อัจฉริยะสมองเพชร 1832-1833

 ตอนที่ 1832 นี่คือจุดจบหรือ?

ยังไม่ทันที่กระบี่จะปะทะกับกำปั้นของเขา กล้ามเนื้อที่แขนก็ถูกฉีกกระชากไปแล้ว


ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันคือการทดสอบของวรยุทธขั้นผู้ทำลายล้างมิติ พละกำลังของมันน่าสะพรึงจริงๆ!


จางเซวียนคำรามลั่นและขับเคลื่อนพละกำลังเต็มพิกัด เขาหลอมรวมพลังปราณ กายเนื้อ และจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน มิติที่อยู่โดยรอบแข็งทื่อขึ้นมาทันที


การทดสอบนักปราชญ์โบราณไม่ได้เป็นแค่การทดสอบจากสวรรค์ที่มีต่อนักรบ แต่ยังเป็นโอกาส ให้ได้พัฒนาตัวเองด้วย โดยหากผู้นั้นใช้อาวุธเล่นงานการทดสอบนักปราชญ์โบราณ ประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากการทดสอบก็จะลดลงมาก ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจกระตุ้นให้เกิดแรงตีกลับจากการทดสอบนักปราชญ์โบราณ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ล่อแหลมยิ่งขึ้นไปอีก


สิ่งนี้เหมือนกับการทดสอบของวรยุทธขั้นการละทิ้งช่องว่างที่เพิ่มศักยภาพให้กับนักรบผู้เผชิญหน้ากับการทดสอบ


ก็เพราะเหตุนี้ จางเซวียนจึงไม่เลือกใช้หอกสวรรค์กระดูกมังกร ตั้งใจจะพึ่งพาพละกำลังของเขาเพียงอย่างเดียว


แน่นอนว่าการปลดปล่อยพละกำลังเต็มพิกัดของจางเซวียนนั้นเป็นสิ่งที่รับมือได้ยาก ต่อให้นักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่โดยทั่วไปหรือแม้แต่นักปราชญ์โบราณก็อาจพ่ายแพ้ให้กับการโจมตีนั้น แต่เมื่ออยู่ตรงหน้ากระบี่สายฟ้าขนาดมหึมาที่อยู่กลางอากาศ พละกำลังของเขาดูจะไม่ต่างอะไรกับของเล่น ท้องฟ้าถูกฉีกกระชากในชั่วพริบตา แล้วผิวหนังร่างกายท่อนบนของจางเซวียนก็ถูกลอกออกไป เผยให้เห็นกระดูกซี่โครง


เป็นความเจ็บปวดแสนสาหัส!


แม้สภาวะจิตของเขาจะแข็งแกร่ง แต่แรงกดดันและความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นเกินกว่าจะต้านทานไหว จางเซวียนรู้สึกว่าสติสัมปชัญญะพร่าเลือน พร้อมจะจางหายไปได้ทุกขณะราวกับแสงเทียนท่ามกลางพายุ


เสื้อผ้าของเขามอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน เผยให้เห็นโครงกระดูก


การทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าน่าสะพรึงมากจริงๆ มันเกินกว่าที่ระดับวรยุทธของเขาในตอนนี้จะต้านทานไหว


เวลายังไม่ได้ผ่านไปแม้เพียงอึดใจเดียวนับตั้งแต่วินาทีที่กระบี่เล่นงานเลือดเนื้อของเขา แถมกระบี่ก็ยังไม่ได้แตะต้องตัวเขาด้วย ความบอบช้ำทั้งหมดที่จางเซวียนได้รับมาจากรังสีอันทรงพลังของกระบี่และและคลื่นความสั่นสะเทือนที่มาจากการเคลื่อนไหวของมัน


ถ้ากระบี่ถึงตัวเขาจริงๆ เขาคงถูกสังหารในทันที


ดูเหมือนเราจะหมดหนทางแล้ว…


นั่นคือความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองของจางเซวียนตอนนั้น


เขาเคยคิดว่าจะสามารถใช้โอกาสนี้ผลักดันให้เกิดการฝ่าด่านวรยุทธของกายเนื้อและพลังปราณได้ แต่ดูเหมือนเขาจะประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป ตอนนี้สถานการณ์บานปลายจนอยู่เหนือการควบคุมแล้ว


แต่เราจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้!


รู้ดีว่าคงต้องตายแบบหมดสภาพหากยังยื้อต่อ จางเซวียนจึงหลับตาลงและเพ่งสมาธิ พริบตาต่อมา ร่างหนึ่งที่เหมือนตัวเขาเป๊ะก็ปรากฏตรงหน้า มันพุ่งเข้าใส่กระบี่นั้น


ตัวโคลน!


“ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณยังมีหน้าอวดอ้างว่าตัวเองเป็นร่างต้นแบบ ทั้งที่รับมือไม่ได้แม้กระทั่งกับการทดสอบวรยุทธ ไม่ละอายใจบ้างหรือ? ดูนะ ผมจะเล่นงานกระบี่นั่นให้หมอบด้วยหมัดเดียว!” ตัวโคลนคำรามอย่างภาคภูมิใจขณะเผชิญหน้ากับกระบี่เล่มมหึมา


ในช่วงเวลาเพียงชั่วครู่นั้น จางเซวียนรีบนำหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดออกมาดื่ม เพื่อฟื้นฟูพลังปราณและบ่มเพาะร่างกายของเขา


สิ่งที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีเพียงโครงกระดูกที่มีหนังหุ้มเพียงเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะพลังชีวิตล้นเหลือที่เขาสะสมไว้จากการดื่มหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดและความสามารถในการเยียวยาที่เป็นปาฏิหาริย์ของพลังปราณเทียบฟ้า เขาคงตายไปนานแล้ว


ด้วยการบ่มเพาะจากหยดเลือด เนื้อหนังและกระดูกของจางเซวียนก็เริ่มฟื้นคืนสภาพเดิม เท่าที่เห็น น่าจะกินเวลายาวนานหลายปีกว่าที่เขาจะมีสภาพร่างกายเหมือนแต่ก่อน แต่เพียงเท่านี้ก็ถือว่าโชคดีเหลือหลายแล้วที่เขายังมีชีวิตอยู่หลังจากเผชิญหน้ากับกระบี่น่าสะพรึงนั่น จึงไม่มีอะไรที่ต้องบ่น


จางเซวียนส่ายหน้า จากนั้นก็หันไปมองตัวโคลนที่อยู่กลางอากาศ


ออกจะน่าประหลาดใจเล็กน้อยที่ตัวโคลนของเขารับมือกับกระบี่ไม่ไหวเช่นกัน แต่เพราะร่างกายของหมอนั่นหลอมขึ้นจากบัวเก้าหัวใจ ร่างของตัวโคลนจึงฟื้นคืนสภาพเดิมได้แม้จะถูกเฉือนเป็น 2 ท่อน เล่นเอาการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าถึงกับจนปัญญาไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าจะเล่นงานตัวโคลนอย่างไร


“นั่นคือตัวโคลนของเขาหรือ?”


“เขามีตัวโคลนที่ทรงพลังขนาดนั้นได้อย่างไรกัน? หรือว่าจะเอาชีวิตรอดด้วยวิธีนี้ได้จริงๆ?”


หลังจากได้เห็นตัวโคลนเป็นครั้งแรก ทุกคนต่างตาโตด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะนักปราชญ์โบราณโม่หลิง เนื้อตัวของเขาสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น


ไม่อาจถูกทำลายได้…นั่นคือรูปแบบของร่างกายที่ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณทุกคนอยากได้มาครอบครอง หากพวกเขามีร่างกายแบบนี้ คงมีชีวิตเป็นอมตะโดยไม่ต้องหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น


“ไม่นะ ดูเหมือนตัวโคลนของเขายังอ่อนแอไปสักหน่อย คงต้านทานกระบี่ได้ไม่นาน…”


กระบี่เล่มมหึมาเชื่องช้าลงไปเล็กน้อยเมื่อเจอการขัดจังหวะจากตัวโคลนของจางเซวียน แต่ก็ยังเดินหน้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง อีกนิดเดียวก็จะเล่นงานจิตวิญญาณของจางเซวียนให้แหลกเป็นชิ้นๆได้แล้ว


ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังนั้น จางเซวียนรีบนำก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีกครั้งและโยนมันให้ตัวโคลน


ซรืดดดดด!


ตัวโคลนรีบคว้าก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้วซึมซับพลังงานเข้มข้นที่อยู่ในนั้นทันที


เมื่อครู่ก่อน จางเซวียนใช้พลังจิตวิญญาณในก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น จึงยังเหลือพอให้ตัวโคลนได้ใช้


เมื่อกลืนกินพลังจิตวิญญาณปริมาณมหาศาลลงไป ระดับวรยุทธของตัวโคลนก็พุ่งพรวด ทำให้มีพละกำลังมากพอจะต้านทานการโจมตีของกระบี่ สถานการณ์ดูจะพลิกผันมาเข้าข้างจางเซวียนขณะที่กระบี่เชื่องช้าลงอีกครั้ง ดูพร้อมจะหยุดได้ทุกขณะ


ในเวลาเดียวกัน ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของตัวโคลนก็พุ่งพรวดขึ้นไปเป็นขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก และยังคงเดินหน้าต่อ เตรียมพร้อมฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณ


ผืนผ้าใบสี่ฤดูถูกคลี่ออกอีกครั้ง นิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณพุ่งเข้าสู่ร่างของตัวโคลนอย่างรวดเร็ว


ฟึ่บ!


เพียง 2-3 อึดใจ ตัวโคลนก็ฝ่าด่านคอขวดที่สกัดกั้นเขาไว้ได้และก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่


ตัวโคลนฝ่าด่านวรยุทธได้ง่ายดายกว่าจางเซวียนมากเพราะสามารถเข้าถึงหัวสมองของจางเซวียนและสัมผัสประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาได้ ทำให้การยกระดับวรยุทธราบรื่นกว่าเดิม


ครืนนนน!


ทันทีที่ตัวโคลนฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จ หมู่เมฆสีดำกลุ่มใหญ่ก็มารวมตัวเหนือพื้นที่นั้นอีกครั้ง สายฟ้าฟาดและเปลวเพลิงสวรรค์ก่อตัวกันขึ้นเป็นกระบี่ที่มีพลังงานมากกว่าเดิม


“….”


จางเซวียนเลิกคิ้วด้วยความพรั่นพรึง


มันเป็นการตัดสินใจชั่ววูบของเขาที่โยนก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ให้ตัวโคลน โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะมีพละกำลังมากพอที่จะยับยั้งการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าได้ ไม่คิดเลยว่าหมอนั่นจะฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จและเรียกการทดสอบวรยุทธมาอีกครั้ง


ในเมื่อตัวเขากับตัวโคลนใช้จิตวิญญาณเดียวกัน สิ่งนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการทดสอบนักปราชญ์โบราณครั้งที่ 4 ของจางเซวียน


เมื่อได้ซึมซับพลังงานสายฟ้าและเปลวเพลิงสวรรค์ กระบี่ที่มีขนาดมหึมาอยู่แล้วก็ขยายขนาดขึ้นเป็น 2 เท่า คมกระบี่สีดำของมันแผ่แรงกดดันน่าสะพรึงออกมา และสร้างรอยแยกขนาดใหญ่ขึ้นรอยแล้วรอยเล่ากลางอากาศ รังสีที่มันแผ่ออกมานั้นทรงพลังจนถึงขนาดที่แม้แต่หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็ต้านทานไม่ไหว


จางเซวียนรู้สึกได้ว่าความตายกำลังคืบคลานเข้ามา เส้นผมของเขาตั้งชัน


“ถ้าปล่อยให้มันลงมาได้ เราคงต้องตายแน่!”


รู้ดีว่ากระบี่มีพละกำลังแค่ไหน จางเซวียนรีบเค้นสมองเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา


พละกำลังที่อยู่ในกระบี่นั้นน่าสะพรึงมาก หากยับยั้งมันไว้ไม่ได้ ทั้งตัวเขาและตัวโคลนก็คงไม่มีอะไรเหลือ


ควั่บ!


กระบี่ที่มีพละกำลังมากพอจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ให้ราบคาบฟาดฟันลงมาบนร่างของตัวโคลนและตัดร่างของเขาออกเป็น 2 ท่อน


แม้ตัวโคลนจะสำเร็จวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณแล้ว แต่ก็ไม่มีทางต้านทานหายนะภัยจากธรรมชาติได้


แต่ตัวโคลนก็รวมร่างของเขากลับคืนได้ครั้งแล้วครั้งเล่าขณะพยายามต้านทานพละกำลังของกระบี่อย่างสิ้นหวัง แม้จะมีระดับความแข็งแกร่งที่เหลื่อมล้ำกันมาก แต่ความอึดของตัวโคลนก็ได้ผล การโจมตีของกระบี่เริ่มช้าลง


แต่ถึงอย่างไร สถานการณ์ก็ยังไม่เป็นใจให้พวกเขา


รู้ดีว่าถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงได้ตายแน่ จางเซวียนรีบหันไปสั่งการอำมาตย์เฉินหย่ง “เร็วเข้า ช่วยผมตามหาใครสักคนที่กำลังจะฝ่าด่านวรยุทธ จะต้องมีใครคนหนึ่งเรียกการทดสอบสายฟ้ามา!”


“คุณอยากได้ใครสักคนที่ฝ่าด่านวรยุทธได้ตอนนี้และเรียกการทดสอบสายฟ้ามาหรือ?” อำมาตย์เฉินหย่งถึงกับชะงัก แต่รู้ดีว่านายน้อยของเขาต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น จึงรีบหันไปสั่งการกับหลิวหยาง


“ขอรับ ฝ่าบาท!” หลิวหยางพยักหน้ารับ


เขากวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะคว้าตัวนักรบระดับเซียนขั้น 9 ที่อยู่แถวนั้นมาได้คนหนึ่ง แล้วถ่ายทอดกระแสพลังปราณให้อีกฝ่าย


ทันทีที่กระแสพลังปราณไหลเวียนไปทั่วร่างของนักรบระดับเซียนขั้น 9 คนนั้น ด่านคอขวดที่สกัดกั้นเขาอยู่ก็แตกสลายไปทันที หมู่เมฆดำเริ่มรวมตัวกันอีกครั้ง


“เยี่ยม!” เห็นหมู่เมฆดำมาอีก จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารีบส่งโทรจิตไป “สายฟ้าน้อย นั่นคุณใช่ไหม?”


“??”


เมื่อได้ยินคำนั้น หมู่เมฆดำถึงกับผงะ ครู่หนึ่งที่ดูเหมือนมันทำท่าจะลอยหนีไป แต่สุดท้ายก็ได้แต่สั่นสะท้านและลอยมาอยู่ข้างจางเซวียนอย่างไม่เต็มใจ


เห็นได้ชัดว่าการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าไม่ใช่การทดสอบสายฟ้าน้อยที่จางเซวียนเคยรับมือด้วย แต่ในฐานะผู้เผชิญหน้ากับการทดสอบวรยุทธ เขาคิดว่าน่าจะมีสายสัมพันธ์บางอย่างระหว่างพวกมัน ซึ่งการทดสอบสายฟ้าน้อยอาจช่วยเจรจาแทนเขาได้


“ผมมีเทคนิควรยุทธที่จะช่วยยกระดับความสามารถของคุณ จะถ่ายทอดให้คุณเดี๋ยวนี้ แต่อยากให้คุณช่วยสกัดกั้นกระบี่นั่นไว้ให้ผมหน่อย” จางเซวียนพูด


จากนั้นเขาก็เริ่มใช้การถ่ายทอดลิขิตสวรรค์เพื่อเปิดการบรรยาย


เขาเห็นข้อบกพร่องของการทดสอบสายฟ้าน้อยมาก่อนแล้ว และเคยคิดอยู่ว่าจะหาทางให้คำชี้แนะกับอีกฝ่าย ดังนั้น ทั้งหมดที่ต้องทำตอนนี้ก็มีแค่เรียบเรียงความรู้ที่อยู่ในหัวสมองของเขาเท่านั้น


“นั่น…เขากำลังสั่งสอนการทดสอบสายฟ้าหรือ?”


“คุณจะบอกผมว่าการทดสอบสายฟ้านั่นเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา?”


ทุกคนถึงกับจังงัง


ตอนที่ 1833 รอดพ้นจากการทดสอบวรยุทธ

พวกเขาเคยเห็นคนที่ทำให้อสูรยอมจำนน ทำให้มนุษย์ยอมจำนน หรือไม่ก็ทำให้ของล้ำค่ายอมจำนน แต่นี่เป็นครั้งแรกตลอดชีวิตอันยาวนานของพวกเขาที่ได้เห็นใครคนหนึ่งทำให้การทดสอบสายฟ้ายอมจำนนได้


ทั้งอำมาตย์เฉินหย่ง นักปราชญ์โบราณโม่หลิง นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง และคนอื่นๆต่างพูดไม่ออก ภาพตรงหน้าพวกเขาแปลกประหลาดเสียจนไม่รู้จะเอาความมีเหตุผลมาใช้อย่างไร


การทดสอบสายฟ้าคือเครื่องหมายของการลงทัณฑ์อย่างโกรธเกรี้ยวจากสวรรค์ มันมีไว้ลงโทษ นักรบผู้โอหังที่กล้าท้าทายโชคชะตาและพยายามจะก้าวไปสู่บางสิ่งที่อยู่เหนือกว่าตัวเอง แต่ตอนนี้มันกำลังทำตามคำสั่งของนักรบคนหนึ่ง!


เรื่องแบบนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน?


นั่น…นั่นอาจารย์ของเรา! หลิวหยางใจสั่นด้วยความตื่นเต้น


วิถีทางของท่านอาจารย์ของเขาช่างน่าทึ่งเหลือเกิน ไม่ว่าสถานการณ์จะน่าสิ้นหวังแค่ไหน ท่านอาจารย์ก็จะต้องมีวิธีการอะไรสักอย่างที่ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งและพลิกผันสถานการณ์ได้


หลังจากได้ฟังคำชี้แนะของจางเซวียน หมู่เมฆดำก็เริ่มแปรปรวนเล็กน้อยขณะที่ทำปฏิกิริยากับสายฟ้า มันรู้สึกได้ว่าความเร็วในการรวบรวมพลังเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก อย่าว่าแต่นักรบระดับเซียนขั้น 9 ที่อยู่ด้านล่างซึ่งเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จเลย หมู่เมฆรู้สึกว่าพวกมันคงไม่เหน็ดเหนื่อยอะไรสักนิดต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับนักรบระดับนี้อีกหลายสิบคน!


ในเวลาเดียวกัน นักรบระดับเซียนขั้น 9 ที่การฝ่าด่านวรยุทธของเขาเรียกการทดสอบสายฟ้ามาก็หน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง


เขาไปทำอะไรให้ใครขุ่นเคือง ถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้? เขายังมีชีวิตยืนยาวรอคอยอยู่ข้างหน้า และยังไม่อยากถูกสูบพลังจนตาย!


จางเซวียนไม่ใส่ใจเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ร่ำๆจะปล่อยโฮ เขาออกคำสั่งกับการทดสอบสายฟ้าน้อย “ช่วยผมสกัดกั้นการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าด้วย!”


เทคนิควรยุทธที่จางเซวียนถ่ายทอดให้การทดสอบสายฟ้าน้อยถูกออกแบบมาเพื่อให้สร้างความพรั่นพรึงต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจได้มากขึ้นอีก แต่มันจะไม่สร้างความแตกต่างอะไรมากนักกับการทดสอบวรยุทธของมนุษย์ เรื่องนี้จะทำให้แน่ใจได้ว่าจำนวนผู้เชี่ยวชาญของเผ่าพันธุ์ปีศาจจะค่อยๆลดลง และเมื่อเวลาผ่านไปนานพอ พวกมันก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกต่อไป


การทดสอบสายฟ้าน้อยลังเลอย่างหนักที่จะต้องต้านทานการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้า แต่เมื่อต้องเลือกระหว่างการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้ากับจางเซวียน ฝ่ายหลังก็น่าสะพรึงกว่า


ดังนั้น มันจึงตั้งหน้าตั้งตารวบรวมพลังแล้วเดินหน้าเข้าเผชิญกับการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้า


เห็นการทดสอบสายฟ้าของนักรบระดับเซียนขั้น 9 กล้าขัดขวางมัน กระบี่ขนาดมหึมากวัดแกว่งแล้วตรงเข้าฟาดฟันหมู่เมฆ มุ่งหมายจะทำให้มันสลายตัว


ครืนนนน!


ด้วยเสียงคำรามดังสนั่น การทดสอบสายฟ้าน้อยรวบรวมร่างที่แตกกระจายให้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้งและต้านทานการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าไว้ได้ แต่เพราะร่างกายส่วนใหญ่ของมันสูญสลายไปแล้ว การทดสอบสายฟ้าน้อยจึงดูไม่ต่างอะไรกับลูกบอลนิ่มๆสีดำที่ปราศจากอันตราย


เห็นภาพนั้น จางเซวียนตบหน้าผากก่อนจะหันกลับไปมองฝูงชน “มีใครที่อยากฝ่าด่านวรยุทธอีกไหม…ช่างเถอะ ผมทำเองก็ได้!”


เห็นทุกคนที่อยู่ด้านล่างพากันหลบตา จางเซวียนอ้าปากแล้วเริ่มเปิดการบรรยาย “แก่นแท้ของวรยุทธอยู่ที่รูปแบบของการฝึกฝนวรยุทธ หัวใจอันชอบธรรม ศักดิ์ศรี และคำพูดที่เชื่อถือได้…”


เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งพื้นที่ บรรดานักรบที่ยืนอยู่ด้านหลังหลิวหยางพยายามจะไม่ใส่ใจการบรรยาย แต่เมื่อจบประโยคแรก พวกเขาก็ถูกดึงดูดเข้าสู่คำสอนนั้น ใบหน้าของแต่ละคนเริ่มปรากฏรอยยิ้มขณะที่ความงุนงงที่เคยมีในหัวใจถูกยกออกไป ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงภูมิปัญญาที่ปรากฏ


ราวกับความรู้ทั้งหมดที่พวกเขาเคยร่ำเรียนมาได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน เกิดเป็นภาพรวมของวรยุทธที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน


ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!


จากนั้น การฝ่าด่านวรยุทธก็เริ่มต้น วรยุทธขั้นการละทิ้งช่องว่าง, วรยุทธขั้นการแบ่งแยกมิติ, วรยุทธขั้นก้าวสู่จักรวาล…หมู่เมฆดำรวมตัวกันอย่างรวดเร็วแล้วเข้าเสริมกำลังให้กับสายฟ้าน้อยที่อ่อนแรง ทำให้มันฟื้นคืนพละกำลังอีกครั้งราวกับได้รับการฉีดยาบำรุง


เสียงปรบมือดังกึกก้องไปโดยรอบขณะที่สายฟ้าฟาดไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าการทดสอบสายฟ้าน้อยกำลังสำแดงพละกำลังที่ได้มาใหม่


แต่จางเซวียนก็ยังดำเนินการบรรยายของเขาต่อไป ภายในเวลาเพียง 10 นาที ก็มีนักรบกว่า 2000 คนที่ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ และกว่า 500 คนในกลุ่มนั้นที่เรียกการทดสอบสายฟ้ามาได้


ถึงเวลานั้น การทดสอบสายฟ้าน้อยก็ครอบคลุมทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว ซึ่งสายฟ้าเพียงสายเดียวก็มีความหนาถึงหลายร้อยจ้าง ทั้งหมดที่มันต้องทำก็คือขับเคลื่อนพละกำลัง แล้วมิติที่อยู่โดยรอบก็จะแหลกสลายกลายเป็นความว่างเปล่า


นี่เป็นครั้งแรกที่การทดสอบสายฟ้าน้อยรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจบงการพละกำลังมหาศาล ทำให้มันตื่นเต้นมาก


ส่วนอีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นสายฟ้าที่แทบไม่ควรค่าแก่การเหลือบแลเมื่อครู่แปรสภาพเป็นยักษ์ใหญ่อันน่าสะพรึงต่อหน้าต่อตา การทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย มันกวัดแกว่งกระบี่เพื่อฟาดฟันลงบนหมู่เมฆดำกลุ่มใหญ่ที่รวมตัวกันอยู่ หวังจะทำให้หมู่เมฆสลายตัว


แต่ยังไม่ทันที่การโจมตีจะถึงเป้าหมาย สายฟ้าฟาดมากมายนับไม่ถ้วนก็ระดมเข้าใส่มันราวกับห่าฝน ทำให้มันตัวสั่นไม่หยุด


“แบบนี้ก็ได้หรือ?”


อำมาตย์เฉินหย่งกับคนอื่นๆจ้องมองภาพนั้นราวกับเห็นผี


ใช้การทดสอบสายฟ้ารับมือกับการทดสอบอีกรูปแบบหนึ่ง นี่เป็นความคิดที่คงมีแต่จางเซวียนเท่านั้นที่จะคิดออกและทำได้!


“คุณรับมือที่เหลือเอาเองก็แล้วกัน ผมจะไปพักสักหน่อย…” เมื่อเห็นว่าในที่สุดสถานการณ์ก็อยู่ภายใต้การควบคุม ตัวโคลนของจางเซวียนทิ้งท้ายก่อนจะกลับเข้าสู่รังนางพญามด


แม้เขาจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จโดยใช้ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ แต่ความพยายามทั้ง 2 ครั้งของเขาในการยับยั้งการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าก็ทำให้บาดเจ็บสาหัสและต้องกลับไปพักผ่อน


ไม่นานหลังจากตัวโคลนจากไป จางเซวียนก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรง คราวนี้เขาเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสทั้งร่างกายและจิตใจ จางเซวียนทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน


เขาจะไม่มีวันทำตัวบ้าบิ่นแบบนี้เลยหากรู้ว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้


ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีนักรบมากมายอยู่ตามถนนหนทางให้คว้าตัวได้ บวกกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างตัวเขากับการทดสอบสายฟ้าน้อย เขาคงมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว


ครืนนนนน!


ในระหว่างนั้น การทดสอบสายฟ้าน้อยกับการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าก็ประลองพละกำลังกันต่อไป สุดท้าย ฝ่ายหลังก็หมดพลังและสลายตัว


เมื่อรู้สึกว่าแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่หายวับไป จางเซวียนพลันรู้สึกได้ถึงพละกำลังใหม่ที่พวยพุ่งออกจากส่วนลึกในร่างกายของเขา มันเป็นพลังงานที่บ่มเพาะร่างของเขาขึ้นใหม่และทำให้มันพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น


กดข่มไว้ก่อน! จางเซวียนเพ่งสมาธิขณะพยายามห้ามการระเบิดของกระแสพลังงานนั้น


เขาอาจฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้หากต้องการ แต่นั่นจะหมายความว่าเขาต้องสูญเสียโอกาสทองที่จะได้บ่มเพาะตัวเองและสร้างรากฐานที่มั่นคงแข็งแกร่ง ซึ่งสิ่งนี้อาจขัดขวางเขาไว้จากความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในอนาคต


ด้วยทุกสิ่งที่จางเซวียนได้เผชิญมา เขารู้ตัวว่าเขาต้องมีพละกำลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้ปกป้องคนรอบข้างและให้ได้มาซึ่งทุกสิ่งที่เขาต้องการ


หลังจากพยายามกดข่มพลังงานที่พวยพุ่งออกมา ระดับวรยุทธของจางเซวียนก็ค่อยๆลดกลับลงไปเป็นขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกเหมือนเดิม เมื่อในที่สุดความปั่นป่วนวุ่นวายก็สงบลง จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่


เขาหันไปพูดกับการทดสอบสายฟ้าน้อย “ครั้งนี้ผมสำนึกในบุญคุณของคุณมาก คุณกลับไปได้แล้วล่ะ”


ฟึ่บ!


การทดสอบสายฟ้าชำเลืองมองนักรบหลายร้อยคนที่เรียกมันมา ทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกเย็นเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง แต่โชคดีที่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มันก็ส่ายไปมาเล็กน้อยก่อนจะสลายตัวไป


เมื่อสายฟ้าสลายตัวไปหมดแล้ว จางเซวียนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยขึ้นมาอย่างรุนแรง ดูเหมือนในร่างกายของเขาจะไม่หลงเหลือพละกำลังอยู่เลย


ถึงการฝ่าด่านวรยุทธครั้งนี้จะทำให้เขาเข้าใกล้วรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ แต่ก็ต้องบอบช้ำมากเพราะกระบวนการนั้น สิ่งที่หลงเหลือไว้ให้เขามีแค่โครงกระดูกพร้อมกับเลือดเนื้อเพียงเล็กน้อยที่เขาเพิ่งได้กลับคืนมา มันถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่


แม้จางเซวียนจะใช้หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดมาเยียวยาพลังชีวิตของเขา แต่ก็ยังต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าร่างกายจะฟื้นตัวได้เต็มที่ดังเดิม


“ฆ่าเขาซะ!”


ทันทีที่จางเซวียนรู้สึกว่าควรจะพักผ่อนสักหน่อย ประกายโหดเหี้ยมก็ฉายวาบในดวงตาของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณตัวหนึ่งซึ่งอยู่ข้างอำมาตย์เฉินหลิง


ด้วยความคิดที่ว่าเขาอาจใช้ช่วงเวลานี้กำจัดภัยคุกคามได้ เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นพุ่งเข้าใส่และปล่อยพลังฝ่ามือ โดยมีเป้าหมายที่ศีรษะของจางเซวียน


ความปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากการฝ่าด่านวรยุทธเมื่อครู่นี้หนักหน่วงเสียจนทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ถูกเบี่ยงเบนความสนใจ แต่พรรคพวกของอำมาตย์เฉินหลิงก็รู้ตัวแล้วว่าถ้าไม่กำจัดชายหนุ่มทันทีที่มีโอกาส ไม่ช้าไม่นานชายผู้นี้ก็จะกลายเป็นนักรบที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้


ในเมื่อศัตรูอยู่กับฝ่ายตรงข้าม นั่นก็หมายถึงหายนะของพวกเขา


“นายน้อย!”


คิดไม่ถึงว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจจะเปิดการโจมตีรวดเร็วขนาดนี้ อำมาตย์เฉินหย่งพุ่งเข้าใส่เพื่อช่วยชีวิตจางเซวียน ส่วนหอกสวรรค์กระดูกมังกรซึ่งเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลก็รีบเข้าปกป้องเจ้านายของมัน


แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้ทำอะไร จางเซวียนก็ยกมือขึ้นโดยสัญชาตญาณเพื่อปัดป้องการโจมตีอย่างปุบปับจากเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณตัวนั้น


พลั่ก!


ท่อนแขนของนักปราชญ์โบราณแหลกเละไม่มีชิ้นดี จากนั้นร่างของเขาก็ระเบิด แม้แต่จิตวิญญาณ ก็ไม่เหลือ


“เอ่อ…”


ทุกคนถึงกับผงะ


นักปราชญ์โบราณตัวที่พยายามเล่นงานจางเซวียนเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 1 การสืบทอดสายเลือด แต่ต้องมาตายเพราะการปล่อยพลังฝ่ามือเพียงครั้งเดียวของนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก


“อะไรกัน?” จางเซวียนก็ผงะ


ถึงร่างกายของเขาจะอยู่ในสภาพนี้ แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าพละกำลังของตัวเองเพิ่มสูงขึ้นมากหลังจากได้ผ่านการบ่มเพาะจากการทดสอบนักปราชญ์โบราณ แต่เพราะจางเซวียนยังไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณจริงๆ จึงคิดว่าอย่างมากที่สุด พละกำลังของเขาก็คงเทียบเท่ากับนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการสืบทอดสายเลือดเท่านั้น แต่แล้ว…การโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขาในสภาวะที่ร่างกายอ่อนแรงแบบนี้ก็สามารถเล่นงานนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการสืบทอดสายเลือดให้ถึงแก่ความตายได้


“พละกำลังของผมในตอนนี้…เทียบเท่ากับนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดขั้นต้นแล้ว!”


จางเซวียนรีบตรวจสอบสภาวะร่างกาย จากนั้นก็ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น


เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีพละกำลังที่เทียบได้แม้แต่กับนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดขั้นต้นทั้งๆที่ยังไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณจริงๆ ไม่แปลกใจแล้วที่ปรมาจารย์ขงเลือกกดข่มวรยุทธไว้หลายครั้งก่อนจะทำการฝ่าด่านวรยุทธ


มันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระดับวรยุทธมาก!


“สังหารพวกมัน!”


ภาพที่จางเซวียนคร่าชีวิตนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการสืบทอดสายเลือดได้อย่างง่ายดายทำให้เหล่านักปราชญ์โบราณที่เหลือซึ่งเป็นพรรคพวกของอำมาตย์เฉินหลิงหวาดกลัวจนแทบขาดใจ รู้ดีว่านี่คือโอกาสเหมาะสำหรับการเข้าโจมตี อำมาตย์เฉินหย่งออกคำสั่งทันที


อำมาตย์เฉินหลิงที่ลอยตัวอยู่เหนือแท่นบูชามองภาพที่เกิดขึ้นรอบตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่เพราะรู้ว่าไม่อาจทำอะไรได้ จึงรีบซึมซับพลังงานที่แผ่ออกมาจากรอยแยกของมิติด้านบนเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บของตัวเอง


จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เดี๋ยวก่อน…ถ้าพลังงานที่อยู่เหนือแท่นบูชาสามารถเยียวยาอาการบาดเจ็บของอำมาตย์เฉินหลิงได้ แล้วมันจะส่งผลแบบเดียวกันกับเราหรือเปล่า?

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)