ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 181-188
บทที่ 181 แจ้งภาษีไตรมาสที่สอง
โดย
Ink Stone_Fantasy
Q2 ก็คือไตรมาสที่สอง แน่นอนว่าแจ้งภาษีไตรมาสที่สองก็หมายถึงการแจ้งภาษีของฟาร์มปลาต้าฉินในไตรมาสที่สอง
ในตอนนั้นฉินสือโอวตระหนักได้ ต้นเดือนเมษายนถึงปลายเดือนมิถุนายน ตัวเขามาแคนาดาได้ทั้งไตรมาสแล้วนี่นา
หนึ่งไตรมาส สามเดือน หนึ่งร้อยวัน ไม่สั้นไม่ยาว ฉินสือโอวมองย้อนกลับไปแล้วแอบนึกว่าไตรมาสนี้มีสีสันมากกว่าสี่ปีหลังจากที่เขาเรียนจบเสียอีก
นี่สิชีวิต มีเรื่องใหม่ๆ มาให้ทำทุกวัน ไม่ใช่แค่ตื่นเก่าโมงเลิกงานห้าโมงนั่งรถเมล์เบียดๆ เวลาวันๆ หนึ่งบางทีก็ยุ่งกับการออกทะเล บางทีก็นั่งรับลมว่างๆ บนหาดทราย บางทีก็แกล้งพวกหมาโง่หมีบื้อ ทุกๆ วันช่างสวยงามจริงๆ
มองดูทะเลที่มีเกลียวคลื่น ฉินสือโอวนึกเรื่องอื่นเล็กน้อยแล้วค่อยคิดเรื่องภาษี
เออร์บักนั่งเช็ดผมอยู่ตรงข้ามกับฉินสือโอว เขาหยิบมือถือขึ้นมาหารายชื่อ ฉินสือโอวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะขอความช่วยเหลือจากเออร์บักด้วยความจำเป็น “นี่ แค่กๆ ลุงเออร์ คุณมีนักบัญชีเหมาะๆ ที่จะแนะนำให้ผมได้ไหม?”
เออร์บักส่ายหน้าอย่างจนใจ เขายื่นมือถือให้ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ฉันว่าที่พระเจ้าไม่รับฉัน เพราะรู้ว่าฉันยังดูแลเด็กที่ดูโตแต่จริงๆ หน่อมแน้มจนน่ากลัวอย่างนาย”
บนหน้าจอมีชื่อหนึ่งว่า ‘แอนโทนี่ ไวท์’ กับช่องทางติดต่อ ตรงช่องหมายเหตุระบุว่า ‘บริษัทบัญชีเดลเลอร์ ผู้จัดการทั่วไปประจำสาขาออตตาวาแคนาดา’
ฉินสือโอวยื่นหน้าพูดยิ้มๆ “งั้นคุณก็ต้องขอบคุณผมสิ?”
เออร์บักก็ยิ้มออกมา เขามองฉินสือโอวด้วยสายตาแฝงความนัยก่อนจะเอ่ยขึ้น “ใช่ ฉันต้องขอบคุณนาย ฉิน”
โดนชายแก่มองมาแบบนั้น ที่สำคัญชายแก่คนนี้ยังฉลาดเป็นกรด สูงทั้งไอคิวและอีคิว แล้วยังอาจจะรู้ถึงเรื่องลับเกี่ยวกับหัวใจโพไซดอน ฉินสือโอวทำอะไรไม่ถูกเลยหัวเราะแฮะๆ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก คุณนี่ขี้เกรงใจจริง เออ คุณพักเถอะ ผมไปหาข้อมูลเรื่องบริษัทบัญชีนี้หน่อย”
พอหาดูฉินสือโอวก็พบว่าบริษัทบัญชีเดลเลอร์นี่เก่งจริง เปิดตั้งแต่ปี 2010 จนทุกวันนี้ รายได้ทุกปีเกิน 26 พันล้านดอลลาร์แซงไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์กลายเป็นบริษัทบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สำนักงานใหญ่ของบริษัทบัญชีนี้ตั้งอยู่ที่นิวยอร์กอเมริกา แต่เป็นของบริษัทอังกฤษที่ควบคุมหุ้นทั้งโลก ใน 126ประเทศมี พนักงาน 59,000 คน ในจำนวนนั้นมีคนแคนาดา 11,000 คน คนจีน 8,000 คน เป็นเจ้าในวงการการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย
ลูกค้าส่วนมากของบริษัทบัญชีเดลเลอร์ก็มีแต่คนใหญ่คนโตเช่นบริษัทไมโครซอฟต์ พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เจเนรัลมอเตอร์อเมริกา โวดาโฟน กรุ๊ป ไครสเลอร์คอร์ปอเรชั่น การแจ้งภาษีทางบัญชีทุกปีก็ทำโดยพวกเขา
ฉินสือโอวโทรหาแอนโทนี่ ไวท์ พอฟังการแนะนำตัวจบ ชายวัยกลางคนที่มีน้ำเสียงราบเรียบก็พูดขึ้น “อ้อ คุณฉินจากเซนต์จอห์น? ทนายเออร์บักเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของคุณตอนนี้ใช่ไหม?”
ฉินสือโอวตอบรับ ทางแอนโทนี่ ไวท์ก็พูดต่อ “ทนายเออร์บักเคยติดต่อมาหาผมช่วงก่อนหน้านี้ เรื่องแจ้งภาษีในไตรมาสที่สองปล่อยเป็นหน้าที่เราเถอะครับ เอาแบบนี้ คุณช่วยเตรียมเอกสารก่อนหน้าวันที่ 1 เดือนกรกฎาคมส่งให้ผม ถ้าไม่มีเหตุไม่คาดคิด ภายในสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคมผมจะส่งผลแจ้งภาษีสุดท้ายให้”
คุยโทรศัพท์เสร็จฉินสือโอวก็เปิดอีเมล ไม่เท่าไรก็มีอีเมลเด้งเข้ามา นั่นคือเอกสารที่แอนโทนี่ ไวท์ส่งมาโดยเฉพาะ ในนั้นระบุเอกสารที่ฉินสือโอวต้องเตรียม
รวบรวมของพวกนี้ส่งไปเรื่องก็จบแล้ว? ฉินสือโอวเกาหัว พอดีกับที่ซีมอนสเตอร์กับชาร์คคุยเล่นเดินผ่านข้างนอก เขาจึงถามขึ้น “เพื่อน ไตรมาสสองพวกนายต้องจ่ายภาษีไหม?”
ชาร์คยักไหล่แล้วพูดขึ้น “ทรัพย์สินของเราต่ำกว่าหลักแสน จ่ายภาษีทุกเดือนก็พอ ไม่ต้องจ่ายตามไตรมาส”
ซีมอนสเตอร์ที่ไม่ว่าจะเจออุปสรรคแค่ไหนก็ไม่เคยขมวดคิ้วในตอนนี้ขมวดคิ้วจนเป็นปมราวหนอนแล้วถอนใจ “ถึงต้นเดือนอีกแล้ว เดี๋ยวก็ต้องจ่ายภาษีอีก เจ้าพวกกรมสรรพากรมันพวกดูดเลือดดูดเนื้อ เห็นใบแจ้งทีไรฉันละปวดหัวทุกที”
“นั่นแปลว่านายมีรายได้นะเพื่อน แต่ก่อนตอนที่ฉันไม่ได้ใบภาษีไม่ปวดใจแต่กลัวจับใจเลยทีเดียว” ชาร์คพูดแซว
ซีมอนสเตอร์พยักหน้าก่อนฉีกยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น “ก็จริงนะบอส ขอบคุณมาก ถ้าไม่ใช่เพราะบอสให้งาน เกรงว่าตอนนี้ผมคงจะไปชายหาดน้ำตื้นจอร์จกับเจ้านายหน้าเลือดตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินเสียแล้ว”
“หรืออาจจะไปอะแลสกาจับปูยักษ์” ชาร์คพูดเสริม
ฉินสือโอวดีดนิ้วแล้วพูดขึ้น “พอๆๆ ที่ฉันอยากถามก็คือการแจ้งภาษีของพวกนายใครจัดการให้? อย่าบอกนะว่าคิดเอง ตอนนี้ฟาร์มปลาเราก็ต้องแจ้งภาษีแล้ว”
เมื่อกี้เขาดูข้อมูลมา ค่าใช้จ่ายบริษัทบัญชีเดลเลอร์ค่อนข้างสูงในวงการ เขาเลยอยากดูหน่อยว่ามีบริษัทบัญชีที่ถูกกว่านี้ไหม
เรื่องบางเรื่องก็เอาแต่พึ่งเออร์บักไม่ได้ เพราะที่ลุงรู้จักก็มีแต่คนใหญ่คนโตทั้งนั้น ฉินสือโอวรู้สึกว่าการแจ้งภาษีของฟาร์มปลาคงจะไม่ยากอะไร แค่ปล่อยประมูลผลงานศิลปะไปไม่กี่ชิ้น รายได้ก็มีแค่นั้น นอกนั้นก็มีแต่รายจ่าย คงจะคำนวณง่ายมากๆ ใช่ไหมนะ?
ชาร์คพูดขึ้น “เมื่อก่อนเราจะไปขอให้คนจากกรมสรรพากรในเมืองคำนวณให้ สองเดือนก่อนก็คือคุณเออร์บักที่ช่วยเราคิด เขาเก่งด้านนี้มากอยู่เหมือนกัน”
โห่ ถือเสียว่าฉันไม่ได้ถามก็แล้วกัน พอฉินสือโอวได้ยินแบบนั้นก็จนใจ เออร์บักสามารถคิดบัญชีง่ายๆ ได้ แต่ถ้าในเมื่อเขาแนะนำบริษัทบัญชีให้เขาละก็ เห็นได้ชัดว่าเขาจัดการเรื่องภาษีฟาร์มปลาไม่ได้
สองชายฉกรรจ์ช่วยเรื่องภาษีไม่ได้ ฉินสือโอวเลยถามเรื่องที่พวกเขาจะช่วยได้แทน “ฉันเตรียมจะปลูกสาหร่ายที่ฟาร์มปลา เพื่อนๆ มีความเห็นอะไรไหม?”
ชาร์คพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ก็ถึงช่วงที่จะปลูกสาหร่ายแล้ว ฟาร์มปลาเราใหญ่พอ มีแนวทะเลบางเขตที่ยังไม่ได้ใช้งาน แนวทะเลใกล้ฝั่งรัศมีพันหมู่เอามาปลูกสาหร่ายได้ ถ้าผลผลิตดี ก็สร้างรายได้ได้สี่ห้าแสนเลยนะ”
“ปลูกตอนนี้จะไม่ช้าไปหน่อยเหรอ?” ฉินสือโอวถาม
ซีมอนสเตอร์ส่ายหน้าแล้วเอ่ยปาก “ไม่มีปัญหาเลย แม้ว่าเมล็ดสาหร่ายจะมีหลายพันธุ์ แต่เมล็ดสาหร่ายนิวฟันด์แลนด์ที่เราใช้เป็นเมล็ดที่โตในฤดูร้อนระหว่างเดือนมิถุนาและกรกฎาคม อีกอย่างเมล็ดฤดูร้อนพวกนี้ก็ไม่ใช่เราเพาะ จำเป็นต้องมีเรือนเพาะ แต่เราไม่มี”
หลังจากนั้นทั้งสองก็อธิบาย สาหร่ายอาจดูเผินๆ มีอยู่ทั่วไป ไม่ต้องใส่ใจมาก แต่จริงๆ แล้วเป็นของมีค่า
อันดับแรกคือเรื่องเพาะเมล็ด ต้นอ่อนสาหร่ายโตในเรือนเพาะ แต่เรือนเพาะจำเป็นต้องเลือกแถวโขดหินใกล้ผิวน้ำในเขตทะเลปลอดมลพิษ ต้องสร้างระบบทำความเย็น ต้องมีระบบหมุนเวียนดูดน้ำจากทะเลมากรอง แล้วยังต้องมีโครงสร้างห้องกระจกที่สามารถปรับระดับแสงที่ส่องได้ด้วย
หลังจากนั้นก็เป็นปัญหาของการเจริญเติบโต สาหร่ายนิวฟันด์แลนด์ดั้งเดิมรสอร่อย สารอาหารก็เยอะ แต่ปริมาณการผลิตต่ำเกินไป บางทีเจอพายุปริมาณก็ลดน้อยลงอีก เจอภัยปรสิตก็ลด อุณหภูมิสูงเกินไปก็ลด อุณหภูมิต่ำเกินไปก็ลดเหมือนกัน ดูแลลำบากมาก
เพียงแต่ว่าฟาร์มปลาปล่อยว่างก็เสียเปล่า ฉินสือโอวคิดๆ ดูแล้วก็ตัดสินใจจะลองปลูกจำนวนน้อยๆ ดูก่อน
ตอนนี้รัฐบาลแคนาดาสนับสนุนให้ปลูกสาหร่าย นำเสนอบริการตั้งแต่ต้นยันจบของการปลูกสาหร่าย ลูกปลา ต้นอ่อนล้วนรับผิดชอบโดยพวกบริษัทอาหารทะเล ฟาร์มปลาขอแค่จ่ายเงินและให้ใช้สถานที่เท่านั้น
ส่วนเรื่องขายน่ะเหรอ? สาหร่ายนิวฟันด์แลนด์ขึ้นชื่อมาก ขอแค่ไม่ขาดของ ผลิตออกมาได้ก็ไม่ต้องกลัวเรื่องขาย
………………………………………………………
บทที่ 182 เรือหาปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
วันที่ 1 เดือนกรกฎาคม ฉินสือโอวรวบรวมรายได้ฟาร์มปลาและรายจ่ายในไตรมาสนี้ให้ผู้จัดการทั่วไปของเดลเลอร์สาขาออตตาวาแอนโทนี่ ไวท์ จากนั้นก็ติดต่อบิล เตรียมสั่งซื้อต้นอ่อนสาหร่ายนิวฟันด์แลนด์
เดือนมิถุนาและกรกฎาคมเป็นช่วงดีที่สาหร่ายจะแตกหน่อ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฟาร์มปลาที่ต้องการปลูกสาหร่ายยุ่งที่สุด
บิลพาคนมาตรวจดูฟาร์มปลาเพื่อเลือกจุดที่จะปลูกสาหร่าย
ในกระบวนการเลี้ยงสาหร่าย การเลือกเขตทะเลที่จะเลี้ยงเป็นงานแรกที่ต้องเตรียม จากนั้นก็เป็นเตรียมแพเพาะเลี้ยง ค่อยขนส่งต้นอ่อนสาหร่ายมาที่บริเวณเพาะเลี้ยง ก่อนจะทำการเลี้ยงชั่วคราว หลังจากนั้นยังต้องผ่านการจำแนก เพาะเลี้ยง จากนั้นถึงจะเก็บเกี่ยวได้
สภาพแวดล้อมการเจริญเติบโต ของสาหร่ายค่อนข้างเข้มงวด โดยเฉพาะพันธุ์สาหร่ายนิวฟันด์แลนด์ดั้งเดิมที่ฉินสือโอวเลือกใช้ และว่ากันว่ารสชาติดีที่สุด สารอาหารเยอะที่สุดเช่นกัน
“คุณไม่ยินดีลองสาหร่ายพันธุ์ผสมแปซิฟิกเหนือกับแอตแลนติกเหนือหน่อยเหรอ? ผลผลิตสาหร่ายประเภทนี้สูงกว่าพันธุ์ดั้งเดิมเยอะ ตามอุดมคติของห้องทดลองแล้วสามารถเพิ่มผลผลิตได้ 400% และการเพิ่มผลผลิตภายใต้สภาพแวดล้อมของฟาร์มปลาถึง 250% นั้นง่ายมาก” บิลพยายามโน้มน้าวให้ฉินสือโอวเปลี่ยนพันธุ์สาหร่าย
ฉินสือโอวส่ายหน้าไม่เห็นด้วย เขาพูดว่า “ผมจะลองแบบไฮเอนด์ดู พันธุ์ผสมผลผลิตมากขึ้นก็จริง แต่ทั้งรสชาติและสารอาหารก็ตกลง”
บิลจึงอธิบาย “ไม่ตกลงเท่าไรหรอก เนื้อสัมผัสก็ไม่ต่างกันมาก”
ฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดต่อ “ของไฮเอนด์กับของแผงลอยก็ต่างกันแค่เล็กน้อยนั่นแหละ แต่เพราะแค่นั้นก็มีคนยินดีควักกระเป๋าจ่ายเป็นเท่าหรือหลายเท่าเพื่อจะซื้อของไฮเอนด์”
ล้อเล่นหรือเปล่า นายมีของดีอย่างพลังโพไซดอน ยังต้องกังวลเรื่องผลผลิตอีกเหรอ? ดูแนวเกาะสาหร่ายสีน้ำตาลในแถบทะเลตะวันตกเฉียงเหนือเป็นตัวอย่างสิ
บิลยักไหล่ ลูกค้าคือพระเจ้า ในเมื่อพระเจ้าตัดสินใจแล้ว เขาก็อย่าคิดจะเปลี่ยนมันดีกว่า
สภาพแวดล้อมในการเจริญเติบโตของสาหร่ายมาตรฐานสูงมาก อย่างแรกคือพื้นดิน ก็คือก้นทะเลที่ไชราก ที่ดีที่สุดคือพื้นโคลนกับตะกอนเรียบ พื้นทรายที่ค่อนข้างแข็งดีรองลงมา ส่วนพื้นโคลนนิ่มแย่ที่สุด
ที่เยอะที่สุดในก้นทะเลฟาร์มปลาต้าฉินก็คือแนวหิน แบบนี้ก็โอเค ชาร์คเคยทำงานที่ฟาร์มสาหร่าย ถือว่าเป็นผู้รู้ “แนวหินก้นทะเล สาหร่ายชอนไชรากได้ยากกว่า ขอแค่ไชรากได้สำเร็จก็จะไม่โดนลมทะเลหรือคลื่นถอนออกมาโดยง่าย”
ยังมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงซึ่งก็คือความลึกของน้ำ สาหร่ายปลูกในฤดูใบไม้ร่วง โตในฤดูหนาว แต่เขตทะเลใกล้ฝั่งจะมีความต่างของน้ำขึ้นน้ำลงในฤดูหนาวและร้อน ปกติแล้วสภาพแวดล้อมที่สาหร่ายจะเติบโตต้องอยู่ในเขตทะเลตอนน้ำลดที่มีความลึกอย่างน้อยห้าเมตรในฤดูหนาว
นอกนั้นยังมีปัจจัยอย่างกระแสน้ำ คลื่นพายุที่ต้องคำนึง ต้องตรวจความใสและสารอาหาร ที่ดีที่สุดคือกระแสน้ำไหลเร็ว น้ำมากแต่คลื่นน้อย ต้องมีความใสค่อนข้างมาก แบบนั้นแสงส่องได้ดีกว่า สาหร่ายถึงจะโตไว
หลักๆแล้วสารอาหารต้องตรวจหาปริมาณไนโตรเจน มาตรฐานคือหนึ่งลูกบาศก์เมตรต้องมีห้าสิบมิลลิกรัมขึ้นไป อย่างอื่นอย่างปริมาณออกซิเจน เกลือสมุทรก็ยิ่งไม่มีปัญหา ความหนาแน่นของสาหร่ายในฟาร์มปลาต้าฉินถือว่าดีมากที่สุดในท้องทะเลทั่วโลก ไม่เยอะจนเกิดน้ำทะเลเปลี่ยนสีแต่ก็ไม่น้อย ออกซิเจนที่ผลิตจึงเพียงพอ
สำหรับสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตของสาหร่ายที่เข้มงวดที่สุดก็คือปริมาณน้ำเสีย อันนี้ไม่ต้องตรวจ ที่เกาะแฟร์เวลตอนนี้ไม่มีโรงงานเคมีสักโรง น้ำเสียที่เกิดจากชีวิตประจำวันก็มีสถานบำบัดน้ำเสีย ไม่ปล่อยทิ้งลงทะเลโดยตรง
หลังจากตรวจเสร็จ นักวิเคราะห์น้ำทะเลที่บิลพามาก็อุทานใหญ่ “พระเจ้า ฟาร์มปลานี้ดีจริงๆ ออกซิเจนเพียงพอ สารอาหารอุดมสมบูรณ์ ความใสของน้ำก็สูง ฟาร์มนี้เป็นเงินเป็นทองทีเดียว”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ใช้ฟาร์มผมคงจะผลิตทองออกมาไม่ช้าก็เร็ว”
ผลิตทองอาจจะยังไวไป แต่ผลิตเงินละก็ไม่มีปัญหา
บิลลี่ สเต็มเมอร์ จากบริษัทโอดิสซีย์ มารีน เอ็กซ์โพลเรชั่นโทรมาอีกครั้งตอนกลางคืน ฉินสือโอวรู้จุดประสงค์ของเขาจึงเปิดอกหงายไพ่ไปเลย “ปัญหางมเรือดังเคิลออสเตียสจบไปแล้วเพื่อน เงินบนเรือฉันก็งมขึ้นมาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะไปงมเรือดังเคิลออสเตียสกับฉันละก็ต้องขอโทษด้วย”
บิลลี่อึ้งไป เขารีบลนลานพูด “งั้นก็ยินดีด้วย ฉิน ขอถามหน่อยได้ไหมว่านายใช้บริษัทกู้ซากเจ้าไหน? อีกอย่างเงินของนายกะจะจัดการยังไง? อ้อ ฉันไม่มีเจตนาอื่น แค่คิดว่าบริษัทฉันทำด้านนี้มานาน อาจมีประสบการณ์อะไรที่ช่วยได้”
ฉินสือโอวพูด “ฉันใช้ทีมงมส่วนตัว จุดที่เรือดังเคิลออสเตียสจมไม่ถือว่าลึก แค่ซ่อนเร้นเท่านั้น ส่วนเงินแท้ร้อยตัน ฉันก็เอาไปขายแน่อยู่แล้ว ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะขายอย่างไร”
บิลลี่ออกไอเดียให้เขา “งั้นนายก็ระวังหน่อยฉิน นายเป็นเจ้าของฟาร์มปลาใช่ไหม? นายรีบเอาเงินย้ายไปไว้ที่ฟาร์มก่อน แล้วอย่าบอกว่างมขึ้นมาจากเรือดังเคิลออสเตียส ให้บอกว่าเป็นเรืออับปางที่ไม่มีชื่อก็พอ สุดท้ายแท่งเงิน นายควรหลอมเพิ่มน้ำหนักค่อยขายดีที่สุด”
แม้ว่าบิลลี่จะพูดทั่วๆ ไป แต่ก็เป็นกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ เห็นได้ชัดว่าเขาเชี่ยวชาญด้านนี้
ฉินสือโอวครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “บิลลี่ เพื่อนของฉัน ฉันรู้ว่านายอยากได้บันทึกของกัปตันเรือดังเคิลออสเตียสมาตลอด ไม่สู้เรามาค้าขายแลกเปลี่ยนกันดีกว่า นายช่วยฉันจัดการเงินหนึ่งร้อยตันนี้ ฉันให้ส่วนแบ่งได้ แล้วยังสามารถให้นายยืมบันทึกของกัปตันใช้ด้วย”
พอได้ยินแบบนั้น บิลลี่ก็ร้องอย่างดีใจ “ฉิน ช่วยนายจัดการเงินน่ะไม่มีปัญหา ฉันไม่ได้ต้องการส่วนแบ่ง แต่ฉันหวังว่านายจะไม่ได้ให้ฉันยืมบันทึกแต่ให้ฉันเลย”
ฉินสือโอวอึ้งไป เงินหนึ่งร้อยตัน ถ้าขายสำเร็จละก็ส่วนแบ่งก็จะได้อย่างน้อยเป็นล้าน บิลลี่กลับไม่เอาเงินก้อนโตแต่กลับขอแค่บันทึกของกัปตันคนหนึ่ง นี่มันอะไรกัน?
ในใจเขาเริ่มตั้งการ์ด แม้ว่าพวกอเมริกันมักจะทำท่าเปิดเผย เรียบง่าย ใสซื่อ แต่จริงๆ เจ้าพวกนี้ฉลาดจะตาย
พอเป็นแบบนั้นฉินสือโอวเลยถามหยั่งเชิง “เพื่อน ฉันไม่รู้ว่าบันทึกกัปตันนี้มีความลับอะไรที่คุ้มค่าพอให้นายยอมทิ้งรายได้หลักล้าน แต่ฉันต้องขอบอกก่อน อย่าคาดหวังกับบันทึกนี้มาก เพราะมันแทบจะแช่น้ำจนเปื่อยไปแล้ว แทบจะอ่านเนื้อหาข้างในไม่ออก”
บิลลี่เป็นคนฉลาด เข้าใจความหมายของฉินสือโอวในทันทีจึงอธิบาย “ฉิน บันทึกกัปตันนั้นอาจเป็นขยะสำหรับใครหลายคน ไม่มีคุณค่าทางโบราณคดี ไม่ได้ซ่อนข้อมูลมีค่าอะไร”
เว้นไปสักพัก เขาถึงพูดต่อ “แต่บันทึกนั้นสำคัญกับบริษัทเรามาก เพราะบริษัทเรากำลังมีเรื่องฟ้องร้องกับบริษัทเนเธอร์แลนด์สมควรตายอยู่! ถ้าเป็นแบบนั้นอาทิตย์หน้าฉันไปคุยเรื่องเงินกับบันทึกที่เซนต์จอห์นได้ไหม?”
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ฉินสือโอวรับคำจะไป ยังไงแถวนี้ก็ถิ่นเขา
นัดเวลาโดยประมาณเสร็จฉินสือโอวก็วางสาย จิตสำนึกโพไซดอนเข้าสู่ทะเล
ครั้งนี้เขาไปดูปลาทูน่าครีบเหลืองก่อน อืม เจ้านี่เชื่องจริงๆ ว่ายน้ำเล่นเป็นเพื่อนเมียที่นอกใจมันอยู่แนวสาหร่าย งูทะเลสองสามตัวอยู่แถวๆนั้นเป็นยามให้ด้วย ฉินสือโอวไม่อยากวันไหนมาดูแล้วกลายเป็นว่าคู่ปลาทูน่าครีบเหลืองลงท้องฉลามตัวไหนไป
จากนั้นเขาก็เตรียมคุมให้ทูน่าครีบน้ำเงินไปเที่ยวทะเลลึกหน่อย ปรากฏว่าพอจิตสำนึกโพไซดอนเคลื่อนไป บนหัวก็มีเงาใหญ่พาดผ่าน!
เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น? ฉินสือโอวเจอเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก ดีที่หลังจากนั้นเขาได้ยินเสียงเรือยนต์ดังสนั่นถึงได้เข้าใจว่าเหนือหัวเขานั้นคือเรือหาปลา
แต่แถวๆ ปลาทูน่าครีบน้ำเงินมีท่อนปลาแฮร์ริ่งเป็นชิ้นๆ ไม่น้อยร่วงลงมา ชิ้นปลาพวกนั้นถูกหั่นอย่างประณีต เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือคนทำ
นั่นก็แปลว่า ในฟาร์มนี้มีคนพบน้ำเงินใหญ่แล้ว และกำลังหั่นปลามาล่อมันให้ติดเบ็ด!
………………………………….
บทที่ 183 ผักล็อตแรก
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชิ้นปลาเหล่านั้นร่วงลงมาเป็นเส้นแนวเฉียง และลอยอยู่ท่ามกลางทะเล นี่มันเหยื่อล่อให้ทูน่าครีบน้ำเงินเข้ามาติดกับดักชัดๆ
ฉินสือโอวเข้าใจถึงวิธีและขั้นตอนการตกปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ตอนนี้มีคนกำลังโยนเหยื่อ และคนโยนเหยื่อนี่ยังมีฝีมือเสียด้วย ดูจากการกระจายตัว รูปทรง และลำดับของชิ้นปลาแฮร์ริ่งก็รู้ว่าความถี่ของการวางเหยื่อดีมาก
เขาเดาได้เลยว่าขอแค่ว่ายไปข้างหน้าตามเหยื่อล่อ สุดท้ายจะต้องเจอกับเหยื่อเป็นที่เอาไว้ตกทูน่าครีบน้ำเงินโดยเฉพาะแน่ๆ
อย่างที่คิดไว้ เขาคุมให้ทูน่าครีบน้ำเงินว่ายตามเหยื่อล่อไปเรื่อยๆ แค่พักเดียวก็เจอกับปลาแฮร์ริ่งขนาดยี่สิบกว่าเซนติเมตรกำลังดิ้นเอาเป็นเอาตาย เหยื่อเป็นนี้ก็คือไม้ตายของคนตกปลา
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ในทะเลเขตไหน นิวฟันด์แลนด์ติดกับอเมริกา ฉะนั้นช่วงหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นที่สาธารณะ ถ้าน้ำเงินใหญ่ว่ายไปในเขตทะเลสาธารณะ งั้นเขาก็กลับแล้วอย่าไปขวางการทำงานของเรือประมงของคนอื่นดีกว่า
ถ้าน้ำเงินใหญ่ไม่ได้ว่ายไปในทะเลสาธารณะแต่เป็นฟาร์มของเขา งั้นเขาก็ต้องดูสักหน่อยแล้ว
ปกติอาณาเขตที่น้ำเงินใหญ่ว่ายไปก็คือฟาร์มของเขากับทะเลสาธารณะ เกาะแฟร์เวลอยู่จุดใต้สุดของแคนาดา อย่าพูดถึงไปทางใต้ต่อเลย แค่ทางตะวันตกก็เป็นออกัสตา บอสตันของอเมริกาแล้ว
ในทะเลกว้างใหญ่นี้จริงๆ แล้วตรงเขตฟาร์มปลาต้าฉินค่อนข้างแคบในระดับหนึ่ง เพราะทะเลแถบนี้มีแค่สามอาณาเขต เขตทะเลตอนเหนือก็คือฟาร์มปลาต้าฉิน ทางใต้เป็นเขตทะเลอเมริกา ตรงกลางก็คือทะเลสาธารณะ
ตอนนั้นที่ฉินสือโอวเจอเรือดังเคิลออสเตียส จริงๆ แล้วก็เจอในเขตทะเลสาธารณะ
ควบคุมจิตสำนึกโพไซดอนให้ตระเวนไปรอบๆ ครู่หนึ่ง ฉินสือโอวหาป้ายสัญลักษณ์อะไรไม่เจอ เขาลองคำนวณดูคร่าวๆ เรือลำนี้น่าจะไม่ได้อยู่ในทะเลสาธารณะ แบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว เขาพาน้ำเงินใหญ่จากไป
เขาเพิ่งจะไปฉลามสีน้ำเงินตัวหนึ่งก็พุ่งหน้ามาทางชิ้น ปลาแฮร์ริ่ง พอเห็นปลาแฮร์ริ่งเหยื่อเป็นที่ฉินสือโอวไม่แม้แต่จะมอง มันก็อ้าปากแล้วงับกลืนลงไป
ปรากฏว่ากินลงไปง่าย แต่ตอนจะคายก็ยากแล้ว เบ็ดปลาแหลมคมติดอยู่กับเหงือกของมัน ทำให้มันเจ็บปวดรวดร้าว ออกแรงดิ้นสะบัดสุดแรง
“ติดเบ็ดแล้ว! มันติดเบ็ดแล้ว! เร็วๆๆ! พอคว้าคันเบ็ดได้ก็เอาขึ้นมาดูว่าใช่ทูน่าครีบน้ำเงินไหม! เมื่อกี้ดูจากเครื่องโซน่าร์ ดูท่าจะตัวใหญ่น่าดู!”เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของกลุ่มชาวประมงบนเรือดังขึ้น
ว่ายไปมาในทะเลอีกพักก็ยังไม่เจออะไรใหม่ๆ ปลาใหญ่ในโลกทะเลลึกก็เยอะอยู่ แต่ปลาหายากที่ฉินสือโอวอยากได้ก็ยังเจอได้น้อย
แถวนี้พวกปลาหิมะ ปลาแมคเคอเรลก็ค่อนข้างเยอะ แต่ในฟาร์มของฉินสือโอวเยอะกว่านี่เสียอีก ว่ายไปพักหนึ่งไม่ได้อะไรเขาเลยกลับไปนอน
หลับไปจนฟ้าสว่าง ฉินสือโอวกลับจากตื่นเช้าออกกำลังก็เจอกับครอบครัวกระรอกดินนั่งอยู่ใต้ต้นราสเบอร์รี เงาร่างสีน้ำตาลแดงปรากฏขึ้นเหนือพุ่มไม้ เสี่ยวหมิงโผล่หัวเล็กๆของมันออกมาแล้วใช้ปากกัดก้านผลไม้สองสามลูก
เห็นราสเบอร์รีร่วงลง ครอบครัวกระรอกดินก็พุ่งเข้าไปอย่างกระตือรือร้น แต่ละตัวหยิบลูกราสเบอร์รีขึ้นมาแล้วพากันกินอย่างเอร็ดอร่อย
ตัวน้อยทั้งห้าในตอนนี้เริ่มมีขนงอกออกมา ดูปุกปุย อ้วนท้วน น่ารักมาก แต่ตอนนี้พวกมันยังไม่มีลายสีดำเหมือนกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะดูดีกว่านี้
พอมาถึงแปลงผัก ฉินสือโอวก็มองดู ผักเหล่านี้โตไวมาก หลายๆ อย่างก็กินได้แล้ว
เขาเขี่ยเถาแตงกวาหาอยู่ครู่หนึ่งก็เจอกับแตงกวาสีเขียวสดอันหนึ่ง ยาวสิบสี่สิบห้าเซนติเมตร เขียวทั้งลูก เขียวจนยั่วน้ำลาย รูปทรงโค้งสวย ดูท่าน่าจะขายได้
แตงกวาชนิดนี้มีอีกชื่อที่บ้านเกิดฉินสือโอวว่า “แตงกวาแห้ง” พืชชนิดนี้เลื้อยโตบนพื้น มีสีเขียวเหลือง ปกติลูกไม่โตนัก หาซื้อข้างนอกยาก อย่างน้อยที่แตนาดาก็ไม่มีแตงกวาชนิดนี้ เพราะงั้นเขาถึงเอาเมล็ดมาจากบ้าน
เด็ดแตงกวานั้นมา ฉินสือโอวก็ใช้มือเช็ดแล้วกัดลงไป ‘เปร๊าะ’ จากนั้นก็กินอย่างเอร็ดอร่อย
ผักของเขาไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมีก็เลยสะอาดมาก นี่สิถึงจะเป็นผักเขียวธรรมชาติของแท้
ไม่รู้ว่าเหตุเพราะเป็นผักธรรมชาติหรือพลังโพไซดอน รสชาติแตงกวานี้เลยหอมมาก
ใช่แล้ว พูดได้เลยว่ารสชาติหอม ไม่ถือว่าหวาน แต่มีกลิ่นหอมที่ชัดมาก พอกินเข้าไปก็ให้ความรู้สึกว่าผักผลไม้ควรจะมีรสแบบนี้ รสพิเศษเป็นเอกลักษณ์แบบนี้บรรยายไม่ถูก พูดให้ดูดีหน่อยก็คือรสชาติของธรรมชาติ
กิน ‘กร๊อบๆ’ คำเดียว ฉินสือโอวโยนก้นแตงกวาไว้บนพื้น ลูกกระรอกดินตัวหนึ่งวิ่งมาอย่างดีใจแล้วคว้ามากิน ‘แจ๊บๆ’ ดูกินอร่อยว่าตอนกินราสเบอร์รีเสียอีก
ฉินสือโอวหาๆดู ก็เจอแตงกวาที่สุกพร้อมกินอีกสองสามลูก ลูกที่ใหญ่ที่สุดยาวกว่าลูกที่เขาเพิ่งเด็ดไปอีกหน่อย ส่วนแตงกวาลูกเล็กก็เยอะกว่านั้น
ไม่ต้องถามเลยว่าแตงกวาดึงดูดกระรอกดินมากกว่าเบอร์รีเป็นไหนๆ มีแตงกวาเยอะขนาดนี้ พวกกระรอกดินกลับไม่แอบขโมยกินเลย?
ฉินสือโอวกระพริบตาปริบๆมองเหล่ากระรอกดินตัวน้อย แม่กระรอกดินก็เงยหน้ามองเขา ดวงตาสีดำขลับแฝงไปด้วยความมีชีวิตชีวาคล้ายกับตาของเสี่ยวหมิง
ฉินสือโอวเกาหัว เขาจำได้ว่าเขาไม่ได้ถ่ายพลังโพไซดอนให้พวกกระรอกดิน ทำไมพวกมันฉลาดขนาดนี้?
เขาลองเชิงภายใต้ความสับสน เขาเด็ดแตงกวาเอามากัดไปครึ่งหนึ่ง ส่วนครึ่งที่เหลือก็แบ่งเป็นหลายชิ้นให้ครอบครัวกระรอกดิน จากนั้น เขาก็แหวกเถาต้นแตงกวาออก แตงกวาสองสามลูกก็เผยออกมา พอเสร็จแล้วเขาก็แอบเดินออกมาเงียบๆแล้วหาที่แอบดู
เป็นอย่างที่คิด กระรอกดินตัวน้อยสนใจแตงกวามาก มุ่งเข้าไปคว้ากินคนละลูก
หลังจากกินเสร็จ ลูกกระรอกสองสามตัวเห็นแตงกวาที่โผล่ออกมาก็ร้อง ‘จิ๊ดๆ’ แล้ววิ่งไปจะแทะกิน ปรากฏว่าแม่กระรอกก็รีบมุ่งเข้าไปใช้ปากงับกลับมา ไม่ให้ลูกไปแตะแตงกวา
‘ตุบ’ แตงกวาที่ฉินสือโอวคาบไว้ในปากตกลงบนพื้น ตาเขาเบิกโพลง ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ ถ้าจะบอกว่าแม่กระรอกตัวนี้ไม่เคยได้รับพลังโพไซดอน ให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ!
ฉินสือโอวกลับคฤหาสน์ไปพร้อมกับความสับสน
เชอร์ลี่ย์ตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าอีกแล้ว เขาบอกตั้งหลายรอบ แต่เธอก็ไม่ฟัง ตื่นมาทำอาหารเช้าทุกวัน พอนานวันไปก็กลายเป็นเรื่องปกติ เด็กผู้หญิงเรียนรู้เรื่องงานบ้านงานเรือนก็ใช่ว่าจะไม่ดี
พาวลิสก็ตื่นเช้า หน้าตาแช่มชื่น ในมือถือถุงมือมาด้วย ดูท่าว่าเพิ่งจะจัดการซีบิสกิตมา
มิเชลกับกอร์ดอนก็ตื่นมาตามๆ กัน ฉินสือโอวรอให้พวกเขานั่งที่โต๊ะอาหารแล้วจึงพูดขึ้น “ผักในแปลงสุกแล้ว ตอนบ่ายหลังกลับมาเราไปเก็บผักด้วยกัน ตอนเย็นฉันจะทำกับข้าวสไตล์จีนให้ทุกคนกินดีไหม?”
กอร์ดอนกับพาวลิสปรบมือชอบใจ เชอร์ลี่ย์ถามขึ้น “งั้นหนูเรียนกับคุณได้ไหมคะ?”
“ได้แน่นอน ลูกมือตัวน้อยของฉัน” ฉินสือโอวกินไข่ผัดที่สุกกำลังดีแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
มิเชลกอดลูกบาสไปเรียนด้วย ฉินสือโอวจำได้ว่าตัวเขาให้ลูกบาสเธอไปแล้วยังไม่เคยพาเล่นเลยจึงพูดขึ้น “มิเชล ฝึกเล่นบอลดีๆ นะ สุดสัปดาห์นี้เราจะรวมตัวฝึกบาสกัน ฉันพาหนูไปด้วยดีไหม?”
มิเชลได้รับความรักอย่างคาดไม่ถึงจึงพยักหน้ารัวใบหน้าตื่นเต้นแดงระเรื่อ
ฉินสือโอวรู้สึกจนปัญญากับปัญหานิสัยของมิเชลมาตลอด ผ่านการอบรมสั่งสอนไปช่วงหนึ่งนิสัยของทั้งสามคนที่เหลือก็ร่าเริงขึ้นเยอะ มีแต่มิเชลที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก เหมือนปิดใจตัวเองไปแล้ว
ตอนที่พวกชาร์คเข้ามา ฉินสือโอวก็ให้พวกเขาไปบอกกับครอบครัวให้มากินข้าวที่บ้านเขาตอนเย็น ฉลองที่ผักในแปลงกินได้แล้ว อย่างไรเสียผักในแปลงนั้นเขาก็ไม่ได้ปลูกคนเดียว ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ออกแรงเยอะกว่าด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นไม่นาน นีลเซ็นกับชาร์คก็ขับเรือออกไปลาดตระเวน ไม่นานเรือก็กลับมา ชาร์คพูดด้วยสีหน้าหนักใจ “บอส มีเรือหาปลาของอเมริกาขับเข้ามาในเขตฟาร์มเรา!”
พอได้ยินแบบนั้น ฉินสือโอวก็นึกถึงเรือใหญ่ที่ปรากฏขึ้นในแถบทะเลสาธารณะในทันที
………………………………………………..
บทที่ 184 ชัยชนะ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉินสือโอวลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ชาร์คว่า “เมื่อกี้พวกผมไปล่องเรือมา เห็นเรือหาปลาที่แขวนธงชาติของอเมริกาลำหนึ่งขับแล่นเข้ามาในเขตฟาร์มปลาของเราครับ ดูเหมือนจะเป็นเรือที่มาจากบอสตัน ออกัสตา พรอวิเดนซ์ พวกผมเลยพากันไล่พวกเขาออกไป!”
ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์เคยเป็นหนึ่งในฟาร์มปลาที่มีทรัพยากรทางทะเลที่เยอะสุดในโลก โดยเฉพาะปลาค็อดที่มีจำนวนมากมาย แต่ต่อมาเพราะมีเรือหาปลาจากอเมริกาเข้ามาจับปลา ทำให้ทรัพยากรของฟาร์มปลานั้นร่อยหรอลง เพราะเรือของพวกเขานั้นใช้อุปกรณ์จับปลาแบบอัตโนมัติของแคนาดาในการจับปลาทำให้จับได้ทีจำนวนมาก
แน่นอนว่า จากมุมมองของฉินสือโอวแล้ว การที่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ต้องล้มละลายต้นเหตุก็มาจากคนแคนาดานั่นแหละ จะไปโทษว่าชาวอเมริกันใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าได้อย่างไร? อย่างนั้นก็เท่ากับว่ารำไม่ดี โทษปี่โทษกลองไม่ใช่เหรอ?
แต่การผลักความรับผิดชอบนั้นก็เป็นเหมือนลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของมนุษย์ พวกเขาไม่สนเรื่องเชื้อชาติ การที่คนแคนาดาจะผลักความผิดทั้งหมดให้กับคนอเมริกันจึงเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อย
บวกกับอาณาเขตน่านน้ำทางทะเลของแคนาดาและอเมริกาที่อยู่ใกล้ชิดติดกัน มีพื้นที่น่านน้ำสากลที่น้อยเกินไป ฉะนั้นการที่ชาวประมงของทั้งสองประเทศออกเรือไปหาปลาแล้วเกิดกระทบกระทั่งกันจึงเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ง่าย ทำให้ชาวประมงของทั้งสองประเทศต่างก็ไม่ชอบหน้าอีกฝ่าย
หากหาปลาในเขตน่านน้ำสากลฉินสือโอวจะไม่ยุ่ง แต่เขาจะไม่ยอมให้ชาวอเมริกามาหาปลาถึงเขตพื้นที่ของตัวเองแน่นอน เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เขาจึงโบกมือเรียกทุกคนขึ้นเรือเตรียมออกไปไกล่เกลี่ย
ในเวลาเดียวกัน นีลเซ็นก็โทรศัพท์หากองบังคับการตำรวจน้ำ ให้พวกเขารีบออกเรือเพื่อไปขับไล่ชาวอเมริกันด้วย
ชาวประมงเจนทะเลทั้งหลายพวกนี้ แต่ละคนต่างก็มีรูปร่างสูงใหญ่ กำยำ และห้าวหาญ แม้จะเป็นคนชาติชนเผ่าเดียวกันแต่หากเป็นเรื่องการแย่งลู่ทางทำมาหากินในบริเวณฟาร์มปลาก็สามารถทะเลาะกันจนเป็นเรื่องใหญ่โตได้ แล้วยิ่งสองประเทศนี้ที่มีปัญหาขัดแย้งกันอยู่แล้วคงไม่ต้องพูดถึงว่าจะลงเอยอย่างไร ดังนั้นชาวประมงทุกคนที่ออกเรือต่างก็พกอาวุธไปด้วย
เพื่อที่จะเร่งความเร็วให้ทัน ฉินสือโอวนำเรือหัวกว้างสไตล์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ออกมาใช้ นีลเซ็นเป็นคนบังคับเรือ ซีมอนสเตอร์และอีวิลสันต่างก็นั่งไปด้วย ส่วนเขากับชาร์คขับเจ็ตสกีเป็นทัพหน้าล่วงหน้าไปก่อน
ในห้องบังคับการเรือของเรือหัวกว้างนั้น เรียงรายไปด้วยปืนไรเฟิลประเภทAR-15 SIG และเรมิงตันที่ขัดจนมันวาว ข้างๆปืนมีลังเล็กๆวางอยู่ ในหนึ่งลังเต็มไปด้วยกล่องใส่กระสุนปืน ลังอื่นๆก็เช่นกันต่างก็อัดแน่นไปด้วยกระสุนปืนสีเหลืองอร่าม
แต่ทว่าชาร์คเคยพูดปลอบฉินสือโอวแล้ว ว่าอาวุธพวกนี้เพียงใช้เพื่อข่มขู่เท่านั้น ในการปะทะกันบนทะเลส่วนมากจะไม่มีการยิงอาวุธใส่กัน เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการก่อปัญหาขัดแย้งให้กับทั้งสองประเทศ
เทพเจ้าสายฟ้ามืดขับโต้คลื่นไปอย่างไม่ลดละ คลื่นแต่ละลูกต่างก็ถูกผ่าออกโดยเจ็ตสกี ไม่นานนักตัวฉินสือโอวก็เปียกโชกไปทั้งตัว แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะเร่งความเร็ว พร้อมกับปล่อยพลังเทพแห่งท้องทะเลออกมา แผ่ไปถึงสุดเขตอาณาเขตของฟาร์มปลา
เป็นอย่างที่คิดไว้ เรือหาปลาที่พบเมื่อคืนตอนนี้ได้เข้ามาใกล้เขตฟาร์มปลาของเขาแล้ว อวนลากปลาขนาดใหญ่ถูกปล่อยลงไปในน้ำ ไม่ว่าปลาตัวเล็กตัวใหญ่ต่างก็ถูกจับไปหมดไม่มีเหลือ
ฉินสือโอวขมวดคิ้ว ใช้พลังเทพแห่งท้องทะเลตามอวนจับปลาไป แล้วไล่ปลาที่อยู่ในทะเลรอบๆ ทำให้บริเวณด้านหลังอวนลากจับปลาได้ยากขึ้น
ถึงแม้ความเร็วของเจ็ตสกีในตอนนี้จะวิ่งเร็วราวกับบินไปแล้วก็ตาม แต่ฉินสือโอวก็ยังรู้สึกว่าช้าเกินไป เพราะมหาสมุทรนั้นกว้างใหญ่มาก เขามีความรู้สึกว่าในช่วงนี้ตัวเองใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยเกินไป หละหลวมเกินไป ทำให้ฟาร์มปลาไม่แข็งแกร่งไม่ปลอดภัยพอ ต่อไปคงต้องซื้อเฮลิคอปเตอร์ไว้สักลำแล้ว
เทียบกับผืนดินแล้ว พื้นที่ของมหาสมุทรนั้นกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ถึงตอนนี้เขาขับเจ็ตสกีออกมาก็สองชั่วโมงกว่าแล้ว เพิ่งจะเห็นเงาของเรือหาปลา
ฉินสือโอวหยิบกล้องส่องทางไกลบนเจ็ตสกีขึ้นมาส่องดู เรือลำนี้แขวนธงดาวห้าแฉกของอเมริกาจริงๆ เขามองไปที่กราบเรือ มองเห็นรางๆ ว่ามีเขียนตัวหนังสืออยู่ประโยคหนึ่งว่า ‘คาสโนว่า’
เมื่อได้เห็นเรือลำนี้ ฉินสือโอวลุกขึ้นยืนบนเจ็ตสกี เร่งความเร็วขึ้น เครื่องยนต์เจ็ตสกีเปล่งเสียงดังเกรี้ยวกราดออกมา ตอนนี้เครื่องยนต์ได้เดินเครื่องเต็มที่แล้วที่แรงบังคับเลี้ยวที่ 9600 และ 620 แรงม้า ความเร็วราวกับธนูที่เทพเจ้าธนูยิงออกไป ขับพุ่งตรงไปยังเรือหาปลา
คนบนเรือลำนั้นสังเกตเห็นเจ็ตสกีสองลำนี้แล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้าไปในห้องบังคับการเรือพูดกับกัปตันว่า “กัปตันบิลโบ มีคนมาครับ น่าจะเป็นเจ้าของฟาร์มปลาของแคนาดา”
กัปตันเรือคาสโนว่าเป็นชายผิวขาวรูปร่างอ้วนเทอะทะอายุครึ่งร้อย บนหัวโพกผ้าไว้ มีถุงใต้ตาบวมเปล่งห้อยอยู่ใต้ตาทั้งสองข้าง แต่สายตาเต็มไปด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ดูออกว่าเป็นชาวประมงแก่เหลี่ยมจัดคนหนึ่ง
“ไม่เป็นไร จับปลาต่อไป คนแคนาดาล้วนมีแต่พวกไก่อ่อน อีกอย่าง นายดูพวกเขาสิไม่มีแม้แต่เฮลิคอปเตอร์สักลำ ถึงขนาดว่าขับเจ็ตสกีเพื่อมาไกล่เกลี่ยกับเรา ช่างน่าขันเสียจริง” กัปตันพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก
เรือหาปลาที่รุกล้ำมาในเขตฟาร์มปลาต้าฉินเป็นเรือขนาดน้ำหนักหนึ่งพันตัน นี่ถือว่าเป็นเรือหาปลาขนาดใหญ่ สามารถจับปลาในทะเลลึกได้ในระยะอันใกล้ หากเพียงได้ขับรอบฟาร์มปลาต้าฉินเพียงรอบเดียว ปลาในฟาร์มปลาต้าฉินตอนนี้คงลดลงไปสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
เมื่อเข้าใกล้เรือคาสโนว่าที่ใหญ่โตนี้แล้ว เจ็ตสกีของฉินสือโอวดูเหมือนมดตัวเล็กๆไปเลย แต่เขากลับไม่มีความกลัวใดๆ บิดคันเร่งแล้วขับเจ็ตสกีวนไปรอบๆเรือ
การขับแบบนี้ของฉินสือโอวถือเป็นภาษาทะเลอย่างหนึ่ง ความหมายก็คือให้พวกคุณลดความเร็วลง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ไยดี ยังคงขับมุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆ
ฉินสือโอวแอบคิดในใจว่านายอยากจะขับก็ขับไปเถอะ อย่างไรเสียในอวนลากของนายก็จับปลาไม่ได้อยู่แล้ว พวกนายจงเปลืองน้ำมันต่อไปเถอะ เดี๋ยวรอกองกำลังติดอาวุธของฉันมาแล้วค่อยจัดการนาย
ในเวลาเดียวกัน เรือหัวกว้างที่ตามหลังมาก็มาถึง นีลเซ็นสั่งการให้อีวิลสันถือปืนไรเฟิลเรมิงตันแล้วไปยืนอยู่หน้าเรือ แม้คลื่นลมจะซัด เขาก็ไม่หลบ ยอมให้คลื่นทะเลซัดมาที่ตัวเขา ยืนตระหง่านอยู่ราวกับรูปปั้นที่แข็งแรงดุดัน
การที่ฉินสือโอวรับอีวิลสันเข้ามาทำงานเป็นความคิดที่ถูกต้อง ขอเพียงหมอนี่ใส่แว่นดำปิดแววตาที่หน่อมแน้มคู่นั้นไว้ จากรูปลักษณ์หัวโล้นและรูปร่างกำยำนั้น ดูมีความน่าเกรงขามมาก คนลักษณะนี้เพียงแค่ไปยืนอยู่ในธนาคาร ถึงแม้จะไม่ทำอะไรเลย ก็คงจะถูกจับข้อหาโจรปล้นธนาคารเป็นแน่
เมื่อมองเห็นเรือหัวกว้าง เรือคาสโนว่าก็ดูจะเจียมตัวขึ้นมา กัปตันชายผิวขาวอ้วนเทอะทะคนนั้นพิงไปที่หัวเรือแล้วจ้องมองไปที่อีวิลสันที่ถือปืนเรมิงตันครู่หนึ่ง แล้วเริ่มตัวทื่อ พึมพำออกมาคำหนึ่งว่า ‘ไอ้ไก่อ่อนแคนาดาสารเลว’ แล้วลดความเร็วเรือลง
ฉินสือโอวให้นีลเซ็นติดต่อไปที่โทรศัพท์ไร้สายของเรือคาสโนว่า จากนั้นพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “คุณครับ ตอนนี้คุณรุกล้ำเข้ามาในเขตน่านน้ำของประเทศผม ผมแนะนำให้คุณรีบออกจากที่นี่โดยเร็ว เดี๋ยวพอกองตำรวจน้ำมาแล้ว คงไม่มีการพูดตักเตือนดีๆแบบนี้เหมือนผมนะครับ”
กัปตันชาวผิวขาวกระแอมทีหนึ่ง แล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “เพื่อนฝูง นายตื่นตัวเกินไปแล้ว ที่นี่ยังเป็นน่านน้ำสากลนะ พวกเรามีใบอนุญาตให้หาปลาในเขตน่านน้ำสากล ไม่ว่าใครจะมา ก็ไม่สมควรมาตำหนิพวกเราทั้งนั้น”
“น่านน้ำสากลบ้านนายสิ เบิกตาของนายดูดีๆ นี่คือเขตฟาร์มปลาส่วนบุคคลของพวกเราแล้ว!” ชาร์คตะโกนด้วยเสียงเกรี้ยวกราด เขาส่งสายตาให้ฉินสือโอว จากนั้นพูดเสียงเบาว่า “ไม่ต้องพูดด้วยเหตุผลหรอกครับ บนทะเลไม่มีเหตุผลอะไรที่ใช้ได้ทั้งนั้น เพียงแค่ส่งเสียงขู่และคำรามไปก็พอ”
ซีมอนสเตอร์พยักหน้ากับอีวิลสัน อีวิลสันทำตามที่ได้รับมอบหมาย ถือปืนเรมิงตันด้วยมือเดียว แขนขวาจ่อปากปืนไปบนท้องฟ้าจากนั้นเหนี่ยวไก ‘ปังปังปัง……’
เมื่อเห็นอีวิลสันยิงปืน คนบนเรือต่างก็กลัวขึ้นมาทันใด ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นเพียงแค่ชาวประมงทั่วไป เมื่ออยู่บนท้องทะเลอาจจะมีห้าวไปบ้าง แต่ลึกๆแล้วก็ยังเป็นเพียงประชาชนคนธรรมดาเท่านั้น เมื่อมีการยิงปืนเกิดขึ้นเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกกลัว
ไม่มีใครอยากออกทะเลเพื่อมาเจ็บตัวหรือเสียชีวิตทั้งนั้น พวกเขาเพียงแค่มาหาปลาเพื่อไปเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัว ไม่ได้มาเพื่อสู้รบเพื่อล่าอาณานิคมหรืออะไรเทือกนั้น
คราวนี้กัปตันคนขาวจอมเจ้าเล่ห์รู้สึกหมดหนทาง มองไปที่ฉินสือโอวด้วยท่าทีของหัวหน้าที่เข้าตาจน แล้วพูดว่า “เพื่อนฝูง จะให้พวกเรายิงปืนด้วยหรือยังไง?”
กัปตันคนผิวขาวเกาหัวอย่างหัวเสีย หากพวกเขาก็ลั่นปืนด้วย เมื่อกองเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำมาถึง งั้นคงได้เป็นเรื่องใหญ่แน่
ลักษณะนิสัยของชาวอเมริกันเหนือคือ หากมีคนแปลกหน้ารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่บ้านของคุณ คุณมีสิทธิ์ที่จะยิงปืนเพื่อข่มขู่อีกฝ่าย
อีกอย่าง การจับปลาข้ามเขตแบบนี้ ถึงแม้ตำรวจน้ำจะตรวจเจอ ขอเพียงแค่คนบนเรืออธิบายว่าตัวเองแยกการแบ่งเขตน่านน้ำไม่ออกเพียงเท่านี้ก็จบเรื่องแล้ว แต่หากว่าพวกเขาก็นำปืนออกมาด้วย งั้นก็จะกลายเป็นการรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนตัวไปโดยปริยาย
กัปตันคนผิวขาวปรายตามองไปที่เรือลำเล็กตรงหน้าครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าฉินสือโอวและพวกจะเป็นคนรุนแรงเช่นนี้ พูดไม่ถูกใจไม่กี่คำก็ถึงขั้นชักปืนออกมา อย่างนี้เพื่อความปลอดภัย เขาจึงได้แต่พูดอย่างเลือกไม่ได้ว่า “หันหัวเรือ ถอย!”
…………………………………………………..
บทที่ 185 วุ่นวายกับการฟื้นฟูฟาร์มปลา
โดย
Ink Stone_Fantasy
เรือหาปลาเริ่มกลับลำเรือแล้วก็จริง แต่ว่ากัปตันชาวผิวขาวคนอ้วนกลับเล่นพิเรนทร์ เขาขยิบตาให้ผู้ช่วยกัปตัน ผู้ช่วยเข้าใจความหมาย หันหางเสือเรือ ให้เรือหาปลาขับแทรกไปทางเรือหัวกว้าง
การที่เรือหาปลาเคลื่อนตัวทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ คลื่นพวกนี้ต่างก็มีความสูงถึงสองถึงสามเมตร เมื่อขับแทรกไปแบบนี้ทำให้คลื่นพวกนี้ซัดเข้าหาเรือหัวกว้าง
ชาร์คเหยียบคันเร่งเครื่อง ทางเรือหัวกว้างก็เลี้ยวอย่างรวดเร็วและเร่งความเร็วขึ้นอีก เท่านี้การคิดจะใช้คลื่นพวกนี้เล่นงานพวกเขาก็ล้มเหลว เพราะตามไม่ทันความเร็วของเรือหัวกว้าง
“ฮึ่ม ลูกไม้ตื้นๆ…” ชาร์คพูดด้วยเสียงดูถูก “ฉันใช้ลูกไม้นี้เป็นตั้งแต่ห้าขวบแล้ว”
แต่ฉินสือโอวที่อยู่ด้านหลังเรือหัวกว้างกลับตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำทะเล อย่างกับลูกหมาตกน้ำ
ชาร์คหันกลับไปมอง อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “บอส ทำไมคุณไม่หลบครับ?”
ฉินสือโอวแอบสบถพับผ่าในใจ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้คือตอนที่เขาต้องหลบ? พอเห็นว่าเรือคาสโนว่าเตรียมกลับหัวเรือแล้ว เขาก็ปล่อยการ์ดตัวเองลง ลงจากเรือหัวกว้างขึ้นขี่เจ็ทสกีเตรียมขับออกมา
ที่ไหนได้เขาเพิ่งก้าวขาขึ้นเจ็ตสกีเท่านั้น เรือหาปลาก็ขับผ่าเข้ามา เรือหัวกว้างตอบโต้เร็วจึงหลบไปได้ แต่เขาที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย จึงทำให้ถูกคลื่นน้ำซัดจนเปียกไปทั่วตัวแบบนี้
ชาวอเมริกันบนเรือต่างก็หัวเราะฮ่าฮ่ากัน มีหลายคนที่ชี้ไปที่ฉินสือโอวแล้วร้องว่า
“ไปกินขี้เสียเถอะ!”
“น้ำทะเลอร่อยดีไหมล่ะ? กินให้เต็มที่เลยนะ!”
“ลิงผิวเหลืองที่น่าสงสาร นายกลายเป็นลิงตกน้ำแล้ว!”
อีวิลสันที่ยืนหน้าเข้มอยู่หน้ากราบเรือมีปฏิกิริยาตอบโต้ไว เขาขึ้นกระสุนให้กับปืนเรมิงตันในมือ เล็งไปที่เรือคาสโนว่าแล้วเหนี่ยวไก “ปัง! ปัง! ปัง!”
ครั้งนี้อีวิลสันไม่ได้เล็งไปบนฟ้าเหมือนที่ผ่านมา แต่เล็งไปที่กราบเรือด้านบนของเรือคาสโนว่า ตรงจุดที่ชาวประมงพากันตะโกนโห่ร้องกันแล้วเหนี่ยวไก
ชาวประมงตกใจกลัวกันถ้วนหน้า ดีที่ปืนเรมิงตันเป็นปืนยิงระยะใกล้ กระสุนปืนยิงออกไปถึงแค่ระยะสี่ห้าร้อยเมตรจากตัวเรือคาสโนว่าเท่านั้น ไม่มีคนได้รับบาดเจ็บ
แต่ทว่า เสียงลูกกระสุนดังเปรี้ยงปร้างที่ยิงไปที่กราบเรือหาปลานั้นน่ากลัวมาก ชาวประมงพวกนั้นจึงหยุดที่จะประชดประชันฉินสือโอว ต่างก็รีบหมอบลงหลบกระสุนปืนกัน
อีวิลสันสะบัดปืนเรมิงตันไปมาแล้วร้องออกมาว่า “สารเลว! สารเลว! สารเลว! จะยิงให้ไส้ไหลเลย! อีวิลสันจะยิงพวกแกให้ตายกันทุกคน!”
นีลเซ็นรีบขึ้นไปปลดปืนออกจากอีวิลสัน เจ้าสิ่งนี้เอาไว้แค่ขู่เท่านั้น ไม่กล้าเอามาจ่อคนแล้วยิงจริงๆหรอก หากมีคนไม่พอใจเกิดการปะทะขึ้นมาจริงๆ งั้นคนที่เสียเปรียบก็คือฝ่ายที่เรือเล็กกว่าอย่างพวกเขานี่แหละ!
เป็นอย่างที่คิดไว้ บนเรือคาสโนว่ามีคนที่ไม่พอใจ หยิบปืนฉีดน้ำแรงดันสูงออกมา
ของสิ่งนี้แหละที่เป็นอาวุธร้ายแรงตัวจริงบนเรือหาปลา ระยะยิงไกลกว่าปืนไรเฟิลมาก ทั้งยังใช้งานง่าย พลังทำลายก็กำลังดี ปกติหากคนบนเรือสองลำเกิดเรื่องทะเลาะกันขึ้นมา ล้วนใช้เจ้าตัวนี้เป็นอาวุธทั้งนั้น
ดีที่ว่าเรือยอชต์ลำหนึ่งที่แขวนธงประเทศแคนาดากับธงเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำกำลังขับโต้คลื่นมาแต่ไกล บนเรือมีกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมชุดยูนิฟอร์มสีดำยืนอยู่ แม้เรือจะอยู่ห่างออกไปค่อนข้างไกลแต่ก็มีเสียงพูดดังออกมาจากลำโพงว่า “เรือคาสโนว่า เรือคาสโนว่า เรือคาสโนว่า พวกคุณได้รุกล้ำเข้ามาในน่านน้ำเขตแคนาดาแล้ว หากได้ยินคำเตือนนี้ขอให้รีบออกจากเขตน่านน้ำแคนาดาโดยด่วน ขอย้ำอีกรอบ…”
เมื่อเห็นแบบนี้ เหล่าชาวประมงบนเรือหาปลาก็เริ่มสงบเสงี่ยม รีบเก็บปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ตัวเรือคาสโนว่าเองก็เร่งความเร็วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉินสือโอวลูบน้ำบนหน้า เขามองไปที่ชาวประมงอเมริกาที่เหิมเกริมแล้วยิ้มออกมา เขาปล่อยพลังเทพแห่งท้องทะเลออกไป ไม่นานก็เจอกับฝูงฉลามขาวที่กำลังล่าอาหารอยู่ ฉลามพวกนี้เมื่อโตเต็มวัยจะมีลำตัวยาวถึงเจ็ดถึงแปดเมตรเลยทีเดียว พวกมันทั้งลำตัวใหญ่โต และมีฟันแหลมคม คือราชาแห่งท้องทะเลอย่างแท้จริง
พลังเทพแห่งท้องทะเลบังคับฉลามเหล่านี้ ให้มุ่งไปทางอวนลากปลาของเรือคาสโนว่าที่ยังอยู่ในน้ำ
ในห้องบังคับการเรือของเรือคาสโนว่า กัปตันชาวผิวขาวคนอ้วนกำลังหัวเราะชอบใจกับลูกเรือเรื่องที่ฉินสือโอวโดนน้ำสาดเปียกไปทั่วทั้งตัว แต่ทันใดนั้นเครื่องหาปลาโซน่าร์ก็ส่งเสียง ‘ปี๊บปี๊บปี๊บปี๊บ’ออกมาจนแสบแก้วหู
เครื่องหาปลาโซน่าร์เป็นอุปกรณ์จำเป็นที่เรือหาปลาต้องมี คุณสมบัติของมันก็คือปล่อยคลื่นโซน่าร์เพื่อตรวจหาปลาตัวใหญ่ มันสามารถส่งคลื่นเสียงไปยังใต้ทะเล ปล่อยคลื่นเสียงออกไป เมื่อคลื่นเสียงไปเจอเข้ากับสิ่งของก็จะสะท้อนกลับมา เมื่อได้รับคลื่นเสียงที่สะท้อนกลับมาบวกกับวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นการสำรวจใต้ทะเล วิธีจะทำให้สามารถหาปลาตัวใหญ่ได้
แต่ว่า เครื่องหาปลาโซน่าร์ไม่ใช่เครื่องอินฟราเรด ระบบนี้จึงไม่มีภาพปลาขึ้นแสดงบนหน้าจอ จะมีก็แต่เพียงภาพความยาวคลื่นที่ขนาดแตกต่างกันไปเท่านั้น หากเจอปลาตัวใหญ่ ความยาวคลื่นจะค่อนข้างสั้นและใหญ่ สามารถบอกจำนวนปลาและระบุตำแหน่งได้ แต่จะไม่รู้ว่าเป็นปลาตัวใหญ่ประเภทไหน
เมื่อคืน เรือคาสโนว่าก็ใช้เจ้าเครื่องนี้ทำให้พวกเขาหาตัวน้ำเงินใหญ่เจอ แล้วใช้ปลาแฮร์ริ่งเป็นเหยื่อเพื่อจับมัน
เมื่อได้ยินเสียงร้องของเครื่องจับปลาโซน่าร์แล้ว คนในห้องบังคับการต่างก็ใจจดใจจ่อจ้องไปที่หน้าจอพร้อมกัน
มีคนพูดขึ้นว่า “ขอให้เป็นปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือเถอะ ถ้าใช่ขอเพียงพวกเราจับได้แค่สองตัว ก็สามารถชดเชยค่าน้ำมันที่เสียไปในน่านน้ำเฮงซวยนี้ได้แล้ว”
แต่พอมองดูความยาวคลื่นที่ปรากฏบนหน้าจอแล้ว ผู้ช่วยกัปตันถึงกับพูดเสียงสั่นว่า “พระเจ้า ไม่ใช่ตัวสองตัว แต่เป็นสิบยี่สิบตัว นี่ไม่ใช่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ!”
แน่นอนว่าไม่ใช่ปลาทูน่าครีบน้ำเงินเหนือ แต่นี่คือฝูงฉลาม!
ฝูงฉลามขาวพุ่งเข้าอวนลากปลาอันใหญ่นั้นอย่างป่าเถื่อน พวกมันโหม่งหัวเข้าไป จากนั้นอ้าปากกว้างๆของมันฉีกกัดอวนลากปลาออก ในขณะเดียวกันก็สะบัดลำตัวอย่างรุนแรง อวนลากปลาเอามันไม่อยู่ ใช้เวลาไม่นานก็ถูกกัดจนขาดรุ่งริ่งกระจุยกระจาย!
กัปตันคนผิวขาวที่มีประสบการณ์มากกว่าเมื่อได้เห็นจุดที่ปลาตัวใหญ่พวกนี้หยุดอยู่บนหน้าจอ สีหน้าก็เปลี่ยนขึ้นมาทันใด ตะโกนว่า “เร็วเร็วเร็ว! รีบไปบอกให้เจ้าพวกไม่ได้ความที่อยู่ข้างนอกนั้นเก็บอวนขึ้นมา! นี่มันคือฉลาม! ปลาในอวนของเราล่อพวกฝูงฉลามล่าเนื้อพวกนี้มา!”
การที่ฉลามขาวพวกนี้โหม่งเข้าไปในอวนจับปลานั้น ทำให้ฉินสือโอวแสยะยิ้มอย่างสะใจ แล้วหยุดบังคับพวกมัน ขับเทพเจ้าสายฟ้ามืดเลี้ยวแล้วขับกลับไปทางที่มา
เบื้องหลังคือชาวประมงอเมริกันที่สีหน้าซีดเผือด รอให้พวกเขาเก็บอวนแหขึ้นมา แล้วพบว่าในอวนกลับไม่มีปลาเหลืออยู่แล้วก่อนเถอะ อวนแหถูกฉีกจนกระจุยกระจายใช้งานไม่ได้แล้วแบบนี้ อย่าว่าแต่ปลาเลย แม้แต่ก้อนหินก็คงจับไม่ได้
ที่สำคัญที่สุดคือความเสียหายที่พวกเขาจะได้รับ ค่าใช้จ่ายในการมาจับปลาในทะเลรอบหนึ่งนั้นสูงถึงหลักแสนดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว เมื่ออวนฉีกขาดไปแล้วแบบนี้ กัปตันคงได้ขาดทุนย่อยยับแน่นอน
อีกอย่าง การออกเรือหาปลาในประเทศแบบนี้ บนเรือจะเตรียมแหเพียงชุดเดียวเท่านั้น เพราะแหแบบนี้ปกติจะเหนียวทนทานมากไม่เสียหายได้ง่ายๆ หากมีปัญหาตรงจุดไหนเพียงซ่อมเล็กน้อยก็สามารถใช้งานต่อได้แล้ว การที่ฉินสือโอวให้เหล่าทหารฉลามขาวไปทำลายอวนแหของพวกเขาแบบนี้ งั้นการออกทะเลของพวกเขาคราวนี้ผลก็คือล้มเหลว สิ้นเปลืองน้ำมันโดยเปล่าประโยชน์! ปริมาณน้ำมันที่ต้องใช้สำหรับเรือขนาดพันตันนั้น น่ากลัวทีเดียว!
ระหว่างทางขากลับ เรือหัวกว้างขับผ่านเรือยอชต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางน้ำ ชาร์คได้ใช้โทรศัพท์ไร้สายโทรไปอธิบายสถานการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางน้ำตามเรือคาสโนว่าไปต่อ ต้องขับไล่ไปเรื่อยๆจนกว่าพวกเขาจะออกจากเขตน่านน้ำแคนาดา
ไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะใช้เล่ห์รอจนตำรวจน้ำกลับไปแล้วค่อยย้อนกลับมาฟาร์มปลาต้าฉิน ต้องรู้ว่าเรือหาปลาโดยเฉพาะเรือหาปลาลำใหญ่แบบนี้ใช้น้ำมันเยอะมาก การไปกลับแบบนี้แค่ค่าน้ำมันก็สามารถทำให้เจ้าของเรือล้มละลายได้เลยเชียว
ฉินสือโอวขับเจ็ตสกีวนรอบฟาร์มปลารอบหนึ่ง เมื่อได้เห็นน้ำทะเลสีใส อากาศดีๆ เขาก็คิดคำพูดแนวฮิปสเตอร์ได้ประโยคหนึ่งว่า
ตอนนี้ฟาร์มปลาพัฒนาไปได้ดี เพราะจำนวนเต่าทะเลที่มากขึ้นกับการมาถึงของปลาแสงอาทิตย์ จำนวนของแมงกะพรุนในฟาร์มปลาก็ถูกจำกัดแล้ว
เรือหัวกว้างขับผ่านไปทางท่าเรือ ฉินสือโอวมองไปครู่หนึ่ง หลังจากเริ่มงานก่อสร้างมาได้หนึ่งเดือน ตอนนี้เริ่มมองเห็นถึงความสง่าอลังการของท่าเรือได้รางๆแล้ว ท่าเรือทั้งสองมีระยะห่างกันสิบกว่ากิโลเมตร ท่าแรกคือท่าแรงโน้มถ่วงที่แข็งแรงทนทาน ได้สร้างลงไปในทะเลลึกถึงห้าสิบเมตรแล้ว
อีกท่าเป็นท่าเทียบเรือบล็อกคอนกรีต ยังอยู่ในช่วงตอกเสาเข็ม เครื่องตอกเสาเข็มตั้งอยู่บนเรือเฟอร์รี่สำหรับบรรทุกของ มีน้ำขุ่นผุดขึ้นมาจากใต้ทะเลตลอดเวลา ทำให้น้ำบริเวณรอบๆถูกทำให้ขุ่นไปด้วย
แท่งบล็อกคอนกรีตตั้งขึ้นมาจากใต้ทะเลถึงผิวน้ำ ตอนนี้การตอกแท่งบล็อกคอนกรีตใกล้เสร็จแล้ว เหลือก็เพียงทำบล็อกซีเมนต์รูปดอกเหมยวางด้านบนล้อมแท่งที่เหลือเพื่อเป็นการยึดแท่งคอนกรีตด้านล่างไว้ ก็จะได้ฐานออกมา ถึงตอนนั้นก็แค่เทพื้นทำทางเดินไว้ด้านบนก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ฉินสือโอวมองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อไม่เห็นปัญหาอะไรจึงกลับไปที่ฟาร์มปลา เขาขี้เกียจขับเจ็ตสกีไปจอดที่ท่าเรือในเมือง จึงโยนพิงมันทิ้งไว้บนชายหาด
การเดินทางไปมารอบนี้ ทำให้ใช้เวลาช่วงกลางวันไปเสียหมด ฉินสือโอวเดินไปดูเล้าหมูกับเล้าเป็ดไก่ ถึงแม้ไก่กับเป็ดพวกนี้สามารถกินได้แล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นโตเต็มตัว แม่ไก่ส่วนมากมีขนาดตัวน้อยกว่าหนึ่งชั่งครึ่ง เป็ดตัวโตขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ถึงสองชั่ง ลูกหมูนั้นโตไวกว่า น่าจะมีน้ำหนักสี่ถึงห้าสิบชั่ง
…………………………………………………….
บทที่ 186 ผักสวนครัวพร้อมทานแล้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนนี้ไก่ตัวผู้ขนสีแดงเหมือนลูกไฟสงบเสงี่ยมลงมาก ไม่ออกไปจิกกัดไปทั่วแล้ว มันเชิดคอและเดินด้วยท่าทางเย่อหยิ่งไปรอบๆเล้า มีฝูงไก่ตัวเมียเดินตามหลัง เหมือนกับเหล่านางสนมกำลังเดินตามประกบพระราชาอยู่
ฉินสือโอวมองไก่ตัวผู้ตัวน้อยอย่างไม่สบอารมณ์ พึมพำว่า “ชิ ไม่ช้าแกได้โดนกินแน่”
เมื่อไม่นานมานี้ เขาคิดอยากจะฆ่าลูกไก่ลูกเป็ดเพื่อเลี้ยงต้อนรับเหมาเหว่ยหลง แต่เหมาเหว่ยหลงกลับไม่เอาด้วย ไก่บ้านเป็ดบ้านแล้วอย่างไร? จะเทียบกับไก่เฮเซลกับเป็ดป่าได้อย่างไร? หมูบ้านจะเทียบกับหมูป่าได้อย่างไร?
ฉินสือโอวกลับไม่คิดอย่างนั้น เนื้อของทั้งสองนั้นรสชาติไม่เหมือนกัน ไก่เป็ดหมูบ้านต่างก็ยังไม่ได้โตเต็มวัย เพื่อเทียบกับสัตว์ที่โตในป่าแล้ว เนื้อของไก่เป็ดหมูบ้านนั้นจะนุ่มกว่านิดหน่อย
สายน้ำเล็กๆที่ไหลผ่านไปในเล้า บางทีจะมีกุ้งปลาไหลไปตามน้ำเข้าไปในเล้า ถึงตอนนั้นพวกเป็ดทั้งหลายก็จะสยายปีกรุมกันไปที่สายน้ำน้ำแล้วกินอาหารกันจนอิ่มหนำสำราญ
ส่วนพวกไก่บ้านก็จิกกินพวกแมลงและเมล็ดหญ้าจากพื้นหญ้า ฉินสือโอวเห็นว่าพื้นหญ้าค่อนข้างร่อยหรอแล้ว กะว่าจะหว่านเมล็ดหญ้าไปปลูกเสียหน่อย
ปลากับกุ้งในสายน้ำที่ไหลผ่านไปในเล้านั้นมีจำนวนไม่น้อยเลย เพราะหมูบ้านกับไก่และเป็ดบ้านต่างก็อึลงไปในสายน้ำนี้ สำหรับปลาและกุ้งแล้ว อึของสัตว์พวกนี้ก็คืออาหารและสารอาหารของพวกมันนั่นเอง ดังนั้นปลากับกุ้งบางตัวที่รอดพ้นการล่าอาหารของเป็ดมาได้ จึงค่อยๆ โตขึ้นและมีขนาดอ้วนท้วนขึ้นเรื่อยๆ
ฉินสือโอวคลานลงบนพื้นในเล้าเพื่อสำรวจดูรอบๆ ฉงต้าที่เดินสะบัดตูดอ้วนๆเดินมา มันมองหาที่ที่หนึ่งแล้วก็ยกขาฉี่ออกมา
ได้ยินเสียงฉี่ซู่ซู่ของฉงต้า ฉินสือโอวก็รู้สึกปวดขึ้นมาบ้าง จึงเดินไปปลดเข็มขัดออกแล้วเริ่มฉี่ จากนั้นกระตุกตัวนิดหนึ่งแล้วพูดว่า “โล่งจริง”
ฉงต้าที่เพิ่งฉี่เสร็จ เมื่อเห็นตัวฉินสือโอวกระตุก มันก็โยกตัวที่อวบอ้วนนั้นทำทีกระตุกด้วย จากนั้นก็ยื่นคอร้อง ‘อาวอาว’
ฉินสือโอวหัวเราะร่าขึ้นมา เขาตบไปที่ก้นของฉงต้า ให้มันลุกขึ้นวิ่ง ฉงต้าไม่ยอม ฉินสือโอวจึงวิ่งไล่มันอยู่ข้างหลัง พอจับตัวฉงต้าได้ฉินสือโอวก็จะถูกหิ้วตัวมันขึ้นมาแล้วสะบัดแขนไปมาแกล้งขู่มัน
ฉงต้ากลัวความสูงกับกลัวน้ำ เมื่อโดนสะบัดไปมากลางอากาศแบบนี้ ก็ตกใจจนหน้าอ้วนๆยับยู่ยี่ไปหมด ดังนั้นพอมันเห็นฉินสือโอววิ่งจนใกล้ตามทันแล้วมันก็จะรีบเร่งฝีเท้าวิ่งต่อ
ความเร็วของหมีสีน้ำตาลที่ตื่นกลัวนั้นน่าประทับใจมากทีเดียว ความอดทนสูงอีกด้วย ฉงต้าเป็นเพียงหมีตัวเล็กที่กำลังโตเท่านั้น แต่พอวิ่งจริงจังขึ้นมา ฉินสือโอวก็มีตามไม่ทันเหมือนกัน
หู่จือกับเป้าจือเห็นฉินสือโอววิ่งไล่ฉงต้า พวกมันแลบลิ้นมองอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกน่าสนุกจึงเข้าไปร่วมวิ่ง ปากก็ส่งเสียงร้องโฮ่งโฮ่งไปด้วย
ฉินสือโอววิ่งไล่ฉงต้า หู่จือกับเป้าจือวิ่งไล่ฉินสือโอว แล้วจู่ๆ นกฟรีเกตบนท้องฟ้าที่ไม่รู้อะไรเข้าสิง อยู่ดีๆ ก็โฉบเข้ามา จับฉงต้าบินขึ้นไป ทำให้หมีสีน้ำตาลตัวน้อยตกใจแทบคลั่ง
เวลาเที่ยงวันแบบนี้ วิ่งไปสักพักก็ทำเอาฉินสือโอวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาจึงกลับไปอาบน้ำดับร้อนแล้วเริ่มเตรียมอาหารกลางวัน
วันนี้อีวิลสันทำตัวดี ตอนอยู่บนทะเลเขาออกตัวปกป้องฉินสือโอวขนาดนั้น ต้องให้รางวัลกันเสียหน่อย ฉินสือโอวขับรถไปซื้อพิซซ่าซิซิเลียนกับไก่ทอดมาให้เขา จากนั้นก็ทำขากวางรมควันให้เขาอีกชิ้น ทำเอาอีวิลสันดีใจจนแทบบ้า
ตัวฉินสือโอวนั้นกินอาหารง่ายๆ เขาไปเด็ดแตงกวามาสองลูกฝานเสร็จวางไว้บนจาน แล้วก็ทอดพริกราดไปบนแตงกวา จากนั้นก็ทำไข่คน แล้วเทไข่คนพร้อมน้ำมันที่เดือดลงไปบนจาน ปรุงรสด้วยน้ำมันปรุงรส น้ำมันหอย เท่านี้เมนูไข่คนคู่แตงกวาก็พร้อมทานแล้ว
เมนูนี้เป็นอาหารจานโปรดของฉินสือโอว ความหอมของแตงกวา พริกทอด ไข่คน และน้ำมันหอย เมื่อรวมความหอมของสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วยกัน ความรู้สึกหลังได้ตักเข้าปากแล้วนั้นถือเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ
อีวิลสันที่มือถือไก่ทอดข้างพิซซ่าข้าง แล้วยังมีขากวางรมควันที่กัดคำโตเป็นพักๆ ถือได้ว่าความสุขมาถึงบ้านแล้ว
ฉินสือโอวเห็นเขายัดอาหารเข้าปากอย่างเร่งรีบ จึงรินน้ำส้มคั้นให้เขาแก้วหนึ่ง อีวิลสันยิ้มเหวอๆ ยื่นน้ำส้มคั้นให้ฉินสือโอว ตัวเองไปเปิดน้ำจากก๊อกน้ำ แล้วดื่มน้ำเย็นอึกๆ
“ยังมีอีกเยอะ นายดื่มเถอะ” ฉินสือโอวลูบไปที่หัวอันใหญ่โตของอีวิลสันแล้ววางน้ำส้มไว้ตรงหน้าเขา
พูดถึงเรื่องนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกผิดขึ้นมา มีครั้งหนึ่งที่เขาทำน้ำส้มคั้นมาเหยือกหนึ่ง ตอนแรกเขากะจะแบ่งให้อีวิลสันแก้วหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้าหมอนี่ดันยกทั้งเหยือกแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด
ฉินสือโอวตอนนั้นหัวเสียจัด จึงห้ามไม่ให้เขาดื่มน้ำผลไม้อีก แต่กลับกลายเป็นว่าอีวิลสันจำคำพูดเขาได้ ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงดื่มแต่น้ำเปล่าและไม่ดื่มน้ำผลไม้อีกเลย
อีวิลสันเกาหัว ยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาแล้วมองไปที่ฉินสือโอว ฉินสือโอวก็ยกแก้วตัวเองขึ้นมาชนแก้วกับเขา พยักหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ดื่มกัน พวกเราชนแก้วกัน อีวิลสัน”
“ชนแก้ว” อีวิลสันหัวเราะเหอะๆ จากนั้นก็ดื่มน้ำผลไม้หมดในอึกเดียว แล้วก็แจ๊บปาก พูดว่า “อร่อยกว่าน้ำ เหอๆ”
ฉินสือโอวรินน้ำผลไม้ให้อีวิลสันอีกแก้วใหญ่ แล้วตบบ่าเขาเบาๆ จากนั้นก็ออกจากห้องอาหารถือเก้าอี้ออกไปด้วยเตรียมจะไปนอนกลางวันบนชายหาด
พอเห็นแบบนี้ อีวิลสันวางขากวางรมควันในมือลง รีบรุดไปหยิบเก้าอี้ แบกร่มกันแดดไว้แล้ววิ่งไปที่ชายหาด หาจุดที่ฉินสือโอวชอบไป กางร่มกันแดดออก วางเก้าอี้ลงยิ้มให้ฉินสือโอว จากนั้นก็วิ่งกลับไปที่บ้านพักหยิบไอซ์ไวน์มาวางไว้บนพนักวางมือของเก้าอี้ ถึงจะกลับไปกินข้าวต่อ
มองแผ่นหลังที่กว้างใหญ่แต่อบอุ่นของอีวิลสันแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าความจริงเขาไม่ได้โง่ไม่ได้งี่เง่าเลย ก็แค่ไอคิวโตช้าแค่นั้น ตอนนี้เขาก็เหมือนกับเด็กคนหนึ่ง ใครดีกับเขา เขาก็จำไว้ขึ้นใจ แล้วดีกลับไปเป็นเท่าตัว ใครที่ไม่ดีกับเขา เขาก็ไม่เก็บเอามาใส่ใจ เพียงหัวเราะเงอะงะแล้วก็ผ่านไป
ไม่รู้ว่าเออร์บักขับรถไปทำอะไรในเมือง ถึงเพิ่งจะกลับมาเอาตอนนี้ เมื่อเห็นฉินสือโอวกำลังรับลมอยู่ ก็เดินเข้ามาทักทาย “วันนี้ในทะเลไม่ได้มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”
ฉินสือโอวยักไหล่ พูดว่า “มีชาวอเมริกันพวกหนึ่งคิดจะมาเอาเปรียบเรา แต่อีวิลสันยิงปืนไล่พวกเขาไปแล้วล่ะครับ”
เออร์บักพยักหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “อีวิลสันเป็นเด็กที่ไม่เลวคนหนึ่ง เขาปฏิบัติต่อคุนาย อื้ม ซื่อสัตย์มาก”
ฉินสือโอวกางแว่นกันแดดออก แล้วพูดว่า “ใช่แล้ว เขาเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวผม เขาต้องเป็นผู้ช่วยมือดีของผมได้แน่นอนครับ”
เออร์บักยิ้มขึ้นมา มองไปที่มือของฉินสือโอวที่ถือไอซ์ไวน์แล้วพูดว่า “คนายเคยคิดอยากจะปลูกต้นองุ่นบ้างไหม? นายชอบดื่มไวน์องุ่น ชอบกินผลไม้ แถมในบ้านยังเลี้ยงตัวตะกละที่ชอบกินผลเบอร์รีไว้อีก”
ปลูกต้นองุ่นเหรอ? ฉินสือโอวมองไปยังผืนดินกว้างใหญ่ที่ว่างเปล่าของฟาร์มปลา รู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ดี จึงพูดว่า “ปลูกตอนนี้ช้าไปหน่อยหรือเปล่าครับ?”
เออร์บักพูดว่า “ใช่ นี่ก็เดือนกรกฎาคมแล้ว รอต้นโตอากาศก็เริ่มเย็นแล้ว ถ้านายอยากปลูกก็ต้องวางแผนกันก่อน พรุ่งนี้เป็นต้นเดือนมีนาคมจะต้องเริ่มไถดิน กลางเดือนมีนาคมเริ่มปลูกต้นกล้า เท่านี้ก็สามารถเก็บผลผลิตในปีเดียวกันได้แล้ว”
ฉินสือโอวจดไว้ในสมุดโน้ตบนมือถือ ทั้งสองคนพูดคุยกันสักพักก็แยกกัน ฉินสือโอวนอนกลางวันต่อ หู่จือกับเป้าจือหมอบลงข้างเก้าอี้ซ้ายขวาของเขาทั้งสองข้าง ฉงต้าลากเพื่อนตัวน้อยต้าป๋ายมาขอเบียดด้วย เสี่ยวหมิงเกาหัวกระโดดลงมาจากต้นเมเปิล แล้วปีนขึ้นไปนอนบนเก้าอี้
เออร์บักยืนมองอยู่หน้าประตูบ้านพักแล้วหัวเราะฉินสือโอวที่พาเจ้าพวกนี้เข้านอน สายตาทั้งใจดีและอบอุ่น เหมือนกับมองดูลูกตัวเองอยู่
หลังจากตื่นนอนแล้ว ได้เวลาฉินสือโอวต้องไปเตรียมอาหารจานเด็ดผู่นชอย เขาเดินไปรอบสวนผัก เด็ดแตงกวาที่กินได้แล้วออกมาสิบกว่าลูก ต้นมะเขือเทศก็ออกลูกแล้ว ถึงจะไม่แดงมาก ยังมีสีเขียวบ้างประปราย แต่ว่าต้องเอาไปผัดไข่ แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว เขาจึงเด็ดลงมาด้วย
พริกสีแดงก่ำ พริกหยวกสีเขียวสด มะเขือยาวสีม่วง ถั่วฝักยาวเส้นเรียวยาว ถั่วแขกเป็นฝักๆ อะไรที่กินได้ฉินสือโอวเด็ดออกมาหมด ขึ้นฉ่ายก็โตไว้เหมือนกันเขาก็เก็บมาด้วยเจ็ดแปดต้น
……………………………………………
บทที่ 187 หากได้อยู่ด้วยกัน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ผักจากสวนผักที่พร้อมทานได้ต่างก็ถูกเด็ดออกมา ฉินสือโอวมองดูผักเหล่านั้น เห็นว่าจำนวนไม่น้อยเลย แต่ประเภทผักยังน้อยเกินไปไม่ค่อยหลากหลาย คงต้องไปเดินในซูเปอร์มาร์เก็ตสักรอบ
ในแคนาดามีเทศกาลประจำถิ่นเยอะแยะมากมาย เทศกาลบางอย่างที่เล็กๆน้อยๆเหมือนเทศกาลการย้ายบ้าน หรือการแต่งงานที่จีน ก็จะมีเพียงคนบ้านใกล้เรือนเคียงมาร่วมงาน ฉินสือโอวอยากชวนครอบครัวชาร์คมากินข้าวด้วย เพราะที่เกาะแฟร์เวลนั้นมีการฉลองเทศกาลผักสดด้วย
เหตุผลที่ต้องมีเทศกาลแปลกๆนี้ ก็เพราะว่าเกาะแฟร์เวลอยู่ห่างจากผืนดินค่อนข้างมาก สภาพดินบนเกาะไม่เหมาะแก่การเพาะปลูกผักหรือพืชผล ในหนึ่งปีคนในเมืองจะได้กินผักเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น หากอยากกินก็ต้องปลูกเอง เพราะแบบนี้หากบ้านใครปลูกผักโตพร้อมทานแล้วก็จะจัดเทศกาลผักสดขึ้น
เทศกาลอันน่าขันนี้ไม่มีกำหนดวันแน่นอน ผักบ้านใครโตแล้วบ้านนั้นก็จัดงานเชิญให้มากินผัก และร่วมลิ้มรสผักสดที่แสนอร่อยกันกับญาติพี่น้องเพื่อนฝูง และเพื่อนบ้าน
จนถึงตอนนี้ ราคาผักในพื้นที่นิวฟันด์แลนด์ก็ยังคงแพงมาก ตอนฉินสือโอวเพิ่งมาถึงที่นี่ก็เคยซื้อผักเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่จีนเขากินผักเยอะจนหายอยากแล้ว เมื่อเห็นเนื้อวัวเนื้อหมูเนื้อแพะเนื้อปลาราคาถูกจะไม่อยากกินได้อย่างไร?
ก่อนกลับจีนล่าสุดเขาได้ไปเดินดูผักในซูเปอร์มาร์เก็ต แล้วเห็นว่าผักที่นี่แพงจริงๆ มันฝรั่งหนึ่งปอนด์ก็ขายถึงสี่เหรียญเลยทีเดียว ยิ่งถั่วแขก ขึ้นฉ่ายและพืชหัวราคายิ่งแพงกว่าขายกันเกินกว่าห้าเหรียญต่อหนึ่งปอนด์ เมื่อเทียบเป็นเงินหยวนแล้ว ผักหนึ่งชั่งมีราคาถึงสิบกว่าหยวนเลยทีเดียว
ตอนนั้นฉินสือโอวตกใจจนแทบฉี่ราด ราคาผักสดพวกนี้ช่างโหดอะไรอย่างนี้ เขารู้สึกโทษตัวเองที่ไม่นำผักในสวนบ้านเกิดตัวเองมาขายที่นิวฟันด์แลนด์นี้ ไม่อย่างนั้นแล้วดูจากคุณภาพและจำนวนของผักสดที่บ้านเกิดของเขาแล้ว การจะเป็นเศรษฐีเงินล้านในหนึ่งปีนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
เหตุผลอีกอย่างที่ฉินสือโอวต้องปลูกผักเองเป็นเพราะไม่มีทางเลือกด้วย หากผักแค่มีราคาแพงอย่างเดียว เขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาในตอนนี้เป็นถึงเศรษฐีบ้านนอกเศรษฐีดาวรุ่ง ไม่สนใจเงินเล็กน้อยพวกนี้หรอก
แต่ปัญหาอยู่ที่ เขาไม่สามารถหาผักสดจากที่นี่ได้เลย ทำอย่างไรได้ ในเมืองเล็กๆอย่างเกาะแฟร์เวลนี้ ผักสดเข้ามาไม่ถึง เพราะผักสดนั้นมีราคาสูง และคนในเมืองนี้ก็ไม่มีกำลังซื้อมากพอด้วย จึงทำให้หาผักสดๆได้ยาก
ความจริงอันโหดร้ายที่ว่าเขาไม่สามารถหาแตงกวาลูกงาม มะเขือเทศสีแดงสดใส ไม่มีลูกแตงกวาที่สดอ่อนจนสามารถบีบน้ำออกมาได้ ทำให้เขาตัดสินใจปลูกผักกินเอง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องห่วงเรื่องโภชนาการของร่างกายตัวเองไว้ก่อน
ระหว่างทางขับรถไปซูเปอร์มาร์เก็ต ฉินสือโอวได้เจอกับโรเบิร์ตเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ เมื่อทั้งสองเจอกัน โรเบิร์ตบีบแตร เปิดกระจกแล้วถามว่า “ฉิน ผมจำได้ว่าใบขับขี่จีนของคุณใกล้จะหมดอายุแล้ว คุณไปสอบใบขับขี่มาใหม่แล้วหรือยังครับ?”
ฉินสือโอวตบหัวตัวเองเบาๆ เขาดันลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท จึงได้แต่ตอบกลับไปว่า “เพื่อนฝูง หากคุณไม่พูดเตือน ผมคงโยนเรื่องนี้ทิ้งไปที่เกาะฮาวายแล้วแน่เลย ยังไม่ได้ไปสอบเลยครับ รออีกไม่กี่วันผมจะหาเวลาไปสอบที่เซนต์จอห์นครับ”
โรเบิร์ตยิ้ม บีบแตรอีกรอบแล้วจากไป
นี่คือข้อดีของเมืองเล็ก การอยู่อาศัยร่วมกันค่อนข้างเรียบง่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจกับเจ้าของร้านอาหารล้วนเหมือนกัน ต่างก็เป็นอาชีพที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องสาธารณูปโภค ทำให้ไม่มีการวางอำนาจใดๆ การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นหากมีเรื่องไหนที่อำนวยความสะดวกให้ชาวเมืองได้ก็พร้อมอะลุ่มอล่วยเสมอ
เมื่อไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ฉินสือโอวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย มีผักแต่ล้วนไม่ค่อยสด แต่ยังดีที่มีผักให้เลือกหลากหลาย เขาเดินดูสักพัก ก็เลือกใบโหระพาจากไทย พาร์สลีย์ กระเทียมต้น กะหล่ำปม ผักชาร์ด บีตรูต เม็ดข้าวโพดและหัวไชเท้ามาจำนวนหนึ่ง
ผักพวกนี้ เขาซื้อมาอย่างมากสุดแค่สามสี่ปอนด์เท่านั้น แต่เมื่อถึงเวลาคิดเงิน กลับจ่ายเงินไปถึงหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าดอลลาร์แคนาดาเลยทีเดียว แพงกว่าซื้อเนื้อสัตว์เสียอีก
เมื่อเตรียมผักทั้งหมดแล้ว ฉินสือโอวก็เริ่มลงมือเตรียมผัก เมื่อเขาว่างไม่มีอะไรทำมักจะชอบทำอาหาร เมื่อก่อนตอนอยู่ที่จีนเขาทำเพื่อเป็นการฆ่าเวลา ตอนนี้พออยู่นิวฟันด์แลนด์จึงเป็นเหมือนการได้งัดฝีมือออกมาใช้แล้ว
เมื่อนำผักจากสวนผักมาล้างทำความสะอาดแล้ว โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ฉินสือโอวเห็นว่าเป็นวินนี่ที่โทรเข้ามา จึงเปิดวิดีโอ วินนี่กำลังนอนหราอยู่บนเตียง พร้อมด้วยรอยยิ้มหวานๆ สายตาเย้ายวน แล้วยังมีร่องหน้าอกเส้นลึกนั้นอีก ทำให้ฉินสือโอวมองดูแล้วตัวแข็งทื่อขึ้นมา
“เด็กๆของฉันสบายดีไหมคะ?” เมื่อเห็นหน้าวินนี่ก็เริ่มถามถึงพวกสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย
ฉินสือโอวหันหัวแล้วผิวปาก หู่จือ เป้าจือรีบวิ่งเข้ามา ฉงต้าก็ลากก้นใหญ่ๆตามมาติดๆด้วยท่าทีเงอะงะ มันคงจะนึกว่ามีของให้กินอีกแล้ว แต่พอวิ่งเข้ามามองเห็นเพียงกองผักที่มันไม่ชอบกินกับโทรศัพท์หนึ่งเครื่อง แถมในมือถือยังเป็นหน้าวินนี่ที่มันไม่รู้สึกเสน่หาด้วยอีก จึงเบ้ปากเตรียมจะออกไป
วินนี่กลับชอบฉงต้าเอามากๆ เมื่อเห็นหมีสีน้ำตาลตัวอ้วนท้วม เธอก็ดีใจจนร้องเสียงหลงออกมา ส่งจูบให้ผ่านทางกล้องวิดีโอ
ฉินสือโอวตั้งโทรศัพท์ขึ้นมา เขาจะได้พลางคุยพลางเตรียมผักไปด้วย เจ้าแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์มาอออยู่ตรงหน้าโทรศัพท์มองไปที่วินนี่แล้วร้องขึ้นมาอย่างดีใจ
ทักทายไปมาสักพัก วินนี่ก็พูดขึ้นมาว่า “ขอบคุณพระเจ้า ตอนนี้วันหยุดได้กำหนดไว้แล้ว รออีกประมาณสิบกว่าวัน ฉันก็จะไปหาคุณได้แล้ว”
ฉินสือโอวเมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ดีใจขึ้นมา รีบเช็ดมือแล้วเดินไปที่โทรศัพท์พูดว่า “อย่างนั้นก็ดีเลย ฉันอยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆ จัง ถ้าพรุ่งนื้คือหลังวันที่สิบก็คงจะดีน่าดู ผมอยากจะเจอคุณมากเลย”
วินนี่หัวเราะเบาๆ แล้วพูดอย่างเขินอายว่า “ความจริง ฉันก็อยากไปฟาร์มปลาของคุณค่ะ…”
ฉินสือโอวหัวเราะเหอๆ วินนี่ก็พูดต่อว่า “นานแล้วที่ฉันไม่ได้เจอพวกเด็กๆเลย ยังมีฉงต้า ลูกใหม่ของฉันอีก ฉันอยากรีบกลับไปหาพวกมันแล้ว”
“แล้วฉันล่ะ?” ฉินสือโอวชี้นิ้วไปที่จมูกของเขาแล้วถาม
วินนี่ยักไหล่ ทำทีเหมือนไม่ใส่ใจแล้วพูดว่า “คุณเหรอ? พวกเราก็เพิ่งได้เจอกันไปไม่ใช่เหรอคะ?”
ฉินสือโอวถอนหายใจอย่างผิดหวัง วินนี่เม้มปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้มบางๆว่า “เมื่อคืนฉันเพิ่งฝันถึงคุณ ดังนั้น ก็เท่ากับว่าเราเพิ่งเจอกันไปไม่ใช่เหรอคะ?”
คำพูดนี้ฟังแล้วหวานหูยิ่งกว่าคำพูดหวานหยดย้อยทั้งหลายอีก ฉินสือโอวยิ้มอย่างพอใจ แต่วินนี่กลับรู้สึกเขินอาย ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวเคยคิดว่าสาวแอร์โฮสเตสก็คงเหมือนสาวชาวตะวันตกทั่วไปที่ค่อนข้างเปิดเผยและเป็นธรรมชาติเรื่องความรัก แต่ตอนนี้มองดูแล้วคงไม่ใช่อย่างนั้น
วินนี่เปลี่ยนเรื่องคุย จึงถามว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ฉินสือโอวบอกว่าผักโตแล้ว จะจัดงานเทศกาลผักสดฉลองเสียหน่อย
วินนี่เบิกตาโตแล้วถามว่า “เป็นผักที่พวกเราปลูกด้วยกันเหรอคะ?”
ฉินสือโอวพยักหน้า วินนี่ให้เขาหันโทรศัพท์ไปทางผักพวกนั้น แล้วพูดด้วยเสียงค่อนข้างผิดหวังว่า “ฉันอยากไปอยู่ข้างคุณตอนนี้จัง ฉิน ถ้าได้ร่วมฉลองเทศกาลผักกับคุณ คงจะดีมากเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก รอคุณกลับมาแล้ว พวกเราก็ไปเก็บผักกันอีก ถึงตอนนั้นพวกเรามาเตรียมอาหารด้วยกันเพื่อเลี้ยงพวกเขาก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอครับ?” ฉินสือโอวพูด
วินนี่คิดตาม แล้วก็ยิ้มขึ้นมาอีกรอบ
เมื่อเห็นฉินสือโอวมีงานต้องทำ เธอก็ไม่อยากทำให้เขาเสียเวลาอีก จึงวางสายไป
เมื่อคุยกับวินนี่แล้ว ในใจฉินสือโอวรู้สึกปวดแปล๊บๆ เขาก้มลงมองไปที่หู่จือ เป้าจือ ฉงต้า และต้าป๋ายที่ยืนออกันในห้องครัว ตบโต๊ะ แล้วตะโกนว่า “ยังไม่ออกไปกันอีก พวกนายจะอยู่ช่วยฉันจัดการผักพวกนี้เหรอไง?”
เขาเริ่มจากการเตรียมผักพวกนี้ ความจริงการล้างผักนั้นง่ายมาก เพราะผักของเขาต่างก็ไม่มีสารเคมี ส่วนผักที่ปลูกในแคนาดาถึงแม้จะมีฉีดย่าฆ่าแมลงกับสารเร่งโต แต่ทางรัฐบาลได้ออกกฎว่าต้องหยุดการพ่นยาอย่างน้อยหนึ่งถึงสองอาทิตย์ก่อนที่จะเก็บผักส่งไปขายในตลาด พวกสัตว์ทั้งหลายก็ต้องหยุดป้อนยาต้านโรคก่อนเชือดสี่อาทิตย์ ดังนั้นความปลอดภัยจากสารต่างๆจึงค่อนข้างสูง ล้างน้ำก็เพียงพอแล้ว
วัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำอาหารถูกเตรียมไว้แล้ว เนื้อหมูและเนื้อปลาก็หมักไว้เรียบร้อย ฉินสือโอวคิดๆแล้ว ก็นำสเต๊กเนื้อวัวที่เพิ่งซื้อมาไปตุ๋นทำสเต๊กเนื้อ อาหารจานนี้เขาตั้งใจเตรียมให้อีวิลสัน ต้องให้เขารองท้องก่อนเริ่มมื้อเย็น ไม่อย่างนั้นผักพวกนี้คงไม่พอเขากินแน่นอน
………………………………………..
บทที่ 188 ยุทธจักร
โดย
Ink Stone_Fantasy
เนื่องจากอีกสิบกว่าวันวินนี่ก็จะกลับมาแล้ว ถึงตอนนั้นก็ต้องทำมื้อสารพัดผักเลี้ยงต้อนรับพวกชาร์คและครอบครัวของพวกเขาอีกรอบ อีกอย่าง ผักที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตก็ไม่สดพอ
ดังนั้น ฉินสือโอวจึงไม่ได้ตั้งใจมากกับการเตรียมอาหารมื้อนี้ เขารอเชอร์ลี่ย์กลับมา เพื่อสาธิตให้เธอได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารจีน จึงทำด้วยวิธีง่ายๆ แทน
เขาทำเมนูแตงกวาผัดเนื้อ แตงกวาผัดไข่ ขึ้นฉ่ายผัดไฟแดง ขึ้นฉ่ายผัดพริก ผัดถั่วแขกหมัก มะเขือเทศผัดไข่ ผัดดอกกะหล่ำหมัก มะเขือยาวย่าง มะเขือราดพริก เนื้อเส้นผัดกะหล่ำปม เมนูพวกนี้ทำง่าย เชอร์ลี่ย์เพียงแค่ยืนมองก็เรียนรู้ได้เยอะแล้ว
มื้อเย็นนี้เมนูที่เยอะที่สุดคือเมนูผัก แต่เมนูหลักนั้นเป็นเนื้อกวางย่างกับเนื้อหมูป่าย่าง จากนั้นก็เสิร์ฟล็อบสเตอร์และปูราชินีตามลำดับ
ขณะกินเนื้อล็อบสเตอร์ที่อร่อยอยู่นั้น ฉินสือโอวก็ถามขึ้นว่า “พื้นที่ทะเลใกล้ชายฝั่งของฟาร์มปลาของเราทำไมถึงไม่มีล็อบสเตอร์เลย?”
ชาร์คคิดไปครู่หนึ่ง พูดว่า “ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อน ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า แต่ว่าน่าจะมีอยู่บ้างนะครับ ฟาร์มปลาของเราถือเป็นที่ที่ผลิตกุ้งล็อบสเตอร์นะครับ”
แต่ฉินสือโอวรู้ว่าไม่มีแน่นอน เพราะเขาเคยดูทั่วแล้ว มีปูราชินี มีกุ้งแดงแต่ไม่มีกุ้งล็อบสเตอร์เลย
พวกเด็กๆนั่งลงก้มหน้าก้มตากินอาหาร ชาร์คน้อยได้รับอิทธิพลของพ่อมาเต็มๆ เมื่อได้กินอาหารมาก็จับยัดเข้าปากอย่างบ้าคลั่ง เป็นเด็กที่ไม่เลือกกินเลย
พวกพาวลิสที่อยู่ข้างๆ ต่างก็กินกันอย่างค่อยเคี้ยวค่อยกิน แต่ไม่ใช่เพราะพวกเขามีมารยาทการกินหรืออะไรหรอก เหตุผลหลักคือพวกเขายังไม่ค่อยสนิทสนมคุ้นเคยจึงไม่กล้าวางตัวสบายๆมากกว่า
พวกเด็กๆไม่มีการพูดคุยกันมาก ฉินสือโอวรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดี จึงพูดกับชาร์คน้อยว่า “ไอ้หนู ตอนนี้นายมีเพื่อนเพิ่มมาตั้งสี่คน รู้สึกอย่างไรบ้าง?”
ชาร์คน้อยรีบกลืนเนื้อชิ้นใหญ่ลงคอ แล้วพูดพร้อมปากเยิ้มน้ำมันว่า “คุณลุงฉินครับ ผมดีใจมาก แต่พวกเขาไม่ค่อยชอบผม”
กอร์ดอนรีบทำท่าโกรธเคือง แล้วพูดว่า “เพื่อนฝูง นายพูดแบบนี้ไม่รู้สึกอายหรือไง? ให้ตายเถอะ พวกเราไปโรงเรียนวันแรกก็โดนนายต่อยแล้ว!”
ฉินสือโอวอึ้งไปชั่วขณะ นี่มันเรื่องเป็นมาอย่างไรกัน ทำไมมีเรื่องชกต่อยกันด้วย? ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินเด็กสี่คนนี้ไปฟ้องคุณครูเลย?
ชาร์คน้อยพูดตะโกนกลับไปว่า “ไอ้นี่ นั่นไม่เรียกว่าต่อย นั่นเรียกว่าสั่งสอนนาย! นายทั้งหยิ่งทั้งถือตัว ครูนิโครให้นายแนะนำตัวเอง แต่นายกลับไม่สนใจ ฉันถึงได้ต้องสั่งสอนนายว่าการทำตัวเป็นเด็กมีมารยาทต้องทำอย่างไรไง!”
ชาร์คจ้องไปที่ลูกชายหน้าตาเคร่งขรึม พูดอย่างโมโหว่า “นี่นายไปมีเรื่องที่โรงเรียนอีกแล้วเหรอ?”
กอร์ดอนเมื่อเห็นชาร์คเตรียมจะลงมือตี ก็รีบพูดออกมาว่า “คุณลุงชาร์คครับ เขามีเรื่องชกต่อยทุกวันเลย! ถ้าไม่เชื่อคุณลองถามมิเชลดูก็ได้ครับ เขายังเคยพูดล้อมิเชลว่า เขาใช้ชื่อเหมือนผู้หญิงด้วย”
เออร์บักหัวเราะขึ้นมา มิเชลอายหน้าแดงขึ้นมา จ้องไปที่ชาร์คน้อยอย่างโกรธแค้น ในมือกำมีดตัดอาหารไว้แน่น
‘มิเชล’ ชื่อนี้ก็เป็นชื่อที่ฟังดูผู้หญิงจริงๆ ที่เห็นชัดที่สุดก็คงเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคุณหญิงมิเชล โอบามา แล้วก็ยังมีนักแสดงฮอลลิวูดคนดังมิเชล ราดรีเกซอีก
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าทำไมมิเชลถึงมีชื่อที่เหมือนผู้หญิงแบบนี้ ขณะที่เขากำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น เชอร์ลี่ย์ที่เฉลียวฉลาดก็อธิบายให้เขาฟังว่า “มิเชลเป็นเด็กขี้อายและยอมคน ตอนอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จึงมีคนมารังแกเขา แล้วหาว่าเขาเหมือนผู้หญิง จึงพากันเรียกเขาว่า’มิเชล’ จากนั้นชื่อนี้เลยกลายเป็นชื่อของเขาไป”
ชาร์คน้อยเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “ผมไม่ได้ล้อเขา แต่ชื่อนี้ ก็คือชื่อผู้หญิงไม่ใช่เหรอครับ?”
“นายยังจะพูดอีก?” ชาร์คพูดอย่างโกรธเคือง
ฉินสือโอวเห็นว่ามื้ออาหารสุดพิเศษนี้อยู่ดีๆก็กลายเป็นสงครามไปเสียได้ จึงงัดมาดเถ้าแก่ออกมา ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ทุกคนหุบปาก ให้ตายเถอะ พวกเธอคิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกันหา?!”
ชาร์คชี้ไปที่ลูกชาย แสดงออกเป็นนัยว่ากลับไปได้โดนดีแน่ ชาร์คน้อยเริ่มกลัวขึ้นมา เขาหันกลับไปมองกอร์ดอนและมิเชล แล้วก็ทำท่าทางแสดงเป็นนัยเหมือนกันว่ารอไปโรงเรียนพวกนายได้เจอดีแน่
ฉินสือโอวนั่งลงข้างๆทั้งสอง แล้วดึงมือชาร์คน้อยกับกอร์ดอนมาวางทับกัน แล้วพูดว่า “เด็กน้อย ตอนนี้พวกเธอแค่ยังไม่ได้รู้จักกันดี ทำให้มีปัญหากันทั้งด้านนิสัย และความชอบ แต่ว่า พวกเธอต้องจำไว้นะ ลูกผู้ชายที่น่านับถือนั้น ต้องรู้จักยอมรับในข้อเสียของอีกฝ่ายได้ พวกเธอสองคนเป็นลูกผู้ชายกันหรือเปล่า?”
คำพูดนี้ถือเป็นคำถามที่จี้จุดเลยทีเดียว เพราะกอร์ดอนชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ส่วนชาร์คน้อยนั้นก็ยกย่องคุณพ่อมาก จึงอยากจะโตแล้วเป็นเหมือนคุณพ่อ
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ของฉินสือโอว ทั้งสองมองหน้ากันอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต แต่กลับพยักหน้าพร้อมกันทั้งคู่
ลูกชายของซีมอนสเตอร์ คราเคนน้อยกระโดดพรวดขึ้นมาพูดว่า “ผมคือลูกผู้ชายครับ ดูสิ ผมยอมรับพวกพาวลิสได้ ผมไม่ได้มีเรื่องชกต่อยกับพวกเขา! ชาร์คน้อย นายไม่ใช่ลูกผู้ชายเหรอไง!”
“โอ้โห คราเคนน้อย นายคงจะอยากโดนดีสินะ ถึงได้กล้าว่าฉันแบบนี้?” ชาร์คน้อยหันมาตะโกนใส่ลูกของซีมอนสเตอร์
ซีมอนสเตอร์หัวเราะร่า ลูบไปที่ผมของลูกชาย แล้วพูดว่า “พวกเธอทั้งหลาย ต่อไปต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เข้าใจไหม? เป็นเพื่อนที่ดีเหมือนฉันกับชาร์ค!”
ปัญหาเรื่องมิตรภาพของเด็กๆนั้น เป็นปัญหาใหญ่ จะพึ่งแต่การสอนและการวิเคราะห์ไม่ได้ ต้องให้พวกเขาไปคิดทำความเข้าใจกันเอง
กินข้าวเสร็จ ฉินสือโอวให้พวกเด็กๆไปเล่นกับหู่จือ เป้าจือ และฉงต้า พาวลิสเป็นเด็กโตอย่างแท้จริง เขาขับรถกอล์ฟชายหาดของเล่นรุ่นบอมบาร์เดียร์ เอส200ของเขาออกมา ให้ชาร์คน้อยกับคราเคนน้อยนั่ง แล้วพูดว่า “ฉันพาพวกเธอไปรับลมในสวนเอง ต่อไปพวกเราก็เป็นเพื่อนกันแล้ว ดีไหม?”
เมื่อได้เห็นรถบอมบาร์เดียร์ เอส200ที่ถึงจะเล็กแต่ดูสง่างามแล้ว สายตาของชาร์คน้อยและคราเคนน้อยก็เป็นประกายทันที ทั้งสองต่างก็วิ่งไปรอบรถอย่างตื่นเต้นดีใจ ถามนู่นถามนี่
พาวลิสอธิบายว่า “นี่คือเพื่อนของฉัน ชื่อของมันคือซีบิสกิต เจ้านี่น่ะกล้าหาญมาก ในอนาคตมันนี่แหละที่จะขับพาฉันไปชิงแชมป์ชนะเลิศในสนามแข่งรถฟอร์มูลาวัน”
“ให้ฉันลองขับดูได้ไหม?” ชาร์คน้อยถามตาปริบๆ
พาวลิสรู้สึกหวงของ แต่เพื่อมิตรภาพแล้ว เขาจึงยอมเสียสละ ให้ชาร์คน้อยขึ้นรถ สอนวิธีการเร่งเครื่อง การเลี้ยว และการเปลี่ยนเกียร์ รอจนชาร์คน้อยค่อยๆขับวนครบรอบแล้ว ก็เปลี่ยนให้คราเคนน้อยไปลองบ้าง
กอร์ดอนรู้สึกไม่พอใจ พูดว่า “พาวลิส นายไม่ยอมให้พวกเราขับรถของนาย แต่ทำไมถึงยอมให้พวกเขาขับล่ะ?”
หลังจากซื้อรถมา พาวลิสก็ถือว่ารถคือสิ่งล้ำค่ำของเขา กอร์ดอนอยากฝึกขับรถบ้าง แต่เขาก็ยืนยันที่จะไม่ให้ แม้แต่เช็ดทำความสะอาดรถเขาก็ไม่ยอมให้คนอื่นช่วย
แต่ตอนนี้พอเห็นพาวลิสยอมให้ชาร์คน้อยกับคราเคนน้อยเล่นรถแล้ว เป็นธรรมดาที่กอร์ดอนและมิเชลจะไม่พอใจ
เชอร์ลี่ย์อธิบายให้พวกเขาฟังว่า “อย่าไปหาเรื่องให้พาวลิสเลย เขากำลังพยายามสร้างมิตรภาพให้กับพวกเราอยู่นะ หากใครคิดจะขัดขวางเขาล่ะก็ งั้นต่อไปต้องทำมื้อเช้าเองนะ”
กอร์ดอนและมิเชลมองหน้ากันสักพัก ทั้งสองพูดเสียงเบาว่า “นายทำอาหารเช้าเป็นไหม?” “ไม่เป็น แล้วนายล่ะ?” “ฉันก็ทำไม่เป็น” “ถ้างั้น พวกเราคงต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวดีกว่า”
ฉินสือโอวเห็นเรื่องราวของเด็กๆเหล่านี้ รู้สึกว่าคำพูดหนึ่งของอาจารย์โกวเล้งนั้นพูดไว้ดีมากๆ ที่ไหนมีคน ที่นั่นก็จะมียุทธจักรเสมอ
หลังจากฉลองเทศกาลผักกันแล้ว เมนูผักของฉินสือโอวก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว หลังจากได้รับพลังเทพแห่งท้องทะเลแล้ว ผักที่เขาปลูกเองต่างก็มีรสชาติดีเป็นพิเศษ แถมโตเร็วอีกต่างหาก แตงกวาออกลูกเป็นว่าเล่น มะเขือเทศก็ออกผลจนเต็มนั่งร้านแล้ว
สองวันผ่านไปอย่างเรียบง่าย ตอนเช้าจู่ๆฉินสือโอวก็ได้รับโทรศัพท์จากแฮมเล็ต “ฉิน วันนี้นายมีแพลนจะทำอะไรไหม?”
“ไม่มีนะ มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
“พระเจ้า ดีจริงๆ ฉันมีเรื่องอยากขอให้ช่วย พวกนักการเมืองจากเมืองเมเปิลลีฟจะมาตรวจงานของพวกเราแล้ว ก่อนนี้เขาเคยให้เงินเพื่อให้เราควบคุมจำนวนปลาคาร์ฟเอเชียในทะเลสาบเฉินเป่าไง จำได้ไหม? คราวนี้ พวกเขาจะมาตรวจงานแล้ว”
……………………………………..
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น