ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1802-1821
ตอนที่ 1802 แพ้อาหารทะเล
เซียวเซ่อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หนึ่งชั่วโมงสามารถทำอะไรได้ตั้งมากมาย รวมถึงฆ่าคนด้วย”
เหมยเหมยแย้งขึ้นว่า “ไม่สิ ทางตำรวจถามคนที่อยู่ห้องชั้นล่างของห้องโอหยางสยงแล้ว คนในครอบครัวนั้นบอกว่าตอนเย็นหลังจากที่โอหยางซานซานจากไป ชั้นบนยังคงมีเสียงดังตึงตังอยู่ดังจนดึกดื่นถึงจะหยุดเลยนะ”
เธอปวดหัวอีกครั้ง สิ้นหวังเหลือเกิน เหมือนว่ามันจะวนกลับมาอีกครั้ง
เซียวเซ่อจ้องเธออย่างดูถูกแวบหนึ่ง “โชคดีที่เธอเขียนหนังสือที่อ้างอิงหลักการเหตุผล คนที่เคลื่อนไหวนอกจากโอหยางสยงแล้วอาจจะมีฆาตกรด้วยก็ได้นี่”
เธอชะงักพลางพูดต่อว่า “ถ้าหากฉันเป็นโอหยางซานซาน แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องสร้างหลักฐานว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เธอเพียงแค่สร้างสถานการณ์ลวงว่าโอหยางสยงยังมีชีวิตอยู่หลังจากที่เธอจากไปแล้วเพื่อทำให้ตำรวจเข้าใจผิด ลบล้างข้อสงสัยให้กับตัวเอง แม้ว่าวิธีนี้จะล้าสมัยไปแล้วแต่มันกลับได้ผลมาก”
“กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าหลังจากที่โอหยางซานซานฆ่าโอหยางสยงแล้วก็แสร้งทำเป็นกลับไป จากนั้นก็แอบกลับมาใหม่ในตอนกลางคืนเพื่อจงใจสร้างสถานการณ์ลวงว่าโอหยางสยงยังมีชีวิตอยู่”
อู่เชาสรุปการคาดเดาของเซียวเซ่อ เซียวเซ่อพยักหน้า “อีกประเด็นหนึ่งคือเจ้าของร้านลูกชิ้นปลาบอกว่า หลังจากที่โอหยางซานชานจากไปครั้งสุดท้ายโอหยางสยงก็ไม่เคยไปกินลูกชิ้นปลาอีกเลย แต่เมื่อก่อนจะไปซื้อลูกชิ้นปลากินกลางดึกทุกคืน”
“นี่ก็อธิบายได้ว่าโอหยางซานซานน่าจะไม่รู้ว่าโอหยางสยงมีความชอบนี้ ต่อให้เธอรู้เธอก็ไม่สามารถปลอมตัวเป็นโอหยางสยงไปซื้อลูกชิ้นปลาได้อยู่ดี” สยงมู่มู่พูด
พวกเขาพูดต่อกันคนละประโยค เงื่อนงำปริศนาที่ถูกปกปิดไว้ เหมือนเปลือกผิวของหัวหอมที่ค่อย ๆถูกลอกออกทีละชั้นเผยความจริงออกมาให้เห็น
ศีรษะของเหมยเหมยปวดหนักขึ้นกว่าเดิม ถึงขนาดเอาปลอกปากกาเคาะที่ขมับจนบุบลงไปแต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย แถมยังออกแรงเคาะแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสี่ยวอวิ๋นเห็นแล้วก็เป็นห่วง เธอหยิบปลอกปากกาออกแล้วนวดให้เหมยเหมย
“หากยังปวดแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ฉันส่งคนไปตามหมอกู้ที่มาเก๊าแล้ว ถ้าทุกอย่างราบรื่นตอนเย็นนี้ก็น่าจะกลับมาฮ่องกงได้แล้ว” เสี่ยวอวิ๋นพูดพลางนวดขมับไป ฝีมือช่ำชองมากจนเหมยเหมยรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
เธอไม่ได้พูดห้ามว่าไม่ให้ไปหาหมอกู้อีกเพราะเธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จากตอนแรกที่นึกว่าจะทนได้อีกสักสองวัน
“สมมติว่าสิ่งที่พวกเธอพูดเป็นความจริง อาจเป็นเพราะโอหยางสยงค้นพบสถานะตัวปลอมของโอหยางซานซานเธอถึงได้ลงมือฆ่า ถ้างั้นเพราะอะไรโอหยางสยงถึงมองออกล่ะ?” เหมยเหมยถาม
“ลูกชิ้นปลา!”
เซียวเซ่อพูดอย่างมั่นใจ
สยงมู่มู่พูดอย่างเห็นด้วยว่า “ไม่ผิดแน่ ก่อนที่โอหยางสยงจะเสียชีวิตเขาต้องการเปิดเผยว่าใครคือฆาตกรอย่างแน่นอน สัญชาตญาณทำให้เขาเขียนสาเหตุการตายของเขา อาจจะพูดได้ว่าโอหยางสยงค้นพบว่าโอหยางซานซานชอบกินลูกชิ้นปลาจึงสงสัยในตัวตนของเธอ หลังจากนั้นโอหยางซานซานก็ค้นพบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงกลับไปฆ่าโอหยางสยง…”
อู่เชาถูแขนตนเองอย่างอดไม่ได้เพราะรู้สึกถึงลมเย็นที่พัดผ่านมาจนตัวสั่น
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามต่อ “หรือว่าเดิมทีโอหยางซานซานไม่กินลูกชิ้นปลา? หรือว่าบางทีโอหยางซานซานอาจจะแพ้ลูกชิ้นปลาเหมือนฉัน? ดังนั่นพอโอหยางสยงเห็นเธอกินลูกชิ้นปลาจึงเกิดข้อสงสัยขึ้น?”
“มีความเป็นไปได้ ลูกชิ้นปลาของทางฮ่องกงส่วนใหญ่จะทำจากปลาทะเล คนที่แพ้อาหารทะเลไม่สามารถกินได้” เซียวเซ่อพูด
สยงมู่มู่แสดงท่าทีตกใจดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก อยู่ดี ๆเขาก็ตบต้นขาตัวเองพลันตะโกนเสียงดังว่า “เฮ้ย…ฉันนึกออกแล้ว…”
เดิมทีเด็กชายอู่เชาผู้โชคร้ายก็สติหลุดอยู่แล้ว ตอนนี้ดีดตัวพุ่งสูงสามฟุต ดวงตาเบิกกว้าง
“ฉันนึกออกแล้ว พอพูดถึงอาหารทะเลฉันก็นึกขึ้นมาได้ โอหยางซานซานกินอาหารทะเลไม่ได้เพราะเธอแพ้อาหารทะเล…” สยงมู่มู่ตื่นเต้นดีใจ
…………………………………………..
ตอนที่ 1803 หมดสติไปอีกแล้ว
สยงมู่มู่อธิบายอย่างตื่นเต้น “ฉันก็เพิ่งนึกออก ตอนนั้นมีปลาจวดเหลืองสดใหม่กล่องหนึ่งส่งมาให้เป็นบรรณาการพิเศษอยู่ครั้งหนึ่ง หวงอวี่เหลียนบังเอิญพาโอหยางซานซานไปทานอาหารเย็นด้วยพอดี ตอนนั้นโอหยางซานซานน่าจะอายุประมาณหกหรือเจ็ดขวบ หล่อนกินปลาจวดสีเหลืองไปเยอะมาก ๆแต่ไม่นานก็หมดสติไป บนตัวมีผื่นแดงขึ้นเต็มไปหมด พอส่งตัวไปโรงพยาบาลถึงได้ทราบสาเหตุว่าโอหยางซานซานแพ้อาหารทะเลและยังแพ้ขั้นร้ายแรงจนถึงขั้นอาจจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตด้วย”
อู่เชาเบะปาก พูดอย่างรู้สึกเศร้าใจว่า “ถ้าฉันกินถั่วลิสงก็จะตายเหมือนกัน”
ทั้ง ๆที่ถั่วลิสงอร่อยขนาดนั้น ตอนเด็ก ๆเขาแอบขโมยกินขนมถั่วลิสงอัดแท่งชิ้นหนึ่ง ตอนนั้นเกือบจะเอาชีวิตน้อย ๆไม่รอด!
คำพูดของสยงมู่มู่ก็ทำให้หมอกทึบหนาแน่นพลันสดใสขึ้นมาในทันที
เหมยเหมยดีใจจนลืมปวดหัวพลันเอ่ยว่า “ตอนนี้ก็แน่ใจได้แล้วว่าโอหยางซานซานคนปัจจุบันคือตัวปลอม งั้นโอหยางซานซานตัวตริงล่ะอยู่ที่ไหน? แล้วคนที่ปลอมตัวเธอคือใคร?”
“ถ้าไม่โดนฆ่าตายก็โดนกักขังไว้อยู่ แต่ฉันรู้สึกว่าโอหยางซานซานตัวปลอมคนนี้จิตใจโหดเหี้ยม เพราะงั้นมีแนวโน้มที่จะถูกฆ่ามากกว่า”
เซียวเซ่อคิด ๆแล้วก็พูดขึ้นว่า “ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่ต้องเป็นคนที่มีอุบายเล่ห์เหลี่ยมลึกซึ้ง ผู้หญิงใจอำมหิตมีไอคิวสูง และอาจจะมีความแค้นเก่ากับเหมยเหมยอีก เธอจะต้องระมัดระวังตัวหน่อยนะ”
เหมยเหมยใช้สมองคิดอย่างรวดเร็ว เมื่อไตร่ตรองถึงคนที่สอดคล้องตามเงื่อนไขดั่งที่เซียวเซ่อกล่าวมา บรรดาคนที่เธอรู้จักและคนที่สอดคล้องมีจำนวนอยู่ไม่มากนัก
นับไปนับมาก็เหลืออยู่แค่สองคน
คนหนึ่งคือโฮ่วเซิ่งหนาน
คนหนึ่งคืออู่เยวี่ย
แต่สองคนนี้ต่างก็ตายกันไปหมดแล้ว!
แล้วยังจะมีใครอีก?
จู่ ๆศีรษะก็ปวดขึ้นมาราวกับโดนทิ่มแทงอย่างกะทันหันโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เหมยเหมยส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ มือทั้งสองข้างกุมหัวกลิ้งไปมาบนโซฟา ปวดยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก ภายในไม่กี่นาทีเธอก็หมดสติไปอีกครั้ง
“ทำไมถึงได้ปวดมากขนาดนี้ล่ะ? ฉันไปโทรศัพท์ก่อนจะลองส่งตัวไปให้คุณหมอแมคเฟอร์สันตรวจดู” เซียวเซ่อกล่าวด้วยท่าทีเด็ดเดี่ยว
โรงพยาบาลเอกชนในฮ่องกงได้รับการพัฒนาไปมาก สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันกว่าโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่ง คุณหมอแมคเฟอร์สันก็เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำเช่นกัน บรรดาเศรษฐีอันดับต้น ๆของฮ่องกงต่างก็กรูกันไปหาเขาเพื่อตรวจร่างกาย ผู้นำสูงสุดเองก็เช่นกัน
แต่ว่าจำเป็นต้องนัดก่อนล่วงหน้าไม่ค่อยรับผู้ป่วยฉุกเฉิน แน่นอนว่าเซียวเซ่ออ้างชื่อของคุณย่าต้องได้รับเอกสิทธิ์อยู่แล้ว
คุณแมคเฟอร์สันมารับพวกเขาด้วยตัวเอง เขาเป็นชายชราชาวอังกฤษตัวอ้วนเตี้ยและมีอารมณ์ขัน เขาไว้หนวดจิ๋วเล็ก ๆสองข้าง เป็นคนช่างพูดช่างเจรจาแถมยังเคารพนบน้อมต่อเซียวเซ่อมาก
เขาตรวจเหมยเหมยทั่วทั้งร่างกายซึ่งละเอียดมากกว่าโรงพยาบาลของรัฐครั้งก่อนเยอะ ตรวจแม้กระทั่งดีเอ็นเอ
ทรมานไปเกือบสองชั่วโมง
“ไม่มีปัญหา ดัชนีตัวชี้วัดค่อนข้างปกติ มีแค่โรคโลหิตจางเพียงเล็กน้อย เหนื่อยล้าเกินขีดจำกัดและนอนหลับไม่เพียงพอ แล้วก็มดลูกเย็นเล็กน้อยอย่างที่ชาวฮวาเซี่ยชอบพูดกัน…ปัญหาเล็ก ๆน้อย ๆเหล่านี้มองข้ามไปได้ สุขภาพดีมาก!”
คุณหมอแมคเฟอร์สันเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรวจร่างกายในห้องปฏิบัติการพลางยักไหล่
“ทำไมถึงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้วล่ะ? ถ้าไม่มีปัญหาแล้วทำไมเหมยเหมยถึงปวดจนหมดสติไปครั้งแล้วครั้งเล่า? จะต้องมีปัญหาแน่นอนเพียงแต่หาสาเหตุไม่ได้” สยงมู่มู่ขมวดคิ้วแน่น พยายามอดกลั้นความอยากด่าเอาไว้
แต่คุณหมอแมคเฟอร์สันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เครื่องจักรที่ดีที่สุดในโลกตรวจสอบแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ต่อให้เขาอยากรักษาก็จนปัญญาจะทำอะไรได้
ครั้งนี้เหมยเหมยหมดสติไปค่อนข้างนาน ทั้ง ๆที่ถูกทรมานไปตั้งหลายชั่วโมงก็ยังไม่ฟื้นแต่กลับนอนกระสับกระส่าย พอมองออกว่าแม้เธอจะหมดสติไปแต่อาการปวดศีรษะก็ยังไม่หาย
“ฉันจะโทรหาคุณชายหมิง!”
เสี่ยวอวิ๋นไม่กล้าปิดบังอีกต่อไป ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงเหยียนหมิงซุ่นน่าจะยังไม่ออกเดินทาง เธอต้องรายงานเรื่องอาการเจ็บป่วยของคุณหนูให้เขารับรู้
ตอนที่ 1804 ฉิวฉิวก็จนหนทาง
เหยียนหมิงซุ่นกำลังประชุมอยู่กับผู้ใต้บังคับบัญชา ตอหนวดสีเขียวเข้มปรากฏขึ้นตรงคาง ดวงตาแดงก่ำ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาได้นอนไม่เกินสามชั่วโมง เรื่องน่าปวดหัวต่างถาโถมเข้ามาเป็นกอง
ประชุมเพิ่งจะเริ่มไปได้ครึ่งทาง เหยียนหมิงซุ่นก็ได้รับโทรศัพท์จากเสี่ยวอวิ๋น ใบหน้าคร่ำเครียดในทันที
“ทำไมถึงไม่โทรมารายงานให้เร็วกว่านี้? ตอนนี้อาการของเหมยเหมยเป็นอย่างไรบ้าง?”
เสียงของเหยียนหมิงซุ่นเย็นยะเยือกจนน้ำแข็งจะหล่นลงมาได้อยู่แล้ว เสี่ยวอวิ๋นหดตัวพลันเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มหลัง พูดไปตามตรงว่า “คุณหนูบอกว่ามันไม่อยากให้กระทบต่องานของคุณชายเลยไม่ยอมให้ฉันโทร”
“ฉันจะรีบไปภายในหนึ่งชั่วโมง เธอรีบส่งคนไปตามหาหมอกู้ ต่อให้อยู่สุดขอบฟ้าก็ต้องหาให้เจอ”
เหยียนหมิงซุ่นไม่มีกะจิตกะใจจะต่อว่าเสี่ยวอวิ๋นอีก เขามีลางสังหรณ์ที่แย่มาก ทันใดนั้นจู่ ๆก็นึกถึงความฝันก่อนหน้านั้น
หรือว่าฝันนั้นจะเป็นลางเตือนเขาว่าเหมยเหมยจะเป็นอะไรไป?
เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นถึงตาตุ่ม เขาปัดการคาดเดานี้ทิ้งอย่างรวดเร็ว ในฝันมีแค่ทารกอ้วนเพียงคนเดียวไม่มีเหมยเหมยสักหน่อยต้องไม่เกี่ยวข้องกับเธออย่างแน่นอน อาการปวดหัวน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ
เขารีบปิดการประชุมอย่างรวดเร็วและไม่ได้จัดการกับสารรูปของตัวเอง แต่เขารีบไปด้วยความร้อนใจเหมือนไฟที่แผดเผา
ทั้ง ๆที่ตอนไปยังดี ๆอยู่เลยยังไม่ถึงครึ่งเดือนอาการป่วยก็หนักขนาดนี้แล้ว เป็นเพราะต้องไม่ได้กินข้าวดี ๆและไม่ได้นอนตรงเวลาแน่นอน รอหายดีจะลงโทษยัยเด็กน้อยตัวแสบนี่ให้ดู
เวลานี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดว่าเหมยเหมยเขียนหนังสือจนดึกดื่นถึงได้ส่งผลทำให้ปวดศีรษะ เขาตัดสินใจใช้มาตรการบีบบังคับกำหนดว่าตอนที่เขาไม่อยู่หลังสี่ทุ่มครึ่งจะต้องเข้านอน
ครั้นเขาเห็นเหมยเหมยที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียงแต่กลับขมวดคิ้วแน่นด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าซีดจนไร้ร่องรอยของเส้นเลือดเหมือนกับดอกไม้เล็ก ๆที่โดนพายุโหมกระหน่ำ ทำเอาเขาปวดใจเหลือเกิน
“หาตัวหมอกู้เจอหรือยัง?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงต่ำ
“หาเจอแล้ว กำลังรีบนั่งเรือกลับมา น่าจะถึงก่อนหนึ่งทุ่มค่ะ” เสี่ยวอวิ๋นตอบ
เหยียนหมิงซุ่นยกข้อมือขึ้นดู ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสี่โมงครึ่งยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงครึ่ง เขาให้พวกเซียวเซ่อออกไปจนหมดเหลือแค่ตัวเขาเอง เขาเอนตัวนอนบนเตียงอีกครึ่งหนึ่งแล้วสวมกอดเหมยเหมยไว้ในอ้อมแขน กระซิบข้างหูเธอเสียงเบา เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าเล็กน้อยแต่กลับทำให้หว่างคิ้วของหญิงสาวในอ้อมแขนผ่อนคลายลงมาก
“พี่หมิงซุ่น…”
เหมยเหมยพูดพึมพำกับตัวเอง เหยียนหมิงซุ่นรีบตอบรับ “พี่อยู่นี่…พี่มาแล้ว…”
อาจเป็นเพราะกลิ่นที่คุ้นเคย มุมปากของเหมยเหมยจึงยกสูงขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าถูกับแขนของเหยียนหมิงซุ่น จากนั้นถึงนอนหลับไปอย่างสบายใจ สีหน้าดูดีขึ้นมาหน่อย
เหยียนหมิงซุ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามาแต่เขาฝืนกดมันไว้ ฟุบตัวบนหัวเตียงถามฉิวฉิวที่มีสีหน้ากังวลใจว่า “แกรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของแก?”
ฉิวฉิวส่ายหน้าอย่างรู้สึกผิด ความสามารถพิเศษของเขาคือการค้นหาสมบัติล้ำค่าไม่ใช่รักษาอาการเจ็บป่วย คราวนี้ไม่มีหนทางรักษาอาการป่วยของนายหญิงได้จริง ๆ
แม้กระทั่งยาวิเศษก็ใช้ไม่ได้ผล เฮ้อ!
เหยียนหมิงซุ่นมองเจ้าตัวเล็กที่พรูลมหายใจยาวเหมือนผู้ใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจตามไปด้วย แม้กระทั่งฉิวฉิวก็ไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่าอาการปวดศีรษะของเหมยเหมยจะต้องเป็นเรื่องประหลาดอย่างแน่นอน
ความรู้สึกที่ไม่ดีพุ่งถาโถมขึ้นมาอีกครั้ง เหยียนหมิงซุ่นสะบัดหัวตัดสินใจที่จะไม่คิดถึงมันอีก นอนก่อนสักงีบเพื่อให้มีกำลังวังชาขึ้นมาสักหน่อย
เวลาประมาณหกโมงครึ่งเหมยเหมยก็รู้สึกตัวขึ้นมา อาการปวดศีรษะก็ทุเลาลง เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมาจมูกก็ได้กลิ่นอันคุ้นเคย ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นมาแล้ว เขากำลังโอบเธอนอนหลับอยู่
เธอค่อย ๆเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นคางที่เต็มไปด้วยเคราบาง ๆของเหยียนหมิงซุ่น ทั้งยังมีรอยคล้ำเข้มที่ใต้ตา พลันทำเอาเธอนึกปวดใจขึ้นมาเหลือเกิน
เฮ่อเหลียนชิงตาแก่โรคจิตนั่นเอาแต่โยนงานให้เหยียนหมิงซุ่น วัน ๆตัวเองกลับเอาแต่เที่ยวเตร็ดเตร่ชมแม่น้ำภูเขา เพลิดเพลินมีความสุขจนหลงลืมภาระหน้าที่ของตัวเอง ปากก็พูดเสียน่าฟังว่าจะฝึกฝนความสามารถในการทำงานของเหยียนหมิงซุ่น
เชอะ ทั้ง ๆที่ขี้เกียจแท้ ๆ!
…………………………………………..
ตอนที่ 1805 รีบพาหมอกู้กลับมา
พอเหยียนหมิงซุ่นตื่นขึ้นมาเห็นว่าเหมยเหมยไม่ปวดศีรษะอีกก็วางใจลงบ้าง กลิ่นหอมจาง ๆของหญิงสาวในอ้อมแขนลอยมาแตะจมูกเป็นครั้งคราวจึงอดไม่ได้ที่จะประทับจูบลงหน้าผากของเธอ ถามเบา ๆว่า “ยังปวดอยู่ไหม?”
เหมยเหมยส่ายหัวไปมาอยู่ในอ้อมกอด ผมนุ่มสลวยปัดผ่านคางของเขาเป็นระยะ ๆ เหยียนหมิงซุ่นปัดผมของเธอออกไปไว้อีกด้านแล้วเอื้อมมือนวดที่ขมับของเธอเบา ๆ “เข้านอนไม่ตรงเวลาใช่ไหม? วาดรูปแล้วนอนดึกอีกแล้วใช่ไหม?”
“เปล่านะ หลายวันมานี้มีเรื่องวุ่นเยอะแยะจะตาย แม้กระทั่งแรงบันดาลใจที่สร้างสรรค์ผลงานฉันยังไม่มีเลย พี่หมิงซุ่นโอหยางซานซานเป็นตัวปลอม เธอฆ่าโอหยางสยง พวกเราเพิ่งคิดวิเคราะห์กันออกมาได้”
เหมยเหมยลำพองใจเป็นอย่างมาก กระหยิ่มยิ้มย่องใจสุด ๆ
เหยียนหมิงซุ่นเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเพราะเรื่องนี้เขายังไม่รู้จริง ๆ เสี่ยวอวิ๋นมัวแต่กังวลอาการป่วยของเหมยเหมยจึงลืมรายงานเรื่องนี้ไปชั่วขณะ
“เรื่องเป็นมาอย่างไร?” เขาถาม
เหมยเหมยคิดอยากจะพูด จู่ ๆเธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยปิดจมูกด้วยท่าทางน่ารัก กลิ้งตัวไปอีกด้านด้วยความรังเกียจ “พี่เหม็นมาก…ไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้วเนี่ย? รีบไปอาบน้ำเลย…รีบไป…”
เธอพูดพลางก้มหัวลงดมตัวเธอเองพลันถลึงตาจ้องเหยียนหมิงซุ่นอย่างขุ่นเคือง “ทำเอาตัวฉันมีกลิ่นไปด้วยเลย ยังจะมีหน้ามาว่าฉันอีก ฉันไม่ได้ดูแลอยู่ข้างพี่ถึงขนาดอาบน้ำยังไม่ตรงเวลาเลยเหรอ”
เหยียนหมิงซุ่นเริ่มใจเสียเขาไม่ได้อาบน้ำมาแล้วสองวันจริง ๆ แม้กระทั่งเวลานอนยังไม่มีเลยไหนเลยยังจะมีเวลาดูแลสุขอนามัยของตัวเองได้อีก?
“งั้น…อาบด้วยกัน?”
เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือดึงสาวงามเข้ามาในอ้อมแขน ยิ้มแล้วเดินไปห้องน้ำ
แน่นอนว่าไม่ได้ทำอะไร เขาไม่ใช่สัตว์ร้ายที่จะลงมือกับภรรยาที่ป่วยอยู่นะ ถือโอกาสสร้างความอบอุ่นสักหน่อยก็ยังพอได้อยู่!
ไม่ถึงทุ่มหมอกู้ก็ถูกลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นลากตัวมา เท้ายังสวมรองเท้าแตะสำหรับอาบน้ำอยู่ ท่อนล่างพันด้วยผ้าขนหนู ท่อนบนกลับมีเสื้อคลุมคลุมอยู่ดูไม่เข้ากันเลยสักอย่าง
ตอนที่คนของเหยียนหมิงซุ่นหาเขาพบ ชายชราคนนี้กำลังดื่มด่ำกับการนวดอยู่ในโรงอาบน้ำกับเจ้าถิ่นผู้มีอิทธิพลที่คบค้าสมาคมในช่วงระยะนี้
เจ้าถิ่นผู้มีอิทธิพลทำเพื่อขอบคุณที่หมอกู้รักษาไตอ่อนแอให้เขา เขาจึงตั้งใจเชิญหมอกู้ไปนวด กำลังสบายเลย!
“พวกนายทำอะไรกัน…พูดให้เข้าใจหน่อยได้ไหม…ตกลงคุณหนูของพวกนายเป็นอะไรกันแน่…”
หมอกู้ใส่รองเท้าแตะเดินย่ำไปมา ขามีขนรกรุงรังเต็มไปหมด เค้าหมอเทวดาในอดีตเวลานี้กลับพังยับเยินจนหมดสิ้น
“อุ๊บ”
เหมยเหมยที่เพิ่งเดินลงมากลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่ การแต่งตัวแบบนี้มันช่าง…
หมอกู้เห็นเหมยเหมยที่ดูสดชื่นหลังอาบน้ำก็นึกโกรธในทันที “คุณหนูของพวกนายไม่ใช่ว่าสบายดีอยู่เหรอ? พวกนายลากฉันมาแบบนี้รู้ไหมว่าฉันยังไม่ได้รับค่ารักษาเลย? รู้ไหมว่าค่ารักษาของฉันสูงมากแค่ไหน…”
ลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นยืนเฉย ๆตีหน้านิ่ง ไม่สนว่าหมอกู้จะด่าอย่างไรพวกเขาก็แค่ปิดปากเงียบกริบ พร้อมหันไปทำความเคารพเหยียนหมิงซุ่นด้วยความนอบน้อม พูดเสียงดังฟังชัดว่า “เรียนคุณชาย พาตัวมาได้แล้วครับ!”
“อืม!” เหยียนหมิงซุ่นตอบรับเสียงเบาให้พวกเขาออกไป
หมอกู้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมาอย่างขุ่นเคือง ใบหน้าของเขาดำถมึงทึงราวกับสีคาร์บอน
เจ้าถิ่นมาเก๊าคนนั้นกว่าเขาจะคบค้าสมาคมด้วยนั้นไม่ง่ายเลย คนโง่เงินเยอะ ขอเพียงหลอกล่ออีกแค่สองสามวัน เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินบำนาญของเขาอีกต่อไป
แต่ตอนนี้…
ทั้งหมดโดนยัยเด็กอัปลักษณ์นี่ทำลายจนหมดสิ้น!
“หมอกู้ รบกวนคุณช่วยตรวจดูอาการของเหมยเหมยให้หน่อย ระยะนี้เธอมักจะมีอาการปวดหัวที่แปลกมาก ๆ ปวดจนหมดสติไปถึงสองครั้งแล้ว พอเธอไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลก็ไม่มีปัญหาอะไรจึงทำได้แค่รบกวนหมอกู้แล้ว” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างเกรงใจ
สีหน้าของหมอกู้เคร่งขรึมขึ้น เขาไม่คิดว่าเหมยเหมยจะป่วยจริง ๆ อีกทั้งยังป่วยหนักเอาการจึงไม่บ่นอีกต่อไป เขาให้เหมยเหมยยื่นมือออกมา หลังจากตรวจดูอาการอยู่นานสีหน้าก็เริ่มประหลาดใจขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนที่ 1806 โดนคนลอบทำร้ายแล้ว
เหมือนหมอกู้จะไม่สามารถยืนยันได้จึงเปลี่ยนมืออีกข้างเพื่อตรวจชีพจร ทั้งยังบอกให้เหมยเหมยแลบลิ้นออกมาและตรวจดูสีหน้า แล้วยังสอบถามเธอเกี่ยวกับอาการปวดหัวที่กำเริบขึ้นมาในช่วงระยะนี้ รวมไปเริ่มมีอาการปวดหัวตั้งแต่เมื่อไร
เหมยเหมย—พูดออกมาหมด เดิมทีเธอไม่ได้เอาเก็บมาคิดมากนักแต่พอเห็นท่าทางของหมอกู้ ดูท่าอาการปวดหัวของเธอจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว หัวใจก็พลันตกลงไปที่ตาตุ่ม
หรือว่าเธอจะเป็นโรคที่รักษาไม่ได้?
เธอไม่อยากตายนะ!
“คุณปู่กู้ ตกลงหนูเป็นโรคอะไรกันแน่คะ?” เหมยเหมยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ตอนนี้พูดยาก เอามือของนายมาให้ฉันตรวจหน่อย” หมอกู้เลี่ยงที่จะไม่ตอบและบอกให้เหยียนหมิงซุ่นยื่นมือออกมา
เหยียนหมิงซุ่นแปลกใจอย่างมาก แต่พอเห็นหมอกู้ไม่มีท่าทีเหมือนคนพูดเล่นจึงยื่นมือมือซ้ายออกไป ความรู้สึกที่เป็นลางไม่ดีในใจมีมากขึ้น
หมอกู้วัดชีพจรให้เหยียนหมิงซุ่นอยู่นาน สีหน้าของเขาก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้น “นายตามฉันไปที่ห้อง”
หลังจากเข้าห้องไปเขาก็ให้เหยียนหมิงซุ่นถอดเสื้อผ้า ถึงแม้เหยียนหมิงซุ่นจะรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ยังทำตาม หมอกู้เห็นรอยแดงจาง ๆเหมือนเส้นไหมสีแดงตรงเอวด้านหลัง หากไม่ตั้งใจสังเกตดี ๆคงไม่เห็น
หมอกู้ถอนหายใจ ในใจพอจะรู้คร่าว ๆแล้วจึงบอกให้เหยียนหมิงซุ่นสวมเสื้อผ้า
“คุณหมอกู้ช่วยบอกหน่อยเถอะครับ เกิดอะไรขึ้นกับผมและเหมยเหมยกันแน่?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้น
หมอกู้มองเขาอย่างเห็นใจแล้วพูดว่า “นายโดนคนลอบทำร้ายโดนพิษกู่หักสวาทของเหมียวเจียงเข้าให้แล้ว กู่ชนิดนี้ฉันเคยเห็นเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ว่ากันว่าหายสาบสูญไปแล้วแต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่าจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง”
เหยียนหมิงซุ่นใจเต้น พิษกู่หักสวาท?
แค่ฟังดูก็รู้ว่าชื่อนี้ไม่ใช่ของดีเลย!
“หากโดนพิษกู่หักสวาทแล้วจะเป็นอย่างไร? มีความเกี่ยวข้องกับอาการปวดหัวของเหมยเหมยเหรอ?”
หมอกู้ไม่ได้ตอบตรง ๆแต่ถามกลับไปว่า “คุณกับเหมยเหมยได้ร่วมหอลงโรงกันแล้วใช่ไหม?”
เหยียนหมิงซุ่นหน้าแดงแล้วพยักหน้ายอมรับ
“นี่แหละ พิษกู่หักสวาทจะใช้ความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์ของชายหญิงส่งต่อพิษกู่ไปให้คนรัก แต่ว่าความแรงของพิษกู่จะลดลงครึ่งหนึ่ง อาการปวดหัวของเด็กน้อยเหมยเหมยเกิดจากพิษกู่นี้แหละ”
เหยียนหมิงซุ่นแอบโกรธแค้นอยู่ในใจ ตกลงแล้วใครเป็นคนที่ทำกู่ใส่เขากันนะ?
กระทั่งทำเอาเหมยเหมยติดร่างแหไปด้วย!
“แต่ทำไมร่างกายของผมถึงไม่มีอะไรผิดปกติแต่เหมยเหมยกลับปวดหัวล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นยังไม่เข้าใจ เขาไม่สังเกตเห็นถึงความรู้สึกไม่สบายใด ๆในร่างกายของเขาเลย ไม่อย่างนั้นเขาคงสงสัยถึงความผิดปกติของร่างกายไปนานแล้ว
“พิษกู่นี้มีผลต่อผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกัน จริง ๆแล้วมันเป็นอันตรายต่อผู้ชายมากกว่าเพราะจะค่อย ๆทำให้หมดสมรรถภาพทางเพศลงไปเรื่อย ๆจนผู้ชายสืบพันธุ์ไม่ได้” หมอกู้ชะงักไปและรู้สึกเห็นใจเหยียนหมิงซุ่นมาก
อายุยังน้อยแท้ ๆแต่กลับสืบพันสืบทอดสกุลเสียแล้ว น่าสงสารจริง ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นใจหล่นไปถึงตาตุ่ม ถึงแม้เขาจะไม่ชอบการมีลูกแต่การที่มีไม่ได้กับไม่อยากมีนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับทารกอ้วนในความฝันก่อนหน้านี้
เดิมทีร่างกายได้เตือนเขาแล้วแต่เขากลับไม่รู้ตัวสักนิด
“งั้นสำหรับผู้หญิงแล้วจะมีผลอย่างไร?” เหยียนหมิงซุ่นกังวลเกี่ยวกับร่างกายของเหมยเหมยมากกว่า
“สำหรับผู้หญิงจะไม่ส่งผลต่อการสืบพันธุ์แต่จะไม่สามารถร่วมรักได้ เพียงแค่คิดถึงโหยหากันก็ปวดจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆแล้ว นี่คือที่มาของชื่อกู่หักสวาท เพื่อให้คนไร้จิตใจไร้ความรัก ไร้ลูกหลานสืบทอดสกุล” หมอกู้อธิบาย
ตอนนี้เองเหยียนหมิงซุ่นถึงได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเหมยเหมยถึงเริ่มปวดหัวหลังจากมาถึงฮ่องกง ยัยซื่อบื้อคงคิดถึงเขาทุกวัน พอยิ่งนานวันเข้าความคิดถึงก็ยิ่งลึกซึ้ง
พอยัยปีศาจน้อยเป็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจเข้าไปถึงกระดูก
“พิษกู่หักสวาทมียารักษาไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้น เขาจะต้องพยายามคิดหาวิธีรักษาตัวเองและเหมยเหมยให้ได้ และต้องตามจับตัวคนที่ทำกู่ใส่เขามาให้ได้ด้วย
หมอกู้ส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินว่ามียาแก้พิษนะ เพราะกู่ชนิดนี้ทำมาเพื่อทรมานคนจึงไม่มียาแก้พิษ ตาแก่อย่างฉันก็ไม่มีความสามารถพอที่จะช่วยเหลือได้ด้วยสิ”
…………………………………………..
ตอนที่ 1807 สถานการณ์ท่าจะไม่ดี
เหยียนหมิงซุ่นยังไม่ยอมแพ้ถามต่ออีกว่า “งั้นมีวิธีที่จะบรรเทาอาการปวดหัวของเหมยเหมยไหม?”
เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนที่เจ็บปวดจะเป็นตัวเขาเอง
แต่ทำไมกลับเป็นเหมยเหมย คนที่ทำร้ายเขาลับหลังคิดวางแผนมาดีจริง ๆ คน ๆนั้นรู้ว่าหากทำให้เหมยเหมยเจ็บ แบบนี้เขาถึงจะยิ่งปวดใจ!
หมอกู้มีสีหน้าลังเล “ฉันจะลองแล้วกัน ฉันไม่เคยรักษาพิษกู่หักสวาทมาก่อนนะ”
เขาเองก็ตื่นเต้น ร้อนใจอยากจะลองแทบแย่อยู่แล้ว สำหรับเขาแล้วการเผชิญกับโรคที่รักษายากถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมากเช่นกัน หากเขารักษาให้หายได้ เช่นนั้นเขาก็จะสามารถหลงเหลือข้อมูลสำคัญไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปได้
“งั้นรบกวนคุณหมอกู้ด้วย หากคุณหมอกู้ขาดเหลืออะไรก็บอกผมได้เลย” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างซาบซึ้งใจ
“ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่แต่ว่าคุณก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วยนะ เพราะฉันไม่มีความมั่นใจเลยด้วยซ้ำ” หมอกู้พูดจาไม่น่าฟังไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
“ต้องรบกวนคุณหมอกู้แล้ว หากมีใครในโลกนี้ที่จะสามารถรักษาเหมยเหมยได้ นอกจากหมอกู้ก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว”
แม้กระทั่งเครื่องมือหมอที่ดีที่สุดยังตรวจหาไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยหมอกู้ก็รู้ว่าป่วยเป็นอะไรงั้นก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง
“หมอกู้ ตกลงแล้วพิษกู่หักสวาทนี่คืออะไร? เป็นยาพิษชนิดหนึ่งเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นอดถามไม่ได้
“เป็นยาพิษแต่ก็ไม่ใช่ยาพิษซะทีเดียวหรอก เพราะยาพิษจะทำให้ตายแต่พิษกู่หักสวาทกลับทำให้มีชีวิตต่อไปได้ เหมียวเจียงขึ้นชื่อเรื่องกู่คุณน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง อันที่จริงกู่ก็เป็นแมลงที่มีชีวิตชนิดหนึ่ง แต่เพราะมีเพียงหมอผีฝีมือขั้นสูงของเหมียวเจียงเท่านั้นที่จะสามารถสร้างกู่ได้จึงมีน้อยคนนักที่จะรู้จักกู่นี้
อีกทั้งเพราะกู่มาจากการใช้เลือดของหมอผีฝีมือขั้นสูงมาหล่อเลี้ยงพวกมันจึงหาได้ยากมาก และมันสูญพันธุ์ไปแล้วในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อาจจะมีพวกชาวเหมียวเจียงชนเผ่าโบราณที่หลงเหลืออยู่ในภูเขาลึกที่จะมีศาสตร์ลับนี้ ชาวเหมียวเจียงทั่วไปไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งชื่อกู่ด้วยซ้ำ”
หมอกู้อธิบายที่มาของกู่คร่าว ๆอย่างง่าย ๆ กู่เป็นแมลงพิษที่แปลกประหลาดมากชนิดหนึ่ง มันเป็นกาฝากและมีความสามารถในการสืบพันธ์ที่แข็งแกร่งมาก เนื่องจากมีขนาดเล็กมันจึงไหลเวียนไปตามเส้นเลือด หากใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์คงยากมากที่จะหาเจอได้
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเหมยเหมยไปหาคุณหมอแมคเฟอร์สันก็หาสาเหตุของอาการปวดไม่เจอ
“งั้นแค่เพียงเอากู่ออกมาจากร่างกาย เหมยเหมยก็จะไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามขึ้น
“ถ้าเอาตามทฤษฎีก็เป็นแบบนี้ แต่ปัญหาก็คือพอใครได้ยินว่าเป็นกู่ของชาวเหมียวเจียงก็พากันหน้าถอดสีแล้ว มันต้องมีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา หากว่าเอาออกได้ง่าย ๆกู่ก็คงไม่น่ากลัวขนาดนั้นแล้วสิ”
หมอกู้ส่ายหน้าพลันสาดน้ำเย็นทำลายความหวังของเหยียนหมิงซุ่น
“แต่ว่ายังมีอีกหนึ่งวิธี เขาว่ากันว่ากู่ได้รับอาหารเป็นเลือดสด ๆจากเจ้าของมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นสำหรับกู่แล้วเลือดของเจ้าของจึงเป็นรสชาติหอมหวานที่ยากจะต้านทานได้ ถ้าหากคุณสามารถหาร่างของเจ้าของกู่ตัดสวาทที่อยู่ในตัวของนายได้ก็ยังพอมีวิธี”
หมอกู้เปลี่ยนประเด็น ทำให้เหยียนหมิงซุ่นมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“คนที่ทำกู่ใส่ผมเป็นเจ้าของมันใช่ไหม?”
“ก็ไม่แน่เสมอไป ไม่สิ ความน่าจะเป็นส่วนมากจะไม่ใช่ เจ้าของจะต้องเป็นชาวเหมียวเจียงและต้องเป็นคนชนเผ่าโบราณของเหมียวเจียงด้วย คนเหล่านี้มักอาศัยอยู่ในหุบเขาลึกปลีกวิเวกจากโลกภายนอกและไม่ค่อยออกมาให้ใครเห็น เขาจะวางแผนลอบทำร้ายนายได้อย่างไร?” หมอกู้กล่าวปฏิเสธ
เขาพูดเสริมอีกว่า “แต่คนที่วางแผนทำร้ายนาย แน่นอนว่าจะต้องมีความสัมพันธ์กับเหมียวเจียง นายสามารถหาเบาะแสของเจ้าของกู่ได้จากเขา”
เหยียนหมิงซุ่นรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ขอแค่ยังพอมีหนทางต่อให้เขาต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องตามจับตัวไอ้ชาติชั่วที่วางแผนลอบทำร้ายเขามาให้ได้
หมอกู้อ้าปากอยากจะพูดแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ช่างเถอะ ไม่พูดอะไรที่ทำเด็กสองคนนี้หมดกำลังใจจะดีกว่า!
อันที่จริงหมอกู้ไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น เขาคิดว่าเจ้าของกู่ไม่น่ามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้แล้ว เมื่อสังคมเจริญก้าวหน้า โดยพื้นฐานชาวเหมียวเจียงส่วนใหญ่ก็กลายเป็นคนฮวาเซี่ยไปแล้ว ชาวเหมียวเจียงที่อยู่ในหุบเขาลึกส่วนใหญ่ต่างก็ออกมาเช่นกัน อีกทั้งไม่ยินดีที่จะกลับไปใช้ชีวิตยากลำบากในหุบเขาลึกอีก
หลายปีก่อนเขาไปเหมียวเจียงมาครั้งหนึ่ง เขาได้ยินมาว่าชนเผ่าโบราณที่นั่นสูญพันธุ์ไปแล้ว แน่นอนว่าศาสตร์กู่ก็หายสาบสูญไปด้วยเช่นกัน
เหยียนหมิงซุ่นจะไปตามเจ้าของกู่จากที่ไหนล่ะ!
ตอนที่ 1808 ฉันเป็นโรคที่รักษาไม่ได้
หมอกู้ไม่ได้เอ่ยคำพูดพวกนี้ออกมา ให้เหยียนหมิงซุ่นได้กอดความหวังเอาไว้บ้างเพราะอย่างน้อยก็ยังมีกำลังใจ ไม่อย่างนั้นจะตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังทันที ซึ่งรสชาติแบบนั้นปวดร้าวเสียยิ่งกว่าตายทั้งเป็นอีก
เหมยเหมยส่งเสียงเรียกอยู่ข้างนอก เหยียนหมิงซุ่นและหมอกู้เลยออกมา
“พี่หมิงซุ่น พวกพี่คุยอะไรกันอยู่ข้างในเหรอ คุยกันตั้งนานเชียว?” เหมยเหมยถามยิ้ม ๆ
เหยียนหมิงซุ่นมองเหมยเหมยที่ยังคงมีสีหน้าดูไม่ค่อยดีอยู่หัวใจก็พลันเหมือนโดนทิ่มแทง เขาโทษตัวเองอยู่อย่างนั้นเป็นเขาที่ทำร้ายเหมยเหมยแท้ ๆเลย
“ไม่ได้คุยอะไรหรอก เธอยังปวดหัวอยู่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามอย่างอ่อนโยน
“ไม่ปวดเลยสักนิดเดียว ฉันรู้สึกว่าฉันคิดถึงพี่มากเกินไปพอพี่มาก็เลยไม่ปวดแล้ว” เหมยเหมยปากหวานเหมือนน้ำผึ้ง ทำตัวออดอ้อนน่ารัก สยงมู่มู่ที่อยู่ข้าง ๆทำหน้ารังเกียจ ใช้แรงถูแขนด้วยท่าทีขนลุกขนพอง
ดีแต่โชว์ความรักให้คนอื่นเห็น น่ารำคาญชะมัดเลย
หัวใจของเหยียนหมิงซุ่นยิ่งเจ็บปวดหนักกว่าเดิม เพราะว่ายัยเด็กโง่คิดถึงเขาถึงได้ปวดหัว เขาลูบหัวเหมยเหมยเบา ๆ พูดอมยิ้มว่า “วันหลังจะไม่ให้โอกาสเธอได้คิดถึงพี่แน่นอนเพราะพวกเราจะอยู่ด้วยกันทุกวันเลย”
ในเมื่อมีเพียงแค่ความคิดถึงที่จะทำให้ปวดหัว งั้นเขาก็จะไม่ให้เหมยเหมยคิดถึงอีก เขาจะอยู่กับเธอทุกวันไม่ว่าจะไปไหนก็จะพาเธอไปด้วยทุกที…
สยงมู่มู่และเซียวเซ่อต่างก็พากันลูบแขน แม่เจ้าโว้ย คิดไม่ถึงว่าพญายมราชคนนี้จะพูดจาหวาน ๆชวนขนหัวลุกแบบนี้เป็นด้วย?
ขนลุกขนพองซู่ซ่ากันถ้วนหน้าเชียว!
เหมยเหมยยิ้มจนดวงตาเป็นพระจันทร์เสี้ยว ตอบรับเสียงหวาน “ได้ค่ะ ฉันจะตามติดเป็นเงาของพี่เลย ฮิ ๆ…”
แต่ใจของเธอกลับหล่นไปถึงตาตุ่มแล้ว ร่างกายของเธอจะต้องเกิดปัญหาแล้วแน่นอน เมื่อครู่เหยียนหมิงซุ่นอยู่ในห้องกับหมอกู้ตั้งนานสองนาน ถ้าหากเธอไม่ได้ป่วยคงออกมานานแล้ว
อีกทั้งความกังวลใจในดวงตาของเหยียนหมิงซุ่นไม่สามารถปกปิดเธอได้ หรือว่าเธอป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้?
ดังนั้นเหยียนหมิงซุ่นถึงได้คิดจะใช้ช่วงเวลาสุดท้ายอยู่กับเธอทุกนาทีทุกวินาที?
ด้วยความช่างคิดของอาชีพจิตรกรทำให้เหมยเหมยคิดไปไกลอย่างไร้ขอบเขต กระทั่งคิดไปไกลจนถึงงานศพหลังการตายของเธอ ใครจะมาเคารพศพเธอบ้างและจะมีใครร้องไห้เพื่อเธอไหม…
เหยียนหมิงซุ่นและพวกเหยียนซินหย่าจะทุกข์ใจมากขนาดไหน!
พอคิด ๆแล้วดวงตาของเหมยเหมยก็มีน้ำตาเอ่อล้น รอยยิ้มก็ยากที่จะรักษาไว้ได้ ใบหน้ายู่เข้าหากันพลันแสบจมูกขึ้นมา
“ทำไมเธอพูดอยู่ดี ๆก็ร้องไห้ล่ะ? ปวดหัวอีกแล้วใช่ไหม?” สยงมู่มู่เห็นก็นึกแปลกใจ ทั้ง ๆที่ยังหัวเราะคิกคักมีความสุขอยู่เลยแต่ชั่วพริบตาก็น้ำตาไหลเสียแล้ว ผู้หญิงคนนี้อารมณ์เปลี่ยนเร็วจริง ๆ
เหยียนหมิงซุ่นร้อนใจรีบคว้าตัวเหมยเหมยหมายจะนวดให้เธอ เหมยเหมยตีมือของเขาให้หลบไป พูดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นว่า “ทำไมจู่ ๆพี่ถึงมาทำดีกับฉันขนาดนี้ เพราะว่าฉันใกล้ตายแล้วใช่ไหม? ตกลงฉันเป็นโรคอะไรกันแน่…พี่บอกฉันมาเลยนะ ให้ฉันตายเป็นผีที่รู้กระจ่างแจ้งทีเถอะ…ฮือ ๆ…”
ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ…
เธอเพิ่งจะเป็นคุณนายเหยียนเพียงแค่หนึ่งเดือน ลูกก็ยังไม่มี ไม่ได้แก่ไปพร้อมกับเหยียนหมิงซุ่น เธอยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่เลยด้วยซ้ำ แถมจ้าวเสวียหลินยังไม่ได้แต่งงานพาพี่สะใภ้เข้าบ้านเลย…
เธอยังมีแรงบันดาลใจอีกตั้งมากมายยังไม่ทันจะได้วาดออกมาเลย..เสียดายมากจริง ๆ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเธออายุเพียงแค่ยี่สิบปีเอง ยังใช้ชีวิตได้ไม่เต็มที่พอเลย!
ทำไมใช้ชีวิตอยู่ดี ๆก็ต้องมาตายแล้วล่ะ?
เหยียนหมิงซุ่นได้ยินเสียงพึมพำขาด ๆหาย ๆนั้นอย่างชัดเจน ทั้งขบขันทั้งปวดใจ ช่างเป็นเด็กที่โง่อะไรอย่างนี้นะ!
“สมองเล็ก ๆของเธอคิดอะไรอยู่เนี่ย…” เหยียนหมิงซุ่นจิ้มหน้าผากของเหมยเหมย พูดอย่างไม่พอใจว่า “ทำดีกับเธอก็คิดไปถึงขั้นป่วยเป็นโรคเลยเหรอ เธออยากให้วันหลังพี่ว่าเธอทุกวันเลยใช่ไหม?”
เหมยเหมยลูบหัวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจพลางมองค้อนใส่เขา เก็บน้ำตากลับเข้าไปในทันทีและไม่แสบจมูกอีกต่อไป
ในเมื่อไม่ใช่โรคที่รักษาไม่ได้งั้นเธอมีอะไรให้น่ากังวลใจอีกล่ะ?
ดวงอาทิตย์สว่างเจิดจ้าขนาดนั้น ท้องฟ้าสีครามสดใสขนาดนั้น อากาศหอมหวานขนาดนั้น ทุกอย่างในชีวิตมันช่างวิเศษเสียจริง!
…………………………………………..
ตอนที่ 1809 หลายหัวดีกว่าหัวเดียว
หมอกู้ฝังเข็มให้กับเหมยเหมยไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไป หายใจลึกสม่ำเสมอ ใบหน้าดูมีเลือดฝาด น่ารักเหมือนลูกแมวตัวน้อย ๆ
เหยียนหมิงซุ่นอุ้มเธอกลับไปที่ห้องแล้ววางลงบนเตียงเบา ๆ จากนั้นก็ประทับรอยจูบบนหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา ในใจเหมือนมีขนนกที่พกเข็มปลิวไสวลอยมาด้วย นุ่มนวลแต่ในไม่ช้าก็ทิ่มแทงจนเจ็บปวดเหลือเกิน
คนสารเลวสมควรตายที่ทำกู่ใส่เขา เขาจะไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด!
จุดที่หมอกู้ฝังเป็นจุดที่ช่วยให้จิตใจสงบลง หากเป็นไปตามคาดเหมยเหมยคงนอนหลับยาวจนถึงรุ่งสาง ก่อนหน้านั้นเหยียนหมิงซุ่นงีบหลับไปหนึ่งชั่วโมงจึงรู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะไม่มีอาการง่วงแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเป็นกอง ไม่มีเวลาให้เขานอนอีกแล้ว
เวลานี้พวกสยงมู่มู่กลับกำลังสอบปากคำหมอกู้อยู่ที่ห้องรับแขก
“ตกลงเหมยเหมยป่วยเป็นอะไรกันแน่? คุณอย่าคิดที่จะโกหกปิดบังผมนะ หากเหมยเหมยไม่ได้ป่วยแล้วทำไมคุณกับเหยียนหมิงซุ่นถึงได้อยู่ในห้องด้วยกันนานขนาดนั้น?” สยงมู่มู่ถามอย่างร้อนใจ
หมอกู้มองเขาเป็นอากาศธาตุ ทำท่าทีเหม่อลอยราวกับเป็นเทพเซียนชั้นสูงที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อีกครั้ง พาลทำให้คนที่เห็นนึกหงุดหงิดใจ
สยงมู่มู่เห็นเหยียนหมิงซุ่นเดินลงมาจึงถามเสียงดังว่า “เหยียนหมิงซุ่นนายบอกมาเลยนะว่าเหมยเหมยป่วยเป็นอะไร? ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้”
“เมื่อก่อนฉันก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ ฉันก็มีสิทธ์เหมือนกัน…” เสียงของอู่เชายิ่งเบาลงเรื่อย ๆแต่ก็ยังพยายามเค้นความกล้าพูดจนจบ
เซียวเซ่อยืนกอดอกกล่าวอย่างเท่ ๆว่า “อย่างไรเสียหลายหัวก็ย่อมดีกว่าหัวเดียว ถ้าเหมยเหมยป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่ได้จริง ๆ พวกเราคนเยอะขนาดนี้รวมหัวช่วยกันคิดจะต้องดีกว่าคุณคิดคนเดียวแน่”
“ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราสามคนก็ไม่ใช่คนเขลา ถึงอย่างไรก็นับว่าเป็นจอมปราชญ์ขงเบ้งอยู่ครึ่งหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่ายกเว้นเจ้าอ้วน!” สยงมู่มู่เชื่อมั่นในตัวเองเป็นอย่างมาก
อู่เชาถลึงตาใส่อย่างหงุดหงิด เชอะ วัน ๆเอาแต่โอ้อวดไอคิวต่อหน้าเขาทุกวัน!
มากกว่าเขาแค่หกสิบเท่านั้นเอง!
มีอะไรให้น่าสรรเสริญกันเล่า!
เหยียนหมิงซุ่นสัมผัสได้ถึงความจริงใจของพวกสยงมู่มู่ทั้งสามคน การแสดงออกเช่นนี้ทำให้รู้สึกซาบซึ้งใจอยู่บ้าง เขาเติบโตโดยลำพังมาตั้งแต่เด็กจนโต เพราะว่าเขาคิดว่าตัวเองไม่ได้ต้องการเพื่อน
เขามีความสุขกับการอยู่คนเดียว!
ตอนนี้ก็ยังคงใช่!
ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยรู้ว่ามิตรภาพเป็นเช่นไร รสชาติเป็นอย่างไร เปรี้ยวหรือหวาน?
หรือว่าจะเป็นหวานอมขมหรือเปรี้ยวอมฝาดกันแน่นะ?
แต่ตอนนี้เขาสามารถสัมผัสถึงมันได้ เขาปลื้มใจแทนเหมยเหมยที่ได้รับความจริงใจจากเพื่อน ๆ
“เหมยเหมยไม่ได้ป่วยแต่โดนพิษกู่ มีชื่อเรียกว่ากู่หักสวาท ตอนนี้ยังไม่มียาที่ใช้รักษาได้” เหยียนหมิงซุ่นพูดแค่ว่าเหมยเหมยโดนพิษกู่แต่ไม่ได้พูดถึงตัวเอง และไม่ได้พูดว่ากู่ชนิดนี้จะทำให้เขาและเหมยเหมยมีลูกไม่ได้
เขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพูด!
จริง ๆแล้วเขาไม่ได้สนใจกู่บนร่างกายของตัวเองเลย ถึงเรื่องที่ไม่สามารถมีลูกได้จะน่าเสียดายอยู่บ้าง แต่เขาจะปล่อยให้เหมยเหมยทุกข์ทรมานไม่ได้ พิษนี้ต้องหาทางแก้
“โธ่เอ้ย…นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีกู่อยู่จริง ๆ…กู่หักสวาท แค่ฟังก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของดีอะไร” สีหน้าของอู่เชาเปลี่ยนยกใหญ่ เขาคิดอยู่ตลอดว่าพิษกู่ในนวนิยายกำลังภายในเป็นสิ่งที่นักเขียนแต่งขึ้นมาเอง
นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง งั้นถ้าพูดขึ้นมาอย่างนี้แล้ว ผีกองกอยแห่งเซียงซีก็มีจริง ๆสินะ?
อู่เชารู้สึกทันทีว่าด้านหลังมีลมเย็นยะเยือกพัดผ่าน พยายามไล่ผีกองกอยที่ปรากฏขึ้นในหัวออกไป ขยับเข้าใกล้สยงมู่มู่มากขึ้นเพื่อดูดซับความอบอุ่น
หมอกู้อธิบายเรื่องกู่คร่าว ๆอย่างละเอียดให้ฟัง เซียวเซ่อรอให้เขาพูดจบแล้วถึงถามขึ้นว่า “จะต้องใช้เลือดสด ๆของเจ้าของถึงจะกำจัดกู่ได้เหรอ? ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ?”
“ไม่มีแล้ว แม้กระทั่งอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดก็ไม่สามารถตรวจจับกู่ได้ ยังจะมีวิธีอะไรไหนอีกล่ะ!” หมอกู้ส่ายหน้าพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เมื่อก่อนเขาเคยศึกษาเรื่องกู่มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง กล้องจุลทรรศน์กำลังสูงเท่านั้นถึงจะสามารถเห็นตัวกู่ได้ มันเป็นกาฝากอยู่ในเซลล์เม็ดเลือดและไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ยิ่งนานวันเข้าก็จะยิ่งเพิ่มปริมาณมากขึ้น จนสุดท้ายก็จะหลอมรวมกับเลือด ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นเลือดสด ๆของเจ้าของก็หมดหนทางที่จะแก้พิษได้
ตอนที่ 1810 คนโง่เงินเยอะ
“งั้นพวกเราไปตามหาตัวเจ้าของให้เจอ โธ่เว้ย ถ้าหาเจอเมื่อไรจะสูบเลือดของมันให้แห้งเหือดไปเลย!” สยงมู่มู่โมโหมาก
เก่งนักก็มาหาฉันนี่เลย ทำกับผู้หญิงที่อ่อนแอจะเรียกว่าเก่งได้อย่างไร?
“แต่แม้กระทั่งคนที่ลอบทำร้ายเหมยเหมยพวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำ แล้วจะหาตัวมาได้อย่างไร?” อู่เชาไม่ได้อยากสาดน้ำเย็นดับความหวังของทุกคนหรอกแต่ไม่ทำก็ไม่ได้
สยงมู่มู่มองไปที่เหยียนหมิงซุ่นอย่างมีความหวัง “นายให้คนของนายไปตามสืบสิ ขุดดินสามฟุตในเมืองหลวงขึ้นมาหาเลย ไอ้สารเลวนั่นมันต้องอยู่ในเมืองหลวงแน่นอน”
หมอกู้ดื่มชาไปหนึ่งอึกก่อนจะพูดอย่างใจเย็นว่า “ก็ไม่เสมอไปหรอก ระยะการฟักตัวของกู่ยาวนานมาก บางทีอาจจะโดนมาเมื่อหลายปีก่อนแล้วก็ได้ นายคิดว่าคน ๆนั้นโง่หรือไง? ทำร้ายคนอื่นแล้วจะนิ่งเฉย ๆอยู่ที่เดิมเหรอ?”
กู่บนตัวของเหมยเหมยถูกเหยียนหมิงซุ่นแพร่ใส่ในช่วงระยะเวลาไม่นานมานี้ แต่เหยียนหมิงซุ่นกลับไม่แน่ใจว่าโดนคนลอบทำร้ายมานานเท่าไรแล้ว!
สยงมู่มู่รู้สึกเหมือนลูกโป่งลมรั่ว ทำสีหน้าบูดบึ้ง อู่เชาปลอบใจเขาเสียงเบาว่า “อย่าใจร้อนมากนักเลย ต้องคิดหาทางออกได้อยู่แล้ว อีกอย่างหมอกู้ก็บอกแล้วว่าเหมยเหมยไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต อย่างน้อยก็ดีกว่าพิษที่ทำลายอวัยวะภายในร่างกายนะ…”
“เจ้าอ้วนบ้าหากนายพูดอีกละก็ เชื่อไหมว่าฉันจะหั่นนายเป็นท่อน ๆเลย!” สยงมู่มู่จ้องเขม็งอย่างโกรธแค้น
อะไรที่เรียกว่าดีกว่าพิษที่ทำลายอวัยวะภายในร่างกาย?
ตายทั้งเป็นไม่รู้จักหรือไง?
อาการปวดหัวของเหมยเหมยที่กำเริบรุนแรงเมื่อวานและวันนี้นั้นมีใครจะทนไหวบ้าง?
ขอบตาของอู่เชาแดงก่ำ เบะปากและพูดว่า “ฉันแค่อยากจะบอกว่าหากยังมีชีวิตอยู่ก็ยังพอมีหวัง ตราบใดที่พวกเราคิดหาหนทางไปด้วยกันจะต้องแก้พิษกู่ของเหมยเหมยได้อย่างแน่นอน”
เซียวเซ่อเงียบมาตลอด เธอตบหลังของอู่เชาเบา ๆแล้วพูดว่า “เจ้าอ้วนพูดถูกแค่มีชีวิตอยู่ก็ยังพอมีหวัง หมอกู้ถ่ายทอดเรื่องกู่พิสดารออกมาให้ฟังแล้ว อันที่จริงตามที่ฉันมองสิ่งที่เรียกว่ากู่น่าจะเป็นพวกแมลงขนาดเล็กจำพวกปรสิต เพราะถูกเจ้าของเลี้ยงด้วยเลือดมาตั้งแต่เล็ก ๆดังนั้นถึงได้พึ่งพาอาศัยเลือดเจ้าของเพื่อการดำรงชีวิต”
เธอเงียบครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “การแพทย์ในอดีตยังด้อยพัฒนาอาจจะยังไม่มีวิธีการจัดการกับปรสิตพวกนั้นแต่ตอนนี้ก็ไม่แน่ ในเมื่อตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันคืออะไร เช่นนั้นเราก็ทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกัน ทั้งหาเจ้าของไปด้วยทั้งกำจัดกู่ไปด้วยเลย”
“ใช่ จัดการตามนี้แหละ ขอเพียงแค่รีบกำจัดกู่ออกจากร่างกายได้ อาการปวดของเหมยเหมยก็จะดีขึ้น” สยงมู่มู่และอู่เชามีความมั่นใจ
หมอกู้ส่งเสียงเยาะเย้ยแต่ก็ไม่ได้พูดจาเหน็บแนมใดออกมา
เมื่อก่อนเขาก็มีความคิดแบบนี้ แต่หลังจากพุ่งชนกำแพงอยู่หลายครั้งสุดท้ายก็ต้องยอมจำนน
ศาสตร์ลึกลับโบราณพวกนั้นเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้โดยวิทยาศาสตร์
เมื่อเหยียนหมิงซุ่นรู้ว่าตอนถูกพิษกู่หักสวาทแล้ว เขาจึงได้ส่งลูกน้องของเขาไปที่ดินแดนเหมียวเจียงทันทีเพื่อเสาะหาหมอผีฝีมือขั้นสูง หมอกู้ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพิษกู่นักแต่หมอผีฝีมือขั้นสูงกลับรู้ดี บางทีหมอผีอาจจะมีหนทางแก้พิษกู่ได้!
เรื่องนี้คงไม่สามารถจัดการได้ในเร็ววันแน่ โชคดีที่ตอนนี้เขาอยู่ข้างกายเหมยเหมย พิษกู่ไม่สามารถออกอาการได้ชั่วขณะ เขาควรจัดการเรื่องที่สำคัญก่อน
เสี่ยวอวิ๋นรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลานี้ให้ฟัง เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญมากอะไรเหยียนหมิงซุ่นจึงไม่ได้ปิดบังทุกคน ตอนที่หมอกู้ได้ยินชื่อหร่วนหวาไฉ่ก็มีท่าทีตกใจพลางตบหน้าผากอย่างหงุดหงิด
“โอ๊ย ดูความจำของฉันสิ ทำไมถึงได้ลืมเรื่องนี้ไปได้นะ!”
ทุกคนมองเขาอย่างแปลกใจ เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ?
หมอกู้ก็ไม่ได้รู้สึกเก้อเขินแต่อย่างใด สำหรับเขามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ไม่มีอะไรต้องให้พูดถึงสักหน่อย
“คนที่ชื่อหร่วนหวาไฉ่พวกนายไม่ต้องไปสืบหาหรอก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางนี้” หมอกู้พูดจบก็เหลือบมองพวกนั้นจากหางตา อยากจะเห็นทุกคนมีท่าทีตกใจ
แต่ทว่า——
สิ่งที่เขาคิดคงต้องผิดหวังแล้ว
“เชอะ…พวกเรารู้นานแล้ว… เงินล้านดอลลาร์เพื่อจัดการคนชั่วอย่างหร่วนหวาไฉ่นั่น หลานคุณช่างเป็นคนโง่ที่รวยมากจริง ๆ…” ลิ้นอาบยาพิษของสยงมู่มู่คมกว่ามีดเสมอ
หมอกู้กลับห้องของตัวเองไปนอนด้วยความแค้นใจ
เด็ก ๆยุคนี้ไม่น่ารักเอาเสียเลย แถมยังไม่รู้จักให้ความร่วมมือกับคนแก่อย่างเขาอีก
แต่ก็พูดไม่ผิดหรอก จ่ายเงินตั้งมากมายขนาดนั้นเพื่อจัดการไอ้คนต่ำทรามเลว ๆคนหนึ่ง มันช่างโง่จริง ๆ!
……………………………………………
ตอนที่ 1811 ปิดล็อกเท่าที่จะเป็นไปได้
เดิมทีก็เป็นหร่วนหวาไฉ่เองที่รนหาที่ตาย เหมยเหมยได้ประณามการโกหกหลอกลวงของเขาที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง เจ้าหมอนี้ก็ยังเอาเรื่องที่เหยียนซินหย่าเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆมาดูถูก หนำซ้ำยังพูดว่าเขาจะฟังแค่คำพูดของเหยียนตานชิงและเซี่ยทิงเทาเท่านั้น ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจเหลือเกิน
คำพูดพวกนี้ถูกเขียนครบไม่มีตกหล่นโดยนักข่าวผู้มีจรรยาบรรณและตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ หลังจากที่เซี่ยทิงเทาและลี่ลี่อันหนีไปฮ่องกงในวันนั้น เพราะเป็นห่วงเหมยเหมยจึงติดตามสถานการณ์ข่าวคราวในฮ่องกงอยู่เสมอ คำพูดของหร่วนหวาไฉ่ไม่สามารถปิดซ่อนพวกเขาได้
เซี่ยทิงเทาโมโหเป็นอย่างมากแต่จนปัญญาที่จะแสดงตัว ลี่ลี่อันจึงคิดแผนการจ้างนักฆ่าไปฆ่าหร่วนหวาไฉ่ เดิมทีเซี่ยทิงเทาไม่อยากใช้วิธีการนี้ แต่แค่นึกถึงการตายที่น่าเศร้าของท่านอาจารย์และอาจารย์แม่ เขาก็พลันโกรธแค้นอย่างรุนแรงจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของภรรยา
ลี่ลี่อันไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง ในเมื่อจะลงมือก็ต้องหาคนที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี่หร่วนหวาไฉ่จึงได้รับเกียรติตายด้วยเงื้อมมือนักฆ่าระดับโลกอย่างฮันนิบิลี
สร้างมูลค่าทางสังคมตั้งล้านดอลลาร์!
ก็นับได้ว่าตายอย่างไม่เสียชาติเกิดแล้ว!
เหยียนหมิงซุ่นถามเสี่ยวอวิ๋นเสียงต่ำ “ตอนที่หร่วนหวาไฉ่ตาย โอหยางซานซานก็เคยปรากฏตัวละแวกนั้นเหมือนกันเหรอ?”
“ใช่ค่ะ คุณนายโจวได้ให้คนสืบหาเบาะแสการเดินทางของโอหยางซานซานจึงพบว่าเธออยู่ใกล้ตรอกที่หร่วนหวาไฉ่ถูกฆ่าในช่วงเวลานั้น ฉันเองก็ส่งคนไปตรวจสอบมาแล้วเช่นกัน”
“เธอเป็นคนฆ่าโอหยางสยงเหรอ?” เหยียนหมิงซุ่นถามอีกครั้ง
“ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานแต่ว่าเธอน่าสงสัยมากที่สุด และพวกเรายังแน่ใจด้วยว่าโอหยางซานซานถูกสับเปลี่ยนตัว เธออยู่ข้างกายโจวจื่อหัวเพราะมีแรงจูงใจแอบแฝง”
เหยียนหมิงซุ่นชำเลืองมองสยงมู่มู่ที่มีความลำพองใจอยู่เล็กน้อย พูดชมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “สมองใช้ได้นี่ ไม่เลว!”
พูดจบเขาก็ไปห้องหนังสือ เสี่ยวอวิ๋นและเสี่ยวหลี่ก็ตามไปด้วย
มีเรื่องบางเรื่องเป็นความลับไม่เหมาะที่จะให้พวกสยงมู่มู่ได้ยิน
สยงมู่มู่นิ่งตะลึง ในไม่ช้าดวงตาก็เป็นประกาย หน้าแดงระเรื่อราวกับว่ากินยากระตุ้นมาเสียอย่างนั้น
พญายมราชชมเชยเขางั้นเหรอ?
แม่เจ้า…มีความสุขกว่าตอนออกอัลบั้มเสียอีก!
เขามันน่าดูถูกจริง ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นตรวจสอบข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโอหยางซานซานที่เสี่ยวอวิ๋นสืบหาในห้องหนังสือ และยังบอกจุดที่พวกเหมยเหมยสงสัยทั้งหมด เหยียนหมิงซุ่นท่าทางดูเคร่งขรึมมากเพราะเขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเหมยเหมย
โอหยางซานซานคนนี้จะต้องเป็นคนคุ้นเคยที่พวกเขาทุกคนรู้จักแน่นอน อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่ามีความแค้นกับเหมยเหมยอย่างลึกซึ้ง!
“กินถั่วลิสงไม่ได้ ไอคิวสูงมาก อายุอยู่ในระหว่าง 20 ถึง 25 ปีและเป็นผู้หญิงที่หายตัวไปหรือเสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่อสองหรือสามปีก่อน อีกทั้งยังมีความแค้นกับเหมยเหมย สืบอ้างอิงตามประเด็นเหล่านี้แล้วรีบเอาข้อมูลมาให้ฉัน” เหยียนหมิงซุนสั่ง
“รับทราบ!”
เสี่ยวอวิ๋นและเสี่ยวหลี่มีเสาหลักที่พึ่งพาได้พลันรู้สึกว่าหมอกหนาทึบได้จางหายไป สมแล้วที่เป็นลูกพี่ หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาหลายวันมานี้ก็ยังเหมือนกับแมลงวันไร้หัวที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่สามารถจับต้นสายปลายเหตุได้
เหยียนหมิงซุ่นอยู่ในห้องหนังสือคนเดียวตกตะกอนความคิดอย่างช้า ๆ
ทางฝั่งโอหยางซานซานต้องส่งคนไปเฝ้าจับตามอง โจวจื่อหัวเป็นเป้าหมายคนสำคัญที่เขาจะร่วมงานด้วย ดังนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้
ร่างของโอหยางสยงต้องรีบหาให้พบ ถ้าหาไม่พบก็ต้องแน่ใจว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆ ไม่อย่างนั้นกลับไปจะมีหน้าไปรายงานเฮ่อเหลียนชิงอย่างไร
เฉินกั๋วเปียวเจ้าโจรชั่วช้าคนนี้ต้องถูกกำจัด ปี 1997 กำลังใกล้เข้ามาถึงแล้ว ฮ่องกงจะมีคนต่ำทรามแบบนี้ไม่ได้
……
เรื่องนี้ยังไม่ทันจบก็มีอีกเรื่องเข้ามาแทรก เรื่องวุ่น ๆจะมีมากเกินไปแล้วจริงๆ เหยียนหมิงซุ่นนวดขมับ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหนื่อยใจ
เพราะพิษกู่บนร่างกายของเหมยเหมย
คนที่ปล่อยกู่ใส่ก็ถนัดจับทางคนเก่งจริง ๆ ถึงขนาดรู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนของเขา!
เหยียนหมิงซุ่นส่งเสียงยิ้มเยาะ ปลุกปั่นจิตใจให้ฮึกเหิม ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีการใดเขาก็จะใช้วิธีการนั้นรับมือ!
ไม่สนว่าจะเป็นแผนชั่วอะไร เขาจะรับมันไว้ทั้งหมด!
ตอนที่ 1812 ขุนให้อ้วน
นอนหลับฝันดีไปหนึ่งคืนเหมยเหมยก็เปี่ยมล้นไปด้วยพลัง สีหน้าดูดีขึ้นมาก มีก็แต่คางแหลมเพราะซูบผอมและดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด
“จากนี้ไปทุกมื้อจะต้องกินข้าวครึ่งชาม ห้ามคัดค้าน!”
เหยียนหมิงซุ่นตักโจ๊กเต็มชามให้เธอและหยิบซาลาเปาเนื้อเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น น้ำเสียงยากจะปฏิเสธได้ เธอมองไปที่ซาลาเปาเนื้อขาวอวบสามชิ้นในจาน ทั้งยังมีโจ๊กหมูสับไข่เยี่ยวม้าที่แทบจะล้นทะลักออกมาอยู่รอมร่อ เหมยเหมยอยากจะร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตาออกมา
เยอะขนาดนี้…
เธอจะกินหมดได้อย่างไร?
“ค่อย ๆกินช้า ๆ ฉันจำได้ว่าตอนเธอเด็ก ๆเธอไม่ได้กินเก่งขนาดนั้นนี่เนอะ ก็แค่มื้อหนึ่งกินข้าวสามถ้วย แถมยังมีปลาอีกหนึ่งตัวด้วย” ดวงตาของเหยียนหมิงซุ่นฉายแววขบขัน ตั้งใจพูดยียวน
เหมยเหมยหน้าแดงก่ำพลางมองเขาอย่างเคือง ๆ
ตอนนั้นไม่ใช่ว่าเธอจงใจอยากให้ทั้งครอบครัวของอู่เยวี่ยไม่มีกินหรอกหรือ สุดท้ายต้องขอบคุณเหยียนหมิงซุ่นที่ให้ยาช่วยย่อยมาเลยท้องไม่แตกตายไปก่อน
เซียวเซ่อกินซาลาเปาลูกใหญ่สองลูกไปเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็มองเหมยเหมยอย่างเหยียดหยาม “เธอออกกำลังกายน้อยเกินไป ต่อจากนี้ตามฉันไปฝึกมวยทุกวัน ของกินน้อยแค่นี้แทบจะไม่เพียงพอที่จะอุดช่องว่างในฟันของเธอด้วยซ้ำ”
พูดไปเธอก็กัดเข้าปากไปอีกคำจนซาลาเปาพร้อมเนื้อแสนอร่อยหายไปเกือบครึ่งลูก พอกัดอีกคำครึ่งที่เหลือก็หายวับไป เซียวเซ่อกินโจ๊กอย่างเอร็ดอร่อย แล้วยังเอื้อมมือไปหยิบซาลาเปาอีกชิ้น
เชิญแม่ครัวคนนี้ไปประเทศอังกฤษด้วยเลยดีไหมนะ?
ฝีมือดีขนาดนี้อยู่กับเหมยเหมยไปก็เสียดายฝีมือเปล่า ๆ กระเพาะเล็กหยั่งกับกระเพาะนก แม่ครัวเก่งแต่กลับไร้โอกาสจะแสดงฝีมือ!
เหมยเหมยกลอกตามองบนใส่เธอ หยิบซาลาเปาลูกหนึ่งยัดเข้าปากของเซียวเซ่อ “กินซาลาเปาของเธอไปเถอะ!”
ฝึกชกมวย?
เธอยอมเต้นยังจะดีกว่า!
เหยียนหมิงซุ่นก้มหัวกระซิบข้างหูของเธอเสียงเบา “ไม่ฝึกชกมวยก็ได้นะ บนเตียงก็ออกกำลังกายได้เหมือนกัน ฉันช่วยฝึกให้ไม่ถือสาหรอก…”
เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆฟังไม่เข้าใจอยู่ครู่หนึ่ง เธอยังนึกไปว่าที่เหยียนหมิงซุ่นพูดถึงการซิทอัพ ตอนที่กำลังจะบอกว่าไม่ต้องหรอกหางตาก็สังเกตเห็นถึงความหมายที่ลึกซึ้งในดวงตาของเหยียนหมิงซุ่นก็พลันเข้าใจในทันที…
ออกกำลังบนเตียง…
ช่วยฝึก…
ตาหื่นเอ้ย!
“ไม่เอา!” พวงแก้มของเหมยเหมยใหญ่กว่าซาลาเปาเสียอีก แต่หน้ากลับแดงกว่าไข่เค็มแดงแล้วมองค้อนใส่ใครบางคน
หยอกล้อเธอต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ หน้าไม่อายขึ้นทุกวันเลยจริง ๆ!
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มเบา ๆ เอาไม่เอาไม่ใช่เรื่องที่ยัยปีศาจน้อยพูดแล้วจะได้ สิทธิ์อำนาจอยู่ที่เขาต่างหาก
เขาหยิบผ้าเช็ดปากเช็ดคางเหมยเหมยแล้วก็ให้เธออีกชิ้น พูดอย่างขบขันว่า “เธอเหมือนเด็กน้อยขึ้นทุกวัน แค่กินซาลาเปาก็ยังทำให้น้ำมันกระเด็นเลอะเสื้อผ้าไปหมด”
เหมยเหมยก้มลงมองก็เห็นมีคราบน้ำมันหยดบนเสื้อคลุม จึงแลบลิ้นออกมาอย่างอาย ๆ “น้ำมันเยอะเกินไปต่างหากล่ะ!”
ทั้งสองคนแอบอิงแนบชิด พูดคุยกะหนุงกะหนิงกันเหมือนไม่มีคนอื่น ทำเหมือนพวกสยงมู่มู่ไม่มีตัวตน…
สยงมู่มู่หยิบจานเดินไปตรงโซฟาอย่างรู้สึกปวดใจ ไม่มองสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิด คนโสดอย่างเขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวหรอก!
เขาเหลือบมองเซียวเซ่อที่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆเลยแม้แต่น้อยอีกครั้ง กินซาลาเปาไปเป็นลูกที่หกแล้ว โจ๊กก็ถ้วยที่สองเช่นกัน เขาก็พลันรู้สึกปวดใจมากขึ้นไปอีกได้แต่กัดซาลาเปาเข้าปากอย่างขมขื่น
ภายใต้คำหวานหยดย้อยและการบีบบังคับของเหยียนหมิงซุ่น เหมยเหมยกินซาลาเปาไปสามลูกและโจ๊กหนึ่งถ้วย เธอจุกจนแทบจะถึงคอหอยอยู่แล้วจึงเรอออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ เหยียนหมิงซุ่นทำท่าปลื้มอกปลื้มใจ
ตอนกลางวันค่อยให้แม่ครัวทำอาหารที่เหมยเหมยชอบให้มากหน่อยแล้วค่อยจับจ้องต่อ
ยังต้องขุนให้อ้วนขึ้นอีก เมื่อร่างกายดีขึ้นแล้วถึงจะมีแรงต่อสู้กับพิษกู่ได้มากขึ้น
โทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้นเป็นคุณนายโจวโทรมาบอกว่ามีเรื่องต้องการจะคุยกับเหมยเหมย ฟังดูท่าทางเหมือนร้อนใจมาก
ครั้งนี้ไม่ได้ไปเจอกันที่ภัตตาคารป้าหวัง เหยียนหมิงซุ่นพาคุณนายโจวไปยังฐานลับแห่งหนึ่งของเขา เหมยเหมยก็ไปด้วยเช่นกัน แล้วเธอก็แนะนำเหยียนหมิงซุ่นให้คุณนายโจวรู้จัก
“คุณป้าโจวคะ เขาคือสามีของหนูเอง เขามีเรื่องอยากจะถามคุณป้าค่ะ”
……………………………………………
ตอนที่ 1813 ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิด
คุณนายโจวไม่รู้จักเหยียนหมิงซุ่น แต่พอเธอได้ยินว่าเป็นสามีของเหมยเหมยก็สบายใจ พอมองพินิจพิจารณาเห็นเหยียนหมิงซุ่นดูภูมิฐานสง่าผ่าเผย ใบหน้าดูน่ายำเกรงก็ยิ่งชื่นชม
มิน่าล่ะโจวจื่อหัวถึงได้เลือกร่วมงานกับเหยียนหมิงซุ่น เหยียนหมิงซุ่นดูน่าไว้ใจกว่าเฮ่อเหลียนเช่อที่เมื่อก่อนคิดอยากจะดึงสามีไปเป็นพวกเยอะเลย
อันที่จริงก่อนที่โจวจื่อหัวจะคบค้าสมาคมกับเหยียยหมิงซุ่น เขาเคยเจรจาติดต่อกับคนแผ่นดินใหญ่อีกคนซึ่งเป็นหนุ่มวัยรุ่นหล่อเหลา เขาคนนั้นก็คือเฮ่อเหลียนเช่อ
เฮ่อเหลียนเช่อยังเคยไปบ้านตระกูลโจว คุณนายโจวเคยเห็นหน้าเขามาก่อน สัญชาตญาณของเธอบอกว่าไม่สามารถคบหากับเฮ่อเหลียนเช่ออย่างลึกซึ้งได้เพราะโหดเหี้ยมเกินไป ไม่แน่วันข้างหน้าจะมีจุดจบถูกหลอกใช้งานพอหมดประโยชน์ก็กำจัดทิ้ง โจวจื่อหัวก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับเธอ
อีกทั้งโจวจื่อหัวเคยส่งคนไปตามสืบเรื่องของเฮ่อเหลียนเช่อที่แผ่นดินใหญ่มาก่อน พอรู้พฤติกรรมสไตล์การทำงานของเขาโจวจื่อหัวก็ก็ยิ่งเย็นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ ตอนวัยรุ่นเขาเองก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมมากและฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา แต่ตอนนี้อายุมากแล้ว ลูกหลานมีเยอะแยะ เขาแค่อยากสะสมบารมีไว้ให้คนรุ่นหลัง ไม่อยากเข่นฆ่าสร้างกรรมอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นเฮ่อเหลียนเช่อจึงถูกโจวจื่อหัวเขี่ยทิ้งไป การมาเยือนของเหยียนหมิงซุ่นจึงตรงตามความต้องการในใจของโจวจื่อหัวพอดี
เหยียนหมิงซุ่นให้ลูกน้องชงชา ถามว่า “คุณนายโจสืบเจออะไรบ้างไหม? แล้วเกี่ยวข้องกับโอหยางซานซานไหม?”
คุณนายโจวดูเคร่งขรึมมาก พยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ฉันส่งคนสะกดรอยตามโอหยางซานซานและเจอสิ่งผิดปกติมากมายเกี่ยวกับเธอ เดิมทีคนของฉันต้องโทรมารายงานฉันตอนห้าทุ่มทุกคืน แต่เมื่อคืนเขากลับไม่โทรมาฉันจึงส่งคนไปตรวจสอบดูกลับพบว่าคนที่สะกดรอยตามโอหยางซานซานเสียชีวิตแล้ว”
เหมยเหมยใจเต้นรัว พูดเสียงหลงว่า “ตายแล้ว? โอหยางซานซานเป็นคนฆ่าเหรอคะ?”
“อันนี้ยังยืนยันไม่ได้แต่ต้องเกี่ยวข้องกับโอหยางซานซานแน่นอน บางทีอาจจะเป็นเธอฆ่าหรือบางทีอาจจะเป็นคนพวกเดียวกันกับเธอฆ่าก็ได้”
“ความหมายของคุณนายโจวก็คือโอหยางซานซานยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอื่นอยู่ในฮ่องกงด้วย?” เหยียนหมิงซุ่นจับประเด็นสำคัญได้
“ใช่แล้ว ลูกน้องของฉันสืบหามาได้ว่าโอหยางซานซานติดต่อกับผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่าจางฉู่เซิงอยู่บ่อยครั้ง จางฉู่เซิงเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งในแผ่นดินใหญ่และเพิ่งมาฮ่องกงได้ไม่ถึงปี”
คุณนายโจวพยักหน้า สีหน้าดูปวดใจอยู่บ้างเพราะลูกน้องที่ถูกฆ่าติดตามเธอมานานกว่าสิบปี ถ้าไม่ใช่เพื่อช่วยเธอละก็ลูกน้องคนนี้คงจะเกษียณไปนานแล้ว แต่ตอนนี้กลับต้องมาตายอย่างน่าเวทนาเพราะเธอและทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลัง โธ่!
เธอหยิบกระดาษโน้ตเล็ก ๆที่เปื้อนเลือดออกมาจากกระเป๋ายื่นส่งให้เหยียนหมิงซุ่นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยและแค้นใจมาก
“นี่เป็นข่าวสุดท้ายที่ลูกน้องของฉันรายงานให้ฉันรู้ มันถูกเก็บงำอยู่ในปากของเขา…”
คุณนายโจวสะอึกสะอื้น พออายุเยอะแล้วก็ยิ่งสะเทือนใจง่ายมากกว่าเดิม และยิ่งรับเรื่องล้มหายตายจากไม่ค่อยได้
กระดาษโน้ตมีขนาดเล็กมากเป็นมุมกระดาษที่ฉีกออกจากฟอยล์ของซองบุหรี่ สภาพยับยู่ยี่เขียนอย่างลวก ๆแต่ก็พอจะอ่านออก เป็นตัวอักษรสามตัว เหมยเหมยโน้มตัวไปข้างหน้าอ่านเสียงเบาว่า “เฉินกั๋วเปียว?”
“คุณป้าโจวคะ หรือว่าลูกน้องของคุณป้าอยากจะบอกว่าคนที่ฆ่าเขาก็คือเฉินกั๋วเปียว?” เหมยเหมยประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ทำไมลามไปไกลถึงเฉินกั๋วเปียวแล้วล่ะ?
คุณนายโจวพูดพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “ฉันสงสัยว่าโอหยางซานซานเป็นคนของเฉินกั๋วเปียว เฉินกั๋วเปียวเจ้าชาติชั่วนั้นต้องการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าของจื่อหัวมาโดยตลอด มักมาก่อกวนเล็ก ๆน้อย ๆเป็นประจำแต่ก็ไม่สำเร็จ จิตใจชั่วช้าไม่มีเปลี่ยนแล้วยังใช้อุบายสาวงามมาหลอกล่อ จื่อหัวก็ยังจะตกหลุมพลางเข้าให้อีก”
เธอเกลียดเฉินกั๋วเปียว แต่แน่นอนเธอเกลียดความเจ้าชู้ของโจวจื่อหัวยิ่งกว่าถึงได้ทำให้ศัตรูสบโอกาสได้
เหยียนหมิงซุ่นส่ายศีรษะปฏิเสธ “โอหยางซานซานอาจจะร่วมมือกับเฉินกั๋วเปียวแต่ไม่ใช่คนของเขาแน่นอน ผู้หญิงคนนี้มีเจ้านายอีกคน”
แต่ว่าเฉินกั๋วเปียวเป็นแค่โจรหยาบช้า ฆ่าคนไม่มีปัญหาแต่พื้นฐานตื้นเขิน อย่างมากสุดก็แค่ฝีมือพอไปวัดไปวาได้ เขาจะมีศักยภาพฝึกสาวงามงูพิษที่เจ้าเล่ห์อย่างโอหยางซานซานได้อย่างไรกัน?
ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าโอหยางซานซานใจเหี้ยมมาก การร่วมมือกับเฉินกั๋วเปียวไม่ใช่เจตนาของคนที่อยู่เบื้องหลังเธอ แต่เป็นเจตนาส่วนตัวของเธอเอง
เธอคิดจะให้เฉินกั๋วเปียวทำอะไรกันแน่?
ตอนที่ 1814 หมาจนตรอกต้องหนีเอาชีวิตรอด
เหยียนหมิงซุ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขากำชับกับคุณนายโจวว่า “ช่วงนี้ระวังตัวหน่อยนะครับ เฉินกั๋วเปียวเป็นหมาจนตรอกที่ต้องหนีเอาตัวรอดเพราะใช้ชีวิตยากลำบากขึ้นทุกวัน เกรงว่าเขาจะทำเรื่องโง่ ๆอย่างเช่นให้ถูกทำลายไปพร้อมกัน ตระกูลโจวของพวกคุณอยู่ในตำแหน่งที่จะต้องถูกจู่โจมก่อนใครด้วย”
คุณนายโจวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ฉันเตรียมจะส่งเจ้าตัวเล็กสองสามคนไปเรียนที่โรงเรียนแผ่นดินใหญ่ เรื่องนี้ก็คงต้องรบกวนคุณเหยียนหน่อยแล้ว”
แน่นอนว่าอำนาจของเฉิวกั๋วเปียวมีน้อยกว่าโจวจื่อหัว แต่คนที่ไม่มีอะไรจะเสียย่อมไม่เกรงกลัวผู้ที่มีอำนาจเช่นกันเพราะเฉินกั๋วเปียวเป็นหมาจนตรอกที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
ตระกูลโจวจะเอาคนในครอบครัวมาติดร่างแหไปด้วยไม่ได้ เพราะต้องมีช่วงเวลาที่ยากจะป้องกันเธอจึงไม่กล้าเอาเด็ก ๆมาเดิมพัน เธอต้องเตรียมหาทางหนีทีไล่ให้พวกเขาและแผ่นดินใหญ่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เหยียนหมิงซุ่นไม่แปลกใจเพราะโจวจื่อหัวเองก็มีความคิดนี้มานานแล้ว ทั้งยังเคยเปรย ๆกับเขาว่าจะส่งหลาน ๆไปเรียนที่เมืองหลวง แถมยังรบกวนให้เหยียนหมิงซุ่นช่วยดูแลด้วย
“คุณนายโจววางใจได้เลย ขอแค่ไปเมืองหลวงผมรับรองว่าพวกเขาจะปลอดภัย” เหยียนหมิงซุ่นพูดให้คำมั่นสัญญาคุณนายโจวจะได้วางใจ
“ขอบคุณอย่างสุดซึ้งจริง ๆ จากนี้ไปหากคุณเหยียนมีเรื่องอะไรขอแค่พูดมาได้เลย ตระกูลโจวของเราพร้อมจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่” คุณนายโจวแสดงความคิดเห็นตนเองออกมา อันที่จริงก็ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นของโจวจื่อหัวด้วยเช่นกัน ตรงจุดนี้พวกเขาสองสามีภรรยาใจตรงกัน
เหมยเหมยถามอย่างแปลกใจ “คุณป้าโจว ซิงเอ๋อร์ก็ต้องไปเรียนที่เมืองหลวงด้วยเหรอคะ?”
คุณนายโจวอมยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ซิงเอ๋อร์เองก็ดีใจมาก ติดต่อทางโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว โรงเรียนมัธยมเมืองหลวงQH ยังมีลูกพี่ลูกน้องของเธออีกสองคนที่ไปพร้อมกัน พอถึงเวลานั้นรบกวนเหมยเหมยช่วยดูแลพวกเขาด้วยนะ อย่าห่วงเที่ยวจนลืมเรื่องเรียนล่ะ”
“คุณป้าโจววางใจเลยค่ะ ฉันจะจับตาดูพวกเขาอย่างดีแน่นอนค่ะ” เหมยเหมยเองก็ดีใจไม่แพ้กัน เธอชอบสาวน้อยโจวซิงเอ๋อร์มาก มีความสุขในทุกวันไม่รู้จักความทุกข์ใจอะไรเลย
คุณนายโจวไม่ได้อยู่นานนัก เธอขอตัวลาแล้วจากไปเลย เดิมทีเธอต้องการไปหาโจวจื่อหัวแต่เหยียนหมิงซุ่นขัดเธอไว้ เรื่องแบบนี้ให้คนนอกอย่างเขาไปพูดจะเหมาะสมกว่า หากให้คุณนายโจวไปพูดเกรงว่าโจวจื่อหัวจะสูญเสียการตัดสินใจที่เป็นกลางจนคิดไปว่าคุณนายโจวเกิดความหึงหวง!
เหยียนหมิงซุ่นโทรหาโจวจื่อหัวเพื่อนัดดื่มชาที่ภัตตาคารป้าหวังแห่งเดิม เหมยเหมยไม่ตามไปด้วย เหยียนหมิงซุ่นจึงส่งเธอกลับไปพักผ่อน
โจวจื่อหัวมาตามนัดแต่ไม่ได้พาโอหยางซานซานมาด้วย มีเพียงบอร์ดี้การ์ดเท่านั้น
“คุณโจวสีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไรเลย ถึงแม้ว่าสาวงามจะถูกปากแต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับร่างกายด้วยนะครับ” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างไม่ไว้หน้า อันที่จริงเขารู้สึกผิดหวังกับโจวจื่อหัวเล็กน้อย
ผู้ชายมีความโลภเป็นเรื่องปกติแต่ทุกอย่างจะต้องมีขีดจำกัด หากมากเกินไปจะกลายเป็นหายนะได้
ใบหน้าชราของโจวจื่อหัวแดงก่ำ ไม่จำเป็นต้องให้เหยียนหมิงซุ่นเตือนเขาก็รู้ว่าช่วงนี้โหมมากเกินไปจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าร่างกายอ่อนล้าเต็มที ยาบำรุงที่กินไปก็ไม่ได้ผลเหมือนเมื่อก่อน
แต่ทุกครั้งก็โดนโอหยางซานซานยั่วยวนจนเขาอดใจไม่ไหว ลืมคำกำชับของคุณหมอ…
“อะแฮ่ม…อายุเยอะแล้ว…เทียบกับหนุ่ม ๆอย่างพวกคุณไม่ได้หรอก!” โจวจื่อหัวหัวเราะร่าเพื่อกลบความเก้อเขิน
เหยียนหมิงซุ่นก็ไม่พูดอ้อมค้อม ล้วงหยิบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กเปื้อนเลือดออกมาส่งให้โจวจื่อหัว
โจวจื่อหัวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นี่มาจากไหน? หมายความว่าอย่างไร?”
เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้ปกปิดเขา “ภรรยาของคุณไม่ค่อยวางใจจึงส่งคนไปสืบหาภูมิหลังของโอหยางซานซาน สุดท้ายก็ถูกฆ่าตายอย่างน่าเวทนา แต่พบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กนี้เก็บซ่อนอยู่ในปากของเขา คุณนายโจวเป็นกังวลมากจึงมาปรึกษาผม”
โจวจื่อหัวถึงนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อเช้าลูกน้องของเขาบอกว่าเพื่อนที่ติดตามคุณนายโจวมาหลายปีจู่ ๆก็ตาย ตอนนั้นเขายังคิดว่าตอนเย็นกลับไปจะถามไถ่สถานการณ์ดู จากนั้นค่อยหาตัวฆาตกรมาแก้แค้นแทนเขา คาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะออกมาเป็นแบบนี้
“โธ่เว้ย…เฉินกั๋วเปียวกล้าทรยศฉันเหรอ…”
โจวจื่อหัวสีหน้าดุดันขึ้น ในดวงตาปรากฎความเย็นยะเยือก เส้นเลือดหลังมือปูดขึ้น
……………………………………………
ตอนที่ 1815 ลอบกัด
เหยียนหมิงซุ่นมีท่าทีสงบมาก ไม่สนใจความเดือดดาลของโจวจื่อหัว รินชาให้เขาแล้วค่อย ๆจิบชาไป
“คุณโจวคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป?”
“อาเมย์ผู้หญิงคนนี้คงจะเอาไว้ไม่ได้แล้วฉันจะกลับไปเก็บเธอ ส่วนเฉินกั๋วเปียวฉันไม่มีทางปล่อยมันไว้แน่ คิดซะว่าฉันมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้รัฐบาลก็แล้วกัน!” โจวจื่อหัวก็กลับมาสงบได้แล้วเช่นกัน
เดิมทียังคิดจะสร้างกรรมเข่นฆ่าให้น้อยลงสักหน่อย แต่ถ้าเขาไม่ทำร้ายคนอื่น คนอื่นก็ต้องมาทำร้ายเขาอยู่ดี พวกนั้นต่างลามปามไม่เห็นหัวเขามากไปแล้ว เขาจะเป็นพระโพธิสัตว์ต่ออีกอย่างไรไหว?
“งั้นผมจะรอข่าวดีจากคุณโจวนะครับ ขอดื่มชาแทนไวน์ละกัน ขอให้คุณโจวประสบชัยชนะละกันครับ!”
เหยียนหมิงซุ่นยกแก้วชาขึ้น โจวจื่อหัวชนแก้วแล้วดื่มจนหมด
ในโรงแรมไม่ไกลจากภัตตาคารป้าหวัง ทั้งสองร่างเกลือกกลิ้งกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่บนเตียง ปะทะศึกอย่างดุเดือดร้อนแรง
……
ผ่านไปนานผู้ชายถึงได้ปล่อยตัวผู้หญิง จากนั้นฟุบตัวบนร่างกายของเธออย่างพอใจแล้วมองหญิงสาวทรงเสน่ห์ภายใต้ร่างตน ความภาคภูมิใจของลูกผู้ชายได้รับความพึงพอใจสุดขีด
ตาแก่โจวจื่อหัวคงคาดไม่ถึงว่าผู้หญิงของเขากำลังโดนเขาค่อมอยู่อย่างชอบอกชอบใจ คิดอยากจะทำวันไหนก็ได้
“ดูการกระทำของเธอสิ ตาแก่ตอบสนองได้ไม่ถึงใจเธอสินะ?” เฉินกั๋วเปียวใช้แรงบีบทรวงอกที่แสนอวบอิ่มของหญิงสาว แต่สีหน้าของเขากลับตกตะลึงและจับจ้องทรวงอกของหญิงสาวอยู่นาน
เมื่อก่อนเอาแต่รีบร้อนเลยไม่ทันสังเกตอย่างถี่ถ้วน ตอนนี้เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนหน้าอกของหญิงสาวมีรอยสักรูปนก เหนืออกข้างซ้าย เป็นนกตัวใหญ่สีสันสดใสจากอกซ้ายยาวไปถึงล่างอกขวา มีความอ่อนช้อยงดงามแปลกตา
“คนรู้หนังสือจะเล่นเป็น นี่คือนกอะไรเหรอ? สวยแปลกตามาก!” เฉินกั๋วเปียวเดาะลิ้นด้วยความสงสัย
“ฟินิกซ์ เป็นนกฟินิกซ์ที่นิพพานใหม่” ดวงตาของโอหยางซานซานมีประกายความรังเกียจพาดผ่าน ตอบอย่างใจเย็น ผลักเฉินกั๋วเปียวออกแล้วลุกขึ้นสวมชุดนอนของเธอ
เฉินกั๋วเปียวกลับคว้าเธอไว้ ยิ้มอย่างชั่วร้าย “จะรีบร้อนไปทำไมล่ะ? ฉันยังไม่ถึงอกถึงใจเลย มาอีกสักสองสามรอบเถอะ”
เขาแรงเยอะมากแค่กระชากก็ลากโอหยางซานซานขึ้นเตียงได้แล้ว เขากดเธอไว้ใต้ร่าง เดิมทีเขาเหนื่อยแล้วแต่นกฟีนิกซ์เมื่อครู่ทำให้ไฟราคะของเขาลุกโชนอีกครั้ง ความเร่าร้อนคุกรุ่นขึ้นมา!
“น้อย ๆแต่นาน ๆจะดีกว่า ขอแค่พี่เปียวช่วยฉันทำเรื่องใหญ่สำเร็จ วันหลังยังจะกลัวไม่มีโอกาสสนุกสุดเหวี่ยงอย่างถึงอกถึงใจอีกเหรอ?” โอหยางซานซานเบี่ยงหลบมือของเฉินกั๋วเปียว พูดเสียงออดอ้อน ความรำคาญในใจของเธอปรารถนาจะฆ่าไอ้หัวหมูนี่เหลือเกิน
แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ เธอยังอยากให้ไอ้หัวหมูนี่ทำงานให้เธออยู่
เฉินกั๋วเปียวหายใจหอบถี่แต่มือกลับไม่หยุด “วางใจเถอะ เรื่องที่เธอบอกฉันสั่งให้คนไปจัดการเรียบร้อยแล้ว ตราบใดที่ข้อมูลของเธอไม่ผิดพลาด พวกหญิงแก่และเด็กน้อยตระกูลโจวนั่นหนีไม่รอดแน่ แต่ตอนนี้เธอช่วยดับกระหายให้ฉันก่อนเถอะ!”
โอหยางซานซานถึงดีอกดีใจลำพองใจอย่างมาก และไม่ปฏิเสธเฉินกั๋วเปียวอีกต่อไป นัวเนียกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอีกครั้ง
“พี่ต้องเก็บแรงไว้บ้างนะ เดี๋ยวต้องลองของสดใหม่อีก หลานสาวของโจวจื่อหัวก็เป็นสาวงามตัวน้อยที่อายุเพียงสิบหกปีเอง ลาภปากพี่เชียวแหละ” โอหยางซานซานกล่าวอย่างมีเจตนามุ่งร้าย
เฉินกั๋วเปียวกลับลังเลเพราะเขาไม่ได้คิดที่จะสร้างความแค้นใหญ่หลวงกับโจวจื่อหัว อีกทั้งกฎแห่งยุทธภพนี้จะไม่ทำร้ายถึงคนในครอบครัว เรื่องที่เขาทำร้ายครอบครัวพี่ใหญ่เมื่อสิบปีก่อนยังทิ่มแทงใจเขาเสมอมา หากไม่อับจนหนทางจริง ๆเขาไม่อยากจะทำเรื่องแบบเดิมอีก
เขาไม่ขาดผู้หญิงจนถึงขนาดต้องไปหลับนอนกับหลานสาวของโจวจื่อหัวเพื่อยั่วโมโหโจวจื่อหัวจริง ๆ เพราะนั่นมันไม่เป็นผลดีต่อเขาเลย
โอหยางซานซานแอบก่นด่าอยู่ในใจ ส่งเสียงเยาะเย้ยว่า “คุณคิดว่าคุณลักพาตัวภรรยาและหลานสาวของโจวจื่อหัวไปแล้วตาแก่โจวนั่นจะปล่อยคุณไปงั้นเหรอ? ฮึ ไร้เดียงสาเหลือเกินนะ ฉันจะบอกคุณให้ไม่ว่าคุณจะจัดการโจวซิงเอ๋อร์หรือไม่ ความแค้นนี้ก็ได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว ลูกพีชสดป้อนถึงปากแต่ไม่กิน? คุณว่าคุณโง่หรือเปล่าล่ะ?”
ตอนที่ 1816 งูเห่า
เฉินกั๋วเปียวเหมือนว่าจะฟังเข้าใจแต่เขาก็ยังลังเลไม่ตัดสินใจ ตอนนี้เขาไม่ใช่นักเลงหัวไม้เหมือนเมื่อสิบปีก่อนอีกต่อไปแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งพี่ใหญ่นั่งเสพสุขอยู่บนชื่อเสียงเงินทอง จะยอมตายไม่ได้เด็ดขาด!
โอหยางซานซานยังคงพูดปลุกปั่น “พี่เปียวไม่อยากไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดในฮ่องกงเหรอ? โจวจื่อหัวเป็นขวากหนามที่ใหญ่ที่สุดของพี่ แค่กำจัดเขาพี่ก็จะได้เป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในฮ่องกง ขนาดผู้ปกครองระดับสูงสุดยังต้องให้เกียรติพี่เลย”
สีหน้าของเฉินกั๋วเปียวผ่อนคลายลงมาก โอหยางซานซานวาดฝันไว้เสียยิ่งใหญ่จนทำให้เขาใจเต้นขึ้นมา
“โจวจื่อหัวจะส่งพวกเด็ก ๆไปเรียนที่โรงเรียนแผ่นดินใหญ่ปลายเดือนสิงหาคมนี้ ถ้าพี่เปียวไม่คว้าโอกาสครั้งนี้ไว้ครั้งหน้าก็ไม่มีโอกาสแล้วนะ? พี่คิดดูดี ๆสิว่าอะไรโจมตีตาแก่โจวนั่นได้มากที่สุด? พี่นอนกับหลานสาวของเขาแล้วอัดวิดีโอขายให้สตูดิโอ ทั้งทำเงินได้ทั้งโจมตีตาแก่โจวได้ด้วย ฉวยโอกาสตอนที่สภาพจิตใจของเขายังไม่นิ่งช่วงชิงอาณาเขตของเขามา…”
โอหยางซานซานยิ้มเบาบางพูดราวกับกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้ากระเป๋าอย่างเป็นธรรมชาติ ขนาดเฉินกั๋วเปียวที่เป็นมือสังหารฆ่าคนอย่างเหี้ยมโหด พอได้ฟังยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบพลางแอบระแวงอยู่ในใจ
โอหยางซานซานผู้หญิงคนนี้เป็นอสรพิษงูเห่าชัด ๆ หลังจากนอนด้วยครั้งนี้แล้ววันหลังควรอยู่ให้ห่างหน่อยจะดีกว่า!
“เธอกับโจวจื่อหัวมีความแค้นใหญ่หลวงอะไรกันเหรอ? ถึงทุ่มเทคิดวางแผนจัดการเขาขนาดนี้?” เฉินกั๋วเปียวเริ่มสงสัย
โอหยางซานซานสยายผมเห็นแล้วช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน เฉินกั๋วเปียวมองอย่างหลงใหล จิตใจเริ่มเอนเอียงบ้างแล้ว
“ฉันเสนอความคิดเพื่อพี่เลยนะ ฉันชอบพี่เปียวถึงได้เค้นสมองคิดหาวิธีให้ พี่เปียวไม่ชอบเหรอ?” โอหยางซานซานสยายผมไปมาพลางบิดร่างกายช้า ๆ แววตาของเฉินกั๋วเปียวค่อย ๆเลือนราง
“ชอบสิ…ชอบจะตายไป…”
ในสายตาของเขาตอนนี้มีเพียงแค่โอหยางซานซาน เขาไม่คิดถึงอะไรทั้งนั้น คิดแค่อยากจะเสพสุข…มัวเมาเพ้อฝัน!
โอหยางซานซานยิ้มอย่างลำพองใจ สายตาราวกับงูพิษที่พ่นพิษอยู่ในความมืด…
โจวจื่อหัวตาแก่สารเลวนี่รั้นจะร่วมมือกับเหยียนหมิงซุ่นให้ได้ เหอะ คิดจะมานอนกับเธอฟรี ๆไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก หากเธอทำภารกิจไม่สำเร็จเหยียนหมิงซุ่นก็อย่าได้ลำพองใจไปเลย
ในเมื่อเธอไม่สามารถใช้มันได้ งั้นก็กำจัดทิ้งอย่างไม่ใยดีไปเลยแล้วกัน!
บอดี้การ์ดข้างกายของโจวจื่อหัวเต็มไปหมดเลยหาโอกาสลงมือไม่ได้สักที แต่ภรรยาและหลานสาวของเขากลับไม่ได้เข้มงวดอะไรขนาดนั้น และเธอก็เพิ่งได้ยินมาว่ายายแก่โจวและโจวซิงเอ๋อร์จะออกไปดูละครเวทีวันนี้ ช่างเป็นโอกาสที่พระเจ้ามอบให้เธอจริง ๆ!
โจวซิงเอ๋อร์เป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่สดใสร่าเริงนักไม่ใช่เหรอ?
เชอะ ก็แค่หลานสาวของนักเลงหัวไม้เก่าคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาเป็นเจ้าหญิง?
สมน้ำหน้าที่จะโดนเฉินกั๋วเปียวย่ำยี!
ดูสิว่าวันหลังเธอจะยังหัวเราะแบบที่ทำให้คนเกลียดได้อีกไหม!
สิ่งที่เธอชอบที่สุดก็คือการเอารอยยิ้มที่สดใสดั่งดวงอาทิตย์ผลักลงสู่เหวลึกจนกลายเป็นบึงดำสกปรกที่แสนโดดเดี่ยว
รู้สึกสำเร็จมากเชียวแหละ!
ในใจของคุณนายโจวรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี จิตใจกระสับกระส่าย เธอเหลือบมองหลานสาวที่กำลังจดจ่อดูการแสดงโอเปร่าอยู่ข้างกายเธอ ความรู้สึกวิตกกังวลก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“ซิงเอ๋อร์ ครั้งหน้าค่อยมาดูเถอะกลับบ้านก่อนดีไหม?”
“เดี๋ยวก็จบแล้วค่ะคุณย่า รออีกครู่เดียวเองค่ะ ขอร้องนะคะคุณย่า นี่คือละครเพลงบรอดเวย์ในอังกฤษเลยนะ หาดูยากมากเลย” โจวซิงเอ๋อร์กอดแขนคุณนายโจวพลางออดอ้อน
คุณนายโจวขัดเธอไม่ได้จึงทำได้แค่ดูเป็นเพื่อนหลานสาวไป เธอแอบหยิบปืนพกพาออกจากกระเป๋าแล้วดึงสลักออกด้วยท่าทีตื่นตัวสูง
โรงละครเงียบมากมีเพียงเสียงของนักแสดงบนเวทีเท่านั้น ตอนนี้ยังไม่เกิดอะไรขึ้น ท่าทีของคุณนายโจวจึงค่อย ๆผ่อนคลายลงพลันหลงคิดว่าตัวเองกระต่ายตื่นตูมเกินไป แต่ว่าเธอก็ยังไม่กล้าที่จะประมาทและส่งสายตาเป็นสัญญาณให้กับลูกน้องที่อยู่ข้างตัวเพื่อให้พวกเขาระแวดระวังตื่นตัวอยู่เสมอ
……………………………………………
ตอนที่ 1817 โดนโจมตี
คุณนายโจวมองหลานสาวด้วยความรัก ถามเสียงเบาว่า “ซิงเอ๋อร์ อนาคตหลานอยากทำอะไรล่ะ?”
“หนูอยากเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมเหมือนเฮปเบิร์น คุณย่าคะ คุณย่าช่วยพูดกับคุณปู่ให้หน่อยสิคะว่าหนูไม่อยากเรียนแฟชั่นดีไซน์ หนูอยากเรียนการแสดง เป็นนักแสดงไม่ดีตรงไหนกันคะ?” โจวซิงเอ๋อร์พูดเสียงเบาออดอ้อน
ตอนอายุสิบสามเธอได้ดูหนังเรื่องหนึ่งชื่อว่าโรมรำลึก เธอถูกเจ้าหญิงเฮปเบิร์นผู้สูงศักดิ์ที่น่ารักสดใสและสวยงามดึงดูดเข้าให้ เธอเลยไปเสาะหาภาพยนตร์ทั้งหมดของเฮปเบิร์นมาดู นับตั้งแต่นั้นมาเฮปเบิร์นจึงกลายเป็นเป้าหมายในชีวิตของเธอ
ขอสาบานว่าวันข้างหน้าเธอจะเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จเหมือนเฮปเบิร์นให้ได้!
แต่อุปสรรคขัดขวางที่ใหญ่ที่สุดกลับเป็นโจวจื่อหัว
เพราะโจวจื่อหัวคิดว่านักแสดงเป็นอาชีพที่ต่ำต้อยและไม่ดีพอที่จะโอ้อวดใครได้ เพราะงั้นเขาจะปล่อยให้หลานสาวของเขาจะไปเป็นนักแสดงได้อย่างไร?
เขาได้เตรียมอนาคตที่สดใสไว้ให้หลานสาวแล้ว นั่นก็คือการเป็นนักออกแบบแฟชั่น เพราะสถานะทางสังคมสูงและหาสามีที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมได้ง่าย นี่เป็นอาชีพที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กผู้หญิง
คุณนายโจวโดนเขย่าตัวไปมาจนเวียนหัว เธอจึงดึงมือออกแล้วพูดอย่างเอือมระอาว่า “ย่าเองก็คิดว่าอาชีพนักแสดงไม่ดีเหมือนกัน ทำไมหลานถึงรั้นจะเป็นนักแสดงให้ได้นักนะ?”
ใบหน้าเล็ก ๆของโจวซิงเอ๋อร์ก็หงอยลงทันทีอย่างน่าสงสาร ทันใดนั้นหัวใจของคุณนายโจวก็อ่อนลง หยิกแก้มเธอเบา ๆพลางพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ก็ได้ ๆ ย่าจะกลับไปคุยกับคุณปู่ของหลานให้แล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า คุณย่าใจดีที่สุดเลย หนูรักคุณย่าที่สุดเลยค่ะ…” โจวซิงเอ๋อร์หอมแก้มคุณนายโจวหลายฟอด จนใบหน้าชุ่มไปด้วยน้ำลาย ดวงตาของคุณนายโจวมีรอยยิ้ม
ในที่สุดละครเวทีก็จบลง นักแสดงทุกคนโค้งคำนับและขอบคุณผู้ชมอยู่บนเวที ผู้ชมต่างลุกขึ้นยืนปรบมือให้อย่างตื่นเต้นจนในโรงละครเสียงดังกึกก้อง
โจวซิงเอ๋อร์ปรบมือเสียงดัง แต่เธอยังมีเรื่องที่เสียดายอยู่บ้างจึงพูดพึมพำกับตัวเองว่า “เสียดายที่เสี่ยวอวี้ไม่มาดูด้วย เธอเองก็ชอบดูละครเวทีมากเหมือนกัน!”
คุณนายโจวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามด้วยน้ำเสียงแสบแก้วหูว่า “หลานบอกเรื่องที่จะมาดูละครเวทีกับเสี่ยวอวี้ด้วยเหรอ? ระยะนี้ย่าขอไม่ให้เปิดเผยที่อยู่กับใครไม่ใช่หรือไง? “
โจวซิงเอ๋อร์ตกใจยกใหญ่เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่คุณย่าดุเธอ เธอจึงพูดแก้ตัวอย่างน้อยใจว่า “เสี่ยวอวี้ไม่ทำร้ายหนูหรอกคะ…”
คุณนายโจวมองเธออย่างผิดหวัง ไม่มีเวลาสั่งสอนเธอแล้ว ความวิตกกังวลถาโถมขึ้นมาอีกครั้ง คุณนายโจวตัดสินใจตะโกนสั่งลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆในทันทีว่า “รีบไปขับรถมา เร็วเข้า!”
“เอ๊ะ”
อยู่ดี ๆโรงละครก็ตกสู่ความมืดมิด เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้นไม่หยุด โจวซิงเอ๋อร์ก็คิดจะกรีดร้องเช่นกันแต่กลับโดนคุณนายโจวปิดปากเอาไว้
“อย่าร้องแล้วตามย่ามา จำไว้นะไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น อย่าส่งเสียงร้องและอย่าร้องไห้เด็ดขาด”
เสียงของคุณนายโจวเฉียบขาด โจวซิงเอ๋อร์พยักหน้าอย่างแรง น้ำตาคลอเบ้าไม่กล้าไหลรินออกมา
มีเสียงดังขึ้นอีกครั้งแต่เป็นเสียงทุ้มหนัก ฟังดูเหมือนเสียงมีดที่แทงทะลุเข้าเนื้อ คุณนายโจวใจหล่นลงตาตุ่ม เธอเรียกชื่อลูกน้องอยู่หลายครั้งแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ
นั่นหมายความว่าบอดี้การ์ดที่เธอพามานั้นโดนลอบทำร้ายแล้ว คุณนายโจวผ่านประสบการณ์มามากจึงตระหนักถึงสิ่งผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว เธอมองไปทางด้านหลังของโจวซิงเอ๋อร์ในทันทีแต่กลับเห็นว่าเธอโดนคนแปะลายนิ้วมือเรืองแสงบนหลังไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร แสงสีฟ้าเรืองแสงในความมืด
เธอรีบหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วออกแรงตีที่ด้านหลังของโจวซิงเอ๋อร์และเธอ พร้อมทั้งโน้มตัวลงเพื่อต้องการให้ที่นั่งปกปิดที่อยู่ของพวกเขา แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะพวกเธอถูกจับได้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่โจวจื่อหัวรู้ข่าวโรงละครก็วุ่นวายไปหมดแล้ว คนที่เขาส่งไปปกป้องล้วนตายกันหมด ภรรยาและหลานสาวของเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูเรียบร้อยแล้ว
ตอนที่ 1818 มีชีวิตอยู่ถึงจะสำคัญที่สุด
พอเหมยเหมยรู้ข่าวนี้จากเหยียนหมิงซุ่นก็ตกใจยกใหญ่ “ในฮ่องกงใครใจกล้าขนาดนี้ แม้กระทั่งคนของตระกูลโจวยังกล้าลักพาตัวไป?”
“นอกจากเฉินกั๋วเปียวจะยังเป็นใครได้อีกล่ะ” เหยียนหมิงซุ่นมุ่นคิ้ว การกระทำของเฉินกั๋วเปียวช่างไร้ระเบียบแบบแผนอย่างสิ้นเชิง คิดจะทำก็ทำ ศัตรูเช่นนี้เป็นอะไรที่น่ารำคาญใจที่สุด เดาทางไม่ถูกเลยว่าเขาจะทำอะไรต่อไป
“เฉินกั๋วเปียว? แม่เจ้า…ซิงเอ๋อร์เธอจะ…” เหมยเหมยเป็นห่วงมาก ๆ พอตอนนี้เธอนึกถึงดวงตาที่น่าขยะแขยงของเฉินกั๋วเปียวก็ขนลุกซู่แล้ว ซิงเอ๋อร์ตกอยู่ในมือคนแบบนี้ กลัวว่าจะ…
“อย่าคิดมากไปเลย ไม่ว่าอย่างไรมีชีวิตรอดมาได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว โจวจื่อหัวส่งคนไปเจรจากับเฉินกั๋วเปียวแล้ว น่าจะมีผลสรุปในเร็ว ๆนี้” เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบโยนเธอ
แต่เรื่องราวกลับไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น
เงื่อนไขที่เฉินกั๋วเปียวเสนอให้โจวจื่อหัวไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง แก๊งนี้ไม่ใช่ของเขาคนเดียว เงื่อนไขที่จะให้ยกเหล่าลูกน้องและอาณาเขตครอบครองอยู่ให้นั้น ต่อให้เขาจะตอบตกลงพี่น้องคนอื่น ๆก็คงไม่ยอม
“โจวจื่อหัว ในเมื่อแกไม่เห็นแก่หน้าฉัน งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน เหอะ!”
เฉินกั๋ยวเปียวคาดไม่ถึงว่าโจวจื่อหัวจะไม่ยอมรับข้อเสนอ แม้กระทั่งภรรยาและหลานสาวก็ไม่สนใจ งั้นก็อย่าโทษว่าเขาไม่ยุติธรรมก็แล้วกัน
โจวซิงเอ๋อร์และคุณนายโจวต่างก็ถูกปิดตาขังอยู่ในห้องมืด ๆ เธออิงแอบคุณนายโจวอย่างหวาดกลัวด้วยตัวที่สั่นเทิ้ม
ก่อนที่คุณนายโจวจะถูกลักพาตัวมาได้ซ่อนปืนไว้ในตัวแล้ว คนของเฉินกั๋วเปียวอาจคิดว่าเธอเป็นแค่หญิงแก่คนหนึ่งจึงไม่ได้ใส่ใจนัก พวกเขาแค่ค้นกระเป๋าของเธอเท่านั้น ไม่ได้ตรวจค้นร่างกายของเธอแต่อย่างใด
เธอลูบหลานสาวของเธอเบา ๆ นัยน์ตาฉายแววปวดใจแต่ก็ยังกำชับว่า “ซิงเอ๋อร์ฟังย่าพูดนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นย่าอยากให้หลานจำเอาไว้ว่า ชีวิตที่เลวร้ายก็ยังดีกว่าความตายนะ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่ หลานจำได้หรือยัง?”
โจวซิงเอ๋อร์พยักหน้าอย่างงงงวย “คุณย่า…หนูกลัว คุณปู่จะมาช่วยพวกเราไหมคะ?”
“มาช่วยสิ…จะต้องมาช่วยแน่ ๆ ดังนั้นพวกเราต้องเข้มแข็ง” คุณนายโจวปวดใจมาก เธอรู้ว่าจุดประสงค์ของ เฉินกั๋วเปียวที่จับตัวเธอและซิงเอ๋อร์มาคืออะไร แต่เฉินกั๋วเปียวคนนี้ประเมินสถานะของพวกเธอสูงเกินไป และยังประเมินสติปัญญาของโจวจื่อหัวต่ำเกินไป
โจวจื่อหัวจะไม่มีวันเป็นฝ่ายเสียเปรียบยกอาณาเขตเพื่อเธอและโจวซิงเอ๋อร์อย่างแน่นอน
เฉินกั๋วเปียวจะต้องอับอายจนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พอถึงตอนนั้นคงมาระบายอารมณ์ใส่เธอและซิงเอ๋อร์แน่นอน หญิงชราแก่ ๆอย่างเธอก็ช่างมันเถอะ แต่ซิงเอ๋อร์…
คุณนายโจวยังไม่ทันได้กำชับบอกอะไรซิงเอ๋อร์ประตูก็ถูกเปิดออกเสียก่อน เฉินกั๋วเปียวเดินเข้ามาด้วยท่าทีโหดร้าย เตะเข้าที่คุณนายโจวอย่างแรงทีหนึ่ง แสยะยิ้มพลางคว้าตัวโจวซิงเอ๋อร์ขึ้นมา
คุณนายโจวพุ่งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง “เฉินกั๋วเปียว แกมีอะไรก็มาลงที่ฉัน ซิงเอ๋อร์ยังเด็ก…”
“ยายแก่หงำเหงือกอย่างแกเนื้อเหนียวเคี้ยวติดฟัน ดูสิว่าเจ้าหนูคนนี้เติบโตมาได้ดีขนาดไหน อายุสิบหกก็สามารถมีลูกได้แล้วจะยังเป็นเด็กได้ไงกันเล่า? อยากจะโทษก็ต้องโทษตาแก่ของแกนู้น!”
เฉินกั๋วเปียวเตะคุณนายโจวล้มลงกับพื้นอีกครั้งแล้วลากตัวโจวซิงเอ๋อร์ที่กรีดร้องไม่หยุดออกไป
“คุณย่า…ช่วยหนูด้วย…อย่ามาแตะต้องเนื้อตัวฉันนะ…คุณย่า…คุณปู่…พ่อแม่…พวกแกออกไปนะ…”
เสียงร้องของโจวซิงเอ๋อร์ยังคงดังลอยมาไม่หยุด ทั้งยังมีเสียงหัวเราะได้ใจอย่างบ้าคลั่งของพวกเฉินกั๋วเปียวดังแว่วมาด้วย คุณนายโจวได้ยินอย่างชัดเจน เธอกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดไหลซึมออกมา มือล่วงเข้าไปในเสื้อผ้าคิดอยากจะหยิบปืนออกมาอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายเธอก็ยังอดทนไว้
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเพราะชีวิตสำคัญที่สุด หากต่อต้านตอนนี้ซิงเอ๋อร์คงตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ในอนาคตหากซิงเอ๋อร์โตแล้วจะเข้าใจเองว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่!
……………………………………………
ตอนที่ 1819 เทปวิดีโอ
เรื่องที่เกิดขึ้นกับโจวซิงเอ๋อร์และคุณนายโจวผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว ทั้งโจวจื่อหัวและเหยียนหมิงซุ่นส่งคนไปหาแหล่งกบดานของเฉินกั๋วเปียว แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเอาตัวสองคนนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหนเพราะหาอย่างไรก็หาไม่เจอสักที
“ลูกพี่ เฉินกั๋วเปียวมันบ้าไปแล้ว นี่คือสิ่งที่เราหาเจอในห้องฉายวิดีโอ”
ในมือของเสี่ยวอวิ๋นมีเทปวิดีโอที่พกเอากลับมาด้วย ท่าทางดูโกรธมาก
ห้องฉายวิดีโอขนาดเล็กในฮ่องกงก็คือโรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก พื้นที่คับแคบ ภาพยนตร์ที่นำมาฉายล้วนเป็นภาพยนตร์ที่ไม่ค่อยโด่งดังนัก เหมยเหมยมีลางสังหรณ์ใจไม่ดี เธอรับวิดีโอมาแล้วนำไปเปิดที่ห้องฉายวิดีโอ
ประสิทธิภาพในการถ่ายยังไม่ค่อยดีนัก ภาพดูเบลอ ๆแต่ก็ยังเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน ในวิดีโอมีผู้ชายหลายคนกำลังรุมโทรมผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ พอตอนที่กล้องซูมใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น เหมยเหมยก็โมโหจนกระเด้งตัวผึ่งขึ้นมา
“สัตว์นรก…สัตว์นรกแบบนี้ควรโดนมีดค่อย ๆแล่เนื้อออกมาจนทรมานตายไปเลย…”
ผู้หญิงคนนั้นก็คือโจวซิงเอ๋อร์ที่หายตัวไป เธอไม่ได้ต่อต้าน สีหน้าท่าทางดูเย็นชา สายตาว่างเปล่าเหมือนคนตายทั้งเป็น ปล่อยให้ผู้ชายเหล่านั้นทำดั่งใจต้องการ
“เทปวิดีโอต้นฉบับถูกขายครั้งแรกโดยนักเลงอันธพาลที่ชื่อเฮยจื่อ เขาไม่ได้บอกว่าเป็นหลานสาวของโจวจื่อหัว บอกแค่เพียงว่าถ่ายโดยคนจริง ๆ ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมมากในโรงภาพยนตร์ใต้ดิน แต่ว่าโจวจื่อหัวรู้เรื่องนี้แล้วจึงทำการปิดโรงภาพยนตร์ใต้ดินเหล่านั้นทั้งหมดและยังเก็บเทปวิดีโอทั้งหมดกลับมาด้วย”
เสี่ยวอวิ๋นก็โมโหมากเหมือนกัน เธอเกลียดผู้ชายที่รังแกผู้หญิงมากที่สุด ถ้าเธอจับได้จะขยี้กล่องดวงใจของพวกมันให้เละไปเลย
“พี่หมิงซุ่น ตอนนี้จะทำไงต่อไปดี? แบบนี้ซิงเอ๋อร์เธอ…เธอก็…” เหมยเหมยพูดไม่ออก เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลยว่าวันข้างหน้าโจวซิงเอ๋อร์จะใช้ชีวิตต่อไปเช่นไร?
สาวน้อยที่เคยสดใสร่าเริงและไม่รู้จักรสชาติของความเศร้าโศก ในอนาคตเธอจะยังสามารถยิ้มแย้มสดใสเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ได้อยู่ไหมนะ?
เหยียนหมิงซุ่นพูดปลอบใจเธอ “มีชีวิตรอดมาได้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้ว อย่างน้อยเรื่องเทปวิดีโอก็ทำให้พวกเรารู้ว่าโจวซิงเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่”
เหมยเหมยพยักหน้า ก็จริง ไม่มีสิ่งใดมีค่าไปกว่าชีวิตอีกแล้ว สิ่งเลวร้ายจะค่อย ๆถูกลบเลือนไปตามกาลเวลาเอง
เหยียนหมิงซุ่นกดเล่นอีกครั้งจนสุดท้ายก็กดหยุดอยู่ที่ภาพบานหน้าต่าง หน้าต่างไม่ได้ปิดไว้จึงสามารถเห็นทิวทัศน์ภายนอกว่าเป็นชายหาดแห่งหนึ่งได้อย่างชัดเจน และยังเห็นเรือประมงอีกด้วย
เขาขยายภาพให้ใหญ่ขึ้นแล้วพูดกับเสี่ยวอวิ๋นว่า “ให้คนรีบไปตามสืบหาสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด แล้วแจ้งให้โจวจื่อหัวทราบด้วย”
“ค่ะ”
เสี่ยวอวิ๋นออกไปแล้ว
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มอย่างเย็นชา ช่างโง่เขลาเสียจริง หากไม่ได้ถ่ายวิดีโอไว้เขาคงหาที่ซ่อนของเฉินกั๋วเปียวไม่เจอหรอก พื้นที่ฮ่องกงไม่ใหญ่นัก หมู่บ้านชาวประมงก็มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แค่ทิวทัศน์เล็กน้อยแค่นี้คนของเขาจะต้องหาเฉินกั๋วเปียวพบอย่างแน่นอน
โอหยางซานซานเปลี่ยนไปพักโรงแรมอีกแห่ง เธอกำลังรับชมวิดีโออยู่ พอเห็นฉากตอนที่โจวซิงเอ๋อร์ต้องเจอสิ่งเลวร้ายพวกนั้นสีหน้าท่าทางของเธอก็พลันตื่นเต้นขึ้นมาก อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นรินไวน์แดงสักแก้ว
เรื่องที่น่ายินดีขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีเครื่องดื่มฉลองหน่อยสิ
ถ้าหากนางเอกในวิดีโอเปลี่ยนเป็นจ้าวเหมยเธอคงมีความสุขมากกว่านี้!
โทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้น โอหยางซานซานได้ฟังเพียงสองสามประโยคสีหน้าก็เปลี่ยนไปดูไม่ได้ พร้อมสบถด่าว่า “ไอ้หน้าโง่!”
เธอดื่มไวน์รวดเดียวหมดแก้ว จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อเชิ้ตเก่า ๆบ้านนอกตัวหนึ่ง จากนั้นก็หยิบขวดแก้วออกมาจากลิ้นชักมาทาผมทาหน้า ในไม่ช้าก็แปลงร่างเป็นหญิงวัยชราที่มีริ้วรอยเต็มใบหน้า ผมสีเทาขาวและหลังค่อม
เธอมองสำรวจการปลอมตัวครั้งใหม่ของตัวเองอย่างพึงพอใจ หยิบกระเป๋าลายดอกอีกใบออกมาแล้วเดินตัวโงนเงนเหมือนคนแก่ พอตอนเดินไปถึงประตูเธอก็หันหน้ามาส่งจูบพร้อมรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
ตอนคนของโจวจื่อหัวมาถึงโรงแรมห้องก็ว่างเปล่าแล้ว ทางฝั่งสนามบินก็ไม่มีบันทึกการเดินทางของโอหยางซานซานเสียด้วย
ตอนที่ 1820 นางฟ้าปีกหัก
ตามคำชี้แนะของเหยียนหมิงซุ่นทั้งโจวซิงเอ๋อร์และคุณนายโจวต่างก็ได้รับการช่วยเหลือออกมา ตอนที่โจวจื่อหัวมาถึง คุณนายโจวก็พาหลานสาวหนีออกมาแล้ว โชคดีที่มารับได้ทันเวลา
แต่ที่น่าเสียดายก็คือคุณนายโจวถูกยิงหลายนัด เมื่อถูกส่งตัวไปถึงโรงพยาบาลเธอก็เสียชีวิตแล้ว ก่อนตายเธอจ้องโจวซิงเอ๋อร์แล้วพูดกับเธอด้วยเสียงขาด ๆหาย ๆว่า “จงเข้มแข็ง…มีชีวิตอยู่ต่อไปนะ…”
โจวซิงเอ๋อร์พยักหน้ารับอย่างสะอึกสะอื้น แม้ว่าเธอจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอปรารถนาอยากมอบชีวิตของตัวเองให้คุณย่าเหลือเกิน
เธอสกปรกเสียยิ่งกว่าโคลนตม แม้กระทั่งหายใจยังสร้างมลพิษทางอากาศเลย คนอย่างเธอยังมีคุณสมบัติอะไรให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก?
“คุณย่า…คุณย่าอย่าตายนะ…วันหลังหนูจะเชื่อฟังคุณย่าทุกอย่างเลย ขอร้องนะคะ คุณย่าห้ามตาย…”
แต่ไม่ว่าเธอจะขอร้องอย่างไร ร่างของคุณนายโจวกลับค่อย ๆเย็นขึ้น และดวงตาก็ค่อย ๆปิดลงช้า ๆ…
“คุณย่า…”
โจวซิงเอ๋อร์จับมือคุณนายโจวเอาไว้แน่น ไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าคุณนายโจวได้จากไปแล้ว เธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ร้องไห้ให้คุณนายโจวและร้องไห้ให้ตัวเธอเองด้วย
วันก่อนเธอยังเป็นเจ้าหญิงน้อยที่มีแต่ความสุขอยู่เลย ในชีวิตมีแต่แสงสว่างและความสุขสดใส
แต่ตอนนี้เธอกลับปีกหักไม่สามารถบินได้อีกต่อไปแล้ว หลังจากนี้ในชีวิตของเธอจะเหลือเพียงความมืดมนและความเศร้าโศก
เธอไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้อีก!
แม้กระทั่งจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเธอยังไม่กล้าเลย!
เหมยเหมยไปร่วมงานศพของคุณนายโจว อันที่จริงมันกะทันหันเกินไป เธอยังไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงนี้ได้ คุณนายโจวที่เพิ่งคุยกับเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้กลับแยกกันอยู่คนละภพเสียแล้ว
เฮ้อ!
โจวซิงเอ๋อร์สวมชุดไว้ทุกข์ ท่าทีเหม่อลอยไร้วิญญาณ นัยน์ตาสูญสิ้นซึ่งความร่าเริงสดใสเหมือนกับบึงน้ำที่เงียบสงัด ริมฝีปากแห้งแตก ใบหน้าซีดขาว รู้แค่ว่าต้องแสดงความเคารพให้แขกที่มาร่วมงานราวกับหุ่นยนต์ไปเรื่อย ๆโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด
เรื่องที่หลานสาวของโจวจื่อหัวถูกข่มขื่นและถูกถ่ายเป็นหนังใต้ดิน คนทั่วไปรู้กันไม่เยอะนักแต่ก็ไม่ใช่ความลับในแวดวงสังคม คนที่มาร่วมงานต่างก็เป็นคนในแวดวงสังคม สายตาที่มองไปที่โจวซิงเอ๋อร์จึงเต็มไปด้วยความเห็นใจ แต่มันก็ยิ่งทิ่มแทงเด็กสาวที่น่าสงสารคนนี้มากขึ้นเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รับรู้ เธอปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะขังตัวเองเอาไว้แล้วตัดขาดจากโลกใบนี้
แต่เธอไม่สามารถทำได้!
เธออยากจะมาส่งคุณย่าเป็นครั้งสุดท้าย!
“ซิงเอ๋อร์ ต้องเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้นะ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการมีชีวิตอยู่” เหมยเหมยปวดใจที่โจวซิงเอ๋อร์เป็นแบบนี้จึงกอดเธอแน่น อดไม่ได้ที่จะพูดโน้มน้าวใจ
โจวซิงเอ๋อร์ชะงักไป คำพูดนี้เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะคุณย่าก็ชอบพูดแบบนี้ แต่ตอนนี้คุณย่าไม่อยู่แล้ว เธอเองก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เหมือนกัน!
“พี่เหมย…ฉัน…ฉัน…”
โจวซิงเอ๋อร์น้ำตาไหลพราก อารมณ์ที่ตึงเครียดมาตลอดก็ผ่อนคลายลงทันที เธอฝืนต่อไปไม่ไหวจึงเป็นลมล้มหมดสติไป สะใภ้ใหญ่ของตระกูลโจวที่จับตามองเธออยู่ตลอดนั่นก็คือแม่ของโจวซิงเอ๋อร์รีบถลาเข้ามา กล่าวขอบคุณเหมยเหมยอย่างซาบซึ้งใจก่อนจะประคองโจวซิงเอ๋อร์ไปพักผ่อน
เหมยเหมยถอนหายใจยาว ดูท่าทางโจวซิงเอ๋อร์แล้ว การเดินออกมาจากเรื่องเลวร้ายเกรงว่าคงเป็นเรื่องยาก!
หลังเสร็จสิ้นงานศพของคุณนายโจว เหมยเหมยก็ไปเยี่ยมโจวซิงเอ๋อร์อีกครั้ง นี่เป็นคำขอร้องของคุณนายโจวก่อนเสียชีวิต ถึงแม้โจวซิงเอ๋อร์จะเหม่อลอยไร้ชีวิตชีวาแต่ก็ยังหลงเหลือความโกรธให้เห็นอยู่ ตอนเห็นหน้าเหมยเหมยก็ยังยิ้มได้บ้าง แต่กลับเป็นเพียงยกยิ้มที่มุมปากเบาบางเท่านั้น ไม่เหมือนเสียงหัวเราะอันสดใสดั่งในวันวาน
ช่างเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนปวดใจเหลือเกิน…
แต่ยิ้มออกมาได้บ้างก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดี เวลาจะช่วยเยียวยาความเจ็บปวดเอง แสงตะวันจะค่อย ๆส่องแสงจนเต็มห้องหัวใจ เหมยเหมยมีความเชื่อมั่นในตัวโจวซิงเอ๋อร์
แต่ว่า——
เพิ่งจะกลับมาถึงบ้านได้ไม่นานเหมยเหมยก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของโจวซิงเอ๋อร์ น้ำเสียงดูกังวลเป็นอย่างมาก “คุณหนูจ้าว ต้องขอโทษด้วยจริง ๆแต่ซิงเอ๋อร์ไม่ยอมพบหน้าใครทั้งนั้น เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ฉันเป็นห่วงมาก คุณหนูจ้าวพอจะช่วยพูดเกลี้ยกล่อมหน่อยได้ไหม? ฉันกลัวเธอจะทำเรื่องโง่ ๆ…”
…………………………………………..
ตอนที่ 1821 แม่ที่ไร้ประโยชน์
สายในโทรศัพท์พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง แม่ของโจวซิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่ขี้ขลาดอ่อนแอ ไม่มีความคิดเห็นใด ๆเป็นของตัวเอง พอเจอปัญหาก็เอาแต่ร้องไห้ ในโทรศัพท์ก็เหมือนกันพูดจาจับใจความไม่ค่อยได้ เหมยเหมยเป็นห่วงโจวซิงเอ๋อร์จึงให้เสี่ยวอวิ๋นเตรียมรถ และกลับไปที่คฤหาสน์โจวอีกครั้ง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตอนที่หนูจะกลับซิงเอ๋อร์ยังดี ๆอยู่เลยไม่ใช่เหรอคะ?”
แม่ของโจวซิงเอ๋อร์ทำหน้าเศร้ารอเธออยู่หน้าประตูใหญ่ พอเห็นเหมยเหมยก็ทำหน้าเหมือนเจอผู้ช่วยชีวิต “ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจค่ะ หลังจากที่คุณหนูจ้าวกลับไป คนรับใช้ก็เอาพัสดุมาให้โจวซิงเอ๋อร์ หลังจากที่เห็นมันเธอก็ล็อกประตู ทั้งร้องไห้ทั้งกรีดร้องโวยวาย…” แม่ของโจวซิงเอ๋อร์ร้องไห้ฟูมฟายพลางพูดเสียงขาด ๆหาย ๆ
เหมยเหมยมุ่นคิ้วแล้วถามว่า “ในพัสดุมีอะไรเหรอคะ?”
“ไม่รู้สิ ฉันไม่เห็นของเลย” แม่ของโจวซิงเอ๋อร์ส่ายหน้าด้วยความกลัว เหมยเหมยเห็นดังนั้นก็แทบระเบิดอารมณ์ออกมา
ภรรยาคุณชายใหญ่ของตระกูลโจวผู้นี้เทียบกับคุณนายโจวไม่ติดเลยแม้แต่ปลายนิ้วก้อย ซิงเอ๋อร์มีแม่แบบนี้ ช่างเป็นการทำร้ายเธอจริง ๆ!
“ซิงเอ๋อร์ขังตัวเองไว้นานเท่าไรแล้วคะ?” เหมยเหมยเบื่อที่จะถามถึงคนส่งพัสดุ ถามไปก็คาดว่าคงไม่รู้อะไรเช่นกัน
“เกือบสองชั่วโมงแล้ว ก่อนหน้านี้ซิงเอ๋อร์ยังพอมีการเคลื่อนไหวอยู่บ้างแต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เสียงด้วยซ้ำ ฉันกลัวว่าซิงเอ๋อร์จะทำเรื่องโง่ ๆก็เลยโทรไปรบกวนคุณหนูจ้าว…”
แม่ของโจวซิงเอ๋อร์รู้สึกกระดากใจเล็กน้อย เธอไม่เคยทักทายพูดคุยกับเหมยเหมยเลย เธอรู้เพียงว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ที่แม้แต่ขันทีก็มิกล้าล่วงเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเกิดเรื่องกับซิงเอ๋อร์ เธอคงไม่แม้แต่จะกล้าพูดกับเหมยเหมย
เหมยเหมยถอนหายใจ โจวซิงเอ๋อร์ไม่เปิดประตู เธอก็ไม่คิดจะเรียกคนมาทุบประตูเลยหรือไง?
ถ้าโจวซิงเอ๋อร์ทำเรื่องโง่ ๆขึ้นมาจริง ๆ รอเธอมาถึงแล้วจะยังทันการเหรอ?
“ฉันไปดูเองค่ะ” เหมยเหมยไม่อยากคุยกับคุณนายโจวผู้เป็นภรรยาของคุณชายใหญ่อีกแล้ว ช่างเหนื่อยใจเหลือเกิน
แม่ของโจวซิงเอ๋อร์เดินตามหลังเธอด้วยท่าทีกระวนกระวายและหวาดกลัว เธอมีซิงเอ๋อร์เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เนื่องด้วยปัญหาของร่างกายจึงไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้อีก ถ้าไม่ใช่เพราะโจวจื่อหัวกับคุณนายโจวกดดันละก็เธอคงถูกสามีขอหย่าไปนานแล้ว
แต่เธอมีเพียงศักดิ์อันว่างเปล่าในฐานะของคุณนายใหญ่ของตระกูลโจวเท่านั้น ความหวังเดียวของเธอล้วนตกอยู่ที่ซิงเอ๋อร์ เพราะโจวซิงเอ๋อร์เป็นหลานสาวคนโปรดของทั้งสองเฒ่า ชีวิตของเธอในตระกูลโจวจึงดีขึ้นมามาก
แต่ตอนนี้…
โชคชะตาอันเลวร้ายของซิ่งเอ๋อร์…ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป?
พอนึกถึงเรื่องเจ็บปวดขึ้นมาความเศร้าโศกก็ถาโถมใส่คุณนายใหญ่โจว เธอเริ่มร้องไห้อีกครั้ง เธอไม่กล้าร้องไห้เสียงดังนักแต่นั่นกลับทำให้รู้สึกหดหู่ไม่น้อย
“คุณนายโจวคะ ตอนนี้สิ่งที่ซิงเอ๋อร์ต้องการที่สุดคือแม่ที่เข้มแข็งแต่ไม่ใช่แม่ที่ร้องไห้จนน่าเวทนายิ่งกว่าเธอ สภาพคุณในตอนนี้จะทำให้ซิงเอ๋อร์เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม”
เธออดแขวะไม่ได้ คุณนายใหญ่โจวจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาพลางโทษตัวเองว่า “ฉันก็ไม่ได้อยากจะร้องหรอกค่ะ…แต่พอนึกถึงซิงเอ๋อร์ขึ้นมา…ฉันก็อดไม่ได้ จากนี้ซิงเอ๋อร์จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร?”
“ควรจะมีชีวิตต่อไปอย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้นแหละค่ะ ซิงเอ๋อร์ไม่ใช่แค่จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขแต่เธอจะต้องมีชีวิตที่สดใสมากกว่าเมื่อก่อน ต่อไปคุณนายโจวอย่าได้พูดคำพวกนี้ต่อหน้าซิงเอ๋อร์อีกนะคะ สิ่งที่คุณต้องทำคือการให้กำลังใจซิงเอ๋อร์ ถ้าให้กำลังใจไม่ได้ก็ต้องยิ้มอย่างมีความสุขในทุก ๆวัน อย่าเอาแต่ทำหน้าเศร้าร้องไห้ไปวัน ๆแบบนี้!”
วัน ๆเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย และแววตาที่บอกว่า ‘จากนี้ไปเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร’ ทำนองนั้น ต่อให้เป็นคนปกติก็คงถูกบีบให้กลายเป็นคนบ้าได้
คุณนายใหญ่โจวปิดปากเงียบด้วยอารมณ์ครุกรุ่น แต่ในใจกลับไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเหมยเหมย
คนยืนพูดไม่ปวดเอว[1] ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับตัวเองจะรอดูสิว่าจะยังหัวเราะออกอีกไหม?
เธอเสียใจแทนลูกสาวมันผิดหรือไง?
ห้องของโจวซิงเอ๋อร์ปิดสนิท ภายในห้องเสียงเงียบกริบ เงียบจนทำให้รู้สึกเป็นกังวล
“ซิงเอ๋อร์ เปิดประตูหน่อยสิ พี่คือพี่เหมยของเธอเองนะ มีเรื่องจะขอให้เธอช่วยหน่อย!” เหมยเหมยเคาะประตูแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติเหมือนทุกครั้งที่คุยกัน ผ่อนคลายเอามาก ๆ
…………………………………………………………………………………………..
[1] เปรียบเปรยได้ว่า หากไม่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็ไม่เข้าใจ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น