงของหัวหน้ามูลนิธิดังก้องกังวาน คำพูดมีพลังกล้าหาญ
เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มเล็กน้อยถือโอกาสพูดขึ้นว่า “ผมไม่มีอำนาจตรวจสอบงานมูลนิธิของคุณอยู่แล้ว แต่ผมจะส่งผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานบัญชีมาช่วยเหลือคุณแล้วกัน”
ใบหน้าของผู้รับผิดชอบมูลนิธิเริ่มซีดลง ถึงอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าเหยียนหมิงซุ่นจะเอาคำพูดเกรงใจของเธอไปคิดเป็นจริงเป็นจังได้?
นี่เขาจะส่งนักบัญชีมาตรวจสอบควบคุมงานมูลนิธิของพวกเขาจริง ๆเหรอ ถ้างั้นเงินบริจาคทั้งหมดจะเข้ากระเป๋าส่วนตัวได้อย่างไรเล่า?
เรื่องที่ไม่ได้ผลประโยชน์ ใครจะอยากจะเปลืองแรงทำกันล่ะ?
“ขอบคุณคุณชายหมิงสำหรับความห่วงใยและการสนับสนุน!” หัวหน้ามูลนิธิพยายามฝืนยิ้มขอบคุณ วางแผนไว้ว่าจะกลับไปคุยกับอู่เยวี่ยว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร หรือว่าจะต้องใช้เงินบริจาคจนหมดจริง ๆหรือ?
ดวงตาของเหยียนหมิงซุ่นเย็นชาลงเล็กน้อย พูดอีกประโยคว่า “พรุ่งนี้ผมจะส่งคนจากสำนักงานเทียนอิงไปที่มูลนิธิของคุณ!”
………………………………………….
ตอนที่ 1901 ฉีดยากันแท้ง
พอออกมาจากโรงแรมลมหนาวก็พัดโชยมา เหมยเหมยหดคอลงอย่างรวดเร็วจนหัวแทบจะมุดเข้าไปในคอเสื้อกันหนาว ภายในโรงแรมอบอุ่นเหมือนช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ภายนอกกลับโปรยปรายไปด้วยเกร็ดหิมะ ช่างเป็นดั่งโลกสองใบจริง ๆ เลย!
“เมื่อกี้คุณนายเฮ่อทำตัวตลกจัง เธอคงคิดไม่ถึงว่าพี่จะมาในโหมดจริงจังสินะ!”
ลุงเหลาขับรถมาได้ทันเวลา ภายในรถอบอุ่นมากเหมยเหมยถึงได้รู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อย พอนึกถึงสีหน้าเมื่อกี้ของคุณนายเฮ่อหัวหน้าประจำมูลนิธิที่เหมือนกินขี้เข้าไป เธอก็หลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เหยียนหมิงซุ่นยกยิ้มมุมปากแล้วคว้ามือเหมยเหมยมากุมไว้ในอุ้งมือของตัวเอง นัยน์ตาทอประกายเย็นชา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามูลนิธิต่าง ๆในเมืองหลวงมีเพิ่มขึ้นมากมาย ส่วนใหญ่จัดตั้งขึ้นโดยบุคคลมีชื่อเสียงที่มีหน้ามีตาในสังคม และหนึ่งในมูลนิธิที่มีขอบข่ายค่อนข้างใหญ่ก็คือที่ที่อู่เยวี่ยเข้าร่วม ผู้ดูแลมูลนิธิแซ่เฮ่อ สามีเป็นคนของหนิงเฉินเซวียน
ดังนั้นมูลนิธิแห่งนี้ถือได้ว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของหนิงเฉินเซวียนอย่างลับ ๆ แต่อย่าเพิ่งดูถูกมูลนิธิแห่งนี้เชียว เพราะที่นี่เป็นสถานที่ฟอกเงินชั้นดีของหนิงเฉินเซวียนเลยล่ะ เหยียนหมิงซุ่นจับตาดูมูลนิธิแห่งนี้มานานแล้ว
แต่หนิงเฉินเซวียนเจ้าเล่ห์มาก เขาป้องกันบุคคลภายนอกอย่างเหนียวแน่น ครั้งนี้นับว่าคิดหาข้ออ้างได้ดีเขาถึงได้ส่งคนเข้าไปอย่างง่ายดาย สำนักงานบัญชีเทียนอิงล้วนเป็นคนของเขาทั้งหมดซึ่งในนั้นต่างเป็นนักบัญชีชั้นนำ หากมูลนิธิเกิดปัญหาด้านการเงินเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจปกปิดสายตาของเขาได้
พออู่เยวี่ยกลับถึงบ้านก็ให้หมอฉีดยากันแท้งทันทีเธอถึงสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่หมอก็เตือนเธอแล้วว่าให้นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงจะเป็นการดีที่สุด มิเช่นนั้นอาจจะส่งผลให้เกิดการแท้งบุตรได้
อู่เยวี่ยไม่ได้ใส่ใจคำของหมอ เธอรู้ร่างกายของตัวเองดีที่สุดว่าต้องไม่เป็นไรแน่นอน วันนี้แค่โดนยัยชั่วจ้าวเหมยทำให้โมโหก็เท่านั้น รอให้เธอพลิกสถานการณ์และเอาคืนให้ได้ก่อนเถอะ!
อู่เยวี่ยติดสินบนหมอไว้แล้ว เธอไม่ได้กังวลว่าหนิงเฉินเซวียนจะรู้เรื่องสภาพร่างกายของเธอ ซึ่งเธอไม่เต็มใจสักนิดที่จะพักผ่อนอยู่บ้านเฉย ๆ วัน ๆเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในบ้าน พอคลอดลูกแล้วกลัวว่าจะมีเพียงไม่กี่คนในเมืองหลวงที่รู้จักเธอ!
หากหนิงเฉินเซวียนอยากจะฆ่าเธอให้ตาย ถึงเวลานั้นเธอคงต้องตายจากไปอย่างไร้ร่องรอย ใครต่างก็ไม่ให้ความสนใจว่าภรรยาของคุณชายเช่อตายอย่างไร!
เพราะฉะนั้นเธอจะต้องหาจุดยืนตัวเองในเมืองหลวงให้ได้ ยิ่งสถานะของเธอมีความสำคัญขึ้นมากเพียงไร ข้อต่อรองในการเอาชีวิตรอดของเธอในภายภาคหน้าก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น แล้วเธอจะยอมพักผ่อนอยู่บ้านเงียบ ๆได้อย่างไรล่ะ?
ต่อให้ต้องฝืนก็จะฝืนจนกว่าจะคลอดลูกออกมา!
อู่เยวี่ยเพิ่งรู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่ทันไร คุณนายเฮ่อก็โทรเข้ามาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอกลับมาให้ฟัง พอได้ยินว่าฉิวฉิวคาบเก็บต่างหูกลับมา แถมเหมยเหมยยังได้ประมูลต่างหูกลับไปในราคาหนึ่งหมื่นหนึ่งพันหยวน อู่เยวี่ยก็โมโหลมจับจนแทบเป็นลมล้มพับลงไป
เธอกัดริมฝีปากแน่น เริ่มมีอาการปวดท้องอีกครั้ง
ยัยชั่วจ้าวเหมย บัญชี(แค้น)ครั้งนี้เธอจะต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า!
“อีกอย่างคุณชายหมิงบอกว่าพรุ่งนี้จะส่งคนของสำนักงานบัญชีเทียนอิงมาตรวจสอบ แล้วครั้งนี้จะทำอย่างไรดีคะ!” คุณนายเฮ่อร้อนรนจนแทบบ้า ในงานการกุศลครั้งนี้เธอออกเงินไปตั้งสองแสนนะ!
หากเป็นเมื่อก่อนเงินสองแสนหยวนนี้ก็เป็นแค่การเปลี่ยนมือคนถือ พองานประมูลสิ้นสุดลงสองแสนนั้นก็จะบินกลับมาเข้ากระเป๋าของเธอเช่นเดิม แถมยังพาลูก ๆหลาน ๆกลับมาด้วย
แต่ถ้านักบัญชีของสำนักงานเทียนอิงเข้ามาตรวจสอบจริง ๆละก็ เงินสองแสนนั้นไม่มีทางเอากลับคืนมาได้อีกแน่นอน ช่างปวดใจเหลือเกิน!
อู่เยวี่ยปวดใจยิ่งกว่า เหตุที่เธอกล้าโยนเงินหนึ่งล้านซื้อต่างหูกลับมาเพราะเธอมั่นใจว่าจะสามารถเอาเงินหนึ่งล้านนั้นกลับคืนมาได้ แต่ตอนนี้เหยียนหมิงซุ่นคิดจะทำอะไรกันแน่นะ?
เขาจุ้นจ้านเกินไปหรือเปล่า?
อู่เยวี่ยรู้สึกได้ว่าท้องน้อยมีอาการหน่วงเป็นระยะ ดูท่าไม่ดีแล้วจึงรีบรวบรัดตัดตอนคุณนายเฮ่อแล้วเรียกหมอเข้ามาฉีดยากันแท้งให้เธออีกครั้ง กว่าจะรักษาลูกในท้องไว้ได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่เมืองหลวงก็เงียบสงบไปได้อีกหลายวัน
ตอนที่ 1902 เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม
วันต่อมาเหยียนหมิงซุ่นส่งนักบัญชีไปดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทางด้านอู่เยวี่ยยังคงรักษาลูกในครรภ์อยู่ ยังมีอาการมึนงงไม่ได้สติอยู่เลย
รออู่เยวี่ยฟื้นตัวดีขึ้นนักบัญชีชั้นนำกลุ่มนี้คงตรวจสอบการเงินของมูลนิธิเสร็จไปแล้วหนึ่งรอบ จะว่าไปหนิงเฉินเซวียนก็วางใจมูลนิธิแห่งนี้มากเกินไป สมุดบัญชีทำเหมือนเด็กประถม ความรู้พื้นฐานด้านการเงินไม่มีเลยสักนิด การตรวจสอบบัญชีจึงเป็นเรื่องง่ายเสียเหลือเกิน
การทำงานของสำนักงานเทียนอิงมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง เพียงไม่กี่วันหลักฐานการฟอกเงินของมูลนิธิก็ส่งมาถึงมือเหยียนหมิงซุ่นซึ่งเป็นกระทำการอย่างลับ ๆโดยไม่ให้ใครรู้ ถึงแม้หนิงเฉินเซวียนจะเก่งกาจแต่ไม่มีความรู้ด้านนี้เลยสักนิด ซ้ำยังทำแบบนี้มาเป็นสิบ ๆปีโดยไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย
และเป็นเพราะหนิงเฉินเซวียนชะล่าใจคิดว่าไม่มีทางเกิดปัญหาขึ้นแน่ จึงทำให้เหยียนหมิงซุ่นหาจังหวะจับช่องโหว่นั้นได้ และในตอนนี้หนิงเฉินเซวียนก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซึ่งตรงกับความตั้งใจของเหยียนหมิงซุ่นพอดี เขายังไม่อยากจะฉีกหน้าของหนิงเฉินเซวียนตอนนี้เพราะยังไม่ถึงเวลา
แต่เหตุการณ์นี้ใช้เป็นผลประโยชน์ให้ภรรยาของเขาได้
อู่เยวี่ยตกที่นั่งลำบาก ภาวะครรภ์ของเธอค่อนข้างย่ำแย่ หมอเตือนเธอแล้วว่าหากยังไม่ยอมพักผ่อนร่างกายก็คงไม่อาจรักษาทารกในครรภ์ไว้ได้อีก
เด็กในท้องของอู่เยวี่ยเป็นดั่งไพ่สุดท้ายในมือ เธอจึงไม่ขัดขืนจำใจยอมดูแลครรภ์อยู่ที่บ้าน แต่ทางด้านคุณนายเฮ่อก็เอาแต่โทรมาร้องไห้คร่ำครวญถึงเงินสองแสนของเธอวันละหลายสิบสาย ร้องไห้จนเธอนึกรำคาญใจ
สองแสนแล้วยังไง?
เธอเสียไปตั้งหนึ่งล้าน!
สิ่งสำคัญก็คือมูลนิธิแห่งนี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของเธอ หนิงเฉินเซวียนจึงยอมให้เธอจัดการดูแลได้อย่างง่ายดาย หากตอนนี้เกิดช่องโหว่ขึ้นเธอคงสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากหนิงเฉินเซวียน อีกหน่อยถ้าคลอดลูกออกมาแล้วเธอคงกระดิกตัวยากแน่!
“จะร้องไห้ทำไม ใครใช้ให้เธอปล่อยให้คนของเทียนอิงเข้าไปล่ะ? มาร้องไห้ตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร!”
อู่เยวี่ยปวดหัวมาก เมื่อก่อนยังเคยมองว่าคุณนายเฮ่อเป็นคนมีความสามารถ ตอนนี้ดูท่าจะสวยแต่โง่เป็นแค่ตัวถ่วงในชีวิตเธอ!
“คุณชายหมิงเป็นคนพูด ฉัน…ฉันเลยไม่กล้า…” คุณนายเฮ่ออัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก เธอจะเอาความกล้าจากไหนมาขัดคนอย่างเขาล่ะ!
อู่เยวี่ยโมโหจนปวดท้องอีกครั้งว่าด้วยเสียงเย็นชา “คุณชายหมิง คุณชายหมิง เธออย่าลืมนะว่าเธอเป็นคนของฝ่ายไหน?”
คุณนายเฮ่อร่างกายสั่นเทิ้มเสียวสันหลังวาบ สำนึกขึ้นได้ว่าตนเองพูดผิดไปจึงรีบแสดงความซื่อสัตย์ออกมาโดยการพูดประจบประแจงไปหลายคำ พอวางใจถึงค่อยวางสายและไม่กล้าโทรหาอีก
เหมยเหมยรู้เรื่องการตรวจสอบบัญชีของมูลนิธิจากเหยียนหมิงซุ่น คงไม่ต้องเอ่ยว่าเธอดีใจแค่ไหน ทางด้านจ้าวเสวียเอ๋อร์ร้อนใจจนแทบบ้า โทรเข้ามาอยู่หลายสาย “กองถ่ายเตรียมพร้อมหมดแล้ว หานจื่อจวินก็จะมาถึงพรุ่งนี้แล้ว ใบอนุญาตถ่ายทำจะได้เมื่อไร? คงไม่ต้องยืดเวลาไปถ่ายปีหน้าหรอกใช่ไหม?”
“รีบอะไรเล่า ฉันบอกแล้วไงว่าให้ถ่ายทำตามกำหนดการเดิมเลย พวกพี่ก็แค่ทำตามแผนการเดิมที่วางไว้ พิธีเปิดกล้องก็จัดการได้เลยเอายิ่งใหญ่หน่อยนะ!”
เหมยเหมยมั่นใจเป็นอย่างมาก แค่ปล่อยให้จ้าวเสวียเอ๋อร์ทำตามกำหนดการเดิม เธอไม่ยอมปล่อยให้เวลายืดเยื้อแน่
จ้าวเสวียเอ๋อร์ไปทำงานต่ออย่างกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ช่วยไม่ได้นี่ เขาทำได้แค่เชื่อใจน้องสาวผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องเขา ไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้?
เหมยเหมยร่าเริงอยู่ในบ้าน นั่งรอให้อู่เยวี่ยเป็นฝ่ายมาพบเธอก่อน เธอไม่เชื่อหรอกว่าอู่เยวี่ยจะทนไหว!
เป็นไปตามคาดหนึ่งวันก่อนตรวจสอบบัญชีก็มีสายโทรเข้าจากอู่เยวี่ย โดยพูดอย่างตรงไปตรงมา
“เรามาทำข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อยไหม เธอให้เหยียนหมิงซุ่นคืนสมุดบัญชีมาให้ฉัน ส่วนฉันจะให้สำนักงาน GD[1] ปล่อยละครของเธอ”
เหมยเหมยหัวเราะร่า ถือโทรศัพท์ไว้พลางขยิบตาให้เหยียนหมิงซุ่นที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างกายพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้เขาด้วย สามีของเธอคือจูกัดเหลียงมาจุติชัด ๆ เดาสถานการณ์ได้ถูกเป๊ะไม่มีผิดเพี้ยนเลย!
[1] ชื่อย่อของ国家广播电视总局 ซึ่งหมายถึง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์แห่งชาติ
……………………………………………………..
ตอนที่ 1903 ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงิน
เหยียนหมิงซุ่นขยิบตาให้เหมยเหมยแล้วยื่นมือคว้าเธอเข้ามาในอ้อมกอด เมื่อร่างกายนุ่มนิ่มหอมหวานอยู่ในอ้อมกอดของเขามันช่างทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน แถมยังได้เล่นมือน้อย ๆของภรรยาตัวเองด้วย ยิ่งปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว
เหมยเหมยบิดตัวไม่กี่ทีแล้วก็ไม่ได้ขัดขืนอีก จากนั้นก็นอนลงบนตักเขาวางเครื่องโทรศัพท์ลง มือหนึ่งจับหูฟังไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งลูบไล้ซุกไซร้หน้าท้องเหยียนหมิงซุ่นอย่างซุกซนคล้ายกับเด็กน้อย
“อุ้ย แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่เข้าไปยุ่งเรื่องงานของผู้ชายเลยนะ เรื่องนี้ฉันคงเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ โอหยางซานซานเธอไปหาพี่หมิงซุ่นของฉันด้วยตัวเองเถอะ!” เหมยเหมยยิ้มตาหยี
อู่เยวี่ยนึกแค้นใจ ถ้าฉันหาตัวเหยียนหมิงซุ่นได้แล้วจะโทรมาหาแกให้ตัวเองหงุดหงิดแบบนี้ทำไมเล่า?
“คุณชายหมิงยุ่งจะตายฉันไม่รบกวนเขาจะดีกว่า และนี่ก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆเท่านั้นคงไม่ถึงกับต้องรบกวนคุณชายหมิงหรอกมั้ง แค่คุณหนูจ้าวจัดการก็เอาอยู่แล้ว!”
“โอหยางซานซานความเข้าใจของเธอมันช่างต่ำจริง ๆเลยนะ เรื่องทางการไม่มีเรื่องเล็ก ๆหรอกนะ เธอไม่รู้หรือไง? พี่หมิงซุ่นของฉันเป็นข้าราชการที่พร้อมรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจ สำหรับเขาแล้วเรื่องทางการเล็กแค่ไหนก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องส่วนตัวใหญ่แค่ไหนก็เป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ สองอย่างนี้แทบจะเทียบกันไม่ได้เลยนะ…”
เหมยเหมยมีสีหน้าดุดัน สั่งสอนด้วยวาทะที่เต็มไปด้วยความถูกต้อง เหยียนหมิงซุ่นที่อยู่ข้างกายยกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาขำขัน
ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้เลยว่ายัยปีศาจน้อยของเขามีความเข้าใจลึกซึ้งขนาดนี้?
อีกเดี๋ยวจะต้องคุยกับยัยปีศาจน้อยให้ลึกซึ้งเสียหน่อยแล้ว!
อู่เยวี่ยทนฟังเหมยเหมยสาธยายบทความยาวเหยียดจนจบก็พลันจุกอยู่ในอก โมโหจนนึกอยากจะตัดสายทิ้งเสียเดี๋ยวนี้ ขี้เกียจที่จะต้องมาฟังยัยชั่วจ้าวเหมยพูดพล่ามไร้สาระ!
ถ้าเหยียนหมิงซุ่นเป็นข้าราชการที่พร้อมรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจจริง ๆละก็ เขาจะเอาเงินมาจากไหนมากมาย?
เงินสามแสนคืนนั้นเขาไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ!
เธอไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าเหยียนหมิงซุ่นจะไม่ทุจริต!
“คุณชายหมิงเป็นข้าราชการที่พร้อมรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจจริง ๆนั่นแหละ เรื่องนี้จ้าวเหมยไม่ต้องพูดให้มากความ ประชาชนทั้งประเทศต่างก็รู้ดี” อู่เยวี่ยทนไม่ไหวจึงพูดตัดบทเหมยเหมยไป ถ้าปล่อยให้ยัยชั่วนี่พูดต่อไปคงไม่ทันการกันพอดี
เธอเองก็ไม่พูดพร่ำเพรื่อเอ่ยออกไปตรง ๆว่า “จ้าวเหมย เจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเธอเตรียมการพร้อมหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ใบอนุญาตถ่ายทำ ถ้าต้องยืดออกไปอีกปีครึ่ง เกรงว่าความเสียหายที่จะเกิดคงไม่น้อยมั้ง!”
“ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงินสักหน่อย จะยืดเวลาก็ยืดไปสิ!” เหมยเหมยพูดอย่างไม่แยแส
อู่เยวี่ยกัดฟันกรอดอย่างโมโหจนฟันแทบแตก ตอนนี้เธอเป็นฝ่ายถูกกระทำและเหมยเหมยมีอำนาจในการบงการทุกอย่าง ซึ่งจากเดิมเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายนำ แต่เป็นเพราะเหยียนหมิงซุ่นเข้ามายุ่งเธอเลยกลายเป็นผู้ถูกกระทำอยู่แบบนี้!
ผู้หญิงที่มีผู้ชายคอยปกป้องเป็นสิ่งที่น่าอิจฉาจนแทบบ้าคลั่ง!
อย่างเช่นยัยชั่วจ้าวเหมยนี่ไง!
พอนึกถึงเฮ่อเหลียนเช่อที่ไม่เคยให้ความสนใจเธอหลังจากเธอตั้งครรภ์ ซ้ำยังไม่คิดจะช่วยเหลืออะไรเธอเลย อู่เยวี่ยก็รู้สึกขมที่ปลายลิ้น แม้ว่าเธอจะไม่คาดหวังสิ่งใดจากเฮ่อเหลียนเช่อ แต่สิ่งที่คนเรามักกลัวที่สุดก็คือการเปรียบเทียบ มีไข่มุกเม็ดงามอย่างเหยียนหมิงซุ่นอยู่ตรงหน้า เธอก็อดไม่ได้ที่จะยกสองคนนี้ขึ้นมาเปรียบเทียบกัน
หากว่าเฮ่อเหลียนเช่อเป็นเหมือนเหยียนหมิงซุ่น คอยหนุนหลังเธอ เธอจะลำบากเหมือนตอนนี้ได้อย่างไร?
อู่เยวี่ยบ่นพลางถอดถอนหายใจกับตัวเอง โกรธแค้นทั้งเฮ่อเหลียนเช่อและเหมยซูหาน ทุกคนล้วนทอดทิ้งเธอ!
สมควรตายให้หมด!
“จ้าวเหมย ขอพูดตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อมนะ เธอต้องการอะไรกันแน่?” อู่เยวี่ยตวาดเสียงดัง
เหมยเหมยหัวเราะเบา ๆ “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรนี่ คนใจดีอย่างฉันจะคิดทำร้ายคนอื่นได้อย่างไร? เพียงแต่คนอย่างฉันจะเคารพใคร คน ๆนั้นก็ต้องเคารพฉันก่อนเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ถ้ามีใครที่ไม่เกรงใจฉัน ฉันก็จะเอาคืนเป็นร้อยเท่า!”
ประโยคสุดท้ายเหมยเหมยกัดฟันพูดออกมา ความเย็นยะเยือกที่ถูกกั้นไว้ด้วยหูฟังค่อย ๆแผ่ซ่านส่งไป อู่เยวี่ยตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่อยู่
ทำไมเธอถึงสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตจากคำพูดของจ้าวเหมยนะ?
หรือว่าโอหยางซานซานจะมีความแค้นกับจ้าวเหมยด้วย?
ตอนที่ 1904 ให้พระเจ้าเป็นคนตัดสิน
เหยียนหมิงซุ่นส่งสัญญาณให้เหมยเหมย ความหมายคือให้เธอตกลงข้อแลกเปลี่ยนของอู่เยวี่ย เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆด้วยความงุนงง ถึงแม้จะไม่เข้าใจแต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“เฮ้อ แต่ใครใช้ให้คนอย่างฉันขี้ใจอ่อนกันล่ะ เห็นแก่ความน่าสงสารที่โอหยางซานซานไม่มีพ่อไม่มีแม่ ฉันจะยอมช่วยเธอสักครั้งละกัน ถ้าปล่อยใบอนุญาตถ่ายทำมาเมื่อไร ฉันก็จะคืนสมุดบัญชีให้เมื่อนั้น”
ในจังหวะที่อูเยวี่ยกำลังจะถอดใจจากเหมยเหมยเตรียมตัวไปสารภาพผิดกับหนิงเฉินเซวียน เหมยเหมยที่พลิกบทบาทกะทันหันทำให้อู่เยวี่ยตั้งรับไม่ทันชั่วขณะและไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง
ห้าวินาทีก่อนยังกัดแน่นไม่ปล่อย แต่บทจู่ ๆจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?
อู่เยวี่ยลังเลไม่กล้าขานรับเหมยเหมย เธอกลัวว่ายัยชั่วนี่จะขุดหลุมฝังเธอ
ถึงแม้ยัยชั่วจ้าวเหมยจะไม่ฉลาด แต่คนข้างกายเธอนั้นคือเหยียนหมิงซุ่นที่เจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก มีที่ปรึกษาเป็นทหารคอยช่วยวางแผนอยู่เบื้องหลัง ไม่แปลกเลยที่เธอจะพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง
แพ้ด้วยน้ำมือของคุณชายหมิงผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ถึงจะแพ้ก็แพ้อย่างมีเกียรติ พอคิดแบบนี้อู่เยวี่ยก็รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง!
“เธอไม่เต็มใจเหรอ? งั้นช่างมันเถอะ!” เหมยเหมยไม่รอให้อู่เยวี่ยตอบรับแล้วพูดขึ้นอย่างเสียอารมณ์ เตรียมตัดสายทิ้ง
อู่เยวี่ยที่เพิ่งจะได้สติกลับมาเอ่ยว่า “เดี๋ยวก่อน ฉันคิดว่าเราดำเนินการไปพร้อม ๆกันจะดีกว่า…”
“โอหยางซานซาน ตอนนี้เธอกำลังขอร้องฉันอยู่ไม่ใช่ฉันที่ขอร้องเธอ เธอมีสิทธิ์อะไรมายื่นข้อเสนอฉัน? ทำตามที่ฉันบอกซะ ถ้าไม่เต็มใจก็แล้วแต่นะ!” เหมยเหมยพูดเยาะเย้ย
อู่เยวี่ยกัดริมฝีปากแน่น แค่ตอนนี้เหมยเหมยไม่ได้อยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น ไม่งั้นเธอเอาถึงตายแน่!
“ได้…ฉันจะรีบจัดการใบอนุญาตถ่ายทำให้โดยเร็ว แล้วก็หวังว่าคุณหนูจ้าวจะไม่ผิดคำพูด!”
“ไม่มีทางหรอก เธอคิดว่าฉันเป็นเธอเหรอ!”
เหมยเหมยหัวเราะเยาะพร้อมตัดสายทิ้งแล้วดันโทรศัพท์ไปด้านข้าง จากนั้นก็ประคองพวงแก้มด้วยมือทั้งสองข้าง กะพริบตาปริบ ๆเพื่อรอรับคำชมเหมือนหมาตัวน้อย สะบัดหางอย่างอารมณ์ดี
“พี่คะ…ฉันทำได้ดีไหม? เมื่อกี้ทำอู่เยวี่ยโมโหแทบบ้าเลยนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นบีบจมูกเธอ เอ่ยแกมประชด “เธอไม่ให้พี่ลงมือกับลูกอู่เยวี่ย แต่ตัวเองกลับทำให้อู่เยวี่ยโมโหแทบทุกวัน พี่ได้ยินว่างานเลี้ยงคืนนั้นเธอทำให้อู่เยวี่ยโมโหจนแทบแท้งลูก ตอนนี้กำลังรักษาอาการอยู่เลย!”
ยัยปีศาจน้อยมักปากไม่ตรงกับใจ เรื่องที่ห้ามไม่ให้เขาทำแต่ตัวเองกลับทำอย่างสนุกสนานเชียว!
เหมยเหมยแลบลิ้นปลิ้นตา “ตอนแรกฉันแค่คิดว่าลงมือกับเด็กมันไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ใครใช้ให้อู่เยวี่ยทำตัวน่าโมโหจนฉันแทบทนไม่ไหวตลอดเลย อีกอย่างฉันคิดว่าถ้าเด็กคนนี้ไม่ออกมาคงจะดีเสียกว่า จริง ๆนะ!”
จุดจบของหนิงเฉินเซวียนพอจะคาดเดาได้แล้ว การสูญสลายจะต้องมาถึงในไม่ช้า เฮ่อเหลียนเช่อเองก็คงมีจุดจบที่ไม่ดีนัก การที่เกิดมาในครอบครัวแบบนั้นไม่ได้เป็นเรื่องดีกับเด็กเลย
อีกทั้งหนิงเฉินเซวียนให้ความสำคัญกับเด็กมาก คิด ๆดูแล้วหลังจากเด็กคนนี้เกิดมาหนิงเฉินเซวียนคงเป็นคนเลี้ยงดูสั่งสอนเองแน่นอน จากนิสัยวิปริตของหนิงเฉินเซวียนแล้ว เด็กที่เขาเลี้ยงดูจะกลายเป็นคนดีได้อย่างไร?
เมื่อก่อนเหมยซูหานเคยเล่าให้ฟังว่าตอนเฮ่อเหลียนเช่อยังเด็ก เขาน่ารักและจิตใจดีมาก ขนาดเห็นนกตายข้างทางยังน้ำตาไหลพราก แต่หลังจากอยู่กับหนิงเฉินเซวียนกลับถูกเลี้ยงดูจนกลายเป็นพวกไร้คุณธรรมเช่นนี้!
คิดว่าถ้าเด็กในครรภ์มีความคิด เขาคงไม่อยากมาอยู่กับหนิงเฉินเซวียนหรอก!
เพราะงั้นก็ให้เป็นเรื่องของชะตาฟ้าลิขิตเถอะ หากว่าอู่เยวี่ยสามารถรักษาเด็กคนนี้เอาไว้ได้ นั่นก็คงเป็นลิขิตแห่งสวรรค์แล้วล่ะ แต่ถ้ารักษาไว้ไม่ได้ก็เป็นเพราะสวรรค์ลิขิตเช่นกัน!
เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจความคิดของเหมยเหมย ลูบหลังเธอและไม่ได้พูดถึงเรื่องเด็กอีก
เหมยเหมยถามด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องคืนสมุดบัญชีให้อู่เยวี่ยด้วยล่ะ? งั้นแบบนี้เราก็เสียแรงเปล่าสิ? เรื่องละครฉันไม่รีบจริง ๆนะ อย่างมากก็แค่ไปถ่ายทำที่ฮ่องกง”
………………………………………………………….
ตอนที่ 1905 ฉันคือนางฟ้าตัวน้อย
เหมยเหมยกังวลว่าเหยียนหมิงซุ่นจะทำเพื่อละครของเธอถึงได้ยอมคืนสมุดบัญชีให้กับอู่เยวี่ย หากเป็นเพราะเหตุผลนี้เธอก็เต็มใจที่จะไม่ถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์ เธอจะไม่ยอมให้เกิดผลกระทบต่องานของเหยียนหมิงซุ่นเด็ดขาด
“ยัยโง่…พี่แค่เอาสมุดบัญชีปลอม ๆคืนให้อู่เยวี่ยเท่านั้นแหละทำให้อู่เยวี่ยวางใจเสียก่อน เพื่อเลี่ยงไม่ให้หนิงเฉินเซวียนไหวตัวทัน”
บัญชีของทางมูลนิธิได้ถูกตรวจสอบอย่างละเอียด แต่หมาจิ้งจอกอย่างหนิงเฉินเซวียนกลับยังไม่รู้เรื่อง อู่เยวี่ยกังวลว่าจะโดนด่าเธอจึงปิดบังเรื่องนี้ไว้เงียบกริบ นับว่ายังพอมีทักษะอยู่บ้าง
ดังนั้นเขาต้องทำให้อู่เยวี่ยวางใจเสียก่อน ตอนนี้ยังไม่ควรทำให้หนิงเฉินเซวียนไหวตัวทันเพื่อเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น
เมื่อได้ยินว่าไม่ได้เป็นเพราะละครของเธอ เหมยเหมยพลันรู้สึกโล่งใจแต่ก็ยังกังวลอยู่ดี “แล้วอู่เยวี่ยจะดูออกไหมว่าเป็นสมุดบัญชีเล่มปลอม?”
เหยียนหมิงซุ่นมองเธอด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองพลางหยิกแก้มเธออย่างเบามือ “พี่ว่าเธอโง่ยังไม่ยอมรับอีก ถ้ามันง่ายจนอู่เยวี่ยแยกของจริงของปลอมออก พี่จะเก็บคนพวกนั้นไว้ทำงานอีกทำไมล่ะ?”
เหมยเหมยอ้าปากงับนิ้วของเขา วันนี้พูดว่าเธอโง่ถึงสองครั้งแล้วนะ ตาบ้า!
เธอมีสิทธิ์ว่าตัวเองโง่เพราะคือการถ่อมตัว!
แต่คนอื่นห้ามเชียวนะเพราะนั่นคือการดูถูก!
เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้ เธอไม่ต้องการศักดิ์ศรีหรือไง?
“ฉันไม่ได้โง่ อย่างฉันเรียกว่าคนฉลาดที่ไม่แสดงความสามารถออกมา ถ้าฉันไม่แกล้งทำเป็นโง่สักหน่อยจะเผยให้เห็นบุรุษผู้ปราดเปรื่องอย่างพี่ได้ไง…จะกัดให้ตายเลย!”
เหมยเหมยค่อมตัวเหยียนหมิงซุ่นและกัดเขาเหมือนสุนัข เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่ได้หลบปล่อยให้เธอทำไป ถึงอย่างไรมันก็แค่ความรู้สึกจักจี้ เขาชอบด้วยซ้ำไป!
“เธอมั่นใจเหรอว่าเธอคือคนฉลาดที่ไม่แสดงความสามารถออกมา? ทำไมพี่คิดว่าเธอคือคนโง่ที่แกล้งทำเป็นฉลาดล่ะ! จะว่าไปก็มีออร่าเปล่งประกายอยู่นะ…” เหยียนหมิงซุ่นขำขัน
เหมยเหมยอึ้งไป ใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าจะเข้าใจความหมายของเจ้าบ้านี่ มันคือการว่าเธอมีออร่าความสวยแต่โง่ยังไงล่ะ จากรักหวานชื่น…กลับกลายเป็นการดูถูกอย่างเปิดเผยไปแล้ว!
ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!
“พี่บ้า…ต่อจากนี้ไปพี่พูดได้แค่ว่าฉันน่ารัก ฉันฉลาด ฉันสวยสะดุดตา ฉันคือนางฟ้าตัวน้อย…”
เหมยเหมยกัดใบหูของเหยียนหมิงซุ่น ตะโกนเสียงดังข้างหูเขาจนน้ำลายกระเด็นใส่หน้า
ลุงเหลาและป้าฟางหัวเราะจนท้องแข็ง ความสัมพันธ์ของคุณชายกับคุณหนูนับวันยิ่งดีขึ้นเหมือนในบทละครไม่มีผิด เพียงคิดอิจฉานกยวนยาง หาได้คิดอิจฉาเทพเซียน[1]!
อู่เยวี่ยร้อนใจอยากได้สมุดบัญชีคืน หลังจากวางสายไปก็โทรหาโอหยางเซี่ยงหมิงให้เขารีบเปิดไฟเขียวให้กับฝ่ายละคร ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี ตอนนี้โอหยางเซี่ยงหมิงได้แต่ทำตามคำสั่งของเธอไม่มีทางอิดออดแน่นอน
เจ้าเสวียเอ๋อร์ได้รับสายจากสำนักงาน GD ก็รีบไปดำเนินการทำเรื่องใบขออนุญาต เมื่อก่อนแต่ละคนทำตัวเย็นชาราวกับน้ำแข็ง หยิ่งผยองราวกับเป็นเทวดา แต่ตอนนี้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นราวสายลมในฤดูใบไม้ผลิพูดอะไรก็ง่ายไปเสียหมด ไม่ถึงครึ่งวันก็ทำใบอนุญาตเสร็จเรียบร้อย
“เหมยเหมยใบอนุญาตทำเสร็จแล้ว เธอนี่ก็มีความสามารถไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย อีกสามวันเป็นพิธีเปิดกล้อง ถึงตอนนั้นเธอจะมาไหม?” จ้าวเสวียเอ๋อร์ดีใจยกใหญ่คึกคักขึ้นมาเชียว
“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันนะ”
เหมยเหมยเองก็นึกไม่ถึงว่าอู่เยวี่ยจะว่องไวขนาดนี้ แต่นั่นก็บ่งบอกได้ว่ายัยชั่วนั่นร้อนใจแค่ไหน หึ!
เธอไม่ร้อนใจเลยสักนิด ก็แค่ทำทีเมินเฉยใส่ยัยชั่วนั่นไป!
ตอนแรกอู่เยวี่ยคิดว่าหลังจากที่เหมยเหมยได้รับใบอนุญาตถ่ายทำก็จะส่งสมุดบัญชีกลับมาเอง แต่รออยู่นานก็ไม่มีสายโทรเข้าจากเหมยเหมย เธอนั่งไม่ติดเสียแล้ว ร้อนใจจนต้องเป็นฝ่ายโทรหาเอง
“คุณหนูจ้าว ฉันทำตามข้อตกลงของเราเรื่องใบขออนุญาตถ่ายทำเรียบร้อยแล้ว สมุดบัญชีจากเธอล่ะ? คุณหนูจ้าวคงไม่คิดที่จะผิดคำสัญญาหรอกนะ?” อู่เยวี่ยพูดจาไม่ดีนัก
“โอ้โฮ โอหยางซานซานเธอจัดการได้เร็วจัง ฉันนึกว่าจะต้องยืดเยื้อออกไปอีกสักครึ่งเดือน ฉันขอโทรถามพี่สามก่อนนะ ขอแค่ทำเสร็จฉันก็จะคืนสมุดบัญชีให้เธอเลย ฉันไม่ใช่พวกชั้นต่ำที่ไร้ความน่าเชื่อถือสักหน่อย!”
เหมยเหมยพูดด้วยท่าทีเกินจริงก่อนตัดสายไป กินคุกกี้ที่ป้าฟางอบให้ตามด้วยนมอุ่น ๆอีกหนึ่งแก้วเสร็จถึงจะกดโทรศัพท์โทรออกอย่างเนิบนาบ
……………………………………………………………
[1] แค่ได้อยู่ครองคู่กับคนรักไปตลอดชีวิตดั่งนกยวนยางนั้นประเสริฐยิ่งกว่าการได้เป็นเทพเซียนที่มีชีวิตยืนยาวแต่ต้องเดียวดายไร้คู่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น