อัจฉริยะสมองเพชร 1828-1829

 ตอนที่ 1828 เก็บเลือด

สำหรับจางเซวียน เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณซึ่งมีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดจะตายสักกี่ตัวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สิ่งมีค่าสำหรับเขาคือเลือดของพวกนั้น


ถ้าเขารวบรวมหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณได้มากพอ การจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณก็ย่อมง่ายขึ้น


ดังนั้น หลังจากใช้หอกจ้วงแทงฝ่ามือของอีกฝ่าย จางเซวียนก็เริ่มเก็บหยดเลือดของเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นด้วยความยินดีปรีดา


“คุณรนหาที่ตายแล้ว!”


เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณโมโหจนแทบคลุ้มคลั่ง


แม้เขาจะทำตามคำสั่งของอำมาตย์เฉินหลิงอย่างว่าง่ายเพราะเมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจ แต่ก็ยังหลงเหลือสติสัมปชัญญะของตัวเองอยู่บ้าง เรื่องนี้ถือเป็นการเหยียดหยามกันอย่างใหญ่หลวง ผู้เชี่ยวชาญที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดและหนึ่งในขุนนางของเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณต้องมาบาดเจ็บด้วยน้ำมือของนักรบระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง แถมอีกฝ่ายยังทำกับเขาราวกับเป็นตัวตลก ตั้งหน้าตั้งตาเก็บหยดเลือดของเขาแทนที่จะโจมตีต่อหรือไม่ก็หลบหนี


เหยียดหยามกันอย่างให้อภัยไม่ได้!


เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นกัดฟันกรอด เลิกสนใจอำมาตย์เฉินหย่ง หลิวหยาง กับคนอื่นๆ เขาปล่อยพลังฝ่ามือเข้าใส่จางเซวียน


ไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องเล่นงานเจ้าหนุ่มจองหองที่กล้าดูถูกเขาให้ได้!


พละกำลังของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดนั้นจัดว่ามหาศาล ราวกับคลื่นยักษ์สูงตระหง่านที่โผล่พ้นจากมหาสมุทร เมื่อความแข็งแกร่งของเขาขึ้นถึงจุดสูงสุด อานุภาพของการโจมตีนั้นก็หนักหน่วงกว่าที่เคย


ฉึกกกก!


แต่ยังไม่ทันที่พละกำลังมหาศาลจะได้ปะทะชายหนุ่ม หอกก็ส่งเสียงหวีดหวิวกลางอากาศและเล่นงานการโจมตีด้วยพลังฝ่ามือนั้น


เลือดสดๆกระเซ็นจากปลายหอก


นักปราชญ์โบราณร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดขณะเฝ้ามองชายหนุ่มรี่เข้าไปเก็บหยดเลือดของเขาอย่างระมัดระวังโดยใช้ขวดหยกที่อยู่ในมือ หมอนั่นทำราวกับว่าเลือดของเขาเป็นของล้ำค่าที่หากเสียไปแม้เพียงหยดเดียวก็จะสร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อทั้งโลก


“….”


นักปราชญ์โบราณริมฝีปากสั่นด้วยความโกรธจัด เขาขับเคลื่อนพลังงานเพื่อสกัดกั้นเส้นเลือดของตัวเองไว้ แม้อาการบาดเจ็บจะสาหัสไม่น้อย แต่ก็ไม่มีเลือดไหลซึมออกมาอีก


ด้วยระดับวรยุทธของเขา เขายิ่งกว่ามีความสามารถที่จะควบคุมการทำงานของร่างกายในระดับที่เรียกว่าถึงแก่น


“อะไรกัน?”


เห็นเลือดสดๆที่กำลังไหลนองหยุดไหลไปกะทันหัน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองนักปราชญ์โบราณด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งยวด


“ไอ้หนุ่ม กล้าดีอย่างไรมาเก็บเลือดของผม ผมสาบานว่าผมจะส่งคุณลงนรกให้ได้…” นักปราชญ์โบราณจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างโกรธเกรี้ยวขณะสบถสาบานออกมา


แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ชายหนุ่มที่มีสีหน้าหงุดหงิดก็ยกมือขึ้น แล้วหอกก็พุ่งเข้าจ้วงแทงอีกครั้ง


เห็นหอกพุ่งเข้าใส่ นักปราชญ์โบราณรีบเคลื่อนไหวเพื่อหลบการโจมตี แต่แล้วก็เกิดความบิดเบี้ยวของมิติขึ้นอย่างกะทันหัน ยังไม่ทันที่เขาจะรู้ตัว หอกก็แทงพรวดเข้าที่ต้นขาของเขาอย่างจัง


ฉึกกกก!


เกิดรูอีกรูหนึ่งบนร่างของนักปราชญ์โบราณ


นักปราชญ์โบราณผู้นั้นถึงกับผงะ เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็เห็นชายหนุ่มกำลังกระโดดโลดเต้นไปรอบๆอย่างยินดีปรีดาพร้อมกับขวดหยกในมือ เก็บหยดเลือดของเขาหยดแล้วหยดเล่า


“บ้าบออะไรกันนี่…”


พูดกันตามตรง นักปราชญ์โบราณร่ำๆจะปล่อยโฮ


ในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าอีกฝ่ายสามารถสังหารเขาได้ทุกเมื่อหากต้องการ แต่เป็นเพราะหมอนั่นเลือกที่จะไม่เปิดการโจมตี และปฏิบัติต่อเขาราวกับเป็นหยดเลือดตัวอย่างที่มีไว้ให้เก็บ


เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป นักปราชญ์โบราณตัดสินใจหันหลังกลับและหลบหนี


ฉึกกกก!


เกิดรูอีกรูหนึ่งที่ก้นของเขาขณะที่เลือดสดๆทะลักออกมา


หลังจากเก็บเลือดใส่ขวดหยกใบแรกสุดจนเต็มแล้ว จางเซวียนก็เริ่มเก็บขวดที่ 2 ด้วยวิธีนี้ ไม่ช้าก็เก็บเลือดไว้ได้มากกว่า 10 ขวด ทุกครั้งที่นักปราชญ์โบราณพยายามเยียวยาบาดแผลของเขา หอกก็จะพุ่งเข้าจ้วงแทงและสร้างบาดแผลใหม่ขึ้นอีกครั้ง ทำให้เลือดไหลทะลักออกมาอีก


ราวกับตัวเขาเป็นท่อน้ำรั่วที่ไม่อาจซ่อมแซมได้


ลงท้ายก็มาถึงจุดที่นักปราชญ์โบราณถอดใจยอมรับโชคชะตา เขาเลิกหลบหนีและตัดสินใจทรุดตัวลงนั่งอยู่กับที่ ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นัยน์ตาของเขาจ้องเขม็งไปข้างหน้า ดูราวกับจิตวิญญาณใกล้สูญสลายเต็มที เลือดทะลักออกมาจากรูหลายสิบแห่งบนร่างของเขา ไหลนองทั่วพื้น


ในเมื่อความพยายามหลบหนีมีแต่จะทำให้บาดเจ็บกว่าเดิม จึงสมควรยอมรับชะตากรรมจะดีกว่า


ไม่ช้า เพราะเสียเลือดมากเกินไป นักปราชญ์โบราณก็ทรุด เขาร่วงลงมาจากกลางอากาศ ดูเหมือนจะเป็นนักปราชญ์โบราณคนแรกที่ต้องตายอย่างน่าสมเพชเพราะเสียเลือดมากเกินไป


หลังจากสังหารนักปราชญ์โบราณคนแรกแล้ว จางเซวียนก็หันไปมองการต่อสู้ที่อยู่รอบตัว


โชคดีที่นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง นักปราชญ์โบราณโม่หลิง และนักปราชญ์โบราณคนอื่นๆสามารถยืนหยัดรับมือกับการสู้รบได้ การผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่นของพวกเขาก่อเกิดเป็นพละกำลังไร้เทียมทานที่แม้แต่อำมาตย์เฉินหย่งในสภาวะแข็งแกร่งสูงสุดก็ยังต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีหากจะเผชิญหน้ากับพวกเขา


แต่กลุ่มนักปราชญ์โบราณที่ตกอยู่ใต้อานุภาพของเมล็ดพันธุ์แห่งการยินยอมพร้อมใจต่างก็ต่อสู้อย่างสุดกำลัง แถมแต่ละคนยังมีกลยุทธเด็ดๆมากมายซ่อนไว้ จึงถือเป็นการสู้รบที่สูสี บอกยากว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ


การสังหารนักรบในระดับนักปราชญ์โบราณนั้นทำได้ยากมาก การต่อสู้ระหว่างนักปราชญ์โบราณด้วยกันอาจยืดเยื้อเป็นเวลาหลายวัน และบ่อยครั้งที่ผู้แพ้จะหนีไปได้โดยใช้ไม้ตายบางอย่างที่แอบซ่อนไว้ ส่วนผู้ชนะก็เดินออกจากการต่อสู้พร้อมกับอาการบาดเจ็บสาหัส


ด้วยเหตุนี้ เหล่านักปราชญ์โบราณที่ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ปีศาจจึงถือเป็นทรัพยากรล้ำค่า การมีพวกเขาไว้ก็เพื่อให้ใครๆยำเกรง และน้อยครั้งที่คนเหล่านี้จะมีโอกาสสู้รบ


ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป อำมาตย์เฉินหลิงก็ดำเนินพิธีกรรมต่อ เขายกมือขึ้น แล้วของล้ำค่าทั้งหมดที่อยู่บนขั้นบันไดรอบแท่นบูชาก็ระเบิดกลายเป็นเปลวไฟ ดูคล้ายภูเขาไฟที่กำลังปะทุ


กระแสพลังงานอันน่าทึ่งแผ่ลงมาจากสวรรค์และซึมซาบเข้าสู่จุดชีพจร เติมเต็มพละกำลังให้กับทางเดินพลังปราณของเขา


ด้วยกระแสพลังงานนี้ บาดแผลของอำมาตย์เฉินหลิงก็เริ่มเยียวยาตัวเองอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าก็ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน


“แบบนี้แย่แน่ เราต้องยับยั้งเขาให้ได้ ถ้าอำมาตย์เฉินหลิงหายดีจากอาการบาดเจ็บล่ะก็ เราจะต้องเจอกับความยุ่งยากมากกว่าเดิม!” จางเซวียนขมวดคิ้ว


ในสภาวะแข็งแกร่งสูงสุด จริงอยู่ว่าอำมาตย์เฉินหลิงอ่อนด้อยกว่าอำมาตย์เฉินหย่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ไม่อย่างนั้น คงไม่อาจควบรวมดินแดนกว้างใหญ่เข้ากับสนามรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจและมีชัยผงาดเหนือนักปราชญ์โบราณคนอื่นๆได้


อานุภาพของหอกสวรรค์กระดูกมังกรในเวลานี้สามารถเล่นงานอำมาตย์เฉินหลิงได้อย่างง่ายดายหากเขากำลังบาดเจ็บสาหัส แต่ทันทีที่เขาหายดี การสังหารอีกฝ่ายก็ย่อมไม่ง่าย


“จัดการเลย!”


รู้ดีว่าต้องออกโรงแล้ว จางเซวียนเงื้อหอกสวรรค์กระดูกมังกรแล้วชี้ไปยังอำมาตย์เฉินหลิง หอกสีดำสนิทฟาดฟันมิติที่อยู่โดยรอบ มุ่งหมายจะตัดศีรษะของอีกฝ่าย พยายามจะจบการต่อสู้ให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด


เห็นกระบวนท่าของจางเซวียน อำมาตย์เฉินหย่งหรี่ตาและอุทานอย่างพรั่นพรึง “นายน้อย อย่า!”


แต่ก็สายไป ยังไม่ทันที่หอกจะถึงตัวอำมาตย์เฉินหลิง พละกำลังอันน่าทึ่งที่แผ่ลงมาจากหลุมดำบนท้องฟ้าก็ปะทะกับหอกของจางเซวียน พริบตาต่อมา จางเซวียนรู้สึกราวกับว่าผิวหนังบริเวณง่ามนิ้วของเขาฉีกขาดออกจากกัน เลือดสดๆไหลเป็นทาง


ในเวลาเดียวกัน หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็กระเด็นหลุดจากมือของเขา


ฉึกกกก!


มันปักลงกับพื้น เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่


ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนั้น จางเซวียนเปิดใช้งานสายเลือดตระกูลจางและล่าถอยอย่างรวดเร็ว หลบพ้นจากพละกำลังที่แผ่ลงมาจากกลางอากาศได้อย่างหวุดหวิด เขารีบกระโจนลงไปในหลุมเพื่อดึงหอกสวรรค์กระดูกมังกรขึ้นมาก่อนจะถามอำมาตย์เฉินหย่งด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น?”


มันเป็นการปะทะเพียงชั่วขณะ แต่เกิดรอยร้าวย่อมๆขึ้นบนหอกสวรรค์กระดูกมังกร เห็นชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปะทะสั้นๆครั้งนี้


โชคดีที่สำหรับอาวุธระดับนี้ ตราบใดที่ได้ดื่มเลือดนักปราชญ์โบราณในจำนวนที่มากพอ ก็จะหายดีโดยเร็ว


“นายน้อย สิ่งที่อยู่อีกฟากหนึ่งของพิธีกรรมคือเทพเจ้าจากโลกอื่น การกระทำของคุณที่โจมตีอำมาตย์เฉินหลิงถือเป็นการถือเป็นความกระด้างกระเดื่องต่อเทพเจ้า เทพเจ้าจึงพยายามใช้การลงทัณฑ์จากสวรรค์เล่นงานคุณ!” อำมาตย์เฉินหย่งรีบตอบ


“เป็นความกระด้างกระเดื่องต่อเทพเจ้า?” จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจ


ไม่น่าสงสัยแล้วที่หอกสวรรค์กระดูกมังกรกระเด็นหลุดจากมือของเขาในทันที ใครจะไปคิดว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย?


แต่มาพิจารณาอีกที ก็พอมีเหตุผล


พิธีกรรมที่กำลังดำเนินไปคือการเซ่นสรวงเครื่องบรรณาการต่อเทพเจ้า ด้วยมูลค่าของเครื่องบรรณาการ เทพเจ้าจะมอบรางวัลเป็นสิ่งตอบแทนให้สำหรับการดำเนินพิธีกรรมครั้งนี้ ในช่วงเวลาที่พิธีกรรมดำเนินไป โลกทั้งสองใบจะเชื่อมโยงถึงกันด้วยประตูบานเล็กที่อนุญาตให้อำนาจของเทพเจ้าซึมซาบเข้าสู่โลก การสร้างความปั่นป่วนขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของเทพเจ้า จึงเป็นธรรมดาที่ผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษ


เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่มีใครกล้าขัดขวางอำมาตย์เฉินหลิงอย่างออกนอกหน้าทั้งๆที่อีกฝ่ายมีพฤติกรรมชั่วร้าย เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเป็นแบบนี้นี่เอง


“แต่ถ้าเราไม่ยับยั้งเขาไว้ พิธีกรรมก็จะเสร็จสมบูรณ์ แล้วอาการบาดเจ็บของเขาก็จะหายดี ถ้าทุกอย่างดำเนินไปแบบนี้ พวกเราได้เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่แน่!” จางเซวียนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว


แน่นอนว่าการกระทำครั้งนี้เป็นความโง่เขลาอย่างมากที่คิดจะทดสอบความอดทนของเทพเจ้า แต่หากเขาปล่อยให้พิธีกรรมดำเนินต่อไป สุดท้ายอำมาตย์เฉินหลิงจะต้องหายดี และนั่นจะทำให้ทุกคนตกที่นั่งลำบาก


ตอนที่ 1829 การฝ่าด่านวรยุทธของจิตวิญญาณไปเป็นนักปราชญ์โบราณ (1)

“ผมเข้าใจเรื่องนั้น แต่นอกจากรอคอย ตอนนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!” อำมาตย์เฉินหย่งตอบอย่างจนปัญญาขณะผลักนักปราชญ์โบราณคนหนึ่งกระเด็นไปด้วยการปล่อยพลังจากสองฝ่ามือของเขา


เขาก็อยากฆ่าหมอนั่น แต่เมื่อพิธีกรรมเริ่มต้นแล้วก็ไม่อาจยับยั้งมันได้ ไม่อย่างนั้นจะถือเป็นการแสดงความกระด้างกระเดื่องต่อเทพเจ้า นำมาซึ่งความโกรธเกรี้ยวของสวรรค์


ด้วยการผนึกพละกำลังของพวกเขา พวกเขาอาจรับมือกับอำมาตย์เฉินหลิงที่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บแล้วได้ แต่กับเทพเจ้า ชะตากรรมเดียวที่รอคอยพวกเขาอยู่ก็คือความตาย


“ทั้งหมดที่เราทำได้ตอนนี้คือสังหารนักปราชญ์โบราณพวกนั้น หรือทำให้พวกเขาหมดเรี่ยวแรง ด้วยวิธีนี้ ต่อให้อำมาตย์เฉินหลิงฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ก็จะต้องโดดเดี่ยว ซึ่งในตอนนั้น เราจะมีโอกาสเอาชนะได้มากขึ้น” อำมาตย์เฉินหย่งพูด


“ผมเข้าใจ” จางเซวียนพยักหน้า


ก็จริง นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้


ตราบใดที่เมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรมแล้ว แต่อำมาตย์เฉินหลิงยังไม่สามารถฝ่าด่านวรยุทธจากขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดได้ ด้วยการผนึกพละกำลังกันของตัวเขา นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง นักปราชญ์โบราณโม่หลิง และหอกสวรรค์กระดูกมังกร พวกเขาก็ยังมีโอกาสจะได้ชัยชนะ


ฟึ่บ!


ขณะที่ทั้งคู่กำลังหารือกัน เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่จางเซวียน


อาวุธที่นักปราชญ์โบราณผู้นั้นใช้คือพู่กันของผู้พิพากษา มันเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณ เมื่อตวัดผ่านอากาศ พละกำลังทำลายล้างของมันก็สร้างภาพลวงตาให้เกิดระหว่างสวรรค์กับโลก กรงเล็บที่มีอานุภาพร้ายแรงตวัดเข้าใส่จิตวิญญาณของจางเซวียน


ดูเหมือนนักปราชญ์โบราณผู้นี้จะดูออกว่าระดับวรยุทธของจางเซวียนยังอ่อนด้อย และเหตุผลเดียวที่เขาเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ได้ก็เพราะประสิทธิภาพการต่อสู้อันน่าทึ่งของหอกที่อยู่ในมือ ดังนั้น นักปราชญ์โบราณจึงตัดสินใจใช้ศาสตร์แห่งจิตวิญญาณทำลายพละกำลังของหอกสวรรค์กระดูกมังกรและตั้งใจจะสังหารจางเซวียน


เพราะถึงอย่างไร หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็เป็นอาวุธที่เชี่ยวชาญในการเล่นงานกายเนื้อ มันอาจปัดป้องการโจมตีร่างกายได้ แต่หากเป็นการโจมตีจิตวิญญาณ ก็แทบไม่มีความสามารถอะไร


เป็นอย่างที่นักปราชญ์โบราณผู้นั้นคาดการณ์ไว้ จางเซวียนพบว่าตัวเขาตกเป็นเบี้ยล่างทันที


พลังจิตวิญญาณของเขาถือเป็นสุดยอดในบรรดานักรบที่มีวรยุทธระดับเดียวกันก็จริง แต่ก็ยังเกินกำลังหากจะต้องรับมือกับการโจมตีจิตวิญญาณจากนักปราชญ์โบราณที่มีของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณอยู่ในมือ


“ฮ่าฮ่าฮ่า!”


เห็นยุทธวิธีของตัวเองได้ผล เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นเงื้อพู่กันในมือขึ้นและสะบัดอีกครั้ง


“ท่านประธาน!”


เห็นจางเซวียนกำลังตกที่นั่งลำบาก นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรีบเข้ามาช่วยเหลือ แต่ในพริบตานั้น การโจมตีก็ระดมเข้าใส่เขาราวกับห่าฝน ทำให้ต้องหยุดชะงักอยู่กับที่ ดูเหมือนนักปราชญ์โบราณที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่จะรู้ว่าเขาตั้งใจมาช่วยสหาย จึงตัดสินใจระดมการโจมตีหนักหน่วงเข้าใส่เขาอย่างไม่ลดละ


เหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นกับอำมาตย์เฉินหย่งและคนอื่นๆด้วย


ทุกคนเห็นจางเซวียนกำลังจะถูกสังหาร และรู้ดีว่าคู่ต่อสู้น่าสะพรึงแค่ไหน จึงตัดสินใจผนึกกำลังกันโดยมุ่งหมายจะคร่าชีวิตอีกฝ่าย


“ตายซะ!”


รู้ดีว่าพรรคพวกของเขาคงไม่อาจต้านทานพละกำลังของอำมาตย์เฉินหย่งกับคนอื่นๆไว้ได้นานนัก นักปราชญ์โบราณผู้นั้นคำรามขณะเงื้อฝ่ามือขึ้น เตรียมจะโจมตีหัวกะโหลกของจางเซวียน


มันคือกระบวนท่าที่มีพละกำลังมากพอจะจะเล่นงานได้ทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณ ต่อให้จางเซวียนได้ซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด แต่ความหวังที่เขาจะเอาชีวิตรอดจากการโจมตีครั้งนี้ได้ก็ริบหรี่เต็มที


“นายน้อย!”


“ท่านประธาน!”


“นายท่าน!”


นักปราชญ์โบราณทั้งสามหรี่ตาด้วยความพรั่นพรึง พวกเขาอยากพุ่งเข้าไปช่วยชีวิตจางเซวียน แต่ก็พบว่าตัวเองจนปัญญาอย่างสิ้นเชิงในสถานการณ์นั้น


ขณะที่ทุกคนคิดว่าจางเซวียนต้องพบจุดจบแน่แล้ว ชายหนุ่มก็ยิ้มแฉ่ง หอกในมือของเขาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว


ฉึกกกก!


ยังไม่ทันที่แต่ละคนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หัวใจของนักปราชญ์โบราณผู้นั้นก็ถูกหอกสวรรค์กระดูกมังกรจ้วงแทง พละกำลังทำลายล้างที่เขารวบรวมไว้ในฝ่ามือสูญสลายไปโดยไม่ทันได้สร้างความบอบช้ำใดๆ


เลือดสดๆทะลักออกมา


จางเซวียนควานหาขวดหยกในแหวนเก็บสมบัติของเขา จากนั้นก็รีบเก็บหยดเลือดที่ไหลนองทั่วบริเวณนั้น


“….”


ทุกคนพากันผงะ แม้แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่กำลังจะเข้ามายับยั้งจางเซวียนก็ถึงกับอึ้งตะลึง


เป็นเพราะหอกสวรรค์กระดูกมังกรที่ชายหนุ่มถือไว้มีความแข็งแกร่งมากพอจะรับมือกับนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดอย่างพวกเขา ภายใต้สถานการณ์ปกติ ชายหนุ่มควรจะพ่ายแพ้ แต่แล้ว ในท้ายที่สุด หอกกลับมาจ้วงแทงอีกฝ่ายได้อย่างไร?


อาการตกที่นั่งลำบากเมื่อครู่นี้คือการเสแสร้งหรือ?


“เฉียดฉิวมาก…”


ในเวลาเดียวกัน จางเซวียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะรีบเก็บหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่ถูกสังหาร


เขาเพลี่ยงพล้ำเพราะการโจมตีจิตวิญญาณของอีกฝ่าย แต่เพราะก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้มาจากวิหารแห่งขงจื๊อ จึงเรียกพละกำลังฟื้นคืนมาได้อย่างรวดเร็ว


จางเซวียนได้มอบฉนวนแห่งจิตวิญญาณให้ลู่ชงไปแล้ว แต่ยังเลือกที่จะเก็บก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์เอาไว้


ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพในการกลืนกินจิตวิญญาณและปรับสภาพจิตวิญญาณเหล่านั้นให้กลายเป็นพลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อบ่มเพาะจิตวิญญาณของผู้ถือครอง โดยทั่วไป ด้วยความรุนแรงในการโจมตีจิตวิญญาณของนักปราชญ์โบราณ เขาไม่ควรจะฟื้นตัวได้ทันเวลา แต่เพราะได้ซึมซับพลังจิตวิญญาณจากก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ จางเซวียนจึงระงับจิตวิญญาณที่กำลังปั่นป่วนได้อย่างรวดเร็ว


หลังจากสังหารนักปราชญ์โบราณและเก็บหยดเลือดของอีกฝ่ายแล้ว จางเซวียนก็นำพู่กันของผู้พิพากษาใส่เข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ ก่อนจะสะบัดข้อมือแล้วนำก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีกครั้ง


ต่อให้ไม่มีก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ เขาก็จะไม่เป็นอะไรเพราะยังมีไอ้โหดเป็นไพ่ไม้ตายใบสุดท้าย แต่ก็จะดีกว่าหากเก็บไอ้โหดไว้ใช้ในเวลาที่จำเป็นจริงๆ


จางเซวียนก้มลงมองก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์และรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกไปเล็กน้อย มันเรืองแสงสีฟ้าออกมา


เมื่อเปิดใช้งานดวงตาหยั่งรู้ ก็เห็นรังสีอันทรงพลังมากมายนับไม่ถ้วนอบอวลอยู่ภายในก้อนหินศักดิ์สิทธิ์นั้น เมื่อเขาถือไว้บนฝ่ามือ ก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีกระแสพลังงานร้อนผ่าวไหลเข้าสู่จิตวิญญาณ ราวกับได้ก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอบอุ่น


“นี่คือพลังจิตวิญญาณเข้มข้นหรือ?” จางเซวียนหรี่ตา


ในฐานะผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ เขารู้ว่าสิ่งที่บรรจุอยู่ในก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์คือพลังจิตวิญญาณบริสุทธิ์ การได้ซึมซับพลังจิตวิญญาณชนิดนี้จะช่วยบ่มเพาะและยกระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของผู้นั้นได้


เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าครั้งสุดท้ายที่เก็บก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ไว้ ยังไม่มีอะไรอยู่ภายในก้อนหินเลย แล้วทำไมจู่ๆถึงมีพลังจิตวิญญาณปริมาณมหาศาลขึ้นมา?


“หรือว่า…”


จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่ง เขารีบพิจารณาก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์อย่างถี่ถ้วนและพบเส้นบางๆมากมายล้อมรอบมันอยู่


“จิตวิญญาณของนักรบระดับเซียนกว่า 1 แสนคนที่อำมาตย์เฉินหลิงใช้เป็นเครื่องบรรณาการถูกก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์กลืนกินหมดแล้ว…”


จางเซวียนจะยังคงไม่รู้ไม่เห็นอยู่ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากได้เห็นสิ่งนี้?


ก็เหมือนกับฉนวนแห่งจิตวิญญาณ ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์มีความสามารถในการกลืนกินจิตวิญญาณและขัดเกลาพวกมันให้กลายเป็นพลังจิตวิญญาณเข้มข้น ความสามารถแบบนี้ถูกต่อต้านจากเหล่านักรบที่ยึดถือในหลักการอย่างเคร่งครัด มันจึงไม่เป็นที่ยอมรับในทวีปแห่งปรมาจารย์ ก็เพราะเหตุผลนี้ด้วยที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณเป็นที่จงเกลียดจงชังและหวาดกลัวในหมู่ประชาชนทั่วไป


ในฐานะปรมาจารย์ จางเซวียนไม่ควรใช้เทคนิคแบบนี้เพื่อยกระดับวรยุทธของเขา แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่อำมาตย์เฉินหลิงสังหารคนของตัวเองจำนวนมากมาย จิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจพวกนั้นจะถูกก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์กลืนกิน?


ด้วยพลังจิตวิญญาณมากมายมหาศาลขนาดนี้ เราน่าจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้…จางเซวียนคิดอย่างตื่นเต้น


ความคิดที่จะใช้ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์กลืนกินจิตวิญญาณของใครต่อใครเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองไม่เห็นด้วย แต่อะไรที่เกิดก็เกิดขึ้นไปแล้ว ตอนนี้เขากำลังต้องการพละกำลังอย่างมาก และพลังจิตวิญญาณเข้มข้นที่อยู่ในก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ก็คือสิ่งนั้น


ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณของจางเซวียนเข้าถึงขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกมาระยะหนึ่งแล้ว ด้วยพลังจิตวิญญาณจำนวนมากที่มีอยู่ เขาน่าจะสามารถฝ่าด่านวรยุทธไปถึงขั้นที่นักรบมากมายนับไม่ถ้วนได้แต่ฝันถึง


“ต้องลอง!”


จางเซวียนสูดหายใจลึก จากนั้นก็สั่งการให้หอกสวรรค์กระดูกมังกรกับไอ้โหดคุ้มกันร่างของเขาขณะถอดจิตวิญญาณออกจากหว่างคิ้ว


ฟิ้วววว!


ทันทีที่จิตวิญญาณของเขาสัมผัสกับก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ พลังจิตวิญญาณที่มีอานุภาพบ่มเพาะภายในก้อนหินก็พวยพุ่งเข้าสู่จิตวิญญาณของเขา ในชั่วพริบตานั้น ระดับวรยุทธของจิตวิญญาณที่ชะงักงันมานานก็พุ่งพรวด


“มีบางอย่างผิดปกติแล้ว…เรายังไม่ได้เทคนิควรยุทธสำหรับการฝึกฝนจิตวิญญาณเพื่อฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณมาเลย!”


เห็นจิตวิญญาณของเขาขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดที่ดูเหมือนจะระเบิดได้ทุกขณะ จางเซวียนอ้าปากค้างอย่างพรั่นพรึง


เพราะตื่นเต้นมากเกินไปกับการจะได้ฝ่าด่านวรยุทธ จางเซวียนลืมสนิทว่าเทคนิควรยุทธเดียวสำหรับการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณที่เขารู้คือเทคนิควรยุทธสำหรับฝึกฝนพลังปราณ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณนั้น เขายังไม่ได้อ่านหนังสือสักเล่ม!


จางเซวียนไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ และไม่รู้ด้วยว่าในระหว่างกระบวนการจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง


เขารีบหันไปตั้งคำถามกับนักปราชญ์โบราณโม่หลิง “นักปราชญ์โบราณโม่หลิง คุณมีหนังสือหรือภูมิปัญญาของผู้พยากรณ์จิตวิญญาณเกี่ยวกับการฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณไหม? มีอะไรก็ส่งมาให้ผมให้หมด!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)