ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1794-1801

 ตอนที่ 1794 สีหน้าอันคุ้นเคย


โอหยางซานซานหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแล้วเลื่อนจานหนีอย่างรวดเร็วพลางกล่าวเสียงนิ่ง “ฉันไม่ชอบทานขนม ขอบคุณน้ำใจของคุณจ้าว”


“อาเมย์เมื่อวานเธอยังชมว่าขนมอัลมอนด์อร่อยอยู่เลย สบายใจได้เธอไม่อ้วนเลยสักนิดเดียว ทานขนมหนึ่งชิ้นไม่เป็นไรหรอก” โจวจื่อหัวพูดเชิงล้อเล่น เขาคิดว่าโอหยางซานซานกลัวอ้วนถึงไม่กล้าทานขนมหวาน


“พ่อคะ…หนูอยากลดความอ้วนจริง ๆนะ…”


โอหยางซานซานหยิกต้นขาตัวเองแรง ๆหนึ่งทีพยายามหักห้ามความต้องการเอาไว้แล้วพูดอ้อนเสียงกระเง้ากระงอด ทำเอาเหมยเหมยที่ฟังอยู่ขนลุกซู่


โจวจื่อหัวพึงพอใจกับการอ้อนของคนสวยอย่างมากเลยไม่ได้เอ่ยถึงขนมอีก โอหยางซานซานถอนหายใจโล่งอกทีหนึ่งพลางคีบเกี๊ยวกุ้งสีใสจากอีกจานมาทานช้า ๆ แต่ตาเหลือบมองขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงเป็นระยะ ๆ ดูท่าทางน่าอร่อยดีจัง


เหมยเหมยใจกระตุก สีหน้าท่าทางแบบนี้ช่างคุ้นตาเหลือเกิน เธอเคยเห็นมันจากไหนนะ?


อาการปวดศีรษะเริ่มกลับมาอีกครั้งทำให้เหมยเหมยไม่กล้าคิดเยอะไปมากกว่านี้ พอทานขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงไปสองชิ้นก็ขอตัวกลับ ก่อนกลับโจวจื่อหัวยังให้เธอห่อขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงกลับไปด้วยหนึ่งกล่อง “ชอบทานก็ทานเยอะ ๆนะ”


“ขอบคุณค่ะลุงหัว”


เหมยเหมยไม่ปฏิเสธน้ำใจเพราะขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงรสชาติดีจริง ๆ เธอจะเอากลับไปค่อย ๆทานเพราะฝีมือการทำอาหารของเชฟภัตตาคารป้าหวังไม่ได้จะหาทานได้ง่าย ๆ


พวกอู่เชาต่างก็นั่งดูโทรทัศน์อยู่บ้าน เซียวเซ่อตาเป็นประกายหรือบางทีอาจจะเพราะประสาทรับรู้เรื่องของกินว่องไวมาก เธอยักไหล่แล้วถาม “มือเธอติดของอร่อย ๆอะไรมา? หอมจัง!”


“ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงของภัตตาคารป้าหวัง อร่อยมาก”


เหมยเหมยวางกล่องขนมไว้บนโต๊ะแล้วเปิดกล่องเผยให้เห็นขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงเหลืองอร่ามหอมกรุ่นเรียงเป็นแถว กลิ่นหอมเข้มข้นนั้นเรียกให้เซียวเซ่อกับสยงมู่มู่คว้าหนึ่งชิ้นขึ้นทานทันที


“อร่อย อร่อยมาก ทำไมเธอไม่เอากลับมาเยอะหน่อยล่ะ?”


เซียวเซ่อมักเป็นคนที่ความอยากมีมากกว่าท้องอยู่แล้ว เห็นว่ามีขนมเพียงยี่สิบชิ้นก็กลัวจะไม่พอทาน


“ทานหมดก็ค่อยไปซื้ออีกสิ เธอรีบร้อนอะไร?” เหมยเหมยกลอกตาใส่เธอทีหนึ่งกลับเห็นว่าอู่เชาในตอนนี้ยืนนิ่งไปแล้ว


อู่เชามองขนมบนโต๊ะเตี้ยด้วยสีหน้าสับสน อยากทานแต่ก็ไม่กล้าทาน เขาโอดครวญเสียงดัง “จ้าวเหมยเธอมันจงใจชัด ๆ รู้ทั้งรู้ว่าฉันทานไม่ได้ดันเอากลับมายั่วฉัน!”


“พวกเธออย่ามาทานต่อหน้าฉันนะ…อ๊าก…ทนไม่ไหวแล้ว…”


อู่เชาเอามือปิดตาและจมูกอย่างหงุดหงิด มองไม่เห็นไม่ได้กลิ่นคงอดใจไหวสินะ!


ในที่สุดเหมยเหมยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าสีหน้าท่าทางของโอหยางซานซานที่ภัตตาคารป้าหวังดูคุ้นตามาก มันเป็นสีหน้าเดียวกับอู่เชาในตอนนี้ไม่มีผิด เป็นความสับสนที่อยากทานแต่ก็ไม่กล้าทานเช่นกัน


คำถามคือโอหยางซานซานเองก็แพ้ถั่วลิสงหรือ?


“นายรู้ไหมว่าโอหยางซานซานทานถั่วลิสงได้หรือเปล่า?” เหมยเหมยถามสยงมู่มู่


บรรดาพวกเขามีเพียงสยงมู่มู่ที่ใช้ชีวิตร่วมกับโอหยางซานซานมานานที่สุด สยงมู่มู่ชะงักไปโดยไม่เข้าใจความหมายของเธอ “จู่ ๆเธอถามเรื่องนี้ทำไม?”


“นายอย่าสนใจเลย นายแค่ตอบคำถามฉันมาว่าโอหยางซานซานทานถั่วลิสงได้ไหมก็พอ?” เหมยเหมยปวดศีรษะก็น่าหงุดหงิดพอแล้วเลยเร่งเร้าให้เขารีบตอบ


สยงมู่มู่ขบคิดชั่วครู่แต่ก็ไม่มั่นใจเต็มร้อย “ฉันกับหล่อนไม่ได้สนิทกันสักหน่อยแต่ไม่เคยได้ยินว่าทานถั่วลิสงไม่ได้นะ เมื่อก่อนตอนมาบ้านฉันบ่อย ๆไม่เห็นเธอแพ้อะไรเลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”


เหมยเหมยได้ยินว่าเป็นคำตอบที่ไม่มั่นใจเลยถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ “ทานขนมเปี๊ยะไส้ถั่วลิสงของนายไปเถอะ ฉันไปนอนแล้ว!”


ฟังดูแล้วเหมือนว่าโอหยางซานซานน่าจะทานถั่วลิสงได้ไม่อย่างนั้นจากนิสัยเอาแต่ใจอย่างสองแม่ลูกคู่นั้น หากทานถั่วลิสงไม่ได้จริง ๆหวงอวี้เหลียนต้องเอะอะโวยวายสั่งทางครัวอย่าเตรียมอาหารที่มีถั่วลิสงอีก แต่เธอจำได้ว่าตอนนั้นแม้หวงอวี้เหลียนจะรำคาญแต่ไม่เคยสั่งห้ามอะไรมาก่อน


…………………….


 ตอนที่ 1795 no problem


เหมยเหมยคิดไม่ตกในเมื่อโอหยางซานซานทานถั่วลิสงได้ แล้วทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงทำสีหน้าคล้าย ๆอู่เชาล่ะ?


ทั้ง ๆที่เธอทำหน้าดูเหมือนอยากทานแต่ก็ไม่กล้าทานแบบนั้น?


ไม่ได้ วันไหนเธอต้องลองทดสอบดูสักหน่อยว่าโอหยางซานซานทานถั่วลิสงได้หรือเปล่า เธอต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้


ขมับเริ่มปวดตุบ ๆขึ้นอีกครั้ง เหมยเหมยที่เตรียมจะขึ้นไปชั้นบนร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้เพราะอาการปวดรุนแรงที่เกิดขึ้นกะทันหัน เธอจึงพิงกำแพงเอาสองมือกุมศีรษะไว้


“ทำไมถึงปวดมากขนาดนี้? ฉันจะรีบไปเอายาหม่องมา” เสี่ยวอวิ๋นถลาเข้าไปพยุงเธอไปตรงโซฟา ซึ่งทางอู่เชารีบยาหม่องมาให้อย่างลนลาน


แต่อาการปวดศีรษะครั้งนี้รุนแรงเป็นทวีคูณ ก่อนหน้านี้อาการจะทุเลาลงหลังทายาหม่องแต่ครั้งนี้กลับไม่มีผลใด ๆ ปวดเหมือนศีรษะใกล้ระเบิด เหมยเหมยเจ็บจนแทบทรงตัวไม่อยู่จนเธอขดงอตัวเป็นกุ้ง


“อย่าโทรหาพี่หมิงซุ่นนะ เดี๋ยวฉันก็หาย”


เหมยเหมยกลั้นความเจ็บไว้พร้อมเอ่ยสั่งเสี่ยวอวิ๋น ผู้หญิงคนนี้มักรายงานเหยียนหมิงซุ่นทุกเรื่องอย่างละเอียด ในเมื่อเหยียนหมิงซุ่นวางแผนจะมาวันพรุ่งนี้นั่นจึงบ่งบอกว่าวันนี้เขายังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ เธอจะเป็นตัวถ่วงเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้


เสี่ยวอวิ๋นทำท่าลังเลแต่เหมยเหมยปั้นหน้าขึงขังใส่ กำลังจะพูดเน้นย้ำอีกทีแต่อาการปวดศีรษะก็กำเริบหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัวจนรู้สึกหน้ามืดเป็นพัก ๆ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว


“โอเค ๆ ฉันไม่โทรหาคุณชายหมิงแล้ว คุณหนูอย่าพูดอะไรอีกเลย ฉันจะนวดให้”


เสี่ยวอวิ๋นจำต้องรับปากก่อนจะนวดบริเวณศีรษะให้เหมยเหมยที่ดูท่าทางจะบรรเทาลงทีละน้อย แต่อาการปวดยังคงดำเนินต่อไปซึ่งอาการที่ทุเลาลงไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย


“…โอ๊ย…ไปเชิญคุณหมอกู้มา….ให้เขามาฝังเข็มให้ฉันที…” เหมยเหมยพูดเสียงขาด ๆหาย ๆ เดิมทีอยากหาเวลาว่างไปตรวจดูอาการกับคุณหมอกู้สักหน่อยแต่ตอนนี้รู้สึกปวดแทบไม่ไหวแล้ว เธอทนไม่ไหวอีกแล้วจริง ๆ


เสียวหลี่ที่ทำตัวไม่ถูกได้ยินดังนั้นเลยรีบพุ่งตัวออกไปเตรียมตามหาคุณหมอกู้ด้วยความเร็วแสง


“คุณหมอกู้ไม่อยู่ฮ่องกง ไปมาเก๊าแล้ว” ไม่นานเสียวหลี่ก็กลับมาแต่มาพร้อมกับข่าวร้าย


เหมยเหมยในเวลานี้ปวดจนสะลืมสะลือสติเริ่มพร่าเบลอ เสี่ยวอวิ๋นกับเสียวหลี่ต่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เซียวเซ่อเลยพูดเสียงเด็ดขาด “ส่งโรงพยาบาล!”


ปวดจนหมดสติไปแบบนี้ต้องไม่ใช่อาการปวดทั่วไปแน่ อย่างไรเสียก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อยถึงจะสบายใจกว่า


แต่ทว่า–


“ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น แค่นอนไม่พอกับเหนื่อยเกินไป พักผ่อนเยอะ ๆก็หาย”


เสียเวลาอยู่โรงพยาบาลไปครู่ใหญ่จับตรวจทุกซอกทุกมุมยันเส้นผมทุกเส้น แต่คุณหมอกลับบอกเพียงว่า ‘No problem’


ได้ฟังแล้วอยากตบคนเหลือเกิน!


“ปวดถึงขนาดนี้แล้วยังไม่มีปัญหาอะไรอีก? นี่คุณตรวจอาการเป็นหรือเปล่าเนี่ย?” เซียวเซ่อชี้ไปยังเหมยเหมยที่หน้าขาวซีดและสลบเหมือดไปแล้วและถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรอย่างมาก


คุณหมอกลับค่อนข้างใจเย็นอยู่เหมือนเดิม เขาหยิบผลสแกน CT แล้วก็ใบตรวจเลือดขึ้นมาอธิบายอย่างตั้งใจ ศัพท์แพทย์ที่ถูกเอ่ยติดต่อกันรัว ๆทำให้เซียวเซ่อไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อย ๆ พอเห็นว่าใกล้จะระเบิดลงแล้วสยงมู่มู่เลยรีบห้ามเธอไว้


“ในเมื่อไม่มีปัญหาอะไรแต่ทำไมถึงอาการหนักขนาดนี้? เมื่อก่อนเธอไม่เคยปวดหัวขนาดนี้มาก่อนเลย”


คุณหมอคิด ๆแล้วก็ยิ้มตอบ “บางทีอาจเป็นเพราะเส้นประสาทรับรู้ความเจ็บปวดของเธอค่อนข้างอ่อนไหวง่าย ถึงอย่างไรเราก็ต้องเชื่อผลตรวจ เพื่อนของพวกคุณสุขภาพแข็งแรงมาก วัยรุ่นก็อย่านอนดึก นอนเร็วตื่นเช้าดีต่อสุขภาพนะ!”


แต่ละคนจำต้องพาเหมยเหมยกลับบ้านอีกครั้งด้วยความระอา ความจริงก็โทษคุณหมอไม่ได้เพราะผลตรวจมากมายออกมาว่าไม่มีปัญหาและสุขภาพแข็งแรงดี…


แต่มันก็ปวดอยู่ดี!


ขณะใกล้พลบค่ำเหมยเหมยค่อย ๆฟื้นตัวขึ้นมา อาการปวดศีรษะทุเลาลงมาก เธอดูผลตรวจที่ดูไม่เข้าใจนั้นแล้วยิ้มกล่าว “ฉันก็คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรหรอก น่าจะเพราะช่วงนี้มีเรื่องกวนใจเยอะเกินไป รอพี่หมิงซุ่นมาฉันคงไม่ปวดแล้ว”


มีเหยียนหมิงซุ่นอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้เลย!


ตอนที่ 1796 โอหยางซานซานที่แปลกไป


ในเมื่อหลับไปอย่างสะลืมสะลือตลอดช่วงบ่ายพอตกดึกเหมยเหมยก็นอนไม่หลับ เธอจึงหยิบกระดาษมาเริ่มขีดเขียน “หร่วนหวาไฉ่…โอหยางซานซาน…โอหยางสยง…อืม แล้วก็เซี่ยทิงเทากับลี่ลี่อัน…”


เหมยเหมยพูดพึมพำกับตัวเองแล้วเขียนรายชื่อคนที่ได้เจอหลังมาฮ่องกง อีกทั้งยังไล่เรียงลำดับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาให้ชัดเจน แต่กลับทำให้เธอเห็นจุดบอดที่ตัวเองมองข้ามไปเลยส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างอดไม่ได้


“เป็นอะไรไป? ปวดหัวอีกแล้วเหรอ?” เซียวเซ่อถามขึ้น


เหมยเหมยส่ายหน้าชี้ไปที่กระดาษแล้วพูดว่า “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าโอหยางซานซานเป็นลูกศิษย์ของหร่วนหวาไฉ่ แต่หร่วนหวาไฉ่มาฮ่องกงอาจารย์กับลูกศิษย์คู่นี้คงไม่ได้เจอกันหรอกใช่ไหม?”


เสี่ยวอวิ๋นพูดเสียงแน่วแน่ “ไม่มีทางแน่นอน หลังจากหร่วนหวาไฉ่มาถึงฮ่องกงเราก็คอยติดตามทุกฝีก้าว เหมือนเขาไม่รู้ว่าโอหยางซานซานอยู่ฮ่องกง”


“เป็นไปได้ว่าโอหยางซานซานเองก็ไม่รู้ว่าหร่วนหวาไฉ่อยู่ฮ่องกงด้วย!” สยงมู่มู่เอ่ย


เหมยเหมยส่ายศีรษะ “เธอรู้แน่นอน”


เธอเล่าเรื่องที่คุณนายโจวตามสืบให้ฟัง “ต่อให้เมื่อก่อนเธอไม่รู้แต่คืนนั้นที่โจวจื่อหัวโทรหาฉัน โอหยางซานซานก็อยู่ด้วย อีกอย่างเทปอัดเสียงอันนั้นต้องเป็นเธอที่ส่งมันให้กับทางตำรวจแน่ เธอไม่มีทางที่จะไม่รู้”


“โอ้โห ทำไมโอหยางซานซานถึงดักฟังโจวจื่อหัวคุยโทรศัพท์ล่ะ? หรือว่าเธอเข้าร่วมทำงานในสำนักข่าวกรอง?” สยงมู่มู่ทำท่าตกใจอย่างมาก ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เขาวิเคราะห์ฟังดูมีเหตุผลอย่างมาก


จู่ ๆก็ต่อสู้เก่งขนาดนั้นไหนจะมีรสนิยมการแต่งตัวที่ดีขึ้นทั้งยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอีก ถ้าเป็นหน่วยพิเศษของสำนักข่าวกรองก็มีความเป็นไปได้สูงว่ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเป็นเพียงตัวปิดบังสถานะของเธอซึ่งไม่จำเป็นต้องสอบเข้าเลย


เซียวเซ่อถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง “นายคิดว่าสำนักข่าวกรองเป็นตลาดสดที่ใครก็เข้าได้เหรอ?”


เธอไม่เคยเห็นโอหยางซานซานในสายตาด้วยซ้ำ ต่อให้สอบติดมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดแล้วอย่างไร? ยังคงขี้แพ้เหมือนเดิมอยู่ดี!


“แล้วจะอธิบายเรื่องโอหยางซานซานดักฟังอย่างไรล่ะ? ต้องมีสาเหตุหรือเปล่า?” สยงมู่มู่ตอกกลับอย่างไม่พอใจ


“เป็นไปได้ว่าเธออาจจะถูกคนบงการ แม้แต่การที่เธอเป็นชู้รักของโจวจื่อหัวก็อาจจะเป็นเพราะได้รับคำสั่งมา ไม่อย่างนั้นคนที่ไม่ขาดแคลนเงินและผู้ชายอย่างเธอทำไมต้องมาอยู่กับตาแก่คนหนึ่งแบบนี้ด้วย? ฮ่องกงมีผู้ชายหล่อ ๆตั้งเยอะ  ลำพังแค่ตัวเธอในตอนนี้คิดจะหาใครสักคนมันเป็นเรื่อง่ายมากอยู่แล้ว” เซียวเซ่อกล่าว


“งั้นถูกใครสั่งมาเหรอ?” สยงมู่มู่ถามต่อ


“ไม่รู้”


เซียวเซ่อตอบกลับทันควัน หากเธอรู้ก็คงเป็นหนึ่งในสำนักข่าวกรองอีกคนแล้วสิ!


เธอหยิบกระดาษในมือของเหมยเหมยมาดูคร่าว ๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็บอก “ลี่ลี่อันกับเซี่ยทิงเทาตัดออกไปได้ พวกเขาเป็นแค่คนผ่านมา ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นช่วงนี้แน่นอน”


ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยเพราะมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ได้ข่าวว่าลี่ลี่อันกับเซี่ยทิงเทากลับอเมริกาไปแล้วและรอดอย่างหวุดหวิด หากไม่มีอะไรผิดพลาดคงไม่มาฮ่องกงอีกหลายปี


เซียวเซ่อพูดต่อ “ที่เหลือก็คือพวกเขาสามคน สองคนตายไปแล้ว สองคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโอหยางซานซานกันทั้งคู่แล้วไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์แบบผิวเผินด้วย”


“เธอคิดจะพูดอะไรกันแน่? ช่วยพูดให้จบทีเดียวเลยได้ไหม?” อู่เชาฟังแล้วจับใจความไม่ได้ สติปัญญาด้านศิลปะของเขาฟังโจทย์ประเภททดสอบสติปัญญาแบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ


เซียวเซ่อมองไปทางเหมยเหมยแล้วถาม “ช่วงที่เธอเจอโอหยางซานซาน หล่อนได้ทำหน้าเสียใจหรือเศร้าใจบ้างไหม?”


“ไม่เลย ปกติมาก แต่ฉันไม่มั่นใจว่าหล่อนรู้เรื่องของโอหยางสยงหรือเปล่านะ” เหมยเหมยส่ายศีรษะ


คราวนี้อู่เชาเข้าใจแล้ว “ต่อให้หล่อนไม่รู้เรื่องโอหยางสยงแต่หร่วนหวาไฉ่เป็นอาจารย์ของหล่อนนะ หากเกิดเรื่องกับอาจารย์แล้วเธอยังทำตัวปกติได้ก็ผิดปกติเกินไปแล้ว”


ต่อให้เป็นเพื่อนธรรมดาที่จู่ ๆเกิดเป็นอะไรไป อารมณ์ความรู้สึกต้องมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อยสิ?


แต่นอกจากโอหยางซานซานจะไม่เสียใจแล้วยังเอาเรื่องการตายของหร่วนหวาไฉ่มาใส่ร้ายคนอื่น มันช่างเลือดเย็นเสียจริง


………………………..


 ตอนที่ 1797 ผีเข้าหรือเปล่า


เซียวเซ่อเอ่ยต่อ “เรื่องผิดปกติก็ต้องมีเงื่อนงำอะไรบ้างสิ พฤติกรรมผิดสังเกตต่าง ๆนา ๆของโอหยางซานซานบ่งบอกว่าเธอคนนี้แปลกไปมาก ฉันคิดว่าเราควรเพ่งเล็งความสนใจไปที่ตัวโอหยางซานซาน”


สยงมู่มู่เองก็พยักหน้าเห็นด้วย “ฉันก็คิดว่าโอหยางซานซานมีปัญหา ต่อให้หล่อนไม่ใช่ฆาตกรแต่หล่อนต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่ ๆ”


เหมยเหมยรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “งั้นตอนนี้เราก็ต้องมาวิเคราะห์โอหยางซานซานอย่างละเอียด รอเดี๋ยว ฉันไปเอาสมุดมาจดก่อน”


เสี่ยวอวิ๋นทำอะไรฉับไวมากรีบโยนสมุดจดหนึ่งเล่มมาให้ก่อนที่เหมยเหมยจะยกนิ้วโป้งให้เธอ จากนั้นทำท่าเหมือนเสมียนก่อนพูดขึ้นว่า “เราจดพฤติกรรมผิดปกติของโอหยางซานซานก่อน สิ่งที่น่าแปลกมากที่สุดคือสติปัญญาที่สูงขึ้นของหล่อน ฉันไม่เข้าใจเลย”


เหมยเหมยนึกโกรธเพราะเมื่อก่อนโอหยางซานซานฉลาดสู้เธอไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะเก่งขึ้นขนาดนี้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา แถมยังสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับโลกได้ง่าย ๆ ต่อให้ตอนนี้เธอจะจับทางสไตล์การเรียนของตัวเองได้แต่ก็สอบไม่ติดหรอก


เพราะช่วงก่อนสยงมู่มู่ได้เอาโจทย์มาให้ลองทำหลายข้อ และได้ยินมาว่าเป็นโจทย์ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พอเธอว่างเลยลองเอามาทำเล่น ๆถึงพบเรื่องน่าเศร้าว่าเธอทำมันไม่ได้เลยแม้แต่ข้อเดียว


ศูนย์คะแนน…


ชาไปทั้งตัวเลยทีเดียว!


โอหยางซานซานมีสิทธิ์อะไรที่จะเติบโตทางสติปัญญาเป็นครั้งที่สองกันล่ะ?


ต้องมีเงื่อนงำบางอย่าง!


เหมยเหมยจดข้อนี้ลงไปในกระดาษหน้าแรกอย่างขุ่นเคือง ดวงตาของเซียวเซ่อกับสยงมู่มู่ฉายแววยิ้มแวบหนึ่ง สติปัญญาเป็นเรื่องแทงใจดำตลอดเลยนะ!


“จากอาหารการกินที่อเมริกา โอหยางซานซานไม่มีทางที่จะไม่สูงสักนิดตลอดช่วงสี่ปีที่ผ่านมา มันผิดปกติ!” เซียวเซ่อเสนอข้อที่สอง


สยงมู่มู่เองก็พูดเสริมว่า “แล้วก็รูปร่างขนาดตัวกับบุคลิก เมื่อก่อนโอหยางซานซานเป็นคนโครงใหญ่ บุคลิกก็ไปทางสายอ่อนหวาน อีกทั้งฉันรู้สึกว่าหน้าตาของเธอมีมิติมากขึ้น…”


เซียวเซ่อพูดแทรก “อันนี้ไม่แปลก ตอนนี้ต่างประเทศนิยมศัลยกรรมบางทีโอหยางซานซานอาจจะไปทำศัลยกรรมก็ได้ ส่วนบุคลิกก็ยิ่งไม่น่าแปลก บุคลิกย่อมแปรผันไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น อีกอย่างเกิดเรื่องที่บ้านของโอหยางซานซานกะทันหันแบบนั้นอาจจะส่งผลต่อบุคลิกของเธอก็ได้”


เหมยเหมยพยักหน้าเห็นด้วยและจู่ ๆบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวแต่ไม่นานก็หายไปไล่จับมันไว้ไม่ทัน


เธอตบศีรษะอย่างหงุดหงิดพลางรู้สึกว่าเริ่มปวดขมับอีกแล้ว เธอรีบใช้ปลายปากกาเคาะขมับเบา ๆเลยพอจะช่วยให้อาการทุเลาลงบ้าง


จากนั้นพวกเซียวเซ่อก็ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกมากมายเช่นทักษะการต่อสู้ของโอหยางซานซาน ตั้งแต่เรื่องที่ลดตัวมาอยู่กับตาแก่อย่างโจวจื่อหัว ความเย็นชาที่มีต่อหร่วนหวาไฉ่กับโอหยางสยงรวมถึงเทปอัดเสียงโจวจื่อหัว…เป็นต้น


เหมยเหมยเขียนจดยาวเป็นหน้ากระดาษ เธอขมวดคิ้วแน่น หากไม่เขียนออกมาคงไม่รู้เลยจริง ๆว่าโอหยางซานซานมีพฤติกรรมที่ผิดปกติไปมากขนาดนี้!


คนคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ในระยะสี่ปีได้อย่างไร?


“แล้วก็ปฏิกิริยาที่มีต่อถั่วลิสงของโอหยางซานซาน ฉันรู้สึกว่ามีความจำเป็นที่ต้องส่งคนไปสืบประวัติการใช้ชีวิตตลอดสี่ปีที่อเมริกาของโอหยางซานซานหน่อยแล้ว!” เหมยเหมยทำหน้าจริงจังและเกิดรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ


อู่เชาที่เงียบมาโดยตลอดทำหน้าลังเลใจคล้ายอยากพูดบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูด


สยงมู่มู่เห็นเข้าก็นึกรำคาญเลยฟาดหลังเขาไปแรง ๆทีหนึ่ง “มีอะไรก็รีบพูดมา อ้ำอึ้งเหมือนผู้หญิงอยู่ได้!”


อู่เชาเบะปากอย่างน่าสงสาร หากพูดไปต้องโดนฟาดแน่ ๆแต่ถ้าไม่พูดก็โดนฟาดอยู่ดี เฮ้อ…


แน่นอนว่าเขาก็พูดออกมาในท้ายที่สุดพลางพูดเสียงตะกุกตะกัก “ฉัน…ฉันคิดว่านะ โอหยางซานซานโดนผีเข้าหรือเปล่า?”


“ป๊าบ”


สยงมู่มู่ตบเข้าที่หลังศีรษะเขาอย่างจัง อู่เชาตวัดตามองด้วยความโกรธแล้วทำท่าทางน่าสงสาร


เขารู้อยู่แล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้!


ตอนที่ 1798 ปวดศีรษะเหมือนจะระเบิด


สยงมู่มู่ทำหน้าเหมือนสื่อความหมายว่า ‘นายกำลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า’ แล้วด่าว่า “เจ้าอ้วนน้ำเข้าสมองหรือไง? โลกนี้จะมีผีได้อย่างไร?”


เซียวเซ่อเองก็ทำหน้าเห็นด้วย เธอเป็นพวกไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เช่นเดียวกับสยงมู่มู่ ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าบนโลกนี้จะมีผีวิญญาณอะไรเทือกนั้น


อู่เชาเถียงกลับไปเสียงอ่อน “นายรู้ได้ไงว่าโลกนี้ไม่มีผี? ถ้าไม่มีผีจริง ๆแล้วอาจารย์ผูซงหลิงจะแต่งเรื่องผีสนุก ๆมากขนาดนั้นได้อย่างไร? ไม่แน่เขาอาจเป็นคนประสบเรื่องพวกนั้นมาเองก็ได้!”


“นายลองไปถามผูซงหลิงที่นรกดูสิ ดูสิว่าเขาเคยมีความรักกับผีมาก่อนจริง ๆหรือเปล่า อุ๊บ!” สยงมู่มู่มองเขาอย่างหยามเหยียด พูดเรื่องผีบ้าบอแบบนี้ออกมาได้ สติปัญญาน่าเป็นห่วงนะเนี่ย!


ความกลัวโหมซัดเข้ามาในใจของเหมยเหมย เธอรู้ดีกว่าใครว่ามีผีวิญญาณหรือเปล่าเพราะเธอก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างไม่ใช่หรือ?


ในเมื่อเธอสามารถฟื้นคืนชีพได้ถ้าอย่างนั้นคนอื่นก็ทำได้เช่นเดียวกัน


“ฉันคิดว่าเสี่ยวเชาพูดได้มีเหตุผลดี นอกจากใบหน้าที่ยังเหมือนเดิมแล้วโอหยางซานซานก็แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่แน่วิญญาณที่สิงสถิตในร่างเธอเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นแล้วก็ได้นะ เพียงแต่…คนคนนั้นคือใครกันแน่?” เหมยเหมยพูดพึมพำกับตัวเอง


อู่เชาพยักหน้ารัวอย่างดีใจ เหมยเหมยสิรู้ใจเขามากที่สุด เขาหมายความว่าอย่างนั้นแหละ!


เซียวเซ่อวิเคราะห์อย่างใจเย็น “ถ้าสมมติว่าเรื่องผีวิญญาณมีอยู่จริง วิญญาณของโอหยางซานซานเปลี่ยนเป็นของคนอื่น งั้นพวกเธอก็ต้องเข้าใจด้วยว่าเมื่อเปลี่ยนวิญญาณไปแล้วมันไม่ได้ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางร่างกาย แล้วจะอธิบายเรื่องสี่ปีที่โอหยางซานซานไม่สูงขึ้นเลยอย่างไร?”


“บางทีเธออาจจะเป็นคนประเภทที่ไม่สูงขึ้นก็ได้นี่นา?” เหมยเหมยเอ่ยเสียงเบา


“เป็นไปไม่ได้ นอกจากว่าเธอจะป่วยเป็นโรค ภายใต้สถานการณ์ปกติไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ช่วงอายุสิบหกปีถึงยี่สิบปีต้องมีการเจริญเติบโต นอกจากว่าได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ แต่เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นกับตัวโอหยางซานซานหรอก”


“เราพูดแบบนี้ไปก็เปล่าประโยชน์เพราะถึงอย่างไรก็ต้องมีข้อมูลอ้างอิง ต้องเอาส่วนสูงขนาดจริงของโอหยางซานซานมา รวมถึงข้อมูลส่วนสูงก่อนที่หล่อนจะไปต่างประเทศมาด้วย เทียบกันก็จะกระจ่างเองแหละ” สยงมู่มู่กล่าว


“เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง แล้วจะรีบให้คำตอบนะ”


เสี่ยวอวิ๋นโทรหาลูกน้องซึ่งไม่รู้เช่นกันว่าพวกเขาจะวัดส่วนสูงของโอหยางซานซานมาได้อย่างไร


เหมยเหมยปวดศีรษะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆจนแทบทนไม่ไหวเลยขอตัวกลับไปพักผ่อนในห้อง พอคิดว่าพรุ่งนี้จะได้เจอเหยียนหมิงซุ่นแล้วเธอก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างมากและไม่รู้สึกปวดศีรษะมากอีกต่อไป


ผ่านไปอีกหนึ่งคืน


เหมยเหมยตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ไม่สดชื่นนักเพราะหลายวันมานี้เธอหลับไม่ค่อยสนิท มักจะฝันทุกคืนฝันแล้วฝันเล่าพอหลังตื่นนอนก็ลืมมันไปเสียสนิทและรู้สึกปวดศีรษะหนักกว่าเดิม


คราวนี้เธอถึงเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เพราะอาการปวดศีรษะรอบนี้ไม่ปกติ เมื่อก่อนต่อให้พักผ่อนไม่เพียงพอแต่แค่หลับเต็มอิ่มสักตื่นก็จะหายปวดแล้ว


แต่คราวนี้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไม่ได้ผล แล้วยังปวดหนักขึ้นเรื่อย ๆจนศีรษะแทบระเบิด!


“เสี่ยวอวิ๋น หมอกู้จะกลับมาเมื่อไร?” มื้อเช้าเธอรู้สึกไม่เจริญอาหารเลยเพราะอาการปวดศีรษะทำให้เธอพะอืดพะอม


“น่าจะพรุ่งนี้ หรือว่าให้ฉันส่งคนไปรับหมอกู้ที่มาเก๊าเลยดีกว่า” เสี่ยวอวิ๋นดูท่าทางกังวลอย่างมาก นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเหมยเหมยก็ผอมซูบจนคางเรียว เธอจะรายงานกับคุณชายหมิงอย่างไรดีล่ะ?


เหมยเหมยส่ายศีรษะ “ไม่ต้องวุ่นวายหรอก พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน พี่หมิงซุ่นจะมาถึงเมื่อไร?”


“บ่ายสามโมง ตอนแรกจะมาถึงตั้งแต่เช้าแต่มีธุระด่วนแทรกเข้ามาเลยเปลี่ยนเป็นบ่ายสาม” เสี่ยวอวิ๋นอธิบาย เหมยเหมยผิดหวังน้อย ๆแต่ไม่ได้ส่งผลต่อจิตใจมาก เพียงแค่ช้าไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเองไม่เป็นไรหรอก


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสายจากจินป๋อเหวิน เขาบอกว่าได้ข่าวคืบหน้าของคดีของหร่วนหวาไฉ่แล้ว


“ทางตำรวจสืบเจอว่าก่อนที่หร่วนหวาไฉ่ตายหนึ่งวันมีประวัติการเดินทางเข้าประเทศของนักฆ่าระดับโลกฮันนิบิลี วันที่บิลีออกจากประเทศคือวันที่หร่วนหวาไฉ่ตาย”


………………………..


 ตอนที่ 1799 คนรวยที่โง่


เหมยเหมยกะพริบตาปริบ ๆอย่างมึนงง ฮันนิบิลี?


ฟังดูเหมือนไม่ใช่ชื่อคนทั่วไป


เสี่ยวอวิ๋นคอยอธิบายให้ฟังอยู่ข้าง ๆว่า “ฮันนิบิลีคือนักฆ่ามือโหดที่อยู่ลำดับยี่สิบแรกขององค์กรนักฆ่า ไม่เคยมีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อนแต่มั่นใจได้ว่าเขาคือผู้ชาย หรือบางทีอาจจะเป็นกะเทย เพราะตอนฮันนิบิลีฆ่าคนมักแต่งตัวเป็นสาวบริการสวยหวานไว้หลอกล่อศัตรู จากนั้นถึงค่อยฆ่าอีกฝ่ายโดยไม่ตั้งตัวและไม่เคยทำงานพลาดมาก่อนตั้งแต่เปิดตัวมา”


“งั้นจ้างฮันนิบิลีฆ่าใครคงแพงน่าดูสินะ?” เหมยเหมยโพล่งถามขึ้นอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ


เสี่ยวอวิ๋นพยักหน้า “ใช่ เมื่อก่อนเป้าหมายที่ฮันนิบิลีฆ่ามักเป็นเศรษฐีหรือนักการเมืองที่อย่างน้อยค่าจ้างก็เริ่มต้นที่ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกอย่างต้องชำระในครั้งเดียวไม่มีผ่อนชำระ”


อู่เชาที่กำลังกินซาลาเปาอยู่สะดุ้งตกใจจนซาลาเปาไส้เนื้อชิ้นโตหล่นตกพื้นพลันนึกปวดใจเหลือเกิน


เขาเขียนหนังสือมามากขนาดนั้นจนเซลล์สมองแทบแห้งเหือดหมดแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดรวมกันยังไม่ถึงล้านดอลลาร์สหรัฐด้วยซ้ำ นักฆ่ามีอนาคตที่ก้าวไกลขนาดนั้นเชียว?


หรือเขาจะลองเปลี่ยนสายงานดูดีนะ?


“ใครกันที่ยอมเสียเงินมากมายจ้างฮันนิบิลีไปฆ่าคนไร้ชื่อเสียงอย่างหร่วนหวาไฉ่?” สยงมู่มู่เองก็หมดอารมณ์ทานข้าวแล้ว เขาเองก็นึกปวดใจเช่นกัน


คนตัวเล็ก ๆอย่างหร่วนหวาไฉ่มีค่าให้เสียเงินมากขนาดนั้นเสียที่ไหน ตั้งล้านดอลลาร์สหรัฐเชียวนะ!


คนที่จ้างวานนักฆ่าคนนี้ต้องเป็นคนรวยที่โง่มากแน่ ๆ!


มีคนหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัวของเหมยเหมยซึ่งก็คือเซี่ยทิงเทาแต่เธอไม่ได้พูดออกมา เพราะพวกสยงมู่มู่ไม่ค่อยรู้เรื่องของเซี่ยทิงเทานัก พวกเขารู้แต่เพียงว่ามีสถานะลึกลับแต่กลับไม่รู้ว่าเป็นลูกเขยของพ่อค้ายารายใหญ่สามเหลี่ยมทองคำ


แม้หร่วนหวาไฉ่จะเป็นคนขี้โกงไร้คุณธรรมแต่เขาไม่มีศัตรูที่ไหนจริง ๆ นอกจากเมื่อก่อนเคยทำให้คุณตาคุณยายต้องเสียชีวิต เพราะฉะนั้นหากจะพูดถึงใครที่แค้นเขามากที่สุดคงไม่พ้นเธอกับเหยียนซินหย่า


แน่นอนว่ายังมีเซี่ยทิงเทา เท่าที่ฟังจากเหยียนซินหย่ามาเซี่ยทิงเทากำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็กเลยคอยติดตามคุณตามาแต่เนิ่นนาน ในใจเขาคุณตาเปรียบดั่งพ่อแท้ ๆเลยล่ะ


อีกอย่างเซี่ยทิงเทามีเงิน เงินแค่หนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับเขาแล้วขนหน้าแข้งไม่ร่วงด้วยซ้ำ


เหมยเหมยพอจะมั่นใจว่าอีกฝ่ายคือเซี่ยทิงเทาแล้วแต่ก็ยังแปลกใจอยู่ดีเพราะคุณนายโจวเคยบอกว่าตอนที่หร่วนหวาไฉ่เกิดเรื่องโอหยางซานซานเคยปรากฏตัวที่ซอยนั้นมาก่อน นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ?


อีกอย่างมีความเป็นไปได้ว่าโอหยางซานซานอาจเห็นเหตุการณ์ที่หร่วนหวาไฉ่ถูกฆ่าเองกับตาก็เป็นได้!


เหมยเหมยบอกข้อสงสัยของเธอออกมาก่อนที่อู่เชาจะโพล่งขึ้นว่า “หรือว่าโอหยางซานซานเองก็คิดจะไปฆ่าหร่วนหวาไฉ่เหมือนกัน แต่ถูกฮันนิบิลีชิงฆ่าก่อนหล่อนเลยไม่ได้ลงมือ”


“ทำไมโอหยางซานซานต้องฆ่าหร่วนหวาไฉ่ด้วยล่ะ? ต่อให้ไม่รู้สึกอะไรกับอาจารย์แล้วก็ไม่ถึงขั้นต้องฆ่ากันหรือเปล่า?” สยงมู่มู่ถามย้อนกลับ


“บางทีอาจจะเพื่อโยนความผิดให้เหมยเหมยก็ได้ หล่อนดักฟังโจวจื่อหัวคุยโทรศัพท์กับเหมยเหมยก็คิดอยากจะสร้างปัญหาให้เหมยเหมยเลยวางแผนฆ่าหร่วนหวาไฉ่แล้วค่อยเอาเทปอัดเสียงให้ตำรวจ…มันจะเป็นแผนใส่ร้ายที่สมบูรณ์แบบขนาดไหน!”


จู่ ๆอู่เชาก็ฉลาดขึ้นมา เขาพูดคาดเดาสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ออกมารวดเดียว เหมยเหมยคอยพยักหน้ารับเป็นระยะ ๆ เธอเองก็คิดว่าเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ครั้งนี้ที่ได้เจอโอหยางซานซานเธอมักรู้สึกว่าหล่อนคับแค้นใจตนมากเหลือเกิน ทำให้รู้สึกขนลุกเสียวสันหลังวาบทุกครั้งที่เจอ


“ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ โอหยางซานซานก็น่ากลัวมากเลยนะ เพื่อใส่ร้ายถึงขนาดฆ่าคนคนหนึ่งได้อย่างไม่ลังเลใจ เมื่อก่อนหล่อนไม่ได้ใจเหี้ยมขนาดนี้ด้วยซ้ำ!” สยงมู่มู่เอ่ย


เมื่อก่อนแม้โอหยางซานซานจะเป็นที่น่ารังเกียจแต่ก็กล้าทำแค่เรื่องเล็ก ๆน้อย ๆลับหลังเท่านั้น อย่าว่าแต่ฆ่าคนเลยหล่อนไม่มีความกล้าแม้แต่จะฆ่าไก่สักตัวด้วยซ้ำ!


ทำไมหล่อนถึงกลายเป็นนางมารร้ายที่ฆ่าใครได้อย่างโหดเหี้ยมในพริบตาล่ะ?


“พวกเธอว่าเป็นไปได้ไหมที่โอหยางสยงก็ถูกโอหยางซานซานฆ่าเหมือนกัน?” อู่เชาตื่นเต้นอย่างมากแล้วเอ่ยข้อสันนิษฐานอีกหนึ่งข้อขึ้นมาอย่างใจกล้า


ตอนที่ 1800 คดีนี้มีปัญหา


“จะเป็นไปได้ไง? โอหยางสยงเป็นอาแท้ ๆของเขาเลยนะ!” สยงมู่มู่ไม่ยอมเชื่อ เซียวเซ่อเองก็ทำหน้าเช่นเดียวกันกับเขา


ฆ่าหร่วนหวาไฉ่ยังพอรับได้เพราะไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด อีกอย่างการเป็นอาจารย์ลูกศิษย์ในยุคสมัยนี้ไม่ได้เป็นพิธีรีตองมากเท่าแต่ก่อน โอหยางซานซานเป็นเพียงหนึ่งในบรรดาศิษย์ของหร่วนหวาไฉ่คงไม่ได้ผูกพันกันนักหรอก


แต่โอหยางสยงกลับต่างกันไป นั่นเป็นอาแท้ ๆของเธอเชียวนะ!


หล่อนทำได้ลงคอได้อย่างไรกัน?


อู่เชาแค่นเสียงทีหนึ่งพลางเอ่ย “จะเป็นไปไม่ได้อย่างไรเล่า เมื่อก่อนอู่เยวี่ยยังทำกับแม่แท้ ๆของหล่อนได้ลงคอเลย สิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดคงไม่พ้นจิตใจของผู้หญิง เวลาผู้หญิงโหดขึ้นมา…”


ยังไม่ทันพูดจบดีก็ต้องเงียบเสียงลงเพราะแรงอาฆาตที่แผ่ออกมาจากตัวเซียวเซ่อทำเอาร่างเขาแทบพรุนแล้ว


สิ่งชั่วร้ายที่สุดไม่พ้นจิตใจผู้หญิง โดยเฉพาะยัยทอมที่ป่าเถื่อนกว่าผู้ชายนี่แหละ!


จะหาเรื่องด้วยไม่ได้!


เหมยเหมยสีหน้าเปลี่ยนไป ภาพที่ตัดไปเมื่อครู่ฉายเข้ามาในหัวอีกแล้ว


อู่เยวี่ย…


เธอรู้แล้วว่าความรู้สึกผิดปกติบนตัวโอหยางซานซานคืออะไร


เพราะความรู้สึกที่โอหยางซานซานมีแก่เธอเหมือนอู่เยวี่ยไม่มีผิด แต่อู่เยวี่ยตายแล้วไม่ใช่หรือ?


เธอผลักหล่อนตกจากชั้นสี่เองกับมือ อีกอย่างเหยียนหมิงซุ่นเองก็เห็นอู่เยวี่ยถูกเผาเหลือแต่เถ้ากระดูกเองกับตา ต่อให้ได้กลับชาติมาเกิดใหม่หรือยาย้อนวัยของเธอก็ช่วยอู่เยวี่ยไม่ได้


อู่เยวี่ยไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้อีก ไม่มีทางเด็ดขาด!


เหมยเหมยสบายใจขึ้นเล็กน้อย บางทีเธออาจจะคิดมากไป โอหยางซานซานอาจจะสะเทือนใจกับการตายของหวงอวี้เหลียนมากไปถึงได้มีความเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ ไม่มีทางเกี่ยวกับอู่เยวี่ยหรอก


แต่ว่า–


ตอนใกล้ทานมื้อเที่ยงเสี่ยวอวิ๋นก็กลับมาอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอหยิบเอกสารซองหนึ่งยื่นให้เหมยเหมย “ตัวตนของโอหยางซานซานเป็นที่น่าสงสัยมาก”


เหมยเหมยใจดิ่งวูบพลางเทของในซองเอกสารออกมาพบว่าเป็นรูปถ่ายกับข้อมูลบางอย่าง เธอดูเวลาเลยรู้ว่าเป็นรูปถ่ายสมัยมัธยมกับมหาวิทยาลัยของโอหยางซานซาน


“ส่วนสูง 163 เซนติเมตรน้ำหนัก 51 กิโลกรัม” เหมยเหมยพึมพำกับตัวเอง นี่เป็นข้อมูลตอนมัธยมปลายของโอหยางซานซาน เธออดแปลกใจไม่ได้เพราะเธอรู้สึกว่าโอหยางซานซานในตอนนั้นไม่ได้สูงเพียง 163 เซนติเมตร


ตอนนั้นเธอสูง 162 เซนติเมตรแต่ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับโอหยางซานซานมักรู้สึกว่าตนเตี้ยกว่าหน่อย ช่วงวัยเรียนสวมรองเท้าส้นสูงไม่ได้ฉะนั้นโอหยางซานซานในตอนนั้นอย่างน้อยต้องสูงกว่าเธอสามถึงสี่เซนติเมตร


แล้วทำไมถึงห่างกันเพียงหนึ่งเซนติเมตรล่ะ?


อีกอย่างน้ำหนักนี้ก็ไม่ถูก โอหยางซานซานเป็นคนโครงร่างใหญ่หนาและกล้ามเนื้อแน่น แล้วจะหนักเพียง 51 กิโลกรัมได้อย่างไร?


เธอดูข้อมูลตอนอยู่อเมริกาอีกครั้ง เมื่อสามปีก่อนสูง 164 เซนติเมตรน้ำหนัก 50 กิโลกรัม สองปีก่อนสูง 165 เซนติเมตร น้ำหนัก 48 กิโลกรัม จากนั้นขนาดส่วนสูงก็คงที่มาตลอดและน้ำหนักก็อยู่ราว ๆ 48 กิโลกรัมซึ่งไม่มีความคลาดเคลื่อนอะไรมาก


“ข้อมูลพวกนี้มีปัญหาอะไรเหรอ?” เหมยเหมยถาม


เสี่ยวอวิ๋นพยักหน้า “ข้อมูลเคยถูกคนเข้าไปแก้ไข และมั่นใจได้ว่าขนาดส่วนสูงมีปัญหา”


สยงมู่มู่เองก็กำลังหยิบรูปถ่ายรูปหนึ่งขึ้นมาดู หลับตาเหมือนกำลังคำนวณบางอย่างแต่ไม่นานเขาก็ลืมตาขึ้น พูดเสียงแน่วแน่ว่า “ไม่ผิดหรอก ส่วนสูงเป็นของปลอม รูปนี้พอจะกะสัดส่วนที่แท้จริงของโอหยางซานซานได้ แล้วก็รูปนี้ พวกเธอรอแป๊บนะ”


เขาวิ่งกลับไปหยิบโน้ตบุ๊คในห้อง สยงมู่มู่นอกจากจะรักในดนตรีแล้วยังชื่นชอบคอมพิวเตอร์อย่างมาก ขอเพียงออกคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่เขาจะรีบซื้อกลับมาศึกษาตลอด


สยงมู่มู่สแกนรูปถ่ายเข้าเครื่องโน้ตบุ๊คก่อนเริ่มทำการแก้ไขรูปภาพ ภาพแรกเป็นภาพที่ถ่ายตอนโอหยางซานซานเรียนมัธยมปลาย เธอใส่ชุดนักเรียนมัธยมอีจงที่เมืองจินพร้อมรองเท้าผ้าใบยี่ห้อหุยลี่ถูกถ่ายตอนยืนใกล้ขอบประตู ภาพดูเหมือนกำลังซักซ้อมการแสดงอยู่ ด้านหลังเธอมีนักเรียนอีกจำนวนไม่น้อยล้วนยืนต่อแถวเป็นระเบียบ


“พวกเธอดูรูปนี้สิ โอหยางซานซานยืนตรงมากและเป็นระนาบเดียวกับขอบประตู ประตูห้องเรียนสูง 2.2 เมตร ถ้าใช้สัดส่วนเธอเทียบกับสัดส่วนประตูก็พอจะกะส่วนสูงของโอหยางซานซานได้อย่างง่ายดายว่าต้องสูงกว่า 165 เซนติเมตร ไม่มีทางเป็น 163 เซนติเมตรได้อย่างแน่นอน”


…………………….


ตอนที่ 1801 มีคนปลอมตัว


สยงมู่มู่ใช้เมาส์คลิก ทั้งอัตราเปรียบเทียบทั้งข้อมูลอ้างอิง เหมยเหมยยังคงปวดหัวอยู่ ฟังไม่เข้าใจเลยสักอย่างแต่ประโยคสุดท้ายเธอพอจะฟังเข้าใจ


“นายแน่ใจว่าประตูสูง 2.2 เมตรนะ?” เหมยเหมยถาม


“ตอนนั้นฉันวัดเองกับมือได้ 2.2เมตรเลย อีกอย่างห้องเรียนของโรงเรียนเมืองจินยังมีกฎควบคุมความสูงของประตูและหน้าต่าง ความสูงประตูคือ 2.2 และความสูงของหน้าต่างคือ 0.8 ต่อให้มีความแตกต่างกันก็มีไม่มากหรอก” สยงมู่มู่กล่าวอย่างมั่นใจ


มือเขายังไม่หยุดขยับเลื่อนมือคลิกไปที่รูปอื่น ฉากหลังคือสนามบินในสหรัฐอเมริกา หน้าตาไม่เปลี่ยนแปลงไปมากแถมยังดูมีความสุขมาก แต่งตัวเรียบง่าย น่าจะถ่ายตอนถึงสหรัฐอเมริกา


“ดูรูปนี้สิ เธอยืนอยู่ด้านข้างเก้าอี้ พวกเราสามารถใช้เก้าอี้เป็นตัวอ้างอิงได้ คำนวณออกมาแล้วความสูงที่ได้ก็น่าจะสูงกว่า 165 เซนติเมตรอยู่ดี ดังนั้นความสูง 163 นี้มีปัญหาแน่นอน”


สยงมู่มู่คำนวนอีกครั้ง เสี่ยวอวิ๋นพูดอย่างเห็นด้วยว่า “พวกเราก็ใช้วิธีนี้คำนวณความสูงจอมปลอมได้แล้ว”


“นี่คือรูปของโอหยางซานซานตอนอายุสิบเจ็ดและนี่เป็นรูปเธอในตอนนี้ พวกเธอดูให้ดี ๆสิว่าเหมือนคน ๆเดียวกันไหม?” สยงมู่มู่เอารูปภาพทั้งสองรูปมาวางไว้ด้วยกัน


ทุกคนชะโงกหน้าเข้ามาใกล้แล้วต่างพากันตกใจหน้าซีดยกใหญ่


ถ้าไม่วางไว้ด้วยกันก็มองไม่ออกจริง ๆ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าใบหน้าของทั้งคู่ไม่คล้ายคลึงกันเลย แต่ถ้าหากดูเดี่ยว ๆแบบนี้กลับไม่ได้แตกต่างชัดเจนอะไรขนาดนั้น


“นี่คือผลลัพธ์ของการเปรียบเทียบ เพราะว่าพวกเราอุปาทานกันไปว่าเป็นเช่นนั้น ในหัวคิดไปแล้วว่าคน ๆนั้นคือโอหยางซานซาน ดังนั้นพอเห็นหน้าตาของเธอก็ไม่ได้เกิดความสงสัยอะไร สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเราไม่ได้เจอเธอมาสี่ปีแล้ว จิตใต้สำนึกคิดไปว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงบ้างก็เป็นเรื่องปกติ”


สยงมู่มู่พูดเป็นต่อยหอยแปลงร่างเป็นนักสืบโคนันไปแล้ว


ความคิดของเหมยเหมยก็ถูกเปิดกว้างขึ้นแล้วเช่นกัน ถึงอย่างไรเธอก็เป็นนักเขียนหนังสือการ์ตูนยอดนิยมที่อ้างอิงถึงหลักการเหตุผลเลยนะ เมื่อกี้ก็แค่ปวดหัวเท่านั้นแหละ พอถูกสยงมู่มู่จุดประกายเธอก็นึกถึงความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนขึ้นมา


ก่อนอื่นตัดเรื่องเกิดใหม่และผีเข้าทิ้งไปได้ นี่จึงทำให้เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก


“ถ้าพูดตามนี้ละก็ งั้นโอหยางซานซานคนนี้ก็ไม่ใช่โอหยางซานซานตัวจริง แสดงว่ามีคนทำศัลยกรรมปลอมตัวเป็นโอหยางซานซาน ถ้างั้นโอหยางซานชานตัวจริงหายไปไหน? คนที่ปลอมตัวคนนี้เป็นใคร?” เหมยเหมยตั้งคำถามที่น่าสงสัยขึ้นมาพลางคลึงขมับบ้างเป็นครั้งคราว


แค่ใช้หัวสมองคิดขมับก็ปวดตุบตับขึ้นมาทันที


ทุกคนต่างก็ถูกกระตุ้นความอยากรู้ เซียวเซ่อคาดเดาว่า “คน ๆนี้น่าจะเป็นคนที่พวกเรารู้จักด้วย อีกทั้งยังมีความแค้นกับเหมยเหมย ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เปลืองแรงกายแรงใจวางแผนทำร้ายเธอหรอก!”


“ใช่ แบบนี้ขอบเขตของพวกเราก็หดเล็กลงแล้ว” สยงมู่มู่เห็นด้วย


อู่เชาเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าก็ถอดสี ในดวงตาปรากฎความหวาดกลัวขึ้นมา ตัวสั่นพูดว่า “งั้นโอหยางซานซานฆ่าโอหยางสยงแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ไม่แน่บางทีโอหยางสยงอาจจะค้นพบความผิดปกติของโอหยางซานซาน หลังจากนั้นโอหยางซานซานก็กลัวว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอจะรั่วไหลก็เลยฆ่าโอหยางสยงทิ้ง…”


เขายิ่งพูดก็ยิ่งกลัว ขยับตัวไปทางเสี่ยวอวิ๋นทีละนิด ๆ


กอดต้นขาของพี่สาวเสี่ยวอวิ๋นไว้แน่นถึงจะทำให้เขารู้สึกสบายใจได้!


“ยังมีคำว่าลูกชิ้นปลาที่โอหยางสยงทิ้งเอาไว้ก่อนตายด้วย ลูกชิ้นปลานี้จะต้องเกี่ยวข้องกับฆาตกรแน่นอน” เหมยเหมยกล่าว


เซียวเซ่อกอดอกพูดว่า “พวกเธอยังจำที่เจ้าของร้านขายลูกชิ้นปลาเคยบอกว่าโอหยางซานซานไปพบโอหยางสยงเป็นครั้งสุดท้าย ตอนกลับก็ยังแวะซื้อลูกชิ้นปลามากิน เจ้าของร้านยังบอกอีกว่าเธอชอบกินลูกชิ้นปลามาก”


“และคุณยายคนนั้นยังบอกอีกว่าโอหยางซานซานกลับเข้าไปอีกครั้ง หลังจากอยู่ในห้องของโอหยางสยงเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงถึงจะออกมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปที่นั่นอีก” สยงมู่มู่กล่าวเสริม


ทุกคนต่างตื่นเต้นกันมาก หมอกทึบกำลังจะคลี่คลายและขยับเข้าใกล้ความจริงขึ้นเรื่อย ๆแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)