ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1826-1837

 ตอนที่ 1826 อวดความรักได้ทุกวัน


 


เหยียนหมิงซุ่นพูดกับโจวจื่อหัวว่า “ผมคิดว่าพัสดุกล่องนี้ต้องเป็นโอหยางซานซานตัวปลอมเป็นคนส่งมา ผู้หญิงคนนี้ยังอยู่ในฮ่องกงแน่นอน”


 


“ทำไมเธอต้องทำแบบนี้ด้วย? ซิงเอ๋อร์ไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับเธอเลยนะ?” เหมยเหมยพูดด้วยความโมโห


 


“ความคิดของคนวิปริตยากที่จะคาดเดาได้ บางทีเธออาจจะแค่อยากเห็นคนอื่นเจ็บปวดละมั้ง” เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดอะไรมาก เรื่องน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้ถ้าพูดออกไปจะเป็นเสนียดหูของภรรยาเขาเปล่า ๆ เขาจะพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อให้เหมยเหมยมีชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์


 


เหมยเหมยก่นด่าขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าโอหยางซานซานตัวจริงจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วตัวปลอมนี่เป็นใครกันแน่?”


 


“โอหยางซานซานตัวจริงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ความเป็นไปได้ที่จะยังมีชีวิตอยู่น้อยมาก” เหยียนหมิงซุ่นบอกข่าวที่เพิ่งได้รับจากฝั่งอเมริกามา โอหยางซานซานไม่ต่างไปจากโอหยางสยง ไม่พบศพแต่กลับไร้ร่องรอย


 


เหมยเหมยพลันถอนหายใจ แต่มันก็ไม่ผิดไปจากที่คาดไว้


 


โอหยางซานซานตัวปลอมกล้าปรากฏตัวในฮ่องกงอย่างเปิดเผย บ่งบอกได้ว่าเธอมั่นใจในตัวตนของตัวเองมาก เห็นได้ชัดเลยว่าโอหยางซานซานตัวจริงคงรอดยาก


 


แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบโอหยางซานซาน แต่ก็ไม่เคยคิดอยากให้เธอตาย


 


เมื่อเทียบกับโอหยางซานซานตัวปลอมแล้ว โอหยางซานซานตัวจริงจิตใจดีกว่ามาก เปรียบได้กับนางฟ้าเลย!


 


“คุณโจว คุณสืบได้หรือยังว่าใครเป็นคนเปิดเผยเบาะแสในครั้งนี้?” เหยียนหมิงซุ่นเปลี่ยนหัวข้อสนทนาฉับพลัน


 


โจวจื่อหัวส่ายหน้า “พวกพ้องที่ตามไปโรงละครในครั้งนั้นก็ตายหมด ตอนนี้ยังสืบไม่ได้ว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้”


 


เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย ประสิทธิภาพการทำงานต่ำเกินไปแล้ว แต่นี่มันเป็นเรื่องภายในของโจวจื่อหัว เหยียนหมิงซุ่นไม่สะดวกที่จะเข้าไปแทรกแซง คงต้องปล่อยให้โจวจื่อหัวค่อย ๆสืบหาด้วยตัวเอง


 


เหมยเหมยพลันนึกขึ้นมาได้ จู่ ๆก็นึกถึงคำพูดที่โจวซิงเอ๋อร์พูดตอนกอดเธอร้องไห้ เหมือนว่าจะเอ่ยถึงเสี่ยวอวี้ ซ้ำยังพูดในทำนองที่ว่าเสี่ยวอวี้ไม่มีทางทำร้ายเธอหรอก


 


หรือว่า…


 


เป็นไปได้มากว่าโจวซิงเอ๋อร์จะเล่าเรื่องที่จะไปดูละครเวทีที่โรงละครให้เพื่อนสนิทฟัง แต่ก่วนเสี่ยวอวี้จะทำร้ายโจวซิงเอ๋อร์จริงเหรอ?


 


จู่ ๆเหมยเหมยก็รู้สึกถึงลางร้ายบางอย่างแต่เธอไม่ได้บอกโจวจื่อหัว สำหรับคนนิสัยใจคออย่างโจวจื่อหัวแล้ว ต่อให้เสี่ยวอวี้จะทำหรือไม่ได้ทำก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเป้าหมายใช้ระบายอารมณ์ของโจวจื่อหัวเสียมากกว่า


 


พอออกมาจากคฤหาสน์โจว เหมยเหมยจึงพูดในสิ่งที่เธอเป็นกังวลออกมา


 


เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยชมว่า “นับวันยิ่งฉลาดขึ้นนะเนี่ย ฉันยังคิดไม่ถึงเลย”


 


เหมยเหมยฮัมเสียงอย่างได้ใจแล้วมองค้อนใส่ “นั่นเพราะพี่นับวันยิ่งโง่ลงต่างหาก”


 


เหยียนหมิงซุ่นก้มหน้าลงกระซิบเตือนข้างหูเธอว่า “อยากโดนตีก้นนักใช่ไหม?”


 


“ไอ้บ้า!”


 


เหมยเหมยหยิกตรงเอวเข้าทีหนึ่งอย่างนึกโมโห ขมขู่เธอด้วยวิธีนี้ตลอดเลย ก็แค่ร่างใหญ่กำยำแข็งแรงกว่า เหอะ คอยดูกรงเล็บกระดูกขาวเก้าพิฆาตของเธอแล้วกัน!


 


เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือไปคว้าฝ่ามือเล็กที่สร้างปัญหาให้กับเขา ออกคำสั่งกับเสี่ยวอวิ๋นที่อยากจะหัวเราะแต่ไม่กล้าหัวเราะอยู่ข้างหลังเขาว่า “ลองไปตรวจสอบก่วนเสี่ยวอวี้นั่นดูว่าเธอได้ติดต่อกับใครในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาบ้าง!”


 


“รับทราบ!”


 


เสี่ยวอวิ๋นก้มหน้างุดเหลือบมองเหมยเหมยที่พยายามจะหยิกหยอกอยู่ด้านหน้า และคุณชายหมิงที่พวกเขานับถือราวกับพระเจ้า แต่ก็แค่จับไว้เบา ๆเท่านั้น ในแววตาไม่มีความรำคาญเลยสักนิด ทั้งหมดล้วนเป็นความรักใคร่ความเอ็นดู ในใจก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


 


นึกอยากสละโสดขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย!


 


พลอดรักโชว์ให้คนโสดดูทุกวันแบบนี้ สาวพรหมจรรย์ก็ทนไม่ไหวนะ!


 


ผ่านไปสองวันสภาพจิตใจของโจวซิงเอ๋อร์ก็ดีขึ้นมาก จนกล้าพอที่จะเดินออกมาจากห้อง ไม่ขังตัวเองอีกต่อไป


 


“ซิงเอ๋อร์ ไปดูการแข่งขันของเฉินเจียไหม?” เหมยเหมยโทรถาม


 


โจวซิงเอ๋อร์ลังเลอยู่นาน ด้วยกำลังใจจากโจวจื่อหัวจึงทำให้เธอตอบรับคำชวนของเหมยเหมย นัยน์ตาฉายแววสดใสขึ้นมาก


 


หัวใจแห่งรักและศรัทธาที่มีต่อเฉินเจียได้จางลงไปแล้ว เธอแค่อยากมองเขาอยู่ใกล้ ๆได้รับรู้ว่าเขาสบายดีไหมก็เพียงพอแล้ว


 


……………………………………………………………..


 


ตอนที่ 1827 หน้าไหว้หลังหลอกตีสองหน้า


 


การแข่งขันครั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นทางการ เป็นการแข่งขันกระชับมิตรของมหาวิทยาลัยฮ่องกง เฉินเจียเป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยฮ่องกง มหาวิทยาลัยฮ่องกงก็มีทีมฟันดาบอยู่ โดยมีเฉินเจียเป็นหัวหน้าทีม ครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยฮ่องกงกับมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยยึดมิตรภาพเป็นหลัก การแข่งขันเป็นรอง


 


เฉินเจียเป็นทั้งหัวหน้าทีมและนักกีฬาทางการ เขาจึงเป็นกำลังหลักของมหาวิทยาลัยฮ่องกงไปโดยปริยาย ท่านอธิการบดีก็มาดูการแข่งขันด้วยตัวเองแล้วยังได้กำชับเฉินเจียอย่างจริงจังไปหลายประโยค ความหมายก็คือหวังว่าเฉินเจียจะติดอันดับ อย่าอ่อนข้อให้เด็ดขาด


 


ปล่อยให้มิตรภาพไปพบยมบาลซะเถอะ!


 


ทุกครั้งที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงของพวกเขาถูกโจมตีจนยับเยิน ไอ้พวกลูกหลานของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั่นไม่เห็นมันจะพูดถึงมิตรภาพอะไรเลย?


 


เหมยเหมยไปรับโจวซิงเอ๋อร์ที่คฤหาสน์โจว เห็นว่าเธอดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก เพียงแค่ผอมลงไปหน่อยดูไม่สดใสกระฉับกระเฉงเหมือนแต่ก่อน นกกระจอกน้อยจอมเจื้อยแจ้วก็หายไปแล้ว หลังจากขึ้นรถมาโจวซิงเอ๋อร์ก็ไม่พูดอะไรเลยสักประโยค ทำให้คนที่เห็นต่างรู้สึกปวดใจเหลือเกิน


 


แม้ว่าการแข่งขันจะจัดในสนามกีฬาของมหาวิทยาลัยฮ่องกง แต่ก็ต้องมีบัตรเข้าชม ถ้าไม่มีบัตรก็เข้าไม่ได้


 


ตอนนี้เฉินเจียเป็นผู้เข้าแข่งขันมากความสามารถของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ซึ่งมีความเป็นไปได้มากว่าจะได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งต่อไปและจะต้องได้รับรางวัลด้วย ความสำคัญก็คงจะพอนึกออกได้ มหาวิทยาลัยฮ่องกงจึงต้องเคร่งครัดเรื่องการจัดสนามการแข่งขันเป็นธรรมดา


 


หากว่าเกิดเรื่องกับเฉินเจียในสนามแข่งขันแม้แต่น้อย มหาวิทยาลัยฮ่องกงคงไม่อาจแบกรับความรับผิดชอบนี้ได้


 


เหมยเหมยกับพวกสยงมู่มู่หาที่นั่งวีไอพีแถวหน้าได้ บัตรพวกนี้อธิการบดีของมหาวิทยาลัยฮ่องกงสั่งให้คนส่งมาให้เป็นพิเศษ เพราะเธอได้ช่วยอธิการบดีกำจัดมะเร็งร้ายของมหาวิทยาลัยฮ่องกงอย่างเจียงโฉ่วเฉิงไปได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องเอ่ยเลยว่าท่านอธิการบดีจะรู้สึกขอบคุณมากแค่ไหน


 


“เฉินเจียล่ะ? พ้นเดือนหน้าไปเขาก็ต้องไปแข่งรอบตัดสินที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วใช่ไหม?” เหมยเหมยถามสยงมู่มู่หลังจากที่นั่งลง ช่วงนี้เธอยุ่งจนหัวหมุนจึงไม่ค่อยรู้เรื่องของเฉินเจียเท่าไรนัก


 


“ออกเดินทางวันที่ 16 เดือนหน้า ถ้าการแข่งขันครั้งนี้ได้อันดับที่ดี กีฬาโอลิมปิกก็คงวางใจได้” สยงมู่มู่พูดอย่างดีใจ เขายืนขึ้นมองหาเฉินเจียทั่วทุกมุม แล้วก็เจอเข้าในเวลาอันรวดเร็ว


 


“เฉินเจียอยู่ตรงนั้น เขากำลังคุยกับเด็กผู้หญิงอยู่ เจ้าตัวแสบมีแฟนแล้วกล้าที่จะปิดบังฉันเหรอ เก่งใช่ย่อยเลยนะเนี่ย!”


 


สยงมู่มู่ยิ้มพร้อมสบถด่า ขณะเตรียมที่จะโบกมือเรียกเขาแต่จู่ ๆกลับส่งเสียงฉงนขึ้นมา พลางถีบสะกิดอู่เชาเบา ๆ “เจ้าอ้วน นายดูสิว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ยืนคุยกับเฉินเจียชื่ออะไรนะ…ที่เป็นเพื่อนของโจวซิงเอ๋อร์น่ะ”


 


ประโยคสุดท้ายเขาพูดเสียงเบา แล้วตวัดสายตามองโจวซิงเอ๋อร์ที่นั่งอยู่เงียบ ๆ


 


ความรู้สึกที่เธอมีต่อเฉินเจียคนทั้งโลกต่างรู้ดี ถ้าเห็นกับตาตัวเองว่าเพื่อนสนิทอยู่กับเฉินเจียด้วยท่าทีสนิทสนมละก็ สภาพจิตใจที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจะทนไหวเหรอ?


 


อู่เชาหรี่ตามองอยู่นาน ประจวบกับที่เด็กสาวพูดอะไรไม่รู้ประโยคหนึ่ง เฉินเจียถึงได้ระเบิดหัวเราะออกมาจนร่างบิดหันข้างเผยให้เห็นใบหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้น


 


เธอคือก่วนเสี่ยวอวี้ที่เคยดูการแข่งขันด้วยกันก่อนหน้านั้น


 


แต่รอยยิ้มของเธอในตอนนี้สดใสดั่งดอกไม้แย้มบาน ไหนกันล่ะความเหนียมอาย


 


เหมยเหมยเองก็เห็นก่วนเสี่ยวอวี้เช่นกัน คิ้วขมวดแน่น ก่วนเสี่ยวอวี้เอาบัตรมาจากไหน?


 


หรือเฉินเจียจะเป็นคนให้?


 


เฉินเจียคงไม่ได้ชอบแม่นั่นเข้าจริง ๆใช่ไหม?


 


เธอไม่ชอบก่วนเสี่ยวอวี้จริง ๆ ต่อให้จะไม่ได้เป็นผู้ต้องสงสัยสำคัญเรื่องที่เธอหักหลังโจวซิงเอ๋อร์ แต่นิสัยใจคอของยัยนั่นก็ไม่ค่อยมีใครชอบนักหรอก ตอนอยู่กับโจวซิงเอ๋อร์เธอเป็นเหมือนดอกไม้ขาวบริสุทธิ์ แค่พูดยังไม่กล้า แต่ตอนนี้อยู่คนเดียว กลับมีท่าทีเปิดเผย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้มีนิสัยขี้อายและบอบบางแต่อย่างใด


 


เมื่อก่อนล้วนเสแสร้งทั้งนั้น


 


ขนาดอยู่ต่อหน้าเพื่อนสนิทเธอยังไม่ยอมเผยธาตุแท้ออกมาเลย เพื่อนแบบนี้ไม่มียังดีเสียกว่า


 


ไหนจะมาดูการแข่งขันในครั้งนี้อีก รู้ทั้งรู้ว่าโจวซิงเอ๋อร์ชื่นชอบเฉินเจียแต่เธอกลับแอบมาคนเดียว ทั้ง ๆที่เมื่อก่อนโจวซิงเอ๋อร์ตั้งใจซื้อบัตรเผื่อเพื่อนตั้งใบหนึ่งตลอด!


 


เหมเหมยบอกให้สยงมู่มู่ไปเรียกเฉินเจียมาอย่างเงียบ ๆ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น จะได้ไม่เป็นการทำร้ายโจวซิงเอ๋อร์ด้วย


ตอนที่ 1828 เอาบัตรมาจากไหน


 


เหมยเหมยไม่ได้กลัวว่าก่วนเสี่ยอวี้จะเห็นพวกเธอ เพราะที่นั่งของก่วนเสี่ยวค่อนไปทางด้านหลัง ส่วนที่นั่งของพวกเธอเป็นวีไอพีอยู่ด้านหน้าสุด ระยะห่างตรงกลางค่อนข้างไกล ผู้คนมากมายขวักไขว่ หากไม่ได้ตั้งใจมองก็คงยากที่จะเห็น


 


เฉินเจียเห็นพวกเขาก็ยิ้มร่าอย่างดีใจ “ขอบคุณมาก…ขอบคุณที่พวกเธอมาดูการแข่งนะ มื้อเที่ยงนี้ฉันเลี้ยงเอง”


 


“รวยแล้วเหรอ?” สยงมู่มู่เยาะเย้ย


 


“ก็ใช่ไง เพิ่งได้รางวัลมา” เฉินเจียพูดพลางหัวเราะคิกคัก สายตาเหลือบมองโจวซิงเอ๋อร์ที่นั่งเงียบ ๆอยู่ด้านข้าง พลันแอบแปลกใจ


 


ทำไมวันนี้ถึงไม่ร่าเริงเลยล่ะ?


 


และสีหน้าก็ดูไม่ค่อยจะดีนัก!


 


“คุณหนูโจวไม่สบายหรือเปล่าครับ? ผมว่าคุณดูแปลก ๆไปนะ” เฉินเจียถามเสียงเบา


 


“เอ่อ…คุณย่าของซิงเอ๋อร์เพิ่งเสียไปไม่กี่วันก่อน เธอเสียใจมากเลยต้องพาเธอออกมาผ่อนคลายบ้าง” เหมยเหมยอธิบายเสียงตะกุกตะกัก เฉินเจียมองโจวซิงเอ๋อร์อย่างเห็นใจ ไม่แปลกเลยที่เด็กผู้หญิงคนนี้จะมีรังสีแห่งความเศร้าโศกแผ่กระจายทั่วร่างกาย!


 


เขาอยากจะปลอบใจเธอ แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยสนิท ถ้าจู่ ๆพูดเรื่องทำนองไว้ทุกข์ก็ดูจะเสียมารยาทเกินไป เฉินเจียคิด ๆแล้วก็ฉีกยิ้มพร้อมพูดกับโจวซิงเอ๋อร์ว่า “คุณหนูโจว เที่ยงนี้ไปทานข้าวด้วยกันสิครับ ผมเลี้ยงเอง เพื่อนคุณ…”


 


เหมยเหมยรู้สึกว่าไม่ดีแน่ จึงพูดขัดขึ้นว่า “เฉินเจียมานี่หน่อย ฉันมีเรื่องจะถามนาย”


 


โชคดีที่โจวซิงเอ๋อร์ฟังไม่ค่อยถนัดนัก เธอมองเฉินเจียอย่างมึนงง แววตาเป็นประกายเลือนหายไป ตัวเธอในตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะรักเฉินเจียอีกแล้ว!


 


แต่เธอก็รับปากเขาพูดเสียงเบาว่า ‘ได้’


 


เธออยากอยู่กับเฉินเจีย แม้จะไม่ได้คุยกันแต่เธอก็ดีใจมากแล้ว


 


เฉินเจียส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง จากนั้นก็เดินกลับไปหาเหมยเหมย “เรื่องอะไรเหรอ?”


 


เหมยเหมยไม่ได้มีเรื่องอะไรเลย เธอแค่ไม่อยากให้เขาเอ่ยชื่อของก่วนเสี่ยวอวี้เท่านั้นเอง แต่เพียงชั่วขณะเธอก็คิดออกว่ามีเรื่องต้องถามเขาจึงลากตัวเฉินเจียไปอีกฟาก ลดเสียงลงแล้วเอ่ยว่า “นายกำลังคบหากับก่วนเสี่ยวอวี้เหรอ?”


 


ลูกตาของเฉินเจียแทบถลนออกมา ไอติดต่อกันหลายครั้ง “จะเป็นไปได้อย่างไร? จนถึงทุกวันนี้ฉันเพิ่งเคยเจอก่วนเสี่ยวอวี้แค่สี่ครั้งเอง ไม่นับว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ”


 


เหมยเหมยพลันวางใจ แล้วถามต่อว่า “แล้วนายเป็นคนให้บัตรเธอหรือเปล่า?”


 


“ไม่ใช่ฉัน ก็บอกแล้วไงว่าไม่นับเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ จะชวนเธอมาดูการแข่งขันได้อย่างไร? เหมยเหมยมีอะไรเหรอ ฟังดูเหมือนเธอจะไม่ชอบเสี่ยวอวี้? ฉันว่าเธอก็ดูน่ารักดีนะ!”


 


เฉินเจียรู้สึกแปลกใจมาก เขาฟังออกว่าน้ำเสียงของเหมยเหมยดูไม่ชอบก่วนเสี่ยวอวี้เอาเสียเลย


 


ถึงก่วนเสี่ยวอวี้จะไม่ได้สวยมากแต่ก็เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไร้เดียงสาและจิตใจดี และยังเอาใจใส่ดีอีกด้วย เขารู้สึกว่าไม่เลวเลยล่ะ!


 


“เอาเถอะ นายรีบไปแข่งได้แล้ว ก่อนถึงช่วงแข่งโอลิมปิกนายห้ามมีแฟนนะ ต่อให้เป็นเทพเซียนลงมาจุติก็ห้ามหวั่นไหวเด็ดขาด” เหมยเหมยเตือนอ้อม ๆ


 


เฉินเจียหน้าแดงก่ำ พูดอย่างเขินอาย “ฉันรู้แล้วน่า โค้ชก็พูดแบบนี้เหมือนกัน”


 


ตอนนี้ในใจของเขามีแต่เรื่องแข่งกีฬาโอลิมปิกและต้องคว้ารางวัลมาให้ได้ด้วย ก่อนถึงตอนนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็จะไม่คิดถึงมันทั้งนั้น


 


แต่บางทีตอนเห็นคู่รักที่พลอดรักกันหวานชื่น เขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมานิด ๆ อยากจะรู้ว่ารสชาติของการจูบมันจะหวานขนาดไหนกันนะ!


 


เหมยเหมยเหลือบมองก่วนเสี่ยวอวี้ครั้งหนึ่ง พร้อมจงใจกำชับว่า “มื้อเที่ยงนายออย่าชวนก่วนเสี่ยวอวี้ล่ะ ฉันไม่ค่อยชอบเธอ มันจะส่งผลต่อความอยากอาหารเอาได้”


 


เฉินเจียอืมรับไปทีแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว


 


เหมยเหมยไม่มีอารมณ์ที่จะดูการแข่งขัน เฉินเจียไม่ได้เป็นคนให้บัตรก่วนเสี่ยวอวี้ แล้วเธอไปเอาบัตรมาจากไหน?


 


การแข่งขันกระชับมิตรครั้งนี้ไม่มีการจำหน่ายบัตรเข้าชม ต่อให้ก่วนเสี่ยวอวี้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ อีกอย่างเธอเองก็ไม่มีเงิน ที่มาของบัตรใบนี้มีจุดน่าสงสัยเสียแล้ว!


 


………………………………………………….


 


ตอนที่ 1829 น่าสงสัยมาก


 


การแข่งขันจบลง ผลการแข่งขันคงไม่ต้องสงสัย ในเมื่อมีนักกีฬามืออาชีพอย่างเฉินเจียอยู่ มหาวิทยาลัยฮ่องกงต้องชนะมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างง่ายดายเป็นธรรมดา ลบล้างความอัปยศที่เคยแพ้มาหกปีซ้อนจึงทำให้อธิการบดีของมหาวิทยาลัยฮ่องกงดีใจจนแทบบ้า ใบหน้าแก่ ๆยิ้มแป้น


 


เฉินเจียมีท่าทีผ่อนคลายมากเหมือนเล่นอะไรสนุก ๆ ไม่มีความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด เขาพาพวกเหมยเหมยเตรียมออกไปทางประตูหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงการรุมล้อมจากนักข่าวด้านนอก


 


“ภัตตาคารป้าหวังฉันคงเลี้ยงไม่ไหว ใกล้ ๆมหาวิทยาลัยมีร้านอาหารเสฉวนอยู่ รสชาติดีไม่น้อย ฉันชอบไปกินที่นั่น…”


 


เฉินเจียเดินไปพลางพูดเสียงกลั้วหัวเราะไป โจวซิงเอ๋อร์ฟังอยู่เงียบ ๆ มุมปากประดับรอยยิ้มจาง ๆ นั่นเป็นความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง เฉินเจียเหลือบมองอยู่บ่อยครั้งอย่างอดไม่ได้


 


“เฉินเจีย ยินดีด้วยที่ได้รางวัล…ซิงเอ๋อร์…เธอ…”


 


เพิ่งเดินมาถึงทางออกก่วนเสี่ยวอวี้ก็วิ่งพรวดออกมาอย่างดีใจ ดูเหมือนจะรออยู่ตรงนี้นานแล้ว จังหวะที่เธอเห็นโจวซิงเอ๋อร์เข้า ดวงตาของเธอฉายแววสับสน ท่าทีดูไม่เป็นปกติ แต่ก็กลับมาเป็นดอกไม้ขาวแสนบริสุทธิ์ขี้อายได้อีกครั้ง


 


โจวซิงเอ๋อร์ตกใจมากกว่าเดิม “เสี่ยวอวี้ ทำไมเธอเองก็มาดูการแข่งขันได้ล่ะ? เธอเอาบัตรมาจากไหนเหรอ?”


 


ก่วนเสี่ยวอวี้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เพื่อนคนหนึ่งให้ฉันมา ฉันนึกว่าซิงเอ๋อร์จะไม่มาดูการแข่งขันเสียอีก เธอไม่โทรมาหาฉันเลยนะ”


 


โจวซิงเอ๋อร์ดวงตาแดงก่ำ อธิบายว่า “ฉัน…ฉันลืมน่ะ…เสี่ยวอวี้ คุณย่าของฉัน…”


 


คำพูดที่เหลือเธอพูดต่อไปไม่ไหว โจวซิงเอ๋อร์ฝืนความเจ็บปวดเอาไว้ไม่พูดอะไรอีก ความเศร้าเสียใจทวีมากขึ้น เฉินเจียก็พลอยรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยเช่นกัน


 


เพราะคุณปู่ที่เขารักที่สุดก็เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว เขาเสียใจอยู่นาน เพราะงั้นเขาจึงเข้าใจความรู้สึกของโจวซิงเอ๋อร์ในตอนนี้


 


เหมยเหมยพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ก่วนเสี่ยวอวี้ คุณย่าของซิงเอ๋อร์เสียแล้ว รู้ไหมว่าเธอเสียใจแค่ไหน หรือว่าเธอไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์เหรอ?”


 


โจวซิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้าแต่ก็สูดเก็บกลับเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว เธอรับปากกับคุณย่าไว้แล้ว ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็จะไม่ร้องไห้เด็ดขาด!


 


ความตื่นตระหนกพาดผ่านในแววตาของก่วนเสี่ยวอวี้ ทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะ หญิงชราของตระกูลโจวถูกลอบฆ่าตาย ในหนังสือพิมพ์ทั่วทั้งฮ่องกงก็พาดเป็นข่าวใหญ่ ตรอกซอยทั่วทุกพื้นที่มีแต่ข่าวลือเต็มไปหมด


 


แต่เธอไม่ได้เก็บมาใส่ใจ คนที่ตายไม่ใช่ย่าของเธอสักหน่อย มีอะไรให้ใส่ใจนักเหรอ


 


และเธอเองก็ไม่กล้าถาม…


 


“ขอโทษนะ…ซิงเอ๋อร์ ฉันไม่รู้เลย…เธออย่าเสียใจเลยนะ” ก่วนเสี่ยวอวี้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว พูดปลอบใจด้วยเสียงเล็กแหลม โจวซิงเอ๋อร์ฝืนยิ้มที่มุมปากแต่ไม่ได้พูดอะไร


 


เหมยเหมยเห็นถึงความตื่นตระหนกก่อนหน้านี้ของก่วนเสี่ยวอวี้ เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนี้มีจุดที่น่าสงสัย


 


เธอเลยจงใจถามหยั่งเชิง “คุณนายโจวเกิดเรื่องขึ้นตอนที่ไปดูละครเวที คุณก่วนรู้ไหมคะ?”


 


“หา…ไม่รู้เลยค่ะ…ซิงเอ๋อร์ ฉันกลับก่อนนะ ไว้วันหลังฉันจะไปเยี่ยมเธอ…ขอตัวนะเฉินเจีย!”


 


แว่นตาอันหนาเตอะนั้นไม่สามารถบดบังความตื่นตระหนกของก่วนเสี่ยวอวี้ได้เลย เธอบอกลาอย่างร้อนรน แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะโบกมือลาเฉินเจีย


 


แม้ว่าโจวซิงเอ๋อร์จะไร้เดียงสาแต่ก็ฉลาดมากทีเดียว อีกทั้งเธอยังได้ประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มา ความรู้สึกของเธอจึงว่องไวมาก เหมยเหมยเห็นได้ถึงความผิดปกติของก่วนเสี่ยวอวี้ ตัวเธอเองก็เช่นกันจึงพลันรู้สึกใจชาวาบ


 


ตอนที่คุณย่าพาเธอหนีออกมาเคยบอกเธอว่าเป็นไปได้ว่าก่วนเสี่ยวอวี้จะหักหลังเธอ จากนี้ไปให้เธอระวังตัว แต่เธอนั้นก็ไม่เชื่อ


 


แต่ตอนนี้…


 


โจวซิงเอ๋อร์หันไปขอโทษพร้อมส่งยิ้มให้เฉินเจีย “ขอโทษด้วยนะ ฉันมีธุระต้องรีบกลับก่อน ขอให้คุณได้รับรางวัลจากการแข่งที่ประเทศญี่ปุ่นนะคะ!”


 


เธอคงจะไม่ไปดูการแข่งขันของเฉินเจียอีก


 


บอกลากันตรงนี้เลยแล้วกัน!


 


ปฏิกิริยาของเฉินเจียยังไม่ทันได้ตอบสนองก็เห็นเพียงรอยยิ้มแสนเศร้าของโจวซิงเอ๋อร์ แต่ตัวของเธอเดินจากไปแล้ว


 


“ฉันก็ไม่กินแล้ว เฉินเจียนายตั้งใจแข่งแล้วกันเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศ ครั้งหน้าฉันจะไปเชียร์นายแข่งที่แอตแลนตาแน่นอน” เหมยเหมยให้กำลังใจเขา แล้วจากไปพร้อมเสี่ยวอวิ๋นอย่างรวดเร็ว


 


ก่วนเสี่ยวอวี้น่าสงสัยมาก ต้องตามสืบให้แน่ชัด!


ตอนที่ 1830 ให้ข้าวถือเป็นผู้มีพระคุณ แย่งข้าวถือเป็นศัตรู


เหมยเหมยพาโจวซิงเอ๋อร์ไปส่งที่บ้าน เมื่อเห็นว่าเธอเป็นปกติจึงได้กำชับเธอเล็กน้อยแล้วจากไป เธอจะต้องบอกจุดที่น่าสงสัยของก่วนเสี่ยวอวี้ให้เหยียนหมิงซุ่นรู้ เมื่อกี้แม่นั่นกินปูนร้อนท้องชัด ๆเลย


เหยียนหมิงซุ่นก็เพิ่งกลับมาถึงบ้าน พอเห็นเหมยเหมยจึงยิ้มพลางเอ่ยถามว่า “ดูการแข่งขันเสร็จแล้วเหรอ?”


เดิมทีเขาตั้งใจจะไปดูการแข่งขันกับภรรยา แต่ดันมีเรื่องด่วนเข้ามาจึงต้องไปจัดการอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อกี้ก็คิดไว้ว่าจะไปรับภรรยา ไม่คิดว่าจะกลับมาเร็วถึงขนาดนี้


“ดูเสร็จแล้วค่ะ พี่หมิงซุ่นเมื่อกี้ฉันเจอก่วนเสี่ยวอวี้ด้วยนะ หล่อนต้องมีปัญหาแน่ ๆ ”


เหมยเหมยเล่าถึงความน่าสงสัยของก่วนเสี่ยวอวี้ให้เขาฟังด้วยท่าทีโกรธเคือง หากว่าก่วนเสี่ยวอวี้หักหลังโจวซิงเอ๋อร์จริง เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ต้องใจดำอำมหิตเหมือนกับอู่เยวี่ยแน่นอน


โจวซิงเอ๋อร์เคยเล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอได้รู้จักกับก่วนเสี่ยวอวี้ พูดง่าย ๆก็คือก่วนเสี่ยวอวี้เป็นซิลเดอเรลร่าธรรมดาที่ถูกหัวหน้าแก๊งอันธพาลในโรงเรียนรังแก โจวซิงเอ๋อร์เห็นเข้าจึงออกหน้าห้ามหัวหน้าแก๊งอันธพาลไว้ และยังประกาศกร้าวว่าก่วนเสี่ยวอวี้อยู่ในความปกครองของเธอ ตั้งแต่นั้นมาช่วงชีวิตที่แสนลำบากของก่วนเสี่ยวอวี้ก็ผ่านพ้นไปเสียที


โจวซิงเอ๋อร์มักจะช่วยเหลือก่วนเสี่ยวอวี้ทางด้านการเงินอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเรื่องอาหารการกินเครื่องนุ่งห่มและของใช้…รวมทั้งอุปกรณ์การเรียน โจวซิงเอ๋อร์ช่วยเหลือแทบทั้งหมด


แม้จะไม่อาจพูดได้ว่าบุญคุณมากล้นเท่าภูเขา แต่ความผูกพันช่างลึกซึ้ง


เพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือและปกป้องตัวเองเสมอ แต่ก่วนเสี่ยวอวี้กลับแทงข้างหลังเธอ ใจดำชะมัด!


ในขณะเดียวกันหลังจากโจวซิงเอ๋อร์กลับมาถึงบ้านก็ขบคิดอยู่ในห้องเป็นเวลานาน จนในที่สุดก็ตัดสินใจได้


ต่อให้ไม่ใช่การทำเพื่อตัวเองแต่ก็เป็นการทำเพื่อคุณย่า เธอจะสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน


ต้องบอกเรื่องนี้ให้คุณปู่รู้


ถ้าเสี่ยวอวี้เป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเธอก็จะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ แต่ถ้าหาก…


โจวซิงเอ๋อร์กัดริมฝีปากแน่น เจ็บจี๊ดที่หัวใจแต่ก็กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง มีบุญคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ คุณย่าสอนเธอมาแบบนี้ตั้งแต่เด็ก เธอจะไม่ทำให้คุณย่าต้องผิดหวัง


ก่วนเสี่ยวอวี้ เธอเองก็อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ!


เหยียนหมิงซุ่นมองท่าทีขุ่นเคืองใจของเหมยเหมยพลางหยิกเข้าที่แก้มของเธอ พร้อมพูดปลอบใจว่า “อย่าโกรธเลย ถ้าก่วนเสี่ยวอวี้เป็นคนร้ายจริงก็ถือว่าเป็นบทเรียนให้ซิงเอ๋อร์ไปด้วย ครั้งต่อไปจะคบเพื่อนก็ต้องดูให้ดี ๆ”


“บทเรียนครั้งนี้จะทำร้ายกันเกินไปมั้ง…”เหมยเหมยถอนหายใจ


“ลูกพี่ ได้เรื่องคืบหน้าของก่วนเสี่ยวอวี้แล้ว หนึ่งวันก่อนที่โจวซิงเอ๋อร์จะไปดูละครเวที เธอเคยเจอ ‘โอหยางซานซาน’ มาครั้งหนึ่ง”


เหมยเหมยตกใจพลันทำตาโต เป็นก่วนเสี่ยวอวี้จริง ๆด้วย


แต่เธอกลับนึกไม่ถึงว่าก่วนเสี่ยวอวี้จะรู้จักกับ ‘โอหยางซานซาน’ ด้วย?


หรือว่าการที่โจวซิงเอ๋อร์ได้รู้จักกับก่วนเสี่ยวอวี้ก็คือแผนการของ ‘โอหยางซานซาน’ นะ?


เหยียนหมิงซุ่นมีท่าทีสงบ ผลลัพธ์เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริง ๆ “ได้ข่าวเรื่องไปรษณีย์ไหม? เกี่ยวข้องกับก่วนเสี่ยวอวี้หรือเปล่า?”


“ลูกพี่สุดยอดไปเลย เดาอันไหนก็ถูกเผงหมด ก่วนเสี่ยวอวี้เป็นคนส่งเทปวีดิโอนั้นจริง ๆ” เสี่ยวหลีแสดงสีหน้าเลื่อมใส ลูกพี่ของพวกเขาทั้งปราดเปรื่องและมองการณ์ไกล


เหมยเหมยเบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิม ปากเล็ก ๆอ้าค้างเป็นรูปตัวโอ จากนั้นไม่นานก็ก่นด่าขึ้น “ทำไมก่วนเสี่ยวอวี้ถึงได้วิปริตขนาดนั้น? โจวซิงเอ๋อร์เป็นเพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือเธอตั้งมากมายแท้ ๆ!”


“ให้ข้าวถือเป็นผู้มีพระคุณ แย่งข้าวถือเป็นศัตรู[1] เหมยเหมยเองก็ต้องจำเอาไว้ล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยกำชับ


“ค่ะ”


เหมยเหมยพยักหน้าอย่างเชื่อฟังแต่ก็ยังนึกโมโหอยู่ดี สิ่งที่เกลียดที่สุดคือการที่คนไม่รู้จักบุญคุณพูดประโยคนี้ออกมาเป็นข้อแก้ตัว


ในเมื่อไม่ชอบให้คนอื่นช่วยเหลือก็ปฏิเสธไปสิ!


รับบุญคุณไปแล้วแต่กลับไม่สำนึกบุญคุณเอาเสียเลย ในทางกลับกันยังคิดจะทำร้ายผู้มีพระคุณอีก นี่มันชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีกนะ!


“แต่ก่วนเสี่ยวอวี้ได้เทปวีดิโอนี้มาจากไหน? หรือว่า ‘โอหยางซานซาน’ เป็นคนให้?” เหมยเหมยเอ่ยถามอย่างสงสัย


[1] เหมือนดั่งคำคมที่ว่า ช่วยคนมาสิบครั้ง เขาจะไม่จำ เขาจำได้เพียงครั้งเดียว คือครั้งที่เราไม่ช่วย


………………………………………………………….


ตอนที่ 1831 ทำตัวเอง


เหยียนหมิงซุ่นเห็นด้วยกับคำพูดของเหมยเหมย เทปวิดีโอทั้งฮ่องกงถูกโจวจื่อหัวทำลายจนหมดสิ้นเนื่องจากเพิ่งถูกปล่อยออกไปเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้เทปวิดีโอไม่ได้ถูกแพร่กระจายอย่างกว้างขวางนักเลยช่วยประหยัดเวลาในการเก็บคืนมากโข


หนำซ้ำโจวจื่อหัวเปรียบดั่งฮ่องเต้แห่งแวดวงใต้ดินของฮ่องกง ใครกล้าจะเป็นปรปักษ์กับเขาอย่างโจ่งแจ้งกัน?


ต่อให้โจวจื่อหัวไม่ส่งคนไปทำลายพวกเจ้าของโรงหนังเล็ก ๆ เหล่านั้นก็ไม่มีใครกล้าซ่อนเก็บไว้


คนที่มีความกล้านี้ทั้งฮ่องกงก็เหลือแค่ ‘โอหยางซานซาน’ แล้วล่ะ


นางผู้หญิงชั่วร้าย!


ควรให้เธอถูกย่ำยีอยู่เบื้องล่างผู้คนนับพันนับหมื่นจนไม่สามารถพลิกชีวิตได้อีกตลอดไป!


เหมยเหมยใช้ถ้อยคำร้ายกาจสาปแช่งเธออย่างไม่นึกเสียดาย โจวซิงเอ๋อร์ไม่มีความแค้นส่วนตัวอะไรกับเธอ คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีชั่วร้ายต่อหญิงสาวใสซื่อน่ารักแบบนี้


“พี่หมิงซุ่น สืบเบื้องหลังของโอหยางซานซานตัวปลอมได้หรือยัง? เธอเป็นคนของไอ้สารเลวคนไหนกันแน่?” เหมยเหมยถามเสียงข้นแค้น


“ตอนนี้ยังไม่มีแต่ใกล้แล้ว” เหยียนหมิงซุ่นไม่ค่อยพอใจต่อประสิทธิภาพการทำงานของลูกน้องเท่าไร โอหยางซานซานตัวปลอมคนนี้มีความแค้นต่อเหมยเหมยอย่างมาก เขาต้องกำจัดให้ได้


แล้วก็ไอ้สารเลวเฮ่อเหลียนเช่อที่ชอบจู่โจมเหยื่อลับหลัง ไว้กลับไปค่อยคิดบัญชีกับเขา!


เดิมทีเหยียนหมิงซุ่นคิดจะโทรหาโจวจื่อหัวบอกให้เขาทราบเรื่องของก่วนเสี่ยวอวี้ แต่โจวจื่อหัวดันโทรมาก่อนแล้วบอกว่าเขาจัดการก่วนเสี่ยวอวี้ไปแล้ว


“จัดการอย่างไร?”


เหยียนหมิงซุ่นคุยกับโจวจื่อหัวอีกครู่หนึ่งถึงวางสายไป เหมยเหมยถามขึ้นด้วยความสงสัยและนึกตกใจกับความรวดเร็วของโจวจื่อหัว


“ง่ายมาก ทำอย่างไรก็ได้คืนไปอย่างนั้น” เหยียนหมิงซุ่นเอ่ยตอบเสียงเรียบและค่อนข้างพึงพอใจต่อการทำงานที่ไวปานสายฟ้าของโจวจื่อหัว


เหมยเหมยเข้าใจความหมายของเขาแต่ไม่เห็นใจก่วนเสี่ยวอวี้เลยสักนิด สมน้ำหน้า!


ความจริงเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกทั้งหมด โจวจื่อหัวรู้ว่าก่วนเสี่ยวอวี้คือหนอนบ่อนไส้ที่เขาลำบากตามหาตัวอยู่นานเลยบันดาลโทสะรีบส่งคนมาจับกุมตัวก่วนเสี่ยวอวี้ทันที


ก่วนเสี่ยวอวี้พูดแก้ตัวให้ตัวเองบอกว่าเธอแค่เผลอหลุดปากไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างไม่คิดจะว่าเรื่องจะร้ายแรงขนาดนี้ แล้วบอกอีกว่าเธอไม่รู้ว่าของในกล่องนั้นคืออะไร แค่ ‘โอหยางซานซาน’ บอกว่าจะช่วยหาตั๋วเข้าชมการแข่งขันให้เธอเธอเลยหวั่นไหว ก็เลย…


ถ้อยคำเหล่านี้สร้างความเสียใจแก่โจวซิงเอ๋อร์เป็นเท่าทวีคูณ เธอไม่คิดเลยว่ามิตรภาพที่มีต่อกันจะสู้คำหลอกล่อประโยคเดียวของคนอื่นไม่ได้


ที่แท้แล้วมิตรภาพดังกล่าวเป็นเพียงสิ่งที่เธอคิดเอาเองฝ่ายเดียวมาโดยตลอด


โจวซิงเอ๋อร์ยอมให้โจวจื่อหัวแก้แค้นโดยไม่คิดคัดค้านอะไรและทำเป็นไม่ได้ยินคำอ้อนวอนของก่วนเสี่ยวอวี้


โจวจื่อหัวสั่งให้ลูกน้องตามตัวชายจรจัดนับสิบกว่าคนแล้วยกก่วนเสี่ยวอวี้ให้พวกเขาทรมานทั้งคืน ก่วนเสี่ยวอวี้มีสภาพปางตายแต่โจวจื่อหัวไม่คิดจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ เพราะนี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น


“ตอนกลางวันก่วนเสี่ยวอวี้จะถูกบังคับให้ถ่ายหนังโป๊ กลางคืนต้องคอยรับแขกไม่มีวันหยุดจนกระทั่งวันตาย” เสี่ยวอวิ๋นแอบบอกสภาพปัจจุบันของก่วนเสี่ยวอวี้ให้เหมยเหมยรับรู้


อนาถจริง!


แต่เธอทำตัวเองทั้งนั้น!


“ครอบครัวก่วนเสี่ยวอวี้ล่ะ? โจวจื่อหัวไม่แตะต้องพวกเขาใช่ไหม?” เหมยเหมยถาม


“เปล่า โจวซิงเอ๋อร์ขอร้องโจวจื่อหัวให้จัดการแค่ก่วนเสี่ยวอวี้คนเดียว”


เหมยเหมยยิ้มอย่างปลื้มใจ โจวซิงเอ๋อร์โดนหักหลังและถูกทรมานเหมือนอยู่ในนรกแต่ยังรักษาจิตใจที่มีความเมตตาไว้ได้ ช่างเป็นหญิงสาวที่แสนดีเหลือเกิน จู่ ๆเธอก็เริ่มมั่นใจในตัวของโจวซิงเอ๋อร์ขึ้นมา


เชื่อว่าเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของเธอ โจวซิงเอ๋อร์จะต้องถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน!


หลายวันนี้ตลาดหนังโป๊ของฮ่องกงกำลังดุเดือดเพราะมีดาวยั่วคนใหม่อย่างก่วนเสี่ยวอวี้ที่แม้จะหน้าตาออกจะธรรมดาไปสักนิดหรือหุ่นที่ไม่เซ็กซี่พอทว่าดันเอาใจเก่ง ไหนจะลงสนามจริงทั้งหมดที่จะถ่ายในเวลาตีสาม จากท่วงท่าอุกอาจใจกล้าทำเอาพวกผู้ชายหื่นกามฮึกเหิมร้อนรุ่มไปทั้งตัว


ความเย้ายวนของก่วนเสี่ยวอวี้กลายเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วภายในระยะสั้นๆ!


ตอนที่ 1832 ตั๊กแตนตำข้าวจับจั๊กจั่นอยู่หน้า นกกระจอกเหลืองตามอยู่หลัง


โจวจื่อหัวได้ออกคำสั่งเด็ดขาดไว้แต่แรกว่าหากร้อนแรงได้มากแค่ไหนผู้กำกับก็ถ่ายให้ได้มากเท่านั้นโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงตัวก่วนเสี่ยวอวี้เลย ขอเพียงแค่ดึงดูดสายตาได้ก็พอ คำสั่งของลูกพี่โจวผู้กำกับจะกล้าขัดขืนได้อย่างไรเลยไม่มีความทะนุถนอมใด ๆ ทุ่มเทกับถ่ายหนังโป๊เรื่องแล้วเรื่องเล่าไม่หยุดหย่อน


ในเมื่อไม่จำเป็นต้องมีโครงเรื่องและไม่จำเป็นต้องมีฉากหลัง แต่ปัญหาคือต้องการผู้ชายกี่คนต่างหาก หนึ่งวันถ่ายได้ตั้งหลายเรื่องเชียวนะ!


ครอบครัวก่วนเสี่ยวอวี้ไม่กล้าโวยวายอะไรถึงขั้นแค้นใจหาว่าเธอก่อปัญหาใหญ่ให้ที่บ้าน พวกเขาประกาศไปว่าได้ตัดความสัมพันธ์กับก่วนเสี่ยวอวี้กับคนภายนอกโดยสิ้นเชิงแล้ว เป็นการเอาตัวรอดที่ดีทีเดียว


ส่วนทางโรงเรียนของก่วนเสี่ยวอวี้เองก็ได้แปะใบประกาศไล่ก่วนเสี่ยวอวี้ออกทันที ด้วยเหตุผลที่ว่าก่วนเสี่ยวอวี้ขายตัว ถึงขั้นลงแถลงการณ์ประกาศให้รับรู้โดยทั่วกันเลยทีเดียว


ก่วนเสี่ยวอวี้กลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในพริบตา กระแสมาแรงแซงดารารุ่นใหญ่อย่างจางกั๋วหรง หากชาวบ้านว่างเมื่อไรเป็นอันต้องคุยเรื่องก่วนเสี่ยวอวี้ทุกครั้งไป แน่นอนว่าต้องเป็นในแง่ที่ไม่ดีเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม


ณ เรือนรับรองสักแห่งในเมืองหลวง


เฮ่อเหลียนเช่อมีสีหน้าถมึงทึงมอง ‘โอหยางซานซาน’ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานิ่งพลางเคาะนิ้วกับที่วางแขนเก้าอี้เบา ๆเป็นจังหวะ


‘โอหยางซานซาน’ ไม่กล้ากระดิกตัวและเหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งแผ่นหลัง ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนเธอก็ยังคงไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้อยู่ดี


“เก่งขึ้นนี่ กล้าลงมือโดยพลการแล้ว” เฮ่อเหลียนเช่อพูดเสียงเบาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับทำให้ ‘โอหยางซานซาน’ เหงื่อแตกตรงแผ่นหลังมากกว่าเดิม


เธอกัดปลายลิ้นให้ตัวเองใจเย็นลงแล้วเรียกความกล้าเอ่ยขึ้นว่า “ฉันใจร้อนเกินไป แค่อยากรีบทำภารกิจที่คุณชายเช่อสั่งไว้ให้เสร็จโดยเร็ว ฉันผิดไปแล้ว คุณชายเช่อลงโทษฉันเถอะ!”


เธอรู้นิสัยของเฮ่อเหลียนเช่อเป็นอย่างดี เวลานี้สู้ยอมรับความผิดด้วยตัวเองดีกว่าบางทีอาจจะเอาตัวรอดได้


“ทำภารกิจสำเร็จแล้วเหรอ?” เฮ่อเหลียนเช่อสีหน้าผ่อนคลายลงบ้าง แม้จะเย็นชาเหมือนเดิมแต่รังสีอาฆาตกลับลดลงมาก ‘โอหยางซานซาน’ เป็นคนไหวพริบดีเลยลอบถอนหายใจโล่งอก


“โจวจื่อหัวโง่ ดึงดันจะร่วมมือกับเหยียนหมิงซุ่นให้ได้ ฉันเกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้” ‘โอหยางซานซาน’ สารภาพไปตามตรง พอเห็นว่าความเยือกเย็นบนตัวเฮ่อเหลียนเช่อหนักกว่าเดิมเธอจึงรีบเอ่ยเสริม “คุณชายเช่อสบายใจได้ ฉันวางพิษโจวจื่อหัวไปแล้ว อย่างมากอีกสามวันยาพิษก็จะสำแดงฤทธิ์ ร่างกายจะอ่อนแอลง”


‘โอหยางซานซาน’ เห็นเฮ่อเหลียนเช่อดูท่าทางค่อนข้างพอใจเลยแอบดีใจทั้งพูดเสริมขึ้นต่อ “ถึงตอนนั้นพวกลูกน้องของโจวจื่อหัวจะต้องวุ่นวาย ฉันได้เกลี้ยกล่อมพี่น้องร่วมสาบานของโจวจื่อหัวไปแล้ว ขอแค่โจวจื่อหัวล้มเขาก็จะถือโอกาสนี้ยึดอำนาจมาแทน ถึงตอนนั้นก็จะกลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของคุณชายเช่อ”


เฮ่อเหลียนเช่อเหยียดยิ้มที่มุมปากบางเบา “อืม…เรื่องนี้ทำได้ดีถือว่าพอไถ่ความผิดได้ เธอไปพักผ่อนสักหน่อย ถ้ามีอะไรแล้วจะเรียกแล้วกัน”


“ค่ะ!”


‘โอหยางซานซาน’ พรูลมหายใจยาวเพราะรู้ว่าตนผ่านด่านแล้ว


เฮ่อเหลียนเช่อคอยมองแผ่นหลังอ้อนแอ้นหายวับไปจากตรงประตูก่อนจะยิ้มได้ใจ


เหยียนหมิงซุ่นเอ๋ยเหยียนหมิงซุ่น…ต่อให้แกเก่งแค่ไหนแล้วอย่างไรล่ะ?


คุณชายอย่างฉันแค่นั่งดูเสือสองตัวสู้กัน แล้วรอเป็นประมงตกปลาก็พอ ฮ่า ๆ!


เฮ่อเหลียนเช่อลูบปลายคางอย่างนึกสนุก อยากรู้เหลือเกินว่าหากเหยียนหมิงซุ่นรู้ตัวตนที่แท้จริงของโอหยางซานซานแล้วจะมีสีหน้าแบบไหน?


ต้องสนุกมากแน่ ๆ!


แต่ยังไม่ใช่เวลานี้หรอก รอเวลานั้นมาถึงเขาจะเปิดตัวและต้องมีเรื่องสนุก ๆให้ดูแน่!


เฮ่อเหลียนเช่ออารมณ์ดีสุดขีดเพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมามักตกเป็นรองเหยียนหมิงซุ่นเสมอ คราวนี้เขาเอาคืนได้สักที วันนี้อากาศดีไม่หยอก…


อืม…ให้ซูหานทำของอร่อย ๆเยอะหน่อยดีกว่าจะได้ฉลองให้เต็มที่ไปเลย!


……………………….………………….


ตอนที่ 1833 ชื่ออาเมย์


ยังคงตามหาศพของโอหยางสยงไม่พบเช่นเดิม เหยียนหมิงซุ่นเลยสั่งให้เสี่ยวอวิ๋นจับตัวเพื่อนร่วมแผนการของ ‘โอหยางซานซาน’ อย่างจางฉู่เซิงมา พอพวกเสี่ยวอวิ๋นไปถึงจางฉู่เซิงที่ว่าก็กำลังเตรียมออกจากฮ่องกงเพื่อกลับแผ่นดินใหญ่


เจ้าหมอนี่ดูท่าทางจะเป็นคนขี้ขลาดตาขาว เสี่ยวอวิ๋นยังไม่ทันทำอะไรเขาก็ตกใจจนฉี่ราดและสารภาพออกมาหมดเปลือก


โอหยางสยงถูก ‘โอหยางซานซาน’ ฆ่าตายจริงแต่คนที่เคลื่อนไหวในคืนนั้นคือเขา อีกทั้งเขาเป็นคนโยนศพของโอหยางสยงลงทะเล ผ่านไปนานขนาดนี้สงสัยไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูกแล้ว


มิน่าคนของเหยียนหมิงซุ่นตามหาอยู่นานก็ไม่พบ


“นายกับโอหยางซานซานเป็นคนของเฮ่อเหลียนเช่องั้นเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามแต่เขากลับรู้สึกว่าไม่เหมือน คนของเฮ่อเหลียนเช่อไม่ได้ขี้ขลาดขนาดนี้


เป็นไปตามคาด–


จางฉู่เซิงทำหน้างงงวย “ฉันไม่รู้จักเฮ่อเหลียนเช่อ ฉันไม่ใช่สายลับจริง ๆ ฉันเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดา ขอร้องละปล่อยฉันไปเถอะ!”


“งั้นนายฟังคำสั่งใคร?”


“ก็อาเมย์ไง เธอเป็นคนจัดการวางงานให้ฉันแล้วบอกให้ฉันช่วยอะไรเธอนิด ๆ หน่อย ๆ เรื่องอื่นฉันไม่รู้จริง ๆ…ความจริงหลังจากฉันกำจัดศพแล้วก็ไม่กล้าอยู่ต่อ ตั้งแต่เล็กจนโตฉันยังไม่เคยฆ่าแม้กระทั่งไก่สักตัวเลย…”


จางฉู่เซิงร้องไห้ปล่อยโฮน้ำหูน้ำตาไหลเปื้อนเต็มหน้า กลิ่นฉี่เหม็นหึ่งลอยปะทะเข้าจมูกจนทำเอารู้สึกขยะแขยงกันแทบแย่


เสี่ยวอวิ๋นมองเขาด้วยสายตารังเกียจแล้วยกเท้าถีบเข้าทีหนึ่ง ตะคอกใส่ “ร้องไห้อีกจะตัดลิ้นทิ้งซะเลย!”


เสียงร้องไห้หยุดชะงักทันที จางฉู่เซิงสะอื้นตัวโยนเปลี่ยนเป็นการร้องไห้แบบเงียบ ๆไร้เสียง ทำเอาคนมองรู้สึกรังเกียจยิ่งกว่าเดิม


“นายรู้จักกับโอหยางซานซานได้อย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นถาม


“รู้จักกันที่อเมริกาเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นฉันเรียนต่อที่อเมริกาและอาเมย์ก็อยู่ที่นั่นด้วย เธอไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่ฉันทำงานบ่อย ๆ พอรู้ว่าฉันมาฮ่องกงก็แนะนำงานปัจจุบันให้ฉัน” จางฉู่เซิงเอ่ยเสียงปนสะอื้น


มีบางอย่างแล่นผ่านขึ้นมาในหัวเหยียนหมิงซุ่นจนทำให้เขาขมวดคิ้วน้อย ๆ เพราะมันแวบผ่านขึ้นมาเร็วเกินไปจนคว้าไว้ไม่ทัน


“โอหยางซานซานเป็นคนแบบไหน?” เหยียนหมิงซุ่นถามอีก


“อาเมย์ทั้งสวยทั้งร่าเริง การเรียนดี กีฬาเด่น มนุษยสัมพันธ์ดี ที่บ้านก็ฐานะดีมาก ทั้งยังได้รับความนิยมในมหาวิทยาลัย อีกอย่างมีคุณชายเศรษฐีฮ่องกงมากมายกำลังตามจีบอาเมย์อยู่”


จางฉู่เซิงแววตาหม่นลงชั่ววูบ ความจริงเขาเองก็ชอบเธอเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมช่วยกำจัดศพแทนอาเมย์ได้อย่างไร?


ทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายแท้ ๆ!


“อาเมย์เธอไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าคน เพราะผู้ชายคนนั้นคิดจะข่มขืนเธอ เธอถึงพลั้งมือฆ่าทิ้ง ซึ่งเป็นการปกป้องตัวเอง…”


จางฉู่เซิงยังคิดว่าเหยียนหมิงซุ่นเป็นตำรวจเลยลองแก้ตัวแทนโอหยางซานซาน ก็ดูเป็นคนรักเพื่อนดีนะ


“เจ้าโง่ นายรู้ไหมว่าผู้ชายที่นายโยนทิ้งทะเลไปคือใคร? นั่นเป็นอาแท้ ๆของโอหยางซานซานและเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของแผ่นดินใหญ่ อาเมย์ของนายไม่ได้ฆ่าแค่คนเดียวหรอกนะ…”


เหยียนหมิงซุ่นถามอะไรไม่ออกอีกแล้ว จางฉู่เซิงคนนี้เป็นเพียงคนน่าสงสารที่ถูกความสวยของโอหยางซานซานตัวปลอมหลอกตบตาเท่านั้น


ไม่รู้อะไรเลย


จางฉู่เซิงทรุดตัวนั่งโง่อยู่กับพื้นเหมือนวิญญาณออกจากร่าง ผ่านไปพักใหญ่ถึงร้องไห้เสียงดังอย่างนึกเสียใจภายหลัง


จบแล้ว…จบสิ้นหมดแล้ว…เขาร่ำเรียนอย่างยากลำบากมาเกือบยี่สิบปีตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นหมดแล้ว


“อาเมย์…ทำไมเธอถึงหลอกฉัน…ทั้ง ๆที่ฉันรักเธอั้ง ๆที่น ริง การเรียนดี กีฬาเด่นขนาดนี้…อาเมย์…”


เหยียนหมิงซุ่นเดินไปถึงหน้าประตูพลันหยุดชะงักฝีเท้ากะทันหันแล้วหันไปจ้องจางฉู่เซิงนิ่ง อีกฝ่ายยังพึมพำเรียก ‘อาเมย์’ ซ้ำ ๆไม่หยุด


อาเมย์?


ชื่ออังกฤษนี้แหละที่แวบเข้าหัวเขาเมื่อครู่


ตอนที่ 1834 ที่แท้คือเธอนี่เอง


เหยียนหมิงซุ่นเดินย้อนกลับไปถามจางฉู่เซิง “ชื่ออาเมย์สะกดอย่างไร?”


จางฉู่เซิงตอบกลับอย่างซื่อสัตย์ “M-A-Y MAY ที่หมายถึงเดือนห้าของภาษาอังกฤษไง”


เหยียนหมิงซุ่นใจดิ่งวูบและนึกโกรธอย่างมาก เขาเคยได้ยินโจวจื่อหัวเอ่ยถึงชื่อภาษาอังกฤษนี้มาไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้งแต่กลับไม่เคยสังเกตว่าชื่อนี้จะมีปริศนาบางอย่างซ่อนอยู่


อาเมย์…เดือนห้า…อู่เยวี่ย


นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ


ไม่นานเหยียนหมิงซุ่นก็นึกถึงอีกคนขึ้นมาแต่เขายังไม่กล้ามั่นใจ ทั้งที่เขาเห็นว่าอีกฝ่ายโดนเผาเป็นเถ้าถ่านเองกับตาแล้วทำไมถึงฟื้นขึ้นมาได้?


หรือว่าสามปีก่อนเขาพลาดอะไรไป?


“ได้ผลตรวจสอบสถานะของโอหยางซานซานหรือยัง?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสี่ยวอวิ๋น


“ยังไม่พบเพราะขอบเขตกว้างเกินไป”


“เร่งความเร็วหน่อย” เหยียนหมิงซุ่นเองก็ไม่พูดอะไรอีก ลำพังอาศัยเพียงสามจุดที่เขาไม่ค่อยแน่ใจนักออกจะเป็นเรื่องยากไปสักหน่อยกับการต้องการล็อกตัวเป้าหมาย


เหยียนหมิงซุ่นขังตัวเองไว้ในห้องหนังสือ เขาต้องการความเงียบสงบอย่างถึงที่สุดเพื่อจัดลำดับความคิดอีกที


ตอนนั้นเฮ่อเหลียนเช่อรับศพของอู่เยวี่ยไปก่อนเขาหนึ่งก้าวและระหว่างนั้นก็เว้นช่วงเวลาไปหลายชั่วโมง หากเฮ่อเหลียนเช่อคิดจะสับเปลี่ยนละก็เวลาหลายชั่วโมงก็เหลือเฟือ


อีกอย่างถึงตอนนั้นเขาจะเห็นศพของอู่เยวี่ยที่ลานเผาศพและเห็นว่าเธอถูกเผาเป็นเถ้าถ่านเองกับตา แต่ใครจะรับประกันได้ว่าศพนั้นเป็นของอู่เยวี่ยจริง ๆล่ะ?


วิวัฒนาการที่ทันสมัยสามารถเปลี่ยนใบหน้าคน ๆหนึ่งได้ ลูกน้องของเฮ่อเหลียนเช่อเองก็มีคนฝีมือดีแบบนี้เช่นกัน หนำซ้ำจากความสามารถของเฮ่อเหลียนเช่อการหาศพอีกคนมาแทนไม่ใช่เรื่องยากเลย


อีกอย่างอู่เยวี่ยในตอนนั้นถูกเหมยเหมยกรีดหน้าจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ต่อให้ไม่แต่งหน้าก็จำได้ยากอยู่แล้ว


เหยียนหมิงซุ่นยิ่งคิดยิ่งหนักใจ และยิ่งเชื่อในสิ่งที่ตนวิเคราะห์–


หากโอหยางซานซานคืออู่เยวี่ย


สามปีที่แล้วเธอยังไม่ตายแต่ถูกเฮ่อเหลียนเช่อช่วยชีวิตไว้แล้วแอบฝึกฝนเธอ จากนั้นก็ปลอมตัวเป็นโอหยางซานซานเพื่อเป็นผู้ช่วยมือฉกาจของเฮ่อเหลียนเช่อ มิน่าสองปีนี้กิจการในฮ่องกงและอเมริกาของเฮ่อเหลียนเช่อถึงได้ราบรื่นดีนัก คิดว่าอู่เยวี่ยคงออกแรงไปไม่น้อย


อู่เยวี่ยวนเวียนอยู่ท่ามกลางเหล่าคุณชายเศรษฐีจึงเป็นเรื่องสบายหากคิดจะขโมยความลับทางการค้า อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ยังเจ้าแผนการพอจะให้เธอกลายเป็นสายลับระดับแนวหน้าในเรื่องธุรกิจได้เลย


เฮ่อเหลียนเช่อวางแผนแยบยลดีนี่!


เหยียนหมิงซุ่นทุบโต๊ะทีหนึ่งอย่างหงุดหงิด สามปีก่อนเขาประมาทเกินไปถึงได้ปล่อยงูอสรพิษตัวใหญ่ไปได้ นับว่าโชคดีที่เขาจับได้ ไม่อย่างนั้น…


เหงื่อผุดขึ้นเต็มหลังเขา ไม่กล้าจินตนาการเลย


คนที่อู่เยวี่ยแค้นที่สุดคงไม่พ้นเหมยเหมย เธอที่ฟื้นจากความตายจะโหดเหี้ยมกว่าเดิมและวิปริตกว่าเดิม หากเหมยเหมยตกอยู่ในเงื้อมมือเธอจะมีจุดจบอย่างไร?


โจวซิงเอ๋อร์ไม่มีความแค้นส่วนตัวกับอู่เยวี่ยยังถูกอู่เยวี่ยทำร้ายได้โหดร้ายขนาดนี้ เหมยเหมยยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย


เหยียนหมิงซุ่นนึกโชคดีอีกครั้ง


แต่ก่อนที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ เหยียนหมิงซุ่นไม่คิดจะบอกเรื่องนี้ให้เหมยเหมยรับรู้ เขาต้องรีบกลับเมืองหลวงถึงจะพิสูจน์ได้


เฮ่อเหลียนเช่อคงเสกศพมาเปล่า ๆไม่ได้หรอก


เรื่องของโอหยางสยงจบลงแต่เพียงเท่านี้ เฉินกั๋วเปียวเสียชีวิตแล้วจึงเหลือเพียงขั้วอำนาจเดียวอย่างโจวจื่อหัว กลุ่มอิทธิพลอีกคนได้ถูกเฉินกั๋วเปียวยึดมาเป็นของตนแล้ว หลังจากเฉินกั๋วเปียวเสียชีวิตก็ถูกโจวจื่อหัวมารับช่วงต่อ


โจวจื่อหัวมีใจภักดี เหยียนหมิงซุ่นไว้วางใจมากจึงสามารถกลับไปรายงานนายใหญ่ได้แล้ว


เฮ่อเหลียนเช่อทุ่มเทวางแผนดิบดีก็ไม่ได้ดั่งใจอยู่ดี


เหยียนหมิงซุ่นอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย นายใหญ่ให้ความสำคัญกับฮ่องกงมากทำให้ฮ่องกงกลายเป็นสนามรบของเขากับเฮ่อเหลียนเช่อไปโดยปริยาย ความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีไม่อนุญาตให้เขาพ่ายแพ้


เขาจะต้องชนะเฮ่อเหลียนเช่อ!


เขาในตอนนี้อยากกลับเมืองหลวงเหลือเกิน อยากเห็นใบหน้าสลดของเฮ่อเหลียนเช่อที่คิดว่าน่าจะดูสบายตากว่าวันปกตินัก!


เหมยเหมยจัดกระเป๋าอยู่ในห้องนอน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเสื้อผ้าเครื่องประดับเครื่องสำอางที่ซื้อใหม่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเพื่อเตรียมนำกลับไปเป็นของฝาก ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นที่ปลายสายคือโจวซิงเอ๋อร์


“พี่เหมย คุณปู่ฉันกระอักเลือด…”


…………………………………………………..


 ตอนที่ 1835 ถูกวางยาพิษ


เหยียนหมิงซุ่นกับเหมยเหมยรีบเดินทางไปยังคฤหาสน์ตระกูลโจวอย่างรวดเร็ว คฤหาสน์หลังโตเป็นระเบียบวินาทีนี้กลับเละเป็นโจ๊ก คุณนายเพิ่งเสียชีวิตไปนายท่านก็ป่วยหนัก ที่บ้านไม่มีใครคอยสั่งการเลยอดใจหวิวไม่ได้


คุณแม่ของโจวซิงเอ๋อร์เอาแต่ร้องไห้ส่วนลูกชายสองคนพร้อมลูกสะใภ้ของโจวจื่อหัวไม่อยู่บ้านเนื่องจากไปดูแลกิจการที่แผ่นดินใหญ่ คฤหาสน์อันกว้างใหญ่มีเพียงเจ้าของบ้านที่ไร้ประโยชน์อย่างคุณแม่โจวซิงเอ๋อร์คนเดียว


โจวซิงเอ๋อร์ยังอายุน้อยไม่มีความน่าเกรงขาม นับว่าโชคดีที่พวกเหมยเหมยเดินมาถึงก่อนไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคฤหาสน์ตระกูลโจวบ้าง!


“วิตกเรื่องอะไรกัน นายท่านของพวกคุณแค่เสียใจเกินกว่าเหตุถึงได้ป่วย ไม่นานก็หายดีแล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดด้วยเสียงไม่ดังนักแต่กลับช่วยปลอบประโลมจิตใจให้สงบลงได้ เหล่าคนใช้ที่จิตใจกระวนกระวายก็ใจเย็นลงราวกับเกิดปาฏิหาริย์


เหยียนหมิงซุ่นกวาดตามองคนกลุ่มนี้จึงพบว่ามีหลายคนที่ดวงตาเป็นประกายวาวเลยแค่นเสียงหัวเราะทีหนึ่ง ส่งสายตาให้เสี่ยวอวิ๋นแวบหนึ่งก่อนที่คนพวกนั้นจะถูกพาตัวไปสอบสวน


มีเขาอยู่ใครก็อย่าคิดจะเล่นตุกติก โจวจื่อหัวเองก็ตายไม่ได้!


ถ้าจะตายก็ต้องรอหลังปีเก้าเจ็ดไป!


โจวจื่อหัวนอนตัวซีดอยู่บนเตียงปากเขียวช้ำรวมถึงใบหน้าเช่นกัน ตรงมุมปากยังมีรอยสีดำคล้ำและลมหายใจโรยริน


“พี่เหมย…” โจวซิงเอ๋อร์ขานเรียก ดวงตาปูดโปนเหมือนลูกวอลนัท ดูท่าทางสภาพเธอก็ไม่สู้ดีนักดูอ่อนแรงราวกับพร้อมจะปลิวไปตามสายลม


“คุณหมอว่าอย่างไรบ้าง?” เหมยเหมยถาม


“บอกว่าคุณปู่ไม่ไหวแล้ว…ให้ฉันกับแม่ฉันเตรียมจัดงานไว้ได้เลย…ฮือ…คุณปู่จะตายไหมคะ…” โจวซิงเอ๋อร์โผเข้าซบอกเหมยเหมยแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น


ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนเธอก็ผ่านเรื่องราวมามากมายขนาดนี้ ตอนนี้คุณปู่ที่คอยปกป้องเธอก็ล้มป่วยลง โจวซิงเอ๋อร์เปรียบดั่งต้นหญ้าอ่อนท่ามกลางลมพายุที่ดูน่าสงสารไร้ที่พึ่งพา


“ไม่เป็นไร คุณปู่เธอจะไม่เป็นไร อย่าร้องเลยนะ เธอต้องตั้งสติ คุณปู่เธอยังรอให้เธอดูแลอยู่นะ!”


เหมยเหมยตบหลังโจวซิงเอ๋อร์เบา ๆ ไม่รู้ควรพูดอะไรปลอบเธอดี


“ตาแก่นี่โดนวางยาพิษ สบายใจได้ ไม่ตายหรอก…” ฉิวฉิวมุดออกมาจากกระเป๋าแล้วสะบัดหางฟูไปมา อย่าให้ต้องพูดเลยว่าได้ใจมากขนาดไหน


ระยะนี้ฉิวฉิวเงียบเหมือนเป่าสากที่แม้แต่กินอะไรยังต้องคอยหลบ ๆซ่อน ๆ


เพราะเขารู้สึกผิด


สารพิษในร่างกายของเหมยเหมยเขารักษาไม่ได้ทำให้ฉิวฉิวรู้สึกเสียหน้า เป็นถึงสัตว์เทวะแท้ ๆแต่กลับทำอะไรพิษกระจอก ๆของโลกมนุษย์ไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรเหลืออีกล่ะ


ยาพิษในตัวโจวจื่อหัวตอนนี้เรียกให้คุณชายฉิวโล่งใจในที่สุด


โจวซิงเอ๋อร์สะดุ้งตกใจเพราะฉิวฉิวที่มุดออกมากะทันหัน พอลองดูให้ดีกลับเป็นกระรอกขนขาวน่ารักตัวหนึ่งก่อนเธอจะตกเป็นทาสโดยทันที


“พี่เหมย นี่สัตว์เลี้ยงของพี่เหรอ?”


“เพื่อนสนิทของฉันเอง ฉิวฉิว ทักทายซิงเอ๋อร์หน่อย” เหมยเหมยเลยกอดฉิวฉิวไว้ในอ้อมแขนก่อนจุ๊บศีรษะมันไปหลายที ช่วงนี้ฉิวฉิวเงียบผิดปกติไปซึ่งเธอรู้ดี


และรู้ดีว่าเจ้าตัวเล็กกำลังโทษตัวเอง


ช่างโง่เขลาเสียจริง!


ฉิวฉิวช่วยเธอมาตั้งมากแล้วเธอจะโทษมันได้อย่างไร?


ฉิวฉิวยื่นเท้าป้อม ๆโบกให้โจวซิงเอ๋อร์ไปมาแล้วซุกเข้าอกเหมยเหมยอย่างสงบ ช่างดูเชื่องเหลือเกิน ความคิดของนายผู้หญิงเมื่อครู่เขารู้สึกถึงมันได้เช่นกัน…อยู่ ๆก็อยากร้องไห้ชะมัด…


เจ้าตัวเล็กใช้เท้าอวบป้อมเช็ดตาทีสองทีแล้วหดตัวเข้าไปอย่างเขินอาย จะให้น้องฉาฉาเห็นเข้าไม่ได้เด็ดขาด ขายขี้หน้าแย่!


“พี่ฉิว…ร้องไห้ใช่ไหม?” ฉาฉาโพล่งถามขึ้นมา


“เหลวไหล…เจ้าตาบอดหรือไง…ข้าแค่เป็นหวัด…” ฉิวฉิวอายปนโกรธ หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่คนนอกที่อยู่ด้วย เขาคงตวัดกรงเล็บใส่เจ้าบ้าที่ตาไม่มีแววตัวนี้แหง ๆ


ฉาฉาแอบแลบลิ้นสองแฉกอย่างน่ารัก เหอะ งูอย่างพวกเขาไม่ใช้ตาในการมองหรอกนะ พี่ฉิวโกหกเขาอีกแล้ว!


ตอนที่ 1836 ความลำบากสามารถขัดเกลาคนได้มากที่สุด


พอมีคำยืนยันของฉิวฉิวเหมยเหมยเลยสบายใจขึ้นมาหน่อย ตอนนี้โจวจื่อหัวยังตายไม่ได้ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เหยียนหมิงซุ่นทำไปก็สูญเปล่าหมด


เธอส่งสายตาให้เหยียนหมิงซุ่นซึ่งทั้งคู่รู้ใจกันดี ไม่พูดอะไรก็เข้าใจความคิดอีกฝ่าย


“ซิงเอ๋อร์ อย่าร้องเลย คุณปู่เธอจะต้องไม่เป็นไร เชื่อฉัน” ท่าทางมั่นใจของเหมยเหมยช่วยให้โจวซิงเอ๋อร์เบาใจลงไม่น้อย


เหยียนหมิงซุ่นรินน้ำหนึ่งแก้วและล้วงยาวิเศษจากกระเป๋าตรงอกหนึ่งเม็ดละลายน้ำ เหมยเหมยอธิบายว่า “นี่เป็นยาย้อนวัย ใช้โสมป่าอายุร้อยปี บัวหิมะบนภูเขาสูงแล้วก็สมุนไพรหายากอื่น ๆเป็นส่วนประกอบ ต่อให้เป็นคนที่ใกล้ตายก็ชุบชีวิตกลับมาได้”


ความจริงเป็นเพียงก้อนน้ำตาลกรวดที่เธอใช้น้ำยาวิเศษผสมแป้งและน้ำผึ้งเท่านั้น เธอพูดโกหกยาวเหยียดแต่โจวซิงเอ๋อร์กลับคิดว่าเป็นเรื่องจริง แม้เธอจะไม่รู้เรื่องแพทย์แผนจีนแต่กลับอ่านนิยายกำลังภายในของจินยงกับกู่หลงมาไม่น้อย


โสมป่าร้อยปี บัวหิมะบนเขาสูง…


ล้วนเป็นของมีค่าที่หาได้ยาก เป็นของดีที่มีเงินมากแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ คุณปู่รอดแล้ว


“ขอบคุณพี่เหมย…ฉัน…” โจวซิงเอ๋อร์แอบสาบานกับตัวเองว่าหลังจากนี้พี่เหมยคือพี่สาวที่ดีที่สุดของเธอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะไม่หักหลังทรยศพี่เหมยตลอดชีวิต


“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เธอต้องรีบตั้งสติ คุณปู่ของเธอยังต้องการให้เธอดูแลนะ!”


เหมยเหมยตบไหล่เธอแล้วยิ้ม


“อืม!” โจวซิงเอ๋อร์พยักหน้าแรง ๆ


ถึงคุณปู่จะทานยาลงไปก็คงจะไม่ดีขึ้นในเร็ววัน ตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายขนาดนี้หม่ามี๊ก็เป็นคนไร้ประโยชน์ เธอหมดสิทธิ์ที่จะทำตัวเหลวไหลอีกแล้ว เธอต้องตั้งสติช่วยดูแลตระกูลแทนคุณปู่


โจวซิงเอ๋อร์ผ่านประสบการณ์ครั้งใหญ่มาเลยทำให้นิสัยไม่ได้ใสซื่อเหมือนเคย เธอเองก็ดูออกว่ามีคนรับใช้คิดจะก่อกบฏ ซึ่งต้องมีคนคอยสั่งการอยู่เบื้องหลังแน่นอน


“พี่เหมย ฉันดูแลบ้านได้ แต่แก๊งของคุณปู่ฉันจะทำอย่างไรดี? ไม่มีคุณปู่คอยดูแลลูกน้องจะต้องวุ่นวายแน่ ๆ”


โจวซิงเอ๋อร์กล่าว


เหมยเหมยมองเธออย่างปลื้มใจ ความลำบากสามารถขัดเกลาคนได้มากที่สุดจริง ๆ โจวซิงเอ๋อร์คิดถึงจุดนี้ได้ก็บ่งบอกได้ว่าเธอโตแล้วจริง ๆ!


“สบายใจได้ สามีฉันจะช่วยดูให้ ไม่เป็นไรหรอก”


โจวซิงเอ๋อร์มองมาทางเหยียนหมิงซุ่นแวบหนึ่ง แม้ผู้ชายคนนี้ดูท่าทางน่ากลัวมากแต่พี่เหมยบอกว่าเขาทำได้ก็ต้องทำได้ เธอเชื่อพี่เหมย


โจวจื่อหัวดื่มเม็ดยาวิเศษที่ถูกละลายเป็นน้ำเข้าไปสีหน้าก็เริ่มดูดีขึ้นมา แต่ก็เริ่มไอเป็นเลือดสีดำอยู่หลายทีก่อนที่เจ้าตัวจะฟื้นขึ้น


“สวี่ก่วงเซิง…” โจวซื่อหัวเห็นเหยียนหมิงซุ่นก็เผยยิ้มอย่างสบายใจแล้วบอกชื่อคน ๆหนึ่งออกมา


“วางใจได้…เขาไม่มีทางได้เห็นพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้อีก” เหยียนหมิงซุ่นเข้าใจความหมายของเขา สวี่ก่วงเซิงคือพี่น้องร่วมสาบานของโจวจื่อหัวซึ่งดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าแก๊ง ดูท่าว่ามีความละโมบมากเกินไปคิดจะแทนตำแหน่งพี่ใหญ่แล้ว


น้ำยาวิเศษเพียงช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้โจวจื่อหัวแต่กลับถอนพิษไม่ได้ เหยียนหมิงซุ่นจึงตามหมอกู้มา


หมอกู้ตรวจอาการไปรอบหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “รักษาได้แต่คราวหลังต้องอยู่ให้ห่างผู้หญิง ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็นเจ้าแม่กวมอิมก็ช่วยคุณไม่ได้แล้ว”


ตาแก่นี่อายุปูนนี้แล้วแต่ยังไม่สงบเสงี่ยมอีก ดูสิว่าไตแทบแห้งกรอบเป็นแคร์รอตตากแห้งแล้ว!


โจวจื่อหัวมองหลานสาวอย่างอับอายแวบหนึ่งแล้วรับปาก “ขอแค่ครั้งนี้รอดชีวิตไปได้ วันหน้าฉันจะถือศีลกินเจ ถ้าทำผิดก็ขอให้ฉันตายอย่างอนาถไปเลย”


หมอกู้แค่นเสียงเบา ๆทีหนึ่งพลางล้วงหยิบกระเป๋าเก็บเข็มขึ้นมาแล้วชูสามนิ้ว “ค่ารักษาสามแสนไม่มีผ่อนไม่ค้างและชำระในครั้งเดียว”


แค่ดูก็รู้ว่าตาแก่เฒ่าหัวงูคนนี้คือคนมีเงิน เขาต้องถือโอกาสนี้ปอกลอกมามากหน่อยก็มีเงินเก็บพอใช้ในบั้นปลายชีวิตแล้ว!


ส่วนเงินที่หลานเซี่ยทิงเทาให้มาเขาจะไม่รับไว้แม้แต่แดงเดียว เขามีมือมีเท้ามีฝีมือการรักษาคนไม่จำเป็นต้องอาศัยหลานชายมาเลี้ยงดูตอนแก่ อีกอย่างเขาไม่อยากใช้เงินของหลานชายมากเท่าไร


ใครให้เขามีที่หนุนหลังเป็นเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่เล่า!


……………………..…………..…………..


 ตอนที่ 1837 เสียเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่า


หมอกู้ใช้วิชาการแพทย์ขั้นสูงฝังเข็มให้โจวจื่อหัวจนกลายเป็นเม่นแล้วปล่อยเลือดสีดำออกมากว่าครึ่งกะละมัง ถึงโจวจื่อหัวจะมึนหัวอย่างรุนแรงแต่กลับรู้สึกตัวเบาขึ้นมากเลยอดดีใจไม่ได้


“ขอบคุณคุณหมอกู้ ฉันจะให้ค่ารักษาตอนนี้เลยห้าแสน” ขอเพียงช่วยชีวิตได้ต่อให้ต้องเสียห้าล้านก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่


“ไม่จำเป็น สามแสนก็พอ มากไปผมไม่รับ น้อยไปผมก็ไม่รักษา ช่วงนี้อย่าทานอาหารแสลง ดื่มน้ำต้มไข่ใส่น้ำตาลแดงบำรุงเลือดมาก ๆ สามวันหลังจากนี้ผมจะมาขับเลือดให้อีก”


คุณหมอกู้ไม่หวั่นไหวเลยสักนิด เงินสามแสนเป็นราคาที่เขาเสนอไว้สูงพอแล้ว หากเกินกว่านี้จะผิดจรรยาบรรณเกินไป ไม่ควรทำ!


โจวจื่อหัวยิ่งชื่นชมในตัวคุณหมอกู้จนเริ่มอยากผูกมิตร การเป็นมิตรกับคนที่มีวิชาแพทย์ขั้นสูงเท่ากับซื้อประกันตลอดชีพให้กับชีวิตตัวเองเลยนะ!


“หมอกู้รู้หรือเปล่าว่าฉันโดนพิษตัวไหน?” โจวจื่อหัวไม่เข้าใจอย่างมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคอยระวังเรื่องอาหารเสมอแล้วพลาดได้อย่างไร?


“เป็นยาพิษชนิดออกฤทธิ์ช้า บอกไปคุณก็ไม่เข้าใจแต่ผมบอกคุณได้ว่ายาพิษชนิดนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างชายกับหญิง คนที่วางยาพิษให้คุณต้องเป็นผู้หญิงแน่นอน และต้องเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคุณด้วย”


โจวจื่อหัวสีหน้าเปลี่ยนไปพลางกัดฟันกรอด “นางแพศยา…”


พลาดท่าเสียเปรียบให้ ‘โอหยางซานซาน’ ติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่า โจวจื่อหัวนึกแค้นใจจนอยากฉีกทึ้งร่างผู้หญิงคนนี้ออกเป็นชิ้น ๆ บดขยี้ให้เป็นผุยผงถึงจะช่วยชะล้างความแค้นในใจเขาได้


โจวจื่อหัวสลบเหมือดไปอีกครั้งเมื่อเลือดในกายพลุ่งพล่านจนสติพร่าเลือน


เหยียนหมิงซุ่นไม่ไว้ใจกับความปลอดภัยของโจวจื่อหัวจึงอยู่ต่อ เช่นเดียวกับเหมยเหมย สามีทำอะไรภรรยาก็ต้องทำตามสิ!


โจวซิงเอ๋อร์จัดห้องนอนรับแขกให้เหมยเหมยด้วยตัวเองแล้วสั่งให้คนรับใช้ดูแลให้ดี เหมยเหมยสังเกตเห็นว่าเธอทำหน้าเคร่งเครียดเลยถามว่า “ไม่นานคุณปู่เธอก็จะดีขึ้น ยังมีอะไรให้เครียดอีกเหรอ?”


“ฉันดีใจต่างหาก ไม่ได้เครียดนี่นา” โจวซิงเอ๋อร์ไม่ยอมรับแต่สายตาของเธอกลับโกหกไม่เป็น เจ้าหนูนี่ต้องมีเรื่องในใจแน่นอน


“มีใครมาพูดอะไรพล่อย ๆต่อหน้าเธออีกแล้วใช่ไหม?”


“เปล่า…” โจวซิงเอ๋อร์ปากบอกไม่มีแต่น้ำตากลับไหลรินลงมา เพราะรู้สึกอัดอั้นตันใจเหลือเกินเลยเปิดปากเล่า


“เฉินเจียบอกว่าฉันเป็นคนเลว ถึงขนาดลงมือกับก่วนเสี่ยวอวี้โหดร้ายขนาดนั้น แต่เขาไม่รู้เลยว่าก่วนเสี่ยวอวี้ทำอะไรกับฉันไว้บ้าง…ฉันรู้สึกแย่จริง ๆ…”


เหมยเหมยลอบด่าเฉินเจียว่าโง่ ไม่มีสมองในใจ


“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ไว้ฉันจะช่วยด่าเขาให้เธอเอง!”


“จะรบกวนการฝึกของเขาหรือเปล่า? หรือว่าไม่ต้องพูดแล้วดี ให้เขาคิดว่าฉันเป็นคนเลวไปเถอะ ถึงอย่างไรต่อจากนี้ไปฉันก็จะไม่ยุ่งวุ่นวายอะไรกับเขาอีก”


โจวซิงเอ๋อร์ปาดน้ำตาแสร้งทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจ


เหมยเหมยคร้านจะเปิดโปงตัวเอง เพราะความจริงเธอเองก็ไม่ได้ทำเพื่อโจวซิงเอ๋อร์ทั้งหมด แต่เธอกังวลว่าเฉินเจียจะถูกก่วนเสี่ยวอวี้หลอกใช้มากกว่า ผู้ชายคนนี้ซื่อบื้อขนาดที่ว่าต่อให้ถูกหลอกใช้ก็ยังจะซึ้งใจขอบคุณเขาอีก!


ตกดึกเหมยเหมยให้สยงมู่มู่นัดเฉินเจียมาที่บ้าน นอกบ้านคนปากสว่างเยอะ นัดมาที่บ้านจะปลอดภัยกว่า


“มีธุระอะไรกับฉันเหรอ? หรือว่าอยากให้ฉันเลี้ยงมื้อดึก?” เฉินเจียยิ้มถามเสียงคิกคัก


“กินบ้าอะไร ฉันขอถามนายนะว่านายกับก่วนเสี่ยวอวี้เคยเจอกันเมื่อไร? เธอบอกอะไรนายบ้าง?” เหมยเหมยถามยาวเหยียด


เฉินเจียหน้าแดงระเรื่อน้อย ๆลามไปถึงหู เขาไม่กล้ามองเหมยเหมยและไม่กล้ามองพวกเพื่อนๆ ของเขาอย่างสยงมู่มู่ “ก็บังเอิญเจอบนถนนเมื่อหลายวันก่อน ไม่ได้พูดอะไร…”


“เฉินเจียเวลานายจะโกหกช่วยอย่าแหงนหน้ามองฟ้าได้ไหม? แบบนี้แม้แต่เด็กสามขวบยังไม่เชื่อนายด้วยซ้ำ สารภาพมาซะดี ๆ” สยงมู่มู่แค่นหัวเราะที


“ก็ได้ ๆ…ฉันจะสารภาพให้หมดเลย…โจวซิงเอ๋อร์พูดอะไรกับพวกเธอมาใช่ไหม ฉันจะบอกพวกเธอนะว่าโจวซิงเอ๋อร์ร้ายกาจมากจริง ๆ เสี่ยวอวี้เป็นเพื่อนสนิทของเธอนะ ทำไมเธอถึงทำแบบนั้นกับเสี่ยวอวี้…”


เฉินเจียหน้าแดงอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ทั้งโกรธปนเขินอาย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)