อัจฉริยะสมองเพชร 1816-1817

 ตอนที่ 1816 บ้วนมันออกมา!

“วังของผม…”


เห็นเศษซากวังที่พังทลาย อำมาตย์เฉินหลิงหมดความอดทนและกระอักเลือดออกมา


ตัวเขากับเหล่าบรรพบุรุษใช้เวลาหลายพันปีสร้างวังนี้ ไม่น่าเชื่อว่ามันจะพังทลายอย่างที่เห็น…


ใครบอกเราได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?


“อำมาตย์เฉินหลิง…”


สองนักปราชญ์โบราณที่ต่อสู้กับนักปราชญ์โบราณโม่หลิงเมื่อครู่บินเข้ามา คนหนึ่งหน้าถอดสีขณะก้มหน้ารายงาน “ฝ่าบาท เจ้าคนที่ชื่อจางเซวียนได้ติดตั้งค่ายกลโดยใช้ธงค่ายกลกว่าพันอัน เมื่อเขาเปิดใช้งานค่ายกล บรรดาค่ายกลที่อยู่ในวังก็ถูกเปิดใช้งานด้วย หรือว่าการระเบิดจะเป็นฝีมือของเขา?”


“รอเดี๋ยว…เขาติดตั้งค่ายกลที่นี่หรือ?” อำมาตย์เฉินหลิงถึงกับผงะ


ทั่ววังของอำมาตย์เฉินหลิงเต็มไปด้วยอักษรจารึกหลายหมื่นตัวและค่ายกลอีกหลายร้อยอันซึ่งมีหลากหลายขนาด ก็เพราะค่ายกลเหล่านี้ เขาจึงมั่นใจว่าจะรับมือกับอำมาตย์เฉินหย่งและคนอื่นๆได้การที่มันพังทลายก็หมายความว่าปราการด่านสุดท้ายของเขาสูญสิ้นแล้ว และเขากำลังเปิดเผยตัวเองสู่โลกภายนอก


ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาบาดเจ็บสาหัสทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีกหากเป็นอย่างนี้ ถ้าอำมาตย์เฉินหย่งกลับมาจริงๆ เขาจะมิสูญเสียพลังไปมากกว่านี้หรือ?


อำมาตย์เฉินหลิงกัดฟันกรอดและตวาด “นำของล้ำค่าทั้งหมดที่เหล่านักตรวจสอบสมบัติประเมินไว้มาที่นี่!”


“ฝ่าบาท เรายังประเมินมูลค่าที่แท้จริงของของล้ำค่าไม่ได้ทั้งหมดเลย” นักปราชญ์โบราณคนที่หน้าซีดเผือดละล่ำละลัก


อำมาตย์เฉินหลิงโบกมืออย่างหมดความอดทนและร้องออกมา“ไม่มีเวลาแล้ว กว่าพวกนั้นจะประเมินเสร็จหมดทุกอย่าง ผมคงตายก่อนแน่!”


“แต่…ฝ่าบาท คุณก็รู้กฎเกณฑ์ดี ถ้าเราประเมินมูลค่าของของล้ำค่าได้ไม่ถูกต้อง ผมเกรงว่าไม่เพียงแต่อาการบาดเจ็บของคุณจะไม่ดีขึ้น เรายังอาจตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิมด้วย…”


“หยุดพล่ามเสียทีแล้วไปนำของล้ำค่าทั้งหมดมาที่นี่ เราไม่มีเวลาแล้ว! จะรอดหรือไม่ก็ขึ้นกับเดิมพันครั้งสุดท้ายนี่แหละ!” อำมาตย์เฉินหลิงคำรามกร้าว


ในเมื่อเลือดมังกรถูกขโมยไปแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้วิธีการที่สุ่มเสี่ยงกว่าเดิม กว่าเขาจะเข้าใกล้ชัยชนะได้ขนาดนี้ได้ก็ไม่ง่าย และเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย


นักปราชญ์โบราณทั้งห้าอาจดูเหมือนอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา แต่หากเขาหมดอำนาจขึ้นมาจริงๆ ก็มีโอกาสสูงที่คนแรกที่จะเล่นงานเขาก็คือคนพวกนี้!


“ได้” เห็นอำมาตย์เฉินหลิงยืนกราน นักปราชญ์โบราณคนที่หน้าซีดเผือดลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า เขารีบหันหลังกลับแล้วจากไป


“เราจะแพ้ไม่ได้ ไม่มีทางที่เราจะยอมแพ้…” อำมาตย์เฉินหลิงกำหมัดแน่น แววตาเปล่งประกายโหดเหี้ยม


…..


ฟึ่บ!


ห่างออกไปจากเมืองหลวง มิติเกิดการสั่นสะท้านก่อนจะปรากฏรอยร้าว จากส่วนลึกของรอยร้าวนั้น จางเซวียนกลิ้งออกมาและกระแทกกับพื้นอย่างแรง


“ท่านประธาน!”


ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณตนหนึ่งรีบเข้ามาพยุง จากนั้นก็สำรวจพื้นที่โดยรอบ สีหน้าของเขาปรากฏความทึ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะมองจางเซวียนด้วยแววตายำเกรง


แม้จะเป็นแค่นักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก ก็สามารถสร้างความอึกทึกครึกโครมครั้งใหญ่และหนีรอดจากนักปราชญ์โบราณจำนวนมากมายได้


เขาคงเป็นเพียงคนเดียวที่เก่งกาจพอจะแสดงวีรกรรมแบบนี้


จางเซวียนพลันนึกอะไรได้บางอย่าง เขาตั้งคำถาม “กายเนื้อของคุณอยู่ไหน?”


“หนึ่งในจุดอ่อนที่สุดของเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณก็คือความเสี่ยงที่กายเนื้อของเขาจะถูกโจมตีขณะที่จิตวิญญาณอยู่ข้างนอกผมจึงสร้างมิติขนาดเล็กเป็นพิเศษขึ้นเพื่อที่จิตวิญญาณของผมจะพากายเนื้อไปไหนมาไหนด้วยได้” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตอบยิ้มๆ


ในตอนนั้นเองที่จางเซวียนเพิ่งเห็นว่ามีแหวนแห่งมิติที่ทำจากพลังจิตวิญญาณอยู่บนนิ้วของนักปราชญ์โบราณโม่หลิง


ฟึ่บ!


เพียงแค่คิดแวบเดียว นักปราชญ์โบราณโม่หลิงก็นำกายเนื้อของเขาออกมาก่อนจะดำดิ่งเข้าไปในนั้น


“ไม่เลวเลย!” จางเซวียนตาโต


เขาไม่เคยคิดทำอะไรแบบนี้มาก่อน ถ้าเขาสามารถพากายเนื้อติดตัวไปไหนมาไหนได้ ก็คงจะปลอดภัยกว่าเดิมมาก


“เท่าที่ดูจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ เราน่าจะอยู่ที่สนามรบแห่งขนนกไฟซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปราว 1 ล้านลี้ ผมไม่คิดว่าอำมาตย์เฉินหลิงกับพรรคพวกจะตามตัวเราเจอ…ท่านประธานแล้วตอนนี้คุณจะทำอย่างไร?”


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงแสดงตัวเป็นปฏิปักษ์ต่ออำมาตย์เฉินหลิงแล้ว เขาจึงไม่มีทางกลับไปได้อีก ดังนั้น ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือติดตามท่านประธานคนใหม่


“สำหรับตอนนี้ พักผ่อนและฟื้นฟูพละกำลังกันก่อนเถอะ แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป” จางเซวียนพูดพร้อมกับโบกมือ


การติดตั้งค่ายกลเมื่อครู่นี้ดูดกลืนพลังงานของเขาไปมาก เขาจึงต้องการการพักผ่อนและฟื้นฟูพละกำลัง ที่สำคัญกว่านั้น ในเมื่อตอนนี้เขาพ้นจากอันตรายแล้ว ก็จำเป็นจะต้องเจรจากับน้ำเต้าตงฉู่ถึงเรื่องอนาคต


ไม่อย่างนั้น ถ้าเจ้านั่นโผล่ขึ้นมาอย่างปุบปับแล้วทำอะไรให้ใจหายใจคว่ำตลอดเวลาอย่างนี้ ไม่ช้าไม่นานเขาคงหัวใจวายตายแน่


“คุณพูดถูก เราควรพักผ่อนกันก่อน”


ได้ยินคำพูดของจางเซวียน นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยขึ้นมาทันที เขาสร้างปราการปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งและฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณที่สูญเสียไป


เห็นนักปราชญ์โบราณโม่หลิงตั้งต้นฝึกฝนวรยุทธ จางเซวียนรีบนำหนังสือเทียบฟ้าใส่กลับเข้าไปในหอสมุดเทียบฟ้าพร้อมกับนำศพของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณใส่กลับเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ ก่อนจะตั้งต้นฝึกฝนวรยุทธเช่นกัน


ด้วยการใช้มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่ในหอสมุดเทียบฟ้า เขาสามารถฟื้นฟูพละกำลังได้เร็วกว่าเดิมถึง 10 เท่าด้วยเหตุนี้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที จางเซวียนก็ฟื้นคืนพละกำลังดังเดิม


จากนั้น เขาสูดหายใจลึกก่อนจะหันไปเพ่งสมาธิเข้าสู่จุดตันเถียนในตอนนั้น น้ำเต้ากำลังนอนเล่นอย่างเกียจคร้านอยู่ในจุดตันเถียนดูไม่มีทีท่าว่าอยากจะจากไป


เห็นน้ำเต้านอนอืดอย่างสบายใจหลังจากสร้างความวุ่นวายและทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายอย่างมหันต์ จางเซวียนโมโหเดือดขึ้นมา เขาตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “เร็วเข้า บ้วนเลือดมังกรออกมานะ!”


ถึงน้ำเต้าจะฉกฉวยเลือดมังกรไปจากมือของอำมาตย์เฉินหลิง แต่ปัญหาก็คือมันไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา ต่อให้น้ำเต้าซึมซับเลือดมังกรเข้าไปแล้วก็ตาม


แต่ถ้าหอกมังกรสวรรค์กระดูกมังกรได้กลืนกินหยดเลือดนี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องหลบหนีอีกต่อไป เขาจะสามารถเอาชนะทุกคนในวังของอำมาตย์เฉินหลิงได้ และต่อให้อำมาตย์เฉินหลิงเองก็คงถูกสังหารด้วยการจ้วงแทงเพียงครั้งเดียว


“ใจเย็นๆ เจ้าหนุ่ม…พลังปราณในจุดตันเถียนของคุณนี่อุ่นสบายมาก ไม่ต้องกังวลน่ะ ผมจะออกไปทันทีหลังจากซึมซับเลือดมังกรเสร็จ…” น้ำเต้าส่ายก้นเล็กน้อยขณะตอบอย่างเกียจคร้าน


“ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ! คราวก่อน ตอนที่ผมมอบหินอุกกาบาตให้คุณ คุณสัญญากับผมไม่ใช่หรือว่าจะไม่เข้ามาที่จุดตันเถียนของผมอีก จะผิดสัญญาหรือไง?” จางเซวียนโมโหเสียจนเส้นเลือดแทบระเบิด


นี่มันจุดตันเถียนของผมนะ! มากลิ้งเกลือกอะไรอยู่ตรงนี้? ออกไป!


มันเรื่องอะไรที่คนดีๆอย่างผมจะต้องลงเอยด้วยการมีทรัพย์สมบัติที่ไร้ยางอายแบบคุณ?


“เอาล่ะ ก็ได้…ก็ได้ เดี๋ยวผมออกไป ตกลงไหม? ผม, น้ำเต้าตงฉู่ผู้ยิ่งใหญ่ คือน้ำเต้าทรงเกียรติที่รักษาสัญญา!” เห็นจางเซวียนใกล้ปรี๊ดแตกเต็มที น้ำเต้าตงฉู่พึมพำอย่างหงุดหงิดก่อนจะออกจากจุดตันเถียนของเขา


“เลือดมังกรอยู่ไหนล่ะ?” จางเซวียนจ้องหน้าน้ำเต้าตงฉู่และถามเสียงเย็น “บ้วนมันออกมาเดี๋ยวนี้เลย!”


น้ำเต้าตงฉู่ส่ายก้นอย่างขี้เกียจก่อนจะตอบว่า “ผมซึมซับมันเรียบร้อยแล้ว”


“ซึมซับมัน? เมื่อครู่นี้คุณพูดไม่ใช่หรือว่าคุณจะออกจากจุดตันเถียนของผมก็ต่อเมื่อซึมซับเลือดมังกรแล้ว?”


“เอ่อ…ก็ใช่ อย่างน้อยผมก็ซึมซับมันไปได้ส่วนหนึ่งแล้วล่ะ อีกอย่าง ผมเป็นคนกลืนกินเลือดมังกรนะ เพราะฉะนั้นมันย่อมเป็นของผม” น้ำเต้าตงฉู่ตอบหน้าตาเฉย ราวกับจางเซวียนเป็นนักเลงหัวไม้ที่พยายามจะขโมยลูกอมจากเด็กเล็กๆ


“ต่อให้คุณซึมซับเข้าไปแค่ไหนแล้วก็ตาม บ้วนส่วนที่เหลือออกมาแล้วมอบมันให้หอกสวรรค์กระดูกมังกรเสีย ไม่อย่างนั้น จะมาหาว่าผมหยาบคายไม่ได้นะ” จางเซวียนคำราม


“แต่ผมเป็นคนฉกฉวยมันมาจากเจ้านั่น คุณมีหัวจิตหัวใจบ้างหรือเปล่าที่ทำกับพืชกระจ้อยร่อยบอบบางอย่างผมแบบนี้?”


ในตอนนั้น น้ำเต้าตงฉู่ยืดตัวขึ้น น้ำเสียงของมันเปลี่ยนจากยียวนไปเป็นเคร่งขรึม “แต่ผมคิดว่าที่คุณพูดก็มีเหตุผลนะ เลือดมังกรน่ะไม่มีประโยชน์กับผมเท่าไหร่หรอก ผมเพิ่งรู้สึกเดี๋ยวนี้เองว่ามันไม่น่ากินเลย จะบ้วนมันออกมาเดี๋ยวนี้แหละ ว่าแต่…คุณจะหันกระบี่นั่นไปทางอื่นได้หรือยัง?”


จางเซวียนคำรามและยอมถอนกระบี่เปลวเพลิงสีดำที่ชี้ไปยังร่างของน้ำเต้าตงฉู่


เอาสิ! พล่ามต่อสิ ผมจะเฉือนคุณให้ขาดเป็นสองท่อนเลย!


น้ำเต้าตงฉู่ทำสีหน้าน่าสงสาร ร่างของมันป่องออกมาก่อนที่เลือดมังกรหยดเล็กจ้อยจะถูกขย้อนออกมาจากภายใน


เป็นอย่างที่น้ำเต้าตงฉู่บอกไว้ มันซึมซับหยดเลือดส่วนใหญ่ไปแล้วจึงเหลืออยู่ไม่ถึง 1 ใน 5


แม้จะเหลือหยดเลือดอยู่ไม่ถึง 1 ใน 5 แต่ด้วยความเข้มข้นของพิธีกรรม แรงกดดันที่หยดเลือดแผ่ออกมาจึงยังคงน่าทึ่ง จางเซวียนรีบโบกมือและนำหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมา


“กลืนกินเลือดมังกรเสีย ดูซิว่ามันมากพอจะปลดฉนวนของคุณหรือไม่!”


แม้จะน่าเสียดายที่มีเลือดมังกรน้อยกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังดีกว่าไม่เหลืออะไรเลย


ตอนที่ 1817 ฝ่าด่านวรยุทธ

“ได้”


เมื่อเห็นว่ายังมีเลือดมังกรเหลืออยู่ หอกสวรรค์กระดูกมังกรตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น มันรีบกลายร่างกลับสู่สภาพของโครงกระดูกมังกรและกลืนเลือดมังกรที่เหลือลงไป


ทันทีที่เลือดมังกรซึมเข้าสู่ร่างของมัน ร่างขนาดใหญ่ของหอกสวรรค์กระดูกมังกรก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที ราวกับมีสายฟ้านับไม่ถ้วนพลุ่งพล่านอยู่บนผิวหน้าของมัน รังสีของมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อีกเพียงครู่เดียว ก็จะทำลายฉนวนที่ปิดกั้นพละกำลังของมัน และฟื้นคืนพลังกลับมาในฐานะของของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณได้แล้ว


รู้ดีว่าคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าเลือดมังกรจะถูกซึมซับได้อย่างเต็มที่ จางเซวียนหันกลับมามองน้ำเต้าพร้อมกับขมวดคิ้ว


เขารู้ว่าน้ำเต้าตงฉู่มีความพิเศษตรงที่มีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเองและพูดภาษามนุษย์ได้ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะทำได้ถึงขั้นฉกฉวยเลือดมังกรไปจากมือของอำมาตย์เฉินหลิง…


แน่นอนว่ามันไม่ธรรมดา!


หรือมันจะเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่…บางทีอาจถึงขั้นนักปราชญ์โบราณก็เป็นได้!


เมื่อทนความสงสัยไม่ไหว จางเซวียนตั้งคำถาม “คุณเป็นใครกัน?”


ในเมื่ออีกฝ่ายมีชีวิตจิตใจ ก็เป็นไปได้ว่ามันอาจจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง


“ผมคือน้ำเต้า!” น้ำเต้าตงฉู่ตอบพร้อมกับส่ายก้น


จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียด ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทุกครั้งที่เขาพูดกับน้ำเต้าตงฉู่ เขารู้สึกอยากจะซ้อมมันเหลือเกิน!


จางเซวียนใช้เวลาสูดหายใจลึกอยู่ครู่หนึ่ง ระงับความอยากใช้กระบี่ไว้ก่อนจะถามต่อ “ที่ผมกำลังถามน่ะ หมายถึงว่าคุณเป็นของล้ำค่าชนิดไหนหรือระดับขั้นไหน?”


น้ำเต้าตงฉู่เงียบไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำถามนั้น “ผมไม่รู้”


“คุณไม่รู้?”


“ผมเพียงแค่มีชีวิตจิตใจ แต่การควบคุมตัวเองของผมอยู่ในระดับเดียวกับเด็กๆเท่านั้น…ผมอยากกินนู่นนี่มากมายหลายอย่างเพื่อฟื้นคืนพละกำลัง ก็ใช่ ขอแค่คุณให้อาหารผมมากพอ ทันทีที่ฟื้นตัวผมก็คงจะรู้ว่าผมอยู่ในระดับขั้นไหน” น้ำเต้าตงฉู่ส่ายก้น น้ำลายดูเหมือนจะซึมออกมาจากจุกของมัน


“….” จางเซวียน


กระบี่ของเราอยู่ไหน?


เราควรจะเฉือนเจ้างั่งนี่ให้ขาดเป็น 2 ท่อนเพื่อตัดปัญหาทุกอย่างซะ!


หมอนี่กินของล้ำค่าไป 2 อย่างแล้ว ทั้งหินอุกกาบาตและเลือดมังกร เพราะมันไม่รู้ว่าหินอุกกาบาตเป็นของล้ำค่าระดับขั้นไหน จึงป่วยการจะพูดถึง แต่เลือดมังกรคือสิ่งที่มีอานุภาพถึงขนาดทำให้หอกสวรรค์กระดูกมังกรสำเร็จวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4-ผู้ทำลายล้างมิติได้ สำคัญขนาดที่แม้แต่อำมาตย์เฉินหลิงซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังพยายามสุดตัวเพื่อปกป้องมัน


แล้วการกลืนกินของล้ำค่าระดับนี้ยังไม่มากพอจะทำให้คุณฟื้นคืนพละกำลังอีกหรือ?


จริงๆนะ ผมควรจะโยนคุณทิ้งแล้วลืมเรื่องของคุณซะ!


ถึงจางเซวียนจะหงุดหงิด แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็มีมากขึ้น


จากที่น้ำเต้าตงฉู่พูด ดูเหมือนมีแต่ของล้ำค่าที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกับเลือดมังกรเท่านั้นที่จะทำให้มันสนใจ แล้วถ้าอย่างนั้น ตัวมันเองจะต้องเป็นของล้ำค่าที่ไร้เทียมทานแค่ไหน?


เขาไม่เคยคิดมากเรื่องนี้มาก่อน แต่เมื่อลองคิดดู ก็น่าประหลาดที่ผู้ทรงพลังอย่างนักปราชญ์โบราณชิวอู๋จะสร้างมิติลี้ลับขึ้นและใช้พลังจิตวิญญาณที่มีอยู่ในโลกเพียงเพื่อบ่มเพาะน้ำเต้าลูกหนึ่งมาเป็นเวลากว่าหลายหมื่นปี


เท่าที่ดู ทุกอย่างน่าจะไม่เรียบง่ายอย่างที่ตาเห็น


บางทีน้ำเต้าตงฉู่อาจเป็นของล้ำค่าในระดับเดียวกันกับบัวเก้าหัวใจก็เป็นได้!


จางเซวียนยื่นมือออกไปสัมผัสน้ำเต้าตงฉู่ หวังจะประมวลหนังสือขึ้นในหอสมุดเทียบฟ้า แต่กลับตรงกันข้ามกับที่คิดไว้ ไม่เกิดอะไรขึ้นเลย


บางที อาจเป็นเพราะน้ำเต้าตงฉู่ถูกจัดให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่หอสมุดเทียบฟ้าไม่อาจวิเคราะห์ข้อมูลของมัน เว้นเสียแต่น้ำเต้าจะสำแดงเทคนิคการต่อสู้ หรือถูกเล่นงานจนสูญเสียสติสัมปชัญญะไป หอสมุดเทียบฟ้าจึงจะสามารถประมวลหนังสือขึ้นได้


ลงท้าย จางเซวียนก็ไม่มีทางเลือกนอกจากส่ายหน้า


ถึงจะไม่รู้ว่าน้ำเต้าตงฉู่เป็นของล้ำค่าระดับขั้นไหน แต่ก็ค่อยยังชั่วที่ได้รู้ว่าในอนาคตมันอาจมีประโยชน์ แม้จะยังคงไว้ใจไม่ค่อยได้ก็ตาม


“เอาเถอะ คุณไปพักผ่อนได้แล้ว…” เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเค้นอะไรจากน้ำเต้าตงฉู่ได้อีก จางเซวียนขี้คร้านจะเสียเวลา เขาโยนอีกฝ่ายกลับเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติก่อนจะนำศพเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณที่เหลือออกมา


ศพนักปราชญ์โบราณทั้ง 2 ศพที่เขาใช้เป็นโล่เพื่อต่อสู้กับสองนักปราชญ์โบราณก่อนหน้านี้มีรอยแตกร้าวอยู่เต็มไปหมด จึงใช้การไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังมีอีก 2 ตัวที่ยังไม่ได้รับความเสียหาย ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะตั้งต้นหลอมมัน


จางเซวียนถอดจิตวิญญาณออกและดำดิ่งเข้าสู่ศพของนักปราชญ์โบราณคนหนึ่งที่มีวรยุทธขั้นบรมครูนักปราชญ์โลกจารึก


ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง เขาก็หลอมมันได้สำเร็จ


จากนั้น จางเซวียนก็ย้ายไปที่อีกตัว…


ผ่านไป 4 ชั่วโมง เขาก็สามารถแปรสภาพศพของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณทั้งหมดให้กลายเป็นหุ่นโลหะไร้วิญญาณได้


ในบรรดาศพทั้งสี่ ตัวที่แข็งแกร่งที่สุดคือนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นบรมครูนักปราชญ์ โลกจารึก ขณะตัวที่อ่อนแอที่สุดมีวรยุทธขั้นการสืบทอดสายเลือด โลกจารึก ด้วยหุ่นพวกนี้ เขาจะไม่ต้องตื่นตระหนกอีกต่อไปหากต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบเมื่อครู่


หลังจากหลอมหุ่นตัวสุดท้ายเสร็จ จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าและเห็นเมฆดำเข้ามารวมตัวกันอยู่ทั่วทั้งบริเวณ สภาพแวดล้อมโดยรอบเริ่มจะเปลี่ยนไป ดูราวกับว่าพายุใหญ่จะพัดกระหน่ำเข้าใส่โลกในเร็วๆนี้


“นี่มันการทดสอบนักปราชญ์โบราณ หอกสวรรค์กระดูกมังกรกำลังจะฝ่าด่านวรยุทธ…” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงระงับการฝึกฝนวรยุทธและลุกขึ้นยืน


เมื่อมองไป จางเซวียนก็เห็นว่าเลือดเนื้อเริ่มจะปรากฏขึ้นบนโครงกระดูกมังกร เกล็ดสีดำสนิทงอกออกจากร่างของมัน การจ้องมองเกล็ดเหล่านั้นเหมือนกับการจ้องมองหลุมดำที่อาจทำให้ใครสักคนจมลงไปในนั้น


“แม้แต่การปลดฉนวนก็นำมาซึ่งการลงทัณฑ์ครั้งใหญ่หรือ?” จางเซวียนงง


หอกสวรรค์กระดูกมังกรเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณอยู่แล้ว เพียงแต่พละกำลังของมันถูกนักปราชญ์โบราณหรันชิวสกัดกั้นไว้ แล้วทำไมถึงต้องมีการทดสอบนักปราชญ์โบราณเพียงเพราะมันฟื้นคืนพละกำลังกลับมาดังเดิม?


“ภายใต้สถานการณ์ทั่วไป ฉนวนควรจะถูกปลดออกเมื่อคุณฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จ แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าเลือดและเนื้อเริ่มจะปรากฏขึ้นบนโครงกระดูกนั้นก็หมายความว่าฉนวนไม่ได้ถูกปลดออก แต่มันกำลังฝ่าด่านวรยุทธ!” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงพูด


“มันกำลังฝ่าด่านวรยุทธ?” จางเซวียนชะงัก


เรื่องนี้พอฟังขึ้น


แม้ในสภาวะที่ถูกปิดกั้นไว้ หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็ยังแข็งแกร่งกว่ากระบี่เปลวเพลิงสีดำตั้งแต่ก่อนที่มันจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นขั้นนักปราชญ์โบราณแล้ว เมื่อได้รับการบ่มเพาะจากเลือดมังกรอันทรงพลังเข้าไปอีก ต่อให้ฉนวนของมันยังไม่ถูกปลด แต่ก็เป็นธรรมดาที่มันจะฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จ!


ส่วนนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณ…หอกสวรรค์กระดูกมังกรเป็นของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณตั้งแต่แรก แม้พละกำลังของมันจะถูกปิดกั้นไว้ แต่ก็น่าจะเป็นไปได้ว่ามีนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณบางส่วนอยู่ในตัวมัน ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่ต้องการความช่วยเหลือของจางเซวียนในการฝ่าด่านวรยุทธ


ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน การลงทัณฑ์อย่างหนักหน่วงก็ถาโถมเข้าใส่พื้นโลก มันคือพละกำลังทำลายล้างที่เป็นส่วนผสมของเปลวเพลิงสวรรค์และสายฟ้าฟาด


เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจระดับนี้ โครงกระดูกมังกร – บางทีตอนนี้อาจควรเรียกมันว่ามังกรสีดำมากกว่า- คำรามกร้าวและพุ่งเข้าใส่การลงทัณฑ์จากสวรรค์ ร่างขนาดมหึมาของมันลัดเลาะไปตามหย่อมพละกำลังทำลายล้าง ปล่อยให้สายฟ้าแลบและเปลวเพลิงสวรรค์บ่มเพาะร่างกายของมัน ไม่ช้า เกล็ดของมันก็เริ่มหนาและเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ


“สมกับเป็นอาวุธที่หลอมขึ้นโดยนักปราชญ์โบราณหรันชิว แม้จะเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณ แต่ก็ยังฝ่าด่านวรยุทธไปจนถึงขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดด้วย ตอนนี้มันมีระดับวรยุทธสูงกว่าผมเสียอีก” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงมองหอกสวรรค์กระดูกมังกรและอดออกความคิดเห็นไม่ได้


นักปราชญ์โบราณหรันชิวนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้การดูแลของปรมาจารย์ขง และหอกสวรรค์กระดูกมังกรก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหอกหมายเลข 1 ของประวัติศาสตร์ เป็นธรรมดาที่จะต้องมีบางสิ่งพิเศษเกี่ยวกับมัน


ถ้าจางเซวียนปลดฉนวนของมันได้ มันคงสามารถฝ่าด่านวรยุทธไปถึงขั้นที่นักรบทุกคนได้แต่ฝันถึง วรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4-ผู้ทำลายล้างมิติ!


จางเซวียนเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา หรือว่านี่จะเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้นักปราชญ์โบราณหรันชิวสกัดกั้นวรยุทธของหอกสวรรค์กระดูกมังกรไว้?


ถ้าเขาสามารถฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้ในตอนนี้และช่วยหอกสวรรค์กระดูกมังกรปลดฉนวนของมัน อีกฝ่ายก็ย่อมจะฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นที่สูงกว่าได้


บางที นี่อาจเป็นสิ่งที่นักปราชญ์โบราณหรันชิวตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก


“พวกเขาพูดกันว่าการรีบร้อนฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณนั้นไม่ได้มีคุณค่าอะไร มีแต่การสั่งสมที่มากพอเท่านั้นที่จะทำให้ใครคนหนึ่งเข้าถึงวรยุทธระดับที่สูงขึ้นได้ ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ!”


“การผ่านการทดสอบนักปราชญ์โบราณจะทำให้ได้ประโยชน์ทุกครั้ง ยิ่งเข้าท้าทายบ่อยครั้งขึ้นเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่ในอนาคตผู้นั้นจะป่ายปีนได้สูงกว่าใครๆ


เพราะการท้าทายการทดสอบนักปราชญ์โบราณหลายต่อหลายครั้ง ปรมาจารย์ขงจึงมีพละกำลังที่ไม่มีใครเทียบได้


หอกสวรรค์กระดูกมังกรก็เคยผ่านการทดสอบนักปราชญ์โบราณมาแล้วครั้งหนึ่งในอดีต ตอนนี้ เพราะวรยุทธของมันถูกสกัดกั้นไว้มันจึงมีโอกาสที่จะฝ่าด่านวรยุทธได้อีกครั้ง ซึ่งหากมันนำพละกำลังที่ได้จากการฝ่าด่านวรยุทธทั้ง 2 ครั้งมาผนวกรวมกัน ก็แน่นอนว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของมันจะพุ่งพรวด


เห็นการทดสอบนักปราชญ์โบราณค่อยๆซาไปเพราะความแข็งแกร่งของหอกสวรรค์กระดูกมังกร จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้น


“ต่อให้เราไม่อาจถอดรหัสฉนวนและปลดปล่อยมันให้เข้าถึงวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 4 ได้ แต่อานุภาพของมันในตอนนี้ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับเราแล้ว!”


ในตอนนั้น หอกสวรรค์กระดูกมังกรได้พละกำลังกลับฟื้นขึ้นมาเทียบเท่ากับนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดโลกจารึก ในแง่ของประสิทธิภาพการต่อสู้ มันไม่เป็นรองแม้แต่กับไอ้โหด ขอแค่เขามีหอกสวรรค์กระดูกมังกรอยู่ในมือ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องหวั่นเกรงผู้ใด!


ต่อให้เขาต้องปะทะกับอำมาตย์เฉินหลิงอีกครั้ง ก็คงเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย


ฟึ่บ!


ขณะที่สายฟ้าในหมู่เมฆสลายตัวไป มังกรสีดำที่อยู่กลางอากาศก็กลายร่างกลับคืนเป็นหอก ก่อนจะพุ่งตรงเข้าหาจางเซวียน มันโน้มตัวลงต่อหน้าจางเซวียนอย่างนอบน้อม


“นายท่าน!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)