อัจฉริยะสมองเพชร 1834-1835

 ตอนที่ 1834 ผมคืออำมาตย์เฉินหลิง

อาการบาดเจ็บของจางเซวียนมีสาเหตุมาจากการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้า อวัยวะสำคัญภายในหลายส่วนของเขารวมถึงกล้ามเนื้อและทางเดินพลังปราณถูกทำลาย เป็นเพราะพลังชีวิตที่มีล้นเหลือและพลังปราณเทียบฟ้าในร่างของเขาที่ทำให้จางเซวียนยังสามารถปกป้องสภาพร่างกายไม่ให้เสื่อมสลายไปมากกว่าที่เป็นอยู่


รากฐานของเขาถูกทำลายไปเกือบหมด จนถึงระดับที่ไม่อาจใช้วิธีการแบบธรรมดาเยียวยาตัวเองได้ ในอีกแง่หนึ่ง สภาวะร่างกายของจางเซวียนตอนนี้เหมือนกันกับไอ้โหดและอำมาตย์เฉินหย่ง เวลาเท่านั้นที่จะช่วยฟื้นฟูรากฐานอันง่อนแง่นของเขา อีกทั้งไม่มีหนทางเร่งกระบวนการนั้นได้ด้วย


แต่เพียงเพราะเขาทำไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้!


บาดแผลของอำมาตย์เฉินหลิงนั้นสาหัสยิ่งกว่าเขาเสียอีก แต่อีกฝ่ายก็ยังเยียวยาตัวเองได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ประโยชน์จากแท่นบูชา แล้วเป็นไปได้ไหมที่เขาจะเข้าถึงอำนาจแบบเดียวกัน?


“เราเกือบถูกฆ่าตายตอนที่เข้าขัดขวางพิธีกรรมเมื่อครู่ก่อน ดูเหมือนเทพเจ้าที่ถูกพิธีกรรมเรียกตัวมาจะระบุอัตลักษณ์ของคนๆหนึ่งผ่านทางรังสีและพลังงานของจิตวิญญาณ…”


จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขารีบคิดคำนวณหาโอกาสของความเป็นไปได้


เขาไม่รู้ว่าจะสามารถใช้พลังงานจากเทพเจ้าเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บของตัวเองได้หรือไม่ แต่เพียงแค่จะเข้าถึงพิธีกรรมก็เป็นปัญหาแล้ว เมื่อครู่ก่อน ตอนที่เขาพยายามบุกเข้าไปขัดขวางพิธีกรรม พละกำลังมหาศาลก็เกือบทำให้เขาหายสาบสูญไปจากโลก


แม้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของจางเซวียนจะเพิ่มสูงขึ้นจนเทียบเท่ากับนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดขั้นต้น แต่ก็รู้ตัวว่ายังไม่อาจต้านทานพละกำลังระดับนั้นได้ มันคงต้องลงเอยด้วยความตาย


หรือพูดอีกอย่างก็คือ เขาต้องหาวิธีอื่นเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของเทพเจ้า


จางเซวียนตาโต “ปลอมตัวเป็นอำมาตย์เฉินหลิงสิ ขอแค่รังสีและสายเลือดของเราเหมือนกันกับเขาโดยไม่มีข้อแตกต่าง ต่อให้เทพเจ้าก็คงแยกเราทั้งคู่ไม่ออก แล้วเราจะได้ซึมซับพลังงานที่แผ่ซ่านลงมาจากแท่นบูชานั้น”


แม้การใช้กำลังจะล้มเหลว แต่จางเซวียนก็ยังมีกลยุทธซ่อนอยู่ คือเครื่องรางแห่งการปลอมตัวที่หลัวลั่วชิงมอบให้


มันเป็นสิ่งที่เขาสามารถนำมาใช้ได้ ต่อให้ร่างกายมีสภาพเป็นโครงกระดูกแล้วก็ตาม


“ต้องลอง!”


จางเซวียนระงับความตื่นเต้นไว้ไม่ไหว เขาเปิดใช้งานเครื่องราง จากนั้นก็กลายร่างเป็นอำมาตย์เฉินหลิงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกหรือรังสีของจิตวิญญาณ ก็ไม่มีทางที่ใครจะแยกความแตกต่างระหว่างตัวเขากับอำมาตย์เฉินหลิงตัวจริงได้เลย


“นายน้อย?” อำมาตย์เฉินหย่งตั้งคำถามด้วยความสงสัย


เขาติดตามเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณมานานแล้ว จึงรู้เรื่องเครื่องรางแห่งการปลอมตัว แต่ก็ยังออกจะงุนงงว่าทำไมนายน้อยถึงเลือกปลอมตัวเป็นอำมาตย์เฉินหลิง


“ใช่” จางเซวียนพยักหน้ารับพร้อมกับอมยิ้ม


ด้วยรูปร่างสูงสง่า เขาลักลอบเข้าสู่รอยแยกของมิติที่อยู่กลางอากาศ


คลื่นความสั่นสะเทือนของพลังงานที่เคยผลักตัวเขาออกมาไม่แสดงอาการว่าจะขับไล่อีกต่อไป จางเซวียนเล็ดลอดเข้าสู่พิธีกรรมได้โดยไม่มีปัญหา


“เป็นอย่างที่คิดไว้เลย มันได้ผล!” เขาตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น


ดูเหมือนเครื่องรางแห่งการปลอมตัวที่หลัวลั่วชิงมอบให้จะอยู่ในระดับขั้นที่สูงกว่าเทพเจ้าองค์ใดก็ตามที่อำมาตย์เฉินหลิงเรียกมา ดังนั้นเทพเจ้าจึงไม่อาจมองทะลุการปลอมตัวของเขา


“ฮ่าฮ่าฮ่า!”


จางเซวียนยืนอยู่ใต้รอยแยกแห่งมิติ เขาซึมซับกระแสพลังงานที่แผ่ซ่านลงมาจากด้านบน ในชั่วพริบตา กายเนื้อของเขาก็ฟื้นฟูสภาพอย่างรวดเร็ว จิตวิญญาณที่อ่อนล้าได้รับการบ่มเพาะและเยียวยา


“ถ้าเป็นอย่างนี้ เราน่าจะกลับสู่สภาวะแข็งแกร่งสูงสุดได้ภายใน 10 นาที บางทีอาจยกระดับวรยุทธได้ด้วยซ้ำ…” จางเซวียนนัยน์ตาเป็นประกาย


ถึงจะมีบาดแผลสาหัส แต่จางเซวียนก็ยังอยู่ในจุดที่ได้เปรียบอำมาตย์เฉินหลิงมาก ทั้งความอ่อนวัยของเขาและลักษณะเฉพาะของพลังปราณเทียบฟ้าทำให้การฟื้นฟูสภาพร่างกายเป็นไปได้รวดเร็วกว่า แม้ทั้งคู่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเดียวกัน แต่ก็มีโอกาสที่เขาจะเยียวยาตัวเองได้รวดเร็วกว่าอำมาตย์เฉินหลิงมาก


ด้วยเหตุนี้ จางเซวียนจึงเริ่มดูดกลืนพลังงานอย่างฮวบฮาบราวกับนักเดินทางผู้หิวกระหายที่มาเจอกับโอเอซิสโดยบังเอิญ


“คุณ…”


หลังจากจางเซวียนตั้งต้นซึมซับพลังงานไปได้สักครู่ ก็รู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบที่จับจ้องมาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่อหันกลับไป ก็เห็นอำมาตย์เฉินหลิงกำลังจ้องหน้าเขาอย่างเคียดแค้น


การร้องขอพรจากเทพเจ้าคือขั้นตอนศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรม ซึ่งการเปิดการโจมตีในช่วงเวลานี้ถือเป็นข้อห้ามอย่างเคร่งครัด เพราะไม่อย่างนั้น หากเขาสร้างความขุ่นเคืองให้กับเทพเจ้า ก็อาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ด้วยเหตุนี้ อำมาตย์เฉินหลิงจึงทำได้แค่จ้องหน้าจางเซวียนอย่างอาฆาต


แต่…การที่ต้องเห็นหมอนั่นฉกฉวยพลังงานที่ควรจะถูกใช้เพื่อการเยียวยาร่างกายของเขาไปทำให้อำมาตย์เฉินหลิงเจ็บปวดใจเสียจนแทบระงับความโกรธไว้ไม่ไหว


ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าหนังหุ้มกระดูกนี่ปลอมตัวเป็นเขาได้อย่างไร้ที่ติ? ถึงขั้นที่แม้แต่เทพเจ้าก็ดูไม่ออก? โลกนี้เป็นอะไรไปแล้ว?


ใครบอกเราได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?


เราเป็นใคร? เราอยู่ที่ไหน?


“แก ไอ้คนไร้ยางอาย…” อำมาตย์เฉินหลิงคำราม


“ก็ตามนั้นแหละ ผม, อำมาตย์เฉินหลิง ไม่เคยคิดจะใช้ชีวิตอย่างสง่างามอยู่แล้ว!” จางเซวียนตอบหน้าตาเฉย


“แก ไอ้สารเลว! ฉันต่างหากคืออำมาตย์เฉินหลิง!” เห็นอีกฝ่ายขโมยตัวตนของเขาไปดื้อๆ อำมาตย์เฉินหลิงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเสียสติ


“ก็ได้ ก็ได้…คุณคืออำมาตย์เฉินหลิง พอใจหรือยัง?” จางเซวียนตอบกวนโทสะขณะกลืนกินพลังงานโดยรอบอย่างตะกละตะกราม


เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างคอยยับยั้งอำมาตย์เฉินหลิงไว้ไม่ให้เล่นงานเขา เพราะไม่อย่างนั้น อีกฝ่าย คงโจมตีเขาไปแล้ว ซึ่งในเมื่อหมอนั่นทำอะไรเขาไม่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะชวนทะเลาะ


อยากทำอะไรก็ทำไป ผมจะสวาปามอาหารของผมอย่างเงียบๆอยู่ตรงนี้


ฟิ้ววววว!


พลังงานที่แผ่ซ่านลงมาจากรอยแยกแห่งมิติเข้าโอบล้อมจางเซวียนอย่างรวดเร็วและก่อตัวขึ้นเป็นคลื่นน้ำวนขนาดใหญ่ ไม่ช้ามันก็ถูกซึมซับเข้าสู่ร่างกายของเขาจนหมด


ร่างที่แท้จริงของจางเซวียนที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้เครื่องรางแห่งการปลอมตัวเริ่มปรากฏชัดขึ้นขณะที่ เนื้อหนังเริ่มกลับคืนมา


ศีรษะ บ่า แขน หน้าอก…ดูเหมือนจางเซวียนกำลังเกิดใหม่ไปพร้อมๆกับพลังงานทุกหยาดหยดที่เขาได้ซึมซับ


นี่เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณของเราให้เหมือนกับของจ้าวหย่า…” จางเซวียนครุ่นคิดขณะเริ่มปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณของเขา


โครงสร้างทางชีววิทยาของมนุษย์นั้นมีความยืดหยุ่นไม่สูง สามารถทำการปรับปรุงเล็กๆน้อยๆได้ภายใต้สภาวะปกติ แต่สิ่งที่จางเซวียนกำลังทำอยู่ตอนนี้คือการสร้างร่างกายของเขาขึ้นใหม่โดยเริ่มจากศูนย์ เขาจึงสามารถปรับปรุงและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ดังนั้น การรื้อโครงสร้างใหม่ของทางเดินพลังปราณจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นกว่าการปรับปรุงโครงสร้างทางเดินพลังปราณของจ้าวหย่าที่ใช้เถาวัลย์ของน้ำเต้าตงฉู่


ขณะทำการปรับเปลี่ยนทางเดินพลังปราณ เจตนาสังหารอันเข้มข้นและบริสุทธิ์ก็แผ่ซ่านออกจากร่างของเขา


“นี่คือปราณสังหารที่บริสุทธิ์ที่สุดใช่ไหม?”


“ตั้งแต่ผู้อาวุโสไอ้โหดเสียชีวิตไป ในเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณของพวกเราก็ไม่มีใครอีกเลยที่มีปราณสังหารบริสุทธิ์ขนาดนี้!”


“หรือว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสไอ้โหดกลับชาติมาเกิด?”


“ด้วยสายเลือดบริสุทธิ์ขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะว่าเขาคือผู้นำตัวจริงของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณ!”


…..


เผ่าพันธุ์ปีศาจที่ได้ฟังการบรรยายของจางเซวียนก่อนหน้านี้และสงสัยว่าเขาอาจเป็นปรมาจารย์สลัดความแคลงใจของตัวเองทิ้งไปในทันที


ผู้ที่มีปราณสังหารบริสุทธิ์ระดับนี้จะเป็นมนุษย์ไปได้อย่างไร?


ขนาดสามอำมาตย์ใหญ่ยังไม่มีสายเลือดบริสุทธิ์เท่านี้เลย!


ฟึ่บ!


เผ่าพันธุ์ปีศาจพากันทรุดตัวลงคุกเข่าและโค้งคำนับ ราวกับกำลังต้อนรับการมาถึงของผู้นำคนใหม่


ไม่ว่าจะเป็นการเป็นหนี้บุญคุณจากความรู้ที่ได้จากการถ่ายทอดลิขิตสวรรค์ หรือความยำเกรงโดยสัญชาตญาณที่มีต่อผู้สูงส่งกว่า ในตอนนั้น เผ่าพันธุ์ปีศาจทุกตัวล้วนแต่เคารพและชื่นชมในตัวชายหนุ่มผู้ปลอมตัวเป็นอำมาตย์เฉินหลิง


ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นผู้คนของเขากำลังโค้งคำนับและยอมจำนนต่อเจ้าคนชั่วช้านั่น อำมาตย์เฉินหลิงตัวจริงโมโหจนแทบครองสติไม่อยู่


ถึงคนอื่นๆจะไม่รู้ว่าหมอนี่เป็นใคร แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายคืออัจฉริยะหมายเลข 1 ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เป็นปรมาจารย์ทั้งตัวและหัวใจ แล้วคนของเขากลับมาแสดงการคารวะผู้อื่นแทนที่จะเป็นตัวเขา…บังอาจนัก!


“แก ไอ้คนชั้นต่ำ! ต่อให้ฉันต้องเสี่ยงกับการทำให้เทพเจ้าขุ่นเคือง ฉันก็จะสังหารแกให้ได้เดี๋ยวนี้!”


เห็นอีกฝ่ายเยียวยาสภาพร่างกายได้จนเกือบสมบูรณ์แล้ว อำมาตย์เฉินหลิงทนรอไม่ไหว แม้จะต้องเสี่ยงกับการทำให้เทพเจ้าขุ่นเคือง แต่เขาก็กางนิ้วเป็นรูปกรงเล็บเข้าหาจางเซวียน


ถึงอำมาตย์เฉินหลิงจะฟื้นตัวได้ไม่เร็วเท่าจางเซวียน แต่เขาก็ใช้เวลาอยู่ในพิธีกรรมนานกว่า จนถึงตอนนี้ อาการบาดเจ็บของเขาหายดีราว 70-80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทำให้สามารถสำแดงพละกำลังของนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดโลกจารึกออกมาได้


จางเซวียนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหมดความอดทน เขาพึมพำอย่างหงุดหงิด “รอก่อนน่ะ ผมยังต้องการต้นขาอีก 2 ข้างเพื่อให้ร่างกายได้รับการเยียวยาอย่างสมบูรณ์ ว่าแต่ ทำไมเราไม่รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยมาสู้กัน?”


จางเซวียนขับเคลื่อนศิลปะการเคลื่อนไหวเทียบฟ้า เขาหลบการโจมตีนั้นได้อย่างนุ่มนวล พร้อมกันนั้นก็เปิดจุดชีพจรทุกจุดในร่างกายเพื่อกลืนกินพลังงานที่อยู่โดยรอบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


ในชั่วพริบตา อัตราการฟื้นฟูร่างกายของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น


เพราะตอนนี้จางเซวียนกำลังปลอมตัวเป็นอำมาตย์เฉินหลิง จึงไม่อาจใช้งานตัวโคลน อาวุธต่างๆหรือแม้แต่ไอ้โหด ดังนั้นจึงยังเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสังหารอำมาตย์เฉินหลิงตอนนี้ แต่อำมาตย์เฉินหลิงก็ไม่อาจเล่นงานเขาได้ง่ายๆเช่นกัน


“ระวังหัวของแกไว้ให้ดี!”


เห็นอีกฝ่ายยังปากกล้าทั้งที่ฉกฉวยพลังงานที่เขาต้องทุ่มเทอย่างมากเพื่อให้ได้มันมา อำมาตย์เฉินหลิงโมโหเดือดจนแทบคลุ้มคลั่ง


ตอนที่ 1835 เทพเจ้าลงมา (1)

นั่นพลังของผมนะ!


ผมเซ่นสังเวยเผ่าพันธุ์ปีศาจกว่าแสนตัวและทรัพย์สมบัติอีกนับไม่ถ้วนเพื่อให้ได้พลังนี้มา คุณกล้าดีอย่างไรถึงมาขโมยมันไปจากผม! อยากได้ต้นขาคืนหรือ? ผมจะเล่นงานศีรษะของคุณให้แตกเป็นเสี่ยงๆ!


อำมาตย์เฉินหลิงเคียดแค้นจนแทบหัวใจวาย


ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาช่างทำตัวกวนโทสะเหลือเกิน ทุกคำที่ออกจากปากของหมอนั่นทำให้เขา แทบสำลักและหายใจไม่ออกตาย


คุณเก่งกล้าปากดีแบบนี้อยู่ได้อย่างไรทั้งที่ทำตัวเป็นหัวขโมย? ไม่รู้จักมีศักดิ์ศรีบ้างเลยหรือ?


อำมาตย์เฉินหลิงกัดฟันและปล่อยพลังฝ่ามือเข้าใส่จางเซวียนอีกครั้ง


ฟิ้วววว!


พื้นที่ที่อยู่โดยรอบพลันมืดสนิท พละกำลังของอำมาตย์เฉินหลิงหนักหน่วงเสียจนแม้แต่สวรรค์ก็ดูเหมือนจะสั่นสะท้านด้วยความยำเกรง


จางเซวียนหลบเลี่ยงการโจมตีของอำมาตย์เฉินหลิงอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายดุดันขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังพยายามขัดขวางไม่ให้เขาซึมซับพลังงานและเยียวยาตัวเอง ก็เกิดโมโหขึ้นมา จางเซวียนเงยหน้าและตะโกนก้อง “เทพเจ้าแห่งมิติเบื้องบน…หมอนี่ไม่เพียงแต่จะปลอมตัวเป็นผมเพื่อฉกฉวยพละกำลังของคุณ ยังกล้าเล่นงานผมทั้งๆที่คุณอยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคารพคุณเอาเสียเลย คุณจะต้องลงโทษเขาอย่างหนักนะ!”


มันเรื่องอะไรถึงสร้างความปั่นป่วน? จะนั่งซึมซับพลังงานไปเงียบๆไม่ได้หรือ?


จะมีอะไรน่าอภิรมย์ไปกว่าการซึมซับความเงียบสงบและดื่มด่ำกับความน่าอัศจรรย์ของโลก!


คุณไม่รู้สึกบ้างหรือว่าการไล่เข่นฆ่าคนอื่นมันหยาบคาย?


ไม่น่าเชื่อว่าทั้งที่คุณได้รับความยำเกรงในฐานะหนึ่งในอำมาตย์ใหญ่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ไม่มีแม้แต่ความอดทนที่จะยับยั้งตัวเอง น่าเกลียดน่าชังเสียจริง!


เห็นอีกฝ่ายพูดคำที่เขาควรจะเป็นคนพูด อำมาตย์เฉินหลิงถึงกับเซ “ไปตายซะ!”


เลือดของเขาไหลพล่านไปทั่วอวัยวะทุกส่วน ทำให้รู้สึกว่าพร้อมจะกระอักออกมาได้ทุกขณะ


แก…ไอ้สารเลว เจียมกะลาหัวด้วย! แกคือคนที่เข้ามาที่นี่ในฐานะหัวขโมย มันเรื่องอะไรถึงหน้าไม่อายและชิงฟ้องเรื่องของฉันก่อน?


อำมาตย์เฉินหลิงทึ้งผมอย่างคลุ้มคลั่ง แต่รู้ดีว่ายิ่งตอบโต้ก็จะมีแต่โมโห จึงตัดสินใจไม่สนคำพูดเหล่านั้นและปล่อยพลังจากฝ่ามือเข้าใส่จางเซวียน


คราวนี้พลังฝ่ามือของเขาเปี่ยมด้วยแรงโทสะทั้งหมดที่มี ทำให้ทรงพลังกว่าเดิมอีกหลายเท่า


เมื่อรู้สึกได้จากอันตรายของพลังฝ่ามือ จางเซวียนรีบหลบการโจมตีทันที แต่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างฉุดรั้งร่างกายของเขาไว้ ทำให้เคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้


“บ้าจริง! ต้องทุ่มสุดตัวแล้ว!”


รู้ดีว่าต้องตายแน่หากยังเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ จางเซวียนไม่มีทางเลือกนอกจากกัดฟันสู้และหยุดการซึมซับพลังงานที่อยู่โดยรอบ เขาเงื้อฝ่ามือขึ้น แต่ยังไม่ทันจะได้สำแดงพละกำลัง ก็รู้สึกได้ ถึงแรงกระตุกหนักหน่วงจากด้านบน คลื่นความสั่นสะเทือนแผ่ลงมาเขย่าร่างของอำมาตย์เฉินหลิงกับตัวเขา ราวกับทั้งคู่เป็นเรือลำน้อยที่ลอยโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางคลื่นลมกรรโชก


จางเซวียนซวนเซและเกือบร่วงลงจากกลางอากาศ


ฟึ่บ!


การกระตุกนั้นทำให้การโจมตีของอำมาตย์เฉินหลิงสลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย


“เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนหรี่ตาขณะเงยหน้ามองไปยังต้นทางของแรงกระตุกนั้น


รอยแยกของมิติที่กำลังแผ่พลังงานที่ช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บของเขาพลันมืดมิดและเปล่งประกาย ไม่ช้าแขนข้างหนึ่งก็ค่อยๆโผล่ออกมา


แรงกระตุกหนักหน่วงเมื่อครู่นี้มีต้นกำเนิดจากแขนข้างนี้เอง


“แย่แล้ว…มีเทพเจ้าอยู่ข้างบนจริงๆ!”


ในเมื่อแขนเพียงข้างเดียวยังเล่นงานเขาจนหมดหนทางได้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่อยู่เหนือศีรษะจะต้องมีวรยุทธเหนือไปกว่าขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดโลกจารึก จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียดขณะรีบขับเคลื่อนพลังปราณเพื่อซึมซับพลังงานที่ยังพอหลงเหลืออยู่ในพื้นที่


เขารู้ดีว่าจะต้องหมดโอกาสซึมซับพลังงานและการเยียวยาตัวเองในทันทีที่เทพเจ้าลงมาสู่พื้นโลก


เขาเกือบหายดีแล้ว ขาดเพียงต้นขา 2 ข้างเท่านั้น หากรีบหน่อยก็น่าจะทันเวลา


ไม่อย่างนั้น ต่อให้เป็นเพียงต้นขา 2 ข้าง ก็ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะเยียวยามันให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้


ฟึ่บ!


กล้ามเนื้อที่ต้นขาทั้งสองข้างของจางเซวียนฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าต้นขาข้างหนึ่งก็หายดีเป็นปกติ


เห็นอีกฝ่ายกล้าซึมซับพลังงานทั้งที่แขนของเทพเจ้าปรากฏแล้ว อำมาตย์เฉินหลิงถึงกับคลุ้มคลั่ง


ในบรรดาผู้คนที่ละโมบโลภมากในโลกนี้ คงไม่มีใครเทียบได้กับเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า


ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ได้คิดคำนวณมูลค่าของของล้ำค่าอย่างถูกต้องในการประกอบพิธีกรรม ทำให้พลังงานที่ได้รับมีปริมาณเกินกว่าที่เขาต้องการ ก็คงไม่มีทางที่เขาจะฟื้นฟูตัวเองได้อย่างสมบูรณ์เมื่อมีหมอนี่พรวดพราดเข้ามาซึมซับพลังงานเอาตามอำเภอใจ


แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น เขาก็ฟื้นตัวได้เพียง 80 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ถึงขั้นการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แบบ


แต่ส่วนหมอนั่น…หมอนั่นฟื้นฟูร่างกายของตัวเองได้อย่างน้อยก็ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว!


อำมาตย์เฉินหลิงรู้ดีว่าหากเขายังคงใช้กำลังต่อไปทั้งที่เทพเจ้าผู้เป็นเจ้าของพิธีกรรมลงมายังโลกใบนี้แล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะถูกฆ่า จึงได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความจงเกลียดจงชังก่อนจะหันกลับไปซึมซับพลังงานต่อ


“แก ไอ้หัวขโมย นั่นของฉันนะ!”


เพียงแค่อำมาตย์เฉินหลิงเริ่มซึมซับพลังงานอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงตวาดก้องอย่างหงุดหงิดดังมาจากฝั่งตรงข้าม เมื่อมองไป ก็เห็นอีกฝ่ายเงื้อฝ่ามือขึ้นแล้วปล่อยพลังมา


ฟิ้วววว!


กระแสดาบฉีขนาดใหญ่ส่งเสียงหวีดหวิว โอบรัดร่างของเขาไว้แน่น


“แก…”


อำมาตย์เฉินหลิงรีบหยุดการซึมซับพลังงานทันทีเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตี แต่ขณะที่กำลังจะทำอย่างนั้น ก็รู้สึกได้ว่ากระแสดาบฉีขนาดมหึมานั้นเป็นของปลอม ทั้งที่ปรากฏชัดเจน แต่มันก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็วราวกับฟองสบู่เมื่อมาถึงตัวเขา


มันเป็นแค่การแสร้งทำเพื่อทำให้เขาหวาดกลัว


ซรืดดดดด!


ซึ่งในระหว่างนั้น หมอนั่นก็ซึมซับพลังงานต่อไป


“ไอ้บ้าเอ๊ย!”


อำมาตย์เฉินหลิงตัวสั่นด้วยความโกรธจัดขณะสบถสาบาน เขาสูดหายใจลึกและเปิดจุดชีพจรทั้งหมดในร่างอีกครั้งเพื่อซึมซับพลังงาน ก็พอดีกับที่อีกฝ่ายกระดิกนิ้ว แล้วกระแสดาบฉีก็ระเบิด เข้าใส่เขา


แน่นอนว่าอำมาตย์เฉินหลิงรีบหลบกระแสดาบฉีนั้นทันที แต่แล้วก็เป็นอีกครั้งที่พบว่ามันเป็นของปลอม


หมอนั่นก็ไม่กล้าเปิดการโจมตีต่อหน้าเทพเจ้าเหมือนกัน เขาแค่จงใจกีดกันไม่ให้เราซึมซับพลังงานได้ เพื่อขัดขวางการเยียวยาสภาพร่างกาย…


ถึงตอนนี้ ในที่สุดอำมาตย์เฉินหลิงก็เข้าใจว่าจางเซวียนคิดอะไร


ข้อเท็จจริงที่ว่าท่อนแขนของเทพเจ้าปรากฏขึ้นแล้วนั้นเป็นสัญญาณบอกว่าเทพเจ้าน่าจะลงมายังพื้นโลกเร็วๆนี้หากพวกเขายังคงเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกันต่อไป ซึ่งต่อให้จางเซวียนจะเก่งกล้าบ้าบิ่นแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่หมอนั่นจะกล้าเปิดการโจมตีต่อหน้าเทพเจ้า เพราะหวาดกลัวการลงทัณฑ์จากสวรรค์


พูดอีกอย่างก็คือ วัตถุประสงค์ที่ชายหนุ่มทำแบบนี้ไม่ใช่เพื่อทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่เพื่อขัดขวาง วรยุทธของเขา เพื่อที่ตัวเองจะได้ซึมซับพลังงานที่มาจากเทพเจ้าให้ได้มากขึ้น


เมื่อเกิดความคิดนั้น อำมาตย์เฉินหลิงค่อยคลายใจ เขาเพ่งสมาธิให้กับการซึมซับพลังงานที่ยังคงอบอวลอยู่ในพื้นที่ แต่ขณะที่ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง ก็พลันรู้สึกว่าเส้นผมทุกเส้นตั้งชัน เขาตอบโต้โดยสัญชาตญาณภายในเสี้ยววินาทีและหลบไปด้านข้าง


ฉึกกกก!


มันคือความรู้สึกเย็นเยือกและคมกริบ กระแสดาบฉีสายหนึ่งแทงทะลุเข้าที่หน้าอกของอำมาตย์เฉินหลิง ถ้าไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณเฉียบแหลมของเขา หัวใจของอำมาตย์เฉินหลิงคงถูกแทงไปแล้ว


“บ้าจริง!” อำมาตย์เฉินหลิงโมโหจนแทบระเบิด


เมื่อครู่นี้หมอนั่นยังไม่กล้าเปิดการโจมตี โดยใช้การเล่นตุกติกทุกรูปแบบเพื่อขัดขวางเขา แต่ทันทีที่เขาเริ่มฝึกฝนวรยุทธ อีกฝ่ายก็ปล่อยกระแสดาบฉีของจริงมาทันที


นี่คุณไม่เกรงกลัวความโกรธเกรี้ยวของเทพเจ้าจริงๆหรือ?


จะลากผมลงนรกไปกับคุณด้วยใช่ไหม?


อำมาตย์เฉินหลิงโมโหเดือดและกำลังจะพุ่งเข้าเล่นงานอีกฝ่าย ก็พอดีกับที่จางเซวียนหยุดการซึมซับพลังงานอย่างกะทันหัน เขาก้มหน้าลงและประสานมือเข้าหาเทพเจ้า


“โอ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผมโมโหเหลือเกินที่ไอ้สารเลวนั่นปลอมตัวเป็นผมและกลืนกินพละกำลังของคุณ ลำพังหัวขโมยคนหนึ่งกล้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้อย่างไร? ได้โปรดอนุญาตให้ผมสังหารเขาด้วย! ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของคุณจะเป็นอย่างไรถ้าเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป?”


น่าประหลาดใจที่ชายหนุ่มใช้ภาษาโบราณดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ เพราะแม้แต่อำมาตย์เฉินหลิงก็ยังต้องฝึกฝนอยู่นาน


พลั่ก!


คำพูดเหล่านั้นทำให้เทพเจ้าที่อยู่ภายในรอยแยกแห่งมิติเกิดความโกรธเกรี้ยว คลื่นพลังงานวนก่อตัวขึ้นในรอยแยกแห่งมิตินั้น มืออีกข้างหนึ่งค่อยๆโผล่ออกมา ด้วยการสะบัดข้อมือเบาๆ อำมาตย์เฉินหลิงก็ถูกทุ่มลงไปกองกับพื้น


อำมาตย์เฉินหลิงโอดครวญอย่างแทบไม่เชื่อสายตาขณะนอนแบบอยู่กับพื้น “เทพเจ้า…”


นี่คือเทพเจ้าที่เขาได้ติดต่อด้วยตลอดมา เป็นเทพเจ้าคนละองค์กับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณที่อำมาตย์เฉินหย่งบูชา เป็นไพ่ไม้ตายใบสุดท้ายของเขาที่เขาหวังจะใช้เล่นงานอำมาตย์เฉินหย่ง


อำมาตย์เฉินหลิงมอบเครื่องบรรณาการและทรัพย์สมบัติล้ำค่าให้เทพเจ้าองค์นี้ตลอดมา และได้รับพละกำลังมหาศาลเป็นเครื่องตอบแทน ซึ่งทำให้เขายืนหยัดรับมือกับอำมาตย์เฉินหย่งผู้ทรงพลังได้


แต่แล้วจู่ๆเทพเจ้าที่เขาบูชามาตลอดก็หันมาเล่นงานเขาเพียงเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำจากไอ้สารเลวคนนี้!


เทพเจ้าดูไม่ออกจริงๆหรือว่าเขาเป็นตัวจริง?


อำมาตย์เฉินหลิงชี้นิ้วที่สั่นเทาด้วยแรงโทสะไปยังจางเซวียน ตั้งใจจะเปิดโปงตัวตนปลอมของอีกฝ่ายให้เทพเจ้าเห็นให้ได้ แต่สิ่งที่เขาเห็นก็คือชายหนุ่มกำลังนั่งนิ่งอยู่กลางอากาศ เปิดจุดชีพจรทั้งหมดไว้และซึมซับพลังงานที่อบอวลอยู่โดยรอบ


ต้นขาสองข้างของเขาสมานตัวกับเท้าอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ที่ยังขาดอยู่ก็คือนิ้วเท้าทั้งสิบเท่านั้น


“บ้าจริง…”


อำมาตย์เฉินหลิงเจ็บใจจี๊ดขึ้นมาทันที ในหัวของเขามีแต่คำสบถหยาบคายที่ไม่อาจพูดออกมาได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)