ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1838-1849
ตอนที่ 1838 ก่วนเสี่ยวอวี้ทำตัวเอง
ความจริงไม่ใช่ก่วนเสี่ยวอวี้เป็นฝ่ายมาหาเฉินเจียก่อน เธอถูกคนของโจวจื่อหัวจับตาดูทุกวันเลยไม่มีทางหนีอออกมาได้ เฉินเจียต่างหากที่ปลอมตัวเป็นแขกไปหาก่วนเสี่ยวอวี้หลังเห็นก่วนเสี่ยวอวี้จากหนังโป๊
ก่วนเสี่ยวอวี้เห็นเขาเปรียบดั่งพ่อพระมาโปรด จึงอ้อนวอนขอร้องให้เฉินเจียช่วยขอร้องโจวซิงเอ๋อร์แทนเธอให้ไว้ชีวิตเธอที ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเธออยู่ต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ
เฉินเจียเห็นหญิงสาวที่แต่เดิมน่ารักสดใสและผลการเรียนดี ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วันก็กลายเป็นสาวบริการที่อยู่ชนชั้นต่ำสุด เขาย่อมต้องรู้สึกเดือดดาลเป็นธรรมดาเลยโทรหาโจวซิงเอ๋อร์ก่อนจะต่อว่าอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำไม่น่าฟังเท่าไร
สยงมู่มู่แค่นเสียงทีหนึ่ง โง่เขลาจริง ๆด้วย!
แต่สิ่งที่เขาสนใจกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่งมากกว่า–
“นายดูหนังโป๊เป็นด้วยเหรอ? พัฒนาขึ้นนี่!” สยงมู่มู่พูดล้อเลียน
เฉินเจียหน้าแดงก่ำแล้วพูดแก้ตัว “ฉันไม่ได้ดู เพื่อนฉันต่างหากที่เป็นคนเอามา ฉันสงสัย…ก็…ก็เลยดูแวบหนึ่ง…”
เขามีแค่ความสงสัยจริง ๆ ในเมื่อตอนนี้อายุยี่สิบปีแล้ว เขาเคยฝันเปียกมาก็หลายครั้งย่อมต้องอยากรู้สิ่งที่ชายหญิงชอบทำด้วยกันอยู่แล้ว พอได้ยินว่าเพื่อนได้หนังโป๊ดาวยั่วที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้มา แถมยังเชิญชวนให้เขาไปร่วมดูด้วยกันอีก เฉินเจียไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว
ตอนแรกเขาจำไม่ได้ว่าผู้หญิงที่แต่งหน้าเข้มในหนังคือก่วนเสี่ยวอวี้ เพียงแต่เห็นว่าหน้าคุ้น ๆเลยถามเพื่อนถึงรู้ชื่อดาวยั่วว่าชื่อก่วนเสี่ยวอวี้ เขาจึงตกใจอย่างมากหลงคิดว่าก่วนเสี่ยวอวี้ถูกคนหลอกเลยคิดวิธีตามหาก่วนเสี่ยวอวี้จนเจอ
ไม่มีใครเชื่อข้อแก้ตัวของเฉินเจีย เด็กผู้ชายดูหนังโป๊เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เด็กผู้หญิงมากมายยังแอบดูด้วยซ้ำ!
“ก่วนเสี่ยวอวี้เป็นแบบนี้เพราะกรรมตามสนองเธอทั้งนั้น เฉินเจียนายเก็บความเห็นใจของนายไว้ดีกว่า เก็บไว้ให้คนขอทานพวกนั้นเถอะ!” สยงมู่มู่พูดประชด
สิ่งที่โจวซิงเอ๋อร์ประสบมาพวกสยงมู่มู่กับเซียวเซ่อรู้กันดีและรู้ว่าก่วนเสี่ยวอวี้นั้นขายเพื่อนตัวเอง ผู้หญิงแบบนี้ทำตัวเองทั้งนั้น
เฉินเจียช่วยอธิบายแทนก่วนเสี่ยวอวี้ “ต่อให้เสี่ยวอวี้ทำอะไรผิดไปจะด่าจะตีก็ช่าง แต่เอาเธอไปขายในที่แบบนั้นได้ไงกัน แล้วยังถ่ายหนังแบบนั้นอีก…มันจะเกินไปแล้ว!”
“งั้นนายรู้ไหมว่าก่วนเสี่ยวอวี้ทำเรื่องชั่ว ๆอะไรกับโจวซิงเอ๋อร์ไปบ้าง? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอคุณนายโจวก็จะไม่ตายอย่างอนาถ โจวซิงเอ๋อร์ก็จะไม่ถูกคน…”
เหมยเหมยขัดสยงมู่มู่ไว้ก่อน โจวซิงเอ๋อร์คงไม่อยากให้เฉินเจียรู้เรื่องของเธอ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ควรให้พวกเขาเป็นฝ่ายบอก
สยงมู่มู่เองก็สำนึกได้ว่าตนพูดผิดไปเลยหุบปากอยู่เงียบ ๆ พลางถลึงตาใส่เฉินเจียอย่างดุดัน
เฉินเจียชะงักไปชั่วขณะ เขาไม่คิดว่าการตายของคุณย่าของโจวซิงเอ๋อร์จะเป็นเพราะก่วนเสี่ยวอวี้ แล้วไหนจะอีกครึ่งประโยคหลังที่สยงมู่มู่ยังพูดไม่จบดีอีก เกิดอะไรขึ้นกับโจวซิงเอ๋อร์กันแน่?
“เฉินเจีย นายอย่าไปฟังคำด้านเดียวของก่วนเสี่ยวอวี้สิ ซิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่ดี เมื่อก่อนดีกับก่วนเสี่ยวอวี้จากใจจริง ๆ ช่วยเหลือเธอมากมาย แต่สุดท้ายกลับถูกเพื่อนสนิทคนนี้แทงข้างหลัง คุณย่าที่เธอรักมากที่สุดต้องตาย เธอเองก็มีชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เอาคืนก่วนเสี่ยวอวี้คนเดียว ไม่ได้ทำอะไรครอบครัวเธอเลย”
เหมยเหมยพูดยาวเหยียดก่อนหยุดพักหายใจ สยงมู่มู่จึงพูดเสริมต่อ “จากความสามารถของคุณปู่โจวซิงเอ๋อร์ เอาครอบครัวก่วนเสี่ยวอวี้ให้ตายมันง่ายยิ่งกว่าฆ่ามดทั้งรังซะอีก จะให้ฉันว่านะโจวซิงเอ๋อร์เมตตาพอแล้ว”
เซียวเซ่อที่ทานไอศกรีมอยู่เงียบ ๆวางช้อนลงแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “ถ้าเปลี่ยนเป็นฉัน คนต่ำช้าอย่างก่วนเสี่ยวอวี้ ฉันคงฆ่าให้ตายไปทั้งครอบครัวแล้ว!”
เฉินเจียตัวสะท้านเฮือก
น่ากลัวจัง!
เซียวเซ่อกลืนไอศกรีมคำโตลงท้องไปแล้วพูดเสริมอีกประโยค “แต่ฉันไม่มีทางให้คนต่ำช้าอย่างก่วนเสี่ยวอวี้มาอยู่ใกล้ ๆได้หรอก โจวซิงเอ๋อร์โง่เกินไป”
………………………………………………
ตอนที่ 1839 เสียวเป่าคือใคร
แม้ว่าเฉินเจียจะซื่อไปสักหน่อยแต่ดีที่ฟังคำเตือนของคนอื่น พอได้ฟังว่าก่วนเสี่ยวอวี้ทำเรื่องเลวร้ายมามากทั้งยังเป็นคนทรยศแทงข้างหลังคนอื่นอย่างที่เขาเกลียดที่สุด ความสงสารที่มีต่อเธอเลยจางลงไปมาก
“ฉันจะปิดตัวฝึกซ้อมแล้ว ขอบคุณพวกเธอที่เตือนฉัน หลังจากนี้ฉันจะไม่ติดต่อกับก่วนเสี่ยวอวี้อีก” เฉินเจียนึกขอบคุณอย่างมาก เมื่อก่อนคุณปู่เคยพูดประจำว่าหากยอมฟังคำเตือนจากคนรอบข้างก็จะกินอิ่มท้องและช่วยให้ไม่เดินอ้อมมากเกินไป
พวกสยงมู่มู่นึกพอใจกับการที่เฉินเจียเชื่อฟังคำพูดอย่างมาก กลัวก็แค่จะเป็นก้อนหินอย่างเหยียนหมิงต๋าที่ช่างน่าโมโหมากจริง ๆ
“ไปเถอะ ฝึกดี ๆล่ะ ถ้าไม่ได้ลำดับดี ๆมา เวลาออกไปข้างนอกอย่าบอกว่าเป็นเพื่อนฉันล่ะ” สยงมู่มู่ตบบ่าเฉินเจียแรงๆ ทีหนึ่ง
เฉินเจียยิ้มเขินทีหนึ่งแล้วขอตัวกลับ เหมยเหมยพูดย้ำเขาไปอีกประโยค “อย่าลืมโทรหาโจวซิงเอ๋อร์ด้วย นายเข้าใจเธอผิดก็น่าจะพูดขอโทษสักคำนะ!”
“อืม ฉันกลับถึงบ้านก็จะโทรเลย”
ไม่ต้องให้เหมยเหมยบอกเขาก็เตรียมจะโทรหาโจวซิงเอ๋อร์อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ในสายโทรศัพท์เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แย่มาก ไม่สง่าเอาเสียเลย
พอเหมยเหมยกลับถึงคฤหาสน์ตระกูลโจวก็เห็นโจวซิงเอ๋อร์ไม่ได้เซื่องซึมอย่างก่อนหน้านี้อีก แต่ดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย เธอจึงรู้ทันทีว่าเฉินเจียคงโทรหาเธอแล้ว ยายคนนี้มั่นคงในตัวเฉินเจียมากจริง ๆ!
หลังจากเอาพิษออกจากร่างกายอีกครั้ง โจวจื่อหัวก็สุขภาพดีขึ้นมากทีเดียวจนสามารถลงมาเดินได้แล้ว เขาไม่สนใจที่จะพักผ่อนก่อนจะไปจัดการพวกคนไม่รู้จักสงบเสงี่ยมในแก๊งอย่างรวดเร็ว สวี่ก่วงเซิงถูกคนของเหยียนหมิงซุ่นฆ่าตายไปแล้ว พอไม่มีผู้นำก่อความวุ่นวาย คนตัวเล็ก ๆที่เหลือก็สร้างความปั่นป่วนอะไรมากไม่ได้
เรื่องทางฮ่องกงจัดการได้พอประมาณแล้วและเห็นว่าใกล้จะหมดช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเต็มที เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นยังคิดจะพาเหมยเหมยไปเที่ยวสักหน่อยแต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้ทุกอย่างต้องล่าช้า
ไหนจะโอหยางซานซานตัวปลอมที่เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกแย่เหมือนมีก้างปลาติดคอ หากไม่สืบให้รู้เรื่องคงไม่มีกะจิตกะใจไปเที่ยวที่ใด
“ลูกพี่ ผลการสืบสวนออกมาแล้ว เด็ก ๆสืบสวนไปสามครั้งและคิดว่าอู่เยวี่ยตกเป็นเป้าสงสัยมากที่สุด” เสี่ยวอวิ๋นถือเอกสารหนึ่งปึกเข้ามารายงาน
ผลสืบสวนครั้งแรกออกมาคืออู่เยวี่ยเธอยังเผลอด่าอีกฝ่ายไปยกหนึ่ง แต่พอสืบอีกสองครั้งผลก็ยังคงเป็นอู่เยวี่ยเช่นเดิม ต่อให้เสี่ยวอวิ๋นไม่เชื่อเรื่องฟื้นจากความตายแต่จะไม่เชื่อข้อมูลก็ไม่ได้
เหยียนหมิงซุ่นสีหน้าราบเรียบมาก เป็นดั่งที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด เป็นฝีมือของเฮ่อเหลียนเช่อจริง ๆ
“โทรหาพวกพ้องที่อยู่เมืองจินให้สืบดูสิว่าวันที่อู่เยวี่ยตาย มีข้อมูลบันทึกการตายของผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอีกไหม” เหยียนหมิงซุ่นออกคำสั่ง
เสี่ยวอวิ๋นมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความตกใจแวบหนึ่งแล้วก็ถอยออกจากห้องไปโดยไม่ถามอะไร
อีกวันต้องไปจากฮ่องกงแล้วเหมยเหมยเลยค่อนข้างตื่นเต้นนิดหน่อยพลิกตัวไปมานอนไม่หลับสักที เหยียนหมิงซุ่นกลับพิงหัวเตียงครุ่นคิดบางอย่าง ใบหน้าเย็นชาราวกับรูปปั้นสลักภายใต้แสงไฟสลัวของหัวเตียง
“พี่เป็นอะไร? ทุกอย่างก็จัดการเสร็จหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยังดูมีเรื่องให้คิดมากอีกล่ะ” เหมยเหมยถามด้วยความเป็นห่วง
ต่อหน้าเหมยเหมยเหยียนหมิงซุ่นถึงจะรู้สึกผ่อนคลายได้เต็มที่ เขาเอ่ยขึ้นขณะที่ยังครุ่นคิดอยู่ว่า “ฉันกำลังคิดถึงคำที่ลุงหมิงพูดก่อนตาย ฉันคิดว่าเมื่อก่อนฉันคิดผิดไปแล้ว”
“เฉินหมิงพูดอะไรเหรอ?” เหมยเหมยเริ่มสนใจขึ้นมาเลยฟุบที่ตักของเหยียนหมิงซุ่นก่อนจะแหงนหน้ามองเขา
เหยียนหมิงซุ่นลูบหลังเธอเบา ๆแล้วบอกประโยคขาดห้วงที่เฉินหมิงพูดไว้ก่อนตาย “ลุงหมิงบอกว่าฉันให้ระวัง…เสียวเป่า…”
“ตอนแรกฉันคิดว่าให้ฉันระวังคนที่ชื่อเสียวเป่า แต่ตอนหลังลุงหมิงพูดอีกประโยคหนึ่งว่าเสียวเป่าพ่อมาแล้ว ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะลุงหมิงคิดถึงลูกชายก่อนตายเลยพูดว่าเสียวเป่า แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าไม่ใช่” เหยียนหมิงซุ่นกล่าว
ตอนที่ 1840 คนเมาล้มนอนบนตักคนงาม
เหยียนหมิงซุ่นพูดไปพลางใช้มือนวดขมับข้างศีรษะไป ช่วงนี้ไม่เคยพักการใช้สมองเลย คนแข็งแกร่งอย่างเขาก็ชักรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาบ้างแล้ว
เหมยเหมยรีบลุกให้เหยียนหมิงซุ่นหนุนบนตักเธอก่อนจะนวดให้เขาเบา ๆ “ดีขึ้นบ้างไหม?”
“อืม…สบายขึ้นเยอะเลย…”
นอนหนุนตักนุ่มของเหมยเหมยทำให้เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัวบวกกับมีคนงามคอยบริการนวดให้แบบนี้แล้วจะยังรู้สึกเหนื่อยล้าอะไรได้อีก กระชุ่มกระชวยเสียมากกว่า
มิน่าคนโบราณถึงบอกว่าเมาแล้วล้มนอนบนตักคนงาม!
ที่พูดมาเพราะเคยประสบมาเองสินะ
เหมยเหมยเม้มปากพลางยิ้มอย่างได้ใจแต่มือกลับตั้งใจนวดมากขึ้น เอ่ยถาม “งั้นพี่คิดว่าเสียวเป่าที่เฉินหมิงพูดหมายถึงอะไร?”
เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งคิดจะอ้าปากบอกความคิดเขาออกไป แต่คำพูดที่จุกอยู่ในลำคอกลับถูกกลืนลงไปอย่างแรง ตกใจจนเหงื่อแทบแตก เกือบไปแล้ว!
เหมยเหมยไม่รู้เรื่องกู่ตัดสวาท เมื่อกี้เขาเกือบหลุดปากพูดออกไปแล้วเชียว คนงามคืออาวุธบั่นทอนสติจริง ๆ คราวหลังเขาต้องระวังตัวหน่อยแล้ว
“เปล่า…เมื่อกี้พี่แค่พูดไปงั้น ๆแหละ น่าจะเพราะพี่คิดมากเกินไป ลุงหมิงเขาอาจจะแค่คิดถึงลูกชายแล้ว…” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
เหมยเหมยมองเขาด้วยความสงสัย มักรู้สึกว่าเขามีเรื่องปิดบังตนอยู่ “ที่รัก…พี่มีเรื่องปิดบังฉันใช่ไหม…”
เสียงอ่อนหวานหยดย้อยทำให้เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกผิดหน่อย ๆ เพราะเขาปิดบังเธอจริง ๆ แต่เขาไม่อยากให้เหมยเหมยเป็นห่วง หากยายตัวแสบรู้ว่าเขาถูกพิษกู่ตัดสวาทที่อาจจะไม่สามารถมีลูกได้ตลอดชีวิตไม่รู้จะร้องไห้หนักแค่ไหน!
“ไม่มีจริงเหรอ? พี่ไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?” เหมยเหมยโน้มตัวลงมาเป่าลมใส่หูเขาอย่างซุกซน
เหยียนหมิงซุ่นหลับตาลงพูดเสียงแน่วแน่ว่า “ไม่มี…”
“โกหกฉันคือลูกหมานะ…เมื่อก่อนพี่เคยพูดไว้!” เหมยเหมยพูดหยอกเย้าพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก
เหยียนหมิงซุ่นพลิกตัวอย่างเร็วกดให้เธออยู่ใต้ร่าง ยกยิ้มมุมปากแล้วมองด้วยสายตาร้อนแรง “งั้นเธอก็คือลูกหมาตัวเมีย…”
ช่วงนี้งานยุ่งจนไม่มีเวลาทำเอาเขาอัดอั้นแทบตาย ในเมื่อยายตัวดียังแรงดีแบบนี้ก็ขอทำสักรอบแล้วกัน!
“นิสัยไม่ดี…พี่ต่างหากหมาตัวผู้ตัวใหญ่…” เหมยเหมยยิ้มขวยเขินคอยหนีการจู่โจม แต่จะหนีใครบางคนที่กลายร่างเป็นหมาป่าไปแล้วได้อย่างไร ไม่นานก็ถูกถอดเสื้อผ้าจนเกลี้ยง
“หมาตัวผู้ตัวใหญ่กับลูกหมาตัวเมีย…เหมาะสมกันที่สุด…”
“คนนิสัยไม่ดี…”
……
สนุกสนานสุดเหวี่ยงกันตลอดคืน
เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยเหมยที่ยังหลับเป็นตายถูกเหยียนหมิงซุ่นอุ้มขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่หลับสนิทตลอดทางเหมือนหมูตัวน้อยกระทั่งถึงเมืองหลวงก็ยังไม่ตื่น มุมปากยังมีน้ำใส ๆติดอยู่
เหยียนหมิงซุ่นมองภรรยาตัวเองอย่างระอาแต่ใจอ่อนยวบเป็นของเหลว ไม่ปลุกเธอแล้วอุ้มเธอลงจากเครื่องก่อนจะขับรถกลับบ้าน
“ลูกหมูขี้เกียจ…นอนเก่งกว่าหมูอีกนะเธอเนี่ย!”
เหยียนหมิงซุ่นกระซิบข้างหูเหมยเหมยที่นอนหน้าแดงระเรื่อเสียงเบา เหมยเหมยส่งเสียงอู้อี้อย่างไม่พอใจทีหนึ่งแล้วพลิกตัวหลับต่อ
ความจริงเธอเองก็ไม่ได้หลับสนิทมากเพราะรู้สึกตัวตลอดที่ขึ้นเครื่องลงเครื่อง แต่เธอคร้านจะตื่นในเมื่อมีเหยียนหมิงซุ่นอยู่เคียงข้าง ต่อให้เธอจะหลับข้ามวันข้ามคืนก็ไม่เป็นไร
ใครให้เจ้าหมอนี่ทรมานเธอทั้งคืนกันเล่า!
ยังมีหน้าบอกเธอว่าเป็นหมูอีก!
เชอะ!
เหยียนหมิงซุ่นไม่มีเวลาพักผ่อน เขาต้องรีบไปรายงานนายใหญ่ ปัญหาฮ่องกงเป็นเรื่องติดค้างใจนายใหญ่มาโดยตลอด เขาจะชักช้าไม่ได้
ณ เรือนรับรองสักแห่งในเมืองหลวง
เฮ่อเหลียนเช่อได้รับข่าวแจ้งจากลูกน้องก็โกรธจนเขวี้ยงแก้วน้ำชาแตกไปหนึ่งใบ นั่นทำเอาลูกน้องสะดุ้งตัวโยนไม่กล้าหายใจเสียงดัง
‘โอหยางซานซาน’ ที่อยู่สุขสบายเกินไปถูกเรียกตัวกลับมา พอก้าวเท้าเข้าห้องถึงรู้สึกถึงความผิดปกติ ยังไม่ทันปริปากก็มีแส้ฟาดลงมาทำให้ตัวแสบร้อนเหมือนโดนไฟเผา ‘โอหยางซานซาน’ กัดฟันแน่นไม่กล้าส่งเสียงร้อง
…………………………………………..
ตอนที่ 1841 เตรียมตัวแต่งงาน
เฮ่อเหลียนเช่อโยนหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งไว้ใต้เท้า ‘โอหยางซานซาน’ พลางถามเสียงเย็นชา “นี่หรือคือผลลัพธ์ในฮ่องกงของเธอ?”
‘โอหยางซานซาน’ ใจดิ่งลงเหวรีบก้มเก็บหนังสือพิมพ์ขึ้นมา หนังสือพิมพ์รายวันของฮ่องกงที่พาดหัวข่าวไว้อย่างเด่นชัดว่าพี่น้องร่วมสาบานโจวจื่อหัวอย่างสวี่ก่วงเซิงเสียชีวิตที่บ้านชู้รักอย่างน่าประหลาดในเวลาเช้ามืดเมื่อสามวันก่อน โจวจื่อหัวกล่าวอย่างเจ็บปวดปนว่าจะตามหาฆาตกรตัวจริงเพื่อล้างแค้นให้พี่น้องคนสนิทของตน
“ทำไมโจวจื่อหัวยังไม่ตาย? ทั้ง ๆที่เขาโดนฉันวางยาพิษไปแล้ว ถึงตอนนี้ไม่ตายก็ต้องมีสภาพปางตายสิ”
‘โอหยางซานซาน’ ไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เห็น เธอมั่นใจต่อยาพิษที่ตนคิดค้นขึ้นมาอย่างมาก ครั้นตอนอยู่ที่ประเทศอเมริกาเธอใช้ยาพิษชนิดนี้ฆ่าเศรษฐีในท้องที่ตายไปหลายคนเพราะเศรษฐีพวกนี้ไม่เชื่อฟัง หากมีชีวิตต่อไปสู้ตายเสียยังดีกว่า
สิ่งสำคัญที่สุดคือ–
เธอชอบความรู้สึกตอนได้ฆ่าคน
โดยเฉพาะเห็นคนที่มีความสุขร้องโอดครวญอย่างเจ็บปวดในบ่อโคลนที่พยายามปีนป่ายเท่าไรก็ไม่สำเร็จ อย่าให้ต้องบอกเลยว่าเธอมีความสุขแค่ไหน!
“ฉันดูแค่ผลลัพธ์ ขั้นตอนจะเป็นอย่างไรฉันไม่สนใจ อู่เยวี่ย…เธอทำให้ฉันผิดหวังมาก!” เสียงเย็นยะเยือกของเฮ่อเหลียนเช่อปักลงกลางใจเธอราวกับปลายมีดที่แหลมคม
โอหยางซานซานตัวปลอมคนนี้ก็คืออู่เยวี่ยที่ควรจะตายไปเมื่อสามปีที่แล้วนั่นเอง
หลังจากเธอถูกเหมยเหมยผลักตกจากตึกชั้นสี่ เธอไม่ได้หยุดหายใจในทันทีแต่กลับอยู่ในสภาพแกล้งตาย คนทั่วไปดูไม่ออกมีแต่จะคิดว่าเธอตายไปแล้ว แต่เฮ่อเหลียนเช่อแค่สัมผัสโดนร่างกายอู่เยวี่ยก็รู้ว่าเธอยังมีโอกาสรอด
ตอนนั้นเฮ่อเหลียนเช่อก็เริ่มสนใจในตัวอู่เยวี่ยขึ้นมาดังนั้นเขาเลยเสียแรงช่วยอู่เยวี่ยเอาไว้ เขาสั่งให้ลูกน้องหาศพอื่นมาปลอมตัวเป็นอู่เยวี่ยเพื่อตบตาเหยียนหมิงซุ่น
ภายหลังเขาได้รักษาแผลบนตัวอู่เยวี่ยจนหายดี ส่วนใบหน้าที่เสียโฉมไปเฮ่อเหลียนเช่อไม่สนใจเพียงแค่ให้เธอหาทางเอาเอง
“ฉันให้เวลาเธอสองปี ภายในสองปีต้องกลายเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อฉัน เพราะฉันไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์”
นี่เป็นคำที่เฮ่อเหลียนเช่อพูดไว้ตอนส่งอู่เยวี่ยไปประเทศอเมริกาและให้เงินเธอเพียงหนึ่งร้อยดอลลาร์สหรัฐกับตั๋วเรือจากตลาดมืดหนึ่งใบที่ไม่มีแม้แต่บัตรประจำตัว จากนั้นก็ส่งตัวอู่เยวี่ยที่เพิ่งหายดีไปประเทศอเมริกาทันที
นี่เป็นวิธีที่เขาใช้ทดสอบอู่เยวี่ย
หากมีชีวิตอยู่ต่อได้ก็จะเก็บเธอไว้ใช้ประโยชน์
เอาชีวิตรอดไม่ได้ถึงตายไปก็ไม่เป็นไร
ความจริงที่เกิดขึ้นกลับทำให้เฮ่อเหลียนเช่อชื่นชมในตัวอู่เยวี่ย ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีอู่เยวี่ยก็สามารถเปลี่ยนสถานะใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งยังเป็นสถานะที่เฮ่อเหลียนเช่อพึงพอใจมาก–โอหยางซานซาน
ส่วนความเป็นความตายของโอหยางซานซานเฮ่อเหลียนเช่อไม่สนใจเลยสักนิด
ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงตัวเองของอู่เยวี่ยเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่สนใจเช่นกัน หลังจากอู่เยวี่ยเป็นฝ่ายติดต่อเขามาก่อนเขาจึงส่งคนไปฝึกอู่เยวี่ยโดยเฉพาะ จากสติปัญญาและความแยบยลของอู่เยวี่ยเหมือนเกิดมาเพื่อเป็นสายลับ ทำให้อู่เยวี่ยผันตัวมาเป็นสายลับทางการค้าสิบอันดับแรกของโลกภายในระยะเวลาสั้น ๆ ธุรกิจการค้าในต่างประเทศของเฮ่อเหลียนเช่อดำเนินไปได้ด้วยดีนั้นอู่เยวี่ยก็มีส่วนช่วยไว้มากทีเดียว
อู่เยวี่ยทนเจ็บแล้วกล่าว “คุณชายเช่อ ขอร้องให้โอกาสฉันอีกครั้ง ฉันจะไปฮ่องกงเพื่อฆ่าโจวจื่อหัวเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้อง เธอไม่ต้องไปฮ่องกงแล้ว โจวจื่อหัวไม่ปล่อยเธอไว้หรอก ช่างเถอะ ช่วงนี้เธอก็อยู่เมืองหลวงไป สามวันหลังจากนี้ก็เตรียมตัวแต่งงาน” เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยขึ้นกะทันหัน
อู่เยวี่ยชะงักเพราะไม่เข้าใจความหมาย “คุณชายเช่อ ฉันแต่งงานกับใครเหรอคะ?”
“ฉัน จำไว้ว่าวันแต่งงานอย่าทำให้ฉันขายหน้า ไม่งั้นฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่!” เฮ่อเหลียนเช่อมองด้วยสายตาไม่สบอารมณ์
หากไม่ใช่เพราะใกล้ถึงกำหนดวันที่เขาสัญญากับพ่อบุญธรรมเอาไว้เขาก็ไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงสำส่อนอย่างอู่เยวี่ยจริง ๆ สกปรกยิ่งกว่าท่อน้ำเน่าเสียอีก
แต่นอกจากอู่เยวี่ย ตอนนี้จะให้เขาไปตามหาเจ้าสาวที่เหมาะสมกันในระยะเวลาสั้น ๆคงไม่ทันแล้ว เขาจึงปล่อยให้เป็นไปตามนี้
ตอนที่ 1842 เตรียมครรภ์
อู่เยวี่ยสงบสติอารณ์ลงได้แล้ว เมื่อสามปีก่อนเธอเป็นคู่หมั้นของเฮ่อเหลียนเช่ออยู่แล้วแต่ถูกจ้าวเหมยทำร้ายเสียก่อน ไม่คิดว่าพอผ่านไปอีกสามปีเธอก็ต้องมาแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่ออยู่ดี
“ค่ะ ฉันจะไม่ทำให้คุณชายเช่อต้องขายหน้า” อู่เยวี่ยก้มหน้าอย่างนอบน้อมและไม่รู้สึกอะไรในใจเลยสักนิด
สามปีก่อนเธออาจจะคาดหวังในตัวเฮ่อเหลียนเช่ออยู่บ้างแต่ตอนนี้เธอกลับอยากหนีไปให้ไกล หนีได้ไกลมากเท่าไรยิ่งดี
เฮ่อเหลียนเช่อพอใจกับความเจียมตัวของอู่เยวี่ยมากจึงบอกต่ออีกว่า “แล้วก็ช่วงนี้ก็งดเหล้างดบุหรี่ด้วย รักษาจิตใจให้สงบเหมือนแม่ชี หน้าก็ไม่ต้องแต่ง ฉันจะจัดหมอมาจับตาดูเธอเอาไว้”
“ทำไมล่ะคะ?”
อู่เยวี่ยไม่เข้าใจจริง ๆ แค่แต่งงานปลอม ๆเท่านั้นเองทำไมถึงต้องงดเหล้างดบุหรี่แล้วงดผู้ชายด้วย?
แม้แต่เครื่องสำอางยังใช้ไม่ได้?
“ถามทำไมนักหนา? ฉันให้เธอทำอะไรก็ทำไปเถอะ!” เฮ่อเหลียนเช่อต่อว่าเสียงเย็นชา
หนิงเฉินเซวียนพูดเร่งอยู่ทุกวันสามเวลาและเริ่มไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อย ๆ หากเหมยซูหานไม่ได้รับการปกป้องอย่างดีจากเขาคงตายไปไม่รู้กี่หนแล้ว
ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้เขาต้องรีบมีหลานตัวอ้วนซ่อมแซมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหนิงเฉินเซวียน
อู่เยวี่ยเริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี พลันใจดิ่งวูบแล้วอดถามไม่ได้ว่า “คุณชายเช่อ คุณอยากให้ฉันท้องใช่มั้ย?”
ทั้งงดบุหรี่งดเหล้างดผู้ชาย นอกจากตั้งครรภ์แล้วจะมีอะไรอีก?
เฮ่อเหลียนเช่อเลิกคิ้วอย่างนึกไม่ถึงว่าสมองก็ฉลาดไม่เบา ในเมื่อเดาได้แล้วเขาก็คร้านจะปิดบัง “รู้แล้วก็รักษากฎดี ๆ หนึ่งเดือนหลังจากนี้จะมีคนมาให้เธอลองทำเด็กหลอดแก้ว ถ้าเธอคลอดเด็กคนนี้มาได้อย่างปลอดภัยฉันจะตอบแทนเธออย่างสมน้ำสมเนื้อแน่”
“ไม่…คุณชายเช่อ…ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ไม่ยอม…คุณชายเช่ออย่าเข้าใจผิด”
อู่เยวี่ยหลุดปากคิดจะพูดปฏิเสธไปแต่ไม่นานเธอก็ไหวตัวทัน ผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่บรรดาชู้รักของเธอ เขาไม่มีทางทะนุถนอมเธออยู่แล้ว ทำให้เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์เดือดขึ้นมาเธออาจไม่รอดแน่
“คุณชายเช่อ ฉันหมายความว่าเมื่อก่อนฉันเคยสูบกัญชามาช่วงหนึ่ง ในร่างกายน่าจะมีสารพิษหลงเหลืออยู่ มันจะส่งผลต่อการเจริญโตของเด็ก คุณชายเช่อหาผู้หญิงที่สุขภาพร่ายแข็งคงเหมาะสมกว่า!”
อู่เยวี่ยปฏิเสธอ้อม ๆ เธอไม่มีปัญหาเรื่องการแต่งงานปลอม ๆ แต่เธอไม่อยากท้องเลยแม้แต่น้อย
ไม่ใช่แค่เรื่องคลอดลูกที่จะส่งผลต่อขนาดรูปร่าง อีกทั้งอย่างน้อยหนึ่งปีเธอจะไม่สามารถไปไหนมาไหนได้เลย หลายวันก่อนเธอเพิ่งรู้จักกับโปรดิวเซอร์คนหนึ่งที่คุยกันไว้แล้วว่าจะให้เธอแสดงเป็นนางรองในละครฟอร์มยักษ์แนวประวัติศาสตร์
อู่เยวี่ยมั่นใจในตัวเองอย่างมาก จากความสามารถของเธอต่อให้ไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อนเธอก็จะไปได้ดีในวงการบันเทิงจนกลายเป็นดาราชื่อดังได้รับความนิยมอย่างแน่นอน
ละครใหม่เรื่องนี้จะเริ่มเปิดกล้องถ่ายทำในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าและคาดว่าต้องใช้เวลาถ่ายถึงหนึ่งปี ถึงตอนนั้นจะปล่อยให้เธอท้องโตไปถ่ายละครคงไม่ได้
โอกาสที่ดีแบบนี้อู่เยวี่ยทำใจทิ้งมันไปไม่ได้จริง ๆ!
เฮ่อเหลียนเช่อรู้ทันความทะเยอทะยานและความไม่พอใจของผู้หญิงตรงหน้าตั้งแต่แวบแรก หึ!
อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าอู่เยวี่ยต้องการจะหลุดพ้นจากพันธนาการของเขา ฝันไปเถอะ ในเมื่อเขาทำให้อู่เยวี่ยเกิดใหม่ได้ก็สามารถทำลายเธอได้ง่าย ๆเช่นกัน
กับลูกน้องที่ไม่เชื่องเฮ่อเหลียนเช่อไม่เคยเมตตาใจอ่อนอยู่แล้ว!
“ไม่ท้องก็ได้…” เฮ่อเหลียนเช่อเว้นช่วงไป อู่เยวี่ยทำหน้าดีใจ แต่ทว่า–
“งั้นเธอคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว เธอว่า…ฉันควรจะจัดการเธออย่างไรดีล่ะ?” เฮ่อเหลียนเช่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบเหมือนใช้คุยกันระหว่างคนรักแต่กลับเรียกให้อู่เยวี่ยขนลุกซู่หน้าซีดไปทันที
“ฉันจะเชื่อฟังอย่างดี คุณชายเช่อ…ให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะนะคะ…ฉันจะให้ความร่วมมือกับคุณหมอ…”
อู่เยวี่ยตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้นส่งเสียงวิงวอนขอร้องไม่หยุด
…………………………………………..
ตอนที่ 1843 แมลงสาบที่ฆ่าไม่ตาย
หลังจากเหยียนหมิงซุ่นกลับมาก็ถามลูกน้องถึงเรื่องสามปีก่อน แม้จะผ่านไปเป็นเวลาค่อนข้างนานแต่ก็ถูกลูกน้องคนเก่งตามสืบจนเจอ
“ลูกพี่ วันที่อู่เยวี่ยตาย มีหญิงสาววัยยี่สิบห้าปีคนหนึ่งตายเพราะอุบัติเหตุรถชนที่เมืองจิน เวลาตายพอ ๆกับอู่เยวี่ย อีกอย่างได้ข่าวจากพ่อแม่ของผู้หญิงคนนั้นมาว่าก่อนที่จะทำการเผาศพลูกสาวได้หายตัวไปเกือบหนึ่งชั่วโมง จากนั้นที่ลานเผาศพก็มาแจ้งว่าพวกเขาได้เผาศพให้แล้ว”
เหยียนหมิงซุ่นกำหมัดแน่นนึกแค้นในความเจ้าแผนการของเฮ่อเหลียนเช่อและนึกเกลียดในความโง่เขลาของตน
ทำไมตอนนั้นถึงได้เชื่อเฮ่อเหลียนเช่อง่าย ๆ และไม่คิดจะตรวจสอบศพสักหน่อยนะ!
โชคดีที่ยังทันเวลา!
เหยียนหมิงซุ่นคิดจะบอกเรื่องนี้ให้เหมยเหมยทราบเพื่อให้เธอระมัดระวังตัวจากโอหยางซานซานตัวปลอม
“อู่เยวี่ย? ทำไมถึงเป็นเธอไปได้? ตกลงไปจากชั้นสี่แล้วทำไมถึงยังไม่ตายล่ะ?” เหมยเหมยอึ้งจนพูดไม่ออก หากไม่ใช่เพราะคนที่บอกเธอคือเหยียนหมิงซุ่นเธอจะต้องด่าอีกฝ่ายว่าเป็นบ้าแน่ ๆ
ถูกเธอกรีดหน้าไปตั้งหลายทีแล้วยังร่วงตกไปจากตึกสี่ชั้น อีกทั้งด้านล่างก็เป็นพื้นปูน คิดว่าต่อให้เป็นมนุษย์เหล็กก็ต้องแตกละเอียดแล้วหรือเปล่า
เป็นไปได้อย่างไรที่อู่เยวี่ยยังไม่ตาย?
“เป็นเรื่องจริง โอหยางซานซานตัวปลอมก็คืออู่เยวี่ย เฮ่อเหลียนเช่อช่วยอู่เยวี่ยเอาไว้แล้วส่งเธอไปฝึกที่ต่างประเทศ หลังจากนี้เหมยเหมยต้องระวังตัวหน่อยนะ” เหยียนหมิงซุ่นย้ำเตือน
เหมยเหมยกดขมับอย่างแรง ข่าวนี้กะทันหันเกินไปเธอทำใจรับไม่ได้ในชั่วขณะ
แต่เธอก็ไม่รู้สึกว่าเหนือความคาดหมายอีกแล้ว
มิน่าโอหยางซานซานตัวปลอมถึงให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างมาก ที่แท้ก็เป็นนางแพศยาอู่เยวี่ยนี่เอง!
“ฆ่าเธอ…พี่…ฉันจะฆ่าเธออีกให้ได้…” เหมยเหมยไม่คิดจะเก็บซ่อนความแค้นที่มีต่ออู่เยวี่ย เธอจับมือเหยียนหมิงซุ่นไว้แน่นพลางมองเขาอย่างอ้อนวอน
อู่เยวี่ยเป็นมารชีวิตเธอมาทั้งสองชาติ เธอต้องขจัดมารตัวนี้ไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สงบสุขไปตลอดชีวิต!
“ไม่ต้องรีบร้อนไป…พี่จะส่งคนไปฆ่าเธอเอง…” เหยียนหมิงซุ่นตบมือเหมยเหมยเบา ๆเพื่อให้เธอใจเย็นลง
ทุกครั้งที่เอ่ยถึงอู่เยวี่ยเหมยเหมยจะอารมณ์ขึ้นทุกรอบ ต่อให้เหมยเหมยไม่พูดเขาก็ไม่มีวันปล่อยอู่เยวี่ยไป ยิ่งกว่านั้นตอนนี้อู่เยวี่ยเป็นคนของเฮ่อเหลียนเช่อแล้ว เขาก็ยิ่งต้องกำจัดเธอทิ้ง
“…พี่หมิงซุ่น อู่เยวี่ยก็เป็นเหมือนปีศาจร้ายที่อยู่ในเกมใช่ไหม ฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่ตายสักที เราอยู่ในโลกความเป็นจริงหรือในฝันกันแน่…ฉันงงไปหมดแล้ว…”
เหมยเหมยมึนไปชั่วขณะ การฟื้นคืนชีพของอู่เยวี่ยทำให้เธอแยกไม่ออกว่ากำลังอยู่โลกไหนกันแน่?
บางทีเธออาจจะอยู่ในฝันมาตลอด อู่เยวี่ยคือแมลงสาบที่ไม่มีวันฆ่าตาย และภารกิจเพียงหนึ่งเดียวในฝันของเธอก็คือฆ่าอู่เยวี่ยครั้งแล้วครั้งเล่า…
เธอไม่อยากคิดแบบนี้เลยสักนิด เธอไม่อยากเห็นนางแพศยาอู่เยวี่ย เธออยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับพ่อแม่พี่ชายเพื่อน ๆ แล้วก็เหยียนหมิงซุ่น
เหยียนหมิงซุ่นฟังเสียงบ่นพึมพำของหญิงสาวในอ้อมแขนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ฟื้นคืนชีพอะไร?
แมลงสาบที่ฆ่าไม่ตายอะไร?
โกรธอู่เยวี่ยจนสติเลอะเลือนไปแล้ว!
“บอกว่าเธอโง่ยังไม่ยอมรับอีก จะเป็นความฝันไปได้ไงกัน? เรื่องอู่เยวี่ยเป็นแค่อุบัติเหตุ ครั้งนี้จะไม่ปล่อยให้เธอรอดไปอีกแล้ว เธออย่าคิดเพ้อเจ้ออีกเลยนะ!” เหยียนหมิงซุ่นแอบใช้แรงหยิกแก้มเหมยเหมยอย่างระอาไปทีหนึ่ง
เหมยเหมยเจ็บจนขมวดคิ้วก่อนจะปัดมือทิ้งอย่างไม่พอใจ กุมแก้มพลางถลึงตามองเหยียนหมิงซุ่น
“เจ็บสินะ? ในฝันจะเจ็บได้อย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นยิ้มกล่าว
“ไม่ใช่ ตอนฉันฝันก็เจ็บเหมือนกัน เจ็บมาก ๆด้วย” เหมยเหมยค้านเสียงเบา
เหยียนหมิงซุ่นตาเปื้อนยิ้มแวบหนึ่งพลางกระชับกอดเธอแน่นกว่าเดิม มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วแล้วยิ้มร้ายกล่าว “งั้นเหมยเหมยเคยฝันลามกบ้างไหม? ฉันช่วยเธอแยกแยะระหว่างฝันลามกกับความจริงแล้วกัน…ดีไหม…”
“ไม่เอา…ฉันไม่ฝันลามกสักหน่อย…คนนิสัยไม่ดี…”
เหมยเหมยลุกหนีพร้อมเสียงหัวเราะ ด้านนอกดวงอาทิตย์ยังส่องแสงเจิดจ้าอยู่เลย จะมาทำเรื่องแบบนี้กลางวันแสก ๆก็ออกจะรู้สึกแปลก ๆไปสักหน่อย
เพียงแต่การขืดขันนั้นไม่ได้ผล เหยียนหมิงซุ่นเลยตัดสินใจอุ้มเธอไปยังห้องฉายหนังเสียเลยเพื่อตัดความกังวลในใจของเหมยเหมย ทั้ง ๆที่ความจริงก็เพื่อเติมเต็ม ‘ความต้องการ’ ของเขาทั้งนั้น
ตอนที่ 1844 ถูกตัดหน้าอีกครั้ง
หลังจากผ่านการทดสอบซ้ำ ๆหลายครั้ง ในที่สุดเหยียนหมิงซุ่นก็ทำให้หญิงใต้ร่างแยกแยะความจริงกับความฝันได้สักที ขณะที่เขานั้นรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ
สำหรับใครบางคนแล้วไม่ว่าจะคุยหัวข้อเรื่องอะไรก็ตาม เขาก็สามารถโยงเข้าเรื่องนี้ได้ทุกที หนำซ้ำยังเป็นธรรมชาติไม่มีติดขัดเลยสักนิด
พอดื่มด่ำกับกายหอมของคนงามเพียงพอแล้วเหยียนหมิงซุ่นก็ต้องไปทำธุระแล้ว
ในเมื่อภรรยาตนเกลียดอู่เยวี่ยขนาดนั้นเขาก็มีความจำเป็นต้องกำจัดผู้หญิงคนนี้ทิ้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนตัวหรืองานก็ตาม แต่เขายังไม่ทันมอบหมายภารกิจให้ลูกน้องเลยก็มีบัตรเชิญสีแดงสดส่งมาถึงมือเขาแล้ว
งานมงคลของเฮ่อเหลียนเช่อกับโอหยางซานซาน ครองรักกันนานร้อยปี ขอเรียนเชิญคุณเหยียนหมิงซุ่นเป็นเกียรติมาร่วมงาน…
เหยียนหมิงซุ่นโกรธจนเผลอขยำบัตรเชิญเป็นก้อนกระดาษแล้วทิ้งลงถังขยะก่อนจะทุบโต๊ะแรง ๆหนึ่งที
เฮ่อเหลียนเช่อ!
โดนไอ้สารเลวนี่ตัดหน้าอีกแล้ว!
น่าแค้นใจนัก!
สถานะของอู่เยวี่ยในตอนนี้คือโอหยางซานซาน แล้วตอนนี้ยังจะแต่งงานกับเฮ่อเหลียนเช่ออีก เช่นนี้เขาก็ลงมือไม่ได้ชั่วคราว แม้คนทั้งโลกจะรู้ว่าเขาไม่ถูกกับเฮ่อเหลียนเช่อ แต่ต่อให้ภายนอกพวกเขาจะแสร้งรักใคร่ปรองดองกันไม่ได้ แต่กระนั้นจะห้ำหั่นเข่นฆ่าก็ไม่ได้เช่นกัน
สำหรับนายใหญ่แล้วความสามัคคีต่างหากที่สำคัญที่สุด
ตำแหน่งคุณนายเฮ่อเหลียนเช่อจะเป็นเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุดของอู่เยวี่ย!
“เฮ่อเหลียนเช่อสมองไม่สมประกอบหรือเปล่า? ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะไม่เอาดันไปเอาของเน่าอย่างอู่เยวี่ย เขาไม่กลัวติดโรคหรือไง!”
เหมยเหมยโกรธแค้นยิ่งกว่าจนตาแทบลุกเป็นไฟ ทว่าจำเป็นต้องระงับความโกรธเอาไว้ซึ่งมันน่าอัดอั้นเหลือเกิน
เหยียนหมิงซุ่นมองเธอแวบหนึ่ง “เฮ่อเหลียนเช่อใช้อู่เยวี่ยไว้รับมือกับหนิงเฉินเซวียนเท่านั้นแหละ ตอนนี้เขาจดจ่ออยู่กับแต่เหมยซูหานแล้วจะชอบอู่เยวี่ยได้อย่างไร?”
การแต่งงานกับอู่เยวี่ยต่างหากที่เป็นความฉลาดแผนสูงของเฮ่อเหลียนเช่อ ผู้หญิงคนอื่นจะเชื่องเท่าอู่เยวี่ยหรือ
เหมยเหมยแค่นเสียงอย่างนึกโมโห “เขาคงไม่คิดจะให้อู่เยวี่ยท้องหรอกนะ? ฉันได้ยินมาว่าหนิงเฉินเซวียนอยากอุ้มหลานจนจะคลั่งตายอยู่แล้ว”
เหยียนหมิงซุ่นใจกระตุกวูบ นี่ก็มีความเป็นไปได้เพราะเฮ่อเหลียนเช่อไม่มีทางยอมเลิกกับเหมยซูหานแต่ก็ขัดขืนหนิงเฉินเซวียนไม่ได้ ลูกจะเป็นน้ำยาหล่อลื่นคลายความตึงเครียดให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามคนได้ดีที่สุด
เหมยเหมยคิดได้เช่นนี้เลยหลุดขำออกมาพลางกล่าวอย่างนึกสมน้ำหน้า “อู่เยวี่ยต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าเฮ่อเหลียนเช่อแต่งงานกับเธอก็เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทำลูกเท่านั้น ตอนนี้เธอคงยังฝันหวานจะเป็นคุณนายข้าราชการระดับสูงอยู่สิท่า!”
อู่เยวี่ยฝันอยากแต่งงานกับข้าราชการระดับสูงมาตั้งแต่เด็ก ในที่สุดตอนนี้ก็ฝันเป็นจริงสักทีไม่รู้ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรบ้างนะ!
จู่ ๆเหมยเหมยก็เริ่มตั้งตารอคอยงานแต่งงานนี้ขึ้นมาแล้วสิ!
“พี่…แล้วบัตรเชิญล่ะ? เราต้องไปร่วมงานแต่งงานนะ ในเมื่อเฮ่อเหลียนเช่อกล้าส่งบัตรเชิญมาแล้วทำไมเราถึงไม่ไปล่ะ!” เหมยเหมยขอบัตรเชิญเพราะเธอคิดได้แล้ว
อู่เยวี่ยคือมารในชีวิตของเธอ เช่นเดียวกันเธอก็จะเป็นมารในชีวิตของอู่เยวี่ย เกรงว่าอู่เยวี่ยจะแค้นเธอมากกว่าตัวเธออีกน่ะสิ!
เธอจะต้องมีชีวิตต่อไปให้ดี ใช้ชีวิตให้มีความสุขแล้วคอยเยาะเย้ยอู่เยวี่ยทุกวัน!
เหยียนหมิงซุ่นนึกถึงบัตรเชิญที่ยับยู่ยี่ในถังขยะก็ลูบปลายจมูกหน่อย ๆ พลางรวบมือของเหมยเหมยที่กำลังปัดป่ายค้นหาบัตรเชิญบนตัวเขาไปทั่ว “เราไปร่วมงานแต่งก็ถือว่าให้หน้าเฮ่อเหลียนเช่อมากแล้วจะใช้บัตรเชิญอะไรอีก?”
“ก็ถูก…ไม่ต้องใช้บัตรเชิญ อ้อ พี่ เราจะให้ของขวัญอะไรดีล่ะ? หรือว่าให้เงินใส่ซองไม่กี่ร้อยก็พอ?” เหมยเหมยมุ่นคิ้วคิดหนักกับของขวัญอย่างมาก
ไปร่วมงานมือเปล่าก็ไม่ได้ อย่างไรเสียก็ต้องแสดงละครให้ครบสูตร
เหยียนหมิงซุ่นแค่นเสียงเบา ๆ ใส่ซองไม่กี่ร้อยอะไรล่ะ เดี๋ยวเฮ่อเหลียนเช่อก็ได้ใจแย่
“เรื่องของขวัญเธอไม่ต้องสนใจหรอก พี่จะจัดการเอง”
เหยียนหมิงซุ่นเพิ่งคิดแผนสุดวิเศษได้หมาด ๆเลยอารมณ์ดีขึ้นทันตา เช่นเดียวกับเหมยเหมยที่เริ่มตั้งตารอคอยการมาถึงของงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้แล้ว
เขาจะต้องมอบของขวัญชิ้นนี้ให้เฮ่อเหลียเช่อด้วยสองมือต่อหน้าแขกในงานทุกคน…
……………………………………………..
ตอนที่ 1845 ร่วมงานแต่งงาน
สองปีมานี้เฮ่อเหลียนเช่อใช้ชีวิตกึ่งสันโดษไม่สร้างปัญหาอะไรเลยแม้แต่น้อย แม้เจ้าตัวจะไม่ปรากฏตัวให้เห็นแต่กลับมีตำนานของเขาเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน ยามเอ่ยถึงคุณชายเช่อทุกคนยังคงรู้สึกเสียวสันวาบอยู่ทุกที
แต่อย่างไรก็ตามเฮ่อเหลียนเช่อก็ไม่ได้อยากจัดงานแต่งงานให้ใหญ่โตนัก เขาแต่งงานกับอู่เยวี่ยเพียงเพื่อรับมือกับหนิงเฉินเซวียนเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะว่ากลัวหนิงเฉินเซวียนจะโกรธเอา เขาเองก็ไม่อยากจัดงานเลี้ยงด้วยซ้ำ ลำพังมีแต่งานแต่งให้ก็ดีเท่าไรแล้ว
แต่สุดท้ายก็เกิดพายุทอร์นาโดครั้งใหญ่ขึ้นในเมืองหลวงที่ระยะนี้ค่อนข้างเงียบสงบ
คุณชายเช่อที่รับได้ทั้งชายหญิงหรือกระทั่งคนแก่จะแต่งงานแล้ว?
ทั้งอีกฝ่ายยังเป็นผู้หญิงด้วย?
หนำซ้ำยังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลโอหยาง!
นี่ต้องมีหน้าตาแบบไหนกันถึงขนาดเข้าตาคุณชายเช่อได้จนทอดทิ้งดอกหญ้าข้างทางนับหมื่นนับพันแล้วแต่งงานกับเธอเพียงคนเดียว!
หนิงเฉินเซวียนเป็นคนสั่งให้ส่งบัตรเชิญซึ่งล้วนเชิญแต่บุคคลที่มีหน้ามีตาในเมืองหลวงมาแทบทั้งหมด หนิงเฉินเซวียนรอคอยมาหลายปีจนวันที่เฮ่อเหลียนเช่อแต่งงาน เขาแทบอยากจะแจกบัตรเชิญให้คนทั้งโลกด้วยซ้ำ แล้วจะไม่จัดงานให้ใหญ่โตได้อย่างไร?
เฮ่อเหลียนเช่อคัดค้านอยู่หลายครั้งแต่เอาชนะหนิงเฉินเซวียนไม่ได้จึงปล่อยเลยตามเลย
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นโดยหนิงเฉินเซวียนเพียงคนเดียวโดยจัดในบ้านของเขาเอง พื้นที่กว้างเกือบร้อยไร่ต่อให้จัดโต๊ะเป็นพันก็ไม่เป็นปัญหา
เชฟรับผิดชอบเรื่องอาหารเป็นเชฟใหญ่ฝีมือดีที่จ้างมาจากภัตตาคารชื่อดังทั่วทั้งเมืองหลวง หนิงเฉินเซวียนพูดมาขนาดนี้จะมีภัตตาคารไหนกล้าขัดล่ะ?
งานแต่งงานเริ่มต้นในเวลาเที่ยงตรงของวัน เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยแต่งตัวเป็นพิธีการอย่างมาก เหยียนหมิงซุ่นสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนคู่กับกางเกงสูทสีขาว ส่วนเหมยเหมยนั้นแต่งชุดเดรสกระโปรงยาวที่ทอจากผ้าไหมสีแดงแล้วยังมีผ้าคลุมศีรษะสีเดียวกัน พอสวมใส่แล้วสวยราวกับนางฟ้ามาเกิดกระตุ้นอารมณ์เหยียนหมิงซุ่นจนอยากจะจัดบทรักอีกสักรอบก่อนออกจากบ้าน
เดิมทีการเข้าร่วมงานแต่งงานใส่ชุดสีแดงถือเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก แต่เหมยเหมยจงใจและตั้งใจให้เป็นที่สะดุดตามากกว่าอู่เยวี่ย หึ!
“พี่จะให้ของขวัญอะไรกับเฮ่อเหลียนเช่อเหรอ? คงไม่ใช่เพชรพลอยหรอกนะ?” เหมยเหมยมองกล่องของขวัญด้วยความแปลกใจ
กล่องของขวัญสีแดงทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ลำพังดูแค่กล่องของขวัญอันนี้ก็พอจะรู้ได้ว่าของขวัญข้างในกล่องต้องไม่ใช่ของราคาถูก ๆ
เหยียนหมิงซุ่นสนิทกับเฮ่อเหลียนเช่อขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรถึงได้ให้ของขวัญราคาแพงแบบนี้?
เดิมทีเธอคิดจะใส่ซองสองร้อยหยวนเสียด้วยซ้ำ!
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มแล้วเอ่ยด้วยเสียงยากจะคาดเดาได้ “เดี๋ยวก็รู้ ไม่ต้องรีบหรอก…”
เหมยเหมยกลอกตาใส่เขาไปทีหนึ่ง เล่นตัวอีกแล้ว!
พวกเขาไปถึงค่อนข้างสายเลยมีแขกอยู่ในงานจำนวนไม่น้อยแล้ว บรรยากาศภายในงานคึกคักมาก จ้าวอิงหัวก็ได้รับบัตรเชิญเช่นกันแต่เขาติดงานที่ต่างประเทศจึงไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ เขาเลยให้เลขาส่งของขวัญมาเท่านั้น
หนิงเฉินเซวียนยืนต้อนรับแขกที่หน้าประตูด้วยตัวเองซึ่งสร้างความตื่นตกใจแก่บรรดาแขกอย่างมากจนแทบยืนหลังไม่ตรง
ท่านคนนี้รับมือยากยิ่งกว่าเฮ่อเหลียนชิงเสียอีก!
“ตาแก่หนิง ไม่เจอกันหลายปีทำไมแกแก่ขนาดนี้แล้วล่ะ? จุ๊ ๆ…รอยเหี่ยวย่นบนหน้าหนีบแมงมุมตายได้แล้วมั้ง…”
เสียงคุ้นหูดังขึ้น เขาไม่ต้องหันไปมองต้นเสียงก็รู้ว่าเป็นใคร
นอกจากเฮ่อเหลียนชิงใครจะกล้าใช้น้ำเสียงนี้คุยกับหนิงเฉินเซวียนอีก?
เฮ่อเหลียนชิงที่กินอิ่มหลับสบายจนอ้วนขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว นอกจากสองขาที่เดินไม่ได้แล้ว สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงเสียยิ่งกว่าใคร ดูท่าทางยังจะอยู่เป็นภัยให้แก่โลกมนุษย์อีกหลายปีเชียว
หนิงเฉินเซวียนถูกขนานนามว่าเป็นจิ้งจอกรูปงาม หน้าตาย่อมไม่มีทางด้อยไปกว่าใครอยู่แล้ว ต่อให้แก่ขึ้นก็ยังคงดูดีเป็นชายชราหน้าหล่อไม่เปลี่ยน
แต่ไม่มีการเปรียบเทียบก็จะไม่เจ็บปวด หนิงเฉินเซวียนถือว่าบำรุงตัวเองดีมากแล้วแต่ยามอยู่ต่อหน้าคนที่มียาวิเศษบำรุงร่างกายอย่างเฮ่อเหลียนชิงก็ยังดูแก่กว่านับสิบกว่าปี รอยตีนกาตรงหางตาคงไม่ถึงขั้นหนีบแมงมุมตายได้แต่กับยุงคงไม่ใช่ปัญหา
ไม่เหมือนเฮ่อเหลียนชิงที่ผิวพรรณเรียบเนียนนุ่มดุจหญิงสาววัยสิบแปดปี เฮ่อเหลียนชิงต้องเชยชมตัวเองอยู่หน้าบานกระจกเป็นเวลาสามนาทีก่อนเข้านอนทุกคืนถึงจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างพึงพอใจแล้วค่อยนอนฝันหวานอย่างมีความสุข
หนิงเฉินเซวียนเห็นเฮ่อเหลียนชิงที่ดูอ่อนเยาว์ลงย่อมตกใจไม่น้อยและรู้สึกแย่เหลือเกิน
ตลอดยี่สิบปีนี้เขารอวันที่ตาแก่นี้ตายอย่างเดียว แต่เวลาผ่านไปยี่สิบปีตาแก่นี่กลับยิ่งหนุ่มขึ้นเรื่อย ๆส่วนเขากลับแก่ขึ้นเรื่อย ๆ!
ตอนที่ 1846 ปะทะกันซึ่งๆ หน้า
หนิงเฉินเซวียนมองเฮ่อเหลียนชิงที่ทำท่าได้ใจอย่างไม่มีใครเทียมได้ด้วยความอิจฉา ฟ้าไม่มีตา ทำไมถึงยังไม่เอาชีวิตตาแก่นี่ไปสักที
“เฮ่อเหลียนชิง หลายสิบปีผ่านไปแล้วทำไมขาของแกยังขยับไม่ได้อีกล่ะ? ฉันรู้จักอาจารย์จัดกระดูกคนหนึ่งนะ แนะนำให้แกดีไหม? ไม่แน่ก่อนตายอาจจะเดินได้อีกหลายก้าวก็ได้!”
ถ้อยคำร้ายกาจของหนิงเฉินเซวียนไม่เป็นรองเฮ่อเหลียนชิง ทั้งคู่ปะทะกันซึ่ง ๆหน้าอย่างไม่มีใครยอมใคร
บรรยากาศอึมครึมเรียกให้แขกจำนวนมากไม่กล้าจะหายใจเสียงดัง
ทั้งคู่ล้วนไม่ใช่คนที่จะมีเรื่องด้วยได้ เทพต่อสู้กันคนตัวเล็กตัวน้อยอย่างพวกเขายืนมองอยู่ห่าง ๆก็พอ
ขาเป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งของเฮ่อเหลียนชิง โดยเฉพาะตอนที่มันหลุดออกมาจากปากของหนิงเฉินเซวียน เฮ่อเหลียนชิงกำลังจะระเบิดอารมณ์แต่เหยียนหมิงซุ่นรีบเร่งฝีเท้ามายืนอยู่ข้างเฮ่อเหลียนชิง
“แสดงความยินดีกับคุณหนิงด้วย ทำไมเจ้าบ่าวไม่ออกมาต้อนรับแขกเองล่ะ? ผมอยากจะมอบของขวัญให้เขาเองกับมือเลยนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดขัดเฮ่อเหลียนชิง พ่อบุญธรรมคนนี้ของเขาเป็นศัตรูคู่แค้นกับหนิงเฉินเซวียน ขอแค่ได้เริ่มทะเลาะกันก็จะไม่มีทางจบสิ้น ต่อให้ฟ้าจะถล่มดินจะทลายก็ตาม
วันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นวันมงคลของเฮ่อเหลียนเช่อ หนำซ้ำนายใหญ่ก็ต้องมาร่วมงานแต่งงาน พูดกระแนะกระแหนไม่กี่ประโยคไม่เป็นไร แต่ถ้าหากทะเลาะกันใหญ่โตนายใหญ่ต้องไม่พอใจแน่ ๆ
เฮ่อเหลียนชิงพ่นลมออกทางจมูกแล้วพูดประชด “มีตาแก่ที่ไม่รู้จักกฎระเบียบแล้วยังชอบทำตัวเป็นชู้รักคนอื่น ก็ต้องอยู่ให้ห่างหน่อยสิ!”
หนิงเฉินเซวียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยสายตาเริ่มเย็นยะเยือก แขกคนอื่น ๆยิ่งเงียบเป็นเป่าสากกระเถิบหนีออกไปไกลกว่าสิบเมตร แต่ก็ตั้งใจเงียหูฟังเพราะใจที่อยากรู้อยากเห็นมันร้อนรุ่ม
เหยียนหมิงซุ่นมุมปากกระตุก พ่อบุญธรรมคนนี้ของเขาขอแค่เจอหนิงเฉินเซวียนหน่อยไม่ว่าจะอายุหรือสติปัญญาก็ลดฮวบลงทันที หนิงเฉินเซวียนเองก็เช่นกัน คนที่เกลียดกันกลับหนีกันไม่พ้นเลยจริง ๆ
“เฮ่อเหลียนชิง ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้ส่งบัตรเชิญให้แกนะ แกจะหน้าด้านมาทำไม?” หนิงเฉินเซวียนเอ่ยเสียงดุดัน
“ตาแก่หนิงใจคับแคบจังเลยนะ ทีตอนฉันจัดงานมงคลก็ไม่เคยจะลืมแกเลย ทำไมแกถึงไม่แจกบัตรเชิญฉันล่ะ? จะว่าไปแล้วเฮ่อเหลียนเช่อของแกยังสกุลเดียวกับฉันนะ เอ๊ะ อนาคตลูกชายของเขาก็น่าจะสกุลเฮ่อเหลียนด้วยสินะ ฉันจะต้องคิดชื่อดี ๆสักชื่อ ถึงฉันจะไม่ค่อยชอบเด็กคนนี้เท่าไรแต่ก็ได้มาฟรี ๆนี่นา ฉันไม่รังเกียจ…”
หนิงเฉินเซวียนเดือดจัดแล้วตะคอกกลับเสียงกร้าว “เฮ่อเหลียนชิง…แกอย่าแม้แต่จะคิด นั่นหลานชายฉัน…”
กว่าจะบีบบังคับให้เฮ่อเหลียนเช่อเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องได้ ตาแก่นี่อย่าคิดจะแย่งหลานชายกับเขาเชียว!
“ลูกชายยังไม่สกุลเดียวกับแกเลยทำไมหลานชายถึงเป็นของแกล่ะ?” เฮ่อเหลียนชิงสาบานว่าจะตามเยาะเย้ยให้ถึงที่สุด เห็นหนิงเฉินเซวียนโกรธจนต้องกระทืบเท้าปึงปังเขาก็รู้สึกสะใจเหลือเกิน เหลือแค่ไม่ได้ฮัมเพลงออกมาก็เท่านั้น
เหยียนหมิงซุ่นรีบส่งสายตาให้เสี่ยวเมิ่งเป็นเชิงให้เขารีบเข็นเฮ่อเหลียนชิงไปก่อน หากยังไม่ไปเกรงว่างานแต่งงานนี้คงดำเนินต่อไปไม่ได้แล้ว!
“ฉันยังพูดไม่จบเลยแกจะเข็นฉันไปทำไม…รีบเข็นฉันกลับไปนะ…ฉันจะคุยกับตาแก่หนิงอีกหน่อย…”
เสียงบ่นของเฮ่อเหลียนชิงดังแว่วมาขาด ๆหาย ๆ เหยียนหมิงซุ่นก้มศีรษะให้หนิงเฉินเซวียนน้อย ๆถึงจะจูงมือเหมยเหมยเข้าไปข้างใน เฮ่อเหลียนเช่อกับอู่เยวี่ยกำลังยืนต้อนรับแขกอยู่ด้านใน ทั้งคู่แต่งตัวดูดีมีชีวิตชีวาแต่ดูห่างเหินกันไปสักหน่อย ขาดความสนิมสนมอย่างที่สามีภรรยาควรจะมีต่อกัน
อู่เยวี่ยอยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงเผยสัดส่วนสุดเย้ายวนทว่ากลับไร้ความสง่า แต่นั่นก็โดดเด่นเฉิดฉายเพียงพอแล้ว แต่พอเหมยเหมยก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงนั้นกลับกลบรัศมีเจ้าสาวจนมิด
บรรดาแขกมองไปทางเหมยเหมยอย่างอดไม่ได้พลางกระซิบเสียงเบาว่านี่จงใจมาหาเรื่องกันชัด ๆ
อู่เยวี่ยสีหน้าเย็นชาลง นางแพศยาจ้าวเหมย…จงใจหาเรื่องเธอ นังนี่สมควรตาย!
เหยียนหมิงซุ่นถือกล่องของขวัญเดินไปหาเฮ่อเหลียนเช่อด้วยรอยยิ้มกว้าง “ยินดีด้วย ๆ…ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ หวังว่าจะรับไว้…”
……………………………………………..
ตอนที่ 1847 หมวกสีเขียวกับพ่อบุญธรรม
เฮ่อเหลียนเช่อรับกล่องของขวัญพลางนึกในใจว่าทำไมเหยียนหมิงซุ่นถึงให้ของขวัญราคาแพงกับเขาได้?
จิตใต้สำนึกของเขาคิดว่าต้องแฝงเจตนาที่ไม่ดีแน่นอน แต่การไว้หน้าก็เป็นสิ่งที่ต้องทำ
“ขอบคุณที่มานะ เชิญนั่งข้างในเถอะ งานใกล้เริ่มแล้ว”
เฮ่อเหลียนเช่อเค้นรอยยิ้มออกมาน้อย ๆ แล้วผายมือเข้าไปในโถงใหญ่ที่มีบริกรเดินมาเตรียมพาเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยไปประจำที่นั่ง
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มกล่าวตาหยี “ไม่รีบ แกไม่ดูก่อนหรือว่าฉันให้ของขวัญอะไรแก? นี่ฉันอุตส่าห์ตั้งใจเลือกมาเลยเชียวนะ!”
เฮ่อเหลียนเช่อเหลือบมองเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่งแล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มจอมปลอม “วันนี้มีแต่เรื่องวุ่น ๆ รอฉันเสร็จธุระแล้วค่อยเปิดดู ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่เหยียนนะที่เตรียมของขวัญให้ฉันดีขนาดนี้”
เหอะ!
คิดว่าเขาโง่หรือไง เหยียนหมิงซุ่นจะเตรียมของดีอะไรให้เขาได้ล่ะ
“ความจริงของขวัญชิ้นนี้ฉันเตรียมเพื่องานแต่งงานของแกเลย เอาออกมาตอนนี้ก็ใช้ทันพอดี ลองเปิดดูหน่อยสิ ดูว่าชอบหรือเปล่า?”
ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าต้องให้เฮ่อเหลียนเช่ออับอายขายหน้าก็จะไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ พลางยื่นมือไปเปิดฝาของขวัญ
ในเมื่อเฮ่อเหลียนเช่อไม่หลงกล เช่นนั้นเขาจะช่วยเอง
บรรดาแขกในงานต่างยื่นคอโก่งเหมือนคอหงส์และจดจ้องกล่องใบนั้นไม่วางตา อยากรู้ว่าข้างในคือของดีอะไรกันแน่
เหมยเหมยเองก็มองกล่องนั้นไม่วางตา เธอสงสัยยิ่งกว่า!
“ซี๊ด…”
แขกทุกคนเผลอสูดปากทีหนึ่งแล้วรีบเบี่ยงหน้าหันหนีไปอีกข้างแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นของในกล่อง
กลับเป็นหมวกสีเขียวสะท้อนแสงเสียได้ แล้วยังเป็นหมวกทรงสูงที่มีสีเขียวอร่ามทั้งอัน
เฮ่อเหลียนเช่อตั้งรับไม่ทันเลยไม่สามารถห้ามมือของเหยียนหมิงซุ่นได้ พอเขาเห็นของขวัญในกล่องชัดเต็มสองตาใบหน้าก็ถมึงทึงในฉับพลัน
แม้การแต่งงานกับอู่เยวี่ยจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แต่อย่างไรเสียก็เป็นงานแต่งงานของเฮ่อเหลียนเช่อ อีกอย่างไหนจะเชิญแขกมาตั้งมากมาย เหยียนหมิงซุ่นทำแบบนี้ไม่ต่างจากการตบหน้าเขาฉาดใหญ่ ไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด
“เหยียนหมิงซุ่น หน็อยแน่…”
เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันกรอดสายตาเริ่มดุร้ายขึ้น
เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่ใส่ใจพลางอมยิ้มรับ “อย่าขอบคุณฉันมาก หมวกใบนี้เหมาะกับแกจริง ๆ ให้ฉันช่วยใส่ให้แกไหมละ?”
ไอ้สารเลวเฮ่อเหลียนเช่อกล้าวางแผนหลอกเขาเมื่อสามปีก่อน เขาจะไม่เอาคืนได้หรือ?
ไม่ว่าจะแต่งงานจริงหรือไม่จริง งานแต่งงานในวันนี้เขาไม่มีทางปล่อยให้เป็นไปอย่างที่เฮ่อเหลียนเช่อต้องการหรอก
หมวกสีเขียวใบนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆน้อย ๆเท่านั้นเอง อนาคตเฮ่อเหลียนเช่อต้องเจออีกเยอะ!
“ไม่จำเป็น…หมวกใบนี้แกเก็บไว้ใช้เองเถอะ คิดว่าจะเหมาะกับแกมากกว่า!” เฮ่อเหลียนเช่อกล่าวเสียงเย็นชา
“ฉันจะใส่หมวกแบบนี้ได้ไง เหมยเหมยของฉันวางตัวดีมีสง่า รักษากฎขนบธรรมเนียมยิ่งกว่าใคร หมวกใบนี้เฮ่อเหลียนเช่อแกใส่เถอะ นี่ฉันสั่งทำมาเพื่อแกโดยเฉพาะเลยนะ!”
เหยียนหมิงซุ่นพูดชมภรรยาตัวเองอย่างโจ่งแจ้งไปยกหนึ่งทำเอาเหมยเหมยฟังแล้วลิงโลดเหมือนจุดพลุในใจ เงยหน้ายิ้มหวานให้เขาขณะที่หัวใจนั้นเบิกบานเสียยิ่งกว่าดอกไม้
หมวกใบนี้เธอชอบมันมากเหลือเกิน สามีช่างรู้ใจเสียจริง!
“ใช่แล้ว โอหยางซานซาน โจวจื่อหัวพ่อบุญธรรมของเธอฝากฉันมาทักทายเธอด้วยนะ เขาบอกว่าในบรรดาผู้หญิงทุกคนเธอดีที่สุดแล้ว แถมยังถามเธออีกว่าว่างเมื่อไหร่ก็กลับฮ่องกงใหม่ เรื่องราคาคุยกันได้ เธอเสนอได้เต็มที่เลย!”
เหยียนหมิงซุ่นช่วยขนาดนี้แล้วเหมยเหมยก็ไม่มีทางลืมเหยียบซ้ำอีกหนึ่งที
กับนางแพศยาอู่เยวี่ย เธอไม่มีวันใจอ่อนเด็ดขาด!
“ซี๊ด…”
บรรดาแขกเผลอสูดปากอีกทีหนึ่งขณะที่หูตั้งโด่ วันนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยวจริง ๆ!
หมวกสีเขียว[1]…พ่อบุญธรรม…
ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็เป็นข่าวเด่นประเด็นร้อนทั้งนั้น!
……………………………………………
[1] คนจีนเปรียบหมวกสีเขียวเหมือนการสวมเขา ที่หากบอกว่าใครโดนสวมหมวกสีเขียวเท่ากับโดนสวมเขา
ตอนที่ 1848 พ่อบุญธรรมมีเกลื่อนโลก
อู่เยวี่ยหน้าถอดสีแต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ หากไม่ใช่เพราะแววตาที่ยังดูลนลานอยู่บ้างเหมยเหมยคงคิดว่าเธอไม่ใส่ใจจริง ๆเสียอีก!
“คุณหนูจ้าวพูดล้อเล่นหรือเปล่า คุณพ่อของฉันก็อยู่เมืองจินดี ๆ ทำไมต้องไปรับคนอื่นเป็นพ่อบุญธรรมด้วยล่ะ? สงสัยเธอจะจำผิดคนแล้วละมั้ง?”
อู่เยวี่ยเอ่ยเสียงเรียบเพราะเธอคิดได้อย่างไวว่าใช่ว่าเฮ่อเหลียนเช่อจะไม่รู้เรื่องในอดีตของเธอ ในเมื่อยอมแต่งงานกับเธอก็เท่ากับไม่สนใจอดีตของเธอ
อีกอย่างด้วยอิทธิพลของเฮ่อเหลียนเช่อ ถึงเรื่องที่เคยเป็นชู้รักคนอื่นถูกเปิดโปงแล้วจะอย่างไรล่ะ?
ขอเพียงเธอไม่ยอมรับใครจะกล้าปั่นเรื่องของคุณผู้หญิงเฮ่อเหลียนเช่อได้?
เหมยเหมยเอามือปิดปากหัวเราะเสียงใส “จะจำผิดได้อย่างไร ฉันรู้จักเธอมาตั้งหลายปี เธอหน้าตาเป็นไงคิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอ? นอกเสียจากว่าเธอจะไม่ใช่โอหยางซานซาน!”
อู่เยวี่ยใจกระตุกวูบ คำพูดนี้ของจ้าวเหมยหมายความว่าอย่างไร?
หรือว่าเธอจะรู้อะไรเข้า?
“คุณหนูจ้าว อย่าพูดแบบนี้เชียว ฉันกับเธอก็แค่รู้จักกันผิวเผินไม่ได้สนิทด้วยเลย เธอจะจำผิดคนก็เป็นเรื่องปกติ!” อู่เยวี่ยยังคงใจเย็นเหมือนเดิมไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของเหมยเหมย
เฮ่อเหลียนเช่อก่นด่าบรรพบุรุษรากเหง้าเหยียนหมิงซุ่นในใจ เขาจงใจมาป่วนงานชัด ๆ
“เหยียนหมิงซุ่น แกมาดื่มเหล้ามงคลหรือมาหาเรื่องกันแน่? ไม่อยากดื่มเหล้าก็เชิญกลับ ที่นี่ไม่ต้อนรับแก!”
เฮ่อเหลียนเช่อพูดเสียงเย็นชาแล้วเอ่ยปากไล่แขก
เหยียนหมิงซุ่นอมยิ้มน้อย ๆ “เจ้าบ่าวอย่าอารมณ์ฉุนเฉียวขนาดนี้สิ ฉันกำลังเป็นห่วงแกไง ไม่ว่าอย่างไรคุณชายเช่อก็หน้าตาดีเป็นถึงราชาแห่งยอดเพชรอันดับที่ห้า ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่รู้ว่ามีคุณหนูจากตระกูลสูงส่งเท่าไรที่แย่งกันจะแต่งงานกับแก แต่แกก็นะ เลือกแล้วเลือกอีกก็ยังได้ของแบบนี้มา…”
อู่เยวี่ยทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยกล่าวเสียงเย็นชา “คุณชายหมิง ฉันไม่เคยล่วงเกินอะไรคุณ ทำไมถึงต้องพูดจาเหยียดหยามฉันในงานแต่งงานของฉันด้วย?”
“พี่หมิงซุ่นแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง โอหยางซานซานเธอกล้ารับคนมากมายเป็นพ่อบุญธรรมแล้วยังกลัวคนอื่นจะว่าอีกเหรอ?”
เหมยเหมยจงใจปรับเสียงให้ดังขึ้นเพื่อจะให้ทุกคนได้ยินกันหมด และให้ทุกคนได้รู้ว่าคนที่เพิ่งได้เป็นคุณนายเฮ่อเหลียนหมาด ๆ ธาตุแท้เป็นคนแบบไหน!
สามีทำอะไรภรรยาก็ทำตามไง!
“จ้าวเหมยเธออย่ามาใส่ร้ายคนอื่นสิ!” อู่เยวี่ยตวาดเสียงกร้าว
เหมยเหมยเบิกตากว้างเกินจริงพลางยกมือขึ้นมานับนิ้ว “เป็นไปไม่ได้หรอก โจวจื่อหัวที่ฮ่องกง มอร์ริสันกับโจ๊กเกอร์ที่อเมริกา แล้วก็ฮันส์ที่เยอรมนี คุณยามาโมโตะที่ญี่ปุ่น คุณปาร์คที่เกาหลี…
โอ้โห โอหยางซานซานเธอนี่เก่งจริง ๆ มีพ่อบุญธรรมอยู่ทั่วโลกเลยนะเนี่ย!”
บรรดาแขกต่างก้มหน้าเพื่อปกปิดสีหน้าตกใจปนอึ้งของพวกเขาและความรู้สึกตกตะลึงในใจ
โอ้โห…
คุณหนูจ้าวเปิดเผยรายชื่อและสัญชาติของพ่อบุญธรรมออกมาหมดเปลือก ฟังดูมีเหตุผลมีที่มาที่ไปไม่เหมือนคำโกหกสักนิด เห็นได้ชัดเลยว่าชีวิตส่วนตัวที่ต่างประเทศของโอหยางซานซานแหลกเหลวแค่ไหน!
คุณชายเช่อโดนอะไรยั่วยุมากันเนี่ย?
มีคุณหนูบริสุทธิ์จากตระกูลผู้ดีทั่วทั้งเมืองหลวงไม่แต่ง แต่ดันไปแต่งกับของเหลือเดนแบบนี้?
วันหลังจะต้องจับตาดูลูกสาวที่บ้านให้ดี จะปล่อยให้พวกเธอไปเรียนต่อต่างประเทศไม่ได้เด็ดขาด!
ประเทศทุนนิยมมีอะไรดี แสงสีเสียงเหล้าเกลื่อน ต่อให้เป็นเด็กผู้หญิงดี ๆก็ต้องออกนอกลู่นอกทาง!
เฮ่อเหลียนชิงที่ทนเหงาไม่ไหวจึงให้เสี่ยวเมิ่งเข็นเข้ามาดูเรื่องสนุก ๆ พอได้ยินเหมยเหมยประกาศรายชื่อพ่อบุญธรรมต่อหน้าผู้คนมากมายก็อ้าปากหัวเราะทันที
สะใภ้รู้การรู้งานดี ไม่เลว ๆ!
“ตาแก่หนิงเอ้ย แกว่าไหมเอาหมูตัวเมียมาเป็นลูกสะใภ้ยังดีกว่าเอารองเท้าขาด ๆแบบนี้มาเป็นสะใภ้ร้อยเท่าเลยนะ!”
เฮ่อเหลียนชิงพูดจาไม่อ้อมค้อม อีกอย่างเขากำลังพูดกับหนิงเฉินเซวียนอยู่ เขากลัวก็แต่จะทิ่มแทงไม่พอมากกว่า!
หนิงเฉินเซวียนเองก็ได้ยินคำพูดคล้อยตามกันของเหมยเหมยกับเหยียนหมิงซุ่นจึงปั้นหน้ายักษ์ในทันที
………………………………………………
ตอนที่ 1849 มาหาเรื่องนั่นแหละ
ความจริงหนิงเฉินเซวียนค่อนข้างพอใจต่อลูกสะใภ้อย่าง ‘โอหยางซานซาน’ แม้ตระกูลโอหยางในช่วงหลายปีนี้กำลังถดถอยลงแต่ก็ยังมีฐานอำนาจอยู่ พื้นฐานครอบครัวเลยไม่นับว่าแย่มาก
อีกอย่างโอหยางซานซานเป็นถึงนักศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดที่มีหน้ามีตาเวลาคุยโอ้อวดประวัติการศึกษาให้คนนอกฟัง จ้าวเหมยเล่าเรียนที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็ดูจะด้อยกว่าหน่อยละนะ
พื้นฐานครอบครัว ประวัติการศึกษา หน้าตา ลักษณะนิสัย…
ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็สมบูรณ์แบบ เมื่อหนิงเฉินเซวียนรู้ว่าเฮ่อเหลียนเช่อเตรียมแต่งงานกับโอหยางซานซานก็อารมณ์ดีแทบแย่ คิดว่าในที่สุดลูกชายก็ตาสว่างสักที
แต่ตอนนี้–
เขาได้ยินอะไรมาเนี่ย?
หากโอหยางซานซานเป็นผู้หญิงสำส่อนนอนกับผู้ชายไปทั่วแบบนั้นจริง ๆ เขาจะยอมให้ผู้หญิงแบบนี้เข้าประตูบ้านได้อย่างไร?
“เริ่มงานได้!”
หนิงเฉินเซวียนหน้าบูดบึ้งสั่งให้ลูกน้องเตรียมเปิดงานก่อนเวลา หากให้คนพวกนี้ทะเลาะกันต่อไปครอบครัวเขาคงกลายเป็นเรื่องตลกของคนทั้งเมืองหลวงแน่!
ส่วนเรื่องโอหยางซานซาน รอจบงานเขาค่อยไปตามสืบอีกที หากเป็นอย่างที่จ้าวเหมยบอกเขาจะให้เช่อเอ๋อร์หย่ากับผู้หญิงทันที!
หนิงเฉินเซวียนไม่ยอมรับไม้ต่อ เฮ่อเหลียนชิงเองก็หมดอารมณ์เลยหุบปากแต่โดยดีแล้วให้เสี่ยวเมิ่งเข็นเขากลับที่นั่ง
เหยียนหมิงซุ่นมองเฮ่อเหลียนเช่อที่มีสีหน้าย่ำแย่แวบหนึ่งพลางยื่นมือจัดดอกไม้สีแดงที่ติดอยู่ตรงอกเขา “เจ้าบ่าวยิ้มหน่อย วันนี้เป็นวันมงคลเชียวนะ!”
“ไม่ต้อง!”
เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันพูดเสียงเล็ดลอดไรฟัน
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเสียงดังคล้ายไม่สนใจ หันกลับไปขยิบตาให้เหมยเหมย “ไป เราไม่รบกวนคู่บ่าวสาวแล้วดีกว่า!”
“ดีเลย ไม่รู้ว่ากับข้าววันนี้จะเป็นไงบ้าง ถ้ารสชาติไม่ดี เรานั่งแค่แป๊บเดียวก็กลับบ้านเถอะ!”
“ตามใจเธอเลย…”
ทั้งคู่เดินไปคุยกันไปเหมือนไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ และเมินคู่บ่าวสาวป้ายแดงอย่างสิ้นเชิง
เฮ่อเหลียนเช่อกัดฟันแน่น เหยียนหมิงซุ่นคอยดูเถอะ!
รอไอ้สารเลวนี่แต่งงานเขาจะต้องมอบของขวัญชิ้นใหญ่ที่ทำให้เหยียนหมิงซุ่นไม่อาจลืมได้ไปชั่วชีวิตเลยล่ะ!
เพราะการหาเรื่องของเหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยทำให้งานแต่งงานดำเนินไปอย่างเงียบเหงา บรรดาแขกไม่มีใครกล้าส่งเสียงดังได้แต่ก้มหน้าทานข้าวไป
ดีที่รสชาติอาหารไม่แย่เพราะเหล่าเชฟทำอย่างสุดฝีมือ ทุกเมนูถูกทำด้วยความตั้งใจทุกคนจึงทานอย่างเอร็ดอร่อย
แต่นี่งานแต่งงานไม่ใช่หรือ เดิมทีควรคึกคักแต่ตอนนี้กลับเงียบกริบไม่เหมือนงานแต่งงานเลยสักนิด
ทว่าดันถูกใจเฮ่อเหลียนเช่อ เดิมทีเขาคิดจะรีบทำให้จบไว ๆ รีบกลับไปปลอบใจเหมยซูหาน
แม้เหมยซูหานปากบอกไม่ใส่ใจแต่เขารู้ว่างานแต่งงานจอมปลอมครั้งนี้เหมยซูหานคงหึงไม่มากก็น้อย ตอนนี้ไม่รู้ว่ากำลังหลบไปเสียใจอยู่ที่ไหนคนเดียวอีกต่างหาก!
หนิงเฉินเซวียนกลับอัดอั้นใจแทบแย่ งานแต่งงานดี ๆถูกพวกชั่วเฮ่อเหลียนชิงพังไม่เป็นท่า
ในที่สุดนายใหญ่ก็เดินทางมาถึงโดยเข้ามาจากประตูด้านหลัง ที่นั่งก็มีหนิงเฉินเซวียนคอยจัดให้โดยเฉพาะ แต่บรรยากาศเงียบเหงาจนสร้างความแปลกใจแก่นายใหญ่อย่างมากเลยให้ผู้ช่วยไปสืบดู
ไม่นานผู้ช่วยก็กลับมาพร้อมทำหน้าแปลก ๆ ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ที่เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยหาเรื่องเมื่อครู่ไป
นายใหญ่เลิกคิ้วแต่ไม่ได้โกรธ เพียงถามว่า “เจ้าสาวเหมือนจะคนตระกูลโอหยางสินะ? ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนตระกูลโอหยางก็มีข่าวเสียหายไม่น้อยนี่นา!”
ผู้ช่วยหุบปากแน่นไม่กล้าตอบรับคำนายใหญ่
บางอย่างทำได้แค่รับฟัง!
ตอบรับไม่ได้!
แต่เขากลับมั่นใจได้ว่าในใจของนายใหญ่คุณชายหมิงมีความสำคัญมากกว่าสินะ!
ดูท่าทางเขาต้องเลือกฝั่งแล้วล่ะ!
………………………………………………….
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น