ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1878-1885

 ตอนที่ 1878 เคราะห์ร้ายที่หนีไม่พ้น


อากาศร้อนเกินไป คุณพ่อสวีถูกหามไปเผาที่ลานเผาศพในวันนั้นทันที ขามายังมีชีวิตดี ๆอยู่เลยแต่ตอนนี้กลับเหลือเพียงเถ้ากระดูก เฮ้อ!


“สวีจื่อเซวียนตอนนี้เป็นไงบ้าง? มาเรียนไม่ได้แล้วจริง ๆเหรอ?”


ขณะที่ทานอาหารมื้อเที่ยงที่โรงอาหารฉีฉีเก๋อถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ หลังจากเกิดเรื่องคุณพ่อสวีสวีจื่อเซวียนก็ไม่ปรากฏตัวอีก และไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง


“ประกาศไล่ออกไปแล้วทางมหาวิทยาลัยจะให้เธอกลับมาเรียนได้ยังไงล่ะ? ถ้าเธออยากเรียนต่อมีแค่วิธีเดียวก็คือเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกรอบ” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทานผักคำโต หลายวันนี้เธอแทบไม่ได้ทานเนื้อ ทานแต่ผักทุกวัน


เหมยเหมยรู้ว่าผู้หญิงคนนี้อารมณ์ไม่ดีเพราะการตายของคุณพ่อสวี ความจริงเธอเองก็ไม่ได้อารมณ์ดีไปกว่ากันเท่าไรนักหรอก หลายวันนี้รู้สึกหนักอึ้งมาตลอด


“งั้นก็ต้องรอปีหน้า สวีจื่อเซวียนมีพื้นฐานดี ถ้าสงบจิตสงบใจตั้งใจอ่านหนังสือดี ๆ รอสอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงใหม่ก็ไม่มีปัญหาหรอก”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเคี้ยวผักอีกคำหนึ่งแล้วแค่นเสียงหัวเราะทีหนึ่ง “ถึงอย่างนั้นก็ต้องดูว่าตัวเธอเองอยากเรียนหรือเปล่า เพราะตอนนี้คิดแต่อยากจะเป็นคุณนายเจียง จะสงบจิตสงบใจอ่านหนังสือได้เหรอ?”


คนที่น่าสงสารที่สุดคงเป็นคุณพ่อสวีที่ต้องมาเสียชีวิตเพราะลูกสาวอกตัญญูแบบนี้ แล้วยังไม่ได้ผลประโยชน์อะไรอีกต่างหาก!


ทั้งสามคนถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงแล้วส่ายหน้าหมดความอยากอาหารไปโดยปริยาย


แม้แต่ฉีฉีเก๋อที่ปกติเจริญอาหารที่สุดตอนนี้ก็ทานอาหารไม่ลง เธอทิ้งช้อนลงอย่างหงุดหงิดแล้วเอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า “ถ้าวันนั้นฉันไม่พูดแบบนั้นคุณลุงสวีอาจจะไม่ตายใช่ไหม?”


“อย่าคิดเหลวไหลไปเลย ต่อให้เธอไม่พูดคุณลุงสวีก็ต้องได้ข่าวจากที่อื่นอยู่ดี เคราะห์ร้ายนี้เขาหนีไม่พ้นหรอก” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนพูดเสียงเอื่อยตอบ


สวีจื่อเซวียนก็คือตัวเคราะห์ร้ายในชีวิตของคุณพ่อสวีที่ฟ้ากำหนดชะตามาแล้วว่าเขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของลูกสาวแท้ ๆตัวเอง ไม่ว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้น!


ฉีฉีเก๋อกลับยังทำใจไม่ได้พลางทานข้าวไปคำแล้วคำเล่า กระทั่งจู่ ๆเอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันอยากไปไหว้คุณลุงสวี แบบนี้ฉันจะได้รู้สึกดีขึ้นสักนิด”


“ฉันไปด้วย รู้สึกเหมือนมีตราชั่งถ่วงที่ใจเลย อึดอัดจะแย่!”


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนทิ้งช้อนลงทันที มีแต่รสชาติเหม็นเขียวในปาก ไม่ทานแล้ว!


คุณพ่อสวีถูกฝังอยู่ในสุสานของเมืองหลวง จากแหล่งข่าวของเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนได้ยินมาว่าความจริงบ้านเกิดของคุณพ่อสวีอยู่ทางตอนเหนือแต่คุณแม่ของสวีจื่อเซวียนกลับมาจากเมืองเล็ก ๆทางตอนใต้ เพราะความรักจึงทำให้คุณพ่อสวีไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดของภรรยาแต่สุดท้ายกลับแยกทางกัน


นอกจากนี้บ้านของคุณพ่อสวีก็ไม่มีญาติพี่น้องคนอื่นอีก เหลือเพียงเขาคนเดียว ฉะนั้นสวีจื่อเซวียนจึงฝังคุณพ่อสวีไว้ในเมืองหลวงอย่างที่คุณพ่อสวีเคยวาดฝันว่าอยากมาใช้ชีวิตที่นี่มากที่สุด


พวกเหมยเหมยซื้อดอกเบญจมาศสีขาว ส่วนเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่รู้ว่าไปเอาธูปเทียนมาจากไหน รวมถึงกงเต๊กที่หอบมาเป็นถุงใหญ่


“แหะ ๆ เผาเยอะ ๆไว้ให้ลุงสวีมีใช้ในอีกโลกเยอะ ๆ ชาติหน้าจะได้เกิดใหม่มีชีวิตที่ดีนะคะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนลูบจมูกอธิบาย เธอค่อนข้างงมงายเรื่อพวกนี้เลยต้องเผากงเต๊กให้บรรพบุรุษเป็นถุงกระสอบใหญ่ในทุกงานประเพณีเพื่อความสบายใจ


ลุงเหลาขับรถพาพวกเธอไปที่สุสานซึ่งเจียงจื้อหรู่เป็นคนหาสุสานนี้เอง สุสานเขาชุ่ยหลงนับว่าเป็นสุสานที่ค่อนข้างดูดีในเมืองหลวงและราคาไม่ถูกเลย


“เจียงจื้อหรู่มีเงินอยู่นี่นา สุสานที่นี่ถูกสุดก็ตั้งหลายพันเลยนะ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเอ่ย


เหมยเหมยใจกระตุกวูบ เจียงจื้อหรู่ไม่มีทางมีเงินเยอะขนาดนี้หรอก แล้วเขาได้เงินมาจากไหนนะ?


ตระกูลเจียงก็ทะเลาะกับเขาอย่างหนักจึงไม่มีทางให้เงินเขาแน่นอน ถ้าอย่างนั้นมีแค่คนเดียว–อดีตคุณนายเจียง


เหมยเหมยถอนหายใจเฮือกหนึ่ง อนาคตของสวีจื่อเซวียนช่างเลือนรางเหลือเกิน!


ปัดกวาดสุสานให้คุณพ่อสวีเสร็จชีวิตของพวกเธอก็กลับมาสงบดังเดิม ผู้ตายตายจากไปแล้วแต่คนที่ยังอยู่ก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป


ชั่วพริบตาเดียวก็ล่วงมาถึงเดือนตุลาคม อากาศเริ่มเย็นลง โจวซิ่งเอ๋อร์มาถึงเมืองหลวงแล้ว


……………………………………………………


 ตอนที่ 1879 เข้าถึงบทแล้ว


เดิมทีโจวซิ่งเอ๋อร์ควรมาตั้งแต่เดือนกันยายนแล้วแต่เธอไม่วางใจเรื่องสุขภาพของโจวจื่อหัวจึงอยู่เป็นเพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งเดือน เหมยเหมยช่วยติดต่อวิทยาลัยภาพยนตร์เมืองหลวงให้ เธอจึงกลายเป็นศิษย์น้องของเจียงซินเหมยไปแล้ว


พอเห็นโจวซิ่งเอ๋อร์ที่กลับมาร่าเริงมีชีวิตชีวาท่ามกลางผู้คนที่เดินหลั่งไหลออกมานั้น เหมยเหมยก็อารมณ์ดีขึ้นโดยปริยายเลยโบกมือให้โจวซิ่งเอ๋อร์ไม่หยุด


โจวซิ่งเอ๋อร์เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ใบหน้ารูปไข่ห่านที่เรียวแหลมขึ้นทำให้ความแก่นแก้วลดลงมากกว่าเมื่อก่อนและดูอ่อนโยนมากขึ้น ผิวก็ขาวขึ้นมากเช่นกัน ทั้งละเอียดและลื่นมือ คิ้วที่เคยเข้มก็จางลงมากทีเดียว มองดูแล้วมีกลิ่นอายของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ขึ้นมาเล็กน้อย


เหมยเหมยคิดไม่ถึงว่าโจวซิ่งเอ๋อร์จะเริ่มเข้าถึงบทก่อนเวลามากขนาดนี้ พอเธอเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งดีใจและรู้สึกมั่นใจในตัวโจวซิ่งเอ๋อร์กว่าเดิมเท่าตัว!


“ซิ่งเอ๋อร์ ทำดีมาก!”


เหมยเหมยสวมกอดโจวซิ่งเอ๋อร์


โจวซิ่งเอ๋อร์ยิ้มแก้มปริ “พี่เหมย ฉันไม่มีวันทำลายเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของพี่แน่ พี่สบายใจได้!”


ตลอดสองเดือนนี้นอกจากเธอจะดูแลคุณปู่แล้ว เวลาที่เหลือก็ใช้ไปกับการวิเคราะห์เรื่องลักษณะนิสัยและสภาพจิตใจของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงอัปลักษณ์อยู่ทุกวันจนบางครั้งเธอก็ชักจะแยกไม่ออกว่าเธอเป็นใครกันแน่?


“พี่เชื่อมั่นในตัวเธอนะ ไปกันเถอะ เรากลับไปทานข้าวกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยพาเธอไปรายงานตัวที่วิทยาลัยแล้วกัน” เหมยเหมยฉุดแขนเธอเดินไปข้างนอก


เพราะสถานะของโจวซิ่งเอ๋อร์ที่ค่อนข้างพิเศษจึงไม่มีทางให้นอนหอพักของทางวิทยาลัยอยู่แล้ว เหยียนหมิงซุ่นได้จัดหาที่พักให้เธอและลูกพี่ลูกน้องอีกสองคน อีกทั้งยังจัดหาบอดี้การ์ดกับคนขับรถไว้ให้ด้วย เรื่องความปลอดภัยจึงไม่ใช่ปัญหาแน่นอน


เหมยเหมยกำชับเจียงซินเหมยให้ช่วยสอดส่องดูแลโจวซิ่งเอ๋อร์ด้วย เจียงซินเหมยเป็นคนกระตือรือร้นชอบช่วยเหลือผู้อื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอย่อมรับปากในทันทีว่าหลังจากนี้ตนจะช่วยดูแลโจวซิ่งเอ๋อร์อีกทาง


เจียงซินเหมยก็ร่วมเล่นเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์ด้วยเช่นกันซึ่งเธอรับบทเป็นตัวเอง เธอจึงแสดงบทบาทของตัวละครออกมาได้เหมือนเป๊ะทุกประการ


จ้าวเสวียเอ๋อร์กับเหมยซูหานเองก็คุยกันเรื่องสัญญาเสร็จสรรพเรียบร้อย นักแสดงหลักก็ได้มาครบทุกตัวละครแล้ว ทุกอย่างเตรียมการไว้หมดแล้วเหลือเพียงเรื่องสำคัญสุดท้าย


“หานจื่อจวินจะว่างอีกทีตอนสิ้นปีเลย แล้วก็รอได้ใบอนุญาตให้ถ่ายทำก็พอ เรื่องนี้น่าจะไม่เป็นปัญหาเพราะเราถ่ายละครแนวรักวัยรุ่นใส ๆ ไม่มีประเด็นสุ่มเสี่ยงอะไร พวกเขาไม่มีทางขัดได้หรอก”


จ้าวเสวียเอ๋อร์มั่นใจอย่างมากเพราะละครแนวประวัติศาสตร์หรือสงครามต่างหากที่ควรกังวล ละครประเภทรักใส ๆอย่างเจ้าหญิงอัปลักษณ์ต้องผ่านฉลุยอย่างแน่นอน


จากประสบการณ์ที่ผ่านมาระยะเวลาในการตรวจสอบก็จะราว ๆครึ่งปีซึ่งจะตรงกับช่วงสิ้นปีพอดี ช่วงนี้ควรเริ่มเตรียมการเบื้องต้นกันได้แล้วเพราะมีเรื่องยิบย่อยเล็ก ๆน้อย ๆมากทีเดียว!


วันเวลาผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่าจนผ่านไปอีกหนึ่งเดือนชีวิตทุกอย่างก็ราบรื่นดีไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่อู่เยวี่ยเองก็สงบเสงี่ยมที่จะโผล่มาให้เห็นหน้ากันเป็นระยะ ๆเพื่อโอ้อวดครรภ์ของเธอบ้าง


แต่พอถึงช่วงเดือนพฤศจิกายนกิจกรรมของอู่เยวี่ยกลับเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอผ่านช่วงอันตรายสามเดือนแรกมาแล้วครรภ์จึงปลอดภัยดี ขอเพียงไม่เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ครรภ์นี้จะต้องอยู่รอดปลอดภัยจนคลอดแน่ ๆ


หนิงเฉินเซวียนเองก็อารมณ์ดีขึ้นตามอายุครรภ์ของอู่เยวี่ยเลยคุยง่ายเป็นพิเศษแทบจะตอบตกลงทุกข้อเรียกร้อง


ผ่านไปได้สามเดือนโอหยางเซี่ยงหมิงก็ถูกย้ายกลับมาเมืองหลวง เขายังคงทำงานในหน่วยงานกิจการวิทยุและโทรทัศน์เหมือนเดิมแถมยังได้เลื่อนตำแหน่งอีกต่างหาก


เพราะตอนทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันครั้งหนึ่ง อันที่จริงตั้งแต่อู่เยวี่ยท้องหนิงเฉินเซวียนก็ตั้งกฎให้มีการทานข้าวร่วมโต๊ะกันทั้งครอบครัวทุกสามวัน เขาบอกว่าอยากจะพัฒนาความสัมพันธ์กับหลานชายโดยเริ่มตั้งแต่อยู่ในท้อง


เฮ่อเหลียนเช่อจะไปหรือไม่นั้นหนิงเฉินเซวียนไม่สนใจเลยสักนิด ในเมื่อเขาอยากสร้างสายสัมพันธ์กับแค่หลานชายเท่านั้น ส่วนทางลูกชายนั้นสานสัมพันธ์กันมายี่สิบกว่าปีแล้ว ซึ่งดูท่าไม่น่ารอด


อู่เยวี่ยปากหวานช่างเอาอกเอาใจ หลังจากทานข้าวร่วมโต๊ะกับหนิงเฉินเซวียนไม่กี่มื้อก็สร้างความประทับใจมากขึ้นถึงขั้นสงสัยว่าสิ่งที่เหมยเหมยเคยพูดเรื่องพ่อบุญธรรมนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่จงใจใส่ร้ายอู่เยวี่ยแน่นอน เช่นนี้เองอู่เยวี่ยกับหนิงเฉินเซวียนจึงเข้ากันได้ดีเกินคาด เฮ่อเหลียนเช่อเองยังรู้สึกแปลกใจแต่ก็รู้สึกดีที่เป็นเช่นนี้


ตอนนี้หนิงเฉินเซวียนใจผูกอยู่แต่กับหลานชายเลยไม่มีเวลามายุ่งเรื่องเขากับเหมยซูหาน อิสระมากขึ้นเยอะทีเดียว!


ตอนที่ 1880 ไม่อนุญาตให้ถ่ายทำ


อู่เยวี่ยเอาอกเอาใจหนิงเฉินเซวียนอย่างดีพอสบโอกาสก็จงใจพูดต่อหน้าหนิงเฉินเซวียนว่าเธอคิดถึงคุณพ่อแต่กลับอยู่ไกลกัน อีกทั้งตอนนี้เธอไม่สะดวกเดินทางไปไหนเลยไปเยี่ยมโอหยางเซี่ยงหมิงไม่ได้…


พูดไปไม่กี่ครั้งหนิงเฉินเซวียนก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ บวกกับคุณหมอที่ถูกอู่เยวี่ยซื้อตัวไปตั้งนานแล้วก็พูดคล้อยตามว่าคนท้องจะคิดมากไม่ได้ไม่อย่างนั้นจะส่งผลต่อเด็กในท้อง


ทีนี้ทำเอาหนิงเฉินเซวียนร้อนใจจนรีบสั่งให้ผู้ช่วยย้ายโอหยางเซี่ยงหมิงกลับมาเมืองหลวงเลย


เรื่องเล็กแค่นี้สำหรับหนิงเฉินเซวียนแล้วไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร ขอแค่ดีต่อหลานก็พอ


ด้วยเหตุนี้โอหยางเซี่ยงหมิงที่เดิมทีคิดว่าจะเกษียณอย่างมีเกียรติที่เมืองจินก็ถูกย้ายกลับมาเมืองหลวงอย่างมึนงง และนึกขอบคุณอู่เยวี่ยอย่างมากและรับปากว่าต่อจากนี้จะฟังคำอู่เยวี่ยทุกอย่าง


คนที่ได้ดิบได้ดีที่สุดของตระกูลโอหยางอย่างโอหยางปินกับโอหยางสยงต่างเสียชีวิตกันทั้งคู่แล้ว พอเห็นว่าตระกูลใกล้จะถดถอยลงทุกทีแต่ใครจะคาดคิดว่าทุกอย่างกลับพลิกผัน โอหยางซานซานที่ถูกตระกูลทอดทิ้งและขับไล่ไปต่างประเทศจะกลับมาเฉิดฉายและแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อได้


จนถึงตอนนี้คนของตระกูลโอหยางก็ยังตั้งตัวไม่ทัน พวกเขาหวังจะไปนับญาติกับอู่เยวี่ยแต่ก็รู้สึกพะวงเพราะกลัวอู่เยวี่ยแค้นฝังใจ


ในเมื่ออดีตพวกเขาไร้เมตตากับสองแม่ลูกหวงอวี้เหลียนเหลือเกิน!


อีกทั้งงานแต่งงานของอู่เยวี่ยกับเฮ่อเหลียนเช่อตระกูลโอหยางก็ไม่ได้รับบัตรเชิญแต่อย่างใด นั้นทำให้ยิ่งรู้สึกกังวลใจแล้วจะยังกล้าเสนอหน้ามาอีกหรือ?


ความจริงเป็นความผิดพลาดของลูกน้องของหนิงเฉินเซวียน อีกทั้งตัวอู่เยวี่ยเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเพราะตัวตนของเธอไม่ใช่โอหยางซานซานเลยไม่คุ้นชินกับการที่อยู่ ๆก็มีครอบครัวใหญ่ขึ้นมา


หนำซ้ำเพราะอยู่ดูแลครรภ์ที่บ้านในช่วงหลายวันที่ผ่านมา อู่เยวี่ยถึงจำครอบครัวนี้ได้เลยลอบด่าตัวเองว่าโง่


ตระกูลโอหยางต่อให้ถดถอยลงอย่างไรแต่ก็ยังมีภูมิหลังที่ดีอยู่ ขอแค่เธอใช้ให้เป็นประโยชน์ครอบครัวนี้ก็มีประโยชน์ต่อเธอไม่น้อย อย่างน้อยความหวังที่เธออยากเข้าวงการบันเทิงก็ไม่ยากที่จะทำให้สำเร็จได้


ตระกูลโอหยางหลายคนทำงานอยู่ในหน่วยงานดูแลกิจการวิทยุและโทรทัศน์ อีกทั้งตำแหน่งก็ไม่ใช่เล็ก ๆซึ่งก็คือการดูแลเรื่องในวงการบันเทิง ต่อให้เป็นผู้กำกับหรือดาราชื่อดังขนาดไหนก็ต้องทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมยามอยู่ต่อหน้าตระกูลโอหยาง


อู่เยวี่ยทั้งโกรธทั้งเสียใจเพราะหากเธอนึกถึงจุดนี้ได้เร็ว เธอคงไม่ต้องโดนโปรดิวเซอร์ที่น่ารังเกียจคนนั้นเอาเปรียบหรอกมั้ง?


หลังจากโอหยางเซี่ยงหมิงถูกย้ายกลับมาเมืองหลวง เรื่องแรกที่จะสั่งให้เขาทำก็คือให้เริ่มถ่ายทำละครแนวประวัติศาสตร์ฟอร์มยักษ์ที่เธอถูกตาต้องใจหลังจากเธอคลอดลูกแล้ว และที่สำคัญเธอจะต้องได้แสดงเป็นนางเอก


ตอนนี้เธอไม่สนใจกับแค่บทนางรองแล้ว!


โอหยางเซี่ยงหมิงทำตามคำสั่งทุกอย่างที่ไม่นานก็สำเร็จ อู่เยวี่ยเลยเตรียมให้เขาทำอย่างที่สองอีกทั้งให้โอหยางเซี่ยงหมิงกะเวลาให้ดีอย่าเร็วและช้าเกินไป ซึ่งจะต้องพอดี


ตอนนี้อู่เยวี่ยเป็นเหมือนนางพญาในตระกูลโอหยาง ถ้อยคำเปรียบดั่งพระราชสาส์นที่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่ง โอหยางเซี่ยงหมิงยิ่งหวาดระแวงถึงขั้นเตรียมสมุดเล่มเล็กเอาไว้จดเพื่อจะได้ทำตามทุกข้อไม่ให้ผิดพลาด


……


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและไม่นานก็มาถึงช่วงสิ้นปี กองถ่ายได้เตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว ฝั่งหานจื่อจวินเองก็จวนจะถ่ายทำเสร็จแล้ว แถมยังโทรหาผู้กำกับฟางด้วยตัวเองว่าอย่างมากอีกเพียงหนึ่งเดือนก็จะสามารถเข้ากองถ่ายได้


จะว่าไปความตรงไปตรงมาของหานจื่อจวินทำเอาเหมยเหมยเหนือคาดอย่างมากเพราะไม่วางท่าเหมือนเป็นดาราชื่อดังเลยสักนิด ต่อให้เอานางเอกหน้าใหม่อย่างโจวซิ่งเอ๋อร์มาเล่นเขาก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย ทั้งยังคุยง่ายอีกต่างหาก


แม้ส่วนมากจะเห็นแก่เหมยซูหานก็ตามแต่ก็บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวต้องเป็นคนเรียบง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ใช่คนประเภทวางท่าทำตัวกร่างแต่อย่างใด!


งานทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว เหลือเพียงรอให้ได้ใบอนุญาตถ่ายทำมาทางผู้กำกับฟางก็จะเริ่มถ่ายทันที ทุกคนจึงรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาไม่น้อย


แต่–


บรรดาคนที่กำลังฮึกเหิมได้ที่กลับถูกน้ำเย็นสาดใส่เข้าอย่างจัง


“สำนักงาน GD ไม่ให้ผ่าน? ทำไมไม่ให้ถ่ายล่ะ?” เหมยเหมยได้รับสายจากจ้าวเสวียเอ๋อร์ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายอย่างมาก


……………………………………………….


 ตอนที่ 1881 คนที่อยู่เบื้องหลัง


ขั้นตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าคงไม่น่ามีอะไรผิดพลาดตอนนี้กลับหยุดชะงัก ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ยิ่งเหมยเหมยยิ่งคิดไม่ถึง


“สาเหตุเพราะอะไรกันแน่? สำนักงาน GD ต้องบอกเหตุผลสิ” เหมยเหมยถาม


จ้าวเสวียเอ๋อร์ตอบกลับอย่างคุกรุ่น “สำนักงาน GD บอกว่าเจ้าหญิงอัปลักษณ์สนับสนุนให้มีความรักก่อนวัยอันควรแล้วยังสื่อว่าการเรียนไม่สำคัญซึ่งจะสร้างผลกระทบไม่ดีต่อนักเรียน อีกอย่างห้ามยุ่งเกี่ยวกับประเด็นทางทหาร…สรุปก็คือถ้าไม่แก้บทก็จะไม่ให้ถ่ายทำ!”


เหมยเหมยโกรธจนหลุดขำออกมา “แล้วพวกเขาจะให้แก้อย่างไร?”


“อายุของนางเอกต้องมีอายุอย่างน้อยสิบแปดปีขึ้นไป พื้นหลังก็ต้องเปลี่ยนเป็นช่วงมหาวิทยาลัย รวมถึงบทของนางเอกก็ต้องเปลี่ยนเป็นเด็กเรียนเก่ง แล้วก็พระเอกจะเป็นทหารไม่ได้…”


จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดตามสิ่งที่พนักงานสำนักงาน GD บอกเขาทุกตัวอักษร เหมยเหมยยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธจนไฟโทสะคุกรุ่น


ถ้าปรับเปลี่ยนบทตามนี้จริง ๆแล้วจะถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเธอไปทำไมอีก?


เหตุผลที่เจ้าหญิงอัปลักษณ์ได้รับความชื่นชอบจากนักอ่านอย่างล้นหลามก็เพราะประสบการณ์ของนางเอกเองที่มีอยู่เกลื่อนในชีวิตจริงและเหตุนี้ถึงได้เข้าถึงใจของนักอ่าน ชีวิตจริงจะมีเด็กเรียนเก่งมากมายขนาดนั้นหรือ?


“ไม่แก้ ไม่แก้แม้แต่ตัวอักษรเดียว ใครเป็นคนสั่งห้ามกันแน่?”


เหมยเหมยแค่นหัวเราะ เดิมทีคิดว่าเรื่องเล็กแค่นี้คงไม่ต้องเดือดร้อนถึงเหยียนหมิงซุ่น แต่ตอนนี้ดูทรงแล้วคงต้องให้สามีของเธอออกหน้าสินะ!


จ้าวเสวียเอ๋อร์สีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหัน ทำท่าจะพูดแต่ก็ชะงักไปจนเหมยเหมยถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งเขาถึงยอมบอก “โอหยางเซี่ยงหมิง ตอนนี้เขาเป็นคนรับผิดชอบตรวจสอบบทละครพวกนี้ ละครภาพยนตร์ทุกเรื่องที่จะถ่ายทำต้องได้รับการอนุญาตจากเขา”


เหมยเหมยชะงักแล้วถามอย่างสงสัย “โอหยางเซี่ยงหมิงอยู่เมืองจินไม่ใช่เหรอ? กลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไร? ใครเป็นคนย้ายเขากลับมา? เฮ่อเหลียนเช่อเหรอ?”


แม้ว่าสำนักงาน GD จะไม่นับว่าเป็นหน่วยงานที่เก่งกาจขนาดนั้นแต่ดูจากอายุและความสามารถของโอหยางเซี่ยงหมิงที่สามารถเลื่อนตำแหน่งได้หลายขั้นในวัยที่ใกล้จะปลดเกษียณแบบนี้ ตระกูลโอหยางไม่ได้มีความสามารถมากขนาดนี้หรอก


“กลับมาได้สองเดือนแล้ว ไม่ใช่เฮ่อเหลียนเช่อแต่เป็นหนิงเฉินเซวียน”


จ้าวเสวียเอ๋อร์พูดเสริมอีกประโยคหนึ่ง “ตอนนี้โอหยางซานซานเข้ากันได้ดีกับหนิงเฉินเซวียนเชียวล่ะ”


ความจริงเขาเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน โอหยางซานซานไปอยู่ต่างประเทศมาสามปีเหมือนเกิดใหม่ยังไงอย่างนั้น ทั้งเรื่องความฉลาดทางด้านสติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์ล้วนลอกคราบมาใหม่หมด เพราะโอหยางซานซานในอดีตเขาคิดว่าเหมือนหมูที่มีขางอกเพิ่มมาอีกคู่หนึ่งเท่านั้นแหละ!


แต่ตอนนี้ไพ่ในมือที่แย่มากกลับถูกโอหยางซานซานตีกลับมาได้อย่างสวยงามเหนือคาด อีกทั้งยังเข้ากันได้ดีกับหนิงเฉินเซวียนที่ขึ้นชื่อว่าเข้ากับคนได้ยากที่สุดในโลกอีกต่างหาก นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจะทำได้เลย!


เหมยเหมยนวดขมับถึงนึกขึ้นได้ว่าสถานะของอู่เยวี่ยในตอนนี้คือโอหยางซานซาน โอหยางเซี่ยงหมิงเป็นพ่อของเธอ การโต้กลับของอู่เยวี่ยในครั้งนี้อยู่เหนือความคาดหมายเธอจริง ๆ!


เธอประมาทเอง!


“เรื่องนี้ฉันจัดการเอง การถ่ายทำทุกอย่างดำเนินไปตามเดิมไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรหรอก ส่วนใบอนุญาตฉันจะรีบขอมาให้เร็วที่สุด” เหมยเหมยพูดเสียงแน่วแน่


นางแพศยาอู่เยวี่ยมักชอบแอบทำข้อแลกเปลี่ยนลับหลังคนอื่นแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นเธอจะเอาคืนอย่างที่อีกฝ่ายทำมา ดูสิว่าใครจะร้ายกว่าใคร?


จ้าวเสวียเอ๋อร์ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ฉันบอกเหมยซูหานก่อน ละครเรื่องนี้เขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน งั้นจะให้เขาลองไปคุยกับเฮ่อเหลียนเช่อดู ต่อให้โอหยางซานซานเหิมเกริมแค่ไหนแต่คงไม่ถึงขั้นไม่ฟังคำของเฮ่อเหลียนเช่อหรอกมั้ง!”


“พี่ลองดูแล้วกัน”


เหมยเหมยกลับไม่มั่นใจอย่างเขา ตอนนี้อู่เยวี่ยได้ที่พึ่งใหม่อย่างหนิงเฉินเซวียน ไม่แน่อาจจะไม่ฟังคำของเฮ่อเหลียนเช่อจริง ๆก็ได้!


แต่จะลองสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไร ส่วนทางนี้เธอจะรีบหาทางให้การถ่ายทำดำเนินไปตามแผนเดิมให้ได้ เธอจะยอมให้แผนชั่วร้ายของอู่เยวี่ยสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!


ตอนที่ 1882 ความทะเยอทะยาน


ความจริงเป็นดั่งที่เหมยเหมยคาดไว้ ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อออกหน้าก็ไม่ช่วยให้อู่เยวี่ยล้มเลิกความคิดได้เลย สำนักงาน GD ก็ปิดปากแน่นเหมือนฝาหอยเช่นเดิม


“หรือว่าไม่ต้องถ่ายทำแล้วดี เงินที่ลงทุนไปก็ช่างมันเถอะ”


เฮ่อเหลียนเช่อถูกปฏิเสธจากอู่เยวี่ยเลยกลับมาบอกเช่นนี้กับเหมยซูหาน ความจริงเขาเองก็มีจุดประสงค์แอบแฝงเพราะเขาไม่อยากให้เหมยซูหานร่วมถ่ายทำละครเจ้าหญิงอัปลักษณ์เรื่องนี้เลยสักนิด


ยิ่งไม่อยากเห็นเหมยซูหานต้องยุ่งเกี่ยวกับจ้าวเหมยอีกเพราะเขาหึง


ฉะนั้นที่อู่เยวี่ยทำแบบนี้เฮ่อเหลียนเช่อเองก็เห็นด้วยอยู่เนือง ๆ แต่เขาจะแสดงออกทางสีหน้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเหมยซูหานต้องทะเลาะกับเขาแน่ ๆ


“นายเป็นคนให้โอหยางซานซานทำแบบนี้ใช่ไหม? ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องคิดจะขัดขวางไม่ให้ฉันถ่ายทำละครเรื่องนี้มาตลอด ตอนนี้สมใจนายแล้วสินะ?” นาน ๆทีเหมยซูหานจะระเบิดอารมณ์ใส่เฮ่อเหลียนเช่อ ทำการอดอาหารประท้วงและเริ่มสงครามเย็นกับเฮ่อเหลียนเช่อ


เฮ่อเหลียนเช่อจนปัญญา เขาตัดสินใจไม่ไปหาอู่เยวี่ยแต่เลือกที่จะโทรหาโอหยางเซี่ยงหมิงโดยตรงสั่งให้เขารีบอนุญาต แต่กลับอยู่เหนือความคาดหมาย โอหยางเซี่ยงหมิงที่แต่เดิมมักขี้กลัวเหมือนหนูตัวเล็ก ๆยามอยู่ต่อหน้าเขาบัดนี้กลับไม่ฟังคำสั่งของเขาแล้ว!


โอหยางเซี่ยงหมิงบอกเฮ่อเหลียนเช่อเหมือนที่บอกจ้าวเสวียเอ๋อร์ไม่มีผิดเพี้ยน พูดยาวเป็นหางว่าวและไม่ยอมอนุญาต


ทำเอาเฮ่อเหลียนเช่อโกรธแทบตายเลยวางสายพุ่งไปห้องทำงานของโอหยางเซี่ยงหมิงด้วยความโกรธเคือง ตบหน้าเขาสองฉาดใหญ่จนฟันหน้าหักกระเด็น แต่ให้ตายอย่างไรโอหยางเซี่ยงหมิงก็ไม่ยอมอ้าปากอนุญาต


ที่แท้อู่เยวี่ยได้มาเตือนโอหยางเซี่ยงหมิงล่วงหน้าแล้ว แถมยังวิเคราะห์เหตุการณ์ปัจจุบันกับอนาคตกับเขาแล้วด้วย


เด็กที่อยู่ในท้องเธอเป็นหลานชายสุดรักของหนิงเฉินเซวียน เฮ่อเหลียนเช่อไม่ใช่ลูกรักเพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไป อีกทั้งหนิงเฉินเซวียนไม่พอใจในตัวเขามานานแล้ว ฉะนั้นเรื่องสมบัติและอิทธิพลของหนิงเฉินเซวียนหลังจากนี้จะตกเป็นของลูกชายเธอเท่านั้น เฮ่อเหลียนเช่อจะไม่ได้ผลประโยชน์เลยแม้แต่น้อย


อู่เยวี่ยมีความทะเยอทะยานมากขึ้นตามท้องที่โตวันโตคืน เธอไม่พึงพอใจกับการเป็นแค่คุณนายเฮ่อเหลียนอีกต่อไป เธอจะเป็นจักรพรรดินี เธอจะเป็นคนที่อยู่เหนือทุกคน!


เด็กในท้องก็คือหมากที่ดีที่สุดของเธอ!


อาศัยเด็กคนนี้เพื่อได้รับการสนับสนุนจากหนิงเฉินเซวียนและอาจเป็นไปได้ว่า…จะได้ขึ้นแทนตำแหน่งด้วย!


ก่อนที่เธอจะขึ้นเป็นจักรพรรดินีเธอจะเอานางแพศยาจ้าวเหมยมาใช้เป็นตัวทดลองก่อนแล้วกัน!


เหอะ อยากถ่ายละครหรือ?


ฝันไปเถอะ!


ตอนนี้อู่เยวี่ยไม่เกรงกลัวเฮ่อเหลียนเช่อเลยสักนิด เรื่องพวกนี้ที่เธอให้โอหยางเซี่ยงหมิงทำล้วนผ่านการอนุมัติจากหนิงเฉินเซวียนมาหมดแล้ว ต่อให้เฮ่อเหลียนเช่อจะเก่งกาจแค่ไหนแล้วอย่างไรล่ะ เขากล้าขัดหนิงเฉินเซวียนหรือ?


พอโอหยางเซี่ยงหมิงได้ฟังคำเป่าหูของอู่เยวี่ย เขาเลยกล้าเปิดตัวเป็นปรปักษ์กับเฮ่อเหลียนเช่ออย่างเปิดเผย เฮ่อเหลียนเช่อคงซัดเขาให้ตายจริง ๆไม่ได้เลยกระทืบไม่กี่ทีแล้วก็กลับไป


ไม่ต้องรอให้เฮ่อเหลียนเช่อตามหาอู่เยวี่ยเจอ เขาก็ถูกหนิงเฉินเซวียนเรียกตัวไปด่ายกหนึ่งแล้วยังให้เขาขอโทษอู่เยวี่ยด้วย


ณ เวลานี้เฮ่อเหลียนเช่อถึงรู้ว่ามีบางอย่างได้อยู่เหนือการควบคุมของเขาไปแล้ว…


สมแล้วที่ยัยนี้เป็นงูอสรพิษที่เขาชุบเลี้ยงมาอย่างดี ตอนนี้กล้าที่จะเริ่มแว้งกลับมาฉกเจ้าของมันแล้ว!


เฮ่อเหลียนเช่อเองก็ทำอะไรอู่เยวี่ยไม่ได้ เธอในตอนนี้มีที่หนุนหลังอย่างหนิงเฉินเซวียนอยู่ ทั้งยังมีเด็กในท้องด้วย ทำให้ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้เลย จำต้องรอให้คลอดเด็กออกมาก่อนแล้วค่อยสั่งสอนนางแพศยาคนนี้!


เหมยเหมยรู้ผลจากจ้าวเสวียเอ๋อร์ซึ่งไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเท่าไรนัก หลายวันมานี้เธอคิดหาวิธีมาตลอด เธอไม่อยากให้เรื่องไปถึงเหยียนหมิงซุ่น เรื่องความแค้นระหว่างเธอกับอู่เยวี่ย–


เธอต้องเป็นคนจัดการเอง!


เหมยเหมยยังคิดหาทางออกไม่เจอก็ได้รับบัตรเชิญงานเลี้ยงการกุศลหนึ่งเสียก่อน ซึ่งฝ่ายผู้จัดงานก็คือคุณนายเฮ่อเหลียน เนื่องจากเกิดอุทกภัยขึ้นทางภาคใต้จึงจัดงานเลี้ยงการกุศลนี้ขึ้นเพื่อหาทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้


……………………………………………………..


 ตอนที่ 1883 จะรอดูว่าเธอจะคลอดตัวอะไรออกมา


คนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงการกุศลในครั้งนี้ล้วนแต่เป็นคนที่อยู่ในสังคมชั้นสูง คนที่ไม่ขาดแคลนเรื่องเงินจะเอาของรักของตนมาร่วมประมูลในงาน ซึ่งรายได้จากการประมูลทั้งหมดจะถูกนำไปบริจาคสมทบทุนให้แก่การช่วยเหลือภัยพิบัติในครั้งนี้


เหมยเหมยไม่มีความเห็นอะไรกับงานการกุศลอยู่แล้วเพราะเธอกับเหยียนหมิงซุ่นเคยทำการกุศลมาไม่น้อยที่ส่วนมากแอบทำกันลับ ๆแค่ไม่เปิดเผยเท่านั้นเอง


สิ่งที่เธอรังเกียจคืออู่เยวี่ยมากกว่า พอคิดว่างานเลี้ยงถูกจัดขึ้นโดยอู่เยวี่ยเหมยเหมยก็สะอิดสะเอียนใจ แต่หากไม่ไปร่วมงานก็จะเหมือนว่าเธอกำลังกลัวอู่เยวี่ยอยู่


“คุณจ้าว ต้องขอให้คุณบริจาคของเพื่อนำมาร่วมประมูลด้วย ขอบคุณสำหรับความเมตตาของคุณ” พนักงานที่มาส่งบัตรเชิญยิ้มเอ่ยและกล่าวนอบน้อมอย่างมีมารยาทอย่างหาที่ติไม่ได้


เหมยเหมยย่นคิ้วน้อย ๆ เธอให้พนักงานกลับไปก่อนโดยบอกว่าอีกไม่กี่วันจะนำของร่วมประมูลไปให้ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอยังคิดไม่ตกว่าควรไปดีหรือเปล่า


เพียงแต่โทรศัพท์สายหนึ่งได้เปลี่ยนความคิดของเธอ สายที่โทรมาจากอู่เยวี่ย


“จ้าวเหมย คงไม่ใช่ว่าเธอไม่กล้ามาร่วมงานเลี้ยงการกุศลหรอกนะ? นั่นสินะ คนที่มาจากตระกูลเล็กตระกูลน้อยอย่างเธอ งานเลี้ยงการกุศลชั้นสูงอย่างนั้นไปน้อย ๆหน่อยจะดีกว่า จะได้ไม่เสียหน้าของคุณชายหมิงไง!”


น้ำเสียงอู่เยวี่ยยียวนแต่ถ้อยคำกลับร้ายกาจราวกับยาพิษของงูอสรพิษ แม้จะคุยผ่านโทรศัพท์แต่ก็สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของเธอ


“โอหยางซานซาน เธอก็เป็นแค่เครื่องมือที่เฮ่อเหลียนเช่อใช้ตั้งท้องเท่านั้นถึงได้มียศตำแหน่งคุณนายเฮ่อเหลียนเฉย ๆหรอก น่าทึ่งจริง ๆที่เธอภูมิใจในตัวเองขนาดนั้น เงื่อนไขของเธอง่ายดีนะ!”


เหมยเหมยโต้กลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ


คำของเธอแทงใจอู่เยวี่ยอย่างจัง เฮ่อเหลียนเช่อเปรียบเสมือนคนแปลกหน้าสำหรับเธอ วัน ๆเขาเอาแต่คลุกตัวอยู่กับเหมยซูหาน แม้ตอนนี้หนิงเฉินเซวียนจะดูแลเธอราวกับไข่ในหินแต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะเด็กในท้อง หากเด็กลืมตาออกมาดูโลกไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ!


ทุกอย่างนี้เธอล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ!


“ฉันกับเฮ่อเหลียนเช่อเป็นอย่างไรคนนอกจะรู้ได้ยังไงล่ะ? จ้าวเหมยเธอแค่ริษยาฉันเท่านั้นแหละ ไม่ว่ายังไงตอนนี้ฉันก็เป็นคุณนายเฮ่อเหลียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แถมยังท้องลูกของเขาอยู่ด้วย จ้าวเหมยเธอก็เป็นแค่จ้าวเหมยธรรมดา คุณชายหมิงจะแต่งงานกับเธอหรือเปล่ายังไม่รู้เลย!”


ถ้อยคำของอู่เยวี่ยเย็นยะเยือกและวาจาร้ายกาจยิ่งนัก


เหยียนหมิงซุ่นดูแลคู่หมั้นอย่างดีเป็นสิ่งที่คนทั้งเมืองหลวงรู้กันโดยทั่ว หลายวันนี้เธอเองก็ได้ผูกมิตรกับเหล่าคุณหนูจากสังคมชั้นสูงไม่น้อยและได้ยินถ้อยคำที่พวกเธอนึกอิจฉาในตัวจ้าวเหมย ซึ่งความอิจฉาริษยานี้ทำให้เธอบ้าคลั่ง!


ไม่ว่าใครก็มีชีวิตที่ดีมีความสุขได้ยกเว้นจ้าวเหมยเท่านั้น!


“โอหยางซานซานเธอนี่ช่างจุ้นจ้านไปทั่วจริง ๆนะ ฉันกับเหยียนหมิงซุ่นจะเป็นอย่างไรเธอไม่จำเป็นต้องมาสอดหรอก ถ้าว่างนักก็เอาเวลาไปคิดดีกว่าว่าอีกหกเดือนข้างหน้าเธอจะทำอย่างไรต่อไป ในเมื่อ…เด็กที่เธอท้องอยู่ไม่ใช่นาจานี่นา!”


การอยู่กับเหริ่นเชี่ยนเชี่ยน เหมยเหมยไม่ได้เรียนรู้อย่างอื่นเลยแต่เรื่องฝีปากกลับเรียนรู้มาไม่น้อย


อู่เยวี่ยโดนพูดแทงใจอย่างโหดเหี้ยมอีกครั้ง สิ่งที่เหมยเหมยพูดเป็นสิ่งที่เธอกำลังหวาดกลัวอยู่พอดี แต่เธอจะอ่อนแอต่อหน้าจ้าวเหมยไม่ได้


“ได้ยินว่าเธอเตรียมถ่ายละครเหรอ? จะเริ่มถ่ายเมื่อไรล่ะ? ฉันอดใจรอดูไม่ไหวแล้วเลยนะเนี่ย!” อู่เยวี่ยเปลี่ยนประเด็นจงใจเอ่ยถึงเรื่องถ่ายทำละคร


เหมยเหมยอัดอั้นตันใจและก่นด่าอู่เยวี่ยในใจไปหลายตลบก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “นี่เป็นความลับทางพาณิชย์เชียวฉันจะบอกเธอง่าย ๆได้อย่างไรกัน โอหยางซานซานทำไมเธอไม่รู้กฎอะไรสักนิดเลยล่ะ ฉันว่าสิ่งที่เธอเรียนรู้มาจากต่างประเทศคงมีแต่เรื่องหาพ่อบุญธรรมสินะ?”


อู่เยวี่ยแค่นหัวเราะหลายทีแล้วตอกกลับอย่างร้ายกาจ “จ้าวเหมยเธอปากแข็งไปแล้วทำอะไรได้? ฉันจะรอดูว่าละครของเธอจะได้ฉายปีไหนนะ!”


“สบายใจได้ ต้องให้เธอได้ดูตอนมีชีวิตอยู่แน่นอน โอหยางซานซาน เธอต้องรอนะ ฉันยังอยากรอดูเลยว่าลูกที่เธอคลอดออกมาจะเป็นตัวอะไร!” เหมยเหมยเอ่ยเสียงเย้ยหยัน


ลูกที่มาจากเด็กนรกกับงูอสรพิษจะเป็นคนดีอะไรได้ล่ะ?


ตอนที่ 1884 กุข่าวซุบซิบสักนิด


แม้ว่าเด็กจะบริสุทธิ์แต่นางแพศยาอู่เยวี่ยรังแกข่มเหงคนอื่นเกินไป เหมยเหมยจึงเผลอหลุดปากโพล่งออกไปอย่างอดไม่ได้ชั่วขณะ


เธอเคยคุยกับเหยียนหมิงซุ่นหลายครั้งเกี่ยวกับเด็กในท้องอู่เยวี่ยว่าแน่นอนต้องได้มาจากการทำเด็กในหลอดแก้ว แต่พ่อของเด็กจะเป็นใครนั้นกลับเป็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง


หากเป็นเฮ่อเหลียนเช่อร้อยละแปดถึงเก้าสิบเด็กคนนี้ต้องเกิดมาไม่ปกติอย่างแน่นอน เฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางไม่รู้เรื่องนี้ ฉะนั้นเขาจึงไม่มีวันเสี่ยงเรื่องนี้แน่นอน แต่ถ้าเด็กไม่ใช่ลูกของเฮ่อเหลียเช่อแล้วจะเป็นลูกใครกันล่ะ?


เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคนนอกเพราะเฮ่อเหลียนเช่อไม่โง่ถึงขั้นนั้น หนิงเฉินเซวียนเองก็ไม่ได้ตบตาได้ง่าย ๆ ฉะนั้นเด็กคนนี้ต้องมีสายเลือดของคนตระกูลหนิง


คำตอบแทบจะปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดแล้ว


หากไม่ใช่ของเฮ่อเหลียนเช่อก็ต้องเป็นของหนิงเฉินเซวียน ซึ่งดูจากตอนนี้ตัวเลือกหลังมีความเป็นไปได้สูงกว่าหน่อย!


เพียงแต่ไม่รู้ว่าหนิงเฉินเซวียนจะรับรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?


เหยียนหมิงซุ่นกลับบอกว่าหนิงเฉินเซวียนน่าจะไม่รู้ หากเขายอมตกลงให้อู่เยวี่ยท้องลูกเขา ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนอื่นก็ต้องทำได้ เขาคงไม่จำเป็นต้องบีบบังคับให้เฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานมีลูกหรอก อีกทั้งเขาอยากมีกี่คนก็ได้


ฉะนั้นหนิงเฉินเซวียนต้องไม่รู้เรื่องนี้แน่ ตรงจุดนี้เองที่น่าสนใจ!


อู่เยวี่ยกับเหมยเหมยโต้กลับกันไปมา ไม่มีใครอยู่เหนือใครจึงทำให้ทั้งคู่อารมณ์พลุ่งพล่านไม่น้อย เหมยเหมยยอมไม่ได้ที่เห็นอู่เยวี่ยทำท่าเหิมเกริมขนาดนั้นเลยผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาแทน


“โอหยางซานซาน งานเลี้ยงการกุศลฉันไปร่วมงานแน่ ๆ ถึงอย่างไรฉันก็ต้องให้เกียรติคุณนายเฮ่อเหลียนหน่อยสิ จะว่าไปฉันมีรูปดี ๆของคุณนายเฮ่อเหลียนไม่น้อยเลยนะ ฉันคิดว่าคงมีคนไม่น้อยที่สนใจรูปสวย ๆของคุณนายเฮ่อเหลียนใช่ไหมล่ะ?”


เหมยเหมยนึกถึงรูปที่เคยถ่ายโอหยางซานซานไว้ในอดีตกับเซียวเซ่อ รูปถ่ายเหล่านี้เธอไม่เคยมีโอกาสได้ใช้สักครั้งจนวันเวลาผ่านไปนานก็ดันลืมเสียสนิท แต่ก็นึกขึ้นได้เพราะอู่เยวี่ย


เป็นของว่างให้อู่เยวี่ยก็ไม่เลว!


อู่เยวี่ยใจดิ่งวูบถามกลับเสียงดุดัน “จ้าวเหมยเธอหมายความว่าไง?”


“ก็ตามที่บอกไปไง เมื่อกี้ฉันกำลังคิดหนักอยู่เลยว่าจะเอาอะไรไปร่วมประมูลดี ตอนนี้ฉันรู้แล้ว รูปพวกนี้เป็นของสะสมที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่มีจะขายราคาถูก ๆไม่ได้เชียวนะ อย่างน้อยหนึ่งรูปก็ต้องหนึ่งร้อยหยวน ไม่อย่างนั้นจะเป็นการหยามหน้าคุณนายเฮ่อเหลียนน่ะสิ?”


เหมยเหมยตัดสายไปพร้อมเสียงหัวเราะแล้วไปล้างรูปอย่างสนุกสนาน โชคดีที่เธอยังเก็บรูปต้นฉบับพวกนี้เอาไว้ งานร่วมประมูลเธอไม่เอาไปแน่นอน อู่เยวี่ยหน้าไม่อายแต่เธอยังต้องรักษาหน้าไว้อยู่!


ช่วงนี้เมืองหลวงเงียบสงบราวกับป่าช้าไม่มีข่าวซุบซิบอะไรเลย ถ้าอย่างนั้นเธอจะสร้างมันให้สักหน่อยแล้วกัน!


เรื่องฉาวในอดีตของคุณนายเฮ่อเหลียน คิดว่าคงมีคนสนใจไม่น้อยสินะ?


ตอนจัดระเบียบรูปถ่ายที่ถูกเก็บไว้ในตู้ก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์เหมยเหมยอีกแล้ว นอกจากรูปถ่ายที่เธอร่วมถ่ายกับเซียวเซ่อ เธอยังเจอรูปถ่ายที่ลูกน้องเหยียนหมิงซุ่นถ่ายไว้ในร้านคาราโอเกะสมัยก่อนไว้ด้วย แม้ตัวเอกจะเป็นอู่เยวี่ยแต่โอหยางซานซานก็ถูกถ่ายไว้ไม่น้อยเช่นกัน


โอหยางซานซานในรูปถ่ายดวงตาหยาดเยิ้มเสื้อผ้าหลุดลุ่ยและเขยิบเข้าไปหาโอหยางสยงไม่หยุด อีกทั้งรอบกายยังมีผู้ชายอยู่จำนวนไม่น้อย รูปถ่ายนี้อนาจารพอที่จะเป็นข่าวฉาวใหญ่ในเมืองหลวงได้แล้ว


อู่เยวี่ยถูกเหมยเหมยวางสายใส่ก็รู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก


เรื่องในอดีตของโอหยางซานซานเธอไม่รู้หรอก หรือว่าจ้าวเหมยมีหลักฐานเล่นงานโอหยางซานซานอยู่ในกำมือจริง ๆอย่างนั้นหรือ?


ใช้ไม่ได้เลย!


อู่เยวี่ยสบถด่าหลายที ทั้ง ๆที่ยัยโง่โอหยางซานซานมีไพ่ดี ๆในมือเพราะเกิดมาเป็นลูกหลานในตระกูลดังแต่กลับถูกยัยนี่เล่นงานจนป่นปี้ไปหมด ถึงต้องถูกนางแพศยาจ้าวเหมยขับไล่ไปต่างประเทศ


แต่นี่ก็ตกเป็นผลประโยชน์ของเธอแทน


ทว่าปัญหาที่ทิ้งเอาไว้เธอก็ต้องเป็นคนรับช่วงต่อทั้งหมด


อู่เยวี่ยอารมณ์แย่ถึงขีดสุด หนิงเฉินเซวียนไม่พอใจกับชื่อเสียงด้านลบของเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เพราะเห็นแก่เด็กในท้องถึงไม่ได้เอาเรื่อง ถ้าเกิดมีเรื่องเกิดขึ้นในเวลานี้ความสัมพันธ์อันดีที่เธอเสียแรงปูมาเกรงว่าต้องพังไม่เป็นท่าแน่!


ไม่ได้การ เธอต้องหาทางทำลายรูปถ่ายที่จ้าวเหมยมีให้หมด!


………………………………………….


 ตอนที่ 1885 ค้นหาความสุขทางกายของมนุษย์


เหมยเหมยไม่เปิดโอกาสให้อู่เยวี่ยได้แย่งรูปถ่ายไปอยู่แล้ว เธอได้เลือกหนึ่งรูปที่ถ่ายในห้องเปลี่ยนชุดมา ซึ่งในรูปโอหยางซานซานสวมแต่ชุดชั้นในและทำท่าสุดเย้ายวน อีกทั้งดูจากใบหน้าอ่อนเยาว์ก็รู้ว่าอายุไม่มาก


ส่วนรูปที่ดุเดือดกว่านั้นเธอจะเอาไว้ค่อย ๆปล่อยวันหลัง


รูปนี้เป็นเพียงออเดิร์ฟก่อนมื้อหลักเท่านั้นเอง!


เหมยเหมยให้ลุงเหลาไปติดต่อปาปารัสซีที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาแล้วส่งรูปให้เขาก่อนจะบอกให้เขาละเลงได้ตามสบาย ความสามารถของปาปารัสซีก็คือปั้นน้ำให้เป็นตัวได้ ต่อให้ไม่มีรูปถ่ายพวกเขาก็สามารถแต่งเรื่องสุดน้ำเน่าออกมาได้ เช่นนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงในกรณีที่มีหลักฐานคามืออย่างนี้เลย


วันรุ่งขึ้นนิตยสารข่าวซุบซิบรายสัปดาห์ที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวงก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนสินค้าขาดตลาด เครื่องพิมพ์ในโรงงานทำงานหนักจนเครื่องแทบพังแต่ก็ยังเพียงพอต่อความต้องการของตลาด ในเมืองหลวงแทบจะมีกันคนเล่มในมือ ทุกคนล้วนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องฉาวโฉ่ของคุณนายเฮ่อเหลียนกันอย่างออกรส


นักข่าวปาปารัสซีคนนี้มีความสามารถเสียจริง หัวข้อข่าวที่พาดเอาไว้ก็คือ–


‘คุณนายเฮ่อเหลียนเช่อสำส่อนมาตั้งแต่เกิด คบหาแบบให้การสนับสนุนกับพวกผู้ชายตั้งแต่วัยรุ่น ไม่ได้ทำเพื่อเงินทองแต่ทำเพื่อค้นหาแก่นแท้ความสุขทางกายของมนุษย์เท่านั้น!’


เหมยเหมยกำลังทานมื้อเที่ยงอยู่ เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนที่ชอบซุบซิบเป็นงานอดิเรกก็ซื้อนิตยสารมาด้วยแต่เช้าเพื่อเอามาเม้าท์กับพวกเพื่อน ๆ ตอนที่เหมยเหมยเห็นพาดหัวข่าวก็เผลอพ่นน้ำซุปที่กำลังซดอยู่ออกมาจนเกือบโดนหน้าเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนเต็ม ๆ


ปาปารัสซีคนนี้ลุงเหลาไปหามาจากไหนเนี่ย ช่างมีความสามารถจริง ๆ!


แก่นแท้ความสุขทางการของมนุษย์หรือ?


โอ๊ย…ขำจนปวดท้องหมดแล้ว!


เหมยเหมยแย่งนิตยสารมาไล่อ่านอย่างสนุกสนาน ทักษะการแต่งบทความของปาปารัสซีคนนี้ใช้ได้ทีเดียว ดูก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพ อาศัยรูปถ่ายคลุมเครือใบเดียวปาปารัสซีคนนี้ก็แต่งบทละครดีเด่นประจำปีได้เลย


ในบทความเขียนว่าโอหยางซานซานได้รับผลกระทบจากคุณแม่หวงอวี้เหลียนที่เป็นผู้หญิงสำส่อนจึงทำให้โตก่อนวัย เริ่มคบแฟนหนุ่มตั้งแต่อายุสิบสองปีและเริ่มคบหาแบบให้การสนับสนุนตั้งแต่อายุสิบสามปี ซึ่งคู่กรณีมีทั้งคนหนุ่มและคนแก่ อีกอย่างไม่เรียกร้องเรื่องเงินขอเพียงได้รับความพึงพอใจทางกายก็เป็นพอ…


“คบหาแบบให้การสนับสนุนคืออะไรเหรอ?” คนซื่อฉีฉีเก๋อไม่เข้าใจเลยถูกเหริ่นเชี่ยนเชี่ยนถลึงตาใส่แวบหนึ่ง “ก็คือเป็นนางบำเรอตั้งแต่อายุยังน้อย เข้าใจหรือยัง?”


ฉีฉีเก๋อหน้าแดงก่ำในฉับพลันและทำท่าไม่เชื่อ “แต่เพิ่งอายุสิบสามปีเองนะ ในบทความนี้จะเป็นความจริงหรือเปล่า?”


เป็นความเท็จอยู่แล้วสิ!


แต่เหมยเหมยจะยอมบอกความจริงหรือ?


แน่นอนว่าไม่!


“แล้วจะเป็นข่าวได้ไงถ้าไม่มีมูล!” เหมยเหมยพูดแฝงนัยยะประโยคหนึ่งแล้วก้มหน้าซดน้ำซุปต่อ


เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาเลยพยักหน้ากล่าว “เหตุผลนี้แหละ เธอดูรูปนี้สิ ดูแรดซะไม่มี เธอถ่ายรูปแบบนี้ได้เหรอ?”


ฉีฉีเก๋อหน้าแดงก่ำส่ายศีรษะรัว ๆ แม้แต่ตอนใส่กระโปรงสั้นยังรู้สึกอายเลย แล้วเธอจะกล้าไปถ่ายรูปแบบนี้ได้อย่างไร?


อายจะตายอยู่แล้ว!


“นี่ไง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่กุลสตรีอะไรหรอก จิ๊ ๆคุณชายเช่อผู้โด่งดังกลับถูกสวมเขาซะได้ แบบนี้ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ ๆ!” เหริ่นเชี่ยนเชี่ยนตาเป็นประกายรอคอยละครฉากใหญ่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เลยไปตักเนื้อหมูตุ๋นน้ำแดงอีกที่หนึ่งอย่างตื่นเต้น


รูปถ่ายใบนี้ได้สร้างกระแสร้อนแรงไม่น้อย ผ่านมาสามวันก็ไม่มีท่าทีจะลดน้อยลงแต่อย่างใดกลับยิ่งร้อนแรงมากขึ้นกว่าเดิมจนปิดบังหนิงเฉินเซวียนไม่มิด เขาจึงรีบสั่งคนไปปิดสำนักพิมพ์นิตยสารนั้นทันทีแล้วสั่งให้คนยึดนิตยสารทั้งหมดกลับมา


แต่เฮ่อเหลียนชิงก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน การได้สร้างเรื่องให้หนิงเฉินเซวียนเป็นสิ่งที่เขาชอบทำมากที่สุด เฮ่อเหลียนชิงที่กำลังเบื่อหน่ายอยู่ก็พลันรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา เขาโทรหาเหมยเหมยด้วยตัวเองว่าให้เธอทำเต็มที่เพราะทุกอย่างเขาจะเป็นคนจัดการเอง


“ไม่ต้องกลัว เธอยังมีรูปอีกเท่าไร? ปล่อยไปเลยวันละรูป เอาให้ไอ้แก่นั่นโมโหจนตายไปซะ!” เฮ่อเหลียนชิงกระตือรือร้นสุดฤทธิ์และยิ่งพึงพอใจต่อเหมยเหมยมากขึ้นกว่าเดิม


ฝีมือและสไตล์การทำเรื่องแบบนี้ช่างถูกใจเขาเหลือเกิน!


พอได้รับแรงสนับสนุนจากเฮ่อเหลียนชิงเหมยเหมยก็ยิ่งไม่เกรงกลัวใด ๆ เธอจึงเลือกอีกรูปที่โป๊เปลือยกว่าเดิมให้ปาปารัสซีปล่อยลงนิตยสาร แม้จะเสี่ยงแต่ได้รับการสนับสนุนดีขนาดนี้ปาปารัสซีจะไม่ยอมได้อย่างไร ไม่นานก็แต่งบทความใหม่อย่างสุดความสามารถก่อนจะถูกตีพิมพ์ออกมาในวันรุ่งขึ้นทันที

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)