อัจฉริยะสมองเพชร 1764-1765

 ตอนที่ 1764 การประมูลโควต้า

“ก็จริง…”


นักปราชญ์โบราณคนอื่นๆของสภาปรมาจารย์เงียบไป


สิ่งที่จางหงเทียนพูดถือเป็นความจริงแท้แน่นอน


กฎเกณฑ์และคำสัญญานั้นอาจยังพอมีน้ำหนักหากเป็นเรื่องเล็กๆแต่เมื่อมีมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเป็นเดิมพันใครเล่าจะสนใจสิ่งที่จับต้องไม่ได้พวกนั้น?


แน่นอนว่าทั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรจะไม่รามือจากมหาคัมภีร์นี้แน่ ซึ่งเหตุผลที่พวกมัน ไม่คัดค้านอะไรแม้จะได้รับการจัดสรรโควต้าเพียงที่เดียวก็เพราะไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น


ขอแค่ตัวแทนของพวกมันได้เข้าไป ก็จะได้สังเกตทุกอย่างที่อยู่ภายในหอลำดับแรก สิ่งนี้จะทำให้พวกมันสามารถเล่นงานผู้ที่ได้ครอบครองมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงและพยายามฉกฉวยมันมาเป็นของตัวเองได้ทันทีที่ผู้นั้นออกมาจากด้านในของหอลำดับแรก


เมื่อมีนักปราชญ์โบราณเข้ามาเกี่ยวข้อง เหล่านักรบที่มีวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสานก็จะไร้ประโยชน์ไปในทันที ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับความสามารถของนักปราชญ์โบราณของพวกเขา!


“ช่างมันเถอะ ถึงเวลานั้นแล้วค่อยจัดการ สำหรับตอนนี้ จัดสรรโควต้ากันก่อน”


เพื่อหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก เหล่านักปราชญ์โบราณของสภาปรมาจารย์จึงใช้การสื่อสารกันผ่านโทรจิตพลังปราณ


“ในเมื่อโควต้าพวกนี้ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของจางเซวียน ผมจึงคิดว่าพวกเราควรเคารพความคิดของเขา ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม”


“ใช่” คนอื่นๆพยักหน้ารับ


ในฐานะนักปราชญ์โบราณ แม้พวกเขาจะไม่ได้อะไรจากโควต้าเหล่านี้ แต่ก็รู้สึกละอายเกินกว่าที่จะเรียกร้องกับจางเซวียน


…..


จ้าวหย่าเดินเข้ามาหาจางเซวียนและส่งโทรจิตรายงาน “ท่านอาจารย์ ฉันติดต่อเจิ้งหยางกับคนอื่นๆไม่ได้ แต่เท่าที่ฟังจากผู้ที่เคยพบพวกเขา ดูเหมือนพวกนั้นจะได้พบความโชคดีของตัวเองแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ในมิติรองและยังออกมาไม่ได้ ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะมาที่นี่ได้ทันเวลาหรอก”


เธอพยายามติดต่อเจิ้งหยางกับคนอื่นๆแล้ว แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ จึงเข้าสู่เครือข่ายข้อมูลข่าวสารในฐานะหัวหน้าศาลาว่าการที่ราบธารน้ำแข็ง ซึ่งก็โชคดีที่พอได้ข่าวของพวกเขามาบ้าง


ถึงอย่างไร คนระดับพวกเธอก็ไม่ใช่คนที่ใครๆจะสามารถมองข้ามศาลาว่าการที่ราบธารน้ำแข็งกลายเป็นกลุ่มอำนาจที่โด่งดังของทวีปแห่งปรมาจารย์ไปแล้ว


“พวกนั้นคงมาที่นี่ไม่ทัน?” จางเซวียนทวนคำพร้อมกับขมวดคิ้วเขาโบกมือเบาๆแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ผมแค่อยากจะแน่ใจว่าพวกเขาจะไม่พลาดอะไรต่อให้ไม่ได้เข้าสู่หอลำดับแรก ดังนั้นจึงไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะได้เข้าไปข้างในหรือไม่”


แน่นอนว่าจางเซวียนจะต้องจัดสรรปันส่วนสิ่งที่เขาได้รับจากหอลำดับแรกให้กับลูกศิษย์ของเขาอย่างทั่วถึง ไม่ว่าแต่ละคนจะอยู่กับเขาหรือไม่ก็ตาม เรื่องนี้เหมือนกับการที่เขามอบผลโพธิ์ผลหนึ่งให้หยวนเทา แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้เข้าสู่หอสงบใจ


ตราบใดที่เขายังอยู่ ก็มั่นใจได้ว่าบรรดาลูกศิษย์ของเขาจะได้รับส่วนแบ่งจากของดีทุกอย่างที่อยู่ในหอลำดับแรกอย่างแน่นอน!


“ท่านอาจารย์ ผมคิดว่าผมคงเข้าไปไม่ได้เหมือนกัน กายเนื้อของผมเข้าถึงระดับขั้นของนักปราชญ์โบราณแล้ว และผมรู้สึกได้ถึงแรงต่อต้านอันทรงพลังจากฉนวนของหอลำดับแรก ถึงจะมีเครื่องรางลำดับแรก ผมก็ไม่น่าผ่านฉนวนเข้าไปได้หรอก” หยวนเทาพูดขณะเดินเข้ามา


“ผมเข้าใจ…” จางเซวียนพยักหน้า


แม้หยวนเทาจะยังฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณไม่สำเร็จ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากายเนื้อของเขาเข้าถึงระดับที่เทียบเท่ากับนักปราชญ์โบราณแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ถือได้ว่าเขาเป็นนักรบขั้นกึ่งนักปราชญ์โบราณ จึงไม่น่าประหลาดใจที่เขาจะถูกฉนวนของปรมาจารย์ขงปฏิเสธ


“ถ้าอย่างนั้นก็มีผม ลั่วชิง จ้าวหย่า เว่ยหรูเหยียน และฉีฉี…บวกกับอีก 2 คนจากสภาปรมาจารย์ ก็จะมีพวกเรารวมเป็น 7 คน…”จางเซวียนรีบคิดคำนวณ “นั่นหมายความว่าเรายังเหลือโควต้าอีก 4 ที่…”


จางเซวียนเหลียวมองฝูงชนที่อยู่ในกลุ่มของสภาปรมาจารย์ เขาส่ายหน้า


ไม่ใช่เพราะเขาดูถูกอัจฉริยะเหล่านี้ แต่ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะทำอะไรไม่ได้มากต่อให้เขามอบโควต้าให้ ซึ่งลงท้าย โควต้าที่ให้ไปก็มีแต่จะสูญเปล่า


“ว่าอย่างไร? คุณเลือกตัวแทนของคุณหรือยัง?” เห็นจางเซวียนคิดหนักอยู่นาน นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเร่งด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความหงุดหงิดเล็กน้อย


“ผมเลือกคนที่ผมจะพาเข้าไปด้วยแล้ว แต่ผมคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกผมจะต้องใช้โควต้ามากขนาดนั้น ผมจึงตัดสินใจว่าจะเปิดประมูลโควต้าอีก 4 ที่ที่เหลือที่ผมมีอยู่ เชิญประมูลกันได้ตามสบาย แล้วโควต้าจะตกเป็นของผู้ที่ให้ราคาสูงสุด แบบนี้เป็นไง?”จางเซวียนประกาศขณะกวาดสายตาไปยังอีก 3 กลุ่มอำนาจที่เหลือ


“เขาคิดจะเปิดประมูลโควต้าหรือ?”


“หมอนี่เพี้ยนหรือเปล่า? ทุกคนพยายามแทบตายที่จะให้ได้โควต้ามาเป็นของตัวเอง แต่เขากลับคิดจะขายง่ายๆแบบนั้น?”


“เอาจริงๆสิ? ถ้าอย่างนี้เราก็มีโอกาสเข้าสู่หอลำดับแรกแล้ว!”


ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงเซ็งแซ่


คำประกาศที่พวกเขาเพิ่งได้ฟังนั้นช่างน่าตกตะลึง


ไม่เพียงแค่เหล่านักปราชญ์ของ 3 กลุ่มอำนาจใหญ่ที่ถึงกับอึ้งแม้แต่นักปราชญ์โบราณของสภาปรมาจารย์ก็รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยกับการตัดสินใจอย่างปุบปับของจางเซวียน


การจะได้โควต้ามาหลายที่นั้นไม่ง่าย ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากกับพวกเขา แต่ชายหนุ่มกลับคิดจะประมูลมัน


ทำแบบนี้คิดว่าดีแล้วหรือ?


“นี่มัน…”


นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งอดรนทนไม่ไหว เขาอ้าปากพูดด้วยความหวังว่าจะยับยั้งจางเซวียนจากการกระทำอันหุนหันพลันแล่นครั้งนี้


“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าศิษย์พี่ของผมมีเหตุผลของตัวเองในการตัดสินใจ” ปรมาจารย์หยางโพล่งขึ้นมาเพื่อปกป้องจางเซวียน“เชื่อมั่นในตัวเขาเถอะ นั่นคือสิ่งที่พวกเราตัดสินใจไปเมื่อครู่นี้ไม่ใช่หรือ?”


“ศิษย์พี่?”


ได้ยินคำพูดประหลาดของปรมาจารย์หยาง เหล่านักปราชญ์โบราณที่เหลือต่างมองหน้าเขา


พวกเขาเพิ่งได้พบหยางชวนไม่นานหลังจากที่ออกจากการจำศีลและไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายคือปรมาจารย์ที่ปราดเปรื่องที่สุดในยุคสมัยนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาสำเร็จวรยุทธเป็นนักปราชญ์โบราณได้ภายในระยะเวลาอันสั้นหลังจากเข้าสู่วิหารแห่งขงจื๊อก็บ่งบอกถึงศักยภาพของเขาแล้ว แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับเรียกขานนักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติคนหนึ่งว่าศิษย์พี่


“ใช่” หยางชวนพูดพร้อมกับพยักหน้า


เขาใช้เจตจำนงสร้างปราการขึ้นปิดกั้นโดยรอบเพื่อป้องกันไม่ให้ใครแอบฟัง ก่อนจะส่งโทรจิตหานักปราชญ์โบราณคนอื่นๆ “บอกพวกคุณตามตรงนะ ตัวตนของเขาน่ะออกจะพิเศษอยู่สักหน่อย ถึงจะอยู่ในฐานะนักปราชญ์โบราณ แต่ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เรียกขานเขาว่าศิษย์พี่ ต้องขออภัยด้วยที่พูดแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่สะดวกใจที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาให้พวกคุณได้รับรู้ แต่ก็วางใจเถอะว่าผมจะบอกเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้พวกคุณได้ทราบเมื่อพวกเรากลับไป หลังจากจัดการกับทุกสิ่งที่นี่เสร็จสิ้นแล้ว”


“ตัวตนของเขาออกจะพิเศษอยู่สักหน่อย?”


เหล่านักปราชญ์โบราณมองหน้ากันด้วยความสงสัย


ตัวตนแบบไหนกันที่แม้แต่นักปราชญ์โบราณยังมองว่าเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้เรียกขานชายหนุ่มว่าศิษย์พี่?


ถึงพวกเขาจะอยากรู้ แต่ก็รู้ดีว่าหยางชวนไม่เต็มใจพูด จึงได้แต่ระงับความสงสัยไว้ ทุกคนเลือกที่จะเชื่อการตัดสินใจของจางเซวียนและเงียบกริบ


ในตอนนั้นเอง นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับพรรคพวกก็หายจากอาการตกตะลึง


“คุณจะประมูลโควต้าของคุณหรือ?”


“ใช่แล้ว ตอนนี้เรามีโควต้ามากเกินไป ซึ่งก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่ อีกอย่าง การเล่นพรรคเล่นพวกอาจทำให้คนอื่นๆอิจฉาริษยาและโกรธเกรี้ยวขี้นมาก็ได้ ดังนั้นผมจึงตั้งใจจะมอบ 4 โควต้านี้เข้าสู่การประมูล เพื่อแสดงความปรารถนาดีและจัดสรรทุกอย่างให้สมดุลกัน” จางเซวียนพูดขณะหัวเราะหึๆ “ขอแค่พวกคุณนำเงินออกมาให้ได้มากที่สุด ก็จะได้โควต้าไป”


“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มประมูลเถอะ!”


“เราจะต้องได้โควต้ามาอย่างน้อย 1 ที่สำหรับเผ่าพันธุ์อสูร ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็ตาม!”


เมื่อได้ยินว่าพวกเขามีโอกาสจะได้โควต้าจากการประมูล บรรดานักปราชญ์โบราณของทั้ง 3 กลุ่มอำนาจมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า


แม้ลงท้าย การใช้ประโยชน์จากมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงจะขึ้นอยู่กับเหล่านักปราชญ์โบราณ แต่ก็ย่อมได้เปรียบกว่าหากเหล่าทายาทของพวกเขาได้เข้าสู่หอลำดับแรกในจำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิม


เหตุผลข้อหนึ่งก็คือ หากทายาทของพวกเขายึดครองมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงมาได้ พวกเขาก็จะได้หาทางปลีกตัวหนี


พละกำลังของนักปราชญ์โบราณนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึง ต่อให้เอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้ แต่การปลีกตัวหนีออกมาโดยยังรักษาชีวิตไว้ได้ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาทำได้อยู่


ดังนั้น พวกเขาจึงไม่อยากพลาดโอกาสครั้งนี้


“เอาล่ะ ผมจะเริ่มการประมูลโควต้าที่แรกนะ จะต้องใช้หยดเลือด 20…30…ไม่สิ หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณ 50 หยด…”จางเซวียนพูดพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมา


ตอนนี้ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีประโยชน์กับเขาอีกแล้ว และดูเหมือนคนพวกนี้จะไม่มีของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณอยู่กับตัวมากนัก ต่อให้มีสักชิ้นสองชิ้น ก็คงไม่เต็มใจจะนำมันออกมา ที่สำคัญกว่านั้น ด้วยระดับวรยุทธของเขาที่ยังจำกัด ก็ยังน่าสงสัยอยู่ว่าเขาจะสามารถซึมซับมันได้หรือไม่


เหตุผลที่จางเซวียนทำให้กระบี่เปลวเพลิงสีดำยอมจำนนได้สำเร็จก็เพราะตอนนั้นมันยังเป็นแค่ของล้ำค่าระดับกึ่งนักปราชญ์โบราณ


ส่วนหินหมึกของนักปราชญ์จื้อหยู่ ก็เป็นเพราะของล้ำค่าชิ้นนั้นถูกละเลยมานาน ทำให้มันอ่อนแรงลงไปกว่าของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณโดยทั่วไป และที่สำคัญกว่านั้น มันเป็นอาวุธที่ไม่ได้เน้นการใช้ความรุนแรง จึงควบคุมง่ายกว่ากันมาก


สิ่งมีชีวิตใดๆก็ตามที่สามารถฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณมักมีความดุดันและเชื่อมั่นในตัวเอง ซึ่งรวมถึงของล้ำค่าด้วย แม้จะใช้วิถีทางของจางเซวียน แต่โอกาสที่เขาจะทำให้ของล้ำค่าระดับนักปราชญ์โบราณยอมจำนนได้อย่างสิ้นเชิงก็ถือว่ามีน้อยมาก


แทนที่จะรับบางสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขามาใช้ ก็น่าจะดีกว่าหากจะได้หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณมา


ถึงอย่างไร มันก็เป็นทรัพยากรล้ำค่าที่เป็นขุมพลังในการฝ่าด่านวรยุทธของเขา!


ยังไม่ทันที่จางเซวียนจะพูดจบ เสียงจากโทรจิตเสียงหนึ่งก็ลอยเข้าหู


“จางเซวียน หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณเป็นคำที่กว้างมากนะเหมือนกับหินวิเศษนั่นแหละ มันแบ่งออกเป็นหลายขั้น ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของนักปราชญ์โบราณ เป็นธรรมดาที่หากระดับขั้นของหยดเลือดสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งล้ำค่ามากขึ้นเท่านั้น…”


เสียงนั้นมาจากบรรพบุรุษเก่าแก่, จางหงเทียน


“ระดับขั้นของหยดเลือดนักปราชญ์โบราณ?” จางเซวียนอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ


เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่มันก็ฟังดูสมเหตุสมผลดีที่หยดเลือดนักปราชญ์โบราณจะมีหลายระดับขั้น อีกอย่าง หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณผู้คร่ำหวอดกับการสู้รบย่อมมีพละกำลังมากกว่าหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณมือใหม่อย่างแน่นอน


“ก็เหมือนกับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ นักปราชญ์โบราณแบ่งออกเป็น 4 ระดับขั้น ยิ่งนักรบผู้นั้นมีระดับขั้นสูงขึ้นเท่าไหร่ มูลค่าของหยดเลือดของเขาก็มากขึ้นเท่านั้น อันที่จริง ความแตกต่างนั้น ต่างกันได้ถึง 100 เท่าทีเดียว! คุณจะต้องระบุคุณภาพของหยดเลือดนักปราชญ์โบราณด้วย ไม่อย่างนั้น อาจจะต้องขาดทุนครั้งใหญ่!”จางหงเทียนแนะนำ


“ผมเข้าใจแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้ารับ “ไม่ทราบว่า 4 ระดับขั้นของหยดเลือดนักปราชญ์โบราณมีอะไรบ้าง?”


ตอนที่ 1765 สี่ระดับขั้นของนักปราชญ์โบราณ

“ลำดับขั้นเหล่านั้นไม่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างเป็นทางการ แต่ก็มีวิธีการมาตรฐานในการแยกแยะความแข็งแกร่งของนักปราชญ์โบราณโดยผ่านทางระดับพละกำลังและลักษณะเฉพาะของพวกเขา ผมคิดว่าคุณน่าจะใช้มันเป็นเครื่องอ้างอิงได้” จางหงเทียนพูด


“หลังจากฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณแล้ว นักรบผู้นั้นจะสามารถถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของสายเลือดของพวกเขาให้เหล่าทายาทได้ เหมือนกับตระกูลจางของเรา เหตุผลที่สมาชิกในตระกูลของเรามีอำนาจในแก่นสารของเวลาก็เพราะเรามีบรรพบุรุษที่เข้าถึงระดับนั้น ดังนั้น คำที่ใช้สำหรับเรียกระดับขั้นแรกของนักปราชญ์โบราณก็คือ ‘การสืบสายเลือด’ นั่นคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าผู้นั้นฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จแล้วหรือยัง”


“การสืบสายเลือด…” จางเซวียนทวนคำขณะพยักหน้ารับ


เรื่องนี้ฟังดูสมเหตุสมผลดี


เป็นไปได้ว่าหยวนเทา กระบี่เปลวเพลิงสีดำ และไอ้โหดได้สำเร็จวรยุทธขั้นนี้ เผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณที่เขาเคยใช้หนังสือเทียบฟ้าเล่นงานเมื่อครั้งอยู่ที่สมาคมผู้หยั่งรู้ก็น่าจะสำเร็จวรยุทธขั้นนี้เช่นกัน


มันคือระดับล่างสุดของวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ


“ส่วนขั้นที่ 2 นั้นคือขั้นสูงสุดที่เหล่า 72 นักปราชญ์, ยกเว้น 10 สุดยอดสาวกได้เข้าถึงในช่วงชีวิตของเขา ดังนั้น ในท้ายที่สุดมันจึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อขั้นบรมครูนักปราชญ์” จางหงเทียนอธิบาย


“บรมครูนักปราชญ์? แบบนี้ก็เป็นชื่อของระดับขั้นด้วยหรือ?”จางเซวียนชะงัก


“มันเป็นแค่คำที่พวกเราใช้กันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องจริงจังหรอก”จางหงเทียนพูด “ส่วนขั้นที่ 3 รู้จักกันในชื่อ ‘การฟื้นคืนชีพของสายเลือด’ ตราบใดที่ผู้สำเร็จวรยุทธขั้นนั้นยังไม่สิ้นอายุขัย ต่อให้ใครสักคนตัดศีรษะและสับร่างของเขาจนเละ ร่างนั้นก็จะยังสามารถฟื้นคืนชีพได้ด้วยหยดเลือดเพียงหยดเดียว เพราะผมสำเร็จวรยุทธระดับนี้แล้ว จึงมีชีวิตรอดอยู่ได้นานกว่านักปราชญ์โบราณคนอื่นๆและรับมือกับพวกเขาได้ด้วย”


จางเซวียนตาโตด้วยความประหลาดใจ


จนถึงตอนนี้ เขายังคงคิดว่านักปราชญ์โบราณทุกคนมีความสามารถในการฟื้นคืนชีพของสายเลือด แต่ดูเหมือนจะเป็นความเข้าใจผิด


ผู้ที่สามารถดำเนินการฟื้นคืนชีพของสายเลือดได้นั้นจะต้องเป็นอัจฉริยะชั้นยอดแม้ในหมู่นักปราชญ์โบราณ


“แล้วระดับสุดท้ายล่ะ?”


“ระดับขั้นสุดท้ายเป็นระดับที่ไม่มีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์หรือแม้แต่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์สำเร็จขั้นนั้น นอกเสียจากปรมาจารย์ขงเพียงคนเดียว ว่ากันว่าผู้ที่สำเร็จวรยุทธขั้นสุดท้ายจะสามารถทำลายความว่างเปล่าได้ เปรียบเหมือนกับการที่ตัวแทนของความเป็นอมตะสามารถฉีกกระชากมิติเพื่อลงมาสู่โลก ดังนั้นขั้นสุดท้ายนี้จึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘ผู้ทำลายล้างมิติ’ หรือ ‘ตัวแทนของโลกอมตะ’ ผมยังอยู่ห่างไกลนักจากวรยุทธขั้นนั้น จึงไม่แน่ใจในรายละเอียดของมัน” จางหงเทียนพูด


“ตัวแทนของโลกอมตะ?” จางเซวียนตาโตด้วยความอัศจรรย์ใจ


เขาเคยได้ยินคำนี้มาก่อน!


ครั้งแรกที่เขาพบไอ้โหดในถ้ำใต้ดิน อีกฝ่ายบอกเขาว่าตัวมันสำเร็จวรยุทธถึงขั้นตัวแทนของโลกอมตะแล้ว ในตอนนั้นเขายังไม่เข้าใจความแตกต่างในแต่ละระดับขั้นของวรยุทธ จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ใครจะไปคิดว่าไอ้โหดสำเร็จวรยุทธขั้นสูงสุดของนักปราชญ์โบราณแล้ว!


พูดอีกอย่างก็คือ แม้ตอนนี้ไอ้โหดจะดูเหมือนไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร แต่ข้อเท็จจริงก็คือในช่วงชีวิตของมัน ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแห่งปรมาจารย์!


ไม่น่าแปลกใจแล้วที่แม้แต่ปรมาจารย์ขงก็ยังลงเอยด้วยการถูกไอ้โหดต้อนให้จนมุมครั้งหนึ่งเมื่อตอนอยู่ที่เฉินข่าย


“ถ้าอย่างนั้น…นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงสำเร็จวรยุทธขั้นไหน?” จางเซวียนถาม


เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของตาเฒ่าหยูที่ว่านักปราชญ์โบราณเหยียนชิงมีระดับวรยุทธสูงสุดในบรรดาผู้ที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาสำเร็จวรยุทธขั้นไหนกัน?


“เขาสำเร็จวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดเหมือนผม แต่ระดับวรยุทธของเขาแข็งแกร่งกว่าผม 1 ขั้น” จางหงเทียนตอบ“แต่เขาก็ยังไม่ได้สำเร็จขั้นสูงสุดของการฟื้นคืนชีพสายเลือด หากปราศจากนิรันดร์กาลของนักปราชญ์โบราณที่มากพอ ก็ยากที่ใครจะประสบความก้าวหน้าในวรยุทธขั้นนี้”


จางเซวียนพยักหน้าอย่างเข้าใจคำพูดของจางหงเทียน “อีกนัยหนึ่งก็คือ ผมควรจะเรียกร้องหยดเลือดจากนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดใช่ไหม?”


“ใช่แล้ว หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่สำเร็จวรยุทธขั้นนั้นจะล้ำค่าที่สุด” จางหงเทียนตอบ


“ตามนั้น!” จางเซวียนพยักหน้า


บทสนทนาครั้งนี้เกิดขึ้นผ่านทางโทรจิต การตอบโต้กันระหว่างทั้งคู่จึงรวดเร็วมาก รวมแล้วก็ใช้เวลาเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น ทันทีที่ทั้งคู่สนทนาจบ นายใหญ่สีขาวก็โพล่งออกมา “หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณ 50 หยดหรือ? ได้สิ เผ่าพันธุ์อสูรของเราจะนำมันมาให้!”


น้ำเสียงของมันดุดันและโหดเหี้ยม ราวกับนักรบผู้โชกโชนที่ลดสายตาลงมองพื้นโลก


“นายใหญ่สีขาว กรุณารอสักครู่ก่อน ผมยังพูดไม่จบ…หยดเลือด 50 หยดที่ผมต้องการนั้นต้องมาจากนักปราชญ์โบราณที่สำเร็จวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดนะ” จางเซวียนเสริมพร้อมกับยิ้มกว้าง


“คุณต้องการหยดเลือด 50 หยดจากนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดหรือ ช่างละโมบโลภมากเสียจริง…” ได้ยินคำนั้น นายใหญ่สีขาวโมโหจนแทบระเบิด


ความเงียบงันเข้าครอบคลุมฝูงชน


โดยทั่วไป หยดเลือด 50 หยดของนักปราชญ์โบราณก็ถือว่าล้ำค่ามากแล้ว แต่หมอนี่ถึงกับเรียกร้องจะเอาหยดเลือด 50 หยดจากนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดเท่านั้น


“คุณฝันไปแล้วล่ะ!”


“ใครจะโง่พอจะยอมแลกกับของล้ำค่าขนาดนั้น?”


“ต่อให้แลกมาด้วยโควต้าเข้าสู่หอลำดับแรก ก็ยังถือว่าไม่คู่ควร…”


…..


เกิดความเงียบงันครอบคลุมในหมู่นักปราชญ์โบราณ


เป็นความจริงที่ว่าการได้โควต้าเพิ่มจะทำให้กลุ่มอำนาจนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ แต่หยดเลือด 50 หยดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายสูงลิ่วดูเหมือนไม่ควรค่าพอที่จะจ่าย


เห็นความลังเลของฝูงชน จางเซวียนพูดแทรกด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกความมั่นใจ ราวกับว่าทุกสิ่งตกอยู่ในกำมือของเขาแล้ว “ผมจะปล่อยให้พวกคุณตัดสินใจเองนะว่ามันคู่ควรที่จะจ่ายหรือไม่ มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงคือของล้ำค่ายิ่งใหญ่ที่สุดที่ปรมาจารย์ขงทิ้งไว้ ถ้าหากคุณได้มันมา นักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดจะสำคัญอะไร?”


“โอกาสแบบนี้มีมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งหากคุณพลาด มันก็จะหลุดมือไปทันที แต่แน่นอนว่าหากไม่มีใครในหมู่พวกคุณต้องการโควต้า ผมก็ไม่มีปัญหานะ ผมแค่เสนอการประมูลครั้งนี้เพื่อแสดงความปรารถนาดีกับอีกกลุ่ม 3 อำนาจ ถ้าพวกคุณไม่สนใจ ผมก็แค่เพิ่มคนของผมเข้าไปก็เท่านั้น!”


ในเมื่อจางเซวียนกำหนดตัวเลขของการประมูลแล้ว ก็จะต้องทำให้เป็นไปตามนั้น เพราะหากเขาเริ่มลดราคาเมื่อไหร่ คนอื่นๆก็จะยิ่งกดดันเขามากขึ้น


“เอ่อ…”


ฝูงชนต่างเงียบกริบเมื่อได้ยินคำพูดของจางเซวียน


หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดเป็นของล้ำค่าก็จริง แต่มูลค่าของมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงนั้นมหาศาลกว่ามาก ไม่ว่าราคาที่ต้องจ่ายจะสมกับสิ่งที่จะได้มาหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่พวกเขาต้องตัดสินใจ


นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงโพล่งออกมาท่ามกลางความเงียบ“100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเราจะซื้อโควต้าหนึ่งที่!”


“เขาจะซื้อโควต้า?”


ฝูงชนหันขวับมามองด้วยสายตาตกตะลึง


ส่วนนักปราชญ์โบราณเหยียนชิงก็ส่งขวดหยกใบหนึ่งให้จางเซวียนโดยไม่ลังเล


จางเซวียนรับขวดหยกมา เขาเปิดฝาขวด และพลังงานก็พวยพุ่งออกจากภายในทันที ในนั้นมีหยดเลือดของนักปราชญ์โบราณอยู่ 50 หยด


จางเซวียนชำเลืองมองจางหงเทียน เห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับ นั่นเป็นเครื่องยืนยันแล้วว่าหยดเลือด 50 หยดนี้มาจากนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด เขายิ้มอย่างยินดีปรีดาก่อนจะเก็บขวดหยกเข้าสู่แหวนเก็บสมบัติและหันมามองฝูงชน “เอาล่ะ โควต้าที่แรกตกเป็นของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์แล้ว ต่อเลยนะ, โควต้าที่ 2 จะมีราคาเท่ากับหยดเลือด 60 หยดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือด!”


“60 หยด? ทำไมราคาพุ่งพรวดแบบนี้ล่ะ?”


เมื่อครู่นี้ยังแค่ 50 หยดอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”


“มันก็โควต้าแบบเดียวกัน ทำไมถึงโก่งราคาอย่างนี้?”


ราวกับน้ำที่ถูกราดลงบนน้ำมันเดือดๆ เสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ดังขึ้นทั่วกลุ่มฝูงชน


พวกเขาคิดว่าโควต้าที่ 2 คงจะราคาเท่าเดิม นั่นทำให้แต่ละคนเลือกที่จะใช้เวลาในการตัดสินใจ ใครจะไปคิดว่าหมอนั่นจะโก่งราคาขึ้นทันทีถึง 20 เปอร์เซ็นต์ภายในชั่วอึดใจ?


“พวกคุณจะไม่ซื้อก็ได้นะ ผมไม่บีบบังคับคุณหรอก แค่อยากจะบอกว่าตอนนี้ทวีปแห่งปรมาจารย์ของเรามีโควต้า 7 ที่ ส่วน 100สำนักแห่งนักปราชญ์มี 3 ที่ แต่สำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรมีเพียงกลุ่มละหนึ่งที่เท่านั้น” จางเซวียนพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ “ลงท้าย คำถามก็มีอยู่ว่าพวกคุณมีความต้องการแค่ไหนที่จะได้เข้าไปเห็นมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง”


“อีกอย่าง…โควต้าอีก 2 ที่ที่เหลือจะยิ่งแพงขึ้นอีก ยิ่งมีจำกัดเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น พวกคุณเข้าใจใช่ไหม?”


“หยดเลือด 60 หยด? ก็ได้! ผมจะซื้อมัน…” นายใหญ่สีขาวคำรามพร้อมกับกัดฟันกรอด


ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าหนุ่มที่ได้เครื่องรางลำดับแรกและหัวใจทั้ง 5 ของมิติรอบนอกมาจะเป็นนักธุรกิจที่เจ้าเล่ห์เจ้ากลขนาดนี้


หมอนี่เป็นบุคคลชนิดที่ไม่ควรจะมีใครเข้าไปยุ่งด้วยเลย!


ยังไม่ทันที่นายใหญ่สีขาวจะพูดจบ ตาเฒ่าหยูก็ขัดขึ้น “ถ้าใช้หยดเลือด 60 หยดล่ะก็ พวกเราก็อยากได้!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)