อัจฉริยะสมองเพชร 1804-1805

 ตอนที่ 1804 สอบสวน

นักปราชญ์โบราณโม่หลิงถึงกับตัวแข็งทื่อขณะรีบโผขึ้นสู่กลางอากาศพร้อมกับใช้จิตวิญญาณอันใหญ่โตของเขาประเมินสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่ตึกรามบ้านช่องที่อยู่ในพื้นที่ก็เงียบงัน ค่ายกลบริเวณนั้นก็ดูไม่เหมือนว่าจะมีใครแตะต้อง ราวกับไม่เคยมีใครอยู่ตั้งแต่แรก


เขาหนีไปแล้วหรือ?


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงหรี่ตาอย่างดุดันขณะแผ่รังสีเย็นเยือกอันน่าสะพรึงออกจากร่าง


ในฐานะผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด เขามีวรยุทธลึกล้ำและพิเศษกว่าคนอื่น เขาคิดว่าน่าจะจับตัวอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย แต่ใครจะรู้ว่าทั้งที่ถอดจิตวิญญาณออกจากร่างแล้ว อีกฝ่ายก็ยังหลุดรอดไปได้


ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าเขา!


ไม่มีทางที่หมอนั่นจะไปได้ไกลจากที่นี่ นักปราชญ์โบราณโม่หลิงคิด


เมื่อนึกขึ้นได้ เขาเปิดใช้งานค่ายกลทั้งหมดที่อยู่โดยรอบพระราชวังของอำมาตย์เฉินหลิง


อีกฝ่ายอาจหลุดรอดไปได้ผ่านทางรอยแยกแห่งมิติ แต่ด้วยแรงกดดันมหาศาลจากพลังจิตวิญญาณของเขาเมื่อครู่ หมอนั่นไม่มีทางไปได้ไกล อย่างน้อยที่สุดก็ยังต้องอยู่ในวังนี้!


ยิ่งไปกว่านั้น ตามความเข้าใจเรื่องจิตวิญญาณของเขา ร่างต้นแบบของอีกฝ่ายก็น่าจะยังอยู่ในพื้นที่ เพราะไม่อย่างนั้น เขาคงตรวจจับความเคลื่อนไหวของจิตวิญญาณได้เร็วกว่านี้มาก


ฟึ่บ!


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงดึงจิตวิญญาณกลับสู่ร่างก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง


“หมอนั่นเป็นใคร? รังสีของเขาดูจะไม่มีองค์ประกอบของพลังหยินเลย แถมหนีรอดไปได้แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันของเรา…”


เขารู้จักผู้พยากรณ์ทุกคนในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ และต่อให้ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่เป็นนักปราชญ์โบราณก็ไม่อาจหนีรอดไปจากเขาได้ด้วยวิธีการแบบนี้ ไม่อยากเชื่อจริงๆว่าจะมีใครหลุดรอดจากน้ำมือของเขาไปได้


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่อาจหาข้อสรุป จึงหันหลังกลับและตะโกนก้อง “พวกเรา!”


“นักปราชญ์โบราณโม่หลิง!” ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะสีดำเดินออกมาจากเงามืด


“มีบุคคลน่าสงสัยที่เพิ่งเข้าสู่พระราชวังบ้างหรือเปล่า?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตั้งคำถาม


“รายงานนักปราชญ์โบราณโม่หลิง ตั้งแต่อำมาตย์เฉินหลิงกลับมา วังนี้ก็ถูกปิดตาย ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผู้ที่เข้าวังได้ก็มีแต่บรรดานักตรวจสอบสมบัติเท่านั้น ซึ่งพวกเขามีทั้งหมด 232 คน และผมก็ยังไม่อนุญาตให้ใครออกจากพื้นที่!”


“นักตรวจสอบสมบัติ?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงคำราม “เจ้านั่นจะต้องเป็นหนึ่งในคนพวกนี้แน่ นำข้อมูลทั้งหมดมาให้ผม!”


“ขอรับ” ชายวัยกลางคนพยักหน้า


ขณะที่เขากำลังจะจากไป เสียงนักปราชญ์โบราณโม่หลิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง “รอก่อน ผมจะไปกับคุณด้วย ผมจะสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และจัดการหมอนั่นให้ดิ้นไม่หลุดด้วยน้ำมือของผม!”


…..


จางเซวียนกลับคืนสู่กายเนื้อผ่านทางหว่างคิ้ว เขาลืมตาขึ้นทันที จากนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก


เฉียดไปเส้นยาแดงผ่าแปด!


เขาไม่คิดว่าจะต้องเผชิญหน้ากับนักปราชญ์โบราณที่เป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ ด้วยความรู้สึกไวอย่างน่าทึ่งที่ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณมีต่อพลังจิตวิญญาณ อีกฝ่ายจึงรับรู้การปรากฏตัวของเขาแทบจะในทันที


โชคดีที่เขาหาข้อบกพร่องของอีกฝ่ายเจอ ไม่อย่างนั้นคงตายตั้งแต่ยังไม่ทันรู้ตัว


ไม่แปลกใจแล้วที่อำมาตย์เฉินหย่ง หลิวหยาง และคนอื่นๆพูดว่าพระราชวังของอำมาตย์เฉินหลิงเต็มไปด้วยอันตราย ดูเหมือนเขาประเมินพละกำลังและกำลังพลที่อยู่ภายใต้สังกัดของอำมาตย์เฉินหลิงต่ำไป


ด้วยความคลุมเครือซึ่งเป็นธรรมชาติของเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ พวกเขาได้เปรียบมากในการลาดตระเวนและการหลบหนีจากเงื้อมมือของศัตรู แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวิถีทางของพวกเขาจะปราศจากข้อบกพร่อง


ในเมื่อนักปราชญ์โบราณอาวุโสคนนั้นรับรู้ถึงการปรากฏตัวของเราแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าเขาน่าจะเริ่มสอบสวนบรรดานักตรวจสอบสมบัติ เราควรจะไปเสียตอนนี้เพื่อปลอดภัยไว้ก่อนหรือไม่?


สีหน้าของจางเซวียนปรากฏความขัดแย้ง


ในเมื่อแขกเหรื่อที่อำมาตย์เฉินหลิงเชื้อเชิญมาในช่วงเวลาไม่กี่วันนี้คือเหล่านักตรวจสอบสมบัติ โอกาสที่ผู้บุกรุกจะเป็นหนึ่งในนักตรวจสอบสมบัติก็มีสูงมาก ถ้าจางเซวียนเป็นนักปราชญ์โบราณอาวุโสผู้นั้น ก็คงจะตั้งต้นสอบสวนบรรดานักตรวจสอบสมบัติเช่นกัน


ถ้าเป็นอย่างนี้ ไม่ช้าไม่นานนักปราชญ์โบราณอาวุโสก็ต้องหาตัวเขาพบ


ถ้าเขาอยากหนี ก็ต้องรีบตัดสินใจโดยเร็ว


ทุกวินาทีที่ล่วงไปหมายถึงความเป็นไปได้ของการหลบหนีอย่างปลอดภัยที่ต่ำลงเรื่อยๆ


แต่ทันทีที่เราออกจากวังของอำมาตย์เฉินหลิงไป โอกาสที่จะได้กลับมาอีกก็แทบเป็นศูนย์


ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าที่จางเซวียนจะปลอมตัวเป็นนักตรวจสอบสมบัติเพื่อเข้ามาที่นี่ได้ นี่เป็นโอกาสเพียงน้อยนิดที่เขาจะได้พบทะเลสาบเลือดและยกระดับประสิทธิภาพการต่อสู้ของตัวเขาอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากจากไปมือเปล่า!


“เหล่านักตรวจสอบสมบัติ ออกจากห้องของคุณแล้วมารวมตัวกันที่นี่!”


ขณะที่จางเซวียนยังคงลังเล ก็ได้ยินเสียงตวาดก้องอยู่ด้านนอก จากนั้นเสียงฝีเท้าสับสนก็ดังไปทั่ว ดูเหมือนองครักษ์ 1 คนจะมายืนประจำการอยู่หน้าห้องแต่ละห้อง


สายไปแล้วที่จะหนีตอนนี้…จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ขณะลุกขึ้นยืน


นักปราชญ์โบราณอาวุโสผู้นั้นเก่งกาจกว่าที่เขาคิดไว้ อีกฝ่ายปะติดปะต่อเงื่อนงำต่างๆเข้าด้วยกันและตัดสินใจดำเนินการขั้นต่อไปได้ในเวลาเพียงครู่เดียว


แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะมาถึงจุดจบ


จางเซวียนไม่เหมือนกับผู้พยากรณ์จิตวิญญาณโดยทั่วไป จิตวิญญาณของเขาเข้ากันได้ดีอย่างสมบูรณ์แบบกับกายเนื้อ ทำให้เขาปรากฏตัวได้โดยไม่ต่างอะไรจากเผ่าพันธุ์ปีศาจตัวอื่นๆ อีกอย่าง ตัวตนของเขาก็บริสุทธิ์ ดังนั้น โอกาสที่นักปราชญ์โบราณอาวุโสจะขุดรากถอนโคนเขาได้จึงมีไม่มากนัก


จางเซวียนเดินออกจากห้องและเผชิญหน้ากับกองทัพองครักษ์ที่มีสีหน้าเย็นชา หนึ่งในนั้นก้าวออกมาและสั่งการ “ไปจากที่นี่!”


ด้วยองครักษ์ขนาบข้าง จางเซวียนถูกนำตัวไปยังห้องโถงที่มีกองทหารยืนประจำการอยู่ ชายวัยกลางคนที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกกับนักปราชญ์โบราณโม่หลิงยืนอยู่ใจกลางห้อง สายตาคมกริบจับจ้องที่นักตรวจสอบสมบัติแต่ละคน


จางเซวียนปั้นสีหน้าที่แสดงความงุนงงสงสัยออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าสู่ห้องโถงโดยตามหลังนักตรวจสอบสมบัติคนอื่นๆไป


ทันทีที่เข้าไปในห้อง ก็รู้สึกได้ว่าสายตาทะลุทะลวงของนักปราชญ์โบราณโม่หลิงจับจ้องที่เขา ดูเหมือนพยายามจะมองลึกถึงจิตวิญญาณ เพื่อตอบโต้สายตาทะลุทะลวงนั้น จางเซวียนเดินต่อไปราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น ครู่ต่อมา อีกฝ่ายก็ละสายตาไป


ภายในไม่ถึง 5 นาที นักตรวจสอบสมบัติกว่า 200 คนก็ถูกนำตัวมายังห้องโถง


ชายวัยกลางคนที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกยื่นม้วนกระดาษม้วนหนึ่งให้นักปราชญ์โบราณโม่หลิง


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงใช้การรับรู้จิตวิญญาณกวาดสายตาจนทั่วทั้งม้วนกระดาษ ไม่ช้าก็อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ครบถ้วน


“เราตรวจสอบภูมิหลังของนักตรวจสอบสมบัติทุกคนแล้วก่อนจะพาพวกเขาเข้ามา ทุกคนล้วนแต่เป็นผู้มีชื่อเสียงในถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเองและไม่มีอะไรน่าสงสัย อีกอย่าง เราไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างอำมาตย์เฉินหย่งกับพวกเขาด้วย ตามข่าวที่เราได้มา ดูเหมือนจะไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่เป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ…” ชายวัยกลางคนรีบสรุปเพื่อรายงานนักปราชญ์โบราณโม่หลิง


“ไม่มีผู้พยากรณ์จิตวิญญาณในหมู่พวกเขา? คุณกำลังบอกผมว่าเจ้าคนที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้มาจากไหนก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือ?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงคำราม


เขารู้ดีว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยของวังอำมาตย์เฉินหลิงนั้นเข้มงวดแค่ไหน แม้แต่นักปราชญ์โบราณก็อย่าได้ฝันว่าจะลักลอบเข้ามาในวังได้โดยไม่สะดุดเข้ากับสายตาของใคร


ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา นอกจากบรรดานักตรวจสอบสมบัติ ก็ไม่มีใครอื่นที่ได้เข้าสู่พระราชวังของอำมาตย์เฉินหลิง หรือพูดอีกอย่างก็คือ ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่เพิ่งหนีรอดไปจากเงื้อมมือของเขาจะต้องเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเขาแน่


ชายวัยกลางคนรีบประสานมือ “ผมขออภัยด้วยในความผิดพลาด เป็นไปได้เช่นกันว่าตัวการอาจปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาไว้!”


ทั้งคู่หันกลับมามองเหล่านักตรวจสอบสมบัติที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง


บรรดานักตรวจสอบสมบัติล้วนแต่มีสีหน้าสับสนและหวาดกลัว ไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่รู้ว่าทำไมถึงถูกเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วนแบบนี้ ทุกคนดูจะหวาดหวั่น เกรงว่าตัวเองอาจทำอะไรบางอย่างลงไปโดยไม่ตั้งใจ และทำให้อำมาตย์เฉินหลิงขุ่นเคือง


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงคำราม แผ่พลังจิตวิญญาณอันทรงพลังของเขาให้ครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ โอบล้อมนักตรวจสอบสมบัติกว่า 200 คนไว้


พริบตาต่อมา จางเซวียนก็รู้สึกเหมือนถูกบ่วงล่องหนรัดไว้ พลังปราณของเขากระตุกโดยอัตโนมัติ เพื่อพยายามตอบโต้ความดุดันครั้งนี้ แต่โชคดีที่เขาระงับมันไว้ได้ทันเวลา


ซรืดดดด!


เส้นด้ายจิตวิญญาณของนักปราชญ์โบราณโม่หลิงแทรกซึมเข้าสู่จุดชีพจร และเดินทางผ่านทางเดินพลังปราณของเขา ดูจะมุ่งตรงเข้าสู่จิตวิญญาณ


จางเซวียนรู้ว่านี่เป็นเทคนิคที่ทำให้นักรบผู้หนึ่งสามารถเข้าถึงส่วนลึกของจิตวิญญาณของอีกฝ่ายได้ เขารู้ว่ามันไม่มีอันตรายใดๆ จึงนิ่งไว้


ในฐานะผู้ที่สำเร็จความเข้าใจเรื่องแก่นสารของจิตวิญญาณและฝึกฝนเคล็ดวิชาเทียบฟ้า จางเซวียนสามารถปรับเปลี่ยนรังสีของจิตวิญญาณของเขาได้ตามใจ เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายได้สัมผัสรังสีจิตวิญญาณของเขาแล้ว จึงพยายามปลอมแปลงมันทันทีที่กลับถึงที่พัก ต่อให้นักปราชญ์โบราณโม่หลิงจะเสาะหาอย่างไร ก็ไม่มีทางจะพบสิ่งใดที่บ่งบอกว่าตัวเขาอาจเป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ


เป็นอย่างที่จางเซวียนคาดไว้ หลังจากตรวจสอบทั่วทางเดินพลังปราณของเขา เส้นด้ายจิตวิญญาณก็ถูกถอดถอนออกไป


“นักปราชญ์โบราณโม่หลิง…” ชายวัยกลางคนมองมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล อยากรู้ผลการสอบสวนของอีกฝ่าย


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงตอบรับด้วยการส่ายหน้า รอยย่นปรากฏบนหน้าผากของเขา บ่งบอกถึงความไม่อยากเชื่อในผลการสอบสวน


เขาคิดว่าน่าจะขุดรากถอนโคนเจ้าตัวการได้อย่างรวดเร็วด้วยการค้นหาจิตวิญญาณของบรรดานักตรวจสอบสมบัติ เพราะถึงอย่างไร รากฐานวรยุทธของผู้พยากรณ์จิตวิญญาณกับนักรบทั่วไปก็แตกต่างกันมาก แต่ใครจะไปคิดว่าผลที่ได้จากบรรดานักตรวจสอบสมบัติจะออกมาเป็นลบทั้งหมด!


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงหลับตาและครุ่นคิดอีกครู่หนึ่ง ไม่ช้า ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามา เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง “นักตรวจสอบสมบัติคนไหนบ้างที่เพิ่งมาถึงวันนี้?”


“ฮะ?”


จางเซวียนใจเต้นตึกตัก


ตอนที่ 1805 ผมถูกสงสัย

จางเซวียนหามาตรการตอบโต้ไว้มากมายเพื่อให้แน่ใจว่านักปราชญ์โบราณโม่หลิงจะไม่อาจล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่เขาลืมปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งไป – ช่วงเวลาที่มาถึง!


ในเมื่อปัญหาเพิ่งเกิดเมื่อครู่ ก็มีโอกาสสูงที่ตัวการจะเป็นนักตรวจสอบสมบัติที่เพิ่งมาถึงวันนั้น


“วันนี้มีนักตรวจสอบสมบัติเข้ามา 4 คน คืออู๋เทาจากเมืองไคหย่ง, โม่เฟยจากเมืองหูไห่…” ชายวัยกลางคนรีบนำรายการออกมาและร่ายยาวรายชื่อเหล่านั้น จากนั้นก็หันไปสั่งการกับฝูงชน “พวกคุณทั้ง 4 คน, ก้าวออกมา!”


จางเซวียนก้าวออกไปโดยไม่ลังเล


ยิ่งเขาชักช้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสจะถูกเปิดโปงมากขึ้นเท่านั้น จึงฉลาดกว่าหากจะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้อย่างอาจหาญ เพราะถึงอย่างไร ตัวตนของเขาในตอนนี้ก็คืออู๋เทาซึ่งมีประวัติขาวสะอาด ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องหวาดกลัวอะไร


“ผมพูดถูกไหมว่าคุณทั้งสี่เพิ่งมาถึงวังในวันนี้?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงเดินเข้าหาคนทั้งสี่อย่างช้าๆ และกวาดสายตามอง


สายตาของเขาจับจ้องที่จางเซวียนครู่หนึ่ง แต่ก็ดูจะไม่พบอะไรผิดปกติ


รอยย่นปรากฏบนหน้าผากของเขา


ในตอนนั้น นักปราชญ์โบราณโม่หลิงรู้สึกได้ถึงความหวาดระแวงของเหล่านักตรวจสอบสมบัติที่อยู่ในห้อง จึงอธิบายอย่างสุขุม “ไม่ต้องตื่นตระหนกไป พวกเรากำลังหาตัวผู้บุกรุกที่ลักลอบเข้ามาในพระราชวัง ไม่มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกคุณต้องกังวล”


เมื่อได้ยินว่านี่คือกระบวนการค้นหาผู้บุกรุก ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก


แม้บางครั้งพวกเขาจะละโมบโลภมากไปบ้าง แต่ก็เป็นแค่นักตรวจสอบสมบัติ ไม่มีเหตุอะไรที่จะทำให้ต้องบุกรุกเข้าไปในพระราชวัง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวล


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงสำรวจตรวจสอบสีหน้าของเหล่านักตรวจสอบสมบัติในห้องอย่างถี่ถ้วน แต่ก็ยังไม่พบความเปลี่ยนแปลงจากสีหน้าและอารมณ์ของพวกเขา รอยย่นบนหน้าผากของเขาลึกขึ้นอีกขณะพูดต่อ “ผู้บุกรุกคนนี้เป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จิตวิญญาณของเขาจะไม่สามารถเข้ากันได้ดีกับกายเนื้อเหมือนกับนักรบทั่วไป ผมมีของล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่สามารถตรวจสอบความเข้ากันได้ระหว่างจิตวิญญาณกับกายเนื้อ และอยากให้พวกคุณออกมาทีละคน ด้วยสิ่งนี้ ผมจะตัดสินได้ว่าใครคือผู้บุกรุกที่ซ่อนอยู่”


ขณะที่พูด เขาก็ดีดนิ้ว แล้ววัตถุทรงกลมก้อนหนึ่งก็ปรากฏ มันหมุนคว้างอยู่กลางอากาศอย่างเงียบเชียบ เปล่งแสงสีขาวออกมา


“ทำไมเราไม่เริ่มจากแขกทั้ง 4 ที่เพิ่งมาถึงวันนี้ล่ะ?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงหันไปมองจางเซวียนกับนักตรวจสอบสมบัติอีก 3 คน


“ก็ดี!” นักตรวจสอบสมบัติคนหนึ่งในกลุ่มคนทั้ง 4 ก้าวออกมา


ตามชื่อที่ชายวัยกลางคนเรียกไว้ก่อนหน้านี้ เขาคือโม่เฟย


โม่เฟยเดินเข้าหาวัตถุทรงกลมนั้น ลำแสงสีขาวโอบล้อมร่างของเขาไว้


วิ้ง!


ตัวเลขปรากฏบนผิวหน้าของวัตถุทรงกลม


94!


“ความเข้ากันได้ใดๆที่เหนือกว่า 90 บ่งบอกว่าผู้นั้นไม่ใช่ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ…คุณไปได้ คนต่อไป!” ชายวัยกลางคนพูด


ภายใต้สถานการณ์ปกติ ความเข้ากันได้ระหว่างกายเนื้อกับจิตวิญญาณของนักรบคนหนึ่งจะอยู่ในระดับสูงสุดตั้งแต่เกิด โดยแตะ 100 เกือบตลอดเวลา แต่เมื่อจิตวิญญาณของผู้นั้นพัฒนาไปผ่านทางการฝึกฝนวรยุทธ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเกิดความเข้ากันไม่ได้ระดับหนึ่งระหว่างกายเนื้อกับจิตวิญญาณ


ด้วยเหตุนี้ ตราบใดที่ผู้นั้นไม่ใช่ผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ ระดับของความเข้ากันได้ก็จะสูงกว่า 90


แน่นอนว่าโม่เฟยไม่ได้ประหลาดใจที่เห็นผลลัพธ์แบบนั้น เขาหันหลังกลับและเข้าไปรวมกับฝูงชน


จากนั้น นักตรวจสอบสมบัติคนที่สองก็ก้าวออกมา เขายืนอยู่ใต้วัตถุทรงกลมนั้น


92!


เขาบรรลุเงื่อนไขเช่นกัน


ส่วนผลลัพธ์ของนักตรวจสอบสมบัติคนที่ 3 ก็อยู่ที่ 96


สุดท้ายก็ถึงตาของจางเซวียน


เขาสูดหายใจลึกและเดินไปยังใจกลางห้อง


เพราะไม่มีผู้พยากรณ์จิตวิญญาณอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์ จางเซวียนจึงไม่เคยเห็นของล้ำค่าชิ้นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่าระดับความเข้ากันได้ระหว่างกายเนื้อกับจิตวิญญาณของเขาจะเป็นอย่างไร แต่ด้วยการที่เทคนิควรยุทธของจิตวิญญาณของเขาคือศาสตร์แห่งจิตวิญญาณเทียบฟ้า ต่อให้เขาสามารถถอดจิตวิญญาณออกจากร่างได้ แต่ความเข้ากันได้ระหว่างกายเนื้อกับจิตวิญญาณก็ไม่น่าจะต่ำกว่านักรบทั่วไปมากนัก


จางเซวียนอยู่ใต้วัตถุทรงกลม ร่างของเขาถูกแสงสว่างเรืองโอบล้อมไว้


ตัวเลขปรากฏบนผิวหน้าวัตถุทรงกลมนั้น


100!


“ฮะ? เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบหรือ?”


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงกับชายวัยกลางคนถึงกับผงะ


การได้ 100 คะแนนเต็มก็หมายความว่ากายเนื้อกับจิตวิญญาณของผู้นั้นเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยทั่วไป มันจะปรากฏกับนักรบที่ยังไม่ได้สำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 5 การละทิ้งช่องว่างเท่านั้น ในเมื่อชายหนุ่มเป็นถึงนักรบระดับเซียนขั้น 7 ก็ยากที่จะเชื่อว่ากายเนื้อกับจิตวิญญาณของเขายังคงเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบอยู่


“ในอีกแง่หนึ่ง ข้อเท็จจริงที่ว่าจิตวิญญาณของเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์กับกายเนื้อ ก็หมายความว่าไม่มีทางที่เขาจะแยกจิตวิญญาณออกจากร่างได้ เขาจึงไม่น่าจะเป็นผู้บุกรุก…” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงส่ายหน้า


เขางุนงงกับผลลัพธ์อันแปลกประหลาดนี้ แต่ในโลกนี้ก็มีอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องอยู่ทุกรูปแบบ ไม่น่าประหลาดใจเกินไปนักที่จะได้เห็นใครสักคนที่ผิดแผกแตกต่างจากธรรมดา


สิ่งที่เขาควรให้ความสนใจในตอนนี้คือการควานหาตัวผู้บุกรุก ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณตัวจริง และไม่มีทางแน่นอนที่จิตวิญญาณของผู้พยากรณ์จิตวิญญาณจะเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบกับกายเนื้อของเขา


“ดำเนินการต่อ!”


เขาได้ตรวจสอบนักตรวจสอบสมบัติทั้ง 4 คนที่เพิ่งมาถึงในวันนั้นแล้ว แต่ไม่เกิดผลอะไร นักปราชญ์โบราณโม่หลิงจึงได้แต่โบกมือและสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป


ไม่ช้า นักตรวจสอบสมบัติกว่า 200 คนในห้องก็ผ่านการตรวจสอบทั้งหมด แต่ไม่มีใครเลยที่ระดับความเข้ากันได้ของกายเนื้อกับจิตวิญญาณต่ำกว่า 90


พูดอีกอย่างก็คือ มันเป็นไปตามรายงานที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ ไม่มีนักตรวจสอบสมบัติคนไหนที่เป็นผู้พยากรณ์จิตวิญญาณ


“ผมเดาผิดหรือ?” นักปราชญ์โบราณโม่หลิงเริ่มจะสงสัยความคิดของตัวเอง


สถานการณ์ตอนนี้ช่างน่างุนงงนัก


นับตั้งแต่อำมาตย์เฉินหลิงกลับมาจากทวีปแห่งปรมาจารย์ ทั่วทั้งพระราชวังก็แทบจะถูกพลิกแผ่นดินเพื่อควานหาผู้ที่อาจเป็นสายลับและหอกข้างแคร่ที่ซ่อนตัวอยู่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้บุกรุกจะเป็นคนใน ถ้าไม่มีนักตรวจสอบสมบัติคนไหนเป็นตัวการ…แล้วผู้พยากรณ์จิตวิญญาณนั่นโผล่มาจากไหน?


เมื่อเห็นว่าผลลัพธ์ที่ได้ไม่เกิดผลอะไรขึ้นมา ชายวัยกลางคนตั้งคำถามนักปราชญ์โบราณโม่หลิง “แล้วเราจะทำอย่างไรต่อ?”


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงคิดหนักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ดำเนินกระบวนการตรวจสอบสมบัติตามที่เราวางแผนไว้เหมือนเดิม แต่ดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครในหมู่พวกเขาที่ออกจากวังไปได้…อ้อใช่! ส่งผลการตรวจสอบสมบัติมาให้ผมด้วย”


“รับทราบ” ชายวัยกลางคนรีบพาองครักษ์จำนวนหนึ่งออกจากห้องโถงใหญ่เพื่อไปนำกล่องที่ บรรจุเอาผลการประเมินของล้ำค่าของเหล่านักตรวจสอบสมบัติกลับมา


“นักตรวจสอบสมบัติส่วนใหญ่ประเมินออกมาใกล้เคียงกัน มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่มีความผันผวนในความแม่นยำของการประเมินของพวกเขา” ชายวัยกลางคนรายงานขณะยื่นกล่องให้


ผู้ที่ผ่านการทดสอบและได้รับเลือกให้เข้าสู่พระราชวังล้วนแต่เป็นนักตรวจสอบสมบัติระดับหัวกะทิ ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะประเมินมูลค่าที่แท้จริงของสินแร่และสมุนไพรทั่วไป


“สำหรับหินดาวตก ค่าประเมินเฉลี่ยที่เราได้รับคือหินวิเศษขั้นสูงสุด 120 ก้อน ส่วนหินวารีเย็นเยือกอยู่ที่หินวิเศษขั้นสูงสุด 250 ก้อน…” ชายวัยกลางคนรายงานราคาของล้ำค่าชิ้นแล้วชิ้นเล่า


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงพยักหน้าขณะกวาดสายตาดูคำตอบอย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นร่างของเขาก็แข็งทื่อ เขาหันกลับไปถามชายวัยกลางคนว่า “อู๋เทาคนนี้คือใคร? ทำไมคำตอบของเขาถึงถูกต้องทั้งหมด?”


แม้แต่สินแร่ชนิดเดียวกัน 2 ก้อนก็ยังมีราคาต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาด สี และตำแหน่งที่พบสินแร่นั้น ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะประเมินราคาของล้ำค่าแต่ละชิ้นให้ออกมาถูกต้อง ซึ่งราคาที่ชายวัยกลางคนรายงานออกมาก็อยู่บนฐานของค่าเฉลี่ยที่เป็นผลจากการประเมินของนักตรวจสอบสมบัติ กว่า 200 คน


ซึ่งน่าประหลาดที่การประเมินของอู๋เทาใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยมาก


นักตรวจสอบสมบัติส่วนใหญ่ก็มีการกะประมาณที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย แต่สำหรับสินแร่ 2-3 ก้อนและสมุนไพรจำนวนหนึ่งที่ถูกรายงานไป การประเมินของอู๋เทาคลาดเคลื่อนจากค่าเฉลี่ยเป็นจำนวนแค่หินวิเศษขั้นสูงสุดก้อนหนึ่งหรือ 2 ก้อนเท่านั้น นั่นทำให้นักปราชญ์โบราณโม่หลิงเกิดความสงสัยขึ้นมา


“ผมเองก็งง” ชายวัยกลางคนตอบ “ผมเชื่อว่าเขาน่าจะมีทักษะชั้นยอดในการตรวจสอบสมบัติ”


“ผมก็ปฏิเสธข้อนั้นไม่ได้ แต่ถ้าผมจำไม่ผิด อู๋เทาคือผู้ที่มีความเข้ากันได้ระหว่างกายเนื้อกับจิตวิญญาณเต็มร้อยใช่ไหม?” นัยน์ตาของนักปราชญ์โบราณโม่หลิงเป็นประกายวาบ


เป็นความจริงที่ว่านักตรวจสอบสมบัติมีความเชี่ยวชาญในด้านการประเมินมูลค่าของข้าวของ แต่ การจะประเมินได้แม่นยำทุกครั้งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้


เมื่อผนวกกับข้อเท็จจริงที่อีกฝ่ายมีความเข้ากันได้ระหว่างกายเนื้อกับจิตวิญญาณถึงระดับ 100 เต็มอย่างน่าประหลาด ก็ดูเหมือนว่าน่าจะมีบางอย่างผิดปกติ


“ใช่!” ชายวัยกลางคนพยักหน้า


เขาเองก็รู้สึกแปลกๆ


นักปราชญ์โบราณโม่หลิงขมวดคิ้วขณะสั่งการ “นำข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับนักตรวจสอบสมบัติอู๋เทาคนนี้มาให้ผม!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)