ข้ามกาลบันดาลรัก 183.2-184.1
ตอนที่ 183-2 พฤติกรรมสนิทสนม
ซุนซ่านเหรินหัวเราะเหอะๆมองเมิ่งเสียนเดินตามซุนเหลียงไฉเข้าไปที่เรือนของซุนเชี่ยน แล้วหันมาพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่นางเมิ่ง เชิญด้านใน”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า เดินเข้าไปในห้องรับแขก
ซุนเหลียงไฉพาเมิ่งเสียนมาถึงเรือนของซุนเชี่ยน สาวใช้เห็นเขาพาชายแปลกหน้าเข้ามา กำลังจะเอ่ยถาม ซุนเหลียงไฉเอานิ้วมือประกบปากร้อง “ชูว์” สาวใช้ไม่ได้เปล่งเสียง
ซุนเหลียงไฉเดินไปตรงหน้าสาวใช้ซักถามเสียงเบา “ท่านพี่ข้าอยู่ข้างในหรือไม่?”
สาวใช้พยักหน้า ตอบเสียงแผ่ว “ตั้งแต่คุณหนูกลับมา ก็เอาแต่นั่งร้องไห้เสียใจอยู่บนเตียง พวกเราเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่สำเร็จ กำลังจะไปรายงานนายท่าน”
ซุนเหลียงไฉพยักหน้า หันหลังไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่เมิ่ง ท่านเข้าไปเถอะ”
เมิ่งเสียนยกเท้าเดินเข้าไป สาวใช้ร้องห้าม “นายน้อย นี่เป็นห้องส่วนตัวของคุณหนู ชายแปลกหน้าจะเข้าไปไม่ได้ จะทำลายชื่อเสียงของคุณหนูได้”
ซุนเหลียงไฉพูดเสียงต่ำ “เขาไม่ใช่คนแปลกหน้า เขาเป็นบุตรเขยในอนาคตของพวกเรา เขามาก็เพื่อจะปลอบใจคุณหนูของพวกเจ้า รีบหลีกทางเถอะ”
สาวใช้คิดว่าตอนนี้ซุนเหลียงไฉและซุนเชี่ยนรักใคร่ปรองดองกันดีแล้ว เขาไม่น่าจะคิดร้ายกับคุณหนู จึงยอมหลีกทาง ให้พวกเขาเข้าไป
ซุนเหลียงไฉค่อยๆ เคาะประตู ให้เมิ่งเสียนเข้าไปลำพัง จากนั้นปิดประตูลง แล้วเงี่ยหูแอบฟังที่ข้างประตู
ซุนเชี่ยนได้ยินเสียงประตู เช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “ข้าบอกแล้วอย่างไร ไม่มีเรื่องอะไรไม่ต้องเข้ามารบกวนข้า”
เสียงเมิ่งเสียนดังขึ้นด้านหลัง “คุณหนูซุน ข้าเอง”
ซุนเชี่ยนหันหลังกลับพลัน เห็นเมิ่งเสียนอยู่ในห้องของตัวเอง ตกใจถลึงตัวลุกขึ้นพรวด ถามขึ้น “ท่านเข้ามาในห้องข้าได้อย่างไร?”
เมิ่งเสียนหน้าแดงเรื่อพูดว่า “ข้าได้ยินเหลียงไฉบอกว่าเจ้าอารมณ์ไม่ค่อยดี ตั้งใจจะมาดูเจ้า”
ซุนเชี่ยนยิ่งตกใจหนัก “ไฉเอ๋อร์บอกท่านเมื่อใด?”
เมิ่งเสียนตอบตามความจริง “เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนหน้า เหลียงไฉหุนหันกลับไปที่บ้าน บอกเรื่องของเจ้ากับพวกเรา ข้าและน้องสาวจึงรีบร้อนมาที่นี่”
“เช่นนั้นแม่นางเมิ่งเล่า?” ซุนเชี่ยนถาม
“นางคุยกับท่านปู่ของเจ้าอยู่”
ซุนเชี่ยนถามอีก “เช่นนั้นท่านมาที่ห้องของข้าได้อย่างไร?”
เมิ่งเสียนกำลังจะพูด ซุนเชี่ยนกลับลนลานพูด “ท่านรีบออกไป นี่เป็นห้องนอนข้า ผู้ชายทั่วไปจะเข้ามาไม่ได้ ตอนนี้ท่านข้าอยู่ในห้องเดียวกัน หากแพร่งพรายออกไปจะกระทบต่อชื่อเสียงของท่านได้”
เมิ่งเสียนไม่ขยับ พูดว่า “คุณหนูซุน ที่ข้ามาวันนี้เพราะมีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
ซุนเชี่ยนรบเร้าเขา “ท่านออกไปก่อน มีเรื่องอะไรพวกเราค่อยไปพูดกันในห้องรับแขก”
เมิ่งเสียนหยิบปิ่นปักผมออกมาจากอกเสื้อ ยื่นไปตรงหน้านาง “นี่เป็นของขวัญที่ข้ามอบให้คุณหนูซุน ไม่ทราบว่าเจ้าจะรับไว้ได้หรือไม่”
ซุนเชี่ยนตะลึงค้าง อึดใจใหญ่ถึงถามขึ้น “นี่ นี่หมายความว่าอะไร”
เมิ่งเสียนรวบรวมความกล้า “นี่คือของแทนใจที่ข้ามอบให้เจ้า หากเจ้ารับไว้ พอกลับไปข้าจะบอกท่านพ่อท่านแม่ให้มาสู่ขอเจ้า”
ซุนเชี่ยนซาบซึ้งใจมาก พูดว่า “คุณชายเมิ่ง ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนจิตใจดี พอได้ยินว่าเกิดเรื่องเช่นนี้กับข้าก็เวทนาข้า ถึงได้ทำการตัดสินใจเช่นนี้ แต่การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต จะให้เป็นเพราะข้า ถ่วงเวลาทั้งชีวิตของท่านไม่ได้ ปิ่นปักผมนี้ท่านเก็บคืนไปเถอะ ภายหน้าเมื่อท่านพบแม่นางที่พึงใจค่อยมอบให้นาง”
เมิ่งเสียนโบกมือเป็นพัลวัน พูดว่า “เจ้าก็คือแม่นางที่ข้าพึงใจ”
แจ่มแจ้งเกินไปแล้ว!
ซุนเชี่ยนชะงักงัน มองเขาอย่างไม่เชื่อ
เมิ่งเสียนพูดกับนางอย่างจริงจัง “แม่นางซุน เริ่มแรกข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะพึงใจต่อข้าจริงๆ ข้านึกว่าเจ้าเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ ส่วนข้าเป็นเด็กยากจนบ้านนอกที่ไม่เคยเจอโลกกว้าง ระหว่างพวกเราแตกต่างกันมาก นึกว่าที่เจ้าบอกว่าชอบข้า เพื่อหยอกเอินข้า ดังนั้นข้าจึงไม่กล้าเชื่อในวาจาเจ้า แต่หลังจากได้มีปฏิสัมพันธ์กับเจ้ามาระยะหนึ่ง ข้าก็พบว่าเจ้าเป็นแม่นางที่จริงใจเปิดเผย ไม่มีพิธีรีตองมาก ในใจก็เลยชอบเจ้าขึ้นเรื่อยๆ ทว่ายังไม่มีโอกาสได้บอกเจ้า ประจวบเหมาะที่วันนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับเจ้า ข้าถึงกล้ารวบรวมความกล้าพูดทั้งหมดนี้กับเจ้า หวังว่าเจ้าจะให้อภัยความขลาดเขลาในอดีตของข้า ยอมรับน้ำใจจริงจากข้า”
ใครต่างก็รอคอยเรื่องที่งดงาม ทว่ามาอย่างปัจจุบันทันด่วนเกินไป ซุนเชี่ยนฟังคำกล่าวของเขาจบ ก็ให้ยินดี ดวงตาสะท้อนแววปลาบปลื้มปิติ แต่กลับเศร้าสลดลงในชั่วพริบตา ยื่นปิ่นดอกไม้คืนให้เขา “ข้ารับรู้ในน้ำใจจริงของคุณชายเมิ่งแล้ว แต่ข้าไม่อาจรับความรู้สึกของท่านได้ ปิ่นดอกไม้นี้ท่านนำกลับไปเถอะ”
เมิ่งเสียนร้อนรนถาม “เพราะอะไร?”
ซุนเชี่ยนทำหน้าเศร้าสลด “เมื่อท่านรู้แล้วว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ท่านก็คงจะรู้แล้วว่าข้ามีบิดาเช่นไร งานแต่งงานของพวกเราเขาไม่มีทางเห็นด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ภายหน้าเขาไปอาละวาดจนครอบครัวพวกท่านไม่ได้อยู่สุข ท่านจึงรับปิ่นดอกไม้นี้กลับไปเถอะ”
เมิ่งเสียนลนลานพูด “ไม่เป็นไร แม่นางซุน ขอเพียงพวกเราหมั้นหมายกันแล้ว ต่อให้บิดาเจ้าเป็นเช่นไร เขาก็ไม่มีทางไปอาละวาดที่บ้านของข้าแน่นอน”
ซุนเชี่ยนส่ายหน้า “ท่านไม่รู้บิดาข้า เขาไม่เคยอยากเห็นข้าได้ดี แม้แต่แอบเอาใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของข้าไปแลกเปลี่ยนเขาก็ทำได้ เขายังมีเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้อีก?”
เมิ่งเสียนเห็นว่าพูดอย่างไรนางก็ไม่ฟัง ร้อนรนกระสับกระส่าย คิดถึงคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว ตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วกอดซุนเชี่ยนไว้แน่น
ซุนเชี่ยนสะดุ้งตกใจร้อง “อ๊า” ออกมา
ซุนเหลียงไฉได้ยินเสียงจากด้านนอกถีบประตูโดยพลัน เห็นเมิ่งเสียนกอดซุนเชี่ยนอยู่ ร้องถามเสียงลั่น “พี่ใหญ่เมิ่ง ท่านกำลังทำอะไร?”
ซุนเชี่ยนผลักเมิ่งเสียนออก ร้อนรนพูดอธิบาย “น้องชาย เจ้าอย่าเข้าใจผิด พี่ใหญ่เมิ่งเพียงแค่…”
ซุนเหลียงไฉตัดบทคำพูดนาง ชี้หน้าตำหนิเมิ่งเสียนอย่างเคียดแค้นชิงชัง “พี่ใหญ่เมิ่ง ท่านบอกว่าชอบท่านพี่ข้า ต้องการจะมาสารภาพรักกับนาง ข้าเชื่อท่านถึงพาท่านมาห้องนอนนาง ไม่คิดว่าท่านจะกล้าทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ เสียแรงที่ข้าคิดมาตลอดว่าท่านเป็นสุภาพบุรุษคนจริง”
เมิ่งเสียนหน้าแดงก่ำ ไม่พูดอะไร
ซุนเชี่ยนรีบร้อนพูด “น้องเล็ก เรื่องมิได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด คุณชายเมิ่งเพียงแค่เกิดอารมณ์ชั่ววูบ มิได้ล่วงเกินอันใดข้า”
ซุนเหลียงไฉยังคงพูดอย่างเจ็บปวด “ท่านพี่ ท่านไม่ต้องแก้ต่างแทนเขาแล้ว เขาทำเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงท่านเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็จะปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ พวกเราไปหาท่านปู่ด้วยกัน ให้เขาตัดสินใจแทนท่าน จะต้องให้พี่ใหญ่เมิ่งมีคำตอบให้พวกเรา”
ซุนเชี่ยนรู้ว่าเรื่องนี้หากให้ซุนซ่านเหรินรับรู้ เช่นนั้นเรื่องการแต่งงานของนางและเมิ่งเสียนก็จะต้องเกิดขึ้นเป็นแน่แท้ หันไปพูดกับเมิ่งเสียนอย่างร้อนใจ “คุณชายเมิ่ง ท่านบอกเขาสิ ท่านมิได้ทำอะไรข้า”
เมิ่งเสียนเอ่ยปาก “เมื่อข้ากระทำเรื่องให้แม่นางซุนต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ข้าก็จะรับผิดชอบ ข้าจะกลับไปบอกท่านพ่อท่านแม่ให้มาสู่ขอเจ้าเดี๋ยวนี้”
ซุนเหลียงไฉแค่นเสียงหึ “ท่านจำคำพูดของท่านเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าท่าน นำเรื่องที่ท่านกระทำต่อพี่สาวข้าไปป่าวประกาศ ให้ภายหน้าท่านไม่อาจเงยหน้าเป็นผู้เป็นคนได้อีก”
ซุนเชี่ยนร้อนอกร้อนใจ คิดจะยับยั้ง
ซุนเหลียงไฉกลับหันหลัง ยกยอรอยยิ้มที่มุมปากแล้วเดินออกไป “เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ไปหาท่านปู่ กำหนดเรื่องหมั้นหมายของพวกท่านโดยไว”
เมิ่งเสียนเดินตามหลังเขาออกไป
ซุนเชี่ยนกระทืบเท้า แล้วรีบเดินไล่หลังตามไป
ทั้งสามเดินไล่หลังกันเข้ามาในห้องรับแขก ซุนเหลียงไฉยังไม่ทันพูด เมิ่งเสียนก็เดินเข้าไปทำความเคารพอย่างอ่อนน้อมเบื้องหน้าซุนซ่านเหริน แล้วกล่าวว่า “ข้าและแม่นางซุนมีพฤติกรรมที่ใกล้ชิดกัน ข้าจะกลับไปบอกให้ท่านพ่อท่านแม่เข้ามาพูดสู่ขอ ขอท่านอนุญาตด้วย”
ซุนซ่านเหรินตกตะลึง มองไปที่เมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวขยิบตาให้เขาอย่างซุกซน
ซุนซ่านเหรินเข้าใจทันที หัวเราะเหอะๆ พูดว่า “ได้ การแต่งงานนี้ข้ายอมรับแล้ว”
ซุนเชี่ยนลุกลนห้ามปราม “ท่านปู่ มิได้เป็นเช่นนั้น ท่านฟังข้าพูดก่อน…”
เมิ่งเชี่ยนโยวลุกขึ้นยืน ดึงมือนางมาพูดตัดบท “แม่นางซุน เมื่อพวกท่านมีพฤติกรรมใกล้ชิดกันแล้ว การแต่งงานนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจัดขึ้น ไม่เช่นนั้นเรื่องแพร่งพรายออกไป ภายหน้าท่านและพี่ใหญ่ข้าจะเงยหน้ามองคนอย่างไร”
“แต่ว่า…” ซุนเชี่ยนยังคิดจะพูด
ซุนซ่านเหรินก็พูดตัดบทนาง “ไม่มีแต่ว่า เมื่อการแต่งงานครั้งนี้ปู่ตบปากรับคำแล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจอีก”
ในที่สุดซุนเชี่ยนก็พูดออก “แต่หากพวกเราหมั้นหมายกันจริงๆ ท่านพ่อข้าจะต้องตามราวีไม่เลิก พวกเราจะทำลายครอบครัวของคุณชายเมิ่งได้”
ซุนซ่านเหรินรับประกัน “เจ้าวางใจ ก่อนที่เจ้าจะแต่งงาน ปู่จะขังพ่อเจ้าไว้ในเรือน ห้ามไปไหนทั้งนั้น”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “ท่านคงจะขังเขาไปทั้งชีวิตไม่ได้ วิธีนี้ของท่านเป็นการแก้ที่ปลายมิใช่ที่แก่น ท่านควรจะรีบปล่อยเขาออกมา บอกข่าวนี้กับเขา หากเขายังกล้าก่อเรื่อง ข้ามีวิธีเป็นร้อยพันจัดการเขา เพียงแค่หวังว่าถึงตอนนั้นท่านจะไม่ปวดใจก็พอ”
ซุนซ่านเหรินอยากให้มีคนช่วยเขาสั่งสอนซุนวั่งมาตลอด ได้ฟังก็รีบพูด “ไม่ปวดใจ ไม่ปวดใจ แม่นางเมิ่งลงมือทำได้อย่างเต็มที่ตามสบาย ขอเพียงเหลือลมหายใจไว้ให้เขา เจ้าจะทำอย่างไรก็ไม่เป็นไร”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “มีวาจานี้ของท่านก็เพียงพอแล้ว”
ซุนเชี่ยนเผยอปากไม่ได้พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นปิ่นดอกไม้ยังอยู่ในมือเมิ่งเสียน เจตนาถามขึ้น “โย้ พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงมีปิ่นดอกไม้ในมือเล่า ซื้อมาให้แม่นางซุนเป็นของแทนใจหรือ?”
ได้ยินนางถามอย่างตรงไปตรงมา เมิ่งเสียนและซุนเชี่ยนก็เขินอายหน้าแดง
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นเมิ่งเสียนไม่ขยับ พูดอย่างไม่ได้ดั่งใจ “พี่ใหญ่ ยังไม่รีบมอบปิ่นดอกไม้ให้แม่นางซุนอีก”
เมิ่งเสียนถึงได้สติกลับมา รีบยื่นปิ่นดอกไม้ในมือไปตรงหน้าซุนเชี่ยน “แม่นางซุน นี่เป็นปิ่นดอกไม้ที่ข้าซื้อมาให้เจ้า หวังว่าเจ้าจะชอบ”
เรื่องถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว แม้ซุนเชี่ยนจะเขินจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังรับมาอย่างเปิดเผย พูดอย่างเก้อเขิน “ขอบคุณคุณชายเมิ่ง”
ซุนซ่านเหรินหัวเราะลั่น
เมื่อตกลงเรื่องเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ลุกขึ้นกล่าวลา
ซุนซ่านเหรินเหนี่ยวรั้งไว้ “ใกล้จะเที่ยงแล้ว ข้าจะให้คนไปเตรียมสำรับอาหาร กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวปฏิเสธโดยอ้อม “พวกเรายังต้องกลับไปปรึกษาเรื่องงานแต่งงานกับท่านพ่อท่านแม่ ภายหน้าเมื่อมีโอกาสพวกเราค่อยกินข้าวด้วยกัน”
เรื่องเกี่ยวพันถึงเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตหลานสาว ซุนซ่านเหรินจึงไม่ดึงรั้งไว้อีก หัวเราะเหอะๆ ส่งทั้งสองคนออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวดึงมือซุนเชี่ยนมา ก่อนจะเดินพ้นประตูใหญ่เข้าไปกระซิบกระซาบข้างหูนางหนึ่งคำ
ซุนเชี่ยนหน้าแดงก่ำอีกครั้ง พูดว่า “พอแล้ว เจ้ากล้าหยอกเย้าข้า ดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
พูดจบ ก็ยื่นมือเข้าหาเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวปล่อยมือนางร้องเสียงหลง “พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วย” แล้วหลบไปอยู่หลังเมิ่งเสียน
ซุนเชี่ยนโมโหกระทืบเท้า
ซุนซ่านเหรินหัวเราะเหอะๆ มองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เดินพ้นประตูใหญ่ออกมา ซุนเหลียงไฉก็จะตามขึ้นรถม้าไปด้วย เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “เจ้าอยู่ที่บ้านสองสามวันเถอะ รอให้พี่ใหญ่ข้าและพี่สาวเจ้าหมั้นหมายกันแล้วเจ้าค่อยตามกลับไป”
ช่วงที่ผ่านมาซุนเหลียงไฉเล่นสนุกทุกวัน ไหนเลยจะอยากอยู่ต่อ รีบยกเหตุผลอย่างโอหังงามสง่า “ตอนนี้ครอบครัวเจ้ากำลังปลูกเรือน มีงานมาก ข้าจะไม่กลับไปช่วยได้อย่างไร”
ได้ยินคำพูดนี้ของเขา ซุนซ่านเหรินปลื้มปริ่มใจไม่น้อย พูดว่า “ที่นี่ก็ไม่มีเรื่องอะไร ให้ไฉเอ๋อร์กลับไปกับพวกเจ้าเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองซุนเหลียงไฉเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มแวบหนึ่ง
ซุนเหลียงไฉถูกมองจนร้อนตัว ลูบๆ จมูก มุดเข้าไปในรถม้า
ทั้งสองบอกลาซุนซ่านเหริน ขึ้นไปนั่งบนรถม้า เหวินเปียวบังคับรถม้ามุ่งหน้ากลับไปอย่างมั่นคง
ซุนซ่านเหรินและซุนเชี่ยนยืนอยู่หน้าประตู มองดูรถม้าของพวกเขาจากไปจนลับตาแล้ว ถึงหันกลับหลังเดินเข้าบ้าน
ภายในรถม้า เมิ่งเชี่ยนโยวยกยิ้มพูด “คุณชายน้อยสกุลซุน ไม่ทราบว่า เรื่องการปลูกเรือนของครอบครัวเรา เจ้าพอจะช่วยอะไรได้บ้าง?”
ซุนเหลียงไฉรีบพูดวิงวอน “เห็นแก่ที่วันนี้ข้าทำคุณความชอบครั้งใหญ่ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะนะ”
เห็นท่าทีของเขา เมิ่งเชี่ยนโยวก็หลุดขำ
คนทั้งหมดกลับมาถึงบ้าน เลยเวลาเที่ยงมาแล้ว เมิ่งชื่อตามหาพวกเขามากินข้าวไม่เจอ กำลังร้อนรนกระวนกระวาย เห็นคนทั้งหมดกลับมา ก็เร่งเร้าถาม “พวกเจ้าหายไปไหนกันมา? ไม่บอกแม่สักคำ แม่ร้อนใจแทบแย่แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด “พวกเราไปทำเรื่องใหญ่กันมาเล่า”
เมิ่งชื่อถลึงตาใส่นาง “เรื่องอะไรก็ใหญ่สู้เรื่องกินข้าวไม่ได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวเดินไปเบื้องหน้านาง เจตนาพูดว่า “หากเป็นเรื่องที่พวกเราจัดการเรื่องคู่ครองให้พี่ใหญ่ได้เล่า เรื่องนี้จะใหญ่กว่าเรื่องกินข้าวหรือไม่”
เมิ่งชื่อหัวเราะพูดเอ็ด “พูดจาไม่มีหลักมีฐานไปกันใหญ่แล้ว รู้จักแต่จะหลอกเย้าแม่ ชั่วเวลาสั้นๆ นี้ ก็จัดการเรื่องคู่ครองให้พี่ใหญ่เจ้าได้แล้ว”
ตอนที่ 184-1 มาหาถึงบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งทอดถอนใจ พูดอย่างอ่อนใจ “พี่ใหญ่ไปมีพฤติกรรมใกล้ชิดกับแม่นางคนหนึ่ง ไม่หมั้นหมายก็คงไม่ได้แล้ว”
เมิ่งชื่อร้องอุทาน “อะไรนะ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพลันสะดุ้งตกใจต่อเสียงหวีดร้องของนาง เขยิบถอยออกมา แล้วรีบอุดหูตัวเอง พูดโอดครวญ “ท่านแม่ หูข้าจะแตกแล้ว”
เมิ่งชื่อจับนางแน่น “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่เป็นความจริง พี่ใหญ่เจ้าไปมีพฤติกรรมใกล้ชิดกับแม่นางคนหนึ่ง”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
“เช่นนั้นจะรออะไร พวกเรารีบไปสู่ขอเถอะ” เมิ่งชื่อร้อนรนพูด
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นท่าทีกระวนกระวายของนาง พูดสัพยอก “ท่านแม่ พี่ใหญ่กระทำเรื่องน่าบัดสีเช่นนั้น ท่านควรจะจะอัดเขาให้หลาบจำสักหน่อยมิใช่หรือ?”
ไม่คิดว่าเมิ่งชื่อกลับพูดว่า “พี่ใหญ่เจ้าไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่เคยมีแม่นางที่พึงใจ แม่กระวนกระวายใจมาตลอด ตอนนี้เขาอุตส่าห์มีแม่นางที่ต้องตา แม่ดีใจเสียยังไม่ทันเล่า”
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องตกใจถาม “ท่านไม่คิดจะถามว่าเป็นแม่นางบ้านไหนหรือ?”
เมิ่งชื่อโบกมืออย่างไม่ไยดี “เป็นแม่นางบ้านไหนก็ได้ ขอเพียงพี่ใหญ่เจ้าพึงใจ แม่ล้วนยินดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวตกตะลึงจังงัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “พี่ใหญ่สมเป็นลูกแท้ๆ ของท่านจริงๆ”
เมิ่งชื่อหัวเราะตีนางเบาๆ “พูดเพ้อเจ้ออะไร พวกเจ้าใครที่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่บ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวร้องโวยวาย “เช่นนั้นเรื่องคู่ครองของข้าเหตุใดถึงไม่ให้ข้าตัดสินเอง?”
เมิ่งชื่อหัวเราะดุนาง “ยังไม่พอใจอีก เด็กดีอย่างอี้เซวียน คนอื่นจุดโคมไฟยังหาไม่เจอ เจ้ายังไม่พอใจหรือ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเสียงเบา “อีกหน่อยพวกท่านจักต้องไม่ดีใจเช่นนี้”
เมิ่งชื่อฟังไม่เข้าใจ ถามขึ้น “เจ้าพูดกระไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวรีบร้อนพูด “ข้าบอกว่า พี่ใหญ่จะหมั้นกับแม่นางซุน”
เมิ่งชื่อตกตะลึง จากนั้นปิติยินดีถามเสียงดังลั่น “แม่นางสกุลซุน พี่สาวของเหลียงไฉ?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า
เมิ่งชื่อดีใจจนเกือบจะกระโดดตัวลอย “เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก แม่นางซุนมีนิสัยจริงใจเปิดเผย มีสัมมาคารวะ ทำการค้าเป็น แม่ชอบนางมานานแล้ว ไม่คิดว่าพี่ใหญ่เจ้าจะพึงพอใจนาง แม่ดีใจยิ่งนัก”
พูดจบชื่นชมเมิ่งเสียน “ครั้งนี้เสียนเอ๋อร์สายตาไม่เลวจริงๆ”
เมิ่งเชี่ยนโยวกรอกตาบน “เขาสายตาไม่เลวอะไรกัน หากไม่เพราะข้าคิดแผนการ เกรงว่าตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเลย”
ซุนเหลียงไฉรีบชี้ตัวเองแล้วพูด “ยังมีข้า ยังมีข้า ข้าก็มีส่วนช่วยด้วย”
เมิ่งชื่อถามอย่างกังขา “พวกเจ้าพูดอะไรกัน เหตุใดแม่ถึงฟังไม่เข้าใจ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงเช้าอีกรอบ
ไม่คิดว่าพอเมิ่งชื่อฟังจบจะชื่นชมนาง “ทำได้ดีมาก หากอาศัยแต่พี่ใหญ่เจ้า ยังไม่รู้จะต้องรอไปถึงวันเดือนปีใด”
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นหน้าไปตรงหน้านาง ยิ้มตาหยีถามขึ้น “ข้าเก่งกาจเช่นนี้ มีรางวัลอะไรหรือไม่?”
เมิ่งชื่อตั้งแง่ป้องกันตัว “สำหรับเรื่องคู่ครองของเจ้ามิต้องเอ่ย”
เมิ่งเชี่ยนโยวถอนใจระบายอารมณ์ เบ้ปากพูดว่า “รู้อยู่แล้วว่าข้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกท่าน”
เมิ่งชื่อหัวเราะตัวงอ
เมิ่งชื่อให้พวกเขาทั้งหมดไปกินข้าว ส่วนตัวเองออกไปหาเมิ่งเอ้ออิ๋นอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
เมิ่งเอ้ออิ๋นได้ฟังแล้วก็ให้ดีใจเป็นล้นพ้น พูดทันควัน “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจงรีบไปซื้อของหมั้น พวกเราจะได้ไปสู่ขอแต่เนิ่นๆ”
เมิ่งชื่อพยักหน้า แล้ววิ่งไปหาสะใภ้เมิ่งต้าจิน
สะใภ้เมิ่งต้าจินเคยเจอซุนเชี่ยน รู้ว่าเป็นแม่นางที่ดีคนหนึ่ง ย่อมปิติยินดีด้วยเช่นกัน ทั้งสองหารือกันว่าต้องซื้อของหมั้นหมายอะไรบ้าง
ตอนที่หมั้นหมายให้เมิ่งเหริน ทั้งสองเคยซื้อของหมั้นแล้ว พอจะรู้โดยรวมทั้งหมด ทว่าซุนเชี่ยนเป็นครอบครัวทำการค้า ของหมั้นหมายจะให้กระจอกไร้ราคาเกินไปไม่ได้ ดังนั้นทั้งสองหารือกันเป็นนาน ก็ยังไม่ได้ผลลัพธ์ สะใภ้เมิ่งต้าจินจึงเสนอความคิด “พรุ่งนี้พวกเราเข้าไปเดินวนในเมือง เจอสิ่งของที่เหมาะสมก็ซื้อกลับมา”
เมิ่งชื่อรู้สึกว่าใช้ได้ พยักหน้าเห็นด้วย
เมิ่งชื่อกลับมาบ้านด้วยความปิติอิ่มเอม บอกเมิ่งเชี่ยนโยวเรื่องที่จะไปหาซื้อของหมั้นหมายพรุ่งนี้ เมิ่งเชี่ยนโยวพูดข้อเสนอแนะของตัวเอง “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ จะต้องกระทบต่อชื่อเสียงของแม่นางซุน ดังนั้นของหมั้นที่ซื้อจะต้องสูงค่ามีระดับ ให้คนที่เห็นได้รู้ว่าครอบครัวพวกเราให้ความสำคัญกับการแต่งงานครั้งนี้มาก”
เมิ่งชื่อเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา เคยไปซื้อของหมั้นให้เมิ่งเหรินก็เพียงครั้งนั้นครั้งเดียว เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นก็ใช้ได้ดีแล้ว ตอนนี้ได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ก็ให้ลำบากใจ หน้านิ่วคิ้วขมวดถาม “แม่จะไปรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งใดที่สูงค่ามีระดับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวชี้เข้าไปในบ้าน ยกยิ้มพูด “ด้านในมีบุคคลที่เหมาะสมเตรียมพร้อมอยู่แล้วมิใช่หรือ ท่านเข้าไปถามก็จะรู้เอง”
เมิ่งชื่อถามอย่างเคลือบแคลง “ใครกัน?”
“ก็ฮูหยินโจวทั้งสองอย่างไรเล่า พวกนางมาจากเมืองหลวง จะต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี”
เมิ่งชื่อเข้าใจพลัน “แม่จะไปหาพวกนางเดี๋ยวนี้” พูดจบรีบเดินอาดๆ เข้าไปในบ้าน
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูท่าทีของนาง ส่ายหน้าหลุดขำ
เมิ่งชื่อเดินเข้ามาในบ้าน พูดกับสะใภ้โจวทั้งสองคนอย่างเกรงใจ “ข้ามีเรื่องอยากจะรบกวนพวกท่านทั้งสองคน”
ทั้งสองหันสบตากัน สะใภ้ใหญ่โจวพูดว่า “ฮูหยินมิต้องเกรงใจ มีเรื่องอันใดก็พูดมาเถิด”
เมิ่งชื่อรีบร้อนโบกมือ “พวกท่านอย่าได้พูดเช่นนี้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่กล้ารบกวนพวกท่านจริงๆ แล้ว”
ทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน
สะใภ้ใหญ่โจวพูดขึ้น “ท่านมีอะไรก็พูดมาตามตรงเถอะ ดูว่าพวกเรามีเรื่องอะไรพอจะช่วยได้”
เมิ่งชื่อพูด “บุตรชายคนโตข้ากำลังจะแต่งงาน เป็นคุณหนูสกุลใหญ่คนหนึ่งในเมือง อีกไม่กี่วันก็จะหมั้นหมายแล้ว พวกเราคิดว่าของขวัญสำหรับหมั้นหมายนี้จะให้เหมือนพวกเราชนบทที่ต่ำต้อยไร้ราคาเกินไปไม่ได้ พวกท่านช่วยข้าคิดหน่อยเถิด ว่าควรซื้อของขวัญเช่นไรถึงจะดี”
สะใภ้ใหญ่โจวถามขึ้น “ไม่ทราบว่าปกติแล้วชาวชนบทจะซื้อของขวัญใดสำหรับเป็นของหมั้นหมาย?”
เมิ่งชื่อบอกสิ่งของที่ต้องซื้อสำหรับหมั้นหมายแก่พวกนาง
ทั้งสองครุ่นคิดครู่หนึ่ง
สะใภ้ใหญ่โจวพูดว่า “อย่างไรก็ยังต้องรักษาขนบประเพณีของชนบทไว้ พวกท่านทวีจำนวนของขวัญทั้งหมดเพิ่มอีกหนึ่งเท่า จากนั้นเปลี่ยนเป็นของชั้นดีเยี่ยมก็ได้แล้ว ก็คือพวกเครื่องประดับจะต้องซื้อที่ดีที่สุด”
เมิ่งชื่อพยักหน้าปลาบปลื้ม “พวกท่านคิดได้ถี่ถ้วนนัก ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้ ขอบคุณพวกท่านมาก”
ทั้งสองคนโบกมือ
เมิ่งชื่อดีใจเดินออกมาบอกเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เช่นนั้นก็ทำตามที่พวกนางว่าเถอะ แต่ว่า เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือให้คนไปทาบทามสู่ขอ”
เมิ่งชื่อตบหน้าผากตัวเอง “แม่ดีใจจนเลอะเลือนไปแล้ว ลืมเรื่องสำคัญนี้ไปเสียสนิท”
เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ
เมิ่งชื่อคิดคำนวณดู รู้สึกว่าเรื่องนี้ไปหาซ้อหวังจะเหมาะสมที่สุด ซ้อหวังนิสัยเปิดเผย คบค้าสมาคมกับคนมาก เรื่องที่รู้ก็มีมาก ไปให้นางช่วยสืบถามดูว่าแม่สื่อที่ไหนเหมาะสมที่สุด นางจะต้องรู้เรื่อง คิดถึงตรงนี้ ก็ตะลีตะลานเดินไปหาซ้อหวัง
พอคนที่ปลูกเรือนกินอาหารอิ่ม ป้าหวังและผู้หญิงคนอื่นๆ ก็จัดเก็บล้างจนสะอาด เพิ่งกลับมาถึงบ้าน เตรียมจะเอนตัวพักผ่อน เมิ่งชื่อก็เดินเข้ามา
ป้าหวังพานางเข้ามาในบ้านอย่างกระตือรือร้น ถามเมิ่งชื่อว่ามีเรื่องอะไร
เมิ่งชื่อจึงบอกเรื่องที่ต้องการหาแม่สื่อสักคน ไปพูดทาบทามสู่ขอให้เมิ่งเสียน
ป้าหวังได้ฟังก็ดีใจเป็นอย่างมาก ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพูดว่า “หมู่บ้านข้างๆ มีแม่สื่อคนหนึ่งลีลาคารมดี ขอเพียงเรื่องแต่งงานนั้นผ่านมือนาง ย่อมต้องสำเร็จทุกราย ทว่า ค่าตัวแม่สื่อนางค่อนข้างสูง คนทั่วไปพอพูดสำเร็จแล้วต้องให้สองตำลึง คาดว่าครอบครัวพวกเจ้าจะสูงกว่านั้น”
เมิ่งชื่อพูดว่า “ขอเพียงนางพูดให้ครอบครัวแม่นางซุนดีใจมีความสุข ยอมกำหนดวันหมั้นหมาย อย่าว่าแต่สองตำลึงเลย ยี่สิบตำลึงข้าก็ให้”
ป้าหวังรู้ว่าตอนนี้บ้านเมิ่งมีเงินแล้ว เงินไม่กี่สิบตำลึงไม่ใช่ปัญหา จึงพูดทันควัน “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะพาเจ้าไปหานาง”
เมิ่งชื่อพยักหน้า “ขอบใจซ้อหวัง”
ป้าหวังยิ้มพูด “ไม่ต้องเกรงใจ หากไม่เพราะโยวเอ๋อร์ หู่จื่อจะเจริญเติบโตไปไกลเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าต้องขอบใจพวกเจ้าต่างหากเล่า”
ทั้งสองพูดหัวเราะต่อกระซิกกลับมาบ้านเมิ่ง
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นทั้งสองคนกลับมา กล่าวทักทายป้าหวังอย่างมีมารยาท
เมิ่งชื่อดีอกดีใจ รอยยิ้มบนใบหน้าไม่จางหาย หันไปพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “แม่กับป้าหวังจะไปหาแม่สื่อหมู่บ้านข้างๆ เจ้าให้เหวินเปียวบังคับรถม้าพาพวกเราไปส่งหน่อยเถิด”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า สั่งเหวินเปียวให้ไปส่งทั้งสองคน กำชับให้เดินทางระวัง
เหวินเปียวเก็บกวาดรถม้าโดยไว มุ่งหน้าไปหมู่บ้านข้างเคียง
หลังจากเข้ามาในหมู่บ้าน เหวินเปียวจอดรถม้าแล้วสอบถาม ไม่นานก็หาบ้านแม่สื่อเจอ
เมิ่งชื่อตะโกนข้ามรั้วไม้ไผ่นอกลานบ้าน ประตูมีเสียงขานรับแล้วเปิดออก หญิงชราวัยห้าสิบกว่าปีคนหนึ่งเอ่ยปากถามขึ้น “พวกเจ้ามาหาใครรึ?”
เมิ่งชื่อยกยิ้มพูดว่า “พวกเราเป็นคนหมู่บ้านหวงข้างๆ บุตรชายคนโตกำลังจะแต่งงาน อยากให้ท่านช่วยไปพูดสู่ขอให้เสียหน่อย”
หญิงชรามองประเมินนางขึ้นลง เห็นนางแต่งกายดีกว่าคนปกติทั่วไป กระหยิ่มยิ้มย่องใจ ทว่าก็ยังออกตัวก่อนว่า “ค่าตอบแทนแม่สื่อของข้าสูงกว่าคนอื่น เรื่องนี้เจ้ารู้หรือไม่?”
เมิ่งชื่อพยักหน้า “ทราบแล้วๆ”
หญิงชราพูดว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าก็เข้ามาเถอะ”
เมิ่งชื่อและป้าหวังเดินเข้าไปในลานบ้าน
หญิงชราเปิดอ้าประตูบ้าน แล้วเบี่ยงตัว “เข้ามานั่งข้างในเถอะ”
ทั้งสองเข้าไปในบ้าน
หญิงชราพูดว่า “ข้าแซ่หลิว คนอื่นๆ เรียกข้าว่าแม่สื่อหลิว พวกเจ้าก็เรียกข้าเช่นนี้เถอะ”
ทั้งสองคนพยักหน้า
แม่สื่อหลิวถามขึ้น “พวกเจ้าเป็นคนบ้านไหนของหมู่บ้านหวง แม่นางที่หมายปองไว้เป็นคนบ้านไหน? ได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หรือหมายปองแม่นางบ้านนั้นฝ่ายเดียว”
เมิ่งชื่อยิ้มพูด “พวกเราเป็นคนสกุลเมิ่ง บุตรชายข้าหมายปองคุณหนูสกุลใหญ่คนหนึ่งในเมือง ตอนนี้พวกเราสองครอบครัวตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ท่านเพียงแค่ช่วยไปทาบทามสู่ขอก็เป็นใช้ได้”
แม่สื่อหลิวร้องอุทาน “สกุลเมิ่ง สกุลเมิ่งไหน สกุลเมิ่งมีลูกหลานสอบถงเซิงได้นะหรือ?”
เมิ่งชื่อพยักหน้า
แม่สื่อหลิวร้อง “การได้ไปพูดทาบทามให้บุตรชายของครอบครัวพวกเจ้า เป็นวาสนาที่ข้าต้องสั่งสมถึงแปดชาติภพ เจ้าวางใจ การสู่ขอครั้งนี้ข้าจะต้องพูดให้เจ้าอย่างสวยงามหมดจด เหมาะสมถูกต้อง”
เมิ่งชื่อยกยิ้มกล่าวขอบคุณ แล้วบอกเล่าเรื่องราวของเมิ่งเสียนและซุนเชี่ยนให้นางฟัง
แม่สื่อหลิวรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ “วางใจเถอะ ข้าจะจัดการให้เอง พรุ่งนี้ข้าจะรีบไปแต่เช้าตรู่ จะกำหนดวันหมั้นมาให้เจ้าได้อย่างแน่นอน”
เมิ่งชื่อกล่าวขอบคุณอีกครั้ง บอกแม่สื่อหลิวว่าหนทางเข้าเมืองค่อนข้างไกล เดินไปไม่สะดวก พรุ่งนี้พวกเขาจะส่งรถม้าเข้ามารับนางไป
แม่สื่อหลิวพูดสู่ขอให้คนมาทั้งชีวิต ยังไม่เคยได้นั่งรถม้า ดีอกดีใจยกใหญ่ เอาแต่พูดว่าดีๆ
เมื่อได้เรื่องเรียบร้อย เมิ่งชื่อและป้าหวังก็กลับบ้าน
รอคอยวันถัดมาอย่างตื่นเต้นยินดี
เหวินเปียวได้รับคำสั่งจากเมิ่งชื่อ เช้าตรู่วันถัดมาก็บังคับรถม้าส่งแม่สื่อหลิวไปเรือนซุน
เมิ่งชื่อรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านอย่างตื่นเต้นดีใจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น