อัจฉริยะสมองเพชร 1772-1773

 ตอนที่ 1772 ตัวตนที่แท้จริงของหวู่เฉิน

“ช่วยกีดกันพวกเขาออกไปสักครู่ ระหว่างนี้ฉันจะซึมซับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง” หลัวลั่วชิงพยักหน้าขณะปล่อยพลังงานอย่างดุเดือดเข้าสู่หนังสือที่อยู่ในมือของเธอ


หวู่เฉินพยักหน้ารับ เขาปล่อยกระแสกระบี่ฉีอย่างต่อเนื่องโดยไม่ลังเลเพื่อยับยั้งเหล่านักปราชญ์โบราณ


บึ้มมมม!


ขณะที่การโจมตีของเหล่านักปราชญ์โบราณถาโถมเข้าใส่กระบี่ของหวู่เฉิน ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดลงเรื่อยๆ กระแสกระบี่ฉีที่เขาใช้รับมือพุ่งออกมาราวกับสายน้ำเชี่ยวกราก แม้หวู่เฉินจะถูกบีบให้ล่าถอยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็น่าประหลาดใจที่ตัวเขาเพียงคนเดียวสามารถปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่ายได้


ไม่มีคลื่นความสั่นสะเทือนเข้ารบกวนหรือทำอันตรายหลัวลั่วชิงแม้แต่น้อย


“แข็งแกร่งจริงๆ…” จางเซวียนถึงกับอึ้งเมื่อเห็นพละกำลังของหวู่เฉิน


การสู้รบในระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเข้าไปขัดขวางได้


ว่าแต่…หวู่เฉินเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธสำเร็จไม่ใช่หรือ?


ทำไมถึงปัดป้องการโจมตีของนักปราชญ์โบราณผู้ทรงพลังจำนวนมากได้อย่างง่ายดาย ทำในสิ่งที่แม้แต่บรรพบุรุษเก่าแก่จางหงเทียนก็ยังทำไม่ได้?


ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดการปะทะ สีหน้าของเขาก็แค่ซีดเผือดไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออันตรายใดๆ


ถ้าอย่างนั้น แท้ที่จริงแล้วหวู่เฉินทรงพลังขนาดไหน?


เขาเป็นนักปราชญ์โบราณที่สำเร็จวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดหรือเปล่า?


เท่านี้ก็น่าทึ่งพอแล้วที่หลัวลั่วชิงปัดป้องการโจมตีของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงได้ด้วยการโบกมือ ไม่นึกเลยว่าหวู่เฉินก็ทำได้เช่นกัน…


ในชั่วพริบตานั้น จางเซวียนรู้สึกราวกับเห็นอีกด้านหนึ่งของทั้งคู่ที่แตกต่างออกไป


เขารู้ดีว่าทั้งสองคนเก็บงำความลับบางอย่างไว้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง


“ในที่สุดเขาก็ปรากฏตัว ติดตั้งค่ายกล!”


นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงดูจะไม่ประหลาดใจกับการกระทำของหวู่เฉิน เขาเลิกคิ้วขณะที่สั่งการหลายข้อ


วิ้งงงง!


ทันใดนั้น แสงสีน้ำเงินก็แผ่ซ่านออกไปโดยรอบ เกิดเป็นดวงดาวมากมายนับไม่ถ้วนที่ดารดาษล้อมรอบวิหารแห่งขงจื๊อไว้


หวู่เฉินหน้าตาเคร่งเครียดทันทีเมื่อเห็นค่ายกลนั้น “นี่คือทรัพย์สมบัติล้ำค่าสูงสุดที่หลอมขึ้นโดย 72 นักปราชญ์, พิมพ์เขียวกลุ่มดาวคูหาสวรรค์! พวกคุณนำมันมาที่นี่จริงๆหรือ?”


“วันนี้พวกเรานำพิมพ์เขียวกลุ่มดาวคูหาสวรรค์มาที่นี่เพื่อป้องกันไม่ให้คุณหลบหนี วางใจได้เลยว่าวันนี้คือวันตายของคุณ!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงคำราม


ฟึ่บ!


ภายใต้แสงที่สาดส่องจากกลุ่มดาว รอยแยกของมิติที่อยู่ด้านหลังหลัวลั่วชิงเริ่มสมานตัวเข้าหากัน ไม่ช้าก็น่าจะกลับสู่สภาพปกติ


จางเซวียนก็รู้สึกได้ว่ามิติที่อยู่โดยรอบถูกสกัดกั้นอย่างรวดเร็ว เขาจึงรีบชักหอกสวรรค์กระดูกมังกรออกมาและจ้วงแทงมิติโดยรอบนั้น ซึ่งก็พบว่ามันแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ด้วยพละกำลังที่เขามีอยู่ในตอนนี้ก็ยังทำลายมันไม่ได้


เมื่ออยู่ในมิติที่ถูกปิดกั้น ก็ดูเหมือนว่านักปราชญ์โบราณเหยียนชิงจะกลายร่างเป็นยักษ์ปักหลั่นที่มีอานุภาพควบคุมทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขายกนิ้วขึ้นมาและกระดิกมันเบาๆ


ฟิ้วววว!


ดาวดวงหนึ่งร่วงลงจากท้องฟ้าและพุ่งเข้าใส่หวู่เฉิน


ดาวดวงนั้นมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ร่วงลงมาด้วยความเร็วสูง น่าตกใจที่มันแข็งแกร่งกว่าการโจมตีโดยใช้ง้าวของนักปราชญ์เหยียนชิงเสียอีก ยังไม่ทันจะถึงเป้าหมาย ผู้พบเห็นก็จะรู้สึกได้ถึงเจตนาของดวงดาวที่พร้อมสังหารทุกสิ่งที่ขวางทาง


“จัดการ!”


เมื่อเผชิญหน้ากับพละกำลังมหาศาลของดวงดาวที่ร่วงลงมา หวู่เฉินมีสีหน้าไม่สู้ดี เขาใช้กระบี่ในมือสร้างรอยแผลที่นิ้วและให้อาวุธดื่มเลือดของเขา


กระบี่นั้นเรืองแสงอันน่าหวาดหวั่นออกมาขณะที่ประสิทธิภาพการต่อสู้ของมันเพิ่มสูงขึ้นมาก มันเป็นแค่การจ้วงแทงธรรมดาๆ แต่มิติที่อยู่โดยรอบก็พังทลายไปเพราะการเคลื่อนไหวนั้น


กระบี่ปะทะกับดวงดาวที่ร่วงลงมาและตัดมันขาดเป็น 2 ชิ้นโดยไม่ลังเล


ในเวลาเดียวกัน ผลกระทบจากแรงปะทะก็ทำให้หวู่เฉินต้องถอยไป 8 ก้าว เลือดซึมออกจากมุมปาก ใบหน้าของเขาซีดเผือด


เห็นได้ชัดว่าแม้เขาจะยับยั้งดวงดาวได้ แต่ก็ใช้พละกำลังมากเกินไปในการปฏิบัติภารกิจนั้น


เมื่อเห็นว่าหวู่เฉินต้านทานพลังของดวงดาวได้ นัยน์ตาของนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงฉายแววอัศจรรย์ใจ แต่เขาก็คำรามเยาะและยกนิ้วขึ้นอีก “ดูซิว่าคุณจะปกป้องตัวเองได้สักกี่ครั้ง!”


ฟิ้ววววว!


ดาวอีกดวงหนึ่งร่วงลงจากท้องฟ้า


รู้ดีว่าหลัวลั่วชิงกำลังอยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานของการซึมซับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง หวู่เฉินไม่กล้าปะทะ เขาสูดหายใจลึก จากนั้นก็ชักกระบี่กลับคืนและบินหนี


“ช่วงเวลาอย่างนี้ เรารับมือไม่ไหว…”


คราวนี้หวู่เฉินไม่ได้ใช้กระบี่ เขาสะบัดข้อมือและนำแขนที่เป็นโครงกระดูกออกมา 2 ข้าง ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ดวงดาวที่อยู่เหนือศีรษะของเขา


ทันทีที่โครงกระดูกรูปแขนปรากฏ รังสีทรงพลังก็ระเบิดออกไปโดยรอบ ยิ่งหวู่เฉินบินสูงขึ้นเท่าไหร่ โครงกระดูกรูปแขนนั้นก็ดูจะมีขนาดใหญ่ขึ้น ในชั่วพริบตา พวกมันก็ขยายขนาดจนแทบจะครอบคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า ดูเหมือนว่าหากเขามีเวลามากพอ แขนทั้งคู่ก็คงจะครอบคลุมได้ทั่วทั้งโลก


ฟึ่บ!


โครงกระดูกรูปแขนตรงเข้าเล่นงานดวงดาวที่กำลังร่วงลงมา ทำลายมันจนกลายเป็นธุลี


จากนั้น โครงกระดูกรูปแขนก็ยังไม่หยุด มันพุ่งสูงขึ้นไปกลางอากาศ พละกำลังมหาศาลของพวกมันทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวถึงกับสั่นสะท้าน ดูเหมือนว่าแม้แต่ของล้ำค่าก็ไม่อาจต้านทานแรงกดดันที่มาจากโครงกระดูกรูปแขนทั้งสองข้างนั้นได้!


“น่าทึ่งจริงๆ…”


“ถ้าแม้แต่โครงกระดูกรูปแขนยังทรงพลังขนาดนี้ ผมก็นึกไม่ออกเลยว่าตอนที่เจ้าของโครงกระดูกยังมีชีวิตอยู่ เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน”


จางหงเทียนกับคนอื่นๆงงงันกับประสิทธิภาพการต่อสู้อันน่าทึ่งที่หวู่เฉินปลดปล่อยออกมา


ในฐานะนักปราชญ์โบราณ พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงอานุภาพของพิมพ์เขียว ต่อให้พวกเขาใช้พละกำลังเต็มพิกัด ก็คงไม่สามารถฉีกกระชากมิติและเวลาที่ถูกที่ถูกควบคุมโดยพิมพ์เขียวนั้นได้ นับประสาอะไรกับจะเล่นงานดวงดาวที่ร่วงลงมา


แต่โครงกระดูกที่เป็นรูปแขนสองข้างนั้นสามารถทำให้พิมพ์เขียวทั้งอันสั่นสะเทือนได้ นั่นจะไม่หมายความว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ของมันเหนือชั้นกว่าวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดหรือ?


“รังสีแบบนี้…”


ตรงกันข้ามกับความงงงันของทุกคน จางเซวียนตัวสั่นเมื่อรับรู้ได้ถึงรังสีที่แผ่ออกมาจากโครงกระดูกรูปแขนทั้งสองข้าง


เขารู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยจากโครงกระดูกนั้น


“มันเป็นของไอ้โหด…” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความอัศจรรย์ใจ


โครงกระดูกรูปแขนข้างขวาที่อยู่กลางอากาศนั้นปราศจากกระดูกนิ้วมือ ซึ่งรังสีอันคุ้นเคยที่เขารู้สึกได้ก็ช่วยยืนยันข้อสันนิษฐาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า…มันเป็นของไอ้โหด!


แล้วทำไมแขนของไอ้โหดถึงไปอยู่ในครอบครองของหวู่เฉิน?


ยิ่งไปกว่านั้น พละกำลังของพวกมันยังน่าทึ่งมาก ขนาดได้รวมร่างเข้ากับร่างกายท่อนบนแล้ว ไอ้โหดที่อยู่ในหนังสือเทียบฟ้าก็ยังมีพละกำลังไม่เท่านี้


ทันใดนั้น ความสงสัยแคลงใจมากมายก็ถาโถมเข้าสู่หัวสมองของจางเซวียน เขาไม่อาจทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้


นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกระอักเลือดออกมากองใหญ่และตวาดก้อง “พวกคุณรีรออะไร? คิดจะถอยในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้หรือ?”


เขาใช้พลังงานของตัวเองในการหล่อเลี้ยงพิมพ์เขียวนั้น ด้วยเหตุนี้ ความพยายามในการทำลายพิมพ์เขียวจึงทำให้พลังปราณของเขาได้รับผลกระทบจากการตีกลับอย่างรุนแรง


“แน่นอนว่าไม่!”


ตาเฒ่าหยูซึ่งเฝ้าดูการสู้รบจากด้านข้างตรงเข้ามาพร้อมกับเหล่านักปราชญ์โบราณของเผ่าพันธุ์ปีศาจ


“เฮ้ย…” จางเซวียนถึงกับเซด้วยความตกใจ


เขาแทบไม่เชื่อสายตา


จากบทสนทนาของพวกนั้น เห็นชัดเลยว่านักปราชญ์โบราณเหยียนชิงจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์มีความสัมพันธ์อันดีกับตาเฒ่าหยู!


หรือพูดอีกอย่างก็คือ 100 สำนักแห่งนักปราญ์ร่วมมือกันกับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น!


มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่?


ไม่ใช่เฉพาะจางเซวียน จางหงเทียนกับคนอื่นๆก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง


ในแง่ของความรู้สึก ความจงเกลียดจงชังที่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์มีต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นนั้นไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าความจงเกลียดจงชังของเหล่านักรบจากสภาปรมาจารย์ แล้วทำไมพวกเขาจึงไปร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ?


ฟึ่บ!


ตาเฒ่าหยูสะบัดข้อมือ แล้วเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่ทำจากฟางก็ปรากฏ โครงกระดูกรูปแขนที่กำลังฉีกกระชากพิมพ์เขียวถึงกับหยุดชะงัก ราวกับพละกำลังของมันถูกชุดฟางนั้นทำลาย


“เร็วเข้า รีบสังหารเขา!” ตาเฒ่าหยูตวาดก้อง


ส่วนหวู่เฉินก็หน้าดำคร่ำเครียด เขากัดนิ้ว แล้วเลือดหยดหนึ่งก็หยดลงบนโครงกระดูกรูปแขน แต่โครงกระดูกนั้นก็ยังคงไม่ไหวติง ราวกับพวกมันกำลังจำศีล


หวู่เฉินพยายามบังคับโครงกระดูก แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมขยับเขยื้อน เขากำหมัดแน่นและคำรามใส่ตาเฒ่าหยูที่อยู่กลางอากาศ “ตาเฒ่าหยู คุณมันทรยศ! ไปร่วมมือกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้อย่างไร? ไม่กลัวว่าผมจะเล่นงานคุณหรือ?”


“ฮ่า! คุณน่ะต้องหนีเอาชีวิตรอดไปให้ได้นะถ้าอยากจะฆ่าผม!” ตาเฒ่าหยูหัวเราะหึๆโดยปราศจากความหวาดกลัว “อีกอย่าง คุณควรจะรู้ว่าคนที่อยากเอาชีวิตคุณน่ะไม่ใช่ผม แต่คืออำมาตย์เฉินหลิง! ถูกต้องใช่ไหม, อำมาตย์เฉินหย่ง?”


“อำมาตย์เฉินหย่ง? หรือว่า…” จางเซวียนตัวแข็งเมื่อได้ยินคำนั้น นัยน์ตาของเขาพร่าเลือนด้วยความไม่อยากเชื่อขณะพึมพำ “แท้ที่จริงแล้ว หวู่เฉินคือ…อำมาตย์เฉินหย่งแห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นหรือ?”


ตอนที่ 1773 ผู้เชี่ยวชาญหมายเลขหนึ่งของเผ่าพันธุ์ปีศาจ

อำมาตย์เฉินหย่งเป็นหนึ่งในสามอำมาตย์ใหญ่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น มีอำนาจและทรงพลังที่สุด การตัดสินใจส่วนใหญ่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจมาจากตัวเขา จึงขึ้นชื่อในฐานะผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 1 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แล้วเด็กวัยรุ่นที่เรียกขานเขาว่า ‘นายน้อย’ มาตลอดจะเป็นอำมาตย์เฉินหย่งได้อย่างไร?


ถ้าทั้งคู่เป็นคนเดียวกันจริงๆ แล้วหลัวลั่วชิงที่อีกฝ่ายเรียกขานว่านายหญิง แท้ที่จริงแล้วเป็นใคร?


จางเซวียนตัวเย็นเฉียบขึ้นมาทันที เขาไม่กล้าคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนั้น


ที่ผ่านมา เขาเคยฟังปรมาจารย์หยางเล่าถึงฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดที่เข้ามายังทวีปแห่งปรมาจารย์ ซึ่งตำแหน่งที่อยู่ของอีกฝ่ายยังคงเป็นปริศนา ใครจะไปคิดว่าแท้ที่จริงแล้วหมอนั่นอยู่ข้างกายเขานี่เอง และทำหน้าที่รับใช้เป็นบริวารของหลัวลั่วชิง?


“อำมาตย์เฉินหลิง…”


แม้หวู่เฉินจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ก็ยังหน้าเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินคำนั้น เขากำหมัดแน่นด้วยแรงโทสะ


ทั้งสามอำมาตย์รู้จักกันมาหลายปีแล้ว และเป็นความจริงที่ว่าในอดีตพวกเขามีความขัดแย้งกันมาตลอด แต่การรวมหัวกับคนนอกเพื่อเล่นงานเขานั้นเรียกได้ว่าเป็นการทรยศ!


เมื่อเกิดความคิดนั้น หวู่เฉินเงยหน้ามองนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงและคำราม “ดูเหมือนความหยิ่งผยองของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จะถูกลดชั้นลงมาเพื่อร่วมมือกับอำมาตย์เฉินหลิงนะ”


“การตอบรับคำขอของอำมาตย์เฉินหลิงไม่เพียงแต่จะทำให้เราสามารถกำจัดฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดได้ แต่ยังจะนำสันติสุขเป็นเวลา 300 ปีมาให้พวกเราด้วย แล้วเราจะต้องลังเลอะไรอีก?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบอย่างสุขุม ไม่สะทกสะท้านกับคำถามของหวู่เฉิน


“สันติสุข 300 ปี?”


“อำมาตย์เฉินหลิงได้ให้สัญญากับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเราว่าขอแค่เรากำจัดคุณได้ เผ่าพันธุ์ปีศาจก็จะไม่มาโจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกตลอด 300 ปีข้างหน้า” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตอบ


“ผมเข้าใจ” หวู่เฉินพยักหน้า


เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมเผ่าพันธุ์ปีศาจกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จึงร่วมมือกัน แม้ทั้งสองฝ่ายจะเกลียดชังกันอย่างล้ำลึก


ในฐานะอำมาตย์ที่แข็งแกร่งที่สุดและทรงอิทธิพลมากที่สุด ความตายของเขาย่อมนำมาซึ่งการสูญเสียอำนาจและความสับสนวุ่นวายในหมู่เผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คงต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 300 ปีกว่าอำมาตย์เฉินหลิงจะคลี่คลายสถานการณ์และเข้าควบคุมเผ่าพันธุ์ปีศาจได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด


หรือพูดอีกอย่างก็คือ อำมาตย์เฉินหลิงต้องการระยะเวลา 300 ปีนั้นเช่นกัน


แต่เพียงเพราะเผ่าพันธุ์ปีศาจยอมตกลงจะมอบความสงบสุขให้ 300 ปี ก็ไม่ได้หมายความว่า 100 สำนักแห่งนักปราชญ์กับสภาปรมาจารย์จะไม่ใช้โอกาสนี้เล่นงานเผ่าพันธุ์ปีศาจ


“ถ้าอย่างนั้น ที่สมาคมผู้หยั่งรู้แห่งเมืองหุบเขาเก็บเกี่ยว พวกคุณก็จงใจจะเล่นงานผมใช่ไหม?” อำมาตย์เฉินหย่งถามขึ้นอีกครั้ง


“ปราการของสมาคมผู้หยั่งรู้จะปกปิดรังสีของนักปราชญ์โบราณไว้ได้ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณจะต้องเคลื่อนไหวเมื่อร่างของไอ้โหดปรากฏขึ้น พวกเราแน่ใจว่าจะสังหารคุณได้อย่างง่ายดาย แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนั้นจะมีคนบางคนทำลายแผนการของเรา?” ตาเฒ่าหยูคำรามขณะชำเลืองมองจางเซวียน


เหตุผลที่ในวันนั้นมีนักปราชญ์โบราณหลายคนอยู่ที่สมาคมผู้หยั่งรู้แห่งเมืองหุบเขาเก็บเกี่ยว ก็เพราะพวกเขากำลังยื้อเวลาและหาโอกาสเล่นงานอำมาตย์เฉินหย่ง แต่ใครจะไปคิดว่าลงท้ายจางเซวียนจะเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่เพียงเท่านั้น ยังสังหารนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จทันทีที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหวด้วย ทำให้คนอื่นๆหวาดกลัวและกระเจิงไป


“เอ่อ…” จางเซวียนตาโตเมื่อเข้าใจสิ่งที่ได้ยิน


นั่นอธิบายได้เลยว่าทำไม 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จึงเลือกที่จะขโมยร่างกายท่อนบนของไอ้โหดอย่างเปิดเผย ลงท้าย มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการที่จะล่อหวู่เฉินออกมา


ในเมื่อหวู่เฉินมีท่อนแขนของไอ้โหด เขาก็น่าจะรับรู้ได้ถึงการปรากฏขึ้นของร่างกายท่อนบนทันทีที่มันถูกปลดปล่อยออกจากรูปปั้นนักปราชญ์ขุย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องเคลื่อนไหวและเปิดเผยตัวแน่


ถ้าไม่ใช่เพราะหลัวลั่วชิง หวู่เฉินคงเล่นงานเขาไปแล้วตอนที่เขาพยายามจะกักขังร่างกายท่อนบนของไอ้โหดไว้ในหนังสือเทียบฟ้า


เพราะไม่อย่างนั้น ในฐานะฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่มีทางที่หวู่เฉินจะยอมลดตัวลงมาเรียกคนไม่สลักสำคัญอย่างเขาว่า ‘นายน้อย’!


“พูดอีกอย่างก็คือ พวกคุณตกลงร่วมมือกันก่อนจะมุ่งหน้าไปยังภูเขาห้วยขาวเพื่อค้นหาเครื่องรางลำดับแรก” หวู่เฉินตั้งข้อสังเกต


ในครั้งนั้น เขารู้ว่ามีเผ่าพันธุ์ปีศาจอยู่ในกลุ่มคนทั้ง 4 ที่เข้าสู่อาณาจักรโบร่ำโบราณที่ภูเขาห้วยขาว เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงอำลาหลัวลั่วชิงเพื่อไปสืบสาวราวเรื่อง ไม่ช้าก็พบว่าอีกสองอำมาตย์ได้วางแผนเข้าโจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงรีบออกคำสั่งไปยังเผ่าพันธุ์ปีศาจให้ระงับการโจมตีไว้


แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ข้อมูลมากพอ วิหารแห่งขงจื๊อก็ปรากฏขึ้นเสียก่อน เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องละทิ้งการสืบเสาะเรื่องราวและเดินทางมา


“ใช่แล้ว” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพยักหน้ารับ


“ดี!” เมื่อได้ถามทุกสิ่งที่อยากรู้ หวู่เฉินหลับตา ครู่ต่อมาก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน คลื่นพลังงานวนขนาดใหญ่หมุนติ้วอยู่ในม่านตาของเขา ราวกับหลุมดำอันล้ำลึก “ผมขอชื่นชมคุณที่มีความกล้าพอจะตลบหลังผม แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณจะฆ่าผมได้ง่ายๆล่ะก็ มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว!”


คำพูดนั้นดังก้องไปทั่ว เด็กชายวัยรุ่นค่อยๆยืดตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ เจตนาสังหารที่เขาแผ่ออกมาเข้มข้นกว่าเดิม เพียงชั่ว 2-3 อึดใจ เขาก็กลายร่างเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่สวมมงกุฎอันทรงเกียรติไว้บนศีรษะ เสื้อคลุมที่ใส่พริ้วไหวราวกับมังกรผงาด ทุกท่วงท่าของเขาแผ่รังสีและความทรงอำนาจของชนชั้นผู้นำที่แท้จริงออกมา


“เขาคืออำมาตย์เฉินหย่งจริงๆ…” จางหงเทียนพูดขณะที่ดาบในมือของเขาสั่นไม่หยุด


เขาไม่เคยพบฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดมาก่อน แต่เคยได้ยินเรื่องร่ำลือมามาก จากความเข้มข้นของรังสีที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา ก็แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคืออำมาตย์เฉินหย่งจริงๆ


จางหงเทียนไม่ใช่คนเดียวที่ประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ สีหน้าของนักปราชญ์โบราณคนอื่นๆก็ตึงเครียดขึ้นทันทีขณะจับจ้องสถานการณ์ตรงหน้าอย่างระแวง


ครั้งสุดท้ายที่อำมาตย์เฉินหย่งปรากฏตัวก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ชื่อเสียงของเขายังคงสร้างความยำเกรงในหัวใจของใครก็ตามที่ได้ยิน


ในหมู่ชนชั้นสูงของทวีปแห่งปรมาจารย์ ไม่มีใครที่ไม่รับรู้ถึงประสิทธิภาพการทำลายล้างของฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด แม้พวกเขาจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกและมีความภาคภูมิใจในฐานะนักปราชญ์โบราณ แต่ก็เข้าใจได้โดยสัญชาตญาณว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่ คนที่จะพ่ายแพ้เพียงเพราะคู่ต่อสู้มีจำนวนมากกว่า


ส่วนอีกด้านหนึ่ง จางเซวียนก็เงียบกริบด้วยความขยะแขยงขณะเฝ้ามองหวู่เฉินกลับคืนสู่ร่างเดิม


จางเซวียนมั่นใจในประสิทธิภาพของดวงตาหยั่งรู้ แม้เขาจะไม่อาจใช้หอสมุดเทียบฟ้ากับหวู่เฉิน แต่ก็แน่ใจว่าน่าจะมองทะลุการปลอมตัวของอีกฝ่ายได้หากเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่เขาลืมเรื่องหนึ่งไปสนิท นั่นคือเครื่องรางแห่งการปลอมตัวของหลัวลั่วชิง


เพราะเคยใช้เครื่องรางนี้ปลอมตัวมาแล้ว จางเซวียนจึงรู้ดีถึงประสิทธิภาพของมัน เครื่องรางนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยปลอมแปลงรูปร่างหน้าตาและรังสี แต่ยังปลอมได้แม้กระทั่งสายเลือด


ถ้าหวู่เฉินใช้เครื่องรางนี้ปลอมตัวเป็นปรมาจารย์หยาง ก็เป็นไปได้ว่าแม้แต่เหล่านักปราชญ์โบราณของสภาปรมาจารย์ก็คงดูไม่ออก


เรื่องนี้อธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่มีใครเจอตัวฮ่องเต้เผ่าพันธุ์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดเสียที ทั้งที่มีความพยายามมากมายในการค้นหาหลังจากได้ข่าวว่าอีกฝ่ายเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์แล้ว!


ส่วนเหตุผลที่สภาปรมาจารย์กับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์รู้ข่าวคราวว่าอำมาตย์เฉินหย่งเข้าสู่ทวีปแห่งปรมาจารย์นั้น ก็น่าจะเป็นเพราะข้อมูลจากเหล่าผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่แทรกซึมอยู่ในเผ่าพันธุ์ปีศาจ


เพียงครู่เดียว จางเซวียนก็เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าอย่างทะลุปรุโปร่ง


เป็นไปได้ว่าหนึ่งในผู้พยากรณ์จิตวิญญาณที่รับใช้อำมาตย์เฉินหย่งคงรับรู้ได้ถึงการออกเดินทางของอีกฝ่าย จึงลักลอบส่งข้อความมาที่ตระกูลเจียง จากนั้นตระกูลเจียงก็ส่งข่าวให้ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ซึ่งทำให้พวกนั้นรีบเตรียมการเล่นงาน


แต่สิ่งที่ยังคงเป็นปริศนาสำหรับจางเซวียนและทำให้เขาวุ่นวายใจก็คือตัวตนที่แท้จริงของหลัวลั่วชิง เธอเป็นใครกัน และมีบทบาทอย่างไรในการจัดฉากตบตาครั้งนี้?


“พวกเราไม่เคยคิดหรอกว่าการกำจัดคุณจะเป็นเรื่องง่าย แต่ดูจากสิ่งที่เราจะต้องเสียไป วันนี้เราจะปล่อยคุณไปก่อน!”


เมื่อเห็นอำมาตย์เฉินหย่งกลับคืนสู่ร่างเดิม นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงรู้ดีว่าการสู้รบครั้งใหญ่กำลังจะเริ่ม เขารีบกลืนยาลงไป 2 เม็ดเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายจากอาการบาดเจ็บภายในที่ได้รับก่อนหน้านี้ ก่อนจะชูง้าวในมือขึ้น นัยน์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหาร


เหล่านักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ต่างก็ชูอาวุธขึ้นและเตรียมพร้อมทำสงคราม


หลังจากวางแผนกันมาเนิ่นนาน นี่คือช่วงเวลาที่พวกเขารอคอย การสู้รบครั้งนี้จะเป็นเป็นเครื่องชี้ชะตาของโลก


“100 สำนักแห่งนักปราชญ์อยากฆ่าผม และแม้แต่คนของผมเองก็อยากให้ผมตาย…ฮ่าฮ่าฮ่า!” อำมาตย์เฉินหย่งมองหน้าฝูงชนก่อนจะหัวเราะลั่น


เขาหันไปตั้งคำถามกับจางหงเทียนและเหล่านักปราชญ์ของสภาปรมาจารย์ “แล้วพวกคุณล่ะ?”


“ท่านพ่อและพี่น้องของผมถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจสังหาร ผมสาบานไว้แล้วว่าจะขออุทิศชีวิตนี้ให้กับการกำจัดพวกคุณทุกคน อำมาตย์เฉินหย่ง, ในเมื่อคุณคือผู้นำสูงสุดของเผ่าพันธุ์ปีศาจ คุณก็จะต้องชดใช้บาปที่คนของคุณได้ทำไว้!”


“ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่นะ ไม่น่าเชื่อว่าอำมาตย์เฉินหย่งผู้ยิ่งใหญ่จะตกมาอยู่ในมือของพวกเรา ต่อให้ผมต้องตายที่นี่ ผมก็จะลากคุณลงนรกไปกับผมให้ได้ วิญญาณของพี่น้องที่เสียชีวิตไปแล้วของผมจะได้สงบสุข!”


“คุณคือผู้ที่สังหารภรรยาของผมเมื่อหลายปีก่อน ถ้าวันนี้ผมล้างแค้นให้เธอได้ ชีวิตของผมก็จะไม่สูญเปล่า!”


…..


เหล่านักปราชญ์โบราณของสภาปรมาจารย์ก้าวออกมา เจตนาสังหารพลุ่งพล่านออกจากร่างของพวกเขา

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)