ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1850-1857
ตอนที่ 1850 เวรกรรม
พอบรรดาแขกทานข้าวเสร็จก็ขอตัวกลับก่อนด้วยความเร็วไม่กล้าอยู่นานไปกว่านี้ ได้ทานอาหารรสเลิศได้ดูเรื่องสนุก ๆ ถ้าไม่รีบกลับตอนนี้แล้วจะให้กลับตอนไหนล่ะ?
เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยกลับอยู่รั้งท้ายรวมถึงเฮ่อเหลียนชิงที่ต่างอยู่รอดูเรื่องสนุก ๆทั้งนั้น
นายใหญ่ออกมาสักที เพียงแค่กระแอมไอเบา ๆ กวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่งก็เผยความน่าเกรงขามออกมาโดยไม่ต้องทำอะไร
“กินอิ่มดื่มพอแล้ว เสี่ยวเมิ่ง เข็นฉันกลับบ้าน!” เฮ่อเหลียนชิงหัวเราะคิกคัก แล้วงอแงจะกลับบ้าน
หนิงเฉินเซวียนหน้าบึ้งตวาดเสียงเย็นชาใส่ “เฮ่อเหลียนชิง ครั้งนี้แกได้ใจแล้วสินะ?”
“เหอะ…ฉันมีอะไรให้ได้ใจกัน ฉันไม่ได้แต่งลูกสะใภ้เข้าบ้านสักหน่อย!” เฮ่อเหลียนชิงแค่นเสียงทีหนึ่ง
“งั้นแกให้ลูกชายแกให้ของขวัญเป็นหมวกใบนี้มันหมายความว่าไง? ตั้งใจจะทำให้ฉันขายหน้าเหรอ? แกพูดมาให้ชัด ๆต่อหน้านายใหญ่นี่แหละ!”
หนิงเฉินเซวียนโยนหมวกสีเขียวสดไปตรงหน้าเฮ่อเหลียนชิง เหมยเหมยมุมปากกระตุกพยายามกลั้นเสียงหัวเราะไว้
คนรักของเธอหักหน้าเก่งเสียจริง คิดไม่ถึงว่าจะให้ของขวัญแบบนี้ได้!
เฮ่อเหลียนชิงให้เสี่ยวเมิ่งเก็บหมวกขึ้นมาแล้วสำรวจดูอย่างละเอียดก่อนจะจิ๊ปากกล่าว “หมวกอันนี้ก็ดีอยู่นี่นา ทั้งเนื้อผ้าทั้งการออกแบบ…แค่ดูก็รู้เลยว่าเป็นยี่ห้อดัง”
หนิงเฉินเซวียนคร้านจะสนใจเขาเลยหันหน้าไปมองนายใหญ่โดยไม่พูดอะไรแค่มองด้วยท่าทางน่าสงสารอย่างนั้น
เฮ่อเหลียนชิงแค่นเสียงทีหนึ่ง เจ้าหมอนี้ก็เก่งแต่ใช้วิธีแบบนี้แหละ!
“ตาแก่หนิง หมวกอันนี้แกเป็นคนให้ฉันตอนนั้น ตอนนี้ฉันให้ลูกชายฉันคืนให้แก ทำไม แกไม่ยอมรับไว้เหรอ?”
เฮ่อเหลียนชิงยิ้มเย้ยหยัน สายตาเย็นยะเยือกพลางหมุนหมวกสีเขียวในมือไม่หยุด หนิงเฉินเซวียนใจดิ่งวูบสีหน้าดูแย่กว่าเดิม
เรื่องตอนนั้นเขาเป็นคนทำผิดต่อเฮ่อเหลียนชิงจริง ๆ แต่ความรักที่แท้จริงมันไม่ผิด เฮ่อเหลียนชิงกลับฆ่าเสี่ยวซีของเขา
“ไอ้แก่ แกทำให้เสี่ยวซีต้องตายแล้วแกคิดจะเอายังไงอีก?” หนิงเฉินเซวียนด่าทอด้วยความโกรธและสีหน้าท่าทางที่ดูเดือดดาลเต็มที
“เสี่ยวซีตายเพราะแก คนชั่วช้าอย่างแก ถ้าไม่ใช่เพราะแกหลอกล่อเสี่ยวซี ฉันจะ…”
เฮ่อเหลียนชิงโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเลยตอกกลับเสียงสูง แต่จู่ ๆก็ชะงักไป สีหน้าดูสลดลงคล้ายกำลังโศกเศร้าในพริบตา
“หนิงเฉินเซวียน เสี่ยวซีตายเพราะแก…เธอไม่ได้รักแก เธอไม่ได้รักใคร…”
เฮ่อเหลียนชิงพูดย้ำทีละคำ ๆ เรียกให้หนิงเฉินเซวียนโมโหจนเส้นเลือดกลางหน้าผากปูดโปน ดวงตาแดงก่ำเหมือนจะจับคนพูดกลืนลงท้องไปเสีย
“ไม่จริง…คนที่เสี่ยวซีรักก็คือฉัน คนที่เธอรักมากที่สุดคือฉัน…แกมันขี้อิจฉา…”
นายใหญ่ขมวดคิ้วแน่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นเป็นเรื่องราวใหญ่โต เขาเองก็พอจะเคยได้ยินมาบ้าง เพื่อนที่รักกันดิบดีกลับกลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่งเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว
แม้ผลลัพธ์นี้จะเป็นสิ่งที่เขายินดีที่จะได้เห็นแต่สองพี่น้องแท้ ๆรักกัน…แล้วยังจะมีลูกจากความรักร่วมสายเลือดมาอีกคน
ต่อให้นายใหญ่จะใจกว้างแต่ก็รับไม่ได้และไม่อยากฟัง
“พอแล้ว หยุดพูดกันทั้งคู่เลย การแต่งงานเป็นเรื่องน่ายินดี อนาคตก็ใช้ชีวิตให้ดี!”
นายใหญ่ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้และไม่เอ่ยคำใดต่อเหตุการณ์ที่พวกเหยียนหมิงซุ่นเพิ่งก่อเอาไว้ก่อนจะพาผู้ช่วยกลับไปก่อน
เฮ่อเหลียนชิงยิ้มให้หนิงเฉินเซวียนอย่างได้ใจแล้วจากไปพร้อมเสียงฮัมเพลง บรรยากาศอึมครึมเมื่อครู่มลายหายไปในพริบตาราวกับเป็นเพียงภาพลวงตา
หนิงเฉินเซวียนใจหล่นวูบ ท่าทีของนายใหญ่ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย
ไม่ได้การแล้ว เขาต้องเร่งความเร็วมากกว่านี้ ขอแค่เช่อเอ๋อร์มีหลานผู้สืบทอดเขาก็เตรียมลงมือได้แล้ว!
ขอแค่เขาชิงสายเลือดมังกรมาได้เสี่ยวซีก็จะฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้เสี่ยวซีฟื้นคืนชีพได้ เขาไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!
………………………………………..
ตอนที่ 1851 ผมคือลูกมารหัวขน ไม่มีสิทธิ์รังเกียจ
หนิงเฉินเซวียนตั้งใจเอาไว้ว่าหลังงานแต่งจะคุยกับเฮ่อเหลียนเช่อดี ๆสักหน่อย แต่ใครจะรู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อวิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก แวบเดียวก็ตามหาเขาไม่เจอแล้ว ในเรือนหอเหลือเพียงอู่เยวี่ยคนเดียว
หนิงเฉินเซียนรู้สึกผิดหวังต่อตัวอู่เยวี่ยมาก ตอนแรกนึกว่าจะหาคนที่จัดการเฮ่อเหลียนเช่อจนอยู่หมัดได้ ใครจะคิดล่ะว่าเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม
หนิงเฉินเซวียนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจึงส่งลูกน้องออกไปตามตัวเฮ่อเหลียนเช่อที่บ้านรับรองของเหมยซูหาน นอกจากที่นั่นแล้ว เฮ่อเหลียยนเช่อไม่มีทางไปที่อื่นอีก
“คุณอา เรียกผมมามีเรื่องอะไรครับ?” เฮ่อเหลียนเช่อมีท่าทีเคารพนอบน้อม แต่ถ้าสังเกตดี ๆจะพบว่าในแววตาของเขาไร้ซึ่งความชื่นชมอย่างที่เคยมีไปแล้ว
“เรื่องโอหยางซานซานตกลงมันยังไงกันแน่? แกรู้เรื่องพวกพ่อบุญธรรมของเธอไหม?” หนิงเฉินเซวียนมีท่าทีนิ่งขรึม
เฮ่อเหลียนเช่อพูดอย่างไม่แยแสว่า “เธอโตที่ต่างประเทศ พฤติกรรมการใช้ชีวิตคล้ายคลึงกับผู้หญิงต่างชาติ ผมรู้ประวัติก่อนแต่งงานของเธอทั้งหมด ขอแค่หลังแต่งงานอยู่ในกฎในเกณฑ์ก็พอแล้วนี่ครับ”
“ไร้สาระ…ผู้หญิงหลายใจแบบนี้ จะมาเป็นเมียแกได้ไง? รีบหย่ากับเธอซะ ฉันจะหาคนที่ดีกว่านี้มาให้แก”
หนิงเฉินเซวียนโมโหหนักมาก พอเห็นท่าทีเหมือนจ้าวเหมยจะไม่ได้ให้ร้ายโอหยางซานซาน น่าโมโหจริง ๆเลย ไม่รู้ว่าคนนอกจะหัวเราะเยาะเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!
เฮ่อเหลียนเช่อเหยียดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แอบซ่อนความพึงพอใจเอาไว้
ได้เห็นหนิงเฉินเซวียนโกรธเขาก็พลันรู้สึกสบายใจขึ้นมา คุณอยากให้ผมแต่งงานไม่ใช่เหรอ? ผมก็แต่งให้คุณดูแล้วนี่ไง
แต่แค่ผู้หญิงที่เขาหามาจะไม่ให้สมดั่งใจหนิงเฉินเซวียนก็เท่านั้นเอง แล้วจะทำไมเหรอ?
“ผมชอบโอหยางซานซานแค่คนเดียว ผู้หญิงคนอื่นผมไม่ชอบ ถ้าคุณอายังอยากจะได้หลานก็ต้องยอมรับให้ได้ว่าโอหยางซานซานคือภรรยาของผม”
เฮ่อเหลียนเช่อพูดอย่างใจเย็น แต่คำพูดที่เปล่งออกมาแทบจะทำให้หนิงเฉินเซวียนเส้นเลือดแตก
“แก…แก…ไม่รังเกียจที่เธอสกปรกงั้นเหรอ?”
เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะเยาะไปพลาง “ผมมันก็แค่ลูกมารหัวขนคนหนึ่ง จะมีสิทธิ์อะไรไปรังเกียจคนอื่นว่าสกปรกล่ะ!”
สีหน้าของหนิงเฉินเซวียนเปลี่ยนไปมาก โมโหจนตวัดมือตบไปฉาดหนึ่ง เสียงกังวานภายในห้องดังขึ้นเสียดหู บน ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเช่อมีรอยนิ้วทั้งห้าเพิ่มขึ้นมาจนเป็นที่สะดุดตามาก
“แกพูดอีกทีสิ!” หนิงเฉินเซวียนชี้หน้าเฮ่อเหลียนเช่อ ตัวสั่นเล็กน้อย
เฮ่อเหลียนเช่อกุมใบหน้าพลางจ้องตาเขา แล้วพูดประชดว่า “ต่อให้คุณไม่เต็มใจยอมรับ ก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าผมเป็นลูกมารหัวขนไม่ได้หรอก!”
หนิงเฉินเซวียนตัวสั่นอย่างรุนแรง เส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบ ๆ ดูท่าทางเหมือนจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อ เฮ่อเหลียนเช่อเหลือบมองเขาอย่างเป็นห่วง กล้ำกลืนฝืนทนจนสุดท้ายก็ไม่พูดอะไรอีก
“ถึงอย่างไรสิ่งที่คุณอาต้องการก็คือเด็ก ส่วนเด็กคนนี้ก็จะมุดออกมาจากท้องของผู้หญิงคนนั้น คุณอาจะจุ้นจ้านให้มันวุ่นวายไปทำไม?”
เฮ่อเหลียนเช่อหัวเราะเยาะใส่ตัวเอง จ้องลึกไปที่ดวงตาของหนิงเฉินเซวียนแล้วหมุนตัวจากไป
“หยุดอยู่ตรงนั้น!” หนิงเฉินเซวียนเรียกให้เขาหยุด
เฮ่อเหลียนเช่อหยุดเดิน หันหน้ากลับมาแล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“แกไปเปลี่ยนแซ่ซะ ยังจะใช้แซ่เฮ่อเหลียนอะไรนั่นอีก?” หนิงเฉินเซวียนไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ในช่วงที่รับเฮ่อเหลียนเช่อกลับมาที่บ้าน เขาก็ขอให้เฮ่อเหลียนเช่อที่มีอายุเพียงเจ็ดขวบเปลี่ยนแซ่เปลี่ยนชื่อ แต่เฮ่อเหลียนเช่อในตอนนั้นแม้จะอายุน้อยแต่กลับดื้อรั้นเอามาก ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมเปลี่ยน แล้วก็ไม่ยอมเรียกเขาว่าพ่อด้วย
วันนี้ไอ้แก่เฮ่อเหลียนชิงนั่นก็หยิบยกเรื่องแซ่มาวิพากษ์วิจารณ์เขา แล้วเขาจะกล้ำกลืนความโมโหนี้ลงไปได้เหรอ?
ความผิดหวังวิ่งพาดผ่านขึ้นมาในใจของเฮ่อเหลียนเช่อ สิ่งที่เขาเป็นกังวลมีเพียงแค่เรื่องทายาทสืบทอดมาตั้งแต่แรก
“เรียกมาตั้งหลายปีผมชินกับชื่อเฮ่อเหลียนเช่อเสียแล้วสิ วันข้างหน้าก็ให้หลานชายคุณอาใช้แซ่เดียวกับคุณอาก็พอแล้ว!”
เขาไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนแซ่ แล้วก็ไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนชื่อด้วย แบบนี้ถึงจะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกของเฮ่อเหลียนชิง แต่ไม่ใช่ลูกมารหัวขนที่ใคร ๆก็ต่างพากันหัวเราะเยาะใส่
ความจริงแล้วเขาสนใจมันยิ่งกว่าใคร สายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเขา!
ตอนที่ 1852 รีบเตรียมพร้อมตั้งครรภ์
เฮ่อเหลียนเช่อสาวเท้าเดินจากไป เขาไม่ได้กลับไปหาเหมยซูหานแต่ไปเรือนหอที่มีอู่เยวี่ยอยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว
“คุณชายเช่อ”
อู่เยวี่ยลุกขึ้นอย่างนอบน้อม เธอไม่มีทางคิดเองเออเองไปว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะกลับมาเพื่อเข้าเรือนหอกับเธอ
“ช่วงสามวันนี้พักผ่อนให้ดี เตรียมตัวผ่าตัด!” เฮ่อเหลียนเช่อพูดอย่างเย็นชา
วันนี้ถูกไอ้บ้าเหยียนหมิงซุ่นนั่นก่อความวุ่นวายไปรอบหนึ่ง หนิงเฉินเซวียนต้องไม่พอใจอู่เยวี่ยแน่ เขารู้จักหนิงเฉินเซวียนดีเสียยิ่งกว่าใคร
ในเมื่อเกิดความไม่พอใจต่ออู่เยวี่ยขึ้นแล้ว หนิงเฉินเซวียนจะไม่มีทางเก็บอู่เยวี่ยไว้ เขาจะต้องคิดหาทุกวิถีทางเพื่อขับไล่อู่เยวี่ยออกไป
วิธีเดียวที่จะทำให้อู่เยวี่ยอยู่ที่นี่ต่อไปได้ก็คือการทำให้อู่เยวี่ยท้อง ถ้ามีเด็กแล้วต่อให้หนิงเฉินเซวียนจะไม่ชอบใจอู่เยวี่ยก็คงทำได้แค่ให้เธออยู่ที่นี่ต่อไป
ส่วนหลังจากที่คลอดเด็กออกมาแล้ว หนิงเฉินเซวียนอยากจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้วล่ะ
ท่าทีของอู่เยวี่ยเปลี่ยนไปมาก โพล่งถามขึ้นว่า “ไหนบอกว่าอีกหนึ่งเดือนไม่ใช่เหรอ?”
เดิมทีเธอคิดเอาไว้ว่าภายในหนึ่งเดือนนี้ค่อยคิดหาวิธีถ่วงเวลา เธอไม่อยากเสียโอกาสในการเป็นดาราไปจริง ๆ หลังจากคลอดลูกร่างกายของเธอต้องเปลี่ยนไปแน่ ต่อให้มีความสามารถแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถแข่งกับเด็กสาวเหล่านั้นที่มีหน้าตาสะสวยได้หรอก!
เธอไม่เต็มใจเอาเสียเลย !
“สิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือเชื่อฟังคำสั่ง ฉันบอกว่าอีกสามวันก็คืออีกสามวัน ช่วงสามวันนี้ดูแลสุขภาพให้ดี หวังว่ามันจะสำเร็จได้ในครั้งเดียว”
เฮ่อเหลียนเช่อพูดออกมาอย่างเย็นชาและยากที่จะปฏิเสธ
“คุณชายเช่อ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อฟังคำสั่ง แต่สภาพร่างกายของฉันในตอนนี้ไม่เหมาะกับการตั้งครรภ์จริง ๆ ถ้าหากเด็กที่คลอดออกมาไม่สมบูรณ์…”
อู่เยวี่ยพยายามพูดเกลี้ยมกล่อมเฮ่อเหลียนเช่อโดยหยิบยกเรื่องที่เด็กอาจพิการได้ขึ้นมา ในความจริงเธอจะดูดกัญชาได้อย่างไร ร่างกายสมบูรณ์ดีพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมอีก
“ถ้าพิการก็ค่อยคลอดใหม่ คลอดจนกว่าเธอจะได้ลูกที่สมบูรณ์ออกมา!”
ดวงตาโฉบเฉี่ยวเรียวยาวของเฮ่อเหลียนเช่อไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก อู่เยวี่ยไม่เพียงแค่สั่นสะท้านแต่เสียววาบตั้งแต่หัวจรดเท้า
เธอไม่อยากกลายเป็นแม่หมู ที่คลอดเด็กหนึ่งคนเสร็จก็ต้องรีบพักฟื้นให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงแล้วก็คลอดเพิ่มอีกหลาย ๆคน ถ้าเป็นอย่างนั้นร่างกายก็ต้องเปลี่ยนไปโดยปริยาย
“คุณชายเช่อวางใจเถอะค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน”
อู่เยวี่ยรู้ตัวดี เรื่องเด็กคนนี้เธอหนีไม่พ้นแล้ว ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คงต้องเลือกที่จะเผชิญหน้า
แต่น่าเสียดายที่กว่าจะได้รับโอกาสเป็นนางรองในละคร เธอถูกโปรดิวเซอร์นั่นทรมานอยู่หลายคืน เปล่าประโยชน์จริง ๆ
วันที่สามหลังจากงานแต่งงานของเฮ่อเหลียนเช่อ เหมยเหมยก็ได้รับสายจากเหมยซูหานบอกว่ามีเรื่องอยากจะพบเธอ และได้นัดเธอที่โรงน้ำชา
เหมยเหมยไตร่ตรองดูแล้วจึงตัดสินใจจะไป ถึงอย่างไรการที่ฉีฉีเก๋อกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็เพราะเขาช่วยไว้ เธอไม่ใช่คนที่ได้รับผลประโยชน์แล้วจะถีบหัวส่ง ถึงแม้เธอจะไม่อยากเจอหน้าเหมยซูหานก็ตาม
โรงน้ำชาที่นี่เงียบสงบ เหมยซูหานแลดูซูบลง ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ตรงหว่างคิ้วชนกันเหมือนมีเรื่องกลัดกลุ้มใจ
เหมยเหมยรู้แก่ใจดี แม้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะแต่งงานแบบปลอม ๆกับอู่เยวี่ย แต่ถึงอย่างไรก็แต่งงานแล้ว เหมยซูหานดีใจสิแปลก!
“มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันเหรอ?” เหมยเหมยถาม
เหมยซูหานยิ้มอ่อนพลางรินชาให้เธอแก้วหนึ่ง เขาไม่อ้อมค้อมแต่ถามออกไปตรง ๆเลยว่า “ฉันต้องการทำงานร่วมกับพี่สามของเธอในการถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์ได้ไหม?”
เดิมทีเขาวางแผนที่จะกว้านซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์และโทรทัศน์ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ แต่ได้ยินมาว่าจ้าวเสวียเอ๋อร์กำลังเตรียมการที่จะถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์อยู่ จึงเปลี่ยนความตั้งใจและคงทำได้แค่ขอสิทธิ์ในการร่วมมือ
“ขอโทษด้วย ฉันขายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์โทรทัศน์ให้พี่สามไปแล้ว ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ” เหมยเหมยโยนเรื่องทิ้งไปให้จ้าวเสวียเอ๋อร์แทน
เหมยซูหานยกยิ้มทันที “เธอฟังฉันพูดให้จบก่อนสิ ฉันรู้ว่าเธอหานางเอกได้แล้วแต่ยังหาพระเอกไม่ได้ ฉันจะแนะนำคน ๆหนึ่งให้ หานจื่อจวินเธอคิดว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
………………………………………………………………….
ตอนที่ 1853 สามต่อเจ็ดดีล
หานจื่อจวิน?
เหมยเหมยชะงักไป หานจื่อจวินเป็นดาราดังสุดฮอตในตอนนี้ ทั้งหน้าตาดีทั้งมีฝีมือในการแสดง ตอนที่เธอพิจารณานักแสดงชายที่จะมารับบทพระเอกคนแรกที่เธอนึกถึงก็คือหานจื่อจวิน แต่เธอก็ละทิ้งความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว
แม้อายุของหานจื่อจวินจะไม่มากแต่เขาแสดงในหนังฟอร์มยักษ์มาโดยตลอด และความสำเร็จในวงการภาพยนตร์ของเขาก็ไม่น้อยหน้าใคร ได้รับรางวัลอยู่หลายครั้ง อนาคตไกลอย่างไร้ขีดจำกัด เขาจะยอมลดเกียรติมาแสดงละครทีวีได้อย่างไร? ซ้ำยังเป็นละครแนวรักใส ๆอีกด้วย
ดังนั้นถึงเหมยเหมยจะสนใจหานจื่อจวินมากแต่เธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เธอจึงให้จ้าวเสวียเอ๋อร์ตามหานักแสดงชายคนใหม่ แต่ตอนนี้เหมยซูหานกลับพูดออกมาว่าจะให้หานจื่อจวินมารับบทเป็นพระเอกของเธอ? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
เหมยซูหานยกชาขึ้นจิบด้วยท่าทีสงบ อมยิ้มแล้วพูดว่า “หานจื่อจวินค่อนข้างสนิทกับฉัน ถ้าฉันให้เขามาแสดง เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่”
ความจริงแล้วเขาเคยมีบุญคุณต่อหานจื่อจวิน ถึงแม้ว่าตอนนี้หานจื่อจวินจะประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง แต่ก่อนที่เขาจะเดบิวต์เข้าสู่วงการค่อนข้างยากจนข้นแค้น แม้แต่ข้าวยังไม่เคยกินอิ่มท้องสักมื้อเลย และก็เป็นเหมยซูหานเองที่ดึงศักยภาพของเขาออกมา ซ้ำยังใจกล้ายอมให้เขารับบทพระเอกในภาพยนตร์เรื่องใหม่จนโด่งดังในชั่วข้ามคืน
หลังจากครั้งนั้นหานจื่อจวินก็โด่งดังเป็นพลุแตกจนแทบคว้ารางวัลภาพยนตร์มาได้เกือบทุกเรื่อง
แม้ความสำเร็จจะเกิดจากการทำงานหนักและความพยายามของเขาเป็นหลัก แต่เรื่องที่เหมยซูหานมีส่วนช่วยทำให้เขาประสบความสำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นหานจื่อจวินจึงรู้สึกซาบซึ้งใจเหมยซูหานมาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะก่อตั้งสตูดิโอเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม แต่เมื่อไรที่เหมยซูหานเอ่ยปากขอร้องเขาก็จะตอบตกลงโดยทันที
เหมยเหมยนึกลังเลใจเพราะเธอชอบหานจื่อจวินมากจริง ๆ เธอเคยดูภาพยนตร์ทหารที่หานจื่อจวินแสดงมาก่อน ในภาพยนตร์เรื่องนั้นหานจื่อจวินสวมใส่ชุดทหารผู้กล้า ซึ่งเขามีส่วนคล้ายเหยียนหมิงซุ่นมาก
ตอนนั้นเธอจึงคิดว่าถ้าถ่ายทำเจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นภาพยนตร์ เธอจะต้องให้นักแสดงชายคนนี้มารับบทเป็นพระเอก
ตอนแรกเธอได้ละทิ้งความคิดนี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้เหมยซูหานกับโยนกิ่งต้นมะกอก[1]ขนาดนี้มาให้
เธอรู้สึกใจเต้นขึ้นมา
“นายจะร่วมลงทุนเท่าไร?” เหมยเหมยถาม
“วิธีที่ง่ายที่สุดส่วนแบ่งห้าสิบต่อห้าสิบ ลงทุนกันคนละครึ่ง” เหมยซูหานพูด
ในความเป็นจริงเขาแทบไม่สนใจต่อผลกำไรที่จะได้จากเรื่องนี้เลย เงินที่เขามีอยู่ในตอนนี้มีมากพอที่จะทำให้เขาใช้ไปอีกสิบชาติก็ใช้ไม่หมด เงินที่หามาได้ก็เป็นแค่การเพิ่มเลขศูนย์ด้านหลังเข้ามาอีกไม่กี่ตัวเท่านั้นเอง
เหตุผลที่เขามุ่งมั่นอยากจะถ่ายทำละครเจ้าหญิงอัปลักษณ์เรื่องนี้ มันเป็นเพราะใจเขาที่ยึดติดล้วน ๆ
เขาได้อ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์แล้ว ถ้าเป็นคนอื่นคงดูไม่ออก แต่เขามองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นชีวประวัติของเหมยเหมย
และในนั้นก็มีเขาอยู่ด้วย เขารู้สึกขอบคุณเหมยเหมยมากที่ไม่ได้เขียนให้เขากลายเป็นชายชั่วที่ไม่เอาไหน
บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่เขายึดติดมาจากชาติที่แล้ว หรือบางทีอาจจะเป็นความละอายใจที่เขามีต่อผู้หญิงตรงหน้าก็เป็นได้…
พอเหมยซูหานได้รู้ว่าเหมยเหมยเตรียมที่จะนำเจ้าหญิงอัปลักษณ์มาถ่ายทำเป็นละครทีวี จึงได้ตัดสินใจจะเข้าร่วมเป็นผู้ผลิตละครทีวีเรื่องนี้ด้วย
ได้เงินหรือเปล่าเขาไม่สน แต่เขาไม่อยากให้เหมยเหมยรู้ความคิดภายในใจ เขาถึงได้ยืนกรานส่วนแบ่งห้าสิบต่อห้าสิบ
เหมยเหมยปฏิเสธทันควัน “ส่วนแบ่งห้าสิบต่อห้าสิบเป็นไปไม่ได้แน่นอน สามต่อเจ็ด นายสามสิบฉันเจ็ดสิบ ”
เหมยเหมยซูหานยกยิ้มที่มุมปาก นัยน์ตามีความดีใจพาดผ่าน “ตกลง!”
เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆ เพราะนึกไม่ถึงว่าเหมยซูหานจะตกลงง่ายดายขนาดนี้
“นายแน่ใจนะว่าไม่ติดตรงไหน?” เธอถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่เลย ตามนี้แหละ ฉันสามเธอเจ็ด!”
เหมยซูหานรินชาให้เหมยเหมยอีกครั้ง แล้วเลื่อนจานของว่างไปตรงหน้าเธอ “ขนมที่นี่รสชาติดีนะ เธอกินเยอะ ๆสิ”
ในจานของว่างเป็นคุกกี้ถั่วลิสง สดใหม่มาก กลิ่นหอมกรุ่นของถั่วลิสงแผ่กระจายออกมาจนลอยไปเตะจมูกของเหมยเหมย เธอสูดเข้าไปพลางอดใจไม่ไหวจึงหยิบขึ้นมากินหนึ่งชิ้น
…………………………………………………………………….
[1] กิ่งต้นใบมะกอกเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ การโยนกิ่งต้นมะกอกก็เหมือนกับ ‘การให้โอกาสกับคนบางคน’
ตอนที่ 1854 หยั่งเชิง
รสชาติของขนมที่นี่ดีจริง ๆ ไม่ได้แย่ไปกว่าฝีมือของภัตตาคารป้าหวังเลย เหมยเหมยเพิ่มความเร็วในการเคี้ยว จนกินหนึ่งชิ้นหมดไปอย่างรวดเร็ว
นัยน์ตาของเหมยซูหานฉายแววอบอุ่น แม้นิสัยของเหมยเหมยจะเปลี่ยนไปมาก แต่ความชื่นชอบในการกินถั่วลิสงของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดยังคงเหมือนในความฝัน ขอแค่เป็นขนมที่ทำจากถั่วลิสงเธอก็ชอบกินทั้งนั้น
“ดื่มชาด้วยสิ อย่ากินแต่ขนมอย่างเดียว” เหมยซูหานเอ่ยขึ้น
เหมยเหมยเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอเห็นเขาเอาแต่จิบชาดื่มอย่างเดียวไม่แตะขนมเลยสักชิ้น จึงถามว่า “ทำไมนายไม่กินเลยล่ะ?”
“ฉันไม่ชอบกิน ถ้าเหมยเหมยชอบเดี๋ยวก็ห่อกลับบ้านไปด้วยสิ” เหมยซูหานโบกมือเรียกพนักงานหน้าประตู พูดกำชับไม่กี่ประโยค พนักงานโค้งตัวแล้วก็เดินออกไป
“ฉันสั่งให้พ่อครัวทำขนมอีกตอนนี้เลย ขนมพวกนี้ต้องทำสดใหม่ถึงจะอร่อย วันหลังถ้าเธออยากกินก็โทรมาหาผู้จัดการร้านของที่นี่ได้เลย แล้วจะมีคนไปส่งให้เธอถึงบ้าน” เหมยซูหานอธิบาย
เหมยเหมยได้ฟังก็รู้ทันทีว่าโรงน้ำชาแห่งนี้ต้องเป็นของเหมยซูหานแน่นอน
“ขอบคุณนะ แต่แม่ครัวที่พี่หมิงซุ่นจ้างมาให้ฉันก็ฝีมือดีเหมือนกัน ขนมที่ฉันกินก็ล้วนเป็นฝีมือเธอทั้งนั้น รสชาติดีมากด้วย ไม่ขอรบกวนพ่อครัวที่นี่จะดีกว่า”
เหมยเหมยปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม เธอไม่อยากให้เหมยซูหานมาใกล้ชิดจนเกินไป เหตุที่รับปากว่าจะร่วมงานกันนั่นเป็นเพราะถูกตัวล่ออย่างหานจื่อจวิน และอีกอย่างพวกเรื่องติดต่อประสานงานเจ้าเสวียเอ๋อร์ก็เป็นคนรับผิดชอบจึงไม่จำเป็นต้องให้เธอติดต่อกับเหมยซูหานอีก
เหมยซูหานส่งยิ้มให้และไม่ได้พูดอะไรอีก เขาคิดไว้อย่างดีแล้ว
แค่ได้รับรู้ว่าเหมยเหมยสุขสบายดี เขาก็ดีใจแล้ว ไม่วิงวอนขออะไรอีก
เหมยซูหานไม่ได้วอแวอะไรอีก เหมยเหมยพลันนึกโล่งใจ สำหรับเหมยซูหานในตอนนี้เหมยเหมยเกลียดไม่ลงจริง ๆ หากไม่เป็นเพราะชาติก่อนเหมยซูหานกับอู่เยวี่ยทำเรื่องน่าสะอิดสะเอียนไว้ เธอก็คงจะไม่ใจร้ายกับเหมยซูหานขนาดนี้
เธอไม่ได้มองข้ามความเศร้าโศกที่ประดับตรงหว่างคิ้วของเหมยซูหานเลย ไม่ต้องให้เดาก็รู้ว่าเป็นเพราะงานแต่งงานของเฮ่อเหลียนเช่อกับอู่เยวี่ย
“เฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานแล้ว นายจะทำอย่างไรต่อไป?” เหมยเหมยอดถามไม่ได้
เหมยซูหานสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มอย่างดีใจ
นี่เหมยเหมยกำลังเป็นห่วงเขาอยู่เหรอ?
ดีจัง!
“ก็เหมือนเดิม ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น เหมยเหมยไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกฉันสบายดี” เหมยซูหานพูดอย่างอ่อนโยน
เหมยเหมยมุ่นคิ้ว “นายจะสบายดีหรือเปล่านั้นนายรู้แก่ใจก็พอแล้ว ฉันแค่ถามดูเท่านั้นเอง แต่ถึงอย่างไรนายก็ควรคิดถึงแม่เหมยด้วยล่ะว่าความปรารถนาของหญิงชราอย่างเธอคืออะไร”
สิ่งที่แม่เหมยต้องการที่สุดคือการได้อุ้มหลาน เมื่อชาติก่อนความปรารถนาของเธอล้มเหลว ชาตินี้ก็คงต้องแบกความผิดหวังไปจนตายงั้นเหรอ?
ปลายลิ้นของเหมยซูหานรู้สึกถึงความขมขื่น จึงหลับตาลงแล้วถอนหายใจเงียบ ๆ
เขาทำให้แม่และเหมยเหมยต้องผิดหวังเสียแล้ว
แต่เขาอดใจไม่ได้ ห้ามใจไม่อยู่นี่นา!
ชาตินี้ทั้งชาติเขากับอาเช่อได้ผูกติดกันไว้แล้ว แยกจากกันไม่ได้อีก
“ฉันจะคิดหาวิธีเอง ขอบคุณเหมยเหมยที่เตือนนะ” เหมยซูหานพูด
เหมยเหมยก้มหน้าลงเพราะไม่อยากเห็นสายตาเศร้าสร้อยของเหมยซูหานอีก มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย
เธอนึกบางอย่างขึ้นได้จึงถามหยั่งเชิงว่า “นายยังจำอู่เยวี่ยได้ไหม?”
เหมยซูหานมองเธออย่างตกใจ ไม่เข้าใจว่าเหมยเหมยจะพูดถึงอู่เยวี่ยทำไม ในเมื่อสามปีก่อนเธอเป็นคนผลักอู่เยวี่ยตกตึกลงมาเองกับมือไม่ใช่เหรอ?
“อู่เยวี่ยตายไปเมื่อสามปีก่อนเพราะโรคประสาทกำเริบเลยกระโดดลงมาจากตึกชั้นสี่”
เหมยซูหานพูดพลางสังเกตท่าทีของเหมยเหมย แต่กลับไม่รู้ว่าเหมยเหมยเองก็สังเกตเขาอยู่
“ฉันรู้น่า ตอนนั้นเฮ่อเหลียนเช่อเป็นคนช่วยเก็บศพด้วยนี่ ฝากนายขอบคุณเขาแทนฉันด้วยนะ ไม่ว่าจะอย่างไรอู่เยวี่ยก็เคยเป็นพี่สาวของฉันนี่นา!”
เหมยเหมยไม่เห็นถึงท่าทีผิดปกติของเหมยซูหานจึงแอบผิดหวังเล็กน้อย งั้นแสดงว่าเหมยซูหานไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย
เฮ่อเหลียนเช่อไอ้คนวิปริตกล้าปิดบังได้แม้กระทั่งเหมยซูหาน ดูท่าเขาจะไม่ได้ซื่อสัตย์จริงใจกับเหมยซูหานเลยสักนิด!
………………………………………………………
ตอนที่ 1855 ความคิดของผู้ชายกับผู้หญิงต่างกัน
ในเมื่อเหมยซูหานไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วย เหมยเหมยก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานนักจึงลุกขึ้นขอตัวลา
“รออีกหน่อยสิ อีกสักพักพ่อครัวก็ทำขนมเสร็จแล้ว” เหมยซูหานเอื้อนเอ่ย
เหมยเหมยจึงนั่งลงอีกครั้ง สถานการณ์ดูตึงเครียด ทั้งคู่ต่างก็ไม่รู้จะคุยอะไรกันดีจนทำให้บรรยากาศน่าอึดอัด
“โอหยางซานซานไม่ธรรมดา นายต้องระวังเธอไว้นะ!” เหมยเหมยคิด ๆดูแล้วจึงตัดสินใจเอ่ยเตือนเหมยซูหาน
อู่เยวี่ยในตอนนี้วิปริตเหี้ยมโหด อารมณ์แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ร้ายกาจยิ่งกว่างูจงอาง ไม่มีใครรู้ว่าเธอจ้องจะกัดใคร ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเหมยซูหานก็ได้
เหมยซูหานกลับไม่คิดเช่นนั้น แต่ก็ยังดีใจในความเป็นห่วงของเหมยเหมย จึงยิ้มและพูดว่า “ขอบใจนะ ฉันจะระวังตัว”
เขาเคยเจอโอหยางซานซานมาครั้งหนึ่งแต่ไม่เคยคุยด้วย เฮ่อเหลียนเช่อบอกเขาว่าไม่ต้องไปสนใจผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นเพียงเครื่องมือที่เขาฝึกฝนมาเพื่อเป็นเกาะคุ้มกันก็เท่านั้น
แม้จะเป็นเช่นนั้น เหมยซูหานก็ยังรู้สึกอึดอัดใจอยู่ดี อึดอัดเพราะคนที่ยืนอยู่ข้างกายของเฮ่อเหลียนเช่อได้อย่างเปิดเผยไม่ใช่เขา
เหมยเหมยเห็นความเศร้าในแววตาเขา แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจถึงความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย แต่เธอก็เชื่อว่าเหมยซูหานรักเฮ่อเหลียนเช่อจริง ๆ แต่เฮ่อเหลียนเช่อนั้นไม่แน่…
“ยังไงนายก็ระวังตัวแล้วกัน!”
พนักงานยกคุกกี้ถั่วลิสงกล่องหนึ่งเข้ามาในห้อง เหมยเหมยรับขนมมาแล้วพูดกำชับอีกเล็กน้อย โดยบอกให้เหมยซูหานไปปรึกษาเรื่องการผลิตละครทีวีกับจ้าวเสวียเอ๋อร์แล้วก็จากไป
เหมยซูหานนั่งตามลำพังอีกสักพัก ดื่มชาในแก้วจนหมด ยิ้มเยาะให้กับตัวเองแล้วก็จากไป
หลังจากกลับบ้านเหมยเหมยก็เล่าสิ่งที่เธอเจอมา พร้อมมุ่ยปากพูดว่า “ฉันว่าเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้จริงใจกับเหมยซูหานเลย ขนาดเรื่องของอู่เยวี่ยก็ยังปิดบังได้!”
เหยียนหมิงซุ่นโอบเธอไว้ในอ้อมอกพลางเหย้าหยอกกับมือนุ่มไร้กระดูกของเธอไปด้วย “แบบนี้ถึงจะทำให้เห็นว่าเฮ่อเหลียนเช่อจริงใจกับเหมยซูหานต่างหาก เธอคิดผิดแล้ว”
ความคิดของผู้ชายกับผู้หญิงแตกต่างกัน ตรงจุดนี้เขาคิดเหมือนกับเฮ่อเหลียนเช่อ เรื่องที่อันตรายขอให้เขาเป็นคนแบกรับไว้แค่คนเดียว จะไม่ยอมให้คนที่ตนเองรักมารับรู้ด้วยเด็ดขาด
พวกเขาจะใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีอยู่สร้างหลุมหลบภัยที่ปลอดภัยที่สุดให้กับคนรัก
ไม่ปล่อยให้เรื่องวุ่นวายใดมารบกวนพวกเขา!
ดังนั้นการที่เฮ่อเหลียนเช่อไม่พูดเรื่องอู่เยวี่ยก็ถือเป็นการแสดงความจริงใจต่อคนที่ตัวเองรัก เช่นเดียวกับการที่เขาไม่มีวันให้เหมยเหมยได้รับรู้ว่างานที่เขาทำอยู่มันอันตรายแค่ไหนยังไงล่ะ!
เหมยเหมยเบะปากแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “พวกผู้ชายมักชอบดูถูกผู้หญิง ผู้หญิงก็มีส่วนแบกรับอยู่ครึ่งแผ่นฟ้า[1] พี่รู้หรือเปล่า? คราวหน้าถ้ามีเรื่องอะไรห้ามปิดบังฉัน ถ้าฉันรู้เข้าละก็…เหอะ ๆ…คุกเข่าบนเปลือกทุเรียน…”
“ไม่มีทางหรอก มีเรื่องอะไรพี่ก็บอกเธอตลอด…พี่ไม่ใช่เฮ่อเหลียนเช่อสักหน่อย”
เหยียนหมิงซุ่นรับปากก็ดีแค่ไหนแล้ว ถึงอย่างไรต่อให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ถ้าเขาไม่พูดเหมยเหมยก็ไม่มีทางรู้หรอก ตอนนี้กล่อมให้ภรรยาอารมณ์ดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่างหาก
เหมยเหมยถูกเอาใจจนอารมณ์ดี มองเขาอย่างเคือง ๆแล้วเอ่ยขึ้นว่า “แล้วจะทำอย่างไรกับอู่เยวี่ยต่อไปดี? จะปล่อยให้เธอหนีไปได้อย่างลอยนวลเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ รอสบโอกาสดี ๆก่อน อู่เยวี่ยต้องตายสถานเดียว!”
เหยียนหมิงซุ่นลูบหลังปลอบใจเธอ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาจะปล่อยอู่เยวี่ยไปได้อย่างไร?
เหมยเหมยจึงค่อยวางใจลงบ้าง และไม่คิดถึงสิ่งที่น่ารำคาญใจอย่างอู่เยวี่ยอีก
แต่สิ่งที่ทำให้เหมยเหมยแปลกใจก็คือด้วยนิสัยของอู่เยวี่ยแล้ว หากได้แต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่อสมดั่งใจหวังก็คงวิ่งแจ้นมาโอ้อวดกับเธอถึงที่นี่แล้วสิ แต่นี่งานแต่งผ่านไปตั้งหลายวันแล้วอู่เยวี่ยกลับเงียบเป็นเป่าสากไม่โผล่มาหน้ามาให้เห็นเลย
ไม่เหมือนนิสัยของเธอเลยสักนิด!
……………………………………………………………….
[1] ความสามารถที่เท่าเทียมกันในสังคม ของสตรี
ตอนที่ 1856 อย่าลงมือกับเด็ก
“อู่เยวี่ยกำลังเตรียมตัวตั้งครรภ์อยู่ เฮ่อเหลียนเช่อทุ่มเทกับเธอไปไม่น้อยเลย” เหยียนหมิงซุ่นช่วยไขปริศนาให้เหมยเหมย
เหมยเหมยเข้าใจได้ในทันที ไม่แปลกเลยที่จะเงียบไปขนาดนี้
“อู่เยวี่ยจะตั้งท้องด้วยวิธีไหน? หรือว่าเฮ่อเหลียนจะทำกับเธอจริง ๆ…” เหมยเหมยรู้สึกรับไม่ได้ ไหนบอกว่ารักเหมยซูหานจริงไง!
เหยียนหมิงซุ่นได้ยินก็นึกขำ บีบจมูกเธอเบา ๆซ้ำอยู่หลายทีแล้วพูดเสียงยียวนว่า “ตอนนี้การแพทย์ก้าวหน้าขึ้นมาก ไม่ได้มีแค่วิธีเดียวที่จะมีลูกได้สักหน่อย ในประเทศเราสามารถทำเด็กหลอดแก้วได้แล้ว”
เหมยเหมยถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ ใบหน้าแดงซ่าน เธอนี่โง่จริง ๆเลย เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ได้
แต่ว่า…
“เฮ่อเหลียนเช่อเกิดจากความรักระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดไม่ใช่เหรอ? เขาจะให้กำเนิดเด็กได้เหรอ?”
หนิงเฉินเซวียนและน้องสาวแท้ ๆของเขาให้กำเนิดเฮ่อเหลียนเช่อที่เป็นปกติสมบูรณ์ นี่ก็ทำให้ผู้คนต่างแปลกใจไปมากแล้ว หรือว่าทฤษฎีวิวัฒนาการจะไม่เป็นผลกับคนในครอบครัวของเฮ่อเหลียนเช่องั้นเหรอ
เหยียนหมิงซุ่นนิ่งไป เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย หากจะพูดว่าเฮ่อเหลียนเช่อปกติดีทุกอย่างก็คงไม่ถูก เขาเป็นคนหัวรั้น ซ้ำยังใจเหี้ยมเลือดเย็นผิดมนุษย์ นิสัยแตกต่างจากคนทั่วไปมาก และนี่คงจะเป็นความบกพร่องทางสายเลือดของคนรุ่นลูก
เฮ่อเหลียนเช่อยังเกิดมาพร้อมกับพละกำลังเหนือธรรมชาติ มีพรสวรรค์ในด้านการต่อสู้สูง และมันคงจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในชีวิตเขา
โบราณท่านว่าไว้มีลูกกับญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกัน หากไม่เป็นผู้มีพรสวรรค์ ก็เป็นผู้ที่โง่มาแต่กำเนิด หรือไม่ก็อาจจะเป็นพวกตัวประหลาด
เฮ่อเหลียนเช่อคงจะสอดคล้องกับข้อแรก แต่นิสัยของเขาก็ได้รับผลกระทบมาอยู่ดี
แต่นั่นก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าทายาทของเฮ่อเหลียนเช่อจะเป็นปกติได้
หนึ่งเดือนต่อมา ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นก็สืบทราบข้อมูลผลการตรวจของอู่เยวี่ย “ลูกพี่ อู่เยวี่ยตั้งครรภ์ได้สำเร็จแล้ว ตามที่ทราบทุกอย่างปกติดี แต่ต้องรออีกสามเดือนถึงจะยืนยันได้”
เหยียนหมิงซุ่นเกิดลังเลใจ
เขาจะลงมือกับเด็กคนนี้ดีไหมนะ?
เขารู้ถึงความทะเยอทะยานของหนิงเฉินเซวียนดีกว่าใคร จริง ๆแล้วคน ๆนี้วิปริตเสียยิ่งกว่าเฮ่อเหลียนเช่อเสียอีก ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่ตกหลุมรักและมีลูกด้วยกันกับน้องสาวแท้ ๆของตัวเองหรอก ทำอะไรไม่สนใจความคิดเห็นของคนทั้งโลก ฉันพอใจจะทำก็ทำ ไม่มีขื่อไม่มีแป
หนิงเฉินเซวียนถูกขนานนามว่าเป็นผู้มีความทะเยอทะยานดั่งจักรพรรดิ เขาไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างใคร แต่ฟ้าไม่ค่อยเป็นใจนัก หลายครั้งที่มีโอกาสแต่ก็ไร้ซึ่งวาสนาที่จะคว้าตำแหน่งนายใหญ่มาได้ นั่นจึงทำให้หนิงเฉินเซวียนรู้สึกไม่พอใจ
ดังนั้นหลายปีมานี้เขาถึงแอบระดมพล สะสมกองกำลังเพื่อจะเข้ายึดตำแหน่งนายใหญ่ เพื่อบรรลุความปรารถนาที่จะได้ปกครองแผ่นดินใต้หล้า
ในเมื่ออยากเป็นฮ่องเต้ ทายาทจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะงั้นหนิงเฉินเซวียนถึงได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของเฮ่อเหลียนเช่อมาก และอยากรีบอุ้มหลานเสียยิ่งกว่าใคร
แต่เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่เข้าใจ ในเมื่อหนิงเฉินเซวียนให้ความสำคัญเรื่องทายาทขนาดนั้น แล้วทำไมเขาไม่ไปหาผู้หญิงมาคลอดลูกเองเลยล่ะ?
ด้วยฐานะและอายุของหนิงเฉินเซวียนแล้ว ถ้าอยากจะหาผู้หญิงสักคนมาคลอดลูกให้ก็ง่ายนิดเดียว ไม่เห็นจะต้องบีบบังคบขนาดนี้เลย ความคิดของพวกวิปริตช่างเดายากเสียจริง
เหมยเหมยแค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังคิดอะไรอยู่ อันที่จริงเธอเองก็รู้สึกย้อนแย้งเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไรเด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เธอใจเหี้ยมกับผู้ใหญ่ได้แต่ลงมือกับเด็กไม่ได้จริง ๆ
แม้ว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกของอู่เยวี่ยก็ตาม!
“พี่คะ…ปล่อยให้เด็กคนนี้เป็นไปตามยถากรรมเถอะ!” เหมยเหมยพูดเสียงเบา ในใจพลันรู้สึกเจ็บปวด
เธอนึกถึงเด็กในท้องที่น่าสงสารของเธอในภพที่แล้ว ตอนนั้นเพิ่งจะสามเดือน แม้แต่ดวงตาจมูกปากยังไม่มีเลย คำโบราณท่านว่าทารกในครรภ์แบบนี้ยังไม่นับว่าเป็นมนุษย์ ต่อให้ตายไปแล้วก็ไม่สามารถกลับชาติมาเกิดใหม่ได้ ลูกของเธอจะไปอยู่ที่ไหนนะ?
เหยียนหมิงซุ่นสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกที่เกิดขึ้นกะทันหันของเหมยเหมย ยังนึกไปว่าเธอไม่พอใจที่เขาจะลงมือกับเด็ก จึงรับปากว่า “วางใจเถอะ พี่ไม่ลงมือกับเด็กคนนี้หรอก”
เดิมทีเขาแค่คิดเท่านั้นเอง แม้แต่พวกนายพรานที่ล่าสัตว์ยังยอมปล่อยสัตว์ป่าที่อุ้มท้องไปเลย เขาเป็นถึงคุณชายหมิงผู้สูงสง่าจะทำตัวต่ำช้าได้อย่างไร?
“ขอบคุณค่ะพี่หมิงซุ่น…”
เหมยเหมยโอบเอวเหยียนหมิงซุ่นแล้วซบลงอกเขา พลันถอนหายใจเสียงแผ่วเบา
หวังว่าเจ้าตัวเล็กของเธอจะกลับมาเป็นลูกของเธอในชาตินี้อีกครั้ง!
…………………………………………………………
ตอนที่ 1857 หลานสำคัญที่สุด
การตั้งครรภ์ของอู่เยวี่ยสร้างความแตกตื่นในเมืองหลวงขึ้นไม่น้อย คนที่มีความสุขที่สุดคือหนิงเฉินเซวียน ในที่สุดทายาทของเขาก็มาแล้ว!
ถึงแม้จะไม่พอใจในตัวโอหยางซานซานและยังได้เตรียมจะส่งคนไปฆ่าสะใภ้คนนี้ด้วย แต่ตอนนี้เขากลับเปลี่ยนความคิดแล้ว เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าหลาน รอเด็กคลอดออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที ถึงอย่างไรเสียชะตาชีวิตของโอหยางซานซานก็อยู่ในกำมือของเขาแล้ว ซึ่งง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่งในมือให้ตาย
“ให้ซานซานอุ้มท้องดูแลตัวเองอยู่ที่บ้าน ออกบ้านให้น้อย กินให้อิ่มนอนให้อุ่น หลานของฉันจะได้แข็งแรง” หนิงเฉินเซวียนกำชับอย่างอารมณ์ดี ดวงตาจับจ้องหน้าท้องแบนราบของอู่เยวี่ย อยากจะเห็นหน้าหลานจนอดใจไม่ไหว
อู่เยวี่ยรู้สึกเสียวสันหลังวาบ จมดิ่งอยู่กับความคิดของตน
วัน ๆขังไว้ในบ้านเหมือนเลี้ยงหมู เธอเสียสละไปตั้งมากมายจะมีประโยชน์อะไร?
ในเมื่อไม่ได้รับความจริงใจจากเฮ่อเหลียนเช่อ เช่นนั้นเธอจะอยู่ในฐานะภรรยาของเฮ่อเหลียนเช่ออย่างเสียเปล่าไม่ได้ คงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้ผลประโยชน์กลับมาบ้าง
“คุณอาคะ คุณหมอบอกว่าถ้าอยากให้หลานมีสุขภาพแข็งแรงก็ต้องออกไปเดินเยอะ ๆ วัน ๆไม่ควรอุดอู้อยู่แต่ในบ้านค่ะ” อู่เยวี่ยพูดเสียงนุ่มนวล พยายามเรียกหาอิสระให้ตัวเอง
เฮ่อเหลียนเช่อมองอู่เยวี่ยอย่างเย็นชาแล้วแอบหัวเราะเยาะ
ผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ตัวเขารู้ดีเสียยิ่งกะไร คงทนเหงาไม่ไหวตามคาด ก็คงแค่อยากหาผลประโยชน์ให้ตัวเองบ้างก็เท่านั้น ขอแค่อู่เยวี่ยเชื่อฟังและวางใจยอมคลอดเด็กคนนี้ออกมา เขาก็ไม่ถือสาที่จะให้ผลประโยชน์กับอู่เยวี่ย เขาเข้าใจหลักการที่ว่าอยากให้ม้าวิ่งได้เร็วก็ต้องให้กินหญ้าเป็นอย่างดี
หนิงเฉินเซวียนไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้เลยสักนิด ตอนที่เสี่ยวซีแม่ของเฮ่อเหลียนเช่อตั้งท้อง ภายนอกเธอคือภรรยาของเฮ่อเหลียนชิง กระบวนการขั้นตอนทุกอย่างมีเฮ่อเหลียนชิงเป็นคนดูแล และในตอนนั้นเขาเองก็อยู่ที่อื่น พอเขากลับมาเมืองหลวง เฮ่อเหลียนชิงก็จัดงานฉลองเหล้าครบเดือน[1]พอดี แวบแรกที่เขาเห็นเจ้าเด็กตุ้ยนุ้ยในอ้อมแขนของเฮ่อเหลียนชิง ก็รับรู้ได้ว่า…
เด็กคนนี้คือลูกของเขา!
ด้วยเหตุผลข้างต้นจึงทำให้เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตามมา!
“เช่อเอ๋อร์ หมอพูดแบบนั้นจริงเหรอ?” หนิงเฉินเซวียนไม่เชื่ออู่เยวี่ยจึงหันไปถามเฮ่อเหลียนเช่อ
ใจของอู่เยวี่ยจุกขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นจึงได้แต่ก้มหน้าดื่มน้ำไป
เฮ่อเหลียนเช่อมุมปากกระตุก พยักหน้ารับ “ใช่ครับ หมอบอกว่าการอยู่แต่ในบ้านจะไม่เป็นผลดีต่อพัฒนาการของเด็กในท้อง”
ใจของอู่เยวี่ยร่วงลงสู่ที่เดิมพลันรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไมเฮ่อเหลียนเช่อถึงช่วยเธอพูด แต่เธอก็ขี้เกียจคิดแล้ว แค่ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจก็เพียงพอแล้วล่ะ
พอหนิงเฉินเซวียนได้ฟังว่าไม่เป็นผลดีต่อพัฒนาการของหลานจึงกระวนกระวายขึ้นทันที “งั้นก็ออกไปเดินบ่อย ๆ ฉันจะส่งคนคอยตามดูแลซานซานสักสองสามคน นักโภชนาการก็ต้องหาแบบดี ๆไว้ ส่วนเฮ่อเอ๋อร์เองก็อย่ายุ่งกับงานนอกบ้านนักล่ะ ยุ่งจากงานแล้วก็กลับมาอยู่กับซานซานด้วย เข้าใจไหม?”
ความหมายของเขาก็คือไม่ให้เฮ่อเหลียนเช่อไปพัวพันอยู่กับเหมยซูหาน ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ให้เอาหลานมาเป็นอันดับแรก
รอเด็กคลอดออกมา เฮ่อเหลียนเช่อจะไปหาผู้ชายอีกสักสิบคนเขาก็จะไม่ยุ่งอีก
เฮ่อเหลียนเช่อมีท่าทีเย็นชาขึ้นทันที อู่เยวี่ยใจชาวาบ พลางรีบเอ่ยว่า “คุณอาคะ อา…เช่อเขาให้ความสำคัญกับงานมาก อีกอย่างฉันก็มีคนคอยดูแลตั้งมากมาย คงไม่ต้องถึงกับให้อา…เช่อสละเวลาอันมีค่ามาหรอกค่ะ ไม่เป็นไรจริง ๆค่ะ”
เธอไม่อยากอยู่ร่วมกับเฮ่อเหลียนเช่อแม้แต่น้อย มีปีศาจตัวหนึ่งอยู่ด้วยอากาศคงไม่บริสุทธิ์ มันจะทำให้เธอหายใจไม่ได้!
หนิงเฉินเซวียนพึงพอใจต่อการรู้กาลเทศะของอู่เยวี่ยอย่างมาก เป็นผู้หญิงก็ต้องรู้ความสำคัญของคนเป็นสามี โอหยางซานซานนับว่าเข้าใจสิ่งใดควรทำและสิ่งใดไม่ควรทำอยู่บ้าง เพียงแต่พวกพ่อบุญธรรมเหล่านั้นของเธอช่างน่ารำคาญใจเหลือเกิน ช่างมันเถอะ เห็นแก่หน้าของหลานไว้ชีวิตเธอสักครั้งก็แล้วกัน
แต่จะให้เธออยู่ในฐานะสะใภ้ของตระกูลหนิงไม่ได้เด็ดขาด เขาจะไม่ยอมให้ใบหน้าแก่ ๆนี่ต้องอับอายขายหน้า
สิ่งที่หนิงเฉินเซวียนไม่รู้คืออู่เยวี่ยปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากเฮ่อเหลียนเช่อในเร็ววัน แต่ไหนแต่ไรมาเธอก็ไม่เคยคิดที่จะอยู่ร่วมกับเฮ่อเหลียนเช่ออยู่แล้ว!
…………………………………………………………….
[1] คล้ายกับพิธีโกนผมไฟของไทย ซึ่งจะจัดเมื่อเด็กแรกเกิดมีอายุครบหนึ่งเดือนเต็ม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น