ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1770-1781
ตอนที่ 1770 ละครน้ำเน่าระหว่างเพื่อนสนิท
สมแล้วที่โจวจื่อหัวเป็นผู้มีอิทธิพล ที่นั่งที่จัดไว้ให้อยู่ตรงกลางพอดิบพอดีไม่ต้องใช้กล้องส่องทางไกลก็เห็นได้อย่างชัดเจน เพียงแต่เหมยเหมยไม่เข้าใจเรื่องการฟันดาบเลยสักนิดเลยดูไม่รู้เรื่อง โชคดีมีโจวซิงเอ๋อร์คอยอธิบายถึงทนดูต่อไปได้
“เฉินเจียของฉันจะต้องชนะแหง ผู้เข้าแข่งขันจากญี่ปุ่นนั่นอ่อนหัดเกินไป…”
โอเค เพิ่งเจอกันหนเดียวก็เลื่อนขั้นแล้ว ความไวนี้…
เฉินเจียในเวลานี้กำลังประลองกับนักกีฬาจากญี่ปุ่นคนหนึ่งอยู่ เขาแต่งกายด้วยชุดลวดลายหลากสีจนเหมยเหมยมองจนตาลายไปหมด เธอได้ยินเพียงกรรมการเป่านกหวีดไม่ขาดสายแต่แยกไม่ออกเลยว่าใครเก่งกว่าใครอ่อนกว่า
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าความมั่นใจที่ไร้ต้นสายปลายเหตุของโจวซิงเอ๋อร์ถูกต้องเพราะสุดท้ายผู้ชนะคือเฉินเจีย โจวซิงเอ๋อร์กรีดร้องเสียงดังรวมถึงผู้ชมรอบข้างที่ส่งเสียงดังกึกก้องจนแทบทะลุออกนอกเพดาน
ก่วนเสี่ยวอวี้กลับยังคงมีท่าทีเคอะเขินเหมือนก่อนหน้านี้และเป็นหนักกว่าโจวซิงเอ๋อร์เสียอีก ดวงตาหลังเลนส์แว่นที่ดูเปลี่ยนทรงไปเล็กน้อยแพรวพราวดุจเพชรพลอย ใบหน้าขาวซีดแดงก่ำยิ่งกว่าแสงยามเย็น จดจ้องคนหล่อเหลาในสนามด้วยใจจดจ่อ
เหมยเหมยขมวดคิ้วน้อย ๆ ดูท่าทางก่วนเสี่ยวอวี้ไม่ได้คลั่งในตัวเฉินเจียน้อยกว่าโจวซิงเอ๋อร์เลย!
เพื่อนสนิทหลงรักผู้ชายคนเดียวกัน…นี่มันมุกแสนเชยที่ละครน้ำเน่าชอบเอามาเล่นไม่ใช่หรือไง!
อีกทั้งลักษณะนิสัยและระดับสติปัญญาอย่างโจวซิงเอ๋อร์แล้วปกติในละครน้ำเน่ามักได้บทบาทเป็นนางร้ายใจดำอำมหิต ส่วนคนที่ฐานะทางบ้านยากจนอย่างก่วนเสี่ยวอวี้ ซินเดอเรลล่าที่สู้ชีวิตถึงจะเป็นผู้ชนะที่ได้ยิ้มในตอนสุดท้าย
เหมยเหมยเริ่มจินตนการขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เกิดภาพในหัวเต็มไปหมดจึงไม่มีกะจิตกะใจจะดูการแข่งขันต่อไปอีกแล้ว
หรือว่านิยายเรื่องต่อไปแต่งเรื่องน้ำเน่าเพื่อนสนิทสองคนแย่งผู้ชายคนเดียวกันดี?
มุกนี้จะเกลื่อนล้นตลาดในอีกสิบกว่าปีข้างหน้าแต่ตอนนี้กลับยังไม่ถึงขั้นนั้น เธอจะเป็นฝ่ายเริ่มเปิดตลาดก่อนดีไหมนะ?
“เฉินเจีย…ฉันรักคุณ…รักคุณหนึ่งหมื่นปี…”
เสียงกรีดร้องสูงลิ่วที่แทบทะลุเยื่อแก้วหูได้ขัดจิตนาการแสนน้ำเน่าของเหมยเหมยด้วยเช่นกัน กลับเห็นว่ามีหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับโจวซิงเอ๋อร์มากมาย ในมือโบกช่อดอกไม้ไปมาแล้วตะโกนเสียงดัง เฉินเจียบนเวทีกำลังโค้งคำนับให้ผู้ชมด้านล่างเวทีก่อนจะเตรียมออกจากสนาม
“แข่งเสร็จแล้วเหรอ?” เหมยเหมยถาม
“เฉินเจียแข่งเสร็จแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเขาต้องได้สามอันดับแรกแน่ เฉินเจียของฉันเก่งจริง ๆเลย!” โจวซิงเอ๋อร์พูดอย่างมีความสุข ปรบมือจนมันเริ่มบวมแดง
ก่วนเสี่ยวอวี้เองก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน สาวน้อยที่ปกติไม่น่าดึงดูดที่สุด เวลานี้กลับเปลี่ยนไปราวกับโดนฉีดกรดไฮยาลูโรนิคเข้าสู่ร่างกาย
เหมยเหมยเบะปาก ไม่เข้าใจว่าเด็กสาวพวกนี้ไปเอาความกระตือรือร้นนี้มาจากไหนกัน แม้เฉินเจียจะหน้าตาดีแต่กลับซื่อบื้อมีความเป็นเด็กสูง ผู้ชายแบบนี้คบเป็นเพื่อนสนุกแต่ถ้าเป็นสามีคงไม่สนุกแล้วละ
อีกอย่างเธอไม่คิดว่าเฉินเจียหล่อเลยแม้แต่น้อย ต่อให้หล่อจริงแล้วหล่อสู้พี่หมิงซุ่นของเธอได้หรือ?
เฮ้อ…คิดถึงพี่หมิงซุ่นจัง!
เหมยเหมยนึกเกลียดหร่วนหวาไฉ่เสียเหลือเกิน เดิมทีพรุ่งนี้ก็กลับไปได้แล้วแต่ตาแก่นี่กลับโผล่หัวมา เธอต้องจัดการตาแก่นี่ให้เสร็จก่อนถึงจะกลับได้
เหอะ คราวนี้เธอจะไม่ปรานี จะทำให้ตาแก่นี่ไม่กล้ามาหลอกลวงคดโกงอยู่ฟรีกินฟรีที่ฮ่องกงอีก!
ตอนเที่ยงเหมยเหมยได้ทำตามสัญญาเลี้ยงอาหารเฉินเจียที่ภัตตาคารป้าหวัง โจวซิงเอ๋อร์กับก่วนเสี่ยวอวี้เองก็ไปด้วยทั้งคู่ พวกเธออายุไม่ห่างจากเฉินเจียเท่าไรไม่นานเลยเริ่มสนิทคุ้นเคยกันจนคุยกันอย่างออกรส
ความตื่นเต้นของก่วนเสี่ยวอวี้ไม่ลดลงเลยแต่กลับทวีสูงขึ้น ตอนนี้ไม่เหลือคราบคนพูดน้อยเหมือนกลัวดอกพิกุลร่วงจากปากเหมือนในรถก่อนหน้านี้แล้ว แม้จะคุยไม่เก่งเท่าโจวซิงเอ๋อร์แต่ก็พูดไปไม่น้อย อีกทั้งดูท่าทางเฉินเจียจะชอบคุยกับก่วนเสี่ยวอวี้มากกว่าด้วยซ้ำ!
ยัยบื้อโจวซิงเอ๋อร์จับสังเกตไม่ได้เลยยังคงคุยเสียงเจื้อยแจ้วราวกับนกกระจอก พูดยาวเหยียดไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ก่วนเสี่ยวอวี้ในเวลานี้จะคอยเม้มปากอมยิ้มรับน้อย ๆแล้วพูดเสริมสักประโยคสองประโยคเป็นบางครั้งบางคราว
……………………..
ตอนที่ 1771 ตาบอด
หลังมื้ออาหารโจวซิงเอ๋อร์ต้องรีบกลับก่อนเพราะโจวจื่อหัวเห็นแก่เหมยเหมยถึงยอมให้เธออยู่นอกบ้านตลอดครึ่งเช้า ซึ่งช่วงบ่ายนั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
โจวซิงเอ๋อร์กลับไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่วนเสี่ยวอวี้ลังเลอยู่ชั่วอึดใจก็ขอตัวกลับไปพร้อมกับเพื่อน ต่อให้เธอไม่อยากกลับเลยแม้แต่น้อยก็ตาม
พอสองสาวกลับไปสยงมู่มู่กับอู่เชาก็เอ่ยปากแซวทันที “เสน่ห์แรงดีนี่ ขโมยหัวใจสาว ๆไปกันหมดเลย นายชอบคนไหนกันแน่?”
สายตาสี่คู่แปดข้างจดจ้องเฉินเจียเป็นตาเดียว ทำเอาเขาหน้าแดงเป็นกวนอูรีบโบกมือปัด “พวกนายอย่าพูดมั่ว ๆ ฉันกับพวกเธอเพิ่งเจอกันครั้งแรกยังไม่ทันรู้จักกันเลย”
“นายเพิ่งเจอกันครั้งแต่คนเขาฝันถึงนายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นายสารภาพมาซะดี ๆว่าชอบคนไหน?” สยงมู่มู่เกี่ยวคอเขาไว้ส่วนอู่เชาก็ยึดแขนเขาไว้ทำท่าเหมือนบีบเค้นให้รับสารภาพ
เฉินเจียมองพวกเขาอย่างเอือมระอา “ขอร้องเลย นี่เพิ่งเจอกันครั้งแรกจะชอบได้ไง!”
“แล้วถ้าให้นายเลือกคนใดคนหนึ่งจากสาวสองคนนี้เป็นแฟน นายเลือกคนไหน?” อู่เชายอมอ่อนข้อแต่ไม่ยอมแพ้หากไม่บรรลุเป้าหมาย
เฉินเจียปวดศีรษะ กลั้นไว้อยู่นานถึงพูดตอบเสียงอ้ำอึ้งออกมาว่า “ถ้าให้เลือกคนใดคนหนึ่งละก็คนที่ตัวเตี้ยหน่อยดีกว่า ฉันจำได้ว่าเธอชื่อเสี่ยวอวี้สินะ?”
“โอ้โห…เฉินเจียนายตาบอดหรือเปล่า? น้ำไม่ได้เข้าสมองใช่ไหม? ทำไมไม่เลือกโจวซิงเอ๋อร์ที่หน้าตาสวยหุ่นดีแต่ดันไปเลือกก่วนเสี่ยวอวี้ที่ไม่เข้าตาที่สุดล่ะ?” สยงมู่มู่กับอู่เชามองเฉินเจียราวกับอีกฝ่ายเป็นตัวประหลาด
เหมยเหมยเองก็สงสัยเช่นกัน หากยังไม่เอ่ยถึงเรื่องหน้าตา ลำพังแค่เรื่องนิสัยโจวซิงเอ๋อร์ก็ร่าเริงกว่าก่วนเสี่ยวอวี้หรือเปล่า ก่วนเสี่ยวอวี้มักให้ความรู้สึกเศร้าซึมแก่คนมอง เหมยเหมยจึงไม่ชอบสนทนากับคนประเภทที่ยากจะคาดเดาความคิดแบบนี้เลย
เซียวเซ่อที่กำลังแทะกุ้งตัวใหญ่เงยหน้ามองเฉินเจียนิ่ง ๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “คนมันตาบอดเอง ช่วยไม่ได้แล้ว” พวกเหมยเหมยพยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียง นั่นน่ะสิ!
เฉินเจียแบมืออย่างระอา “ความจริงฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับทั้งสองคนนั่นเลย แต่พวกนายรั้นจะให้ฉันเลือกคนหนึ่งให้ได้งั้นฉันก็เลือกคนที่คิดว่าดีกว่าหน่อยละนะ!”
“ว่าแต่นายเลือกจากอะไรกันแน่?” สยงมู่มู่ไม่เข้าใจเลยจริง ๆว่ามาตรฐานของเจ้างั่งนี่คืออะไร
“ฉันแค่รู้สึกว่าคนที่ชื่อเสี่ยวอวี้ไม่พูดมาก ให้ความรู้สึกสงบ ไม่เหมือนคนตัวสูงกว่าที่พูดมากเกินไป ฉันชอบคนเงียบ ๆ” เฉินเจียตอบกลับอย่างซื่อตรง
โจวซิงเอ๋อร์คุยเก่งยิ่งกว่าเขาจนเขาพูดไม่ทันเลยด้วยซ้ำ ได้แต่จ้องสาวน้อยพูดเสียงเจื้อยแจ้วตาแป๋ว แต่เขาไม่ชอบเป็นผู้ฟัง เขาชอบพูดให้คนอื่นฟังมากกว่า
คนแบบก่วนเสี่ยวอวี้ก็พอดีเลย!
สยงมู่มู่กับอู่เชายกนิ้วกลางให้เขาพร้อมกัน “ตัวนายเองก็พูดเยอะมากพอแล้วกลับยังมีหน้าไปรังเกียจที่เขาพูดมากอีก เหอะ!”
พวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก เพราะเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้นไม่นานทั้งสามคนก็เริ่มเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น เฉินเจียกล่าวอย่างตื่นเต้น “ครั้งนี้ฉันอยู่ในสามอันดับแรกซึ่งก็จะได้ร่วมแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศที่ญี่ปุ่น ถ้าตอนแข่งชิงแชมป์ได้อันดับดีละก็ฉันก็จะได้เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกที่แอตแลนตาด้วยนะ”
เฉินเจียทำหน้าตื่นเต้นด้วยพลังอันล้นเปี่ยม ดูท่าทางมั่นอกมั่นใจกับกีฬาโอลิมปิกในอีกสองปีข้างหน้าอย่างมาก
“สู้ ๆนะเพื่อน อีกสองปีข้างหน้าเราจะไปให้กำลังใจนายที่แอตแลนตา!”
เฉินเจียพยักหน้าแรง ๆ ทุกคนยกแก้วเหล้ามาชนแก้วกันเบา ๆก่อนดื่มรวดเดียว เข้าใจทุกอย่างโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด
กลางคืนยังต้องไปเลี้ยงฉลองกับครูฝึกและเพื่อนร่วมทีมอีก เฉินเจียจึงไม่อยู่นานไปกว่านี้ก่อนจะรีบขอตัวกลับก่อน พวกเหมยเหมยเองก็กลับเช่นกัน จากนั้นเสี่ยวอวิ๋นก็เอาข้อมูลกิจกรรมที่พวกหร่วนหวาไฉ่เข้าร่วมมาให้
ตอนที่ 1772 เศษเดน
“การแลกเปลี่ยนความรู้จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ฝ่ายผู้จัดเป็นมหาวิทยาลัยฮ่องกง ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ พวกหร่วนหวาไฉ่พักที่โรงแรมฮอลิเดย์ มีทั้งหมดสิบคนล้วนเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงไม่ค่อยดีในประเทศสักเท่าไรนัก” เสี่ยวอวิ๋นบอก
เหมยเหมยได้อ่านข้อมูลของทั้งสิบคนนั้นคร่าว ๆ ส่วนมากเป็นศิลปินที่มีความสนิมสนมกับหร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินซึ่งเมื่อก่อนล้วนมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก แต่มีศิษย์พี่อย่างเจิ้งซื่อหลินคอยหนุนหลังอยู่จึงพอจะเอาตัวรอดได้
แต่หลังศิษย์พี่เจิ้งซื่อหลินถูกเหยียนซินหย่าโค่นล้มคนกลุ่มนี้ก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ชื่อเสียงเน่าเฟะ ครั้งนี้ยังส่งกลิ่นเหม็นโชยมาถึงต่างประเทศ
“ทางฝ่ายฮ่องกงใครเป็นคนเชิญ? เขารู้เบื้องลึกเบื้อหลังของหร่วนหวาไฉ่ไหม?” เหมยเหมยถามอีก
“เจ้าหมอนี่ชื่อเจียงโส่วเฉิง เป็นศาตราจารย์ชื่อดังของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ถนัดวาดรูปผู้หญิงและผลงานค่อนข้างได้รับความนิยมในตลาดฮ่องกง แต่คนนี้คุณธรรมไม่ค่อยดีนักมักใช้ข้ออ้างในการเปิดรับศิษย์เอาเปรียบผู้หญิง อีกอย่างเจียงโส่วเฉิงยึดมั่นใน GD” เสี่ยวอวิ๋นพูดติดดูถูก
เหมยเหมยแค่นเสียงกล่าว “คนประเภทเดียวกันมักจะรวมตัวอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่คนดีเหมือนกันซะด้วย งั้นช่วยฉันสืบประวัติของเจียงโส่วเฉิงคนนี้ให้หน่อย มีรูปด้วยจะดีที่สุด รอฉันจัดการหร่วนหวาไฉ่ได้ค่อยจัดการเจียงโส่วเฉิง”
เจ้าพวกคนที่กล้าทอดทิ้งหักหลังบรรพบุรุษก็ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด!
“วางใจได้ ฉันจะตามสืบยันถึงกางเกงในเลย!” เสี่ยวอวิ๋นพูดเสียงมั่นใจเต็มร้อย
เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยเหมยแต่งตัวดีใส่ชุดค่อนข้างเป็นทางการ เป็นเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีม่วงอ่อนคู่กับกางเกงสูทสีเทาอ่อน รองเท้าหนังแกะสีขาวและใช้ปิ่นหยกสีขาวเนียนโปร่งเกล้าผมขึ้นกลางศีรษะ เรียบง่ายดูดีไม่ให้เสียภาพลักษณ์
วันนี้พวกหร่วนหวาไฉ่จะทำการกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัย ทั้ง ๆที่ปิดเทอมแล้วไม่รู้ว่าเขาจะพูดให้ใครฟังกัน?
อากาศหรือ?
แต่พอพวกเหมยเหมยเดินทางไปถึงก็พบว่ามีนักศึกษารวมตัวกันในหอประชุมไม่น้อย แน่นอนว่ามากกว่านั้นคือบรรดาผู้ใหญ่ที่ส่วนมากเป็นชาวบ้านที่สนใจเกี่ยวกับศิลปะพู่กันจีน ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมครึกครื้นกันมาก
เหมยเหมยยังสังเกตเห็นนักข่าวหลายคน เธออมยิ้มให้น้อย ๆแล้วเลือกนั่งลงที่นั่งแถวหน้าโดยไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเขา
เจียงโส่วเฉิงรับหน้าที่เป็นพิธีกรที่ดูเหมือนจะอายุน้อยกว่าหร่วนหวาไฉ่น่าจะราว ๆห้าสิบกว่าปีทั้งที่ความจริงเขาอายุมากกว่าหกสิบปีแล้ว เจียงโฉ่วเฉิงมีคิ้วเข้มโก่งโค้งดวงตาสุกใสประกาย จมูกโด่งเป็นสัน องค์ประกอบบนใบหน้าเด่นชัด ขนาดตัวบึกบึนแข็งแรงไม่มีไขมันส่วนเกินสักนิดเดียว เป็นตาแก่ที่ดูดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ยามหนุ่มคิดว่าต้องหน้าตาดีมีสง่าอย่างมากแต่นิสัยดันตรงกันข้ามกับหน้าตาของเขาเสียอย่างนั้น
ทอดทิ้งภรรยาหลอกล่อหญิงสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พอความแตกก็ใช้เงินปิดปาก…
ส่วนเรื่องไร้ศีลธรรมระหว่างเขากับลูกศิษย์ผู้หญิงไม่พูดก็คงไม่ได้ เรื่องนี้ยิ่งเป็นเรื่องขัดตา
เจียงโฉ่วเฉิงทำท่าให้ผู้ชมล่างเวทีเงียบเสียงแล้วพูดเสียงดังว่า “คิดว่าทุกท่านคงรู้จักอาจารย์เหยียนตานชิงดี ในวัยหนุ่มผมโชคดีมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับอาจารย์เหยียนที่ประเทศฝรั่งเศสและได้คำชี้แนะจากท่านมาไม่น้อย ซึ่งเป็นผลประโยชน์สำหรับผมมาก”
เสียงปรบมือจากล่างเวทีดังกระหึ่ม เหยียนตานชิงมีชื่อเสียงโด่งดังในฮ่องกงเพราะช่วงหลายปีมานี้ผลงานของเขาถูกนำมาประมูลขายในราคาสูง คนในวงการหลายคนล้วนรู้จักชื่อของเหยียนตานชิงกันดี
ที่กำลังนั่งอยู่บนเวทีถือได้ว่าเป็นคนในวงการ พอพวกเขาได้ยินว่าเจียงโฉ่วเฉิงเคยได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์เหยียนก็ยิ่งชื่นชมในตัวเจียงโส่วเฉิงมากกว่าเดิม
เหมยเหมยดึงหน้าตึง เจียงโส่วเฉิงคนนี้หน้าด้านเสียจริง คุณปู่ของเธอจะไปรู้จักกับเศษเดนแบบนี้ได้อย่างไร?
เสี่ยวอวิ๋นสืบมาว่าเจียงโส่วเฉิงไม่ใช่คนดีอะไรมาตั้งแต่วัยหนุ่มแล้ว ตอนเรียนต่างประเทศก็เจ้าชู้ไปทั่วหยอดรักไปทุกหนแห่ง เมื่อนั้นเขามีภรรยาและลูกอยู่บ้านเกิดแล้วแต่กลับแอบมีความสัมพันธ์ลับ ๆกับนักศึกษาสาวสวยคนหนึ่ง ขณะเดียวกันยังแอบมีความสัมพันธ์ลับกับหญิงหม้ายในพื้นที่ด้วยอีกคน
สิ่งที่น่าแค้นใจที่สุดคือตอนเจียงโส่วเฉิงกลับประเทศก็หนีกลับโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยลาสักคำ แล้วยังหลอกเอาเงินเก็บทั้งหมดของหญิงหม้ายไปด้วยทำเอาหญิงหม้ายเสียใจไปช่วงหนึ่งจนผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ แต่นักศึกษาสาวคนนั้นกลับรับความสะเทือนใจนี้ไม่ไหวถึงขนาดทานยาฆ่าตัวตาย
เดิมทีเป็นหญิงสาวในวัยที่กำลังมีอนาคตแสนสดใส แต่กลับต้องจบลงด้วยน้ำมือของเศษเดนอย่างเจียงโส่วเฉิงคนเดียว!
เจียงโส่วเฉิงพูดต่อ “อาจารย์เหยียนจากไปก่อนวัยอันควรเลยไม่เห็นบารมีของท่านอีก แต่วันนี้ผมได้เชิญคุณหร่วนหวาไฉ่ลูกศิษย์คนโปรดของอาจารย์เหยียนมาโดยเฉพาะ เรียนเชิญเลยครับ!”
……………………….
ตอนที่ 1773 แฉกันต่อหน้า
เสียงปรบมือในหอประชุมดังกึกก้องยิ่งกว่าเดิม มีหลายคนที่ลุกขึ้นยืนด้วยจิตสำนึกถือเป็นการให้เกียรติลูกศิษย์คนโปรดของอาจารย์เหยียน
หร่วนหวาไฉ่ลอบได้ใจคนเดียว เหอะ ดอกไม้จากข้างในกำแพงผลิบานมาถึงนอกกำแพง ใครจะรู้ว่าชื่อเสียงเหยียนตานชิงจะใช้ได้ดีในต่างประเทศขนาดนี้ อีกทั้งคนฮ่องกงไม่รู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างเขากับเหยียนซินหย่า ดูสิว่าพวกเขาหลอกง่ายแค่ไหน!
เจียงโส่วเฉิงพูดอีกไม่กี่ประโยคซึ่งไม่พ้นเรื่องที่ว่าหร่วนหวาไฉ่เป็นผู้สืบทอดสำนักเหยียน เหตุผลที่เขามาฮ่องกงก็เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สำนักเหยียน…
เหมยเหมยได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นจากรอบกายไม่น้อย…
“วันนี้คิดถูกที่มาจริง ๆ อาจารย์เหยียนเป็นศิลปินที่ฉันเคารพมากที่สุดเลย เดี๋ยวฉันต้องไปขอคำชี้แนะจากคุณหร่วนบ้าง!”
“ดูเหมือนคุณหร่วนคนนี้อายุไม่น้อยแล้ว น่าจะได้รับความรู้ถึงแก่นแท้ของศิลปะสำนักเหยียนมาสินะ?”
“แน่นอนสิ ศาสตราจารย์เจียงบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าคุณหร่วนคนนี้เป็นผู้สืบทอดสำนักเหยียนน่ะ? ไม่มีความรู้อย่างลึกซึ้งแล้วจะสืบทอดอย่างไร?”
……
เหมยเหมยยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิด คนพวกนี้ถูกปิดหูปิดตาไม่รู้เรื่องอะไร เจิ้งซื่อหลินยังรับโทษอยู่ในคุกคงผงาดขึ้นมาไม่ได้อีก ส่วนตานเหอเจิ้งกำลังใช้ชีวิตแบบนับถอยหลัง ตอนนี้ก็เหลือเพียงตาแก่อย่างหร่วนหวาไฉ่
ขณะที่หร่วนหวาไฉ่เตรียมอ้าปาพูดเหมยเหมยก็ลุกยืนใช้โทรโข่งตะโกนเสียงดัง “เดี๋ยว!”
ทุกคนต่างหันหน้ามองไปทางเธอแล้วทำหน้าสงสัย ไม่รู้ว่าเหมยเหมยคิดจะทำอะไร!
หร่วนหวาไฉ่สีหน้าเปลี่ยนไปแอบสบถในใจ ตัวกาลกินีจ้าวเหมยมาฮ่องกงได้อย่างไร?
เขากวาดตามองรอบข้างแต่ไม่พบเหยียนซินหย่าจึงค่อยสบายใจหน่อย ลำพังเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างจ้าวเหมยคนเดียวไม่มีอะไรต้องกลัว!
เหมยเหมยยกโทรโข่งเดินขึ้นไปบนเวที เดินไปด้วยก็ซักถามไปด้วย “หร่วนหวาไฉ่ คุณไม่ใช่ลูกศิษย์สำนักเหยียนแล้วคุณมีสิทธิ์อะไรใช้ชื่อคุณตาฉันมาหลอกหากินข้างนอก?”
“ทุกท่าน ฉันคือจ้าวเหมย เป็นหลานสาวของอาจารย์เหยียนตานชิง หร่วนหวาไฉ่คนนี้เคยเป็นลูกศิษย์ของคุณตาฉัน แต่เมื่อยี่สิบปีก่อนไอ้สารเลวคนนี้กลับร่วมหัวกับเจิ้งซื่อหลินลูกศิษย์อีกคนของคุณตาฉันทำให้คุณตาคุณยายฉันต้องตาย เรื่องนี้ขอแค่ทุกท่านไปตามดูหนังสือพิมพ์ของแผ่นดินใหญ่ก็จะเห็น
แม่ของฉันคุณเหยียนซินหย่าได้ออกคำแถลงอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่แล้วว่าช่วยปฏิรูปสำนักแทนคุณตาฉัน ขับไล่คนหน้าไม่อายไร้คุณธรรมไร้ความกตัญญูอย่างหร่วนหวาไฉ่กับเจิ้งซื่อหลินออกจากสำนักเหยียนแล้ว นอกจากนี้ยังเตือนไม่ให้สองคนนี้อ้างตัวเป็นศิษย์สำนักเหยียนอีก เพราะพวกเขาไม่คู่ควร!”
เหมยเหมยเล่าเรื่องบุญคุณความแค้นในเฮือกเดียวแล้วจ้องมองหร่วนหวาไฉ่ที่ทำหน้าถมึงทึงอย่างเย็นชาด้วยสายตาที่มีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม
มีคนจำเหมยเหมยได้เลยตะโกนขึ้น “คนนี้คือนักเขียนนิยายเรื่องเจ้าหญิงอัปลักษณ์ หลายวันก่อนช่องทีวีเคยสัมภาษณ์เธอ ไม่คิดว่าเธอจะเป็นหลานสาวของอาจารย์เหยียน!”
เหมยเหมยอมยิ้มพยักหน้าให้พวกเขาน้อย ๆ คราวก่อนในรายการของเซี่ยเข่ออิ๋งเธอไม่ได้เอ่ยถึงคุณตาเพราะไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเธออาศัยบารมีของคุณตา
เจียงโส่วเฉิงย่อมรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของหร่วนหวาไฉ่ดี แต่เขาไม่คิดว่าจะโชคร้ายดันมาเจอจ้าวเหมยที่ฮ่องกงพอดี
เขายิ้มกล่าว “คุณจ้าวเหมย ผมว่ามีเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า? ผมกับคุณตาของคุณ…”
เหมยเหมยพูดขัดเขาแล้วพูดเสียงเย็นชา “คุณเจียงอย่าพูดว่าคุณเป็นเพื่อนเก่าของคุณตาฉันเลยค่ะ สิ่งที่คุณตาฉันเกลียดมากที่สุดก็คือคนโลเลหลายใจ ไม่ว่าคุณเจียงจะตอนหนุ่มหรือตอนแก่ก็ดูจะใช้ชีวิตเสเพลได้เต็มที่จริง ๆ คุณตาฉันจะรู้จักกับคุณได้ไง แล้วจะให้คำชี้แนะคุณได้อย่างไร?”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นจากล่างเวทีในฉับพลัน
เหมยเหมยเป็นหลานสาวแท้ ๆของอาจารย์เหยียน คำพูดของเธอย่อมเรียกความน่าเชื่อถือได้มากที่สุด ความอิจฉาและความนับถือเพียงน้อยนิดที่พวกเขาเคยมีต่อเจียงโส่วเฉิงมลายหายไปในพริบตา
คราวนี้ตาเฒ่าเจียงโส่วเฉิงทำหน้าตึงบ้าง เขาตวาดเสียงดุดัน “คุณจ้าว ที่นี่คือฮ่องกง จะพูดอะไรเหลวไหลไม่ได้ไม่งั้นผมฟ้องคุณหมิ่นประมาทคุณได้นะ!”
ตอนที่ 1774 ศิลปะจีนเป็นแขนงวิชาสูงส่งที่ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณธรรม
เหมยเหมยแค่นเสียงกล่าว “คุณเจียง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็พูดเหลวไหลไม่ได้ คุณคิดว่ามีแค่ฮ่องกงที่มีกฎหมายเหรอ? ฉันกล้าพูดขนาดนี้ก็ต้องมีหลักฐานอยู่แล้ว แต่คุณอยากให้ฉันเอาออกมาจริงเหรอ?”
เจียงโส่วเฉิงใจหล่นตุบ จ้าวเหมยพูดด้วยเสียงมั่นอกมั่นใจหรือว่าเธอมีอะไรอยู่ในมือจริง ๆ?
แต่ไม่นานเขาก็สงบสติลงได้ จ้าวเหมยเพิ่งมาถึงฮ่องกง ในถิ่นที่ไม่คุ้นเคยนี้จะตามสืบเรื่องราวพวกนั้นของเขาได้อย่างไร?
จ้าวเหมยกำลังหลอกเขาอยู่แน่ ๆ!
“ฉันไม่เคยทำเรื่องเสียหายแล้วต้องกลัวอะไรล่ะ? คุณจ้าวคุณอย่ามากุข่าวหลอกลวงที่นี่ เรากำลังทำการแลกเปลี่ยนความรู้อย่างจริงจัง ขอให้คุณจ้าวอยู่ในความสงบด้วยไม่อย่างนั้นผมจะเชิญให้คุณออกไป” เจียงโส่วเฉิงทำหน้าจริงจัง
“ศิลปะจีนเป็นแขนงวิชาที่สูงส่งบริสุทธิ์ ให้ความสำคัญกับคุณธรรมเป็นอันดับแรก พวกคุณไม่มีแม้แต่คุณธรรมแล้วมีสิทธิ์อะไรมาแลกเปลี่ยนความรู้เหรอคะ? ไม่กลัวทำให้ลูกศิษย์เข้าใจผิดเหรอ?” เหมยเหมยพูดประชด
“ใครก็ได้…ใครก็ได้ มาเชิญตัวคุณจ้าวคนนี้ออกไปที” เจียงโส่วเฉิงตะโกน
ชายในชุดเครื่องแบบสองคนก้าวออกมา แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้เสียวหลี่ก็แวบออกมาราวกับวิญญาณ ถึงแม้รูปร่างของเขาจะไม่ได้สูงใหญ่และไม่ได้ดูแข็งแรงบึกบึน ทว่าแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ดูน่าเกรงขามแล้ว ทำให้รู้สึกเย็นจากภายในถึงภายนอกดียิ่งกว่ายืนตากเครื่องปรับอากาศเสียอีก
เสียวหลี่ไม่ชอบพูด ปกติเขาจะใช้วิชาการต่อสู้กำราบคู่ต่อสู้ ฉะนั้น–
เขาหยิบแก้วสแตนเลสบนโต๊ะข้าง ๆขึ้นมา “ขอยืมหน่อย”
เสียวหลี่กระตุกยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ พูดอย่างรวดเร็ว เจ้าของแก้วน้ำพยักหน้าให้อย่างมึนงง “…ได้…”
“โฮ้…”
ทุกคนเผลอสูดปากกันโดยถ้วนหน้า ตาโตอ้าปากค้าง
ที่แท้เสียวหลี่แค่บีบเบา ๆแก้วน้ำที่ทำจากสแตนเลสก็ถูกเขาขยำเป็นก้อนราวกับแก้วกระดาษ นอนส่องประกายวาววับบนฝ่ามือเขา เสี่ยวอวิ๋นเหลือบมองอย่างนึกรังเกียจ ใช้แต่วิธีนี้อยู่เรื่อยเพื่อโชว์ให้เห็นถึงพลังของเขา
“หึ!”
มีเพียงเสียงแค่นหัวเราะเบา ๆดังออกมาเหมือนเสียงยุง เสียวหลี่มองมาทางเธอแวบหนึ่งด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม ของในมือถูกดึงไปทางซ้ายทางขวาทีเสมือนขนมมาร์ชเมลโล่ เรียกให้ทุกคนเผลอสูดปากอีกทีลูกตาแทบถลนออกจากเบ้า
แก้วน้ำที่ถูกบดบี้กลายเป็นเศษเหล็กในตอนนี้ถูกปั้นเป็นทรงกลมเพียงแต่ไม่ได้สมบูรณ์เท่าอย่างเดิม บูดเบี้ยวเป็นรอยแต่ยังใช้ใส่น้ำได้อยู่ เสียวหลี่พูดกับเจ้าของแก้วน้ำอย่างรู้สึกผิดว่า “ไว้ผมจะซื้ออันใหม่คืนให้นะครับ”
“ไม่ต้อง ๆ ไม่ได้มีราคาหรอก จอมยุทธ์ไม่ต้องคิดมาก” เจ้าของแก้วน้ำตื่นเต้นอย่างมากถึงขั้นเรียกอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธ์ด้วยสีหน้ายกย่องนับถือ
เสียวหลี่มองยามสองคนพลางถามเสียงเบา “พวกคุณจะเดินไปเองหรือให้ผมเชิญพวกคุณไป?”
“ไปเอง…ไปเอง…จอมยุทธ์ตามสบายเลย…” ยามตัวสั่นระริกจะกล้าไล่อีกฝ่ายได้ที่ไหนกัน ใช่ว่าอยากรนหาที่ตายสักหน่อย
เสียวหลี่ถอยไปอยู่หลังเหมยเหมยอย่างพึงพอใจ ยืนเฝ้าเหมือนคิงคองที่อยู่เงียบ ๆ น่าเคารพยำเกรง
หร่วนหวาไฉ่ที่อยู่บนเวทีใจหล่นวูบนึกโทษในความโชคร้ายแต่ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ นับตั้งแต่เจิ้งซื่อหลินถูกนางแพศยาจ้าวเหมยจับเข้าคุกไปบ้านเขาก็เงียบเป็นป่าช้า ไม่มีแม้แต่แมลงวันสักตัวบินเข้ามาอีก
ครอบครัวมีอีกหลายชีวิตรอข้าวกิน ไหนจะมีอีกหลายชีวิตนอกบ้านอีก หากใช้เงินที่มีอยู่ไปวัน ๆคงอยู่ได้ไม่เกินสองปี เขามาฮ่องกงก็เพื่อตั้งตัวใหม่ หากราบรื่นละก็เงินเลี้ยงชีพตอนบั้นปลายชีวิตคงไม่มีปัญหา
“แม่เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งหล่อนไม่มีสิทธิ์มาปฏิวัติสำนักแทนท่านอาจารย์ เรื่องพวกนั้นเป็นแค่เรื่องที่หล่อนทำเองฝ่ายเดียวเท่านั้น ฉันหร่วนหวาไฉ่ยังคงเป็นลูกศิษย์ของสำนักเหยียน นอกจากท่านอาจารย์กับศิษย์พี่เซี่ยทิงเทาแล้วใครก็ไม่มีสิทธิ์มาขับไล่ฉัน”
หร่วนหวาไฉ่มองเหมยเหมยอย่างไร้ความสำนึกผิด เซี่ยทิงเทาหายตัวไปหลายสิบปีคงตายไปแล้วอย่างแน่นอน สองแม่ลูกเหยียนซินหย่าไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับเขา
…………………
ตอนที่ 1775 แตกฮือ
แม้หร่วนหวาไฉ่เคยใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาก่อนแต่เขากลับมีความคิดหัวโบราณและดูถูกผู้หญิงอย่างมาก ความดูถูกหยามเหยียดแบบนี้ถูกสื่อผ่านสีหน้าท่าทางของเขาอย่างชัดเจน
แต่เขากลับลืมไปว่าตอนนี้อยู่ในยุคปีเก้าศูนย์ หนำซ้ำยังอยู่ในเมืองที่เทคโนโลยีเศรษฐกิจก้าวหน้าอย่างฮ่องกง ถ้อยคำแบบนี้ของเขาเท่ากับกำลังหยดน้ำมันลงบนกองไฟอย่างไม่ต้องสงสัย พลันก็เกิดพลุประกายไฟออกเป็นวงกว้าง
“หร่วนหวาไฉ่คุณชอบอ้างว่าแม่ฉันเป็นผู้หญิงเลยไม่ยอมรับว่าแม่ฉันเป็นผู้สืบทอดสำนักเหยียน เหอะ แม่ฉันเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณตาและยังได้รับคำชี้แนะจากคุณตามาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างแม่ฉันก็ประสบความสำเร็จในวงการศิลปะไม่น้อย คุณมีสิทธิ์อะไรมาหาว่าแม่ฉันไม่มีสิทธิ์? หรือแค่เพราะแม่ฉันเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ?”
เหมยเหมยแค่นหัวเราะทีหนึ่งพลางชี้ไปยังเหล่าผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ก่อนจะตะโกนพูดเสียงดังว่า “ผู้หญิงแล้วไงล่ะ? บูเช็กเทียน ราชินีวิคตอเรีย…ก็เป็นผู้หญิงทั้งนั้น แล้วก็ไนติงเกล มารีคูรี…พวกเธอแย่กว่าผู้ชายตรงไหน? อย่างน้อยก็เก่งกว่าคนที่ไร้คุณธรรมหน้าไม่อายอย่างคุณหลายร้อยเท่าหมื่นเท่า!”
“ใช่…ผู้หญิงไม่ได้แย่กว่าผู้ชายตรงไหนเลย สิ่งที่ผู้ชายทำได้ผู้หญิงก็ทำได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่ผู้หญิงทำได้ผู้ชายกลับทำไม่ได้” เหล่าผู้ชมที่เป็นผู้หญิงล่างเวทีถูกเหมยเหมยจุดอารมณ์ขึ้นมา ความเคารพนับถือที่มีต่อหร่วนหวาไฉ่ก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังทั้งหมด เริ่มมีเสียงไม่พอใจดังขึ้นมาเรื่อย ๆ
“นั่นสิ ผู้หญิงขับเครื่องบินได้ขับยานอวกาศขับเรือดำน้ำได้ รู้ศิลปะรู้ตำราหนังสือ ข้างนอกเป็นหญิงแกร่งในที่ทำงานได้ กลับบ้านไปก็เป็นภรรยาที่ดีแม่ที่ดีได้เหมือนกัน ผู้ชายทำได้ไหมล่ะ?”
“อย่างเดียวที่ผู้ชายทำไม่ได้ก็คือพวกเขามีลูกได้ไหมล่ะ? คงไม่มีแม้แต่ไข่สักฟองเดียวด้วยซ้ำ!”
“นั่นสิ เงินเดือนฉันสูงกว่าสามีของฉัน ลูกฉันก็เป็นคนคลอดมาเอง ค่าผ่อนบ้านค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันฉันรับผิดชอบเกินครึ่ง งานประชุมผู้ปกครองของลูกงานอบรมสั่งสอนลูกหรือลูกป่วยก็เป็นเรื่องของฉันทั้งหมด ผู้ชายก็เหลือประโยชน์แค่บนเตียงเท่านั้นแหละ”
“ฉันเหมือนกับเธอเลย ปัญหาคือแม้แต่เรื่องบนเตียงสามีฉันก็ใช้ไม่ได้ สามนาทีก็เสร็จแล้ว ฉันยังไม่ทันเตรียมตัวดีเลย!”
“ผู้ชายแบบนี้เธอเก็บไว้ไม่รู้สึกรังเกียจบ้างเหรอ?”
“ฉันปรึกษากับทนายแล้ว ลูกและบ้านเป็นของฉัน ให้เขาออกไปตัวเปล่า!”
……
เหมยเหมยมองเหล่าผู้หญิงที่ส่งเสียงลุกฮือขึ้นมาด้วยสีหน้าตกตะลึง ณ เวลานี้กลายเป็นงานประชุมความไม่พอใจที่มีต่อบรรดาสามีไปแล้ว เธอไม่รู้เลยว่าเหล่าหญิงแกร่งที่ภายนอกดูสวยงามสดใสนี้จะมีเรื่องไม่พอใจอยู่มากขนาดนี้!
ส่วนผู้ชมเพศชายอื่น ๆก็ยิ้มเก้อปนอึดอัดน้อย ๆ แอบตีตัวออกห่างพวกผู้หญิงที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วย พวกเขาน่าสงสารจัง!
ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่กลุ่มผู้หญิงพวกนี้กำลังพูดถึงเลย!
ภายในงานเกิดความวุ่นวายจนอยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว พวกผู้หญิงที่สั่งสมอารมณ์มาเป็นเวลานานในที่สุดก็เจอทางออกสักที พวกเธอต่างพรั่งพรูคำด่าทอสามีตัวเองออกมายิ่งกว่าของเสียอย่างหนำใจ
มีผู้หญิงหลายคนถึงขั้นตัดสินใจว่ากลับไปจะเรียกทนายฟ้องหย่าสามีด้วย!
“ฉันจะไม่ทนอีกแล้ว ฉันจะฟ้องหย่าผู้ชายเลว ๆ ใช้ชีวิตอยู่กับลูกอย่างมีความสุข อย่างมากถ้ากลางคืนเหงาก็ไปซื้อกินก็ได้!” มีผู้หญิงคนหนึ่งโพล่งขึ้นอย่างตรงไปตรงมาและได้รับการสนับสนุนจากผู้หญิงทั้งกลุ่ม
“ฉันแนะนำร้านบาร์โฮสร้านหนึ่งให้เธอเอง หนุ่ม ๆที่นั่นทั้งหล่อทั้งล่ำ แถมปากยังหวานอีกด้วย รับรองว่าเก่งกว่าสามีเธอร้อยเท่า!”
…………
เหมยเหมยทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ ทำไมถึงกลายเป็นงานประชุมปรึกษาร้านบาร์โฮสได้ล่ะเนี่ย?
กล้าหาญเกินไปแล้ว!
แต่ก็สะใจดีจริง ๆ!
ให้พวกผู้ชายที่ดูถูกผู้หญิงฟังเถอะ จุดจบของการไม่ให้เกียรติผู้หญิงก็จะถูกผู้หญิงทอดทิ้ง!
เหมยเหมยตะโกนเสียงออกโทรโข่งว่า “พี่ ๆทั้งหลายใจเย็นก่อนนะคะ ปัญหาอื่นอีกเดี๋ยวพวกพี่ค่อยไปคุยกันเป็นการส่วนตัว ฉันขอสะสางปัญหาภายในก่อนได้ไหมคะ?”
“ได้…เราสนับสนุนเธอ!”
ตอนที่ 1776 แทงจนตัวพรุน
เหมยเหมยไม่คิดว่าเรื่องจะราบรื่นขนาดนี้ เดิมทีคิดว่ามีเจียงโส่วเฉิงอยู่คงต้องเปลืองน้ำลายอยู่ไม่น้อย แต่กลับเป็นเพราะหร่วนหวาไฉ่พูดผิดจนทำให้เรื่องกลับตาลปัตร เจียงโส่วเฉิงเองก็ไม่กล้าออกหน้ารับแทนอีก
“พวกคุณจะแลกเปลี่ยนความรู้กันฉันไม่สน แต่หร่วนหวาไฉ่จะหากินกับชื่อคุณตาเหยียนตานชิงของฉันไม่ได้ พรุ่งนี้ฉันจะต้องเห็นจดหมายขอโทษจากคุณเจียงบนหนังสือพิมพ์ ไม่งั้นเราเจอกันที่ศาล”
เหมยเหมยไม่สนใจหร่วนหวาไฉ่ เพราะเขาก็เป็นแค่หมาจนตรอกเท่านั้น
เจียงโส่วเฉิงหน้าเรียบตึง ถ้าให้เขาแถลงคำขอโทษบนหนังสือพิมพ์แล้วอนาคตจะให้เขาอยู่ฮ่องกงอย่างไรต่อไป?
“คุณจ้าว เรื่องนี้เราค่อยคุยกันเป็นการส่วนตัวดีไหม?” เจียงโส่วเฉิงมีท่าทีอ่อนลงไม่กล้ายั่วโมโหเหมยเหมยอีก
“ฉันไม่มีเวลาคุยเป็นการส่วนตัวกับคุณหรอกค่ะ ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงเช้า ฉันให้เวลาคุณสิบสองชั่วโมง เชื่อว่าชื่อเสียงระดับคุณเจียงเรื่องเล็กน้อยแค่นี้คงไม่น่ายากนะคะ ไม่งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลย”
เหมยเหมยยิ้มอย่างมีเลศนัยทีหนึ่ง เจียงโส่วเฉิงไม่ทำสิยิ่งดีเพราะเธอมีเรื่องอื้อฉาวเป็นกองโตอยู่ที่เสี่ยวอวิ๋น เธอจะส่งมันไปให้ศาลเพื่อเปิดโปงธาตุแท้ชั่วร้ายของเจียงโส่วเฉิงออกมาให้หมด
เธอมองไปทางหร่วนหวาไฉ่อีกทีด้วยสายตาที่ฉายแววเย็นยะเยือก “หร่วนหวาไฉ่ ตานเหอเจิ้งกับเจิ้งซื่อหลินกรรมตามสนองแล้ว คุณก็อีกไม่นานแล้วละ!”
หร่วนหวาไฉ่ตัวสะท้านเฮือกและเสียวสันหลังวาบ
เมื่อบรรลุจุดประสงค์แล้วเหมยเหมยก็ไม่อยู่นานไปกว่านี้ “รบกวนทุกท่านแล้ว เชิญแลกเปลี่ยนความรู้กันต่อเลยค่ะ”
เธอสั่งทิ้งท้ายเสี่ยวอวิ๋นอีกประโยคว่าอีกเดี๋ยวให้เธอไปซื้อแก้วน้ำใช้คืนเขาให้ดี อย่าให้ตกเป็นขี้ปากคนอื่นได้
นักข่าวฮ่องกงทำงานได้รวดเร็วทันใจ เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้าก็ถูกนำมาทำข่าวภาคค่ำทันที ทั้งยังพาดหัวข่าวใหญ่โต แต่นักข่าวคนนี้เป็นกลางอย่างมากบอกเพียงว่าเป็นเรื่องบาดหมางภายในสำนักเหยียนกันเองโดยไม่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวใด ๆ
แม้แต่ทางสถานีโทรทัศน์ยังนำไปทำข่าวด้วย ฮ่องกงเป็นเพียงเมืองเล็กแห่งหนึ่ง พอเกิดเรื่องน่าสนใจอะไรทางสถานีโทรทัศน์ย่อมต้องขอมีส่วนร่วมด้วยอยู่แล้ว ผู้ประกาศข่าวถึงขั้นบอกว่าจะติดตามและนำมารายงานต่อด้วย!
ตกดึกโจวจื่อหัวก็โทรมาทันทีถามเธอถึงที่มาที่ไปของเรื่อง เหมยเหมยได้เล่าเรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างหร่วนหวาไฉ่กับครอบครัวเธอไป โจวจื่อหัวพูดเสียงขรึม “คนระยำแบบนี้ควรโดนมีดแทงให้ตัวพรุน ให้ฉันช่วยไหม?”
เหมยเหมยเข้าใจความหมายเขาดี ถ้าไม่เหนือความคาดหมายคงต้องการจะสั่งเก็บหร่วนหวาไฉ่ที่ฮ่องกง สำหรับคนที่มีลูกน้องกลุ่มใหญ่อย่างโจวจื่อหัวง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก
แต่–
“ขอบคุณลุงหัวมากนะคะ รอวันหลังถ้ามีความจำเป็นแล้วหนูค่อยขอความช่วยเหลือจากลุงหัวดีกว่า ตอนนี้หนูอยากรอดูว่าคนคนนี้จะกระโดดโลดเต้นไปได้อีกกี่วัน!” เหมยเหมยปฏิเสธอ้อม ๆ
แน่นอนว่าเธอแค้นใจอยากให้หร่วนหวาไฉ่ตายศพไม่สวยถูกหั่นออกเป็นชิ้น ๆให้รู้แล้วรู้รอด แต่เรื่องนี้จะให้โจวจื่อหัวทำไม่ได้ บนโลกนี้ไม่มีความลับ ถ้าเกิดเรื่องหลุดออกไปโจวจื่อหัวไม่เป็นไรแต่เหยียนหมิงซุ่นต้องมีปัญหาแน่
โจวจื่อหัวเองก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก เพียงให้เหมยเหมยเรียกเขาได้ทุกเมื่อหากต้องการความช่วยเหลือด้วยท่าทีสนิทสนมอย่างมาก
โอหยางซานซานในร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าขนหนูพันตัวเดินเช็ดผมออกมา ดูเหมือนไม่สนใจอะไรแต่กลับใส่ใจทุกประโยค
ทำไมจู่ ๆตาแก่ถึงดีกับนางแพศยาจ้าวเหมยขนาดนี้นะ?
หรือว่าถูกตาต้องใจนางแพศยานี้เข้าแล้วจริง ๆ?
…………………….
โอหยางซานซานมองไปที่โทรศัพท์อย่างเย็นชาและกระตุกมุมปากแสยะยิ้ม รอจนโจวจื่อหัววางหูโทรศัพท์เธอก็ปรี่ตัวเข้าหา ปล่อยให้ร่างอ่อนนุ่มแนบชิดติดกายเขา กลิ่นหอมเฉพาะตัวของหญิงสาวฟุ้งกระจายทำเอาโจวจื่อหัวใจสั่นไหวพลางโอบหญิงสาวเข้ามาในอ้อมแขน
“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ?”
ปกติโจวจื่อหัวจะไม่พูดพร่ำทำเพลง อีกทั้งเขาเองก็ไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยน บวกกับอายุที่เพิ่มมากขึ้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำได้ไม่ดีเท่าเดิม ส่วนมากจะเป็นฝ่ายหญิงที่บริการเขาเสียมากกว่า
โอหยางซานซานสายตาฉายแววรังเกียจชั่วครู่แต่กลับถอดเสื้อผ้าให้เขาแต่โดยดี ปลายนิ้วไล้ผ่านหน้าอกด้วยท่าทางผ่อนคลาย เผยยิ้มเย้ายวนแล้วถามเสียงอ้อน “คุณพ่อ พ่อคุยโทรศัพท์กับจ้าวเหมยนานขนาดนี้หนูจะหึงแล้วนะ!”
โจวจื่อหัวมองเธออย่างมีเลศนัยก่อนจะพูดกึ่งตักเตือน “ขอแค่เธอเป็นเด็กดี ฉันดีกับเธอแน่!”
……
……………………….
ตอนที่ 1777 เข้าแผนพอดี
เช้าตรู่วันต่อมาเหมยเหมยให้เสี่ยวอวิ๋นไปซื้อหนังสือพิมพ์รายวันมา หลังตรวจดูทุกฉบับอย่างถี่ถ้วนโดยไม่ปล่อยให้เล็ดลอดผ่านสายตาไปแม้แต่นิดเดียวแต่ก็ยังไม่เห็นจดหมายขอโทษจากเจียงโส่วเฉิง
“เสี่ยวอวิ๋น ติดต่อทนายจิน แล้วคัดข้อมูลพวกนั้นส่งไปให้สำนักข่าว ส่งไปหลาย ๆสำนักเลยนะ” เหมยเหมยออกคำสั่ง
การที่เจียงโส่วเฉิงไม่ขอโทษเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมายของเธออยู่แล้ว จากชื่อเสียงสถานะของเขาในตอนนี้ย่อมไม่มีทางแถลงขอโทษลงหนังสือพิมพ์ อีกอย่างเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเสียด้วย
เหมยเหมยแค่จงใจเล่นงานเขาหน่อยเท่านั้นเอง!
กับคนประเภทชั่วช้าไร้คุณธรรมแบบนี้ต่อให้เจียงโส่วเฉิงไม่มายุ่งกับเธอเธอก็จะหาทางสั่งสอนอยู่ดี เพื่อไม่ให้ไปทำร้ายคนอื่นอีก
ไม่นานจินป๋อเหวินก็มาถึงอย่างรวดเร็ว พอได้ยินว่าจะจัดการคนมีการศึกษาอย่างเจียงโส่วเฉิงก็เกิดสนใจขึ้นมาทันที พอเห็นข้อมูลที่เสี่ยวอวิ๋นกว้านหามาจินป๋อเหวินก็โกรธจนตบโต๊ะลุกพรวด
“สัตว์เดรัจฉานแบบนี้โทษร้ายแรงมาก คุณหนูจ้าววางใจได้ คดีนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมได้เลย ผมจะต้องเอามันเข้าคุกให้ได้”
จินป๋อเหวินทุบอกรับประกัน มีหลักฐานมากมายขนาดนี้หากเขายังจัดการเจียงโส่วเฉิงไม่ได้อีก ถ้าอย่างนั้นเขาจะรีบสละตำแหน่งทนายชื่อดังของเขาให้คนอื่นด้วยสองมือทันที
“เรื่องนี้ฝากทนายจินด้วยแล้วกัน หวังว่าจะรีบจัดการให้มันจบเร็ว ๆ ฉันอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานแล้ว” เหมยเหมยนึกเสียดายอยู่หน่อย ๆ
หากไม่ใช่เพราะเรื่องหร่วนหวาไฉ่ ตอนนี้เธอคงได้ทานปีกไก่ย่างน้ำผึ้งฝีมือเหยียนหมิงซุ่นแล้ว
“ไม่มีปัญหา ไม่ยืดเยื้อนานมากหรอก” จินป๋อเหวินมั่นใจอย่างมากและอารมณ์ดีแทบระเบิด
มีเงินก้อนใหญ่เข้าบัญชีอีกแล้ว!
ภรรยาใกล้จะคลอดลูกแล้วเขาต้องพยายามหาเงินค่านมผงลูก อนาคตตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาและลูกไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านอีกแล้ว!
เหมยเหมยเห็นจินป๋อเหวินที่ทำหน้าดีอกดีใจแวบหนึ่งถึงนึกได้ว่าคุณนายจินใกล้คลอดแล้วเลยกล่าวไปว่า “เกรงว่าฉันจะอยู่รอคุณนายจินคลอดไม่ได้ ก็ขอแสดงความยินดีกับทนายจินที่เลื่อนตำแหน่งเป็นคุณพ่อก่อนแล้วกันนะคะ!”
“ยินดีด้วยเช่นกันครับ…”
ทนายจินยิ้มแก้มแทบปริจนปากเองก็พูดไม่ค่อยคล่อง
เหมยเหมยกลอกตาใส่เขาที ยินดีด้วยเช่นกันบ้าอะไรล่ะ!
เธอไม่ได้จะคลอดลูกสักหน่อย!
เหมยเหมยโทรหาเหยียนหมิงซุ่นเพื่อรายงานเรื่องทางนี้ก่อนจะพูดติดเสียงอ้อนว่า “เพราะตาแก่น่ารำคาญนั่นทั้งนั้นทำให้ฉันกลับไปไม่ได้ พี่ ฉันคิดถึง…ปีกไก่ย่างน้ำผึ้งของพี่จัง…”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มหน้าบาน ชอบฟังภรรยาอ้อนที่สุดเลยแต่พอได้ยินครึ่งประโยคหลังรอยยิ้มของเขาก็หายไปในพริบตาและมุมปากคว่ำลง
เขาถูกยายตัวแสบหลอกเข้าแล้ว!
“คิดถึงแต่ของกินเหรอ? หืม?” แม้เสียงจะเบามากแต่กลับเย็นยะเยือกถึงกระดูก เหมยเหมยตัวสะท้านเฮือกรีบส่ายหางพูดแก้ตัว “แน่นอนว่าคิดถึงคุณสามีมากกว่า…พี่ ฉันคิดถึงพี่จะตายอยู่แล้ว ฝันก็คิดถึง กินข้าวก็คิดถึง ชอปปิ้งก็คิดถึง…”
เหยียนหมิงซุ่นสายตาเปื้อนยิ้ม ฉีกยิ้มกว้างอีกครั้งแต่กลับจงใจไม่ปริเสียงทำให้เหมยเหมยหลงคิดว่าเขากำลังโกรธอยู่เลยหาทางออดอ้อน กอดเครื่องโทรศัพท์กลิ้งเกลือกไปมาบนเตียงและบอกรักด้วยคำหวาน ๆเท่าที่เธอจะนึกขึ้นได้
“…พี่…ฉันไปดื่มน้ำสักหน่อยนะ…”
เหมยเหมยคอแหบเล็กน้อยก็ยิ่งเรียกให้คนฟังใจคันยุบยิบ แค่เหยียนหมิงซุ่นฟังเสียงก็แทบทนไม่ไหวแล้วก็ยิ่งพาลเกลียดหร่วนหวาไฉ่เข้ากระดูก ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงได้กอดยายตัวแสบบรรเลงเพลงรักบนเตียงสามร้อยรอบแล้ว
ไม่จำเป็นต้องอาศัยเสียงแก้หิวกระหายเลย
“ดึกแล้วรีบนอนเถอะ รอฉันเสร็จงานจากที่นี่แล้วจะไปหา” เหยียนหมิงซุ่นพูดเสียงอ่อนโยน
เหมยเหมยดีใจอย่างออกนอกหน้า “จริงเหรอ? พี่จะมาเมื่อไร?”
“อาจจะอีกหลายวัน อยู่บ้านเป็นเด็กดี ช่วงนี้ไม่ต้องออกไปข้างนอกแล้ว”
เหยียนหมิงซุ่นเตือนแต่ไม่ค่อยเป็นห่วงมากนักหรอก ในเมื่อโอหยางสยงจนตรอกขี้แพ้ไปแล้วทำอะไรไม่ได้อีก แต่เขาจำเป็นต้องไปฮ่องกงสักครั้งเพื่อพาโอหยางสยงกลับมา
อดีตโอหยางสยงเคยทำงานในหน่วยงานราชการมาก่อน หนำซ้ำยังอยู่ในตำแหน่งสูงอีกต่างหากจึงกุมความลับบางส่วนเอาไว้ คนแบบนี้จะปล่อยให้หลุดลอยไปต่างประเทศไม่ได้เด็ดขาด
เกิดมาเป็นชาวแผ่นดินใหญ่ ตายก็ต้องเป็นผีที่แผ่นดินใหญ่สิ
ทั้งคู่คุยกระหนุงกระหนิงกันอีกสักพักถึงวางสายกันไปอย่างอาลัยอาวรณ์
คืนนี้นอนหลับสบายตลอดคืนแล้ว
ตอนที่ 1778 คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมหนึ่ง
เสี่ยวอวิ๋นเองก็ได้รับคำสั่งจากเหยียนหมิงซุ่นให้ออกตามล่าตัวโอหยางสยงในฮ่องกง ฉะนั้นสองวันนี้เธอกับเสียวหลี่มักสลับกันไปทำภารกิจและเหลืออีกคนไว้เฝ้าเหมยเหมยที่บ้าน
“พวกเธอกำลังตามหาโอหยางสยงเหรอ? เขาหนีมาฮ่องกงเหรอ?” เหมยเหมยรับรู้เรื่องนี้ก็ตกใจอย่างมาก
มิน่าพวกเสี่ยวอวิ๋นถึงคอยจับตามองโอหยางซานซาน!
โอหยางสยงมีศักดิ์เป็นคุณอาของโอหยางซานซานซึ่งระหว่างสองคนนี้ต้องมีการติดต่อกันอย่างแน่นอน อีกทั้งโอหยางซานซานเรียนที่อเมริกาชีวิตได้ดิบได้ดีที่นู่นจึงไม่ใช่เรื่องยากหากคิดจะพาโอหยางสยงไปประเทศสหรัฐอเมริกา
“แล้วมีข่าวคืบหน้าบ้างหรือยัง?” เหมยเหมยถามอีก
“ไม่มีเลย ช่วงนี้นอกจากชอปปิ้งโอหยางซานซานก็อยู่แต่กับโจวจื่อหัว ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น” เสี่ยวอวิ๋นดูสลดอย่างมาก
เดิมทีภารกิจนี้ไม่ยากแต่ตอนนี้กลับพบว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น
“ไม่ต้องรีบหรอก โอหยางสยงยังอยู่ฮ่องกงอีกแน่ ยังไงก็ต้องเผยไต๋ออกมาไม่ช้าก็เร็ว” เหมยเหมยมั่นใจมาก
เธอคิดว่าอย่างมากโอหยางสยงคงทนอยู่ต่อได้อีกไม่กี่วันเท่านั้น จากความเคยชินติดหรูอยู่สบายเยี่ยงคุณชายของเขา เขาจะทนใช้ชีวิตลำบากราวกับหนูท่อได้อย่างไร?
เพียงแต่ยังไม่ต้องรอให้โอหยางสยงปรากฏตัว เพิ่งผ่านไปได้วันเดียวตำรวจฮ่องกงก็มาหาถึงบ้านเสียก่อน
“คุณจ้าว เราสงสัยว่าคุณจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมหนึ่ง รบกวนช่วยให้ความร่วมมือในการสืบคดีกับเราด้วยครับ”
ตำรวจสองนายที่มาเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผู้ชายอายุราวสี่สิบกว่าปีส่วนผู้หญิงยังอ่อยเยาว์มาก คาดว่าเพิ่งจบจากโรงเรียนตำรวจได้ไม่นานจึงยังมีไฟเต็มเปี่ยม ทั้งยังมองเหมยเหมยด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไร
เหมยเหมยกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ช่วงนี้เต็มไปด้วยพาดหัวข่าวอื้อฉาวของเจียงโส่วเฉิง ชาวฮ่องกงสนุกสนานได้ทุกวันก็เพราะเรื่องนี้ นอกจากข้อมูลที่เสี่ยวอวิ๋นตามสืบได้ยังมีข่าวอื้อฉาวในอดีตที่นักข่าวผู้มากความสามารถขุดเจอ ทำให้เพลิงไฟร้อนระอุขึ้นเรื่อย ๆ
“คดีฆาตกรรมอะไร? พวกคุณมาเล่นตลกอะไรกันเนี่ย?” เหมยเหมยมองสองคนนี้อย่างนึกขำ
เธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมได้อย่างไร?
“พูดจาดี ๆ ใครล้อเล่นกับเธอ!” ตำรวจสาวตวาดเสียงดุดัน คิ้วเข้มตั้งทำให้ใบหน้าที่เดิมทียังดูดีอยู่บ้างกลับบิดเบี้ยวไปชั่วขณะ
“คุณตำรวจ ฉันไม่ใช่นักโทษของพวกคุณ ฉันอยากพูดอย่างไรก็จะพูดอย่างนั้น อีกอย่างฉันอยู่ในบ้านของฉัน พวกคุณจะจุ้นมากไปหน่อยหรือเปล่า!” เหมยเหมยเองก็สะบัดสีหน้าใส่ อารมณ์เสียในพริบตา
มักมีเรื่องรังควานใจเธอทุกวี่วัน อยากอยู่เงียบ ๆสักวันก็ไม่ได้!
ตำรวจชายมองลูกศิษย์ตนแวบหนึ่งด้วยสายตาตักเตือนแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สงบลงหน่อย “คุณจ้าว คุณรู้จักหร่วนหวาไฉ่สินะ?”
“รู้จักสิ เจ้าหมอนี่ทำไมเหรอ?” เหมยเหมยสีหน้าเปลี่ยนไปทันตาพลางมองตำรวจผู้ชายอย่างตกใจ “คนที่ตายคงไม่ใช่หร่วนหวาไฉ่หรอกนะ?”
“นี่จะยังเสแสร้งอะไรอีก?” ตำรวจหญิงพูดเสียงประชดเพราะหล่อนมั่นใจว่าเหมยเหมยก็คือฆาตกร
เกิดคลื่นใหญ่ซัดกระหน่ำในความรู้สึกของเหมยเหมย หร่วนหวาไฉ่ตายแล้ว?
น่าแปลกเสียจริง!
เมื่อคืนเธอยังสาปแช่งให้ตาแก่นี่ไม่ได้ตายดีอยู่เลย สวรรค์เป็นใจเสียจริง ไว้กลับไปจะต้องกราบไหว้ฟ้าดินให้มากหน่อยแล้วล่ะ!
“ต่อให้คุณเป็นตำรวจแต่จะพูดอะไรก็ต้องมีหลักฐาน ไม่งั้นเราเจอกันที่ศาล” เหมยเหมยดึงหน้าตึงไม่ยอมตกเป็นรอง ตำรวจหญิงยังคิดจะโต้กลับอย่างขุ่นเคืองแต่ถูกตำรวจผู้ชายถลึงตาใส่แวบหนึ่งจึงจำใจต้องหุบปากแต่โดยดี
“เชิญคุณจ้าวไปกับเราหน่อยแล้วกัน แค่ถามอะไรสักหน่อย” แม้เสียงของตำรวจผู้ชายจะอ่อนโยนมากแต่กลับไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
“ฉันจะโทรหาทนายของฉันก่อน”
เหมยเหมยรู้ว่าครั้งนี้คงต้องไปให้ความร่วมมือ แม้เธอไม่กลัวแต่ก็ต้องเตรียมพร้อมทุกอย่างในเมื่อเธอเป็นคนต่างถิ่น ใครจะรู้กันล่ะว่าตำรวจพวกนี้จะปลอมคดีป้ายความผิดให้เธอหรือเปล่า!
…………………….
ตอนที่ 1779 ตายได้น่าแปลกมาก
พอโทรหาจินป๋อเหวินติดเหมยเหมยก็เล่าสถานการณ์คร่าว ๆให้ฟัง จินป๋อเหวินจึงกล่าวว่า “คุณรีบไปสถานีตำรวจภายในสิบห้านาที ไม่ต้องกังวล ทางตำรวจไม่มีหลักฐานอย่างมากก็กักตัวคุณได้แค่สี่สิบแปดชั่วโมง”
เหมยเหมยถึงค่อยสบายใจหน่อย จินป๋อเหวินเคยสู้คดีเกี่ยวกับอาชญากรรมมานับไม่ถ้วนเลยมีประสบการณ์อย่างโชกโชน คดีเล็กขนาดนี้ไม่น่าจะใช่ปัญหาอะไร นอกจากนี้เธอเองก็บริสุทธิ์ไม่มีความผิดอันใดจึงยิ่งไม่ต้องกังวลใจ
เสี่ยวอวิ๋นไปสถานีตำรวจเป็นเพื่อนเธอส่วนเสียวหลี่ไปสืบสาเหตุการตายของหร่วนหวาไฉ่ คนที่หลายวันก่อนยังมีชีวิตดี ๆอยู่เลย แล้วทำไมจู่ ๆถึงโดนฆาตกรรมได้?
หรือว่าหร่วนหวาไฉ่มีศัตรูที่ฮ่องกงด้วย?
ตำรวจผู้ชายสกุลหลิน ส่วนตำรวจหญิงเป็นลูกศิษย์ของเขา คุณตำรวจหลินคนนี้น่าจะมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าเพราะเห็นตำรวจรอบ ๆต่างให้ความเคารพนับถือเขามาก
“คุณจ้าว วันที่ยี่สิบเอ็ดเดือนกรกฎาคมเวลาบ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็นคุณอยู่ไหน?” ตำรวจหลินเชิญเหมยเหมยเข้าไปในห้องแล้วเริ่มไต่สวน
เหมยเหมยปฏิเสธไม่ตอบ บอกเพียงว่า “หากทนายของฉันยังไม่มา ฉันก็จะไม่ตอบคำถามของพวกคุณ”
อย่าคิดว่าเธอไม่รู้ ชาติที่แล้วเคยดูหนังฮ่องกงมาตั้งมากมายคนในนั้นล้วนพูดแบบนี้เมื่อเจอตำรวจ
ตำรวจหญิงอารมณ์คุกรุ่นในทันทีแล้วเดินไปตรงหน้าเหมยเหมยก่นด่า “อย่าคิดว่าคุณไม่ยอมรับก็จะจบนะ หร่วนหวาไฉ่เพิ่งมาถึงฮ่องกงเขาไม่คุ้นที่คุ้นทาง มีแค่คุณที่มีความแค้นกับหร่วนหวาไฉ่ อีกอย่างเมื่อสองวันก่อนพวกคุณยังเคยมีข้อบาดหมางรุนแรงกันด้วย คุณยังเคยข่มขู่หร่วนหวาไฉ่ด้วยว่าไม่นานเขาก็จะได้รับผลกรรม คุณมีเหตุจูงใจที่จะก่อคดี”
เหมยเหมยยื่นมือขึ้นมาเช็ดหน้า ขมวดคิ้วอย่างนึกรังเกียจ “เวลาพูดคุณช่วยออกห่างจากฉันหน่อยสิ กลิ่นต้นหอมเต็มปาก เหม็นจนฉันมึนหัวไปหมดแล้ว!”
ตำรวจหญิงคนนี้ไม่เพียงแค่ภาษาจีนกลางแย่แต่ยังมีกลิ่นปากรุนแรง ขณะที่อ้าปากคำรามเธอยังเห็นต้นหอมที่ติดตามไรฟันอีกฝ่ายอยู่เลย น่าสะอิดสะเอียนใจชะมัด
ตำรวจหลินมุมปากกระตุกหน่อย ๆ ความใจเย็นของเหมยเหมยทำให้ความคิดของเขาเริ่มสั่นคลอน หรือว่าเธอไม่ใช่ฆาตกรจริง ๆ?
แต่ก็ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่ว่าจ้าวเหมยจะจ้างวานนักฆ่าได้ เท่าที่เขาทราบจ้าวเหมยมีความใกล้ชิดกับมาเฟียใหญ่โจวจื่อหัว การที่จะกำจัดชาวแผ่นดินใหญ่สักคนเป็นเรื่องง่ายสำหรับโจวจื่อหัวยิ่งกว่าอะไร
ตำรวจหญิงโกรธปนเขินอายหมายจะยื่นมือตบอีกฝ่าย เหมยเหมยหลบทันแล้วพูดเสียงขรึม “พูดอะไรทำอะไรหัดใช้สมองบ้าง ฉันไม่ใช่คนที่คุณจะหาเรื่องด้วยได้ง่าย ๆนะ”
ตำรวจหลินห้ามลูกศิษย์ตัวเองไว้ แม้เขาเองก็นึกโกรธต่อท่าทีเหิมเกริมของเหมยเหมยอย่างมากเช่นกัน แต่เขารู้ดีว่าตอนนี้พวกเขาแค่กำลังสงสัยไม่มีหลักฐานสักนิดจึงไม่อาจทำอะไรกับเธอได้
ไม่นานจินป๋อเหวินก็มาถึง พอมาถึงก็เริ่มเข้าสู่สภาวะต่อสู้กันในทันที จากนั้นก็พาตัวเหมยเหมยออกมาจากสถานีตำรวจอย่างรวดเร็ว พวกตำรวจหลินได้แต่มองตาค้างอยู่อย่างนั้น
“พวกคุณอย่าได้ใจไป รอฉันหาหลักฐานได้จะต้องไปตามจับกลับมาด้วยตัวเองเลย” ตำรวจหญิงกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
กฎหมายที่ฮ่องกงต้องพังเพราะคนมีฐานะพวกนี้นั่นแหละ มีเงินก็ทำได้ทุกอย่างตามที่ตัวเองต้องการ ฆ่าคนวางเพลิงก็ไม่เป็นไร น่าโมโหจะแย่อยู่แล้ว!
จินป๋อเหวินกล่าว “ต่อให้คุณมีความแค้นส่วนตัวกับหร่วนหวาไฉ่ แต่ตอนที่เขาตายคุณไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ อีกอย่างคุณเองก็มีพยานบุคคล คดีนี้โยงมาถึงคุณไม่ได้หรอก สบายใจได้!”
เหมยเหมยไม่กังวลใจอยู่แล้วแต่เธอสนใจสาเหตุการตายของหร่วนหวาไฉ่มากกว่าเลยถามไปว่า “ตาแก่นั่นตายอย่างไร?”
“โดนปาดคอแล้วเสียเลือดมากจนตาย อีกอย่างตายในซอยเล็ก ๆที่มีแต่หมาจรจัด ศพถูกหมาจรจัดกัดแทะแทบไม่เหลือสภาพเดิม กระทั่งช่วงบ่ายเมื่อวานถึงมีคนมาเจอเข้าและศพก็เริ่มเหม็นเน่าแล้วด้วย”
จินป๋อเหวินเล่าข่าวที่เขาตามสืบมาให้ฟัง นั่นจึงสร้างความแปลกใจแก่เหมยเหมยยิ่งกว่าเดิม วิธีฆ่าแบบนี้แค่ดูก็รู้ว่าต้องเป็นมืออาชีพ ตัวเธอเล็กกว่าหร่วนหวาไฉ่และมีแรงไม่มากพอ แล้วจะฆ่าเขาได้อย่างราบรื่นขนาดนั้นได้อย่างไร?
มิน่าถึงได้ยินมาว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติฮ่องกงมีคดีเก่ากองเท่าภูเขา ลำพังใช้สมองความคิดไขคดี ถ้าไขสำเร็จสิแปลก!
ตอนที่ 1780 สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก
จินป๋อเหวินเองก็กลับบ้านไปพร้อมกัน แม้เขาไม่ค่อยสนใจคดีนี้เท่าไรแต่มีบางเรื่องต้องย้ำสักหน่อยเพื่อไม่ให้เหมยเหมยพูดผิดหลุดช่องโหว่ให้ตำรวจสบโอกาสจากการขาดความรู้เรื่องกฎของที่นี่
“เอาเป็นว่าคุณอย่าตอบคำถามอะไร ให้พวกเขามาหาผมก็พอ เรื่องอื่นคุณก็ไม่ต้องสนใจแล้ว”
เหมยเหมยพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้ว”
“แต่เรื่องนี้ออกจะยุ่งยากสักหน่อย ช่วงนี้คุณคงกลับไปไม่ได้แล้วต้องอยู่ให้ความร่วมมือสอบสวนคดีที่นี่” จินป๋อเหวินกล่าว
“ถ้าคดียืดยาวถึงสองปีฉันก็ต้องอยู่ฮ่องกงสองปีเหรอ?” เหมยเหมยไม่พอใจอย่างมาก ตอนนี้หร่วนหวาไฉ่ตายไปแล้วไอ้คนสารเลวเจียงโส่วเฉิงก็ปล่อยให้เสี่ยวอวิ๋นจัดการ เธอพร้อมจะกลับไปได้ทุกเมื่อแต่กลับมาบอกเธอว่ากลับไม่ได้?
ถ้าดีใจสิแปลก!
จินป๋อเหวินยิ้มกล่าว “ไม่ถึงขนาดสองปีหรอกแต่ก็มีระยะเวลาจำกัดเหมือนกัน สบายใจได้คงไม่กี่วันหรอก”
เสียวหลี่เองก็กลับมาถึงบ้านแล้วเช่นกัน เขาสืบข้อมูลบางส่วนที่จินป๋อเหวินไม่รู้มาด้วย
“ฆาตกรน่าจะเป็นผู้หญิง ส่วนสูงราว 165 อาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุคือมีดผ่าตัด ผมเดาว่าฆาตกรน่าจะหลอกล่อให้หร่วนหวาไฉ่ไปในซอยมืดแล้วถือโอกาสที่เขากำลังพูดกรีดลงบนเส้นชีพจรอย่างรวดเร็วแล้วหนีไป”
จินป๋อเหวินเข้าใจอย่างถ่องแท้ “มิน่าตำรวจถึงตามมาถึงตัวคุณ ลักษณะของฆาตกรคิดว่าตำรวจก็คงคาดเดาได้แล้วและมันสอดคล้องกับตัวคุณทุกประการ อีกอย่างคุณเองก็มีความแค้นกับหร่วนหวาไฉ่ สองวันก่อนยังมีเรื่องบาดหมางกันอีก ถ้าผมเป็นตำรวจก็ต้องสงสัยละ”
เขาขยับหน้ามาถามด้วยท่าทางกวนประสาท “คงไม่ใช่ฝีมือคุณจริง ๆหรอกนะ? คุณบอกผมได้ไม่เป็นไร ผมรับรองว่าคุณจะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย”
คนเศษเดนอย่างหร่วนหวาไฉ่ตายไปก็ไม่น่าสงสาร ตายแล้วจะได้ช่วยลดภาระให้โลกใบนี้ด้วย
เหมยเหมยกลอกตาใส่เขาแวบหนึ่งแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ถ้าเป็นฉันคงไม่มีทางให้เขาตายสบาย ๆแบบนี้หรอก!”
ประโยคสุดท้ายเธอแทบกัดฟันพูดพร้อมสายตาที่ฉายแววแค้นเคือง หร่วนหวาไฉ่ทำให้คุณตาคุณยายต้องทุกข์ทรมานเจียนตาย เธอจะปล่อยให้เขาตายง่าย ๆได้หรือ?
ไม่รู้ว่าฆาตกรคนนั้นเป็นใครกลับทำให้ตาแก่นี่ได้เปรียบไปเสียได้!
เดิมทีเหมยเหมยคิดว่าเรื่องนี้ถือว่าจบลงสักที หากอีกไม่กี่วันทางตำรวจยังไม่ได้หลักฐานเพิ่มเติมเธอคงกลับบ้านได้ แต่–
ผ่านไปเพียงวันเดียวตำรวจหลินกับลูกศิษย์น่ารำคาญนั่นก็มาถึงบ้านอีกครั้ง คราวนี้กลับมาพร้อมหมายจับ
“คุณจ้าว เรามีหลักฐานใหม่ คุณตกเป็นผู้สงสัยเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมหร่วนหวาไฉ่ รบกวนช่วยไปกับเราด้วย” ตำรวจหลินสีหน้าจริงจังและปล่อยให้ตำรวจหญิงที่ทำหน้าตื่นเต้นพาตัวเธอไปโดยไม่รอให้เธอปริปากกล่าว
“ไป…ฆ่าคนแล้วยังแกล้งทำเป็นบริสุทธิ์อยู่ได้!”
ตำรวจหญิงตะคอกเสียงห้าวยื่นแขนออกมาหมายจะกระชากตัวเหมยเหมย
“ฉันเดินเองได้!”
เหมยเหมยใจหล่นตุบ ดูจากสีหน้าของสองคนนี้คาดว่าหลักฐานชิ้นใหม่คงไม่เป็นผลดีกับเธอแน่ แต่เธอไม่ได้ฆ่าคนจริง ๆและไม่ได้จ้างวานให้ใครฆ่า เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่นะ?
เธอกลับมายังสถานีตำรวจอีกครั้งซึ่งครั้งนี้เธอไม่ได้ถูกปฏิบัติอย่างดีเช่นเดิม แต่ถูกเรียกเข้าห้องสอบสวนทันที แสงไฟสว่างจ้าสาดส่องจนเธอลืมตาไม่ขึ้นและรู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก
เหมยเหมยพยายามข่มตัวเองให้ใจเย็นลง จินป๋อเหวินน่าจะใกล้มาถึงแล้ว เธอแค่เงียบต่อไปก็พอ
เวลานี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็สู้ไม่พูดเสียดีกว่า จินป๋อเหวินเคยสอนเธอไว้
“ชื่อสกุลคือ?” ตำรวจหลินถาม
“พวกคุณรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” เหมยเหมยชักจะเริ่มไม่สบอารมณ์ หรี่ตาลงน้อย ๆแต่กลับนั่งหลังตรงเช่นเคย
“ทำตัวดี ๆหน่อย!” ตำรวจหญิงหยิบหนังสือเล่มหนาเดินมาหาเธอด้วยเจตนาร้าย ตำรวจหลินแค่มองแวบเดียวไม่ได้พูดอะไรก็เท่ากับอนุญาตเธอ
เหมยเหมยลอบสบถในใจ เธอไม่อยากโดนตีหรอกนะ เมื่อก่อนเคยดูละครฮ่องกงมาก่อนว่าตำรวจจะใช้หนังสือเล่มหนากดหน้าอกนักโทษที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ยอดวิชาตีวัวข้ามภูเขา[1] แบบนี้ได้สั่งสอนนักโทษไปด้วยและไม่ทิ้งร่องรอยหลักฐานเอาไว้อีกต่างหาก
[1] ยอดวิชาตีวัวข้ามภูเขา เป็นหนึ่งในวิชากำลังภายในที่ออกหมัดล้มโคถึกที่อยู่ห่างกันระยะหนึ่งโดยอาศัยพลังลมปราณ
……………………..
ตอนที่ 1781 เทปอัดเสียง
เหมยเหมยก่นด่าตำรวจหญิงในใจไปรอบหนึ่ง พอเห็นว่าขยับเข้ามาใกล้ตัวเองเรื่อย ๆเลยจำใจต้องยอมจำนน คนฉลาดต้องรู้จักแยกแยะ
“จ้าวเหมย!”
ตำรวจหลินเรียกลูกศิษย์ไว้ก่อนจะถามอายุและสัญชาติต่อ เหมยเหมยตอบกลับอย่างซื่อสัตย์ด้วยความอัดอั้นตันใจ
รอก่อนเถอะ รอเหยียนหมิงซุ่นมาจะต้องให้คนพวกนี้โดนดีแน่!
“คุณสนิทกับโจวจื่อหัวมากงั้นเหรอ?” ผู้กองหลินถามขึ้นกะทันหัน
เหมยเหมยใจหล่นตุบ สัญชาตญาณบอกเธอว่าคนสกุลหลินนี้ไม่ได้ถามด้วยความหวังดี เขาจะต้องขุดหลุมกับดักรอเธออยู่แน่ เธอลังเลเพียงอึดใจก่อนที่ตำรวจหญิงจะหยิบหนังสือเล่มหนาขึ้นมาอีก เหมยเหมยจึงลอบก่นด่าเธออยู่ในใจ
“รู้จัก แต่ไม่ถึงขั้นจะสนิทสนามขนาดนั้น” เธอชั่งใจตอบแบบคลุมเครือ
“ไม่สนิทแล้วโจวจื่อหัวจะเชิญคุณไปทานข้าวที่บ้านเขาเหรอ?” ผู้กองหลินมองเธออย่างนึกขำ
เหมยเหมยแบมือ “ฉันจะไปรู้ได้ไง? บางทีโจวจื่อหัวเห็นว่าฉันมาจากแผ่นดินใหญ่เลยรู้สึกสนิทสนมละมั้ง!”
ผู้กองหลินถามอีกหลายคำถามแต่เหมยเหมยจงใจตอบกลับเลี่ยง ๆ ขณะที่ขมับปวดตุบ ๆและรู้สึกเคืองตาอย่างมาก ความง่วงถาโถมเข้ามาทำให้ตำรวจหญิงเผยใบหน้าดีใจ
เหมยเหมยใจหล่นวูบเพราะรู้ว่าสองคนนี้คิดจะใช้แผนความเหนื่อยหลอกให้ตอบคำถาม พวกเขารอให้เธอเหนื่อยจนทนไม่ไหวก่อนแล้วค่อยขุดหลุมฝังเธอเพื่อให้เธอยอมรับความผิด เธอจึงตัดสินใจปิดปากเงียบไม่ว่าจะคำถามอะไรก็ไม่ยอมตอบอีกเด็ดขาด
จินป๋อเหวินต้องกำลังคิดหาทางประกันตัวเธออยู่แน่ เธอจะต้องอดทนไว้
ตำรวจหญิงโมโหจนรุดเข้ามากระชากคอเสื้อเหมยเหมยยกกำปั้นขึ้นหมายจะชกเธอ เหมยเหมยเองก็โกรธไม่แพ้กันเลยหันหลังขืนตัวออกจากการจับกุมอีกฝ่ายแล้วค่อยใช้หัวเข่ากระทุ้งใส่หน้าท้องน้อยเธอแรง ๆ
“ฉันไม่ใช่พลเมืองชาวฮ่องกงของพวกคุณ อย่าคิดจะใช้วิธีแบบนั้นของพวกคุณมาจัดการฉัน ปากพวกคุณบอกว่ามีหลักฐานงั้นก็เอาหลักฐานออกมา ไม่อย่างนั้นฉันจะยื่นเรื่องให้สถานทูตถามผู้บริหารสูงสุดของพวกคุณว่าพวกคุณจงใจจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายใช่ไหม?”
เหมยเหมยถามเสียงเย็นชา เกลียดการที่คนอื่นกระชากคอเสื้อเธอที่สุด อย่างไรเสียแกล้งโง่ก็ต้องโดนซ้อมอยู่ดีถ้าอย่างนั้นเธอขอเป็นฝ่ายลงมือก่อนแล้วกัน
เหยียนหมิงซุ่นไม่มีทางปล่อยให้เธอเป็นอะไรไปแน่!
ตำรวจหญิงกุมหน้าท้องอย่างเจ็บปวดจนยืดหลังตรงไม่ได้ ผู้กองหลินพยุงเธอให้นั่งลงแล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “คุณจ้าวนี่คุณกำลังทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่นะ”
“ผิดค่ะ เพราะฉันแค่กำลังป้องกันตัวเอง แน่นอนว่าถ้าคุณคิดว่าใช่ก็ใช่ ตอนนี้นอกจากว่าพวกคุณจะเอาหลักฐานออกมาไม่งั้นฉันก็จะไม่ยอมตอบคำถามแม้แต่คำถามเดียว ฉันต้องการโทรหาสำนักงานประสานงานฮวาเซี่ยประจำฮ่องกง นี่เป็นสิทธิ์ของฉัน พวกคุณจะลิดรอนไม่ได้!”
สำนักงานประสานงานก็คือสำนักงานพิเศษจากสถานทูตประจำฮ่องกง เหยียนหมิงซุ่นเคยบอกไว้ว่าหากเจอปัญหาที่ยากจะแก้ไขให้ไปหาสำนักงานประสานงาน เดิมทีเหมยเหมยไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่มากแต่ตอนนี้มาถึงจุดนี้แล้วเธอจำต้องให้ทางสำนักงานประสานงานออกหน้าจัดการแทน
ผู้กองหลินขมวดคิ้ว เขาต้องรู้จักสำนักงานประสานงานพิเศษประจำฮ่องกงอยู่แล้ว ถ้าหากเรื่องไปถึงหน่วยงานนั้นจริง ๆคดีนี้คงไม่ใช่คดีทั่วไปอีก เพียงแต่…คุณจ้าวที่อยู่ตรงหน้ามีเส้นสายมากขนาดนั้นเชียวหรือ?
ตำรวจหญิงหลุดขำ “จะโทรหาสำนักงานประสานงานงั้นเหรอ? คุณคิดว่าคุณเป็นลูกสาวของผู้ปกครองอำนาจสูงสุดหรือไง?”
เหมยเหมยปรายตามองเธออย่างเย็นชา “ถึงฉันจะไม่ใช่ลูกสาวของผู้ปกครองอำนาจสูงสุดแต่ก็ไม่ใช่คนที่ตำรวจตัวน้อย ๆอย่างคุณจะเหยียดหยามได้ ฉันขอเตือนให้พวกคุณรู้ขอบเขตสักหน่อยแล้วกัน ถึงเวลานั้นก็กอดงานตัวเองไว้ให้ดีเถอะ”
แน่นอนว่าเธอไม่ได้กำลังข่มขู่สองคนนี้ ถ้าให้ทางสถานทูตออกหน้าจริง ๆเรื่องที่เธอถูกตำรวจทางนี้จับกุมตัวโดยไร้เหตุผล ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องจัดการบุคคลที่เกี่ยวข้อง สองคู่หูอาจารย์ลูกศิษย์นี่หนีไม่พ้นแน่
ผู้กองหลินเห็นเธอมั่นอกมั่นใจไม่เหมือนกำลังโกหกเลยเริ่มเชื่อขึ้นมาแต่ยังทำหน้าลังเลใจ
“ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่องั้นฉันจะโทรหาสำนักงานประสานเดี๋ยวนี้เลย แต่พวกคุณต้องคิดให้ดีนะว่าถ้าโทรไปพวกคุณจะต้องรับผลที่ตามมาให้ได้ แต่คิดว่าน่าจะไม่สวยงามเท่าไร!”
เหมยเหมยเป็นฝ่ายถืออำนาจเหนือกว่าเลยมีสีหน้าผ่อนคลายลงอย่างมาก พลางมองสองคนอย่างเย้ยหยัน
ผู้กองหลินกัดฟันแน่นจนสุดท้ายก็ไม่กล้าเสี่ยง หยิบเทปอัดเสียงหนึ่งออกมาจากลิ้นชัก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น