อัจฉริยะสมองเพชร 1774-1775

 ตอนที่ 1774 อานุภาพของฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด

ความแค้นระหว่างเผ่าพันธุ์ปีศาจกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ดำเนินต่อเนื่องมากว่าหลายหมื่นปี


ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจหรือมนุษย์ ส่วนใหญ่ล้วนมีญาติสนิทมิตรสหายที่ถูกอีกฝ่ายสังหารอย่างเลือดเย็น มันเป็นความแค้นที่ฝังรากลึกจนไม่มีทางคลี่คลายได้ด้วยการใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำหรือการประนีประนอม


กว่าพวกเขาจะทำให้ผู้นำสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจจนมุมได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงไม่มีทางที่จะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป


อำมาตย์เฉินหย่งก็เข้าใจสิ่งนี้ จึงไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาของเหล่านักปราชญ์โบราณจากทวีปแห่งปรมาจารย์ เขาลดสายตาลงมองจางหงเทียนและถามว่า “แล้วคุณล่ะ?”


“ตระกูลจางของเราต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นมานานนับปีไม่ถ้วน ทั้งท่านพ่อ ท่านปู่และบรรพบุรุษหลายรุ่นของผมต้องเสียชีวิตภายใต้คมดาบของเผ่าพันธุ์ปีศาจ สองมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจล้วนแต่เปื้อนเลือดของตระกูลจาง ในช่วงชีวิตของผม ผมดูถูกดูแคลนพวกที่รุมทำร้ายคนอื่น แต่ก็นั่นแหละ นี่ไม่ใช่การดวลอย่างชอบธรรม แต่เป็นการต่อสู้เพื่อล้างแค้น! ผมเชื่อว่าแม้แต่ปรมาจารย์ขงก็คงเห็นด้วยกับการกระทำของพวกเรา!” จางหงเทียนคำรามขณะชักดาบออกมา สายตาจับจ้องร่างสูงใหญ่ที่ยืนตระหง่านอยู่เหนือศีรษะของเขา


เมื่อได้ยินว่าจางหงเทียนกำลังจะเข้าร่วมการสู้รบ จางเซวียนได้แต่อุทาน “บรรพบุรุษเก่าแก่หงเทียน!”


ตอนนี้อำมาตย์เฉินหย่งถูกล้อมด้วยศัตรูและพิมพ์เขียว ไม่มีทางที่จะหนีรอดจากสถานการณ์นี้ได้


จางเซวียนไม่มีความปรารถนาดีใดๆให้เผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่หวู่เฉินอยู่กับเขามาระยะหนึ่งแล้ว เขารู้สึกเหมือนถูกทรยศเมื่อพบว่าแท้ที่จริงแล้วหวู่เฉินเป็นใคร แต่ก็ไม่อาจทนเห็นอีกฝ่ายถูกรุม


รู้ดีว่าจางเซวียนกำลังจะพูดอะไร จางหงเทียนโบกมืออย่างคนที่ตัดสินใจเป็นมั่นเหมาะ “อย่าเสียเวลาประนีประนอมให้เผ่าพันธุ์ปีศาจเลย นี่เป็นโอกาสงามที่เราอาจหาไม่ได้อีกแล้ว!”


ไม่ใช่ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจทุกตัวจะชั่วร้าย แต่ความแตกต่างระหว่างเผ่าพันธุ์ทำให้พวกเขาไม่อาจร่วมมือกันได้ นี่คือการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเหนือกว่า


ถ้าปราศจากอำมาตย์เฉินหย่ง เผ่าพันธุ์ปีศาจก็จะเหมือนกับผืนทรายที่ถูกซัดจนแตกกระจาย ประสิทธิภาพการต่อสู้ของพวกมันจะลดน้อยถอยลงอย่างมาก และจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อีก


นี่คือช่วงเวลาสมบูรณ์แบบที่จะกำจัดภัยคุกคามที่ครอบงำพวกเขามานานหลายปี


ก็เพราะสิ่งนี้ที่ทำให้ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ตั้งใจเรียกนักปราชญ์โบราณมากมายมารวมตัวกัน ถึงขนาดที่แม้แต่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงก็ยังมีความสำคัญเป็นรองสำหรับพวกเขา


“ก็ดี แล้วพวกคุณที่เหลือล่ะ?”


เมื่อเห็นว่าทั้ง 3 กลุ่มอำนาจเลือกจะร่วมมือกันต่อต้านเขา สุดท้าย อำมาตย์เฉินหย่งก็เบนสายตา ไปจับจ้องเผ่าพันธุ์อสูร


“พวกเราไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งครั้งนี้ เป้าหมายของเราอยู่ที่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น” นายใหญ่สีขาวตอบอย่างเย็นชา


“ถ้าพวกคุณไม่อยากเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งครั้งนี้ กระบี่ของผมก็ไม่มีหน้าที่ต้องปกป้องคุณเช่นกัน หากยังอยู่ที่นี่ล่ะก็ พวกคุณจะต้องสุ่มเสี่ยงกับการเสียชีวิต!” อำมาตย์เฉินหย่งคำราม


เขาสะบัดกระบี่ในมือ เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นกลางอากาศ จากนั้น รังสีทรงพลังก็ระเบิดออกจากตัวเขา ทำให้คนอื่นๆที่เหลือรู้สึกราวกับมีหลุมดำอันไร้ขอบเขตปรากฏตรงหน้า


เมื่อปลอมตัวเป็นหวู่เฉิน เขาก็แค่ใช้พละกำลังในระดับของปรมาจารย์ทั่วไป แต่เมื่อกลับคืนสู่ รูปลักษณ์เดิมแล้ว สุดท้ายอำมาตย์เฉินหย่งก็ใช้ปราณสังหารของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นอีกมาก


“ฆ่าเขา!”


เมื่อเห็นรังสีของหวู่เฉินใกล้จะพุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงรู้ดีว่าการสังหารอีกฝ่ายจะยากขึ้นหากพวกเขายังคงชักช้า จึงชูง้าวในมือและพุ่งเข้าใส่


“ไปเลย!”


ภาพลวงตารูปกรงเล็บของตาเฒ่าหยูฉีกกระชากทุกสิ่งที่ขวางหน้า การโจมตีของผู้เชี่ยวชาญทั้งสองก่อให้เกิดรอยแยกสีดำและสีขาวพาดผ่านกลางอากาศ ราวกับดาวหางที่พุ่งผ่านท้องฟ้า


“แสดงให้ผมดูหน่อยเถอะว่าคุณทำอะไรได้บ้าง!” อำมาตย์เฉินหย่งคำรามขณะเงื้อกระบี่ขึ้นและฟาดฟันอากาศ


ฉึกกกก!


รอยแยกสีดำปรากฏขึ้นในมิติที่ถูกพิมพ์เขียวสกัดกั้นไว้ มันพังทลายด้วยการโจมตีเพียง 2 ครั้ง ราวกับถูกค้างคาวที่ทรงพลังกวัดแกว่งปีกเข้าใส่ ทั้งง้าวและกรงเล็บถูกสอยกระเด็นไปไกล


อำมาตย์เฉินหย่งใช้โอกาสนี้เดินหน้าโจมตี ด้วยการกวัดแกว่งกระบี่อีกครั้ง เขาก็สกัดกั้นการโจมตีของนักปราชญ์โบราณคนอื่นๆไว้ได้ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่เพื่อพยายามเล่นงานนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง


การโจมตีครั้งนี้มีพละกำลังมากจนถึงขนาดนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดอย่างนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงไม่สามารถหลบเลี่ยงมันได้


วิ้งงงง!


ขณะที่ความตายกำลังจะเข้าจู่โจมผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ดาบเล่มหนึ่งก็เปล่งประกายวาบขึ้นกลางอากาศ ปล่อยอานุภาพที่อยู่เหนือขีดจำกัดของมิติและเวลา จากนั้นก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน


ถ้าอำมาตย์เฉินหย่งยังคงโจมตีต่อไป ต่อให้เขาสังหารนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงได้สำเร็จ ก็จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการกระทำนั้น ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายของกระบี่ไปเป็นการปัดป้องการโจมตีที่กำลังจะเข้ามา


เคร้งงงง! เคร้งงงง!


เสียงกึกก้องของโลหะกระทบกันดังสนั่นไปทั่ว การเคลื่อนไหวของจางหงเทียนนั้นเฉียบคมทว่าลื่นไหลราวกับการร่ายรำอันซับซ้อน ท่วงท่าของเขาดูเหมือนไม่จงใจและปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ยากที่จะอ่านทิศทางการโจมตีของเขา ในตอนนั้น จางหงเทียนดูราวกับนักดาบผู้เป็นอมตะ


นี่เป็นครั้งแรกที่จางเซวียนได้เห็นการต่อสู้ของนักรบระดับนี้ เขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้


สมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปแห่งปรมาจารย์ การโจมตีทุกกระบวนท่าของพวกเขาดูจะกำจัดเอาทุกกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ออกไป โชคดีที่ตัวเขาอยู่ในระยะปลอดภัย ไม่อย่างนั้นก็อาจถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆเช่นกัน


อำมาตย์เฉินหย่งมีพละกำลังเหนือชั้นกว่าที่เขาคิดไว้มาก แม้จะถูกรุม แต่ทุกกระบวนท่าของเขาก็ยังคงสุขุมและผ่านการคิดคำนวณมาอย่างดี ไม่มีร่องรอยของความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย


การสู้รบเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ลงท้ายก็มีเสียงร้องโหยหวนขณะที่ร่างหนึ่งพุ่งลงมาจากกลางอากาศ


นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งร่วงลงมา!


“นั่นคือบรมครูนักปราชญ์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ…”


จางเซวียนจดจำศพนั้นได้ เขาคือหนึ่งในบริวารของตาเฒ่าหยู เผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีวรยุทธระดับนักปราชญ์โบราณขั้น 2


“เยี่ยมเลย…”


รู้ดีว่าศพนั้นมีวรยุทธในระดับขั้นที่ไม่อาจพบเจอกันได้ง่ายๆ จางเซวียนก้าวเข้าไปและยกศพขึ้นโดยใช้หอกสวรรค์กระดูกมังกร


ฟึ่บ!


จากนั้น ศพก็เข้าไปอยู่ในแหวนเก็บสมบัติของเขา


พลั่ก!


ทันทีที่จางเซวียนเก็บศพนั้นเรียบร้อย นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ก็พบจุดจบโดยถูกซ้อมจนร่วงลงมากองกับพื้น


ไม่นานหลังจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งของสภาปรมาจารย์ก็ร่วงลงมาเช่นกัน


จางเซวียนไม่ลังเลที่จะเก็บศพของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่เขาไม่เต็มใจจะแตะต้องศพที่มาจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์กับทวีปแห่งปรมาจารย์


เพราะถึงอย่างไรตัวเขาก็เป็นปรมาจารย์ อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่ควรทำก็คือเคารพมิตรสหายของตัวเอง


แต่ก็นั่นแหละ ถึงจางเซวียนจะไม่เก็บศพของพวกนั้น แต่เขาก็ยังดึงเอาหยดเลือดนักปราชญ์โบราณที่ไหลออกมาตลอดระยะเวลาของการต่อสู้มาเก็บไว้


ขณะที่การต่อสู้หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ อัตราการเสียชีวิตของนักปราชญ์โบราณก็เร็วขึ้น


ภายในไม่ถึง 10 นาที ก็เหลือนักปราชญ์โบราณที่เข้าร่วมการสู้รบอยู่ไม่ถึงครึ่ง


แต่อำมาตย์เฉินหย่งก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เลือดหยดลงมาตามแขนของเขา ใบหน้าก็ซีดเผือด


นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับจางหงเทียนต่างก็ได้แผล พวกเขาหอบหายใจหนักหน่วงและไม่ได้อยู่ในสภาพดีนัก


ตรงกันข้าม กลับเป็นตาเฒ่าหยูที่ได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด


ไม่ใช่เพราะเขาแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทั้งสามคน แต่เพราะเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้ากลที่สุด ตาเฒ่าหยูจึงซ่อนตัวจากแนวตั้งรับการโจมตีของอำมาตย์เฉินหย่ง และใช้อีกสองคนที่เหลือเป็นโล่


“สมกับที่เป็นผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ คุณสามารถเล่นงานพวกเราได้ทั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกเราพร้อมกันทีเดียวหลายคน” จางหงเทียนตั้งข้อสังเกตด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความยำเกรง


เขาเคยคิดว่าตัวเขาอาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่ายังมีคนอื่นที่แข็งแกร่งกว่าเขามากอยู่ในโลกใบนี้เช่นกัน


“พวกคุณไม่ได้อ่อนด้อยนะ แต่นั่นคือทั้งหมดที่พวกคุณทำได้ต่างหาก ความปรารถนาของคุณที่จะเอาชีวิตผมในวันนี้น่ะไม่ต่างอะไรกับการเพ้อฝัน!” อำมาตย์เฉินหย่งตอบอย่างวางมาดพร้อมกระชับกระบี่ในมือให้แน่นขึ้น


“ฮึ่ม! ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ผมก็จะลากคุณลงหลุมศพให้ได้!” จางหงเทียนคำราม


“งั้นก็ลองดู!” อำมาตย์เฉินหย่งคำราม


เขาเงื้อกระบี่ขึ้นเพื่อต่อสู้ แต่ทันใดนั้น พิมพ์เขียวทั้งอันที่อยู่โดยรอบก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง


โลกดูเหมือนจะหมุนช้าลงด้วยความยำเกรงในลำแสงสีขาวที่ทะลุผ่านพิมพ์เขียว ไม่ช้า แท่นขนาดยักษ์ก็ปรากฏ


แสงนั้นพุ่งตรงไปยังหลัวลั่วชิงซึ่งอยู่ระหว่างการซึมซับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง


“สำเร็จ!” อำมาตย์เฉินหย่งตาโตด้วยความตื่นเต้น


เหตุผลที่เขาเลือกอยู่ที่นี่และสู้ต่อก็เพื่อเตรียมของล้ำค่าในการช่วยเหลือหลัวลั่วชิง เมื่อเห็นว่าสุดท้ายแผนการนี้ก็สำเร็จ เขาก็ไม่อาจระงับความตื่นเต้นไว้ได้อีก


ฟิ้วววว!


ขณะที่แสงจากแท่นนั้นตรงเข้าโอบล้อมหลัวลั่วชิง ก็ดูเหมือนว่าด่านคอขวดของวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณของเธอจะถูกปลดปล่อยอีกครั้ง พลังงานมหาศาลไหลเวียนไปทั่วร่างของเธอราวกับกระแสคลื่นเชี่ยวกรากขณะที่เธอแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ


ด้วยอานุภาพการโจมตีของพละกำลังระดับนั้น สุดท้าย มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงก็ยอมจำนน


ตอนที่ 1775 อำลา

ฟึ่บ!


ทันทีที่มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงยอมจำนน มันก็หายวับไปจากมือของสาวน้อย ราวกับถูกขโมยไป


ครืดดดดด!


ด้วยกระแสพลังงานเกรี้ยวกราดที่อยู่ในพละกำลังของหลัวลั่วชิง พิมพ์เขียวที่เคยปิดกั้นพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดได้รับแรงกดดันอย่างหนัก เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่แพร่กระจายไปทั่ว


รอยร้าวเหล่านั้นปรากฏอยู่ทุกที่ เผยให้เห็นรอยแยกสีดำที่เหมือนประตูสู่โลกบาดาล


ขณะที่รอยร้าวเหล่านั้นเริ่มปรากฏ แรงดึงดูดมหาศาลก็พุ่งเข้าใส่หลัวลั่วชิง ดูเหมือนพยายามจะลากเธอออกไป


สาวน้อยขมวดคิ้ว ด้วยการโบกมือของเธอ แท่นที่อยู่กลางอากาศก็ลอยเข้ามาและหยุดนิ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้า เธอยืนอยู่เหนือแท่นนั้น แรงดึงดูดที่กำลังฉุดเธอออกไปค่อยๆเบาลง จนทำให้เธอยืนได้อย่างมั่นคง


“จางเซวียน…”


เมื่อตั้งตัวได้ สาวน้อยก็มองไปรอบๆห้อง ก่อนในที่สุดสายตาของเธอจะหยุดอยู่ที่จางเซวียน


จางเซวียนตัวแข็งทื่อเมื่อมองร่างที่อยู่บนแท่น ร่างของเธอค่อยๆหลอมรวมเข้ากับอีกร่างหนึ่งในความทรงจำของเขา เขารู้สึกได้ถึงอาการปวดหัวอย่างหนักที่เข้าจู่โจม


“คุณคือ…คุณคือเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นหรือ?”


ร่างที่เขาเคยเห็นในพระราชวังชิวอู๋กับมิติแห่งฤดูกาลทั้ง 4 ดูจะคุ้นตาด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง แต่จางเซวียนก็ไม่เคยรู้ว่าทำไม ไม่น่าเชื่อเลยว่าแท้ที่จริงแล้วคือหลัวลั่วชิง!


เธอไม่ใช่ทั้งผู้เชี่ยวชาญของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์หรือร่างแปลงของผู้เชี่ยวชาญจากเผ่าพันธุ์อสูร แต่เธอคือ…เทพเจ้าสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น!


เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?


ในตอนนั้น จางเซวียนรู้สึกถึงแรงกดดันหนักหน่วงที่ถาโถมเข้าสู่หัวใจของเขา แทบจะบีบลมหายใจสุดท้ายให้หลุดลอยจากร่าง


จางเซวียนส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อและตั้งคำถาม “คุณบอกผมไม่ใช่หรือว่าคุณไม่ใช่เผ่าพันธุ์ปีศาจ?”


เขาไม่เข้าใจความปรารถนาของหลัวลั่วชิงที่จะปกปิดตัวตนของเธอ แต่ก็ยินดีจะรอคอยจนถึงวันที่เธอพร้อมเปิดเผย และไม่เคยหวาดกลัวว่าสุดท้ายทั้งคู่จะต้องยืนอยู่คนละฝั่งกัน เขาจึงถามเธอว่าเธอเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นหรือเปล่าและมีเจตนาทำร้ายมวลมนุษย์หรือไม่


ในครั้งนั้น เธอตอบว่าเธอไม่ใช่เผ่าพันธุ์ปีศาจและไม่มีเจตนาร้ายต่อมวลมนุษย์…


ทุกอย่างเป็นเรื่องโกหกหรือ?


เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร ไม่ว่าหลัวลั่วชิงจะเป็นใครหรืออยู่ในสังกัดของกลุ่มอำนาจไหน แต่ก็ไม่อาจทนให้ตัวเองถูกหลอกและใช้เป็นเครื่องแสวงหาผลประโยชน์โดยคนที่เขารัก


เห็นอาการคลุ้มคลั่งของจางเซวียน หลัวลั่วชิงนัยน์ตาแดงก่ำ


น้ำเสียงของเธอบ่งบอกความตื่นตระหนกขณะละล่ำละลักอธิบาย “ฉันไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ และมันก็มีเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเป็นเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น”


แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ รอยแยกของมิติก็เปิดกว้างขึ้นมาทันที แรงดึงดูดที่เคยพยายามฉุดเธอออกไปเมื่อครู่ดูจะรุนแรงขึ้น เธอเริ่มสูญเสียการทรงตัว


ขณะที่พลังงานจากความมืดมิดคำรามอย่างเกรี้ยวกราด วิหารแห่งขงจื๊อทั้งหลังก็เริ่มสั่นสะท้านไม่หยุด แม้แต่ทวีปแห่งปรมาจารย์ก็สั่นไปด้วย


ราวกับเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของโลก


“พละกำลังของฉันในตอนนี้เหนือกว่าที่โลกจะแบกรับไหว ฉันจึงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้น ทวีปแห่งปรมาจารย์ทั้งทวีปจะต้องพังพินาศ…” เมื่อเห็นความวอดวายที่เกิดขึ้นรอบตัว หลัวลั่วชิงส่ายหน้า เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อยและพึมพำ “ลาก่อน…จางเซวียน ฉันมีความสุขที่ได้พบคุณ มีความสุขมาก…มีความสุขจริงๆ…”


ความมืดมิดถาโถมเข้าใส่แท่นนั้นและเริ่มกลืนกินร่างของหญิงสาว


ราวกับตกลงไปในบ่อน้ำหมึก ดูเหมือนหลัวลั่วชิงพร้อมจะหายตัวไปได้ทุกขณะ


“ลั่วชิง…เพราะอะไร? คุณยังไม่ได้อธิบายให้ผมฟังเลยนะ มันเกิดอะไรขึ้น?”


เห็นความมืดมิดกำลังจะพรากหลัวลั่วชิงไป จางเซวียนรีบชักกระบี่เปลวเพลิงสีดำออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าไปอยู่ข้างๆเธอ


เขายื่นมือออกไปคว้ามือเธอไว้ ตั้งใจจะฉุดเธอออกจากความมืดมิด แต่ไม่ว่าจะออกแรงดึงแค่ไหน หลัวลั่วชิงก็ไม่ขยับเขยื้อน


ความมืดมิดที่อยู่ตรงหน้าเขาเหมือนหลุมดำที่ปราศจากขอบเขต ใครก็ตามที่ตกลงไป ต่อให้เป็นนักปราชญ์โบราณก็ไม่มีทางหนีรอด


“จางเซวียน ไม่เป็นไรหรอก อย่าสิ้นเปลืองพละกำลังของคุณเลย โลกทุกใบมีกฎเกณฑ์ของมัน หากฉันยังดื้อดึงอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะนำหายนะมาสู่โลกใบนี้” หลัวลั่วชิงพูดขณะบีบมือจางเซวียนแน่น “ได้โปรดไว้ใจฉันเถอะ ฉันไม่เคยโกหกคุณแม้แต่คำเดียว…”


สัมผัสอันอ่อนโยนและน้ำเสียงนุ่มนวลของเธอเปรียบเสมือนความอบอุ่นที่เข้าปลอบประโลม ร่างกายเย็นเยือกของจางเซวียน มีข้อสงสัยมากมายอยู่ในใจของเขา แต่เขาก็อยากไว้ใจสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า ทุกช่วงเวลาและทุกอย่างที่ทั้งคู่ได้เผชิญมาด้วยกัน…เขาไม่เชื่อว่าเรื่องเหล่านั้นจะเป็นเรื่องโกหก


จางเซวียนถามด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านเล็กน้อย “ในอนาคต ผมจะพบตัวคุณได้อย่างไร?”


เขารู้ดีว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเธอกำลังจะจากไป ซึ่งการต้องแยกจากเธอชั่วนิรันดร์นั้นเป็นเรื่องเจ็บปวดเกินกว่าที่เขาจะทนได้


ถ้าเธอต้องจากไป เขาจะอุทิศเวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหาเธอ!


“เราจะพบกันอีกครั้งเมื่อวาสนานำพาให้เรามาพบกัน อีกอย่าง การมีฉันอยู่ก็มีแต่จะทำร้ายคุณ…” หลัวลั่วชิงมองชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าเธอด้วยนัยน์ตาที่มีน้ำตารื้นและพึมพำ “ลาก่อน…ชายที่ฉันรัก!”


ฟึ่บ!


ในชั่วพริบตา ร่างของเธอก็ถูกความมืดกลืนกินและหายวับไป


“ไม่!” จางเซวียนร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวังขณะรีบพุ่งเข้าไป


เขาตั้งใจจะบุกเข้าไปในรอยแยกแห่งมิติด้วย แต่ก็ต้องพรั่นพรึงเมื่อพบว่าเขากำลังพุ่งเข้าใส่กำแพงและถูกผลักกระเด็นออกมา


“เป็นอย่างนี้ไม่ได้! ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น!” จางเซวียนคำรามขณะสะบัดกระบี่เปลวเพลิงสีดำเข้าใส่รอยแยกเหล่านั้น


ฟึ่บ! ฟึ่บ!


เกิดเปลวไฟกระเด็นไปทั่ว


แม้หลัวลั่วชิงจะถูกฉุดเข้าไปในรอยแยกสีดำนั้นอย่างง่ายดาย แต่จางเซวียนก็พบว่ามันแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณเสียอีก ไม่ว่าเขาจะออกแรงแค่ไหน มันก็ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย


ราวกับว่ากระบี่เปลวเพลิงสีดำคือปุยฝ้ายกองหนึ่งที่พุ่งเข้าปะทะกำแพงโลหะ มันไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้สักนิดเดียว


หลังจากหลัวลั่วชิงเข้าไปได้ไม่นาน รอยแยกนั้นก็หดเล็กลงเรื่อยๆก่อนจะหายวับไปในที่สุด


“ไม่!”


จางเซวียนเหมือนคนเสียสติ เขากวัดแกว่งดาบอย่างบ้าคลั่ง แต่ต่อให้กระบี่เปลวเพลิงสีดำจะทรงพลังสักแค่ไหนก็ไม่อาจเปิดรอยแยกได้อีก ราวกับว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตา


“นายท่าน กวัดแกว่งดาบไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก” เสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวของจางเซวียน “คนรักของคุณน่าจะมาจากโลกที่สูงส่งกว่านี้ จนกว่าพละกำลังของคุณจะถึงขั้น คุณจะไม่มีทางข้ามผ่านปราการแห่งมิติได้!”


จางเซวียนสูดหายใจลึกและขับเคลื่อนพลังจิตวิญญาณเพื่อระงับสติอารมณ์ เขากำหมัดแน่นและตั้งคำถาม “คุณบอกว่าหลัวลั่วชิงมาจากโลกที่สูงส่งกว่านี้หรือ?”


ผู้ที่พูดขึ้นมาเมื่อครู่นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไอ้โหด


ในแง่ของความเข้าใจในทวีปแห่งปรมาจารย์ แน่นอนว่าไอ้โหดมีความรอบรู้เหนือกว่าเขามาก


“ใช่แล้ว ตอนที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมรู้ว่ามีอีกมิติหนึ่งที่มั่นคงเสียยิ่งกว่าทวีปแห่งปรมาจารย์ และสิ่งมีชีวิตที่อยู่ที่นั่นก็แข็งแกร่งกว่าพวกเรา มีความเป็นไปได้ว่าเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณของพวกเรามีต้นกำเนิดจากหนึ่งในโลกเหล่านั้น แต่มาปรากฏตัวอยู่ในทวีปแห่งปรมาจารย์” ไอ้โหดตอบ


ดูเหมือนมันจะรื้อฟื้นความทรงจำมาได้บางส่วน


“แต่ปราการที่ปิดกั้นระหว่างโลกทั้ง 2 ใบก็ทรงพลังมาก มีแต่ผู้ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งพอเท่านั้นจึงจะทำลายมันได้ ในช่วงเวลานั้น แม้ด้วยระดับความแข็งแกร่งของผมที่วรยุทธขั้นการทำลายล้างความว่างเปล่าของนักปราชญ์โบราณ ผมก็ยังฉีกกระชากปราการนั้นไม่ได้”


“แม้แต่นักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการทำลายล้างความว่างเปล่าก็ฉีกกระชากปราการไม่ได้หรือ? นั่นหมายความว่าจะไม่มีใครทำได้เลยใช่ไหม?”จางเซวียนกัดฟันด้วยความอัศจรรย์ใจ


วรยุทธขั้นการทำลายล้างความว่างเปล่าคือขั้นสูงสุดที่นักปราชญ์โบราณจะเข้าถึง หากแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นยังปฏิบัติภารกิจนี้ไม่ได้ แล้วใครกันที่จะทำสำเร็จ?


“แม้ผมจะทำไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครทำได้ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ดูเหมือนปรมาจารย์ขงจะเคยทำสำเร็จมาแล้ว” ไอ้โหดพูด


“ปรมาจารย์ขง?”


“ใช่ ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ที่สภาปรมาจารย์ ปรมาจารย์ขงหายตัวไปก่อนจะสิ้นอายุขัย ด้วยระดับความแข็งแกร่งของเขา แน่นอนว่าไม่มีใครทำร้ายเขาได้ ถ้าเขาต้องการ เขาก็สามารถเข้าสู่การจำศีลหรือใช้วิธีการต่างๆเพื่อยืดอายุขัย ทำไมถึงต้องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนั้น?”


“เอ่อ…” จางเซวียนเงียบไป


เขาไม่เคยพิจารณาเรื่องการหายตัวของปรมาจารย์ขงมาก่อน แต่การปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันของรอยแยกแห่งมิติสีดำที่กลืนกินหลัวลั่วชิงเข้าไป รวมทั้งความรู้ที่ว่ายังมีโลกที่สูงส่งกว่าทวีปแห่งปรมาจารย์ได้ก่อเกิดเป็นความคิดบางอย่างขึ้นในหัวสมองของเขา


บางที หลัวลั่วชิงอาจเหมือนปรมาจารย์ขง คือมีพละกำลังที่เหนือกว่าขีดจำกัดของโลกใบนี้ เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากถูกบีบให้ต้องจากทวีปแห่งปรมาจารย์ไป


ด้วยเหตุนี้ การหายตัวไปของปรมาจารย์ขงจึงเกิดขึ้นอย่างปุบปับและเงียบเชียบ จนถึงขนาดที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์


“ถ้าปรมาจารย์ขงมีพละกำลังระดับนั้นจริงๆ เราก็น่าจะทำได้เหมือนกัน” จางเซวียนพึมพำทั้งที่ยังกัดฟันแน่น


ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ตั้งใจว่าจะต้องพบหลัวลั่วชิงอีกครั้งให้ได้ ในเมื่อปรมาจารย์ขงสามารถทำลายปราการแห่งมิติและก้าวเข้าสู่โลกที่สูงกว่า เขาก็จะต้องทำแบบนั้นได้เหมือนกัน!


“ในเมื่อนายหญิงจากไปแล้ว ผมก็ขอตัว!”


ความเงียบงันถูกทำลายด้วยเสียงหัวเราะลั่นของฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจหมายเลขหนึ่ง


การระเบิดพละกำลังของหลัวลั่วชิงเมื่อครู่นี้ได้ทำลายพิมพ์เขียวจนสิ้นซาก เปิดช่องให้อำมาตย์เฉินหย่งหลบหนีได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)