ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1822-1825
ตอนที่ 1822 ใครกันที่วิปริตถึงขนาดนั้น
เหมยเหมยเรียกถึงสามครั้งแต่ภายในห้องก็ยังไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใด ๆ คุณนายใหญ่โจวจึงร้อนรนพลันนึกเสียใจที่เรียกเหมยเหมยมา
ซิงเอ๋อร์ของเธอเป็นถึงขนาดนี้แล้ว คุณหนูจ้าวยังจะให้ซิงเอ๋อร์ช่วยอะไรอีกล่ะ?
ช่างไม่รู้กาลเทศะเลยจริง ๆ!
“คุณหนูจ้าว ตอนนี้ซิงเอ๋อร์ทำอะไรไม่ได้หรอก คุณหนูจ้าวลองไปหาคนอื่นมาช่วยดีไหมคะ?” คุณนายใหญ่โจวพูดเสียงเบา เหมยเหมยหันมองเธอตาขวาง “หุบปากเถอะ!”
ช่างโง่เขลาเสียจริง
ทำไมตอนนั้นโจวจื่อหัวถึงได้เลือกผู้หญิงโง่เง่าแบบนี้มาเป็นลูกสะใภ้ได้นะ ทั้งโง่เขลาทั้งขี้ขลาดแถมยังไม่มีความคิดเป็นของตนเอง ไม่แปลกเลยที่คุณชายใหญ่ประจำตระกูลจะมีเรื่องอื้อฉาวนอกบ้านไม่เว้นแต่ละวัน ได้ยินมาว่าแทบจะไม่กลับบ้านเลยด้วยซ้ำ
ผู้หญิงอย่างคุณนายใหญ่โจว ยากนักที่จะผูกใจผู้ชายไว้ได้ ต่อให้สวยกว่าซีซือ[1]ก็ไม่มีประโยชน์
คุณนายใหญ่โจวไม่กล้าเอ่ยปากพูดอีก น้ำตาเริ่มไหลรินอีกครั้ง เหมยเหมยเองก็เบื่อที่จะสนใจเธอจึงเคาะประตูต่อ “ซิงเอ๋อร์ ตอนนี้ผลงานที่พี่เขียนอยู่มาถึงทางตันแล้ว แนวคิดที่เธอบอกกับพี่ครั้งก่อนค่อนข้างน่าสนใจ เธอช่วยบอกพี่ให้ละเอียดกว่านี้หน่อยได้ไหม?”
ก็ยังคงไม่เปิดประตู
เหมยเหมยขมวดคิ้วแน่นกังวลว่าโจวซิงเอ๋อร์จะทำเรื่องโง่ ๆขึ้นมาจริง ๆจึงเตรียมจะให้เสี่ยวอวิ๋นพังประตูเข้าไป แต่ประตูกลับถูกเปิดออกมาเสียก่อน โจวซิงเอ๋อร์ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ
“ซิงเอ๋อร์ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…หม่ามี๊กังวลแทบแย่กลัวลูกจะทำอะไรโง่ ๆ…หม่ามี๊มีแค่ลูกคนเดียวนะ พ่อของลูกออกไปเสพสุขสำราญใจอยู่ข้างนอก…” คุณนายใหญ่โจวน้ำตาไหลพรากอย่างเจ็บปวด สองสามประโยคแรกยังคงเป็นห่วงลูกสาวอยู่ แต่พอพูดไปถึงประโยคท้าย ๆกลับกลายเป็นเสียงบ่นคร่ำครวญของเธอเสียอย่างนั้น
เหมยเหมยส่งสายตาให้เสี่ยวอวิ๋น เสี่ยวอวิ๋นเข้าใจได้โดยไม่ต้องเอ่ย แล้วพาตัวคุณนายใหญ่โจวที่ร้องไห้ฟูมฟายออกไป โจวซิงเอ๋อร์เม้มปากมองเธออย่างขอบคุณ
“พี่เหมยวางใจเถอะค่ะ ฉันจะไม่ตาย ฉันรับปากคุณย่าแล้ว ฉันจะไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆแน่นอน” โจวซิงเอ๋อร์ฉลาดเป็นกรด เธอเดาออกแต่แรกแล้วว่าเหมยเหมยจงใจพูดขอความช่วยเหลือจากเธอ
เหมยเหมยสังเกตเห็นสภาพรกรุงรังภายในห้อง ของที่ทุบได้ก็ถูกทุบแตกไปหมดแล้ว เศษกระเบื้องเกลื่อนกลาดเต็มพื้นห้องไม่เหลือพื้นที่ให้เหยียบย่ำ มือและเท้าของโจวซิงเอ๋อร์มีแต่รอยเลือด โชคดีที่เป็นแค่แผลถลอกจึงไม่เป็นอันตรายอะไร
“แต่สภาพของเธอตอนนี้ต่างกับคนตายตรงไหนเหรอ? ย่าของเธอต้องการให้เธอมีชีวิตที่เข้มแข็ง หวังเพียงให้เธอมีชีวิตที่สดใสกว่าเดิม แต่ไม่ใช่ซากศพที่เดินได้แบบนี้”
เหมยเหมยพูดอย่างไม่เกรงใจ โจวซิงเอ๋อร์ปิดใจตัวเองไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเธอก็จะยิ่งปิดกั้นตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ และสุดท้ายก็จะกลายเป็นเพียงซากศพเดินได้ที่ตัดขาดจากโลกภายนอก
โจวซิงเอ๋อร์กลอกตา น้ำตาก็ไหลทะลักออกมา ร้องไห้อย่างหนัก “พี่เหมย ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว…ทั้งฮ่องกงรู้หมดแล้วว่าฉันถูกคน…”
“ใครบอกล่ะ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เลย ปู่ของเธอปิดเรื่องเงียบไปแล้ว” เหมยเหมยปลอบใจเธอ
“พวกพี่เอาแต่หลอกฉัน…มันปิดไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะพวกมันถ่ายเก็บเป็นวีดิโอเอาไว้…ฉันเห็นมันแล้ว…คนทั้งโลกก็คงรับรู้ด้วย…” โจวซิงเอ๋อร์กุมหัวกรีดร้องเสียงแหลม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เหมยเหมยชะงักไปชั่วครู่ โจวซิงเอ๋อร์รู้เรื่องเทปวีดิโอได้อย่างไร?
เธอพลันนึกถึงพัสดุลึกลับนั้นขึ้นมา โจวซิงเอ๋อร์เกิดอาการบ้าคลั่งหลังจากที่ได้รับพัสดุ เป็นไปได้สูงว่าในกล่องพัสดุนั่นคือวีดิโอเทป
เหมยเหมยกวาดสายตามองไปทั่วทิศ ฉับพลันก็เห็นกล่องพัสดุที่ถูกเปิดออก กล่องถูกห่อด้วยกระดาษสวยงามและผูกด้วยริบบิ้นสีดำ เธอกดปุ่มออกของเครื่องเล่น ในนั้นมีเทปวิดีโอใหม่เอี่ยมนอนแอ้งแม้งอยู่
ไม่ต้องกดปุ่มเล่นเธอก็รู้ได้ว่าเนื้อเรื่องด้านในคืออะไร
ใครกันที่วิปริตจงใจส่งเทปวีดิโอมาเพื่อยุแหย่โจวซิงเอ๋อร์แบบนี้นะ?
ไม่ใช่เฉินกั๋วเปียวแน่ ไอ้บ้านั่นถูกโจวจื่อหัวโยนลงทะเลป้อนปลาฉลามไปแล้ว
รวมทั้งพวกลูกน้องที่รังแกโจวซิงเอ๋อร์ ไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว
“ซิงเอ๋อร์ เธอฟังที่ฉันพูดนะ ปู่ของเธอทำลายวีดิโอเทปทิ้งไปหมดแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกเลยวีดิโอเทปม้วนนี้คืออุบัติเหตุ เพราะงั้นเธอไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนรู้ เรื่องนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน” เหมยเหมยพูดเกลี้ยกล่อม
……………………………………………………………………..
ตอนที่ 1823 เธอเต็มใจที่จะเป็นนางเอกให้ฉันไหม
โจวซิงเอ๋อร์ไม่เชื่อคำพูดของเหมยเหมย เธอเพิ่งเรียกความเชื่อใจกลับคืนมาได้เพียงเล็กน้อย แต่ทั้งหมดกลับถูกทำลายสิ้นเพราะวีดิโอม้วนนี้ เหมือนเดินมาเจอทางตันที่หาทางออกไม่ได้
“พี่เหมย ฉันอยากออกบวชปฏิบัติธรรมที่แผ่นดินใหญ่ พี่ช่วยฉันติดต่อได้ไหม?” โจวซิงเอ๋อร์แสดงท่าทีแน่วแน่
ตอนนี้เธอแค่อยากหนีไปจากฮ่องกงที่แสนน่ากลัว ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเธอและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเธอ
“ซิงเอ๋อร์ ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอเจ็บปวด และความเจ็บปวดนี้ก็ได้ทำลายเด็กผู้หญิงหลายคน แต่เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงธรรมดา เธอทั้งเข้มแข็งกล้าหาญและมีความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดที่ฝังลึกแค่ไหน ฉันเชื่อว่าเธอจะสามารถเดินออกมาได้”
แม้ว่าการออกบวชปฏิบัติธรรมจะทำให้จิตใจสงบลง แต่โจวซิงเอ๋อร์เพิ่งจะอายุสิบหกซึ่งเป็นช่วงวัยที่งดงามที่สุด หากไม่อับจนหนทางจริง ๆ เธอก็ไม่อยากเห็นโจวซิงเอ๋อร์ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่หรอก
“พี่เหมย ฉันไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น…ไม่เลยจริง ๆ ฉันไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกแม้แต่นาทีเดียว…” โจวซิงเอ๋อร์ส่ายหน้าไม่หยุด เธอนึกรังเกียจตัวเอง
สกปรกขนาดนั้น…
เหมยเหมยกอดโจวซิงเอ๋อร์ไว้และไม่ได้ปลอบอะไรเธออีก การร้องไห้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเครียด ร้องไห้ออกมาได้ก็ดีแล้วล่ะ
โจวซิงเอ๋อร์ร้องไห้ไปราว ๆครึ่งชั่วโมง ดวงตาบวมเหมือนลูกวอลนัทแต่ก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
เหมยเหมยตัดสินใจเกลี้ยกล่อมเธอด้วยวิธีอื่น “ซิงเอ๋อร์ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอคืออะไร?”
โจวซิงเอ๋อร์ชะงักไปแล้วยิ้มเยาะให้ตัวเอง “เมื่อก่อนฉันอยากเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมเหมือนเฮปเบิร์น แต่ตอนนี้…ฉันอยากจะออกบวชปฏิบัติธรรม”
เหมยเหมยเมินต่อประโยคหลังโดยอัตโนมัติ ความคิดของเธอก็พลันแล่นขึ้นมาในทันที
คนเราเมื่อมีเป้าหมายก็จะมีแรงผลักดันก้าวเดินต่อไป โจวซิงเอ๋อร์มีความฝันก็ดีเหมือนกัน
“ซิงเอ๋อร์ เธอชอบเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของฉันมากไม่ใช่เหรอ? ถ้าให้เธอมาแสดงเธอจะตกลงไหม?” เหมยเหมยตัดสินใจกะทันหันที่จะให้โจวซิงเอ๋อร์มารับบทนางเอกของเจ้าหญิงอัปลักษณ์
แม้ว่าโจวซิงเอ๋อร์จะไม่ตรงตามมาตรฐานของนางเอกก่อนหน้านี้ในหลาย ๆจุด แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องรองลงมา อย่างมากเธอก็แค่ปรับบทบาทของนางเอกเสียใหม่
ส่วนละครทีวีจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นเหมยเหมยไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป
ถ้าหากว่าละครทีวีเรื่องนี้สามารถช่วยดึงโจวซิงเอ๋อร์ออกมาจากบ่อโคลนนั้นได้ก็เท่ากับว่าเธอประสบความสำเร็จแล้ว!
โจวซิงเอ๋อร์ดวงตาเป็นประกายแต่ก็กลับมามืดมนอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณค่ะพี่เหมย ฉันรู้ว่าพี่หวังดีแต่ฉันคงทำลายเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของพี่ไม่ได้ สภาพฉันตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปแสดงเป็นเจ้าหญิงที่แสนบริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้หรอก” โจวซิงเอ๋อร์ส่ายหน้าปฏิเสธ ในใจพลันสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น เหมยเหมยเข้าใจถึงความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจของโจวซิงเอ๋อร์ในตอนนี้มาก แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปสภาพจิตใจของเธอมีแต่จะแย่ลงไปเรื่อย ๆ
“ทำไมเธอจะไม่มีสิทธิ์ล่ะ? เธอทั้งสวยและร่าเริงเหมาะกับบทบาทของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ทุกอย่าง ฉันดูเธอไม่ผิดแน่ ซิงเอ๋อร์ นอกเสียจากว่าเธอจะรังเกียจเจ้าหญิงอัปลักษณ์ของฉัน” เหมยเหมยจงใจพูด
“ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยากจะแสดงเจ้าหญิงอัปลักษณ์มากแค่ไหน ขนาดฝันก็ยังอยากจะแสดงเรื่องนี้เลย แต่ตอนนี้ฉัน…ไม่เหมาะ…”
“เจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นผลงานที่ฉันสร้างขึ้นมาเอง ฉันบอกว่าเธอทำได้ก็ต้องได้สิ ถ้าซิงเอ๋อร์ยินดีที่จะช่วยฉัน ฉันก็จะช่วยพูดกับปู่ของเธอให้ตอนนี้เลย ให้เธอกลับแผ่นดินใหญ่ไปพร้อมกับฉัน ฉันจะขอให้อาจารย์มืออาชีพมาสอนเธอดีไหม?”
เหมยเหมยไม่ได้พูดคำพูดที่ว่า ‘ความผิดพวกนี้ไม่ใช่เพราะเธอแต่เป็นคนชั่วพวกนั้นต่างหาก’ ทำนองนี้ออกมาเลย เพราะพูดออกมาก็เท่ากับการไม่พูด ทั้ง ๆที่ไม่ได้ทำผิดแล้วทำไมยังต้องถูกทำร้ายอีกล่ะ?
ตอนนี้สิ่งที่โจวซิงเอ๋อร์ต้องการไม่ใช่การปลอบใจ แต่เป็นเป้าหมายที่สามารถทำให้เธอก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้
“ฉัน…ฉันทำได้จริง ๆเหรอ?” ในแววตาของโจวซิงเอ๋อร์เกิดประกายบางอย่างขึ้น ไม่ได้ตายด้านเหมือนก่อนหน้านี้
“ทำได้สิ…ฉันเป็นถึงแม่ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์เลยนะ ฉันรักหล่อนยิ่งกว่าใคร ๆแล้วจะยอมปล่อยให้คนที่ไม่เหมาะสมมาทำลายเจ้าหญิงอัปลักษณ์ได้อย่างไรกันล่ะ!” เหมยเหมยฝืนใจพูด
รูปลักษณ์ภายนอกของโจวซิงเอ๋อร์ไม่เลวเลย เพียงแค่ไม่รู้ว่าพรสวรรค์ในด้านการแสดงของเธอจะเป็นเช่นไรบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรการได้ช่วยฉุดโจวซิงเอ๋อร์ให้ออกมาจากโคลนตมได้ถึงจะดีที่สุด!
…………………………………………………………………..
[1] หญิงสาวที่ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่ของหญิงงาม
ตอนที่ 1824 ลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง
ภายใต้การดึงดูดอันยิ่งใหญ่ของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ จิตใจที่ตายด้านของโจวซิงเอ๋อร์ก็เริ่มฟื้นขึ้นมาจนสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“พี่เหมย ฉันจะเริ่มต้นใหม่ได้จริง ๆเหรอคะ?” โจวซิงเอ๋อร์บ่นพึมพำกับตัวเอง
“ทำได้แน่นอนถ้าเธอเข้มแข็งพอ ต่อให้ตกลงไปในเหวลึกแค่ไหนก็สามารถปีนขึ้นมาได้ ซิงเอ๋อร์ เธอต้องเข้มแข็งให้ได้ เธอจะต้องมีชีวิตที่สดใสมากขึ้น งดงามมากขึ้น นั่นถึงจะทำให้ย่าของเธอนอนตายตาหลับ” เหมยเหมยเอ่ยเสียงหนักแน่น
โจวซิงเอ๋อร์ดวงตาแดงก่ำ พูดขึ้นอย่างปวดใจ “คุณย่าทำทุกอย่างก็เพื่อฉัน ถึงได้…”
ตอนที่โจวจื่อหัวตามหาพวกเธอพบ คุณนายโจวก็พาโจวซิงเอ๋อร์หนีออกมาได้ และยังได้ฆ่าพวกคนที่กักขังพวกเธอไว้ด้วย แต่ไม่นานเฉินกั๋วเปียวก็เจอตัวเข้าและตามมาทัน
เพื่อปกป้องหลานสาวคุณนายโจวยิงจนลูกกระสุนหมดกระบอก ตัวเธอเองก็โดนยิงเข้าหลายนัด ทั้งตัวอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉานแต่ก็ยังฝืนเอาไว้เพื่อรอให้โจวจื่อหัวมาถึง
มันเป็นหนึ่งในเรื่องน่าสลดใจจนโจวซิงเอ๋อร์ไม่กล้านึกถึงมันอีก
แต่เธอนึกถึงภาพคุณย่าของเธอช่วงก่อนเสียชีวิต รวมทั้งความทรมานดั่งเหวนรกที่เธอเคยประสบมา…สิ่งเหล่านี้ได้ย้ำเตือนให้เธอมีความกล้าหาญอยู่ตลอดเวลา
“เพราะฉะนั้นเธอก็ยิ่งไม่ควรทำให้คุณย่าของเธอต้องตายเปล่า ซิงเอ๋อร์ เธอจะต้องลุกขึ้นยืนหยัดสู้ต่อไป ไม่ใช่การทำเพื่อใครแต่เพื่อตัวเธอเอง!” เหมยเหมยให้กำลังใจ
แววตาที่ตายด้านของโจวซิงเอ๋อร์ค่อย ๆหายไป “พี่เหมย ฉันจะพยายามค่ะ…แต่ฉัน…”
เหมยเหมยไม่ปล่อยให้เธอได้พูดต่อ เอ่ยขัดขึ้นมาว่า “ตราบใดที่เธอพยายามมันจะเกิดผลสำเร็จแน่นอน ซิงเอ๋อร์ เธอรู้ไหมว่าต้นแบบของเจ้าหญิงอัปลักษณ์เป็นใคร?”
“ใครคะ?”
“คือตัวพี่เอง อันที่จริงเรื่องราวของเจ้าหญิงอัปลักษณ์ก็คือประสบการณ์ของพี่เอง ดังนั้น…ซิงเอ๋อร์ ชีวิตของทุกคนไม่มีอะไรราบรื่นหรอกนะ สิ่งที่เราต้องทำคือการยืนหยัดเผชิญหน้ากับความเป็นจริง!”
โจวซิงเอ๋อร์มองหน้าเหมยเหมยด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงว่าพี่เหมยที่สวยฉลาดและมองโลกในแง่ดีในสายตาเธอ ที่จริงตอนเด็ก ๆก็เป็นลูกเป็ดขี้เหร่ที่น่าสงสารตัวหนึ่ง และถูกพ่อแม่ที่เลี้ยงมาทารุณด้วย…
ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าพี่เหมยในตอนนี้เคยมีช่วงวัยเด็กที่น่าเวทนาขนาดนี้!
เมื่อเห็นว่าโจวซิงเอ๋อร์มีสภาพจิตใจดีขึ้นเหมยเหมยจึงค่อยวางใจ เสี่ยวอวิ๋นก็เดินเข้ามาหา “คุณหนู คุณชายหมิงมารับแล้วค่ะ”
โจวซิงเอ๋อร์รีบเอ่ยขึ้นว่า “พี่เหมยรีบกลับไปเถอะค่ะ พี่วางใจได้ ฉันจะต้องเข้มแข็งให้ได้แน่นอนค่ะ!”
พี่เหมยยกบทบาทเจ้าหญิงอัปลักษณ์ที่สำคัญขนาดนั้นให้เธอแสดง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะแสดงมันออกมาให้ดี เพียงเท่านี้ก็จะได้รับความไว้วางใจจากพี่เหมยแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นพูดคุยกับโจวจื่อหัวอยู่ในห้องรับแขก โจวจื่อหัวดูแก่ลงไปมากจนเห็นได้ชัด หลังค่อมเล็กน้อยต่างไปจากเมื่อก่อนที่ดูมีสง่าราศีอย่างสิ้นเชิง
พอเกิดเรื่องขึ้นกับคุณนายโจวและโจวซิงเอ๋อร์ก็ส่งผลกระทบต่อโจวจื่อหัวอย่างมากจนเขาโทษตัวเองหนักยิ่งกว่าเดิม
“ผมได้เบาะแสมาแล้ว โอหยางซานซานเป็นคนของเฮ่อเหลียนเช่อ เธอวนเวียนอยู่ข้างกายคุณเป้าหมายก็เพื่อชักชวนให้คุณสนับสนุนเฮ่อเหลียนเช่อ” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงนิ่งขรึม
โจวจื่อหัวกำหมัดแน่นด้วยความอาฆาต ขบฟันแน่น “นางชั่ว ฉันไม่ปล่อยมันไว้แน่!”
แต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี “เฮ่อเหลียนเช่อร่วมมือกับเฉินกั๋วเปียว?”
“เปล่า ทางฝั่งเฉินกั๋วเปียวโอหยางซานซานลงมือเป็นการส่วนตัว ถึงผมจะไม่ค่อยชอบคนอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ แต่เขาตาสูงเสียดฟ้า คนอย่างเฉินกั๋วเปียวไม่อยู่ในสายตาของเฮ่อเหลียนเช่อเลยด้วยซ้ำ” ถือว่าเหยียนหมิงซุ่นพูดให้ความยุติธรรมต่อเฮ่อเหลียนเช่อ
เขาเอ่ยถึงเรื่องตัวปลอมของโอหยางซานซานขึ้นอีกครั้ง “ตอนนี้ผมยังสืบหาตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้ไม่พบ แต่เธอคนนี้อำมหิตเลือดเย็น ความคิดลึกซึ้งและนิสัยใจคอวิปริตเป็นอันตรายมาก เธอน่าจะยังอยู่ในฮ่องกง แต่เธอเก่งเรื่องการปลอมตัวมากจึงหาตัวได้ยาก”
……………………………………………………………………
ตอนที่ 1825 ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์
โจวจื่อหัวเข้าใจความหมายของเหยียนหมิงซุ่น ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันแล้วพูดว่า “ฉันจะแจ้งให้พวกพ้องด้านล่างช่วยตามหา ต่อให้ต้องหาทุกซอกทุกมุมในฮ่องกง ฉันก็จะหาตัวเธอให้เจอแล้วจัดการบดขยี้ให้แหลกเลย!”
เหยียนหมิงซุ่นไม่อยากพูดให้โจวจื่อหัวเสียกำลังใจ โอหยางซานซานตัวปลอมไม่ใช่สายลับธรรมดา เธอต้องเป็นไพ่ไม้ตายที่เฮ่อเหลียนเช่อฝึกมาอย่างดี คิดเหรอว่าพวกลูกน้องกระจอก ๆของโจวจื่อหัวจะตามหาตัวเจอได้ง่าย ๆ?
โจวซิงเอ๋อร์ไม่กินไม่ดื่มไม่นอนมาหลายวัน เส้นประสาทตึงเปรี๊ยะ ตอนนี้มีเธอเป้าหมายแล้วจึงมีท่าทีผ่อนคลายลงมาก เหมยเหมยให้คนรับใช้อุ่นนมมาให้แก้วหนึ่ง โจวซิงเอ๋อร์ดื่มนมอุ่นเสร็จไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา และนั่นจึงทำให้เธอวางใจ
“ให้ซิงเอ๋อร์ได้พักผ่อนสักหน่อย อย่าให้ใครมาพล่ามอะไรไร้สาระต่อหน้าเธอ ส่วนคุณนายโจวคุณก็เหมือนกัน ถ้ายิ้มไม่ออกก็อย่าร้องไห้!”
แม่ของโจวซิงเอ๋อร์อยากเข้ามาดูลูกสาวแต่ก็ถูกเหมยเหมยขวางเอาไว้ จากนั้นก็พูดกำชับอยู่ไม่กี่ประโยค เธอไม่ค่อยวางใจผู้หญิงขี้ขลาดและไร้ประโยชน์คนนี้เลยจริง ๆ กลับไปต้องรีบคุยกับโจวจื่อหัวให้เขาปล่อยโจวซิงเอ๋อร์ไปแผ่นดินใหญ่โดยเร็ว
หนีห่างจากเมืองแห่งความเจ็บปวดอย่างฮ่องกง โจวซิงเอ๋อร์ถึงจะสามารถหลุดพ้นจากบ่อโคลนนี้ได้ แล้วลุกขึ้นยืนหยัดสู้ต่อไปได้เสียที
แม้ว่าแม่ของโจวซิงเอ๋อร์จะไม่ค่อยชอบน้ำเสียงคำพูดคำจาของเหมยเหมย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณเหมยเหมย ซิงเอ๋อร์ไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ทั้งยังไม่ยอมกินอะไรเลย พอคุณหนูจ้าวมาถึงซิงเอ๋อร์ก็ยอมดื่มนมเข้านอนอย่างว่าง่าย เธอวางใจลงมากแต่ก็รู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง
ซิงเอ๋อร์สนิทกับคนอื่นมากกว่าเธอได้อย่างไรกัน?
เฮ้อ!
แม่ของโจวซิงเอ๋อร์ยิ้มไม่ออกเลยจริง ๆ แค่เธอคิดได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับลูกสาวของเธอก็เหมือนมีมีดมาปักตรงกลางหัวใจ รู้สึกปวดใจเศร้าใจแทนลูกสาว แต่มากกว่านั้นคือความกังวล
กังวลว่าโจวจื่อหัวจะไม่รักใคร่เอ็นดูโจวซิงเอ๋อร์เหมือนอย่างเมื่อก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นเธอยังจะใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ได้อีกเหรอ?
ถ้าหากเหมยเหมยได้รู้ความคิดในใจของคุณนายใหญ่โจวที่อยู่ตรงหน้าเธอละก็คงถุยน้ำลายใส่จนทั่วหน้า
นอกจากจะขี้ขลาดไร้ประโยชน์แล้วยังเห็นแก่ตัวอีก ก็ไม่แปลกนักที่โจวซิงเอ๋อร์จะไม่ค่อยพูดถึงแม่ของเธอเลย และดูสนิทสนมกับคุณย่าอย่างคุณนายโจวเสียมากกว่า ผู้หญิงอย่างคุณนายใหญ่โจวไม่เหมาะที่จะเป็นแม่คนเลยจริง ๆ
เหมยเหมยเดินลงบันไดมาก็เห็นความแก่แห้งเหี่ยวของโจวจื่อหัว ในใจพลันรู้สึกไม่ดีนักแต่กลับไม่ได้รู้สึกเห็นใจเลย เพราะคนที่น่าสงสารที่สุดก็คือคุณนายโจวที่เสียชีวิตไปต่างหาก
เหยียนหมิงซุ่นเหลือบมองข้างกาย เหมยเหมยนั่งลงข้าง ๆเขา เหยียนหมิงซุ่นดึงมือเธอมากุมอย่างเป็นธรรมชาติและบีบอย่างเบามือ พอโจวจื่อหัวเห็นก็นึกอิจฉาในใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความหดหู่ใจ
ครั้งหนึ่งเขากับภรรยาก็เคยมีช่วงเวลาที่พลอดรักหวานแหววเช่นนี้มาก่อนเหมือนกัน!
มันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?
ตอนนี้เขานึกเสียใจแต่กลับถูกกั้นไว้ด้วยโลกคนเป็นกับโลกคนตายเสียแล้ว
โจวจื่อหัวถอนหายใจลากยาวหันไปถามเหมยเหมย “ซิงเอ๋อร์เป็นยังไงบ้าง? ยังไม่ยอมกินข้าวอีกเหรอ?”
“เพิ่งจะดื่มนมอุ่นเข้าไป ลุงหัวดูเทปม้วนนี้สิคะ มีคนจงใจส่งมาให้ซิงเอ๋อร์จนเกือบเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ” เหมยเหมยหยิบเทปวีดิโอกับกล่องพัสดุออกมาด้วย ไอ้คนวิปริตที่แอบซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดจะต้องหาตัวมันออกมาให้ได้
สีหน้าของโจวจื่อหัวเปลี่ยนไปมาก เขาเพิ่งจะมาถึงบ้านเลยไม่รู้เรื่องเทปวีดิโอ คุณนายใหญ่โจวกังวลมากเกินไป โจวซิงเอ๋อร์เจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้มา โจวจื่อหัวมีแต่จะสงสารเห็นใจหลานสาวมากขึ้น เขาจะรังเกียจลงได้อย่างไรกัน?
“นี่พวกมันทุกคนคิดว่าฉันตายไปแล้วหรือไง? เหอะ…เหมือนว่าก่อนหน้านี้ฉันจะใจดีมากไป!” โจวจื่อหัวแสยะยิ้ม แววตาแผ่ไอเย็นออกมาทำเอาทุกคนต่างเสียวสันหลังวาบ
เหยียนหมิงซุ่นยกกล่องพัสดุขึ้นมาดู ที่อยู่ชื่อผู้ส่งด้านบนนั้นว่างเปล่า เขียนเพียงแค่ชื่อและที่อยู่ของผู้รับ ซ้ำยังใช้เครื่องพิมพ์ดีดพิมพ์ตัวหนังสือออกมา ไม่มีจุดไหนที่เขียนด้วยลายมือเลย
เขานิ่งไปพักหนึ่งแล้วพูดกับเสี่ยวอวิ๋นว่า “ไปสืบมาว่าพัสดุกล่องนี้ส่งมาจากที่ไหน? แล้วก็ตามหาคนที่ส่งพัสดุในช่วงสองวันนี้มาตรวจสอบทีละคนอย่างละเอียด ให้ตำรวจเข้ามาช่วยประสานงานกับเธอด้วยแล้วกัน”
……………………………………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น