ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 189-192

 บทที่ 189 จับปลาด้วยอวนล้อม

โดย

Ink Stone_Fantasy

การนำเงินที่ใช้พัฒนาเรื่องภัยพิบัติจากปลาในทะเลสาบเฉินเป่าไปใช้พัฒนาด้านการท่องเที่ยวนั้น ฉินสือโอวเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อเรื่องนี้เกิดปัญหาขึ้นมา เขาจึงต้องไปช่วยเหลือ


จริงๆแล้วก็คือ ตัวเขาเองก็ไม่มีอะไรทำ จะให้นอนอาบแดดอยู่ตรงชายหาดทุกวันก็คงไม่ไหวไหม?


ตัวเองไม่เพียงแต่ต้องไปช่วย ฉินสือโอวยังพาอีวิลสันและนีลเซ็นไปด้วย เขาขับรถไปถึงทะเลสาบตอนเที่ยง แฮมเล็ตที่สวมเสื้อกั๊กและเสื้อสูทรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว นอกจากนี้ริมทะเลสาบยังมีเรือหาปลาน้อยใหญ่สิบกว่าลำจอดอยู่ด้วย บนฝั่งก็มีการวางอวนดักปลากันไว้เป็นทอดๆ


เมื่อเห็นฉินสือโอว แฮมเล็ตก็เข้ามาทักทายอย่างเป็นมิตร จากนั้นก็พูดมาคำหนึ่งว่า “ทานอะไรหรือยัง?”


 “อะไรนะครับ?” ฉินสือโอวที่ถูกถามโดยไม่ทันตั้งตัวพูดขึ้น


แฮมเล็ตยิ้มแล้วพูดว่า “นี่เป็นการทักทายที่พวกนายชาวจีนชอบใช้กันไม่ใช่เหรอ? ช่วงนี้ฉันได้เชิญอาจารย์ที่ศึกษาด้านภาษาจีนจากคณะภาษาต่างประเทศมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์นมา เพื่อเตรียมให้เขาเปิดคลาสเรียนและพูดเกี่ยวกับวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมของประเทศจีน”


ฉินสือโอวเข้าใจทันที ดูเจ้าหน้าที่รัฐคนนี้สิ เพื่อที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองเล็กๆ นี้ถึงกับลงแรงขนาดนี้ เขาคงจะจริงจังเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยวนี้เอามากๆ เลย


 “กินแล้วล่ะครับ เพื่อนฝูง อาหารเช้ายอดเยี่ยมมาก คุณทานหรือยังครับ?” ฉินสือโอวตอบ


แฮมเล็ตถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันยังไม่ได้ทานเลย ให้ตายสิ พวกตาแก่จากเมืองเมเปิลลีฟทำไมไม่นั่งอยู่ในออฟฟิศแล้วฟังรายงานความคืบจากเราก็พอนะ ชอบเอาแต่เรื่องปวดหัวมาให้เสียจริง”


ฉินสือโอวสะอึกไปทีหนึ่ง ดูท่าแฮมเล็ตจะเข้าใจวัฒนธรรม ’การทักทายด้วยการถามว่ากินข้าวหรือยัง’ ไม่ถ่องแท้นัก เขาตอบแบบนี้มาได้อย่างไรกัน? นี่กลายเป็นถามแบบสไตล์จีนแต่ตอบสไตล์อเมริกาแล้ว


จากนั้นก็มีคนทยอยกันตามมา แฮมเล็ตตามหาผู้มีช่วยเกี่ยวข้องทุกคนรวมทั้งฉินสือโอวด้วย แล้วแนะนำว่า “ครั้งนี้ พวกเราต้องแสดงการตั้งอวนล้อมเพื่อจับปลาคาร์ฟเอเชีย เพื่อเป็นการแสดงความคืบหน้าของโครงการให้ตาแก่พวกนั้นดู ไม่มีปัญหากันใช่ไหม?”


ฮิวจ์ยิ้มแล้วพูดว่า “พระเจ้า นี่ถือว่าเป็นการรายงานผลจริงๆเหรอ การใช้อวนล้อมเพื่อจับปลาคาร์ฟเอเชียถือเป็นตัวเลือกที่ล้มเหลวนะครับ”


แฮมเล็ตพูดว่า “พวกเราก็รับมือได้เพียงแค่นี้ หรือว่าพวกนายคิดจะกำจัดเทพเจ้าแห่งโชคลาภของเราไปหรือไงล่ะ?”


หลังจากได้ฟังประกาศจากแฮมเล็ตแล้ว คนในเมืองหลายคนก็รู้แล้วว่าปลาคาร์ฟเอเชียที่พวกเขามองว่าเป็นหายนะนั้นจะกลายเป็นจุดขายในด้านการท่องเที่ยวแล้ว


เมื่อแบ่งงานแล้ว ก็เริ่มทำงาน ฉินสือโอวพานีลเซ็นและอีวิลสันขึ้นเรือลำเดียวกัน จากนั้นก็นำอวนล้อมลงไปในน้ำ


อวนล้อมเป็นอุปกรณ์จับปลาประเภทที่ชอบอยู่กันเป็นฝูง เมื่อวางอวนลงนั้นจะทำหน้าที่ล้อมฝูงปลาไว้ ให้ฝูงปลาว่ายไปรวมกันในนั้น จากนั้นก็ดึงขึ้นมาก็จะจับปลาทั้งหมดในทีเดียว


นี่คืออุปกรณ์หาปลาแบบโบราณที่ค่อนข้างได้ผลดี โดยเฉพาะเมื่อใช้กับทรัพยากรปลาที่มีจำนวนปลาระดับปานกลางถึงมากในทะเลสาบเฉินเป่านี้จะยิ่งทำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อนการจับปลาค็อดในนิวฟันแลนด์ก็ใช้อุปกรณ์และวิธีการแบบนี้


จนถึงปัจจุบัน อวนล้อมก็ยังถือเป็นกำลังสำคัญในการประมง จำนวนของปลาที่จับได้โดยวิธีนี้ในหนึ่งปีมีมากกว่าการจับปลาโดยวิธีอื่นถึง 20-30% ตามด้วยทักษะการใช้อวนล้อมที่เพิ่มมากขึ้นและการตรวจจับปลาที่ทันสมัยขึ้นในสมัยนี้ อาณาเขตของการจับปลาด้วยอวนล้อมก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นสามารถจับฝูงปลาที่อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึกได้ด้วย


นีลเซ็นขับเรือไปจนถึงกลางทะเลสาบ แล้วพูดว่า “ที่นี่ปลาต้องเยอะแน่นอน พวกเราเริ่มจากตรงนี้แล้วกัน?”


ฉินสือโอวบอกเป็นนัยว่ายังไงก็ได้ อีวิลสันมีหน้าที่คุมพื้นที่เขตฟาร์มปลา ส่วนนีลเซ็นก็ช่วยฉินสือโอววางอวนล้อมลงน้ำ


ความจริงอวนล้อมก็คือการนำแหมาล้อมไว้เพื่อจับปลา อวนพวกนี้มีลักษณะคล้ายกรวยที่ถูกผ่าปากออก ส่วนปากกรวยจะอยู่ด้านบน เรียกว่ามีหนึ่งถุงกับสองปีกก็ได้


หนึ่งถุง ก็คือจุดรับแรงด้านล่างของกรวย ส่วนสองปีกก็คือปากทั้งสองด้านของอวนล้อม เมื่อโยนอวนล้อมไปที่ทะเลสาบแล้ว ก็ดึงสองปีกขึ้นมา เท่ากับเป็นการรูดปิดปากตัวกรวย เมื่อปลาถูกล้อมอยู่ในอวนแล้ว ก็จะหนีไปไหนไม่ได้อีก


เมื่อโยนอวนล้อมปลาลงไป อีวิลสันเร่งฝีพายเรือให้เร็วขึ้น ผ่านไปสักพักเมื่อฉินสือโอวรู้สึกว่าได้ที่แล้ว จึงส่งสายตาให้นีลเซ็นทีหนึ่ง จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มเก็บอวน


การเก็บอวนต้องระวัง ปีกทั้งสองของอวนต้องค่อยๆรูดเข้าหากัน และต้องไม่ยกอวนปลาขึ้นในทันที แต่ให้ขับเรือลากอวนเข้าหาชายฝั่งก่อน ขณะที่อวนถูกลากเข้าฝั่งนั้น ขอบอวนปลาก็จะเริ่มพันเข้าหากัน ทำให้ปลาที่อยู่ข้างในหมดทางหนี


เมื่อเรือหาปลาเทียบฝั่งแล้ว พอดีกับที่รถบิวอิคก์ขับเข้ามา รถนี้ก็คือรถที่คณะรัฐบาลของเกาะแฟร์เวลใช้กันนั่นเอง รถจอดเทียบอยู่ข้างชายฝั่งทะเลสาบ ตามด้วยกลุ่มชายกลางคนที่สวมชุดสูทหรูเดินลงมาจากรถ


ฉินสือโอวเงยหน้ามอง คนพวกนี้แต่งตัวเสียเนี้ยบ มองไปท่าทางหรูหราสง่างาม ดูออกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมาดูงานจากออตตาวา


มองผิวเผินแล้ว เจ้าหน้าที่พวกนี้ก็ไม่ต่างกับเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศจีนที่ชอบมาเดินตรวจงานเท่าไร เพียงแต่พวกเขามีรูปร่างที่ดูผอมกว่ามากเท่านั้น ไม่ค่อยมีพวกหุ่นพังอวบอ้วนหรือพุงโตเพราะเบียร์ให้เห็นเหมือนเจ้าหน้าที่ในจีน


แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ เจ้าหน้าที่พวกนี้ไม่ว่าไปไหนก็มีกลุ่มสื่อมวลชนเดินตาม นักประกาศข่าวหญิงคนหนึ่งที่สวมสูทเหมือนพนักงานออฟฟิศมองไปที่กล้องแล้วพูดกล่าวเปิดเพียงไม่กี่คำ ก็หันมาสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่รัฐและนายกเทศมนตรีแฮมเล็ต


แฮมเล็ตเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคุยกับสือโอวอยู่แล้ว จึงพูดสรุปอย่างสั้นๆได้ใจความ ก็คือทะเลสาบเฉินเป่านั้นสำคัญต่อชาวเมืองอย่างไร ปลาคาร์ฟเอเชียส่งผลกระทบต่อทะเลสาบเฉินเป่าแค่ไหน หลังจากพวกเราได้รับงบประมาณจากทางรัฐสภาแล้วได้ทำดำเนินการต่อการเสียหายที่ปลาคาร์ฟเอเชียก่อขึ้นอย่างไร


คำพูดพวกนี้ล้วนเป็นเพียงคำพูดสวยหรูทั้งนั้น ฉินสือโอวฟังไปสักพักก็เลิกสนใจ ตั้งหน้าตั้งตาเก็บอวนล้อมต่อ


เขากับอีวิลสันต่างก็เป็นคนที่มีแรงเยอะ นีลเซ็นรับผิดชอบเรื่องการดึงสองปีกอยู่ข้างๆ สิ่งที่ได้มาหลังจากเก็บอวนขึ้นมาแล้วนั้น ก็คือปลาคาร์ฟเอเชียตัวใหญ่กระโดดสะบัดตัวไปมาที่ถูกลากขึ้นมาบนฝั่ง


อวนล้อมที่ใช้ในครั้งนี้คืออวนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางตาแหอยู่ที่ห้าเซนติเมตร จึงจับได้แต่ปลาตัวใหญ่ ปลาท้องที่ที่ตัวเล็กถึงแม้จะโดนจับขึ้นมาได้แต่ก็ลอดออกจากอวนล้อมได้อย่างง่ายๆ


การหว่านอวนครั้งนี้ของฉินสือโอวจับปลาคาร์ฟเอเชียได้ไม่น้อยเลย ดูท่าจะมากกว่ายี่สิบตัวด้วยซ้ำ แต่ละตัวต่างก็มีขนาดลำตัวที่เจ็ดแปดสิบเซนติเมตร ทำให้ดึงดูดสายตาได้ง่าย


เมื่อเป็นแบบนี้ จึงทำให้ฉินสือโอวกลายเป็นคนเด่นในทันที แฮมเล็ตพานักข่าวจากช่องโทรทัศน์มาหาเขา ผู้สื่อข่าวหญิงคนนั้นเริ่มถามจากนีลเซ็น นีลเซ็นยักไหล่ ชี้นิ้วไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “มีคำถามอะไรเชิญถามบอสของพวกผมเลยครับ ผมเป็นแค่พนักงาน”


ผู้สื่อข่าวหญิงนึกไม่ถึงว่าชาวจีนอย่างฉินสือโอวจะเป็นถึงเจ้าของฟาร์มปลา จึงรีบหันตัวเพื่อปกปิดการเก้ๆ กังๆ ของตัวเอง ถามฉินสือโอวว่า “คุณคะ คุณเป็นคนจับปลาในอวนพวกนี้ใช่ไหมคะ?”


ฉินสือโอวคิดในใจว่าดูจากสิ่งที่เห็นการถามคำถามนี้ไม่ฟังดูโง่มากเหรอ? ก็เห็นๆอยู่ว่าฉันนี่แหละที่เป็นคนจับปลาพวกนี้มา หากไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครได้อีก?


เขากระแอมทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบว่า “ผมไม่ใช่คนจับหรอกครับ”


เมื่อผู้สื่อข่าวหญิงอึ้งไปพักหนึ่ง ฉินสือโอวก็พูดเสริมต่อว่า “เป็นทีมของผมที่จับได้ครับ ดูเพื่อนสองคนข้างผมสิครับ พวกเขาลงแรงในครั้งนี้มากกว่าผมเสียอีก”


เมื่อได้ยินคำนี้ ผู้สื่อข่าวหญิงยิ้ม แล้วพูดว่า “พวกคุณช่างเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ อย่างนั้นขอถามต่อค่ะว่าการจับปลาพวกนี้ใช้เวลาเท่าไรคะ?”


ดีล่ะ เริ่มพูดเข้าประเด็นแล้ว ฉินสือโอวตอบว่า “อ้อ ใช้เวลาไม่นานหรอกครับ ประมาณยี่สิบถึงยี่สิบห้านาทีครับ”


ใช้เวลาถึงยี่สิบนาทีแต่จับปลาคาร์ฟเอเชียได้แค่ยี่สิบกว่าตัว แถมเรือที่เขาใช้ยังเป็นเรือหาปลาที่มีติดตั้งเครื่องยนต์อย่างดีไว้อีก โดยปกติแล้วครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่สามารถจับปลาได้เยอะขนาดนี้เลย นี่ก็คือเหตุผลที่อวนล้อมไม่สามารถแก้ปัญหาปลาคาร์ฟเอเชียที่ทำลายทรัพยากรได้สักที


จากผลที่ได้ ขณะที่คุณจับปลาขึ้นมาได้ถึงหนึ่งร้อยตัว แต่คุณพ่อปลาคุณแม่ปลาในทะเลสาบอาจออกลูกมาแล้วเป็นพันตัวก็ได้ แล้วยิ่งการจับปลาด้วยอวนล้อมแบบนี้นั้น ใช้ไม่ได้ผลกับปลาตัวเล็กด้วย


หรือพูดได้ว่า นี่เป็นวิธีการแก้ปัญหาได้แค่ที่ปลายเหตุเท่านั้น


………………………………………………


บทที่ 190 ฉินนักเล่นกล

โดย

Ink Stone_Fantasy

เมื่อได้ยินฉินสือโอวตอบอย่างรวดเร็วอย่างนี้ ผู้สื่อข่าวหญิงคนนั้นก็ดีใจขึ้นมา จึงรีบถามต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่านี่คือวิธีแก้ปัญหาปลาคาร์ฟเอเชียที่มาทำลายระบบนิเวศที่ถูกวิธีหรือเปล่าคะ?”


เหล่าเจ้าหน้าที่รัฐต่างก็มองไปที่ฉินสือโอวอย่างลุ้นระทึก ฉินสือโอวยักไหล่แล้วแอบพูดในใจว่าขอโทษนะเพื่อนฝูง อย่างไรเสียพวกฉันก็ไม่ได้รับความช่วยเหลืออะไรจากพวกนาย ดังนั้นอะไรที่ควรพูดก็ต้องพูดล่ะนะ พวกนายบอกว่าแคนาดาเป็นประเทศประชาธิปไตยนี่ใช่ไหม? งั้นสิ่งที่ฉันอยากพูด ก็จะไม่เก็บไว้ล่ะ


 “น่าเศร้าครับ คุณผู้หญิง ผมคงต้องบอกข่าวร้ายกับคุณแล้ว นั่นก็คือนี่ไม่ใช่วิธีที่ถูกครับ วิธีนี้ช่วยเหลือการกำจัดปลาคาร์ฟเอเชียได้ไม่มากเท่าไรเลย”


 “พวกผมรู้ดีครับ ว่าประสิทธิภาพของการใช้อวนล้อมจับปลานั้น ขึ้นอยู่กับการตรวจหาปลาและทักษะในการดึงแหขึ้นมา แต่ว่า ในเมืองเล็กๆของพวกผมนั้น ทักษะการตรวจหาปลายังมีไม่มากพอ ทำให้ใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวปลาค่อนข้างมาก”


“เพราะที่นี่นั้นพวกเราไม่มีเทคโนโลยีหาปลาและอุปกรณ์จับปลาที่ทันสมัยพอ ดังนั้น การที่ดึงอวนขึ้นมาแล้วมีแต่อวนว่างเปล่านั้นจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้”


 “ในขณะเดียวกัน เนื่องจากการใช้อวนล้อมจับปลานั้นมีวิธีการที่ยุ่งยาก การจะให้ปลาที่เคลื่อนที่อยู่ว่ายมารวมอยู่ในอวนที่มีความยาวและความกว้างที่จำกัดในเวลาอันสั้นนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้น การใช้วิธีนี้มาแก้ปัญหาปลาคาร์ฟเอเชีย จึงไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก“


ฉินสือโอวพูดออกมาเป็นฉากๆ แฮมเล็ตยืนอึ้ง โถเพื่อน พูดอย่างนี้ก็เท่ากับโยนความผิดมาให้ฉันไม่ใช่เหรอ?


ผู้สื่อข่าวหญิงคนนั้นฟังอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นเป็นอย่างนี้ ฉินสือโอวจึงพูดต่อว่า “แต่การที่พวกเราใช้วิธีนี้ในการจับปลา ก็เพราะพวกเราไม่มีทางเลือกครับ เพราะนี่ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่พวกเราทำได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องพึ่งวิธีการปล่อยสารพิษลงในทะเลสาบแทน แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็จะทำให้ปลาท้องที่ได้รับผลกระทบไปด้วย แล้วยังส่งผลต่อน้ำที่ใช้ในการบริโภคของคนในเมืองด้วย ซึ่งคงทำไม่ได้”


 “ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอคะ?” ผู้สื่อข่าวหญิงถามด้วยเสียงเศร้า


ฉินสือโอวพูดว่า “มีอีกวิธีคือใช้ปืนแรงดันน้ำปล่อยคลื่นเสียงให้ฝูงปลาตกใจ ทำให้พวกมันตกใจจนตายไม่ก็ตกใจจนอยู่ไม่เป็นสุข แต่แน่นอนว่าวิธีนี้ค่อนข้างสุดโต่งเกินไป ความจริงผมมีอีกวิธีหนึ่งครับ คุณก็เห็นว่าผมเป็นคนจีน ปลาคาร์ฟเอเชียพวกนี้ คนในประเทศนี้มองพวกมันเป็นตัวทำลาย แต่ในประเทศของผมนั้น กลับเป็นอาหารจานเด็ดที่หาได้ยากมาก”


เหล่าเจ้าหน้าที่รัฐยืนฟังอยู่ข้างๆตลอดเวลา ประเทศแคนาดาเมื่อเทียบกับประเทศจีนแล้ว มีข้อดีในด้านการเมืองอยู่ข้อหนึ่ง ก็คือเจ้าหน้าที่รัฐของพวกเขาค่อนข้างฉลาด เจ้าหน้าที่พวกนี้รับผิดชอบดูแลเรื่องการทำลายระบบนิเวศของปลาคาร์ฟเอเชีย พวกเขาจึงเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับปัญหานี้อยู่แล้ว


ถึงตอนนี้ พอฉินสือโอวพูดถึงวิธีการแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ คุณครับ คุณคือชาวจีนใช่ไหมครับ? พวกเราก็เคยคิดใช้วิธีนี้เหมือนกัน คือนำปลาคาร์ฟเอเชียที่จับได้นั้นแช่แข็งแล้วส่งไปที่ประเทศของคุณ แต่คนในประเทศคุณนั้นกลับชอบกินปลาสด ปลาคาร์ฟเอเชียที่ขนส่งไปนอกจากจะไม่มีการได้เปรียบด้านราคาแล้วยังเป็นแบบแช่แข็งอีก ทำให้ยอดขายย่ำแย่ตลอดมา”


เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ฉินสือโอวยิ้มอย่างได้ใจ แล้วพูดว่า “ในประเทศผมมีคำเก่าแก่อยู่ว่า ‘หากภูเขาไม่เดินมาหา งั้นคุณก็เดินไปหาภูเขาแทนสิ’ ลองคิดอีกแง่หนึ่งครับ คนในประเทศผมชอบกินเนื้อปลาสด งั้นก็ให้พวกเขามาลิ้มรสปลาคาร์ฟเอเชียที่แคนาดาสิครับ ออกโครงการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ให้นักท่องเที่ยวมาทานปลาที่แคนาดา”


เมื่อพูดจบ ฉินสือโอวก็ยักคิ้วให้แฮมเล็ต แอบพูดในใจว่า ตาแก่แฮมสู้เข้าไว้ ฉันช่วยนายได้เท่านี้ล่ะ


แฮมเล็ตเหมือนถูกยกเขาออกจากอก เขาเพิ่งรู้ตอนนี้แหละว่าคำพูดก่อนหน้าของฉินสือโอที่สาธยายต้นเหตุนั้น ก็เพื่อเป็นการปูทางไว้ก่อนนี่เอง เป็นการปูทางให้เปิดโครงการให้เกาะแฟร์เวลกลายเป็นเมืองท่องเที่ยว


เหล่าเจ้าหน้าที่รัฐต่างก็หัวเราะให้กับคำแนะนำของฉินสือโอว นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในแคนาดาจะมีปลาคาร์ฟเอเชียสักเท่าไรกันเชียว? แล้วจะมีนักท่องเที่ยวกี่คนกันที่จะออกนอกประเทศเพียงเพื่อมากินปลา?


แต่ว่า พวกเขาไม่รู้ นี่อาจไม่ได้นำประโยชน์มากมายให้กับประเทศแคนาดาทั้งประเทศ แต่สำหรับด้านการท่องเที่ยวในเกาะแฟร์เวลนี้นั้น ต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน


เรื่องราวก็ได้จบลง เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้สื่อข่าวเริ่มทำการสัมภาษณ์คนอื่นๆ แฮมเล็ตเดินเข้ามาใกล้ฉินสือโอว พูดเสียงเบาว่า “ฉิน นายนี่หัวไวจริงๆ มิน่าถึงมีคนบอกว่าพวกนายคนจีนกับชาวยิวนั้นถูกยกให้เป็นชาติที่ฉลาดที่สุดในโลก ฉันคิดว่านายเหมาะจะเป็นนายกเทศมนตรีมากกว่าฉันนะ”


ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ขอผ่านดีกว่าครับ ผมคิดว่าผมเหมาะกับการเป็นเจ้าของฟาร์มปลามากกว่า”


พูดจบ เขาเห็นนีลเซ็นกำลังแกะอวนแหที่พันกันอยู่ออก จึงกระโดดขึ้นเรือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงโลดโผนว่า “ไปเถอะ เพื่อนฝูง ขึ้นเรือ ทำงานกันต่อ!”


การจับปลาครั้งนี้แม้จะเป็นการแสดงแต่ก็ต้องแสดงต่อให้จบ กระทรวงเกษตรและเจ้าหน้าที่แคนาดาพวกนี้ไม่ได้มาเพียงแค่ดูงานเท่านั้น พวกเขายังต้องทำรายงานสรุปผลจำนวนปลาคาร์ฟเอเชียของเกาะแฟร์เวลที่ถูกจับได้และผลสรุปโดยรวมของโครงการในครั้งนี้ แม้แต่แฮมเล็ตเองก็ต้องเขียนรายงานด้วยเช่นกัน


ฉินสือโอวทำสงครามกับพวกปลาในทะเลสาบเฉินเป่ามาทั้งวันแล้ว จับปลาคาร์ฟเอเชียได้ประมาณสองร้อยกว่าตัว เขาคัดปลาซ่งและปลาค็อดที่รสชาติอร่อยที่สุดออกมาจำนวนหนึ่งนำกลับไปที่ฟาร์มปลา ส่วนปลาอื่นๆเช่นปลาคาร์ฟสีดำ ปลาเฉาฮื้อ และปลาลิ่มล้วนถูกขนขึ้นเรือลำเลียงไป ปลาพวกนี้จะต้องส่งไปให้กับโรงงานผลิตปุ๋ยและโรงงานผลิตอาหารสัตว์ต่อไป


คืนวันที่สอง ฉินสือโอวได้รับโทรศัพท์จากแฮมเล็ต เขานึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นอีกแล้ว แต่แฮมเล็ตกลับบอกให้เขาเปิดช่องออนไลน์ของออตตาวา หลังจากเขาเปิดดู ในช่องกำลังฉายรายการโชว์ที่มีชื่อว่า ‘หนทางของการต่อต้านปลา’


ฟังจากชื่อก็รู้ได้ทันที ว่ารายการนี้กำลังพูดถึงวิธีการและผลสรุปในการกำจัดปลาคาร์ฟเอเชียทั่วแคนาดา แต่ทว่าไม่นาน เขาก็เห็นภาพตัวเองในนั้นด้วย


ฉินสือโอวเป็นหนึ่งในห้าผู้ถูกสัมภาษณ์ที่สำคัญที่สุดในรายการวันนี้ ทางช่องฉายภาพของเขาอยู่ประมาณสองนาทีครึ่ง มีภาพตอนที่เขากำลังจับปลา และก็มีตอนที่เขาถูกสัมภาษณ์โดยผู้สื่อข่าวหญิงคนนั้นด้วย


ตอนนี้ฉินสือโอวดีใจขึ้นมา เขานอนดีอกดีใจอยู่บนโซฟาแล้วคิด ตอนนี้ก็เท่ากับว่าตัวฉันเคยออกทีวีแล้ว ความคิดที่อยากจะเป็นคนอวดตัวเองของเขาก็ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


มีความสุขคนเดียวคงไม่ได้ต้องแบ่งปันความสุขนี้ให้คนอื่นด้วย เขาจึงรีบกรอรายการกลับแล้วอัดเก็บไว้ กะว่าจะส่งไปให้ที่บ้านดู ให้พ่อแม่ได้เห็น ว่าตอนนี้ลูกชายของพวกท่านได้ออกทีวีแล้วนะ


เป็นอย่างที่คิดไว้ วันต่อมาหลังจากเขาส่งวิดีโอให้พี่สาวทางคิวคิว พี่สาวของเขาเปิดให้พ่อแม่ดู คนแก่สองคนที่ดูวิดีโอต่างก็ดีใจจนหุบยิ้มไม่ลงกันเลย


ในสายตาคนแก่นั้น การที่ลูกชายได้ออกทีวีก็เท่ากับว่าเขาประสบความสำเร็จ ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าการได้เป็นเจ้าของฟาร์มปลาอะไรนั่นอีก


แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน คุณชายฉินที่ประสบความสำเร็จแล้วในสายตาพ่อแม่นั้น กลับกำลังทำเรื่องไร้สาระอยู่ นั่นก็คือการเล่นมายากล


ฉินสือโอวเรียกเออร์บัก ชาร์คและคนอื่นๆมาเพื่อจะบอกว่าตัวเองจะเปิดประชุม เมื่อคนมากันครบแล้ว เขาพูดว่า “พวกนายมีใครเล่นมายากลเป็นบ้างไหม? มายากลประเภทที่ว่าเสกดอกกุหลาบออกมาได้ในพริบตาน่ะ?”


ชาร์คถามด้วยท่าทีงุนงงว่า “ผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคุณครับ บอส เสกดอกกุหลาบมาทำไมครับ? แล้วเกี่ยวอะไรกับฟาร์มปลาครับ?”


นีลเซ็นปัดมือแล้วพูดด้วยท่าทีเซ็งๆว่า “นายต้องหัดใช้สมองคิดเสียบ้าง เพื่อนฝูง เห็นได้ชัดเลยว่าบอสอยากจะจีบสาว”


ฉินสือโอวทำหน้าเขินแล้วยิ้ม ใช่แล้ว เขากะจะเซอร์ไพรส์วินนี่


ชาร์คถึงบางอ้อเลยทันที พูดว่า “เป็นอย่างนี้นี่เอง งั้นคุณต้องถามฮิวจ์คนน้องครับ หมอนั่นต้องรู้เรื่องพวกนี้แน่นอนครับ ขอแค่เป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขารู้ทุกเรื่องอยู่แล้ว”


เมื่อได้ยินเช่นนี้ เออร์บักและคนอื่นๆก็หัวเราะกันขึ้นมา และเห็นด้วยกับคำพูดของชาร์ค “ใช่แล้ว ฮิวจ์คนน้องเป็นพวกอัจฉริยะด้านเรื่องไร้สาระ เรื่องทำนองนี้เขาชำนาญทุกเรื่องแน่นอน”


ฉินสือโอวไปหาฮิวจ์คนน้อง เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ฮิวจ์คนน้องฟังแล้วก็หัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ง่ายมากเลย ฉิน ตามฉันมา ฉันจะสอนนายให้เป็นในวันเดียวเอง”


…………………………………………………..


บทที่ 191 เฮ้ หวานใจ

โดย

Ink Stone_Fantasy

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ถึงวันหยุดของวินนี่แล้ว เธอนั่งเครื่องบินมาลงที่โทรอนโต หลังจากไฟลท์นี้แล้ว เธอก็จะมีวันหยุดถึงสิบวัน


หลังจากยิ้มส่งผู้โดยสารลงเครื่องแล้ว วินนี่รู้สึกโล่งใจ เก็บของลงกระเป๋าสัมภาระอย่างดีใจ


แอร์โฮสเตสผมทองคนหนึ่งเดินเข้ามาลูบไปที่สะโพกของเธอ แล้วพูดแหย่เธอว่า “คุณหัวหน้า ดูสีหน้าท่าทางคุณสิ หวานเสียจนแทบจะหยดลงมาเป็นน้ำผึ้งแล้ว นี่คือจะหยุดพักร้อนหรือไปหาแฟนกันแน่คะ?”


 “คาร์ลี่ คำพูดนี้ของเธอฟังดูน่าขันจริง ทั้งสองอย่างนี้จะเกิดพร้อมกันไม่ได้เหรอ?” แอร์โฮสเตสอีกคนก็พูดขึ้น


วินนี่ผลักคาร์ลี่ออก พูดเสียงแข็งว่า “สาวๆ ทั้งหลาย รีบเก็บของไปพักผ่อนกันได้แล้ว ทุกครั้งที่บินเสร็จพวกเธอก็เอาแต่บ่นว่างานหนักไปไม่ใช่เหรอ? ทำไมครั้งนี้ถึงดูสบายๆ จัง?”


คาร์ลี่รู้นิสัยใจคอของวินนี่ดี พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ปกติก็ชอบคุยเล่นกันอยู่แล้ว เธอจึงกอดไปที่เอวบางๆของวินนี่แล้วถามต่อว่า “พวกเราไม่กลับหรอก บอกมาเถอะค่ะ คุณผู้หญิง พูดความจริงมา คุณมีแฟนตั้งแต่เมื่อไรกันคะ?”


แอร์โฮสเตสอีกคนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ว้าว พระเจ้า เจ้าหญิงวินนี่ผู้มีหัวใจอันบริสุทธิ์ของพวกเราก็มีวันที่หวั่นไหวด้วยเหรอ? งั้นฉันต้องดูหน่อยแล้ว ว่าผู้ชายแบบไหนกันที่สามารถเอาชนะใจที่แข็งเหมือนน้ำแข็งของเธอได้?”


 “ฉันเดาว่าต้องเป็นดาราชายที่หน้าตาหล่อคนหนึ่งแน่ เหมือนออร์แลนโด บลูมไง”


ออร์แลนโด บลูมก็คือหนุ่มหล่อที่รับบทเป็นเอลฟ์หน้าหล่อในหนังเรื่อง ’ลอร์ดออฟเดอะริง’ ในแคนาดานั้นเขาดังเรทติ้งพุ่งแรงมากเลยทีเดียว


 “ความหล่อจะมีประโยชน์อะไร สามารถกินแทนข้าวได้เหรอ? ฉันเดาว่าต้องเป็นเศรษฐีหนุ่มอย่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก!”


มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กคือผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กที่มีชื่อเสียง เป็นหนุ่มโสดที่มีชื่อเสียงจากอเมริกาเหนือ และยังเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ด้วย


เพียงครู่เดียว เหล่าแอร์โฮสเตสก็แบ่งกันเป็นสองฝ่าย ต่างถกกันเรื่องเป็นแฟนหนุ่มหน้าตาดีหรือรวยกันแน่


วินนี่ยิ้มแล้วส่ายหัว เธอเก็บของเสร็จ ก็ลากกระเป๋าเดินทางสีฟ้าเดินลงเครื่องบิน จากนั้นก็โบกมือลาเพื่อนร่วมงานที่กำลังถกกันอยู่ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สาวๆ ไปก่อนนะ ไม่ต้องคิดถึงฉันมากล่ะ อีกอย่าง ฉันขออวยพรให้พวกเธอได้เจอเจ้าชายขี่ม้าทองคำในเร็ววัน”


เธอเดินสง่างามออกมาจากสนามบิน เพิ่งถึงประตูทางออก ก็มีคนหนุ่มหน้าตาดีสวมเสื้อนอกอามานี่เดินเข้ามาทักทายอย่างมีมารยาท ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ พูดว่า “สวัสดีครับ คุณวินนี่ ไม่ทราบว่าคุณจะไปไหนครับ? ถ้าไม่รังเกียจขอผมไปส่งคุณได้ไหมครับ?”


วินนี่ยิ้มเบาๆ แล้วพูดแก้ให้ว่า “สวัสดีค่ะ คุณ เรียกดิฉันว่า ’คุณเซโรวา’ ค่ะไม่ใช่ ’คุณวินนี่’ ดิฉันขอบคุณในน้ำใจค่ะ แต่ฉันคิดว่าเราคงไม่ได้ไปทางเดียวกันหรอก”


 “คุณจะไปไหนครับ? เว้นแต่ว่าคุณจะไปสวรรค์ ไม่งั้นผมว่าเราน่าจะไปทางเดียวกันนะครับ” ชายคนนั้นยิ้มอย่างมั่นใจแล้วพูด ชูมือขึ้นมาสะบัดทีหนึ่ง แกว่งกุญแจรถพอร์ชไปมา


วินนี่ยักไหล่ หัวเราะฮิฮิว่า “น่าเสียดายนะคะ ฉันจะไปสวรรค์ของฉันค่ะ”


พูดจบ เธอก็เร่งฝีเท้าเดินออกจากประตูทางออกทันที ตอนนี้นั่นเองก็มีคนเสียงตะโกนเรียกเธอดังขึ้นมาว่า “เฮ้ หวานใจ ทางนี้”


วินนี่กวาดสายตามองไปในกลุ่มคน มองหาเสียงเรียก แล้วใบหน้าเรียวสวยนั้นก็เผยสีหน้าความประหลาดใจออกมา


ชายหนุ่มคนเมื่อกี้ยังตามหลังมา พอเขาเดินออกประตูมาก็เห็นหนุ่มชาวจีนคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนกำลังชูกระดาษขาวใบหนึ่งอยู่ บนกระดาษมีชื่อที่เขียนด้วยปากกาว่า ‘วินนี่ เซโรวา’ เมื่อคิดย้อนกลับไปตอนหนุ่มคนจีนคนนี้เรียกชื่อวินนี่บวกกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปของวินนี่แล้ว เขาก็พอเข้าใจสถานการณ์แล้ว จึงได้แต่ส่ายหัวอย่างหมดหวังแล้วจากไป


วินนี่เดินย่ำรองเท้าส้นสูง ’ตึกๆ’ รีบเดินเข้าไปหาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า  “ถือว่าคุณเป็นคนดีนะ มารับฉันถึงโทรอนโตเลย”


ฉินสือโอวส่ายกระดาษในมือไปมา แล้วพูดว่า “แน่นอน….”


เขาเพิ่งพูดจบ กระดาษในมือก็เกิดไฟลุกขึ้นมา วินนี่ตกใจสุดขีด เมื่อตั้งตัวไปจึงรีบยื่นมือไปช่วยดับเปลวไฟในมือของเขา ตะโกนว่า “พระเจ้า รีบทิ้งมันเร็ว…..”


ฉินสือโอวยิ้มเบาๆ เขาดีดนิ้วทีหนึ่ง ทันใดนั้นเปลวไฟก็หายไป กลายเป็นดอกกุหลาบดอกหนึ่งขึ้นมากกลางเปลวไฟที่อยู่บนมือแทน ราวกับว่าดอกกุหลาบนั้นถือกำเนิดขึ้นมาจากเปลวไฟอย่างไรอย่างนั้น


ดอกกุหลาบดอกนี้ไม่ใช่ดอกกุหลาบสีแดงหรือสีน้ำเงินทั่วไป แต่เหมือนเป็นสายรุ้งที่หมุนวนอยู่รอบๆ แต่ละกลีบจะมีสีไม่เหมือนกัน มีสีตั้งแต่สีแดงสดไล่สีไปเป็นสีเหลืองและสีเขียวไล่สีไปเป็นสีฟ้าและสีม่วง เป็นดอกไม้สายรุ้งราคาแพงจากฮอลแลนด์ที่ฉินสือโอวตั้งใจซื้อมา


 “ดอกนี้ให้คุณ” ฉินสือโอวพูดพร้อมรอยยิ้ม


วินนี่ดึงมือกลับมาปิดปาก เธออึ้งมองฉินสือโอวด้วยความประหลาดใจ ฉินสือโอวยื่นดอกไม้มาตรงหน้าเธอ เธอถึงจะรับมันมา ปิดตาสูดหายใจลึกๆ แล้วพูดอย่างดีใจว่า “ว้าว หอมมากเลย!”


กุหลาบสีรุ้งคือกุหลาบที่คนดัดแปลงโดยการเติมสีลงไประหว่างปลูก โดยใช้ดอกกุหลาบขาวเป็นสีพื้น ระหว่างปลูกก็ฉีดพวกแอนโทไซยานิน แคโรทีน และคลอโรฟิลล์(สีสำหรับฉีดให้พืชเพื่อให้มีสีสันสวยงาม) หลังจากสีทั้งสามมีการรวมสีกันแล้ว ก็จะได้สีสันที่หลากหลายอย่างที่เห็นอยู่นี้


มือข้างหนึ่งของฉินสือโอวช่วยวินนี่ลากกระเป๋า อีกข้างโอบกอดเธอไว้ ผู้คนรอบๆต่างก็พากันปรบมือ ยังมีคนผิวปากชื่นชมด้วย


แต่ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนรีบวิ่งเข้ามา หนึ่งในนั้นยังถือถังดับเพลิงมาด้วย


ชายแก่ผิวขาวคนหนึ่งที่ยืนข้างฉินสือโอวพูดแหย่เขาว่า “ไอ้หนุ่ม ดอกกุหลาบในเปลวไฟน่ะโรแมนติกก็จริง แต่ว่าก็สร้างปัญหาใหญ่ด้วยนะ”


เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งเข้ามา ถามอย่างตื่นตระหนกว่า “ไฟล่ะครับ? ตรงไหนที่ไฟไหม้?”


ฉินสือโอวเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองก่อเรื่องเข้าให้แล้ว เขาลืมเรื่องกฎเรื่องความปลอดภัยของสนามบินแคนาดาไปเสียสนิท แล้วรีบอธิบายว่า “ใจเย็นครับ ใจเย็น เพื่อนฝูง ไม่มีไฟไหม้หรอกครับ แหะๆ ก็แค่เมื่อกี้ผมไม่ทันระวังเลยทำให้ไฟไหม้กระดาษครับ”


วินนี่ก็ช่วยเขาอธิบาย อาการตื่นตระหนกของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงคลายลง เพราะวินนี่นั้นถือว่าเป็นแอร์โฮสเตสที่โดดเด่นของสายการบินแคนาดา เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างก็รู้จักเธอ


เจ้าหน้าที่คนหนึ่งทำความเข้าใจกับสถานการณ์สักพัก เขาเห็นดอกกุหลาบในมือวินนี่ แล้วหันไปพูดกับฉินสือโอวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “คุณครับ ตอนนี้คุณได้ฝ่าฝืนกฎการรักษาความปลอดภัยของทางสนามบิน รบกวนไปกับเราเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยครับ”


ฉินสือโอวยิ้มแหยทีหนึ่ง จำใจเดินตามไป เจ้าหน้าที่อีกคนที่อายุน้อยกว่าเดินอยู่ข้างหลัง แล้วพูดอธิบายกับเขาเสียงเบาว่า “คุณครับ เชิญคุณให้ความร่วมมือกับเราเถอะครับ ใครใช้ให้คุณเอาชนะใจ ‘เจ้าหญิงแห่งแคนาดาแอร์ไลน์’ของเราไปกันล่ะ? วินนี่เป็นหญิงในฝันของหนุ่มโสดทุกคนที่นี่เลยนะครับ”


ฉินสือโอวพูดกับวินนี่ว่า “ดูสิ คุณทำให้ฉันติดร่างแหไปด้วย”


วินนี่แลบลิ้นใส่เขา แล้วพูดอย่างได้ใจว่า “ใครใช้ให้คุณเล่นไฟในสนามบินกัน? อ้อ คุณทำอย่างไรถึงทำให้ดอกกุหลาบผุดออกมาจากเปลวไฟได้คะ?”


นี่ก็คือมายากลเล็กๆน้อยๆที่เขาตั้งใจไปเรียนกับฮิวจ์คนน้องมา วิธีการง่ายมาก เริ่มจากห่อดอกกุหลาบให้เรียบร้อยแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นมัดด้ายที่มองไม่เห็นมัดไว้ตรงหัวท้ายของดอกไม้ แล้วก็มัดปลายเชือกอีกด้านไว้ที่แหวนที่อยู่บนมืออีกข้าง


เมื่อถึงตอนที่ไฟกำลังลุก ความสนใจของวินนี่ก็จะอยู่ที่เปลวไฟ เวลานี้เขาก็รีบกระตุกเชือก ให้ดอกกุหลาบเด้งออกมาแค่นี้ก็ได้แล้ว แม้ทฤษฎีจะฟังดูง่าย แต่ต้องแสดงสีหน้าให้แนบเนียน และต้องไว ฉินสือโอวใช้เวลาสี่ห้าวันถึงจะสามารถทำได้อย่างตอนนี้


การตรวจสอบค่อนข้างเรียบง่าย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาเขาไปที่สถานีตำรวจในสนามบิน ฉินสือโอวบอกไปว่าตัวเองไม่ทันระวังจึงจุดไฟไปที่กระดาษ วินนี่เป็นพยานให้เขา เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัติประกันสังคม ประวัติการเสียภาษีและประวัติอาชญากรรมของฉินสือโอว จากนั้นก็ปล่อยเขากลับ


ในบรรดาประวัติพวกนี้ ประวัติที่มีประโยชน์ที่สุดก็คือการที่ฉินสือโอวเคยบริจาคเงินให้กับงานการกุศลที่เหล่าดารามารวมตัวจัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นมะเร็งสมองในบอสตัน ประวัติการบริจาคเงินในครั้งนั้นได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติการตรวจสุขภาพของเขาด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เห็นอย่างนี้ก็คงไม่มีอะไรให้พูดแล้ว


ฉินสือโอวไม่มีใบขับขี่ ขับรถเองไม่ได้ จึงเรียกรถไปส่งที่โรงแรม


………………………………………………


บทที่ 192 วิถีของวินนี่

โดย

Ink Stone_Fantasy

เนื่องจากวินนี่เพิ่งบินมาจากไฟล์ต่างประเทศ ฉินสือโอวอยากให้เธอได้พักผ่อนก่อนสักคืนหนึ่งจึงยังไม่ได้พาเธอกลับเซนต์จอห์น


ช่วงกลางคืนที่โทรอนโต พวกเขาไปเที่ยวที่ถนนคนเดินย่านคนจีนกัน


ย่านคนจีนในโทรอนโตนั้นโด่งดังมาก ได้มีการก่อตั้งตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 จนในตอนนี้ได้กลายเป็นย่านคนจีนที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือแล้ว และไม่ได้มีเพียงแค่ถนนเส้นหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้


แต่ว่า ผู้คนที่นี่ไม่ได้มีเพียงคนจีนเท่านั้น ยังมีคนสิงคโปร์ คนเวียดนาม คนเกาหลี และคนญี่ปุ่นมากมายมาอยู่อาศัยและทำการค้าขาย ที่นี่คือที่ที่ลิ้มรสอาหารเอเชียได้ดีที่สุด ในเขตนี้เต็มไปด้วยร้านค้าและตลาดผักสดที่มีความเอกลักษณ์ของทวีปเอเชีย นอกเหนือจากคนผิวขาวที่อยู่น้อยคนแล้ว คนส่วนมากที่นี่จะใช้ภาษาจีนแมนดารินที่ออกเสียงไม่ค่อยชัดในการสื่อสาร


ฉินสือโอวเริ่มจากซื้อพุทราเชื่อมให้วินนี่สองไม้ ราคาแพงมาก หนึ่งไม้มีราคาถึง 4. 2 ดอลลาร์แคนาดาเลยทีเดียว วินนี่ลองกินไปลูกหนึ่ง ตาของเธอหยีจนกลายเป็นรูปจันทร์ครึ่งเสี้ยว พูดพร้อมรอยยิ้มอย่างพอใจว่า “รสชาติเปรี้ยวๆหวานๆ อร่อยมากเลย”


ฉินสือโอวก็ชิมบ้างอย่างคาดหวัง อร่อยที่ไหนกัน น้ำเชื่อมหวานเกินไป แถมพุทรายังไม่ได้เลาะเม็ดออกด้วย เขาอยากจะพูดอวดว่าพุทราเชื่อมที่บ้านเกิดเขานั้นอร่อยแค่ไหน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนเด็กวินนี่เคยอาศัยอยู่ที่ปักกิ่งถึงสิบปี เมื่อกี้ที่บอกว่าพุทราเชื่อมอร่อย น่าจะเป็นเพราะอยากเอาใจเขามากกว่า


เมื่อคิดได้อย่างนี้ เขาจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไร


ถนนคนเดินที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศสไตล์จีน มีขายขนมสายไหมด้วย ฉินสือโอวซื้อมาสองลูก วินนี่น่าจะไม่เคยกินมาก่อน เพราะตามข้างทางในเมืองปักกิ่งนั้นไม่ค่อยมีขายเจ้าสิ่งนี้


วินนี่ถามเขาว่ากินยังไง เขาสอนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองดูวินนี่แลบลิ้นสีแดงชุ่มฉ่ำนั้นเลียไปที่สายไหม แล้วเผยรอยยิ้มน่ากลัวออกมา ถามว่า “นี่เรียกว่าอร่อยเหรอ?”


ทั้งสองต่างก็เป็นผู้ใหญ่ทั้งคู่ วินนี่นั้นได้มีโอกาสพบคนมากหน้าหลายตามากกว่าชายที่ขลุกอยู่กับที่อย่างเขาเยอะ แค่เห็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยนัยยะของฉินสือโอวแล้วมีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าหมายความว่าอะไร? เธอจ้องมาที่เขา หัวเราะฮิๆแล้วพูดว่า “เยี่ยมมาก อร่อยมากเลย คุณลองชิมดู”


ฉินสือโอวก้มหัวลงกำลังจะเลีย วินนี่ดันสายไหมไปด้านหน้า สายไหมทั้งก้อนติดอยู่บนหน้าเขา จากนั้นเธอก็หัวเราะแล้ววิ่งหนีไป


ทั้งสองคนเดินเล่นหยอกล้อกันบนถนน จนคุณลุงคุณป้าที่ตั้งแผงขายของอยู่ข้างทางเห็นแล้วยังยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู วัยหนุ่มสาวนี่ดีจริงๆเลย


มื้อค่ำวันนี้จบที่ร้านอาหารเวียดนามร้านหนึ่ง ฉินสือโอวไม่เคยทานอาหารเวียดนามมาก่อน วินนี่จึงแนะนำให้เขาลองชิมดู


ภายใต้คำแนะนำของพนักงาน ฉินสือโอวได้ลองอาหารเลิศรสของเวียดนามเช่น ปูผัดผงกะหรี่ ต้มแซ่บสไตล์เวียดนาม บะหมี่เนื้อสด และสลัดกุ้ง รสชาติออกไปทางเปรี้ยวเผ็ด ค่อนข้างถูกปากเขาเลยทีเดียว


พอตกกลางคืนฉินสือโอวกำลังสงสัยอยู่ว่าจะมีโอกาสได้นอนห่มผ้าผืนเดียวกันกับวินนี่หรือเปล่า แต่พอถึงโรงแรม วินนี่โบกมือแล้วพูดมาว่า ‘ขอให้ฝันดี’ จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆเข้าห้องตัวเองแล้วล็อกห้องทันที


ฉินสือโอวแบกหน้าตัวเองไปเคาะห้องบอกว่าพวกเรามาคุยกันสักพักค่อยนอนเถอะ วินนี่กลับตอบมาเพียงว่าเธอง่วงมากแล้ว จากนั้นก็เงียบไปเลย


คุณชายฉินยังคงคิดอยากจะลองดูอีกสักตั้ง แต่กลับมีเด็กสองคนที่อยู่ห้องข้างๆตัวพิงประตูแล้วมองมาที่เขาอย่างใคร่รู้ เขารู้สึกอายหน้าแดงขึ้นมา จึงรีบเดินดุ่มๆเข้าห้องตัวเองที่อยู่ตรงข้ามทันที


วินนี่ที่แอบมองอยู่ตรงตาแมวตลอดเวลายักคิ้ว แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงพร้อมความรู้สึกที่โล่งใจแต่ก็แอบเสียดาย


เช้าวันที่สองหลังทานอาหารเช้าแล้ว ทั้งสองคนนั่งเครื่องบินกลับไปที่เซนต์จอห์น จากนั้นก็ตรงไปฟาร์มปลา


กลับฟาร์มปลามาครั้งนี้ ห่างจากครั้งที่แล้วที่มาก็เดือนกว่าๆแล้ว ฟาร์มปลาในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ท่าเรือที่เคยเป็นแค่ท่าเล็กๆตอนนี้ได้กลายเป็นท่าเรือใหญ่สองท่าแล้ว ท่าเรือตั้งอยู่บนทะเลลึก เหมือนกับว่าฟาร์มปลากำลังยื่นแขนออกไป โอบกอดทั้งทะเล และผู้มาเยือน


ตอนนี้งานก่อสร้างท่าเรือใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว กำแพงท่าเทียบเรือถือได้ว่าสร้างเสร็จแล้ว เพราะเหลือก็เพียงแต่ทำความสะอาดเท่านั้น ส่วนท่าเทียบเรือบล็อกคอนกรีตตอนนี้ได้วางบล็อกฐานเสร็จแล้ว เหลือก็เพียงแต่ปูพื้นไม้ไว้ด้านบนก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้น


พื้นที่รกร้างทั้งสองด้านของประตูทางเข้าตอนนี้ก็กลายเป็นสวนผักและสวนผลไม้ พื้นที่ทั้งสองด้านของประตูนั้นแต่ละด้านเต็มไปด้วยสวนผักขนาดประมาณสองเอเคอร์ ละลานตาไปด้วยผักทั้งสีเขียวและสีเหลืองที่โตวันโตคืนอย่างน่าประทับใจ ด้านหลังนั้นคือไม้พุ่มและต้นผลไม้ บนต้นผลไม้นั้นมีทั้งลูกสาลี่ แอปเปิลแดง และแอปเปิลออกลูกเต็มต้น ถึงแม้ว่าจะยังกินไม่ได้ แต่ว่ามีจำนวนไม่น้อยเลย การเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นต้องออกมาดีมากแน่ๆ


ฉินสือโอวพาวินนี่ไปที่ชายหาด ตัวที่รีบวิ่งมาก่อนใครเลยคือหู่จือกับเป้าจือ พอพวกนั้นเห็นวินนี่ก็รีบย่ำอุ้งเท้าปรี่เข้ามาหา เก็บหูใบใหญ่ไว้ด้านหลังแล้วอ้าปากร้องโฮ่งๆอย่างดีอกดีใจ หางก็กระดิกไปมาอย่างรวดเร็ว


เมื่อได้เห็นแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์สองตัวที่โตวันโตคืน วินนี่สะบัดมือที่โอบฉินสือโอวออก วิ่งไปกอดเจ้าสองตัวนั้นทั้งจูบ ทั้งลูบ แล้วพูดอย่างดีใจว่า “พระเจ้า เด็กๆของฉันโตขนาดนี้แล้วเหรอนี่? พวกนายโตไวกันจริง! หู่จือ สวัสดี นายคิดถึงฉันบ้างไหม? เป้าจือ หยุดเลียหน้าฉันได้แล้ว ฉันแต่งหน้าอยู่ มันมีสารพิษนะ…..”


ฉงต้าวิ่งหอบเฮือกๆเข้ามา มีต้าป๋ายเกาะอยู่บนหลังของมัน ส่วนเจ้ากระรอกน้อย เพราะอยู่กับฉงต้ามานานก็เริ่มขี้เกียจเหมือนฉงต้าแล้ว ปกติไม่ว่าไปไหน หากว่าเป็นทางเดียวกับที่ฉงต้าไป มันก็จะเกาะอยู่บนตัวฉงต้าแทน


วินนี่ที่เห็นหมีสีน้ำตาลตัวอ้วนกลม ตาก็เป็นประกายส่องสว่างราวกับแสงหลอดไฟ อ้าแขนออกอยากจะไปกอดมัน


แต่ฉงต้ากลับจ้องไปที่กระเป๋าในมือของฉินสือโอว มันเดาว่าข้างในต้องเป็นของกินแน่นอน จึงสะบัดวินนี่ออกอย่างแรงเพื่อไปดึงลากกระเป๋าใบนั้น


ฉินสือโอวอยากให้มันอยู่นิ่งๆในอ้อมกอดของวินนี่ จึงเปิดกระเป๋าให้มันดู แล้วอธิบายว่า “เจ้าตัวตะกละ วันๆเอาแต่กิน ดูสิ นายดู ข้างในนี้มีของกิน…ที่ไหน…”


คำพูดสุดท้ายเปล่งออกมาค่อนข้างลำบาก เพราะพอกระเป๋าเปิดออก ก็ได้เผยให้เห็นชุดชั้นในสีดำกับขาวสองชุดข้างใน แล้วยังมีถุงน่องสีดำกับสีเนื้อที่วางยุ่งเหยิงอยู่อีก สรุปคือเต็มไปด้วยเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวของวินนี่ทั้งนั้น


วินนี่จ้องเขม็งไปที่ฉินสือโอว เขาลุกลี้ลุกลนรีบปิดกระเป๋า แล้วอธิบายว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันแค่อยากให้ฉงต้าดูว่าข้างในมีอะไรเท่านั้น”


 “คุณเองก็อยากดูด้วยใช่ไหมล่ะ?” วินนี่มองเขาอย่างสงสัย แล้วพูดหยอกต่อว่า “คุณผิดหวังเพราะไม่มีของปลุกอารมณ์เลยใช่ไหม?”


ฉินสือโอวคิดในใจว่าแค่ชุดชั้นในลูกไม้กับถุงน่องของเธอก็ทำปลุกอารมณ์ฉันได้แล้ว แต่คำพูดนี้พูดไม่ได้เด็ดขาด เขาจึงพูดออกไปอย่างเขินอายว่า “ก็มีผิดหวังบ้าง แล้วคุณได้เอาชุดยูนิฟอร์มแอร์โฮสเตสมาด้วยไหม?”


วินนี่ไม่สนใจเขา อุ้มฉงต้าขึ้นมาแล้วจับไปที่หูกลมๆขนฟูใบเล็กของมัน


หูของหมีสีน้ำตาลนั้นเป็นส่วนที่น่าเล่นที่สุดของพวกมัน เพราะมันก็คือก้อนเนื้อที่ปกคลุมไปด้วยขนอันนุ่มนิ่ม จับแล้วรู้สึกนุ่มลื่นมาก แถมในฤดูหนาวยังอุ่นมากด้วย


ฉงต้ายังไม่หยุดสะบัดตัว ฉินสือโอวลากมันมาแล้วตบไปที่ก้นมันทีหนึ่ง แล้วพูดสั่งสอนมันว่า “เป็นเด็กดีหน่อย ทำไมนายถึงไม่ไว้หน้าฉันบ้างเลยนะ?”


วินนี่หัวเราะฮิฮิ แล้วพูดว่า “ฉิน ออกแรงตีมันเลย ทำให้ต่อไปมันแค่เห็นหน้าคุณก็กลัวแล้ว แบบนั้นคุณคงมีความสุขแน่เลย”


ฉินสือโอวเก็บมือออกมาอย่างไม่มีทางเลือก แล้วพูดว่า “ฉันอยากจะเล่นเป็นตำรวจเลวแล้วให้คุณเป็นตำรวจดีไง”


วินนี่ดึงฉงต้าขึ้นมา แล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นเลย อีกหน่อยถ้าฉันได้ใช้ชีวิตกับเจ้าหมีหวานใจฉันตัวนี้ มันก็จะยอมรับฉันเองแหละ”


ความจริงแล้วไม่ต้องถึงขั้นใช้ชีวิตด้วยกันหรอก พอถึงบ้านพัก หลังจากวินนี่ให้ฉงต้ากินผลไม้ราดน้ำเชื่อมแล้ว ฉงต้าก็มีความสุขเดินตามหลังเธอติดๆแล้ว


เออร์บักที่กลับมาจากการแช่น้ำร้อน ได้เจอกับวินนี่ที่เพิ่งออกมาจากห้องครัว ใบหน้าเรียวสวยของวินนี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแจ่มใส แล้วพูดอยากนุ่มนวลว่า “คุณลุงเออร์ ฉันได้ยินฉินบอกว่าช่วงนี้สุขภาพคุณแข็งแรงดี ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆค่ะ ขอให้คุณสุขภาพแข็งแรงแบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ”


 “ขอบคุณคำอวยพรของเธอนะ เด็กน้อย” เออร์บักพูดพร้อมเสียงหัวเราะเหอๆ


อากาศร้อนมาก หู่จือและเป้าจือวิ่งตามวินนี่ไปมาไม่หยุด พอวินนี่นั่งลงเท่านั้น พวกมันสองตัวก็เริ่มแลบลิ้นแล้วหายใจหอบกันไม่หยุด


วินนี่ยื่นมือลูบไปที่รักแร้ของพวกมัน พูดกับฉินสือโอวว่า “ฉิน บ้านคุณมีกรรไกรหรือมีดโกนไหมคะ?”


ฉินสือโอวถามอย่างงุนงง “ทำไมเหรอ?”


วินนี่ให้เขาลูบไปที่ขาหน้าหลังและท้องของพวกมันแล้วพูดว่า “อากาศร้อนอย่างนี้ ร่างกายพวกมันระบายความร้อนไม่ทัน คุณต้องตัดขนให้พวกมันด้วย ในหน้าร้อนนั้นไม่ควรให้สุนัขพันธุ์แลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ไว้ขนยาวขนาดนี้นะคะ”


…………………………………………………..

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)