ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 177-180
บทที่ 177 ปิ้งย่างริมทะเลสาบ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เหมาเหว่ยหลงไม่เชื่อ เขาจึงยืดอกแล้วพูดออกมา “ฉันไม่เชื่อ ปลานี่ตกใจถึงขนาดนี้แล้ว มันยังจะมีแรงโจมตีอะไรอีก?”
ฉินสือโอวตอบ “ก็เพราะว่าตื่นตกใจน่ะสิ ให้ตายเถอะ…”
พูดอะไรก็ได้อย่างนั้นจริงๆ ขณะที่เขากำลังเตือนเหมาเหว่ยหลงอยู่ ทางเหมาเหว่ยหลงก็เดินไปถึงหัวเรือแล้ว ซึ่งมันก็พอดีกับที่ปลาลิ่นท้องขาวตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาก่อนที่เสียงหางแหลมใหญ่จะตวัดไปโดนไหล่ของเหมาเหว่ยหลงดัง ‘ตุบ’
เดิมทีเรือเล็กที่โคลงเคลงไปมาทำให้เหมาเหว่ยหลงทรงตัวไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเจอกับการกระแทกคราวนี้เขาเลยตกลงไปในทะเลสาบน้ำจนก่อให้เกิดคลื่นน้ำกระเซ็นลูกใหญ่
หู่จือและเป้าจือเอียงคอมองดูเหมาเหว่ยหลงที่ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำจากบนเรือแล้วส่ายหางไปมา ฉินสือโอวอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นอกจากนี้เป้าจือยังหันมาเห่า ‘โฮ่งๆ’ ให้เขาเหมือนกำลังภาคภูมิใจอีกด้วย
ไม่รอให้ฉินสือโอวลงมือ อีวิลสันที่ไม่ได้ใส่เสื้อก็กระโดดลงไปรั้งเอวเหมาเหว่ยหลงแล้วส่งเขาขึ้นมา
เหมาเหว่ยหลงใช้มือปาดน้ำบนใบหน้าออกแล้วทรุดตัวอาเจียนอยู่บนหัวเรือดัง ‘อ๊อกๆ’
ฉินสือโอวตบหลังเขาพลางพูดปลอบโยน “พอแล้ว น้ำที่นี้ไม่ได้สกปรกหรอกนะ ถือว่าลงไปอาบน้ำละกัน”
เหมาเหว่ยหลงรู้สึกคับข้องใจ เขาอาเจียนไปสองทีก็ไม่มีอะไรออกมาแล้ว จากนั้นเขาก็เช็ดปากแล้วพูดขึ้น “นายก็พูดง่ายสิ นายก็ลองลงไปอาบน้ำเองสิ…”
ฉินสือโอวไม่พูดอะไรอีก จากนั้นเขาก็กระโดดลงจากเรือไปทันทีก่อนจะจับขอบเรือแล้วก็ปีนขึ้นมา หู่จือและเป้าจือนึกว่าเขากระโดดน้ำเล่นก็กระโดดลงไปด้วย ขาสั้นๆ ทั้งสี่ตะกุยน้ำเล่นอยู่ในทะเลสาบ ขนสีทองลอยอยู่ในน้ำ ดูท่าจะเย็นสบายเป็นที่สุด
“คราวนี้พอใจแล้วใช่ไหม?” ฉินสือโอวหัวเราะ
เหมาเหว่ยหลงนั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือ “พอแล้ว นายก็ใจนักเลงจริงๆ”
ตกน้ำไปครั้งหนึ่ง เหมาเหว่ยหลงจึงระมัดระวังมากขึ้น เขามองไปที่เหล่าปลาตัวใหญ่ที่เขายิงไม่โดนหลายครั้งแล้วจึงปล่อยเลยตามเลยแล้วเริ่มยิงไปเรื่อยเปื่อยเพื่อลองดูว่าจะโชคดียิงโดนสักตัวหนึ่งไหม
ทางด้านฉินสือโอวก็ยังคงแม่นเสมือนจับวาง ขอเพียงถูกเขาเล็ง เมื่อเสียงธนูยิงปลาถูกปล่อยออกก็จะมีปลาตัวหนึ่งถูกยิงอย่างแม่นยำ
ในที่สุดลูกธนูก็ถูกยิงออกไปกว่าสี่สิบดอก สุดท้ายแล้วเหมาเหว่ยหลงก็ยิงโดนปลาคาร์ฟสีดำตัวหนึ่ง ปลาโชคร้ายตัวนี้ ถูกยิงผ่านเข้าไปทางปาก เหมาเหว่ยหลงดึงขึ้นมาดูแล้วก็ได้แต่หัวเราะได้ใจ “ดูสิ ฉันเป็นนักธนูระดับเทพใช่หรือเปล่า? อารมณ์ทะลุปากเป็นไงบ้างล่ะ?”
ฉินสือโอวเบ้ปากบอกนายสุดยอดจริงๆ การยิงปลาตัวนี้ได้ทำให้เหมาเหว่ยหลงกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง หลังจากพยายามอีกสักพักเขาก็ยิงปลาคาร์ฟได้อีกหนึ่งตัว
ทะเลสาบเฉินเป่ามีปลาคาร์ฟเอเชียไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นเบียดเสียดกัน ดังนั้นการยิงปลาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่สภาพร่างกายของฉินสือโอวดีเกินไป สายตาตรวจจับก็ดี เขาถึงได้เรียนรู้ทักษะจนกลายเป็นยอดฝีมือตั้งแต่การยิงปลาครั้งแรก
ฉินสือโอวขึ้นบกพร้อมลากปลาตัวใหญ่สิบสี่สิบห้าตัวมาด้วย ที่นี่ต่างก็มีแต่ผู้ชาย ดังนั้นพวกเขาจึงก็ถอดเสื้อผ้าที่เปียกโชกออกแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมปาร์ตี้ปิ้งย่าง
ฉินสือโอวบอกว่าในครั้งนี้ เขาจะทำปลาย่างสไตล์จีนแท้ พวกชาร์คที่ตามมาทีหลังต่างตั้งตารอคอย พวกเขาคิดว่าปลาย่างก็ต้องย่างบนเตาถ่านย่าง ดังนั้นเมื่อเห็นฉินสือโอวเตรียมหม้อถึงได้ตะลึงตาค้าง
ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็น พระอาทิตย์ยังลอยเด่นอยู่บนฟ้า แต่มันก็เอียงไปทางตะวันตกมากแล้ว แสงอาทิตย์ก็ไม่ได้ร้อนแรงอีกต่อไป แสงที่สาดลงบนร่างกายของทุกคนมีเพียงความร้อนเล็กน้อยไม่ถึงกับทนไม่ได้
เหมาเหว่ยหลงยืนอยู่ข้างทะเลสาบและมองไปรอบๆ ทิศตะวันออกและทิศเหนือของทะเลสาบใหญ่เป็นภูเขาสูงใหญ่เขียวขจี ริมทะเลสาบมีพืชน้ำขึ้นอยู่มากมาย น้ำใสเป็นประกาย มีนกน้ำบินออกมาจากพงหญ้าและบินวนอยู่เหนือน้ำ เมื่อพวกมันจับปลาเล็กได้พวกมันก็จะบินจากไป
เมื่อถึงเวลานกบินกลับรังก็จะได้เห็นฝูงนกบินร่อนอยู่บนท้องฟ้าเข้าไปในป่า บางสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนก็จะมีกวางหมีลู่ กวางมูส กระต่าย และไก่ป่าตัวอื่นๆมาดื่มน้ำริมทะเลสาบ
แสงอาทิตย์สาดส่องลงบนผืนน้ำแล้วสะท้อนแสงเป็นสีส้มแดงอันอบอุ่น ลมทะเลพัดมาจากทั่วทุกสารทิศ กิ่งไม้ใบไม้ของต้นเมเปิลและต้นหลิวบนบกพลิ้วไหวจนเกิดเป็นเสียง ‘ฮวาลาลา’ คล้ายเสียงเรียกเข้า
พาวลิสและคนอื่นๆ สี่คนสวมใส่กางเกงขาสั้นและกำลังเล่นอยู่ริมทะเลสาบ หู่จือและเป้าจือก็อยู่ในกลุ่มด้วย บางครั้งพวกมันก็สะบัดน้ำที่อยู่บนขนออกและหยอกล้อให้เด็กๆส่งเสียงร้องไม่หยุด ฉงต้านั่งกินผลเบอร์รีอยู่ริมทะเลสาบ ตัวเองกินลูกหนึ่งแล้วให้ต้าป๋ายบนไหล่กินอีกลูกหนึ่ง ดวงตาบนหน้ากลมอ้วนยิ้มจนเป็นเส้นตรงอย่างรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
หู่จือพุ่งเข้าไปข้างกายฉงต้าแล้วสลัดขนไปมาจนทำให้หยดน้ำมากมายหยดบนร่างฉงต้า จากนั้นฉงต้าก็ส่งเสียงร้องออกมาสองคำก่อนจะยกอุ้งเท้าอ้วนๆขึ้นโบกไปมาทำท่าจะตีหู่จือ
เห็นดังนี้หู่จือจึงรีบวิ่งไปยังทะเลสาบ ฉงต้ากลัวน้ำ เห็นแบบนี้เลยทำได้เพียงนั่งลงด้วยความโกรธ
พาวลิสและเชอร์ลี่ย์เห็นแบบนี้ก็ปรึกษาหารือกัน จากนั้นเด็กๆ ทั้งสี่คนขึ้นมาลากฉงต้าลงไปในน้ำ
เดิมทีฉงต้ายังเล่นกับพวกเขาอย่างมีความสุข แต่พอถึงริมน้ำมันก็ร้อนรนขึ้นมาแล้วส่งเสียงร้อง ‘อ๋าววูอ๋าววู’ ออกมา ดวงตาเล็กๆของมันเบิกกว้างพลางหันหน้าไปมองฉินสือโอวด้วยหน้าตาน่าสงสาร
ฉินสือโอวยกยิ้มแล้วเดินมาอุ้มฉงต้าขึ้น เขาใช้น้ำล้างขนให้ฉงต้าเพื่อให้มันรู้สึกได้ว่าน้ำอุ่นๆก็ไม่ได้น่ากลัว ฉงต้าถึงได้ไม่ดิ้นอีก
จากนั้นเขาก็วางฉงต้าลงข้างทะเลสาบแล้วไปดูปลาย่างต่อ
ฝั่งชาร์คและซีมอนสเตอร์เองก็เริ่มปิ้งย่างกันแล้ว ปลาย่างที่พวกเขาทำก็คือปลาย่างสไตล์อเมริกัน พวกเขานำเนื้อปลาส่วนที่หนาหนุ่มที่สุดมาหั่นเป็นชิ้นแล้วย่างบนเตาย่าง
ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงเองก็ยุ่งอยู่กับปลาย่างสไตล์เสฉวน เขาเลือกปลาซ่งขนาดพอเหมาะ ความยาวประมาณสี่สิบเซนติเมตรมาแล้วเอาเครื่องในกับเกล็ดออก จากนั้นก็นำล้างให้สะอาดแล้วใช้มีดผ่าตั้งแต่หัวปลา ส่วนท้องไปจนถึงส่วนหางปลา
จากนั้นใช้มีดทหารตัดก้างปลาใหญ่ภายในออก แบบนี้จะได้เอาไปวางบนถาดย่างอย่างเหมาะกับการย่างได้
ทางฝั่งฉินสือโวเริ่มทาเครื่องปรุงต่างๆบนตัวปลา ฝั่งเหมาเหว่ยหลงก็เตรียมผักแกล้ม ขึ้นฉ่าย แครอทหั่นชิ้น มันฝรั่ง รากบัวหั่นแผ่น หอมแดง ผักกาดหอมหั่นเส้น ต้นหอม ขิง กระเทียม ผักชี และพริกแดงสดสับละเอียด
ครั้งนี้เหมาเหว่ยหลงยังเอาพริกดองมาให้ฉินสือโอวด้วย และเพราะมีของพวกนี้ พวกเขาถึงสามารถทำปลาย่างสไตล์เสฉวนได้
นีลเซ็นขับรถฮาร์เล่ย์คู่ใจของเขาเข้ามาทางด้านหลัง บนรถยังมีไก่ป่าเฮเซลแขวนมาอีกสองตัวด้วย
ฉินสือโอว “นายไปล่าสัตว์ในป่ามาเหรอ?”
นีลเซ็นอธิบาย “ไม่ใช่ คือตอนที่ผมไปตรวจฟาร์มปศุสัตว์ก็เจอเข้ากับเจ้าสองตัวนี้ ผมเลยจับมาด้วย”
เออร์บักตำหนิ “ช่วงนี้เป็นฤดูผสมพันธุ์ของไก่ป่าเฮเซล วันหลังอย่าไปจับช่วงนี้อีก ทะเลสาบเฉินเป่ามีเป็ดกับห่านจำนวนไม่น้อย ถ้าพวกเราอยากกินก็มาจับทางนี้สักสองตัวก็ได้”
ไก่ป่าเฮเซลสองตัวนี้ยังไม่ตาย พวกมันเพียงแค่ถูกแขวนเอาไว้บนรถ ฉินสือโอวคิดถึงรสชาติของเจ้าพวกนี้ก็อยากอาหารขึ้นมาทันที แต่เขาไม่อยากขัดคำของเออร์บักจึงนำไก่ป่าเฮเซลไปปล่อยไว้ริมทะเลสาบ
นีลเซ็นยักไหล่ เขาคว้าเอาธนูของเหมาเหว่ยหลงขึ้นมาแล้วพาหู่จือกับเป้าจือไปเดินเล่นริมทะเลสาบ พลบค่ำเป็นเวลาที่นกน้ำคึกคัก จะจับสักตัวสองตัวจึงเป็นเรื่องง่ายดาย
ไม่นานเขาก็พบกับฝูงนกอีล้ำฝูงหนึ่ง นกชนิดนี้มีสีดำทั้งตัวและกระจายอยู่ทั่วโลก มักพบเห็นบริเวณทะเลสาบ แม่น้ำและลำธาร พวกมันบินไม่เก่งจึงต้องอาศัยแรงวิ่งบนน้ำระยะหนึ่งก่อนค่อยบิน นีลเซ็นไม่ต้องลงมือ หู่จือและเป้าจือก็พุ่งเข้าไปตะครุบได้ถึงสองตัว
ฉินสือโอวเริ่มเตรียมตัวทำปลา เขารอให้ปลาหมักได้ทีแล้วค่อยตั้งกระทะก่อนจะเทน้ำมันมะกอก ใส่พริกไทยและพริกแห้งลงไปผัดจนหอม จากนั้นค่อยใส่ต้นหอม ขิง กระเทียมผัดให้หอมแล้วค่อยใส่เครื่องปรุงปลาย่างที่เหมาเหว่ยเอามาลงไป
เขาผัดด้วยไฟแรงจนส่งกลิ่นหอม จากนั้นก็ใส่ผักสดลงไปผัดอีกก่อนจะเทน้ำสะอาดลงไปแล้วนำปลาที่หมักเสร็จแล้วใส่เข้าไปในหม้อเพื่อเริ่มต้ม
………………………………….
บทที่ 178 สัตว์มากมายในดงป่า
โดย
Ink Stone_Fantasy
นีลเซ็นกลับมาบ้านอย่างสบายใจพร้อมนกเป็ดน้ำสองตัวและห่านป่าอีกหนึ่งตัว เขาคืนธนูให้กับเหมาเหว่ยหลง พลางออกปากชื่นชม “นี่เป็นธนูที่ดีทีเดียว วันนี้คุณใช้ธนูคันนี้ยิงปลาคงต้องทำออกมาได้ดีแน่ๆ!”
เหมาเหว่ยหลงหน้ากระตุก ฉินสือโอวเองก็หัวเราะออกมายกใหญ่แล้วร้องถาม “โคโกโร่ แกทำได้ดีหรือเปล่า?”
“ไสหัวไปเลย เผาปลาของแกไป!” เหมาเหว่ยหลงหันกลับไปด่าอย่างหัวเสีย
นกเป็ดน้ำและห่านป่าถูกนำมาถอนขนและเอาเครื่องในออก เป็ดใช้วิธีย่างไฟดีที่สุด เรื่องแบบนี้เหมาเหว่ยหลงเข้าใจดีเพราะเขาเคยเห็นเตาย่างเป็ดแบบแขวนที่ปักกิ่งมาเยอะ ถึงแม้ที่นี่จะไม่มีเตาย่างแบบนั้น แต่เครื่องปรุงและกองไฟมีพร้อมจึงย่างได้เหมือนกัน
ห่านตัวอวบอ้วนถูกสับแบ่งเป็นชิ้นๆ แล้วโยนลงไปในหม้อแรงดัน ถ้าเสิร์ฟพร้อมปลาย่างก็คงไม่เลวนัก
เออร์บักใช้กระดาษพลาสติกสำหรับปิกนิกปูให้เรียบร้อยแล้วจึงขับรถเข้าไปซื้อพวก พิซซ่า ไส้กรอก แฮมเบอร์เกอร์ในเมือง พาวลิสและเชอร์ลี่ย์หยิบเกี๊ยวที่เหลือออกมา อาหารมากมายที่กองอยู่ทำให้อีวิลสันมีความสุขอย่างล้นเหลือ
ปลาย่างต้มอยู่ในหม้อปุดปุด และเพียงไม่นานกลิ่นเผ็ดก็โชยออกมา ฉินสือโอวเทไวน์ลงไปในหม้อเล็กน้อยแล้วปิดฝาต้มต่อ
ซีมอนสเตอร์ย่างปลา ชาร์คย่างเนื้อ เหมาเหว่ยหลงย่างเป็ด นีลเซ็นตุ๋นห่าน ทุกคนต่างสาละวนกับงานตรงหน้า
เมื่อพระอาทิตย์ตก เออร์บักก็สั่งให้อีวิลสันแขวนโคมไฟก่อนที่เครื่องยนต์รถกระบะจะทำงานจ่ายกระแสไฟอย่างต่อเนื่อง
เหมาเหว่ยหลงมองไปสภาพรอบๆที่ว่างเปล่าแต่ไม่โดดเดี่ยว เขามองไปที่กลุ่มคนที่กำลังยุ่งแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสบายใจ จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับฉินสือโอว “ที่นี่มันสบายดีจริงๆเลยนะ สัตว์ป่าพวกนี้เมื่อเทียบกับความลำบากของพวกเราแล้ว ถือว่ามีชีวิตอย่างสุขสบายเลยล่ะ”
ฉินสือโอวไม่ปฏิเสธ เขายิ้มน้อยๆ ใช่ ตอนนี้ชีวิตเขาสุขสบายมาก เขาพอใจมากแล้ว
เออร์บักนำผลไม้ที่ซื้อมาทำเป็นสลัด ฉงต้างับเอาชามข้าวตัวเองจากรถกระบะแล้ววิ่งไปหมอบอยู่ตรงหน้าเออร์บักอย่างเชื่องๆ ตอนนี้มันทั้งเชื่องและแสนรู้
ปลาย่างเสร็จแล้ว เนื้อปลาตุ๋นก็จัดวางเรียบร้อยพร้อมที่จะเสิร์ฟแล้ว หม้อแรงดันยังคงอัดพ่นความร้อนออกมาขณะที่กลิ่นหอมของห่านป่าก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ
พวกเราเริ่มลงมือกินข้าว อีวิลสันใช้ส้อมจิ้มเนื้อมากินก่อนชิ้นหนึ่ง เขาเคี้ยวไปมาแล้วเตรียมจิ้มคำถัดไปใส่ปาก
เหมาเหว่ยหลงจิบไวน์ไปและสอนอีวิลสันใช้ตะเกียบไปด้วย นีลเซ็นเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมา “เสียเวลาเปล่าๆ เหมา แท่งเล็กๆสองแท่งนี้ฉันเรียนยังไงก็ใช้ไม่เป็น”
อีวิลสันมีท่าทางเงอะงะ มือขวาถือส้อม ส่วนมือซ้ายก็จับตะเกียบพยายามที่จะลอง ตอนเริ่มแรกก็เกร็งและรู้สึกแปลกๆ แต่พอเหมาเหว่ยหลงสาธิตให้เขาดู เขาก็มองอย่างละเอียดก่อนที่มือข้างหนึ่งจะใช้ตะเกียบหยิบชิ้นปลาขึ้นมาได้อย่างแม่นยำแล้วกินเข้าปากไปอย่างเอร็ดอร่อย
นีลเซ็นไม่เอ่ยอะไรออกมา เขาลองจับตะเกียบขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังใช้ไม่เป็นอยู่ดี
บางครั้งคนเรามีความทึ่มบ้างก็เป็นข้อดี เพราะทำเรื่องอะไรก็จะได้มีความตั้งใจ จดจ่อ เรียนรู้อะไรที่ง่ายๆ ก็สามารถเรียนรู้ได้ไวกว่าคนทั่วไป
เมื่อเป็นเช่นนี้ อีวิลสันจึงเริ่มโชว์ความสามารถ มือขวาถือส้อม มือซ้ายจับตะเกียบ สองมือสลับกันตักอาหารกินไปมาอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำไหล
“เชี่ย นี่มันวิชาสองมือประสาน” เหมาเหว่ยหลงชื่นชมแล้วพูดต่อ “ฉันสอนลูกศิษย์ที่ดีขนาดนี้ออกมาคนหนึ่งเลยนะเนี่ย”
ฉินสือโอวเหลือบมองไปที่เขาแวบหนึ่งแล้วพูดออกมา “ช่างมันเถอะ นายรีบๆกิน อีวิลสันปกติก็เป็นคนกินจุอยู่แล้ว นี่มีนายสอนแบบนี้ก็กลายเป็นกินจุสองเท่าไปเลย พวกเราที่กินช้าคงต้องเพิ่มความเร็วในการกินแล้วล่ะ”
เมื่อกินเนื้อย่างและปลาย่างไปได้ครึ่งหนึ่ง เนื้อห่านป่าก็ตุ๋นสุกแล้ว ฉินสือโอวเริ่มกินซุปก่อน แต่เหมาเหว่ยหลงกลับเอาปีกมาเล็มกินก่อนอย่างเอร็ดอร่อย
รสชาติของเนื้อห่านนั้นวิเศษมาก เหมาเหว่ยหลงทานไปก็ชมไปไม่หยุดปาก หลังจากนั้นเขาก็ถามขึ้น “ฉันได้ยินมาว่าที่แคนาดาสัตว์จำพวกสัตว์ปีกได้รับการคุ้มครองอยู่ อย่างห่านป่านี่ไม่ได้รับความคุ้มครองเหรอ?”
ฉินสือโอวตอบ “ไม่มี นายกินอย่างสบายใจได้ เพราะนี่เป็นห่านป่าของประเทศแคนาดา ไม่ใช่พวกห่านเพรียง หงส์ขาวหรือหงส์แตรพวกนั้น เจ้าพวกนี้ไม่ใช่แค่กินได้เท่านั้นนะ แต่ยังเอาไปค้าขายได้ด้วย”
ที่แคนาดามีห่านป่าเยอะที่สุด และไม่ได้จัดอยู่ในรายชื่อสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครอง ในขณะเดียวกันนั้นนกประเภทนี้ยังประสบความสำเร็จในการสืบพันธุ์แบบผสมเทียมด้วย ห่านป่าแบบเลี้ยงจึงเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของอาหารสัตว์ปีกของชาวแคนาดา
เออร์บักหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ขอบเขตในการใช้กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าโดยทั่วไปจะแบ่งตามภูมิภาค สิ่งที่เหมากังวลก็มีเหตุผลอยู่ ห่านป่าพวกนี้ถ้าอยู่ที่อเมริกาก็จะได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญากรุงวอชิงตัน ซึ่งจะไม่อนุญาตให้จับนกประเภทนี้ เพราะที่อเมริกาห่าน ประเภทนี้มีจำนวนและชนิดไม่มากนักและกำลังจะสูญพันธุ์แล้ว”
นี่ถือเป็นอีกโศกนาฏกรรมที่เกิดจากการจับหรือฆ่าตามอำเภอใจ เมื่อก่อนห่านป่าแคนาดาจะขยายพันธุ์จากอเมริกาเหนือไปยังยุโรปตะวันตกโดยธรรมชาติ อย่างเช่นที่ประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ สแกนดิเนเวีย ก็เคยพบร่องรอยของพวกมันแล้ว
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือห่านป่าแคนาดายังเจริญเติบโตที่แคนาดาและทางเหนือของอเมริกา สมัยก่อนเกรตเลกส์รักษาจำนวนห่านป่าในแคนาดาเอาไว้ได้มากมาย และก็เป็นเช่นเดียวกับห่านส่วนใหญ่ พวกมันเองก็มักจะทำการอพยพไปเช่นกัน และพื้นส่วนใหญ่ที่มันใช้หลบหนาวก็อยู่ที่สหรัฐอเมริกานั่นเอง
ชาวอเมริกาพบว่าเนื้อของนกประเภทนี้อวบและอร่อยมาก ส่วนหัวก็ใหญ่โตและอร่อยกว่าไก่งวงหลายเท่า ดังนั้นในตอนต้นศตวรรษที่ 20 ทางตอนเหนือของอเมริกาจึงเริ่มออกล่าห่านป่าเป็นเวลาต่อเนื่องนานถึงครึ่งศตวรรษ จนเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองจบลง ชาวอเมริกาจึงเริ่มค้นพบว่าสัตว์จำพวกนกชนิดนี้ที่เคยพบเจอที่เกรตเลกส์บ่อยๆหายไปหมดแล้ว
ในเวลานี้เองชาวอเมริกาที่เพิ่งรู้สึกตัวก็เริ่มเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้นและเริ่มตั้งกฎหมายคุ้มครองสัตว์ประเภทนกนี้ จนกระทั่งปี 1962 ห่านป่าแคนาดากลุ่มเล็กๆถึงเพิ่งจะถูกพบว่าพวกมันไปหลบหนาวที่เมืองรอเชสเตอร์ มลรัฐมินนิโซตา
แต่ตอนนี้ห่านป่าแคนาดาชนิดนี้ไม่ได้ไปหลบหนาวที่อเมริกาอีกแล้ว พวกมันเปลี่ยนเส้นทางอพยพและยอมบินวนออกไปไกลขึ้นทางชายฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากนั้นก็ไปหลบหนาวที่อเมริกากลางหรือไม่ก็หลบอยู่ที่ทางตอนใต้ของนิวฟันด์แลนด์ที่มีพื้นที่ค่อนข้างอบอุ่นโดยไม่บินไปอเมริกาแล้ว
เออร์บักเล่าเรื่องที่เกิดกับห่านป่าแคนาดาให้ฉินสือโอวและเหมาเหว่ยหลงฟัง นี่ถือเป็นเรื่องอัศจรรย์โดยแท้ ด้วยเวลาสิบกว่าปีมานี้ห่านป่าต้องเปลี่ยนกฎเกณฑ์เส้นทางอพยพเพื่อที่จะรักษาเผ่าพันธุ์ของมันเอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่พบได้ยากในธรรมชาติแบบนี้
พวกเขาฟังเรื่องราวในอเมริกาเหนือที่เออร์บักเล่าให้ฟังและกินอาหารปิ้งย่างพลางดื่มเบียร์ไปด้วย ช่วงเวลาแห่งการดื่มด่ำในมื้อเย็นนี้ช่างจบลงไวจริงๆ
หลังจากทานเสร็จแล้วก็เตรียมตัวกลับบ้าน ก่อนอื่นสิ่งที่ต้องทำก็คือการทำความสะอาด เพราะที่ทะเลสาบเฉินเป่าแห่งนี้มักมีผู้คนมาปิกนิกบริเวณรอบๆทะเลสาบ แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบกลับได้รับการดูแลอย่างดีจนมีขยะน้อยมาก เพราะคนที่มาเที่ยวที่นี่มักจะเก็บขยะไปทิ้งด้วยตอนกลับเสมอ
ฉินสือโอวพูดกับเหมาเหว่ยหลง “พวกเรามาหาลู่ทางทำแหล่งท่องเที่ยวกับจีนกันดีกว่า นายช่วยฉันหน่อยสิ แต่ต้องบอกบริษัททัวร์พวกนั้นด้วยว่าต้องมีการยกระดับผู้ใช้บริการของพวกเราด้วย ไม่อย่างนั้นมันจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของชาติเรา แบบนั้นคงไม่ดีสักเท่าไร”
เหมาเหว่ยหลงตบหน้าอกตัวเองแล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้นายวางใจได้ ฉันจะจัดการเอง เกาะเล็กๆแห่งนี้เป็นสวรรค์บนดินสำหรับพักผ่อนเห็นๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่เคยมีใครมาเข้ามาพัฒนาการท่องเที่ยวที่นี่ ฉันวางแผนที่จะทำให้แหล่งท่องเที่ยวบนเกาะนี้เป็นแบบระดับไฮเอนด์ที่สามารถรับประกันคุณภาพชีวิตของคนที่มาเที่ยวที่นี่ และรับประกันระดับการใช้จ่ายได้ด้วย”
ฉินสือโอวไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เหมาเหว่ยหลงเชี่ยวชาญกว่าเขามาก เพื่อนที่รู้จักก็มีมากมาย ประสบการณ์ก็ท่วมท้น
อีกไม่กี่วัน วันหยุดของเหมาเหว่ยหลงก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
……………………………………….
บทที่ 179 เส้นทางการลดน้ำหนักของฉงต้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
สี่ห้าวันให้หลังมานี้ หลักๆ แล้วฉินสือโอวพาเขาเล่นพวกสกีน้ำ โต้คลื่นอะไรประมาณนี้ เหมาเหว่ยหลงเล่นห่วยกว่าเพื่อนมาก มักเป็นฉินสือโอวที่ขับเรือยนต์ลากเหมาเหว่ยหลงไปทั่ว ทำเอาอีกฝ่ายลำบากไม่น้อย
เล่นจนเหนื่อยจึงกางร่มกันแดดกลางหาดตากลมทะเล ไม่ก็นั่งเรือยนต์ออกทะเลไปตกปลา ไม่ว่ายังไงก็สนุกกันสุดๆ
เหมาเหว่ยหลงแอบคิด ครั้งนี้มากินดี เที่ยวสนุก พักผ่อนก็ดี น่าเสียดายที่ไม่มีสาวมาอยู่เป็นเพื่อน
วันจันทร์ เหมาเหว่ยหลงยังไปรับส่งพวกพาวลิสทั้งสี่ไปโรงเรียนอยู่เลย เขาไม่ได้สนตรงนั้น แต่ประเด็นอยู่ที่คุณครูเชอริลอกโตต่างหาก
ปรากฏว่าทางโรงเรียนไม่ให้เขาเข้าไป เขาเลยได้แต่ยืนกร่อยโบกมือลาเด็กๆ ทั้งสี่อยู่ข้างนอก ทำเอาฉินสือโอวหัวเราะลั่น
เหมาเหว่ยหลงก็ถือว่าเป็นพวกรักแรง อย่างไรก็เป็นผู้ชายที่ให้สเวตเตอร์ไปเยอะตลอดระยะเวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นทุกๆวันตอนเข้าเรียนและเลิกเรียนเขาก็จะไปยืนเซ่ออยู่หน้าประตู หวังว่าจะได้มีฉากเจอกับเชอริลโดยบังเอิญแบบดีๆ
ปรากฏว่าไม่ได้เจอ ลุงชัคคนเฝ้าประตูโรงเรียนกลับนึกว่าเขาเป็นพวกค้ามนุษย์ กระทั่งโทรไปแจ้งตำรวจแล้วว่าช่วงนี้มีคนแปลกๆ มักจะมายืนเฝ้าอยู่หน้าประตูโรงเรียนเหมือนพวกค้ามนุษย์มาสังเกตการณ์ จะมาเวลาเดียวกันทุกวันแล้วก็สังเกตรอบๆ ตัว
เจ้าพนักงานมณฑลโรเบิร์ต แคริแลนด์โทรหาฉินสือโอวจนเขาต้องไปอธิบายถึงเข้าใจความเป็นมา
เรื่องนี้ทำเอาเหมาเหว่ยหลงเศร้าสร้อยไม่เบา มาเที่ยวครั้งเดียวกลายเป็นว่าทั้งสถานีตำรวจอเมริกาและแคนาดาก็เคยเข้ามาแล้ว
ฉินสือโอวเห็นว่าเหมาเหว่ยหลงจริงจังเลยไปบอกกับลุงชัค อีกฝ่ายดูจะยินดีที่จะเห็นบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเขากับเชอริล พอเขาบอกว่าอยากเจอครูเชอริล ลุงชัคก็เข้าไปเรียกให้อย่างยินดี
ไม่กี่นาทีเชอริลก็รีบร้อนเดินออกมา
ในโรงเรียนเชอริลจะแต่งตัวเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดากับกระโปรงสีดำทรงดินสอ ผมสลวยถูกมัดรวบเป็นหางม้าไปด้านหลัง ใส่แว่นไร้กรอบ ดูดึงดูดและสง่าเรียบร้อย เพียงแต่ความเย้ายวนของเธอนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ปิดไม่มิด
เพราะว่าอกของเธอใหญ่เกินจนทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวมีความโค้งตูมมากเป็นพิเศษแล้วยังขยับไปตามการเคลื่อนตัวของเธอ ราวกับจะปริออกมาได้ทุกเมื่อ แม้ว่ากระโปรงตัวนี้จะใหญ่ แต่สะโพกของเธองอนมากเกินจนช่วงล่างของกระโปรงแน่น ส่วนโค้งเว้าของหุ่นเธอดีมากจริงๆ
เห็นใบหน้าและหุ่นเชอริล ฉินสือโอวอ้าปากพะงาบๆ จะโทษเหมาเหว่ยหลงก็ไม่ได้ สาวคนนี้เย้ายวนจริงๆ
พอเรียกเชอริลออกมา ฉินสือโอวอยากจะช่วยเหมาเหว่ยหลงสารภาพรัก แต่เขาก็อ่อนหัดในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ขนาดเรื่องวินนี่เหมาเหว่ยหลงยังเป็นคนช่วยเขาเลย แบบนี้มาคิดๆดูอย่างไรก็หลบไปข้างๆ จะดีกว่า ให้เหมาเหว่ยหลงจัดการปัญหานี้เอง
เห็นเชอริลที่อยู่ในชุดอีกแบบ เหมาเหว่ยหลงแทบจะตื่นเต้นจนระเบิด ฉินสือโอวเดินเข้ามาดึงเขาไว้แล้วกระซิบพูด “โหย สาวแว่นนี่! สาวแว่นอกโตด้วย! สาวแว่นอกโตผมทอง! นั่นคือเซเทลไลเซอ เอล บริดเจ็ทจากเรื่องนักสู้พันธุ์พิฆาตชัดๆ!”
“คืออะไรกัน?” ฉินสือโอวถาม เขาไม่ค่อยดูการ์ตูนญี่ปุ่น ส่วนหนังญี่ปุ่นเขาก็ชอบแต่หนังรักแอ็คชั่น
เหมาเหว่ยหลงไม่ได้ตอบ เขาเดินเข้าไปหาเชอริลอย่างตื่นเต้น สีหน้าไม่มีความเกรงกลัว ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดูอาจหาญ
ฉินสือโอวคอยดูอยู่ข้างหลัง เขารู้สึกว่าเงาร่างด้านหลังของเพื่อนดูออกจะเศร้า เลยอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “ลมพัดริมแม้น้ำอี้จนหนาวเหน็บพอคนบื้อเข้าหา สาวก็ไม่กลับมาอีก…”
สองนาทีให้หลัง เชอริลก็ยิ้มให้ฉินสือโอวตามมารยาทแล้วโบกมือก่อนจะจากไป
เหมาเหว่ยหลงทำหน้าหงอยผิดหวัง ฉินสือโอวไม่รู้จะพูดอะไร ไม่ต้องถาม เขาคงถูกปฏิเสธรักมา อีกอย่างเขาเก็บความในใจไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็เล่าออกมาเอง
เป็นอย่างที่คิด แค่แป๊บเดียวเหมาเหว่ยหลงก็พูดออกมา “เธอปฏิเสธฉัน เธอบอกว่าเธอไม่อยากเป็นแฟนกับคนต่างชาติ”
“โห นี่คือเหยียดสัญชาติหรือเหยียดเชื้อชาติ?” ฉินสือโอวพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
เหมาเหว่ยหลงถอนใจแล้วพูดขึ้น “เธอบอกว่าเธอจะไม่หาแฟนที่มีพื้นฐานวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างกัน นอกจากไม่มีอะไรจะคุยกัน แล้วยังอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างครอบครัวแล้วก็ผู้ใหญ่ด้วย”
เหตุผลนี้ก็สมเหตุสมผล ฉินสือโอวมาคิดๆ ดู
“ฉินโซ่ว แกว่าถ้าฉันเปลี่ยนสัญชาติเป็นแคนาดา ฉันจะมีความหวังจีบเชอริลได้ไหม?” เหมาเหว่ยหลงพูดด้วยความหวัง
ฉินสือโอวพูดโดยไม่ลังเล “พ่อตีแกตายแน่”
สภาพครอบครัวต่างกัน เหมาเหว่ยหลงที่มาจากครอบครัวหัวโบราณ ไม่มีทางเปลี่ยนสัญชาติอื่นได้แน่ ถ้าเขาทำแบบนั้นจริง การคุมบ้านของพ่อเขาคงมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหมาเหว่ยหลงเสียดายที่สุด พอวันหยุดสิ้นสุดลง ฉินสือโอวก็ไปส่งเขาที่สนามบินเซนต์จอห์น เขาทำสีหน้าเศร้าโศกเหมือนท้องผูกแล้วพูดว่า “ทำไมฟ้าถึงทำกับฉันแบบนี้? ฉินโซ่ว เข้าใจฉันใช่ไหม?”
ฉินสือโอวรู้ว่าเขายังคิดเรื่องเชอริลจึงพูดปลอบใจ “ไม่เป็นไรเพื่อน ฉันเข้าใจ…..”
“แกจะเข้าใจได้ไง แกเคยเจอความรักสวยงามอันน่าเศร้าแบบนี้เหรอ? เคยเจอประสบการณ์ความรักซับซ้อนแบบนี้เหรอ?” เหมาเหว่ยหลงพูดแทรกขึ้นมาแล้วระบายความทุกข์ใจต่อ
ฉินสือโอวพูดไม่ออก ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะกระทบกับอารมณ์ตอนนั่งเครื่องบินของเหมาเหว่ยหลง เขาละอยากจะพูดว่า ที่เขาเจอมันน่าสงสารก็จริง แต่คงจะเรียกว่า ‘สวยงาม’ ไม่ได้
กำลังเอากระเป๋าแต่ละใบเข้าโหลด ตอนที่เหมาเหว่ยหลงมาเขาเอากระเป๋าใบใหญ่มาด้วยหลายใบ ตอนกลับก็ไม่ต่างกัน ข้างในนั้นมีแต่สินค้าอาหารทะเลแห้งที่ฉินสือโอวเตรียมให้อย่างโสมอเมริกา ปลิงทะเล หอยเป๋าฮื้อ
จะต้องลากันแล้ว ทั้งสองออกจะอาลัยอาวรณ์กันมากอยู่ กอดแล้วกอดอีก สุดท้ายทางสนามบินเริ่มประกาศเตือนให้ขึ้นเครื่อง เหมาเหว่ยหลงถึงแลกบอร์ดดิ้งพาสแล้วเข้าไปรอในห้องรับรอง
สักพักหลังจากนั้น ฉินสือโอวที่อยู่นอกสนามบินมองดูเครื่องบินเหินขึ้นฟ้าพลางถอนหายใจก่อนจะขับรถกลับไปที่ฟาร์มปลา
ฟาร์มยังคงเหมือนเดิม แต่พอไม่มีเหมาเหว่ยหลงก็เหมือนจะไม่ค่อยเหมือนเดิมแล้ว อืม พูดแบบสวยหรูหน่อยก็คือมีกลิ่นอายของความเวิ้งว้างเพิ่มขึ้นมา
แม้แต่หู่จือกับเป้าจือยังแปลกไปเล็กน้อย เห็นฉินสือโอวกลับมาคนเดียวพวกมันก็วิ่งไปดูที่ประตูอีก ไม่เห็นเหมาเหว่ยหลงที่มักจะตัวติดกับฉินสือโอวจึงกะพริบตาอย่างสับสนก่อนจะวิ่งกระดิกหางกลับมา
ฉงต้ากำลังเล่นคนเดียว ลูกบาสที่ฉินสือโอวซื้อมากลายเป็นของเล่นของมันไปแล้ว ใช้อุ้งเท้าตบบ้างเป็นบางครั้ง พอมองดูบอลที่กลิ้งอยู่ก็ฉีกยิ้ม
ฉินสือโอวนึกว่ามันจะไปไล่ตามลูกบอล แบบนั้นก็ยังถือว่าเพิ่มการออกกำลังกายและได้ลดน้ำหนักแล้ว
แต่ว่าฉงต้ามันขี้เกียจได้โล่จริงๆ พอบอลกลิ้งออกไปมันก็หันไปร้องครางกับต้าป๋าย ต้าป๋ายจึงวิ่งไปดันบอลกลับมาแล้วมันก็เงื้อมือตบบอลออกไป วนอยู่แบบนั้น
ยามบ่ายฉินสือโอวไม่มีธุระ เขาจึงวางแผนลดน้ำหนักให้กับฉงต้า
เขาลากฉงต้ามาหน้าโซฟา ฉงต้าราวกับรู้ว่าท่าไม่ดีเลยเอาแต่นอนราบไปบนพื้นท่าเดียว
ฉินสือโอวอารมณ์ดีขึ้นมา แกนี่แน่มาก กล้าออดแอดกับฉันเหรอ? มีการกลิ้งไปมาอีก? ได้ ดูสิฉันจะจัดการแกยังไง
พินิจร่างกายอ้วนท้วนของฉงต้าเสร็จ ฉินสือโอวก็ลูบหน้าท้องกลมยื่นของมันก่อนจะพูดกับตัวเอง “ได้ งั้นเริ่มลดที่หน้าท้องก่อนเลยแล้วกัน เริ่มจาก ‘ออกกำลังลดหน้าท้อง’”
เขาหยิกหูของฉงต้า นอนราบบนโซฟาแล้วทำซิทอัพเป็นตัวอย่าง
ฉงต้ามองดูอึ้งๆ มันนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมขยับแม้แต่นิดเดียว
……………………………………………………
บทที่ 180 สาหร่าย
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนที่เหมาเหว่ยหลงกลับไปเป็นวันที่ 25 มิถุนายน เวลาผ่านไปเข้าปลายปีแล้ว
เจ้านี่ไวมาก พอกลับไปปักกิ่งก็ติดต่อไปที่บริษัททัวร์ฉวินซิ่น วันที่สองอีกฝ่ายก็ส่งจดหมายตรวจสอบมาให้รัฐบาลเมืองแฟร์เวล แฮมเล็ตมาปรึกษากับฉินสือโอวและตัดสินใจว่าจะรักษาสภาพระบบนิเวศเดิมของเมืองแล้วส่งจดหมายเชิญไปให้บริษัททัวร์
แบบนี้การท่องเที่ยวจีนก็จะได้พลิกโฉมแล้ว
ฉินสือโอวหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัททัวร์นี้ก็พบว่าเหมาเหว่ยหลงจัดการเรื่องนี้ได้ดีมาก บริษัททัวร์ที่เขาเลือกใหญ่มาก แทบจะเป็นบริษัททัวร์ที่ใหญ่ที่สุดในแถบเหนือของจีน มีสาขาทั้งหมดกว่าห้าสิบที่ทั่วประเทศ บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วซึ่งหาได้ยากในหมู่บริษัททัวร์
นอกจากนั้นบริษัททัวร์ฉวินซิ่นยังเป็นสมาชิกของสมาคมตัวแทนท่องเที่ยวจีน สมาคมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวปักกิ่ง สมาคมการท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิก สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ได้เข้าการจัดลำดับผลกำไรและภาษีของบริษัทนำเที่ยวทั่วประเทศของกรมการท่องเที่ยว บริษัทนี้อยู่ในสามลำดับแรก สองปีมานี้ก็ได้ที่หนึ่งติดกัน
ฮิวจ์คนน้องกลับมาตอนปลายเดือนมิถุนายน เขาเช่าร้านอยู่ข้างๆร้านสะดวกซื้อของพี่ชายชื่อว่า ‘ร้านขายของชำเผ่าซูเทือกเขาร็อกกี’ หลักๆ ก็ขายของป่าจากเทือกเขาร็อกกี ในหมู่สินค้าทั้งหมด โสมอเมริกันเป็นสินค้าหลักขายดี
เผ่าซูคือเผ่าอินเดียนแดงมีชื่อ อาศัยอยู่ในแถบทุ่งราบทางตะวันตกของอเมริกา ในตอนหลังคนอเมริกันยึดครองพื้นที่ของพวกเขา ทั้งสองฝ่ายสู้รบกัน เผ่าซูส่วนหนึ่งแพ้รบจึงหนีไปทางเหนือเข้าไปที่เทือกเขาร็อกกี
ฮิวจ์คนน้องบอกกับฉินสือโอวว่าเผ่าซูค่อนข้างใหญ่ มีประชากรทั้งหมดสี่ห้าพันคน อาศัยอยู่เขตกลางของเทือกเขาร็อกกีโลดแล่นไปในแถบอเมริกาและแคนาดา พวกเขาโกรธแค้นคนขาวมาก ภายหลังเพราะการอยู่รอดจำเป็นต้องพึ่งคนแคนาดาจึงค่อนข้างเป็นมิตรกับพวกเขา ฉะนั้นถึงยินดีค้าขายกับคนแคนาดาใช้ของป่าแลกของใช้ประจำวัน
สินค้าที่เขานำเข้ามาครั้งนี้หลักๆ ก็มีผลงานศิลปะสไตล์อินเดียนแดง หนังสัตว์ต่างๆ และพวกพืชพันธุ์มีค่าอย่างโสมอเมริกัน
พวกงานศิลปะหลักๆ จะเป็นงานแกะสลัก ไม้ที่ใช้แกะก็มีเอกลักษณ์มาก
อย่างสนเหลือง ต้นสนดักลาส ต้นลาร์ช ต้นสพรูส ต้นเฮมล็อกตะวันตก สนดำ ซีดาร์แดงตะวันตก ต้นสพรูสขาวกับแองเกิลแมน สพรูส ต้นไม้พวกนี้สามารถพบได้ทั่วไปในเทือกเขาร็อกกี ภายใต้การแกะสลักของชาวเผ่าซู ไม้พวกนี้กลายเป็นวัสดุชิ้นงานแกะสลัก
นอกจากนั้นยังมีเงินและทองแกะสลักอีกเล็กน้อยซึ่งก็แพงขึ้นมาอีก ในเทือกเขาร็อกกีมีเงินและทองเล็กน้อย เมื่อก่อนเผ่าซูขุดทอง ขุดเงินเองเพื่อเอามาค้าขายกับคนแคนาดา พอของป่าแพงขึ้นพวกเขาก็เริ่มเก็บเงินและทองไว้เอง ภายหลังก็กลายเป็นงานศิลปะ
หนังสัตว์ค่อนข้างมั่ว ชนิดก็หลากหลาย หมีควาย หมีกริซลี่ หมีสีน้ำตาล สิงโตภูเขาและหมาป่าทวีปอเมริกัน สัตว์ใหญ่แบบนั้นเป็นสัตว์ที่ทางเผ่าล่าเป็นหลัก สะสมขนของเจ้าพวกนี้ไว้ไม่น้อย
ที่เยอะที่สุดในนั้นก็คือพวกเสื้อผ้า รองเท้า หมวกที่ทำมาจากแกะเขาใหญ่ แพะภูเขา แคริบู กวางล่อ กวางทราย
นอกจากหนังสัตว์ยังมีสัตว์สต๊าฟที่ดูราวมีชีวิต ชิปมังก์ กระรอกแดง กระรอกดินโคลัมเบีย มาร์มอต ละมั่งเขาแหลม กระต่ายแจ็ก แพคคารี งูหางกระดิ่ง ยังมีนกใหญ่อย่างอินทรีหัวขาว นกอินทรีทอง เหยี่ยวออสเปรกับ เหยี่ยวเพเรกริน เหยี่ยวภูเขา หลากหลายชนิด
ฉินสือโอวให้งบมากพอกับฮิวจ์คนน้อง เขาเอาเกลือ ข้าวสาร และน้ำมันทำอาหารมากมายไปที่เผ่าซู เขาได้มิตรภาพจากหัวหน้าเผ่า ฃบวกกับฮิวจ์คนน้องยังยินดีจ่ายราคาสูง ฉะนั้นจึงแทบเป็นผูกขาดการค้าของป่าของทั้งเผ่า
นั่นคือไอเดียที่ฉินสือโอวออกให้ฮิวจ์คนน้อง อย่าคิดว่าของป่าของเผ่าซูเยอะ นั่นคือของที่สะสมมาหลายสิบปี ต่อไปถ้านักท่องเที่ยวหลั่งเข้ามาของพวกนี้ก็จะกลายเป็นสินค้าอุปโภค อยากจะหาเพิ่มก็ยากแล้ว
แน่นอนว่าเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังร้านขายของชำก็คือฉินสือโอว เขาให้งบ คุมบัญชี และถือหุ้นส่วนมาก
ร้านขายของชำยังคงอยู่ระหว่างสร้าง ยังไม่ได้เปิด ฉินสือโอวให้ฮิวจ์คนน้องรีบเร่งเข้า พยายามทำให้เสร็จก่อนที่การตรวจสอบบริษัททัวร์จะสิ้นสุด เพราะของป่าเทือกเขาร็อกกีจะต้องกลายเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวจีนแน่นอน
หลายวันมานี้นอกจากยุ่งเรื่องร้านขายของชำ ฉินสือโอวก็เริ่มไล่ฉงต้าให้ออกกำลังลดน้ำหนักทำเอาหมีสีน้ำตาลตัวน้อยลำบากไม่เบา ตอนนี้หมีน้อยเอาแต่พาต้าป๋ายไปแอบเว้นแต่เวลาอาหาร เพราะกลัวว่าฉินสือโอวจะมาเจอ
ฉินสือโอวสอนมันซิทอัพไปก็ไม่เห็นผล เจ้านี่พอนอนลงได้ก็แกล้งหลับ มันรู้ว่าฉินสือโอวไม่ตีมัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมลุกขึ้นมาออกกำลังกับฉินสือโอว
ตอนประมาณปลายเดือนบิล ซาทชี่พาผู้เชี่ยวชาญพืชน้ำจากบริษัท ดิค พันธุ์พืชน้ำทะเลมาตรวจที่ทะเลสาบเฉินเป่า ฉินสือโอวขับรถไปรับพวกเขา
พอเห็นรถคาดิลแลควันของฉินสือโอว บิลก็ยิ้มบางแล้วพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าสถานการณ์การทางการเงินของเหล่าเจ้าของฟาร์มปลาของเราจะดีขึ้นนะ ผมไม่ได้เห็นพวกเจ้าของฟาร์มปลาขับรถดีแบบนี้มานานแล้ว”
พูดไปเขาก็ตบหน้ารถไป “คาดิลแลค เป็นรถที่ดีจริงๆ”
ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “ผมไม่ได้ซื้อมาด้วยค่าตอบแทนจากฟาร์มปลาหรอก ฮ่ะๆ ผมมันไม่เอาถ่าน นี่เป็นรถที่ผมซื้อจากเงินมรดกของบรรพบุรุษต่างหาก”
พอขึ้นรถ บิลถามเกี่ยวกับสถานการณ์ฟาร์มปลาปัจจุบันของฉินสือโอว พอรู้ว่าหลักๆ เขาเลี้ยงปลาหิมะ ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะ เขาจึงแนะนำ “คุณเลี้ยงสาหร่ายได้นะเพื่อน นิวฟันด์แลนด์เราดังเรื่องสาหร่าย มีสรรพคุณลดไขมันในเลือด ลดน้ำตาลในเลือด บำรุงระบบภูมิคุ้มกัน ลดอาการเลือดเป็นก้อน ลดบวม ล้างพิษตะกั่วและเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ รสชาติก็ดี ขายดีมากในตลาดอเมริกาเหนือ”
เรื่องเลี้ยงสาหร่ายฉินสือโอวก็เคยคิด แต่ก็ยังลังเล
สาหร่ายทะเลถือเป็นสาหร่ายกึ่งอัลไพน์ เป็นสายพันธุ์เฉพาะถิ่นแปซิฟิกเหนือ หายากมากในมหาสมุทรแอตแลนติก มีแต่แถบทะเลทางเหนือของนิวฟันด์แลนด์ที่จะเติบโตได้ ฉะนั้นตอนแรกๆ ราคาของสาหร่ายทะเลนิวฟันด์แลนด์จึงไม่ตก
แต่ว่าถึงแม้ราคาสาหร่ายนิวฟันด์แลนด์จะแพง แต่ก็โตช้า จำนวนน้อย เทียบกับจำนวนผลิตของมหาสมุทรแปซิฟิกแล้วสามารถมองข้ามได้เลย ปลูกพวกนี้บางทีเขาพูดกันว่าถ้าไปไม่ดีอาจขาดทุนได้
อย่างหลายปีก่อนจำนวนปลาในฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ลดน้อยลงฮวบ เจ้าของฟาร์มปลาหลายคนหันไปเลี้ยงสาหร่ายทะเล ปรากฏว่าตอนเริ่มปลูกไม่กี่ปีสาหร่ายเจริญเติบโตช้ามาก หนึ่งหมู่ได้ผลตอบแทนไม่ถึงหนึ่งร้อยกิโลกรัม ทำเอาคนแทบบ้าตาย ที่ทำคนบ้ากว่าเดิม หลายปีให้หลังน่านทะเลนิวฟันด์แลนด์เกิดมีภัยปรสิต
ปรสิตเป็นศัตรูทางธรรมชาติของสาหร่าย เจ้าพวกนี้จะกัดรากของสาหร่ายจนขาด ทำให้เกิดภาวะผลผลิตสาหร่ายลดต่ำได้ง่าย ผลผลิตสาหร่ายนิวฟันด์แลนด์ที่ต่ำอยู่แล้วยิ่งต่ำลงไปกว่าเดิม
ฉินสือโอวพูดถึงความกังวลของเขา บิลจึงอธิบาย “ใช่ ที่คุณพูดก็จริง แต่ถ้าตอนนี้ดีขึ้นแล้ว มีสาหร่ายผสมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือกับแอตแลนติกเหนือที่สามารถอยู่รอดได้ในทะเลแถบนิวฟันด์แลนด์ ผลผลิตเยอะกว่าแต่ก่อนมากแล้ว สำหรับปัญหาปรสิต คุณไม่ต้องกังวล สองปีมานี้ไม่มีเรื่องภัยปรสิตแล้ว”
“งั้นผมขอกลับไปคิดสักหน่อยนะ” ฉินสือโอวพูด
เขาส่งพวกเขาไปที่ทะเลสาบเฉินเป่า แฮมเล็ตพาพนักงานกลุ่มหนึ่งมารออยู่ก่อนแล้ว พอผู้เชี่ยวชาญพืชน้ำมาถึงก็เริ่มวางแผน ทางบิลก็เริ่มคุมงาน วันนี้หลักๆ ก็เซ็นสัญญาเตรียมงานให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ก็โปรยเมล็ดพืชน้ำได้แล้ว
กลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวนั่งรับลมอยู่บนหาด และถือโอกาสวางแผนพัฒนาฟาร์มไปด้วย
ตอนนี้ปลาในฟาร์มมีไม่น้อยแล้ว คู่รักปลาทูน่าครีบเหลือง พ่อลูกปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ฝูงปลาหิมะที่คุณภาพเนื้อได้รับการพัฒนา ปลาซาบะจำนวนมากและฝูงปลาแฮร์ริ่ง ฝูงปลาแซลมอนชินูก ปลาแฟงค์ทูธ นอกจากนั้นก็มีหอยมุกดำ หอยนมสาวทะเลยักษ์ จะบอกว่ามูลค่าของพวกมันถึงร้อยล้านก็ไม่เกินไป
เออร์บักเดินออกมาจากแช่บ่อน้ำพุร้อน เห็นฉินสือโอวเกาหัวอยู่ เขาก็เอาปัญหาปวดหัวอีกอันโยนมาให้ฉินสือโอวอีก “ฉิน เดี๋ยวจะถึงช่วงแจ้งภาษีของไตรมาสสองแล้ว นายต้องหาทีมบัญชี ฤดูกาลนี้ภาษีค่อนข้างซับซ้อนทีเดียว”
……………………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น