อัจฉริยะสมองเพชร 1786-1787

 ตอนที่ 1786 เข้าสู่อาณาจักรใต้ดินกับอำมาตย์เฉินหย่ง

“ปรมาจารย์ฟ้าประทาน?”


นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับคนอื่นๆพากันปากคอแห้งผาก นัยน์ตาเบิกโพลงอย่างไม่อยากเชื่อ


“คุณกำลังบอกว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทานเหมือนปรมาจารย์ขงอย่างนั้นหรือ?”


ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนพากันสงสัยหลังจากได้ยินคำพูดของปรมาจารย์หยาง ตลอดหลายหมื่นปีที่ปรมาจารย์ขงจากไป ยังไม่เคยมีปรมาจารย์ฟ้าประทานปรากฏตัวขึ้นในโลก แต่ตอนนี้ ปรมาจารย์หยางกำลังบอกพวกเขาว่าจางเซวียนคนนั้นเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน!


“ใช่!” ปรมาจารย์หยางพยักหน้า “เขาคือปรมาจารย์ที่ได้การยอมรับจากสวรรค์!”


“แต่เขา…”


ริมฝีปากของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับคนอื่นๆสั่นสะท้านไม่หยุด ความตกตะลึงที่เข้าถาโถมสมองของพวกเขาทำให้ทุกคนพูดไม่ออก


ในแง่ของความสำคัญ แน่นอนว่าปรมาจารย์ฟ้าประทานสำคัญกว่ามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงมาก การที่ปรมาจารย์ฟ้าประทานคนใหม่จะปรากฏขึ้นในหมู่พวกเขาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พวกเขากลับทำให้อีกฝ่ายจนมุมจนถึงขั้นที่เลือกจบชีวิตของตัวเอง


หากเลือกได้ พวกเขาก็จะยอมตายแทน!


“ตัวเขาเพียงคนเดียวสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจในอาณาจักรใต้ดินถึง 110,000 ตัว และลูกศิษย์ทุกคนของเขาก็เติบโตขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีที่มีพละกำลังอันน่าทึ่ง…ผมน่าจะเดาออกตั้งแต่แรกแล้วนะ…พลั่ก!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงซวนเซและทรุดฮวบลงกับพื้นขณะเหม่อมองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า


หากเขารู้เสียก่อนว่าจางเซวียนเป็นปรมาจารย์ฟ้าประทาน จะไม่มีวันบีบบังคับให้อีกฝ่ายต้องมอบคำอธิบายให้สภาปรมาจารย์ แต่ตอนนี้ก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว


“โชคดีเหลือเกินที่เขายังไม่ตาย…ว่าแต่เขาไปไหนล่ะ?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตั้งคำถาม


เหล่านักปราชญ์โบราณที่อยู่ตรงนี้ต่างรู้ว่าจางเซวียนได้ซึมซับหยดเลือดของจางหงเทียน จึงเป็นไปไม่ได้ที่สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่จะสามารถสังหารเขา


“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน…” ปรมาจารย์หยางส่ายหน้าอย่างกังวล


ทันทีที่เขาได้ยินว่าจางเซวียนตัดสินใจฆ่าตัวตาย ก็รีบไปเพื่อหวังว่าจะช่วยชีวิตอีกฝ่าย แต่ก็ไม่พบแม้กระทั่งศพ ทุกอย่างหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย


ด้วยเหตุนี้ ที่อยู่ของจางเซวียนจึงยังคงเป็นปริศนา


“เราต้องส่งคนออกตามหาเขาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และห้ามเปิดเผยตัวตนของเขาในฐานะปรมาจารย์ฟ้าประทานเด็ดขาดจนกว่าเขาจะได้เป็นนักปราชญ์โบราณ เพราะเขาจะตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงหากเผ่าพันธุ์ปีศาจล่วงรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงอันนี้!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงสั่งการ


มีแต่นักปราชญ์โบราณเท่านั้นที่จะรับมือกับนักปราชญ์โบราณด้วยกันได้ สำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจ การปรากฏตัวของปรมาจารย์ฟ้าประทานคือสิ่งที่น่าสะพรึงเสียยิ่งกว่าการปล่อยให้มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงตกไปอยู่ในมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์


มีความเป็นไปได้สูงที่พวกมันจะส่งนักปราชญ์โบราณไปลอบสังหารจางเซวียน เพื่อขจัดปัญหาก่อนที่ทุกอย่างจะเลวร้ายไปกว่านี้


“ได้” ปรมาจารย์หยางพยักหน้า


เขารู้ดีถึงความสำคัญของการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ไม่อย่างนั้นคงไม่เก็บมันไว้กับตัวจนเนิ่นนานขนาดนี้


“เมื่อไรก็ตามที่เขาได้เป็นนักปราชญ์โบราณและเปิดเผยตัวตนในฐานะปรมาจารย์ฟ้าประทาน ทุกเรื่องที่เคยเป็นความเข้าใจผิดจะคลี่คลายด้วยตัวมันเอง” นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งตั้งข้อสังเกต


เพราะอำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิงอยู่เบื้องหลัง ผู้คนส่วนใหญ่จึงมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อจางเซวียน แต่หากเขาได้เปิดเผยตัวตนของตัวเอง สิ่งใดก็ตามที่ทำให้ใครต่อใครคลางแคลงใจในตัวเขาก็จะคลี่คลายไปโดยเร็ว


เพราะใครเล่าจะกล้าตั้งคำถามกับปรมาจารย์ที่ได้การยอมรับแม้แต่จากสวรรค์?


“ผมคิดว่านั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่พวกเราพอมีความหวังในตอนนี้” ปรมาจารย์หยางถอนหายใจเฮือก


…..


ฝูงชนที่รวมตัวกันอยู่ใต้หอนาฬิกาต่างหารือกันอย่างเคร่งเครียด พวกเขาปฏิญาณว่าจะเป็นกระบอกเสียงเพื่อเรียกชื่อเสียงของจางเซวียนกลับคืนมาให้ได้ เพราะกำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนั้น จึงไม่เห็นคนสองคนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด


ทั้งคู่คือชายหนุ่มคนหนึ่งกับเด็กชายวัยรุ่นอีกคนหนึ่ง


เด็กชายวัยรุ่นมีสีหน้าออกจะซีดเผือด ดูเหมือนเขากำลังบาดเจ็บไม่น้อย


ชายหนุ่มได้ยินบทสนทนาของฝูงชนโดยตลอด และได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆโดยไม่เข้าร่วมวง เขาหันไปมองเด็กชายวัยรุ่นที่อยู่ข้างๆและถามว่า “ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง?”


“นายน้อย, ผมสบายดี ผมยังไม่ตายหรอก!” เด็กชายวัยรุ่นส่ายหน้าด้วยนัยน์ตาเป็นประกายวาบ “ผมจะต้องมีชีวิตอยู่ให้ได้จนกว่าจะได้จับตัวเจ้าสองคนทรยศนั่น!”


เด็กชายวัยรุ่นคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวู่เฉิน ซึ่งก็คืออำมาตย์เฉินหย่ง


เพราะการจัดฉากของอำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิง เขาจึงต้องลงเอยด้วยการปะทะกับนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงและคนอื่นๆ ซึ่งหลังจากนั้น เจ้าสองคนนั่นก็ปรากฏตัวและพยายามลงมือสังหารเขา


แม้เขาจะเอาตัวรอดมาได้ แต่ก็สูญเสียพลังไปมาก


ถ้าไม่ใช่เพราะความจงเกลียดจงชังที่เป็นเชื้อเพลิงคอยหล่อเลี้ยงความมุ่งมั่นของเขา เขาคงยอมแพ้ไปแล้ว


เมื่อได้ยินว่าหวู่เฉินยังคงรับไหว ชายหนุ่มพยักหน้า “อือ อย่างนั้นก็ดี”


“นายน้อย แล้วคุณล่ะ…เป็นอย่างไร?” นัยน์ตาของหวู่เฉินฉายความวิตกกังวล “ถึงคุณจะยังมีชีวิตรอดเพราะเลือดของนักปราชญ์โบราณที่อยู่ในร่างกาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายของคุณได้รับความบอบช้ำครั้งใหญ่เพราะเรื่องนั้น น่าจะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าคุณจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ…”


นายน้อยที่หวู่เฉินพูดด้วยก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจางเซวียน


ต่อให้นักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดก็ยังต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง อีกทั้งต้องสะสมพลังงานให้ได้มากพอเพื่อเยียวยาตัวเองหลังจากถูกสังหาร ในเมื่อจางเซวียนเป็นแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติที่ได้ซึมซับหยดเลือดนักปราชญ์โบราณ ก็แน่นอนว่าความสามารถในการฟื้นตัวของเขาย่อมอ่อนด้อยกว่านักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ ความบอบช้ำที่เขาได้รับจึงสาหัสกว่ากันมาก


“ผมยังอ่อนแรงอยู่เล็กน้อยแม้จะได้พักมาแล้วสิบวัน แต่สำหรับสภาพของผมตอนนี้ ผมคงรับมือไม่ไหวแม้แต่กับนักรบระดับเซียนขั้น 1 แต่ผมคิดว่าอาการบาดเจ็บของผมหายดีเกือบหมดแล้ว ทันทีที่ร่างกายของผมฟื้นตัว การจะเรียกวรยุทธกลับคืนมาก็คงไม่ยากนัก” จางเซวียนตอบพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ


เขานึกไม่ถึงว่าผลข้างเคียงของการฟื้นคืนชีพของสายเลือดจะหนักหนาสาหัสขนาดนี้


แต่ด้วยเคล็ดวิชาเทียบฟ้าและพลังปราณเทียบฟ้า เขาจะสามารถเรียกความแข็งแกร่งกลับคืนมาได้ทันทีที่บาดแผลทั้งหมดได้รับการเยียวยา


อำมาตย์เฉินหย่งพยักหน้าก่อนจะเงียบไป


พลทหารกว่า 110,000 ตัวที่จางเซวียนได้สังหารไปนั้นล้วนแต่เป็นกองกำลังของอำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิง ส่วนบริวารทุกคนของหวู่เฉินทำตามคำสั่งของเขาและล่าถอยทันทีที่ได้รับคำสั่ง ดังนั้น แม้หวู่เฉินจะเสียใจกับความตายของเผ่าพันธุ์ของเขา แต่ก็ไม่ได้เคืองแค้นอะไรจางเซวียนมากนัก


อีกอย่าง ตัวเขาก็รู้ว่าจางเซวียนคือผู้ที่เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณเลือก อีกทั้งชายหนุ่มก็เป็นผู้ยืนหยัดเพื่อช่วยเหลือชีวิตเขาในช่วงเวลาคับขัน ด้วยเหตุนี้ หวู่เฉินจึงให้ความสำคัญกับชายหนุ่มและเต็มใจทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย


จางเซวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตั้งคำถามอีกครั้ง “คุณแน่ใจหรือเปล่าว่าแท่นบูชาฟ้าประทานของเผ่าพันธุ์ปีศาจจะเข้าถึงตัวเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณได้?”


เหตุผลที่เขาเลือกจบชีวิตที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ไม่ใช่เพราะอยากหลบเลี่ยงปัญหา แต่เป็นเพราะจางเซวียนอยากใช้โอกาสนี้แทรกซึมเข้าไปในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจและขจัดภัยคุกคามให้ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในเวลาเดียวกัน นี่ก็เป็นโอกาสให้เขาได้รู้ที่อยู่ของหลัวลั่วชิงด้วย


ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่ร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัว จางเซวียนก็ปลอมตัวและให้หวู่เฉินพาเขามาที่นี่


“ใช่ นั่นคือวิธีการที่ผมใช้สื่อสารกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณก่อนหน้านี้” หวู่เฉินพยักหน้า


เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณกลับสู่โลกของเธอแล้ว วิธีเดียวที่จะสื่อสารกับเธอได้ก็คือต้องผ่านแท่นบูชา แต่แท่นบูชาที่เข้าถึงตัวเธอได้จะต้องมีขนาดใหญ่กว่านี้และผ่านพิธีกรรมเฉพาะ ซึ่งเป็นสภาวะที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อกลับสู่เผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้น


“ค่อยยังชั่ว” จางเซวียนพูด


เขาต้องการความแน่ใจว่าหลัวลั่วชิงอยู่ที่ไหนก่อนจะมุ่งหน้าไปตามหาเธอ ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น ฐานที่ตั้งของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นจึงเป็นสถานที่ที่เขาต้องไปเยือน


“แต่นายน้อย พิธีกรรมขนาดใหญ่ระดับนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากมนุษย์จำนวนมากและแม้แต่เหล่านักปราชญ์โบราณด้วย ผมเกรงว่าอำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิงกำลังจ้องเอาชีวิตของผมอยู่ และเตรียมกับดักที่จะเล่นงานพวกเราถึงตายเอาไว้แล้วหากเรากล้าเข้าไป” อำมาตย์เฉินหย่งพูด


หากเขาอยู่ในสภาพแข็งแกร่งสูงสุด ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว…


แต่ในสภาพนี้ ถ้าเขาถูกกองกำลังของอำมาตย์เฉินหลิงและอำมาตย์เฉินชิงตีวงล้อม ชะตากรรมเดียวที่รอคอยเขาอยู่ก็คือความตายเท่านั้น


“พวกเราต้องค่อยเป็นค่อยไป” จางเซวียนส่ายหน้า


เปล่าประโยชน์ที่จะครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นจนเกินเหตุ พวกเขาเพียงแค่ต้องระมัดระวังทุกฝีก้าวและพยายามอย่างดีที่สุดที่จะปรับตัวให้รอดพ้นจากอะไรก็ตามที่เข้ามา


ถึงอย่างไร ด้วยความสามารถในการปลอมตัวของทั้งคู่ ตราบใดที่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง การจะแทรกซึมเข้าสู่พระราชวังหลวงก็คงไม่ยากเกินไป


ขณะที่จางเซวียนกำลังหารือกับหวู่เฉิน ‘พี่อู๋’ ก็ก้าวออกมาจากฝูงชนและพูดว่า “สหาย พายุหิมะสงบแล้ว เรากำลังจะเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินแห่งทะเลเยือกแข็ง มีใครอยากไปด้วยกันบ้าง? ผมชื่ออู๋ควง เป็นนักรบขั้นจิตวิญญาณต้นกำเนิด สูงสุด ผมรับประกันความปลอดภัยให้พวกคุณได้หากพวกคุณเดินทางไปกับผม…”


เขาคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่นักรบที่รวมตัวกันอยู่ ในเมื่อภัยคุกคามจากเผ่าพันธุ์ปีศาจหายไปจากอาณาจักรใต้ดินแห่งทะเลเยือกแข็งแล้ว เพียงแค่วรยุทธขั้นจิตวิญญาณต้นกำเนิดสูงสุดก็มากพอที่จะรับประกันความปลอดภัยให้ทุกคน


จางเซวียนมองไปรอบๆและเห็นว่าพายุหิมะสงบลงแล้วจริงๆ อากาศเย็นเยือกพุ่งเข้าใส่หอนาฬิกาเก่าแก่ เสื้อคลุมของเขาโบกสะบัด


“ผมจะเดินทางไปกับคุณ!”


“ผมด้วย, ผมด้วย…”


นักรบมากกว่า 12 คนก้าวออกมาด้วยนัยน์ตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น


แน่นอนว่าข้อเสนอของพี่อู๋น่าสนใจมาก เพราะอย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็จะผ่านพ้นอันตรายส่วนใหญ่ไปได้ภายใต้การคุ้มกันของอีกฝ่าย


“พวกเราก็จะไปกับคุณ…” จางเซวียนกับหวู่เฉินก้าวออกมา


ตอนที่ 1787 หมาป่าใบเมเปิ้ล

“คุณสองคนด้วยหรือ?” อู๋ควงขมวดคิ้ว


แม้กองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจจะล่าถอยไปจากอาณาจักรใต้ดินแล้ว แต่ก็ยังมีเผ่าพันธุ์ปีศาจจำนวนหนึ่งหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ และในเมื่อนี่คือการผจญภัย ก็แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องพบเจอกับอันตรายบ้าง เพื่อนร่วมทีมที่มีศักยภาพอ่อนด้อยเกินไปจะเป็นตัวถ่วงของทั้งกลุ่ม


สำหรับชาย 2 คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เด็กชายวัยรุ่นมีสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย บ่งบอกว่ากำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนชายหนุ่มก็มีสีหน้าเหมือนคนป่วย เมื่อพิจารณาจากพละกำลังของทั้งคู่ ดูเหมือนพวกเขายังไม่ได้เป็นแม้แต่นักรบระดับเซียนขั้น 1 ด้วยซ้ำ ทั้งสองคนจะต้องเป็นตัวถ่วงแน่!


“ผมไม่รู้ว่าทำไมพวกคุณถึงอยากเข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน แต่ขอแนะนำอะไรสักหน่อย อย่าเห็นชีวิตของคุณเป็นเรื่องตลก!” อู๋ควงแนะนำ


“ผมขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำด้วยความปรารถนาดีของคุณ, ปรมาจารย์อู๋ แต่เราทั้งคู่มีเหตุผลสำคัญที่จะต้องเข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน อย่าห่วงเลย พวกเราจะตามหลังกลุ่มของคุณไป หากมีอันตรายใดๆเข้ามา เราก็จะรับมือกับมันเอง ไม่เป็นตัวถ่วงของคุณหรอก” จางเซวียนตอบยิ้มๆ


ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติโลกจารึกอย่างเขาจะโดนนักรบระดับเซียนขั้น 4 ดูถูก ทุกอย่างช่างกลับตาลปัตรอะไรเช่นนี้!


“ถ้าพวกคุณยังยืนกรานที่จะเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินล่ะก็ ไปด้วยกันก็ได้ แต่ผมจะพูดให้ชัดเจนนะ อย่างที่คุณบอกเมื่อครู่นี้นั่นแหละ ผมไม่รับประกันความปลอดภัยของพวกคุณ!” อู๋ควงพูดก่อนจะเงียบไป


ลงท้าย ทุกคนก็ต้องใช้ชีวิตของตัวเอง เขาได้ทำสิ่งที่ควรทำแล้ว คือให้คำแนะนำกับชายทั้งสอง แต่ทั้งคู่ก็ยังคงยืนกรานที่จะร่วมเดินทางไปด้วย ดังนั้น หากทั้งสองเผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ ก็จะมาตำหนิพวกเขาไม่ได้ที่ไม่ให้ความช่วยเหลือ


ถึงอย่างไร ก็ไม่มีใครเป็นหนี้บุญคุณกับทั้งคู่ หากพวกเขาช่วยชายหนุ่มกับเด็กชายวัยรุ่นไว้จากอันตรายได้ ก็เพราะความมีน้ำใจเท่านั้น ไม่ใช่หน้าที่


…..


“พวกเขาช่างรนหาที่ตาย…”


“ทั้งชีวิตนี้คงไม่เคยพบเจอความยากลำบาก เลยไม่เข้าใจว่าอันตรายหมายถึงอะไร!”


เห็นทั้งสองยังคงยืนกรานจะเข้าร่วมการเดินทางสู่อาณาจักรใต้ดิน ทั้งกลุ่มมีสีหน้าดูถูก


นักรบที่ยังไม่ได้เป็นแม้แต่นักรบระดับเซียนขั้น 1 ก็จะยังบินไม่ได้ หากมีอันตรายเข้ามา พวกเขาคงหนีไม่พ้น ช่างโง่เง่าเหลือเกินที่คิดจะเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินในสภาพแบบนี้


ทั้งกลุ่มส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วยและเดินออกจากหอนาฬิกาเก่าแก่ มุ่งไปยังอาคารที่อยู่ตรงหน้า แต่หลังจากเดินไปได้เพียงไม่กี่นาที ยอดขุนพลจำนวนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นและยับยั้งพวกเขาไว้


“ผมคืออู๋ควง, ปรมาจารย์ระดับ 7 ดาว นี่คือใบอนุญาตเดินทางของผม” อู๋ควงพูด


ยอดขุนพลคนหนึ่งรับใบอนุญาตเดินทางไปตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนก่อนพยักหน้ารับ “พวกคุณผ่านไปได้ แต่คุณมีเวลาแค่ 3 วันในนั้น กลับมาให้ทันภายใน 3 วันนะ เข้าใจไหม?”


“วางใจเถอะ ผมรับทราบ!” อู๋ควงตอบยิ้มๆก่อนจะนำฝูงชนเข้าไป


แม้ทางเข้าอาณาจักรใต้ดินจะเปิดให้เหล่าปรมาจารย์และนักรบทั่วไปผ่านไปได้แล้ว แต่พวกเขาก็ยังต้องแสดงใบอนุญาตเดินทาง ไม่อย่างนั้น หากทุกคนสามารถเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินได้ ก็จะนำมาซึ่งความยุ่งเหยิง เพราะถึงอย่างไรมันก็ยังเป็นพื้นที่อ่อนไหว สภาปรมาจารย์จึงยังต้องวางมาตรการควบคุมไว้ระดับหนึ่ง


ทางเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินแห่งทะเลเยือกแข็งอยู่ภายในอาคารหลังนั้น


ทันทีที่ทั้งกลุ่มเข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน สิ่งแรกที่พวกเขารู้สึกได้ก็คือเจตนาสังหารเข้มข้นที่อยู่รอบตัว


อู๋ควงเดินนำหน้าเพื่อเคลียร์เส้นทางก่อนจะสั่งการให้ทุกคนหยุดพัก “นี่เป็นครั้งแรกที่พวกคุณเข้ามาที่นี่ ดังนั้น ร่างกายของคุณจึงต้องการเวลาปรับตัวระยะหนึ่ง ไม่อย่างนั้น ถ้าเจตนาสังหารทำลายสติสัมปชัญญะของคุณ ก็อาจทำให้ปีศาจใต้สำนึกในตัวพวกคุณเติบโตได้”


เจตนาสังหารไม่ใช่พลังที่ควรจะประมาท นักรบที่มีสภาวะจิตอ่อนแอจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากมัน และหากขาดความระมัดระวังเพียงเล็กน้อย ก็จะนำไปสู่ความบอบช้ำที่ไม่อาจเยียวยา


แม้นักรบส่วนใหญ่ที่เข้ามาที่นี่จะสำเร็จวรยุทธระดับเซียนแล้ว แต่ก็ยังต้องการเวลาระยะหนึ่งเพื่อให้เคยชินกับเจตนาสังหาร ซึ่งจะทำให้เดินสำรวจพื้นที่ได้อย่างปลอดภัยขึ้น


“หรือเราควรจะ…” เห็นทั้งกลุ่มกำลังจะหยุดพัก หวู่เฉินหันไปมองจางเซวียนเพื่อจะหารือว่าพวกเขาควรเดินทางต่อหรือไม่


ถึงทั้งคู่จะได้รับบาดเจ็บและยังไม่อาจเรียกคืนวรยุทธกลับมาได้ดังเดิม แต่เจตนาสังหารในระดับนี้ก็ไม่เป็นภัยคุกคามกับพวกเขา ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาเสียเวลาอันมีค่าอยู่ที่นี่


“ผมเข้าใจว่าคุณกังวลเรื่องอะไร แต่เรื่องนี้เราจะรีบร้อนไม่ได้ ต่อให้พวกเรารีบไป ในสภาพแบบนี้ก็คงทำอะไรไม่สำเร็จ ค่อยๆฟื้นฟูพละกำลังของเราระหว่างเดินทางดีกว่า อย่างน้อยที่สุดก็ยังปลอดภัย” จางเซวียนพูด


แม้เจตนาสังหารที่อบอวลอยู่โดยรอบจะเป็นภัยกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่นี่คือสภาพแวดล้อมที่หวู่เฉินเติบโตขึ้นมา เขาจึงฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าผู้ที่มาจากทวีปแห่งปรมาจารย์


ได้ยินคำนั้น หวู่เฉินพยักหน้ารับ


การรีบไปเผชิญหน้ากับอำมาตย์เฉินหลิงและอำมาตย์เฉินชิงในขณะที่พวกเขามีสภาพแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเท่าไหร่ เป็นไปได้ว่าพวกนั้นน่าจะเตรียมกับกับดักบางอย่างเอาไว้แล้ว อย่างน้อยที่สุด พวกเขาจึงควรเรียกระดับวรยุทธกลับคืนมาให้ได้ก่อนที่จะทำการใดๆต่อไป


อีกอย่าง การซ่อนตัวถือเป็นความได้เปรียบ เพราะพวกเขาจะสามารถแกะรอยความเคลื่อนไหวของอำมาตย์เฉินหลิงกับอำมาตย์เฉินชิงและเตรียมการตอบโต้ได้จากในเงามืด


ทั้งกลุ่มทรุดตัวลงนั่งในพื้นที่ที่เคลียร์แล้วเพื่อปรับสภาพร่างกายให้คุ้นชินกับเจตนาสังหารที่อบอวลอยู่โดยรอบ ส่วนจางเซวียนก็เพ่งสมาธิเข้าสู่มิติลี้ลับของเขาและนำของล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่เปี่ยมด้วยพลังจิตวิญญาณออกมา เขาแอบซึมซับพลังงานนั้นเข้าสู่จุดชีพจรและแปรสภาพมันให้กลายเป็นพลังปราณเทียบฟ้า


แม้หยดเลือดของนักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดจะมีความสามารถพิเศษอันน่าทึ่งในการฟื้นฟูตัวเองจากภาวะใกล้ตาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีผลข้างเคียง ข้อแรกก็คือมันดูดกลืนพลังงานชีวิตของผู้นั้นไปมาก ทำให้อายุขัยสั้นลง นี่คือเหตุผลที่จางหงเทียนสิ้นอายุขัยเร็วกว่านักปราชญ์โบราณคนอื่นๆ ทั้งที่ตัวเขามีอายุน้อยกว่าและระดับวรยุทธก็สูงกว่า


แม้จะมีราคาที่ต้องชดใช้ แต่จางเซวียนก็ยังรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องทำแบบนี้ ข้อแรก, มันเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่จะระงับความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากการสูญเสียมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงไป ข้อ 2, มันเป็นโอกาสดีที่เขาจะลักลอบเข้าสู่ดินแดนของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น โดยเฉพาะเมื่อพวกมันไม่ได้ระมัดระวังตัวเท่าที่ควรหลังจากได้ข่าวเรื่องความตายของเขา


ฟิ้วววว!


ขณะที่พลังจิตวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างกายของจางเซวียน พลังปราณก็เพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ระดับวรยุทธของเขาเพิ่มสูงขึ้น


ไม่ช้าจางเซวียนก็สำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 1, ขั้น 2…


ภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมง เขาก็สำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 3


ขณะที่จางเซวียนกำลังพยายามฟื้นคืนวรยุทธ ก็พลันได้ยินเสียงแกรกกรากเป็นชุดดังมาจากบริเวณโดยรอบ เขาลืมตาขึ้นทันทีและเพ่งดู


รอยย่นปรากฏบนหน้าผากของหวู่เฉิน


“มันคืออะไร?”


เพราะจางเซวียนไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในอาณาจักรใต้ดิน จึงจำเป็นต้องถามหวู่เฉิน


“มันคือหมาป่าใบเมเปิ้ล พละกำลังของมันมาจากพลังงานที่อยู่ในพระจันทร์สีเลือด ราชาหมาป่าใบเมเปิ้ลโดยทั่วไปมีวรยุทธได้ถึงระดับเซียนขั้น 5 การละทิ้งช่องว่าง” หวู่เฉินอธิบาย


“หมาป่าใบเมเปิ้ล?” จางเซวียนครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า


แม้สภาพแวดล้อมในอาณาจักรใต้ดินจะทุรกันดารมาก แต่ก็ยังมีพืชและสัตว์บางชนิดที่ทนทานอยู่ได้ จางเซวียนไม่เคยได้ยินชื่อหมาป่าใบเมเปิ้ลมาก่อน แต่ก็ดูจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกเขาจะรับมือด้วยได้ง่ายนักในสภาพแบบนี้


ขณะที่จางเซวียนกำลังพูดคุยกับหวู่เฉิน อู๋ควงก็ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาลุกพรวดและอุทานเสียงดัง “ทุกคน ระวังตัวด้วย ผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างมุ่งหน้ามาหาเรา!”


ฟึ่บ!


หลังจากพูดจบได้ไม่นาน หมาป่า 8 ตัวก็มาถึง พวกมันตีวงล้อมนักรบทั้งกลุ่มอย่างรวดเร็ว สกัดกั้นเส้นทางหลบหนีไว้ทั้งหมด


หมาป่าเหล่านั้นมีสีเทา แต่มีขนสีขาวกระจุกหนึ่งบนหน้าผาก ซึ่งมีรูปร่างเหมือนใบเมเปิ้ล


แม้จะมีหมาป่าอยู่ไม่มากนัก แต่รังสีเกรี้ยวกราดที่พวกมันแผ่ออกมาก็ทำให้ทั้งกลุ่มหน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง


“อย่าพยายามต่อสู้เลย!” เสียงตวาดนั้นดูจะทำให้ทุกอย่างแข็งทื่อไป “ยอมเป็นอาหารของพวกเราเสีย แล้วพวกคุณจะตายอย่างไม่เจ็บปวด!”


จากนั้น หมาป่าตัวหนึ่งที่ลำตัวปกคลุมด้วยหิมะก็เดินออกมาจากกลุ่ม มันมีดวงตาสีแดงก่ำที่สั่งสมการกระทำอันชั่วร้ายที่มันได้ทำมาทั้งชีวิต


“อสูรที่มีวรยุทธขั้นการละทิ้งช่องว่าง?” อู๋ควงตัวแข็งทื่อด้วยความพรั่นพรึง


นักรบทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างหน้าซีดเผือด


พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะโชคร้ายแบบนี้


แผนการเดิมของพวกเขาก็คือรีบเก็บสมุนไพรล้ำค่าจำนวนหนึ่งภายในอาณาจักรใต้ดิน ก่อนจะออกจากพื้นที่นี้ไปและขายสมุนไพรเหล่านั้นให้ได้เงินมา แต่ใครจะไปคิดว่าทันทีที่เข้าสู่อาณาจักรใต้ดิน ยังไม่ทันจะได้คุ้นชินกับเจตนาสังหารเลย ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับอสูรผู้ทรงพลังแล้ว?


เพราะเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร หมาป่าใบเมเปิ้ลจึงก้าวร้าวและดุร้ายกว่าเหล่าปรมาจารย์ที่เป็นคู่ต่อสู้ของมัน ทำให้การรับมือกับพวกมันเป็นเรื่องยาก แถมทุกอย่างยังเลวร้ายลงไปอีกเพราะมีราชาหมาป่าอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย!


พวกเขาจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งหลังจากที่เข้าสู่อาณาจักรใต้ดินได้เพียงไม่นานหรือเปล่า?


“พร้อมรบ!” อู๋ควงสูดหายใจลึกขณะจ้องหมาป่าใบเมเปิ้ลที่อยู่รอบตัวอย่างหวาดระแวง


เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็ชักดาบออกมาและพุ่งเข้าใส่ราชาหมาป่า


โอกาสรอดของพวกเขามีเพียงทางเดียวคือสังหารราชาหมาป่าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งหากเล่นงานราชาหมาป่าได้สำเร็จ การรับมือกับหมาป่าใบเมเปิ้ลตัวอื่นๆที่เหลือก็ถือว่าไม่ยาก


เห็นมนุษย์อาจหาญท้าทายมันตั้งแต่เริ่ม ราชาหมาป่าคํารามเยาะ “วู้!”


นัยน์ตาสีแดงก่ำของมันฉายแววดูถูกขณะตะปบกรงเล็บเข้าใส่


พลั่ก!


เจตนาสังหารพลุ่งพล่าน เลือดสาดกระจายทั่วพื้นที่นั้น ยังไม่ทันที่อู่ควงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ถูกสอยกระเด็นไปไกล


ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่ปรมาจารย์ระดับ 7 ดาวขั้นสูงสุดอย่างเขาก็ยังไม่อาจรับมือกับการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากราชาหมาป่าใบเมเปิ้ลได้!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)