อัจฉริยะสมองเพชร 1784-1785

 ตอนที่ 1784 เสียงกระซิบจากหอนาฬิการาตรี


หิมะโปรยปรายอย่างเงียบเชียบที่อาณาบริเวณเหนือสุดของทวีปแห่งปรมาจารย์


หอนาฬิกาเก่าแก่ยืนตระหง่านอยู่กลางดินแดนที่ปกคลุมด้วยหิมะนักผจญภัยมากมายนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ใต้หอนาฬิกาเก่าแก่นั้น


มันคือหนึ่งในหกอาณาจักรใต้ดินใหญ่ คืออาณาจักรใต้ดินแห่งทะเลเยือกแข็ง โดยปกติจะมีผู้คนไปเยือนที่นั่นน้อยมาก แต่หลังจากที่เผ่าพันธุ์ปีศาจล่าถอยจากอาณาจักรใต้ดินแล้ว บริเวณนี้ก็กลายเป็นพื้นที่ซึ่งเป็นสื่อกลางการค้าขายแลกเปลี่ยน นักรบมากมายผ่านไปมาให้เห็นทุกวัน


ก็เหมือนกับอาณาจักรใต้ดินแห่งอื่น อาณาจักรใต้ดินแห่งทะเลเยือกแข็งมีเจตนาสังหารเข้มข้นอบอวลอยู่ เมื่อรวมเข้ากับพระจันทร์สีเลือดที่ลอยสูงเด่นอยู่กลางท้องฟ้า ก็มีอานุภาพสังหารสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบที่เพ่นพ่านอยู่บริเวณนั้น แต่พืชหายากมากมายที่ไม่ปรากฏในทวีปแห่งปรมาจารย์ก็ยังฝังรากลึกและเติบโตได้แม้จะมีสภาพแวดล้อมที่แปลกประหลาดและอยู่รอดได้ยาก พืชเหล่านั้นเป็นยาสมุนไพรล้ำค่า ทั้งยังเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชั้นยอดสำหรับการหลอมอาวุธระดับสูง ทำให้พวกมันมีค่ามาก


เพื่อเสาะหาพืชเหล่านี้ เหล่านักผจญภัยพร้อมยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเดินทางเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินแห่งทะเลเยือกแข็ง


เพราะการปะทะกับเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในอดีต สภาปรมาจารย์จึงปิดตายอาณาจักรใต้ดินไว้ อนุญาตให้เฉพาะปรมาจารย์เท่านั้นที่เข้าไปในพื้นที่ได้


แต่เมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจล่าถอย นักรบที่แข็งแกร่งบางคนก็ตั้งต้นเดินทางเข้าสำรวจดินแดนอันน่าสะพรึงนั้น โดยหวังว่าจะได้พบทรัพยากรหายาก ซึ่งภายในเวลาไม่นาน พวกเขาก็ได้รู้ว่าอาณาจักรใต้ดินเป็นขุมสมบัติชั้นดี เมื่อของล้ำค่าถูกส่งต่อจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง เหล่านักผจญภัยก็เริ่มเดินทางเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อแสวงโชค


ตอนนี้ กลุ่มคนที่ออกันอยู่ใต้หอนาฬิกาเก่าแก่ก็คือเหล่านักรบที่เดินทางมาแสวงโชค


“พายุหิมะพัดหนักขึ้นทุกที ดูเหมือนจะเป็นเวลาที่อาณาจักรใต้ดินแห่งทะเลเยือกแข็งจะปิดตัวลงโดยอัตโนมัติ ทำให้เข้าไปในนั้นไม่ได้ ทั้งหมดที่เราทำได้ตอนนี้ก็คือรออยู่ที่นี่จนกว่าท้องฟ้าจะกระจ่าง!”


“ช่วยไม่ได้นี่ อาณาจักรใต้ดินแห่งทะเลเยือกแข็งอยู่กลางหุบเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ แถมดูจะเป็นช่วงเวลาที่เย็นเยือกที่สุดของปีด้วย อันตรายเกินไปที่จะออกเดินทางในช่วงเวลาแบบนี้”


“แล้วนั่งเฉยๆอยู่อย่างนี้น่ะมันไม่น่าเบื่อหรือ? ทำไมไม่มาเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องน่าสนใจที่พวกเราได้พบมาก่อนหน้านี้กัน จะได้เปิดหูเปิดตาด้วย?”


“พี่อู๋ คุณเพิ่งมาจากสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ใช่ไหม? มีข่าวน่าสนใจบ้างหรือเปล่า?”


เมื่อได้ยินชื่อ ‘พี่อู๋’ สายตาของทุกคนในบริเวณนั้นก็หันไปจับจ้องชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงกลาง


ชายวัยกลางคนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมตัวยาวของปรมาจารย์ ดาว 7 ดวงที่อยู่บนตราสัญลักษณ์ของเขาเปล่งประกายโดดเด่น เขาสำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 4-จิตวิญญาณต้นกำเนิด ขั้นสูงสุดทำให้อยู่แถวหน้าในบรรดาปรมาจารย์ระดับ 7 ดาว


เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมา พี่อู๋กวาดสายตามองฝูงชนด้วยทีท่ามีเลศนัยก่อนจะตั้งคำถาม “พวกคุณรู้ไหมว่าปรมาจารย์ที่ปราดเปรื่องที่สุดในยุคนี้คือใคร?”


“ปรมาจารย์ที่ปราดเปรื่องที่สุดในยุคนี้? ก็ควรจะเป็นฟงสืออี้ ใช่ไหม? ผมรู้มาว่าท่านอาจารย์ของเขาเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้ และระดับวรยุทธของเขาก็กำลังพุ่งพรวด เขาคือคนที่พวกเราได้แต่แหงนหน้ามอง!”


“ผมว่าน่าจะเป็นจ้าวโม่ฉวน ผมเคยพบเขาครั้งหนึ่ง เขาเป็นอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องมาก สามารถทำความเข้าใจและเชี่ยวชาญในสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว จนดูเหมือนว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะหยุดยั้งเขาได้!”


“ผมขอออกเสียงให้เจียงเฟยเฟย เพราะไม่เพียงแต่เธอจะสวย ยังเป็นนักออกแบบสวรรค์สร้างผู้เชี่ยวชาญที่เข้าถึงความรู้ในระดับที่น่าทึ่งด้วย…”


“สิ่งที่ผมรู้มาก็คือ…”


คำถามนั้นทำให้เกิดการโต้แย้งอย่างเข้มข้นในหมู่ฝูงชน


คนเหล่านั้นคือผู้ที่มีชื่อเสียงในทวีปแห่งปรมาจารย์ นักรบมากมายนับไม่ถ้วนได้แต่แหงนมองและกำหนดให้พวกเขาเป็นเป้าหมาย


ในตอนนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็พูดขึ้น “พวกคุณลืมจางเซวียน…ไปหรือเปล่า?”


“จางเซวียน?”


ชื่อนั้นทำให้การถกเถียงก่อนหน้านี้เงียบลงทันที


“ผมไม่เถียงหรอกว่าเขาคือปรมาจารย์ที่ปราดเปรื่องที่สุดในช่วงหลายหมื่นปีที่ผ่านมา บางที…ผู้เดียวที่สามารถเทียบชั้นกับเขาได้ก็อาจมีแค่ปรมาจารย์ขงเท่านั้น แต่เขาผูกสัมพันธ์กับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นเพื่อขโมยมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงไป ทำให้มวลมนุษย์ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย เพียงเท่านั้นก็มากพอที่จะถอดถอนเขาออกจากการเป็นปรมาจารย์แล้ว!”


“พวกเราจะไม่ปล่อยให้แกะดำตัวหนึ่งมาทำลายชื่อเสียงของสภาปรมาจารย์!”


“เรื่องที่ผมได้ยินมาน่ะแตกต่างออกไปนะ เขาไม่ได้ร่วมมือกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณ แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่ายและหลงกลของเธอ!”


“ครูบาอาจารย์น่ะควรจะมีมาตรฐานสูงสุดทั้งในด้านค่านิยม หลักการ และความประพฤติ ต่อให้เขาไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณมาก่อน ก็ควรระงับความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอเอาไว้ และควรเลิกราทันทีเมื่อรู้ความจริง แต่เขาก็ยังคงทำตัวโง่งมไม่แม้แต่จะพยายามฉกฉวยมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงกลับมา เท่านั้นก็มากเกินพอแล้วที่จะทำให้เขาเป็นทรราชย์ในหมู่มวลมนุษย์!”


“มัวพูดถึงหมอนั่นน่ะไม่มีประโยชน์หรอก!”


…..


ฝูงชนออกความเห็นเซ็งแซ่ การโต้แย้งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ


“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”


ทันใดนั้น เสียงคำรามเย็นเยียบก็ดังก้องไปทั่ว ทำให้หอนาฬิกาเก่าแก่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวกับมันกำลังจะถล่มลงมาทับกลุ่มคนที่นั่งอยู่


สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับนั้นทำให้ทุกคนหันขวับไปมอง


น่าประหลาดใจที่บุคคลที่เพิ่งส่งเสียงคำรามออกมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปรมาจารย์ระดับ 7 ดาวคนนั้น, พี่อู๋!


เวลานี้ ดวงตาของพี่อู๋เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ รอยยิ้มของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาลุกขึ้นยืนและจ้องมองฝูงชนอย่างเคร่งขรึมขณะพูดว่า “พวกคุณเพิ่งบอกว่าปรมาจารย์จางไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นปรมาจารย์ใช่ไหม? กล้าดีอย่างไรถึงพูดอะไรเหลวไหลแบบนั้นออกมา?”


ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีแผลเป็นโดดเด่นอยู่บนใบหน้าคำรามตอบ “คนที่ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องตกต่ำและต้องจบชีวิตที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่เพื่อชดใช้บาปกรรมของตัวเอง…คุณคิดจริงๆหรือว่าคนแบบนั้นน่ะสมควรที่จะได้รับการเรียกขานว่าปรมาจารย์?”


กว่า 10 วันแล้วตั้งแต่ที่จางเซวียนจบชีวิตของเขาที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ และข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งทวีปแห่งปรมาจารย์


“คุณกำลังถามว่าเขามีคุณสมบัติเพียงพอหรือเปล่า?” พี่อู๋หรี่ตา“ขอผมถามหน่อย คุณรู้ไหมว่าทำไมตอนนี้พวกเราถึงเข้าสู่อาณาจักรใต้ดินแห่งทะเลเยือกแข็งได้?”


“ก็ไม่ใช่เพราะกองกำลังเผ่าพันธุ์ปีศาจล่าถอยไปจากอาณาจักรใต้ดินหรือไง?” ชายวัยกลางคนที่มีแผลเป็นถามกลับ


คนอื่นๆต่างพยักหน้ารับ


ก็เพราะเผ่าพันธุ์ปีศาจล่าถอยไป พวกเขาจึงกล้าเข้าสู่พื้นที่นี้ เพราะไม่อย่างนั้น คงได้เสียชีวิตภายในเวลาไม่นานหลังจากที่ล่วงล้ำอาณาเขตเข้ามาแน่ แม้ที่อาณาจักรใต้ดินจะมีทรัพย์สมบัติอยู่มากมาย แต่ก็ไม่มีใครโง่เง่าพอจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ความตายอยู่แค่เอื้อม


“ล่าถอย? เฮอะ!” พี่อู๋คำรามเยาะ “ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา เผ่าพันธุ์ปีศาจถูกผลักดันออกไปอยู่หลายร้อยครั้ง แต่ประชากรธรรมดาสามัญก็ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้าสู่พื้นที่นี้เลย แล้วทำไมคราวนี้ถึงไม่เหมือนเดิมล่ะ?”


“เอ่อ…” ชายวัยกลางคนที่มีแผลเป็นไม่รู้จะตอบคำถามนั้นอย่างไร


ในการต่อสู้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยปัญหาเรื่องทรัพยากรและอัตราการตายที่พุ่งสูง ทั้งสองฝ่ายจึงถอนกำลังออกไปจากอาณาจักรใต้ดิน แต่สภาปรมาจารย์ก็ไม่เคยอนุญาตให้ประชากรทั่วไปเข้าสู่ดินแดนนี้ แล้วทำไมการล่าถอยครั้งล่าสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจถึงทำให้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม?


“พี่อู๋ คุณรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ?” นักรบคนหนึ่งตั้งคำถาม


“เมื่อเดือนก่อน ผมได้รับคำสั่งให้เดินทางไปที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่เพื่อปฏิบัติภารกิจบางอย่าง และผมได้ยินเรื่องร่ำลือมา” พี่อู๋ดูจะตกเข้าสู่ภวังค์ของความทรงจำ “จริงอยู่ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นล่าถอยไปแล้ว แต่พวกมันเตรียมกำลังพลไว้เพื่อเปิดการโจมตีครั้งใหญ่ รวมแล้วก็มีกำลังพลเผ่าพันธุ์ปีศาจมากกว่า 1 แสนตัว!”


“การโจมตีครั้งใหญ่ที่มีทหารมากกว่า 1 แสนนาย?” ผู้ฟังถึงกับอัศจรรย์ใจ


ทุกคนรู้ดีว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจมีพละกำลังมากมาย ซึ่งหากต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีจำนวนมากในคราวเดียว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะต้องเผชิญกับความเสียหายในระดับที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ ยังน่าสงสัยอยู่ว่าทวีปแห่งปรมาจารย์จะรับมือกับความเสียหายระดับนั้นได้หรือไม่


“เดี๋ยวก่อน…ไม่ใช่สิ ถ้าพวกมันรวบรวมกองกำลังได้มากขนาดนั้นจริงๆ ทำไมถึงไม่มีการเคลื่อนไหวจากฝั่งของพวกมันเลย?”


เมื่อรู้สึกว่าคำพูดนั้นมีเหตุผล ทุกคนต่างหันมาจับจ้องพี่อู๋ อยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ


ด้วยความอันตรายของสถานการณ์ในเวลานั้น น่าแปลกใจที่พวกเขาไม่ได้รับรู้อะไรเลย


“แน่นอนว่าไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น! นั่นก็เพราะปรมาจารย์คนหนึ่งบุกเข้าเล่นงานกองทหารกำลังพลทั้งแสนนายและสังหารพวกมันทุกตัวด้วยน้ำมือของเขาเอง!” พี่อู๋พูดขึ้นด้วยแววตาที่เปล่งประกายของความเคารพยกย่อง


“เขาคือผู้ทำลายแผนการของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น ทำให้พวกมันต้องเก็บตัวเงียบและไม่กล้าบุกโจมตี เขาคือผู้ซ่อมแซมฉนวนและเปลี่ยนแปลงอาณาจักรใต้ดินจากโลกบาดาลให้กลายเป็นดินแดนใหม่ที่พวกเราเข้ามาสำรวจได้”


“คนๆหนึ่งสังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจถึงแสนตัวด้วยน้ำมือของเขาเอง?”


“ผมรู้มาว่าแม้แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีวรยุทธระดับเซียนขั้น 3…”


เมื่ออดรนทนไม่ไหว ใครคนหนึ่งตั้งคำถามขึ้นมา “เขาทำแบบนั้นได้อย่างไร? พี่อู๋…เขาคนนั้นคือใครกัน?”


“เขาก็คือคนที่พวกคุณบอกว่ามีคุณสมบัติไม่เพียงพอที่จะเป็นปรมาจารย์นั่นแหละ…” พี่อู๋กำหมัดแน่น “จางเซวียน!”


ตอนที่ 1785 ความจริงเรื่องตัวตนของเขา

“จางเซวียน?”


“เป็นเขาจริงๆ…”


ความเงียบงันครอบคลุมไปทั่ว ทุกคนปากสั่นด้วยความไม่อยากเชื่อ


เพราะมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังในการกระจายข่าวเรื่องจางเซวียนกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจในวิหารแห่งขงจื๊อภายในเวลาเพียง 3 วัน ทุกคนในทวีปแห่งปรมาจารย์ก็รู้เรื่องนี้


ไม่มีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์ที่ไม่สาปแช่งเขา ในสายตาของคนเหล่านั้น จางเซวียนคือปรมาจารย์ที่ล้มเหลวในการแบกรับความรับผิดชอบของตัวเอง เปิดโอกาสให้เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นเข้ามาถือไพ่เหนือกว่า


ดังนั้น คนส่วนใหญ่จึงรู้สึกว่าคำตัดสินของสภาปรมาจารย์มีความชอบธรรม พวกเขาต่างแซ่ซร้องเมื่อได้ยินคำพิพากษา


ไม่มีใครล่วงรู้ว่าความสุขสงบอย่างที่เป็นอยู่และความรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในเวลานี้ ถึงขนาดที่นักรบทั่วไปก็เข้าสู่อาณาจักรใต้ดินได้นั้นเป็นผลงานของบุคคลที่พวกเขาจงเกลียดจงชัง


คนคนนี้ได้มอบทุกอย่างที่เขามีให้กับมวลมนุษย์ แต่ก็ถูกบีบคั้นจากผู้ที่เขาปกป้องให้ต้องทำการจบชีวิตตัวเอง


คนคนหนึ่งจะต้องสิ้นหวังขนาดไหนขณะที่ฆ่าตัวตาย?


“ตอนที่จางเซวียนทำการจบชีวิตตัวเอง บรรดาลูกศิษย์ของเขาบุกเข้าไปในสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่และทำร้ายปรมาจารย์ระดับ 9 ดาวทุกคนที่อยู่ตรงนั้น แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่กล้าตอบโต้พวกคุณรู้ไหมว่าทำไม?” พี่อู๋ตั้งคำถาม


ผู้ฟังต่างส่ายหน้า


“นั่นก็เพราะพวกเขารู้ดีว่าจะไม่มีวันได้พบกับความสงบสุขอย่างทุกวันนี้หากไม่มีปรมาจารย์จาง ถ้าไม่ใช่เพราะการเสียสละของปรมาจารย์จาง ทวีปแห่งปรมาจารย์คงถูกสงครามเล่นงานจนแหลกสลายไปแล้ว!”


“ผมไม่เข้าใจ” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งตั้งคำถาม “ในเมื่อสภาปรมาจารย์รับรู้ถึงคุณงามความดีของปรมาจารย์จาง แล้วทำไมถึงไม่พยายามอธิบายและแก้ไขความเข้าใจผิดต่างๆที่เกิดขึ้น? ทำไมถึงเลยเถิดไปถึงขั้นบีบบังคับให้เขาต้องจบชีวิตตัวเอง?”


ได้ยินคำนั้น ฝูงชนรีบพยักหน้า


คุณงามความดีใหญ่หลวงของจางเซวียนที่มีต่อมวลมนุษย์น่าจะเพียงพอให้ความผิดต่างๆของเขาถูกลบล้างไปได้ แล้วทำไมสภาปรมาจารย์ถึงยังกดดันเขาขนาดนี้?


“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด น่าจะเป็นเพราะเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นชักใยบงการอยู่เบื้องหลัง ว่ากันว่าในตอนนั้น อำมาตย์เฉินชิงกับอำมาตย์เฉินหลิงก็อยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อด้วย แต่ลงท้ายทั้งคู่ก็หลบหนีไป เป็นไปได้ว่าพวกเขาคือผู้กระจายข่าวลือ!”


พี่อู๋ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดต่อ “เพราะข่าวลือแพร่สะพัดไปราวกับไฟป่า ปรมาจารย์มากมายจึงเดินหน้าตบเท้ามารวมตัวกันที่ด้านนอกสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่และเรียกร้องให้ทางสำนักงานใหญ่ส่งตัวจางเซวียนออกมา แม้จางเซวียนจะสร้างคุณงามความดีมากมายต่อมวลมนุษย์ แต่ความจริงข้อหนึ่งก็คือเขาปล่อยให้เทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณหนีรอดไปได้พร้อมกับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง ถ้าสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่เลือกเข้าข้างจางเซวียน ก็จะทำให้ทั้งโลกสูญเสียความเชื่อมั่นในคำตัดสินของพวกเขา และอาจก่อเกิดเป็นรอยร้าวและความขัดแย้งในหมู่มวลมนุษย์ เพื่อบรรเทาความเคืองแค้นของเหล่าปรมาจารย์ จางเซวียนจึงเลือกที่จะจบชีวิตของเขา ให้ชาวโลกได้รับคำอธิบายที่น่าพอใจ…”


“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะก็ เขาก็คือปรมาจารย์ตัวจริง!”


“ยึดมั่นในศรัทธาและเสียสละชีวิตของตัวเองอย่างกล้าหาญ นั่นคือเครื่องหมายของวีรบุรุษที่แท้จริง!”


“เมื่อเขาจบชีวิตลง เผ่าพันธุ์ปีศาจจะไม่อาจใช้เรื่องนี้มาระดมมวลมนุษย์ให้ต่อต้านสภาปรมาจารย์ได้อีก และในเวลาเดียวกัน สภาปรมาจารย์ก็จะได้มีโอกาสรื้อโครงสร้าง จัดระเบียบสมาชิกของตัวเองเสียใหม่ และกำจัดบรรดาสายลับกับหอกข้างแคร่ออกไปจากทวีปแห่งปรมาจารย์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทางเลือกของเขาได้ช่วยพลิกวิกฤติครั้งใหญ่ให้กับมวลมนุษย์ แต่…เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมกับเขาเลย! เขาทำอะไรให้พวกเรามากมาย แต่ลงท้ายก็ต้องพบกับชะตากรรมอันขมขื่น!”


“พวกเราเป็นหนี้บุญคุณเขา…”


…..


ทุกคนนัยน์ตาเบิกโพลงเมื่อเข้าใจเรื่องทั้งหมด


นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ เพราะจางเซวียนเป็นปรมาจารย์ ทุกคนจึงคาดหวังว่าเขาจะต้องมีมาตรฐานของคุณธรรมและจริยธรรมสูงกว่าคนทั่วไป ทันทีที่เขาทำความผิด ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ มันก็กลายเป็นอาวุธที่ย้อนกลับเข้าทำลายชื่อเสียงของเขาเอง


ดูสิ แม้แต่คนแบบนี้ก็ยังเป็นปรมาจารย์ได้ คุณไม่รู้สึกบ้างหรือว่าสภาปรมาจารย์ตกต่ำลงทุกที?


คนนิสัยแบบนี้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้เป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร?


แต่พวกเขาลืมนึกไปว่าปรมาจารย์ไม่ใช่พระอิฐพระปูน พวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่ผิดพลาดได้ ไม่อาจทำทุกอย่างถูกต้องได้ตลอดเวลาและบางครั้งก็มีความเห็นแก่ตัวเช่นกัน


ชื่อเสียงโด่งดังของสภาปรมาจารย์เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนอันยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน


ผู้คนต่างคาดหวังให้ปรมาจารย์ทำความดี ด้วยเหตุนี้ คุณงามความดีของพวกเขาจึงมักถูกละเลย แต่ทันทีที่เกิดความผิดพลาดเรื่องราวจะแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วว่า ‘สุดท้ายปรมาจารย์ผู้นี้ก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงซึ่งเขาปกปิดมาตลอด’


เรื่องนี้เป็นทำนองเดียวกันกับวายร้ายตัวฉกาจสักคนหนึ่งที่บางครั้งก็ทำความดี ผู้คนจะพากันคิดว่าแท้ที่จริงนิสัยของวายร้ายผู้นั้นก็ไม่ได้เลวร้ายจริงๆอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น


นี่คือสถานการณ์เดียวกันกับที่ปรมาจารย์จางต้องเผชิญ


การที่เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นและปล่อยให้อีกฝ่ายฉกฉวยมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงไปได้ถือเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยสำหรับปรมาจารย์ผู้ทรงเกียรติ ไม่มีอะไรที่ปรมาจารย์จางจะทำเพื่อชดใช้อาชญากรรมครั้งนี้ได้ ถ้าสภาปรมาจารย์พยายามปกป้องเขา ก็จะต้องพบเรื่องเดือดร้อนเช่นกัน


ในเมื่อจนมุมและปราศจากทางเลือก ปรมาจารย์จางจึงทำได้แค่จบชีวิตของเขาด้วยความสิ้นหวัง


ดูเหมือนทุกอย่างจะคลี่คลายแล้ว แต่นี่ก็เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของมวลมนุษย์ ดวงดาวที่ส่องสว่างที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ลาลับไป


“จริงด้วย ปรมาจารย์จางอาจอายุยังน้อย แต่ก็สร้างวีรกรรมชนิดที่ปรมาจารย์มากมายนับไม่ถ้วนยังทำไม่ได้ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา เขาคือบุคคลที่ผมเคารพมากที่สุดในโลก ผมพร้อมจะอุทิศชีวิตของผมเพื่อปกป้องเขา!” พี่อู๋พยักหน้าอย่างมุ่งมั่น


“ผมไม่รู้เรื่องนี้ ผมคิดว่าเขาทรยศเผ่าพันธุ์มนุษย์ ตอนนี้เมื่อรู้ความจริงแล้ว ผมก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน ผมจะไม่ปล่อยให้ใครที่เสียสละเพื่อมวลมนุษย์ถึงขนาดนี้ต้องมีชื่อเสียงด่างพร้อย!”


“ผมด้วย!”


ฝูงชนที่อยู่ใต้หอนาฬิกาต่างพยักหน้ารับอย่างเด็ดเดี่ยว


ในเมื่อปรมาจารย์จางเป็นคนดี พวกเขาก็จะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องโดนใครดูถูก แม้จะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม!


…..


ที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ เหรินชิงหยวนหน้าดำคร่ำเครียด“ปรมาจารย์หยาง ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมปรมาจารย์จางตัดสินใจทำแบบนี้? อย่างน้อยที่สุด เขาก็น่าจะพยายามอธิบายอะไรบ้างไม่ใช่หรือ?”


เขาไม่อาจทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริงๆ


เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อาจคลี่คลายได้หากจางเซวียนพยายามอธิบายทำไมเขาต้องเลยเถิดถึงขนาดฆ่าตัวตาย?


“ผมถามเรื่องนี้กับเซียนดาบชิงเหมิงแล้ว พวกเขาบอกผมว่าศิษย์พี่ได้ซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณหงเทียน” ปรมาจารย์หยางพูด


เมื่อได้ฟังคำตอบที่คาดไม่ถึง เหรินชิงหยวนขมวดคิ้วด้วยความงุนงง “เขาได้ซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณหงเทียน?”


“นักปราชญ์โบราณหงเทียนมีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด” ปรมาจารย์หยางอธิบาย


“นักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด…ซึมซับหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณหงเทียน…เดี๋ยวก่อน หรือว่า?” เหรินชิงหยวนหรี่ตาเมื่อเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา


“ใช่แล้ว!” ปรมาจารย์หยางพยักหน้า “เหตุผลที่ศิษย์พี่ของผมตัดสินใจจบชีวิตที่สภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่เป็นมากกว่าการมอบคำอธิบายให้มวลมนุษย์ เขาน่าจะมีแรงผลักดันบางอย่างอยู่ในใจ ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ผมเกรงว่าผมไม่มีความสามารถพอจะคาดเดาความคิดของเขา”


“พูดอีกอย่างก็คือ…ปรมาจารย์จางยังไม่ตายใช่ไหม?” เหรินชิงหยวนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น


เขานึกว่าชายหนุ่มเสียชีวิตไปแล้วจริงๆ และเสียอกเสียใจอยู่นานแต่ถ้าชายหนุ่มได้ซึมซับหยดเลือดของนักรบที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด อีกฝ่ายก็คงไม่ตายง่ายๆ


“ผมต้องขอให้คุณเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับสุดยอด อย่าได้บอกมันกับใครนะ!” เห็นความตื่นเต้นของเหรินชิงหยวน ปรมาจารย์หยางเตือนอย่างเคร่งขรึม


“วางใจเถอะ ผมเข้าใจ!” เหรินชิงหยวนรีบพยักหน้า


“ดี” ปรมาจารย์หยางพยักหน้าก่อนจะเงียบไป


ไม่นานหลังจากที่เหรินชิงหยวนออกจากห้อง ปรมาจารย์หยางก็โบกมือ เขาทะลุมิติเข้าสู่มิติลี้ลับแห่งหนึ่ง


กระแสของกาลเวลาในมิติลี้ลับแห่งนั้นต่างจากทวีปแห่งปรมาจารย์มาก มันเชื่องช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดที่ 10 วันของโลกภายนอกจะเท่ากับระยะเวลาในมิติลี้ลับเพียง 1 วันเท่านั้น


“คุณมาแล้ว…”


เมื่อเห็นปรมาจารย์หยาง นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งของสภาปรมาจารย์ก็ฟื้นจากการหลับไหลและลุกขึ้นยืน


ไม่ช้า นักปราชญ์โบราณอีกจำนวนหนึ่งก็เข้ามารุมล้อมปรมาจารย์หยาง


พวกเขาคือนักปราชญ์โบราณเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตจากการสู้รบกับอำมาตย์เฉินหย่งที่วิหารแห่งขงจื๊อ นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย


“คุณบอกว่ามีข่าวคราวจะแจ้งพวกเรา เรื่องอะไรกัน?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตั้งคำถาม


เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อ ปรมาจารย์หยางบอกไว้แล้วว่ามีเรื่องจะแจ้ง แต่ในเวลานั้นยังไม่สะดวกเพราะเรื่องนี้เป็นความลับ


“สิ่งที่ผมจะบอกพวกคุณคือเรื่องตัวตนที่แท้จริงของปรมาจารย์จาง” ปรมาจารย์หยางโค้งคำนับอย่างงามก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้าๆ


“ตัวตนที่แท้จริงของเขา?”


ทุกคนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่แน่ใจว่าปรมาจารย์หยางหมายถึงอะไร


จางเซวียนไม่ใช่ปรมาจารย์หรือ? แล้วเขาจะเป็นอะไรอื่นได้?


“ใช่!” ปรมาจารย์หยางพยักหน้า “บอกพวกคุณตามตรงนะปรมาจารย์จางไม่ได้เป็นแค่ปรมาจารย์ แต่เป็น…ปรมาจารย์ฟ้าประทานด้วย!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)