อัจฉริยะสมองเพชร 1762-1763

 ตอนที่ 1762 เข้าสู่หอลำดับแรก

นักรบส่วนใหญ่ที่อยู่ในจัตุรัสนั้นได้ผ่านทั้ง 6 มิติรอบนอกมาแล้ว แต่เพราะปราศจากทิศทางที่ชัดเจน อีกทั้งยังมีขีดจำกัดเรื่องประสิทธิภาพการต่อสู้และการรับรู้จิตวิญญาณ การจะได้มาซึ่งหัวใจสักอันจึงถือว่าต้องอาศัยโชคช่วย แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับได้หัวใจมาถึง 4 อัน


ช่างเหลือเชื่อเสียจริง!


จางหงเทียนและปรมาจารย์หยางที่อยู่กลางอากาศถึงกับอ้าปากค้าง แข้งขาอ่อนแรงจนแทบร่วงลงมากองกับพื้น


นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยนึกฝันมาก่อน


“มันอยู่กับคุณทั้งหมดเลยหรือ?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ


100 สำนักแห่งนักปราชญ์ของพวกเขาทุ่มสุดตัวเพื่อจะได้หัวใจมาเพียง 1 อัน แต่หมอนี่ตัวคนเดียวกลับได้หัวใจมาถึง 4 อัน


เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?


แต่ถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์กับพวกเขา เพราะอย่างน้อยที่สุดก็จะได้เปิดหอลำดับแรกได้เร็วขึ้น


“ใช่” จางเซวียนพยักหน้า ไม่ปิดบังอะไรอีก


เขาสะบัดข้อมือ จากนั้นก็นำคริสตัลเยือกแข็งกับปลาคาร์พออกมา ทั้งคู่พุ่งตรงเข้าสู่ช่องว่างที่อยู่ด้านข้างทางเข้าหอลำดับแรก แสงที่เจิดจ้าออกจากบานประตูนั้นยิ่งสว่างสดใสขึ้นกว่าเดิม


“ตัวคุณเพียงคนเดียวได้โควต้า 4 ที่สำหรับสภาปรมาจารย์ไปแล้วนะ” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพึมพำด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เขาถอนหายใจเฮือก จากนั้นก็หันกลับไปมองฝูงชนอีกครั้งและพูดว่า “ตอนนี้สิ่งที่ยังขาดอยู่ก็คือหัวใจของมิติพงไพรโขดหิน ไม่ทราบว่ามีใครในที่นี้ที่ได้ครอบครองหัวใจอันนั้น?”


ไม่มีใครก้าวออกมา ทุกอย่างชะงักงันไปอีกครั้ง


“มิติพงไพรโขดหินเต็มไปด้วยโขดหินที่จารึกเทคนิควรยุทธและเทคนิคการต่อสู้ไว้ ไม่มีหัวใจอยู่ในนั้นหรอก ถูกไหม?”


“ใช่ ผมอยู่ในมิตินั้นตั้งหลายชั่วโมง แต่ก็ไม่พบอะไรที่ดูท่าทางจะเป็นหัวใจของมิติได้เลย!”


“คุณบอกเราได้ไหมว่าหัวใจของมิติพงไพรโขดหินน่าจะเป็นอะไร?”


…..


เกิดเสียงเซ็งแซ่เมื่อทุกคนพร้อมใจกันถามหาคำตอบจากนักปราชญ์โบราณเหยียนชิง


จางเซวียนก็งุนงงเหมือนกับคนอื่นๆ


เขาได้เข้าสู่มิติพงไพรโขดหินแล้ว ผู้ที่ค้นพบการจัดลำดับที่ถูกต้องก็จะสามารถเข้าสู่หอบริวารได้ ซึ่งหากพิจารณาจากสิ่งนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีหัวใจอยู่ในมิตินี้ แล้วพวกเขาจะเอาอะไรใส่เข้าไปในช่องว่างที่เหลือ?


“มิติพงไพรผืนป่าไม่มีหัวใจที่จับต้องได้ หัวใจของมันคือศาสตร์ลับที่ทำให้นักรบคนหนึ่งสามารถเข้าสู่หอสงครามศักดิ์สิทธิ์และได้ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์มา!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเปิดเผย


ดูเหมือนเขาจะมีความรอบรู้ไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องของมิติรอบนอกและหอบริวาร


“ศาสตร์ลับคือหัวใจของมิติ?” จางเซวียนชะงัก


เขาออกจะละอายใจเล็กน้อยที่คว้าเอาหัวใจของทั้ง 4 มิติรอบนอกมาเป็นของตัวเอง แต่ในตอนนั้น ก็รู้ตัวทันทีว่าเขาไม่ได้มีหัวใจ 4 อัน แต่มีถึง 5 อัน!


การถ่อมเนื้อถ่อมตัวช่างยากเย็นเหลือเกิน น่าอับอายอะไรเช่นนี้!


“ใช่แล้ว ขอแค่นักรบสักคนถ่ายทอดลำดับที่ถูกต้องของศาสตร์ลับลงไปในช่องว่างที่เหลืออยู่ช่องสุดท้าย หอลำดับแรกก็จะเปิดออก ดังนั้น ใครก็ตามที่ได้เข้าสู่มิติพงไพรโขดหินและได้หัวใจของมันมา ผมขอเชิญให้คุณก้าวออกมาด้วย” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงพูด


ขณะที่เขาพูดไปได้ครึ่งประโยค ก็พลันรู้สึกว่ามีใครคนหนึ่งยกมือขึ้น-จางเซวียน


นักปราชญ์เหยียนชิงหันมามองและถามว่า “มีอะไร?”


ในเวลาเดียวกัน ลางสังหรณ์ร้ายกาจก็เข้าครอบงำหัวใจของเขา เขาพอจะรู้รางๆว่าชายหนุ่มกำลังจะพูดหรือทำอะไร แต่สิ่งนั้นก็ดูเหลวไหลเกินกว่าที่เขาจะทำใจเชื่อ


“แค่ก แค่ก…เอ่อ…ก็พูดยากสักหน่อยนะ แต่ดูเหมือนหัวใจของมิติพงไพรโขดหินจะอยู่กับผมเช่นกัน” จางเซวียนพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน


“….” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิง


“….” จางหงเทียน


“….” คนอื่นๆ


คุณจะรู้สึกอับอายเพื่อ?


พวกเราต่างหากที่ต้องรู้สึกอับอาย ถูกไหม?


ในบรรดา 4 กลุ่มอำนาจใหญ่และผู้เชี่ยวชาญอีกหลายพันคน พวกเราได้หัวใจมาเพียงอันเดียว ขณะที่คุณนำหัวใจมาได้ถึง 5 อันด้วยตัวคุณเอง…


ในตอนนั้น ฝูงชนพลันรู้สึกอยากตายขึ้นมาทันที


จางเซวียนหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนต่อไปอีกหน่อยเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ก่อนจะเดินไปยังทางเข้าหอลำดับแรก เขาเคาะนิ้วแล้วถ่ายทอดการจัดลำดับของศาสตร์ลับเข้าสู่ช่องว่างนั้น


วิ้งงงง!


ลำแสงเจิดจ้าระเบิดออกจากทางเข้าหอลำดับแรก ขณะที่พระราชวังทั้งหลังสั่นสะท้านไม่หยุด เกิดเสียงครืดคราดดังสนั่น แล้วประตูบานมหึมานั้นก็เปิดออก


จากนั้น รังสีดึกดำบรรพ์ก็พุ่งออกมาจากด้านในของหอลำดับแรก ให้ความรู้สึกทั้งความงามสง่าและอบอวลไปด้วยบรรยากาศโบร่ำโบราณ


เมื่อเห็นว่าในที่สุดหอลำดับแรกก็ถูกเปิดออก นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงข่มความเจ็บปวดในอกไว้ก่อนจะรีบควบคุมสถานการณ์ “ในเมื่อการจัดสรรโควต้าเสร็จสิ้นแล้ว ผมก็จะขอให้ทั้ง 4 กลุ่มอำนาจเลือกตัวแทนเพื่อเข้าสู่หอลำดับแรก”


สำหรับการจัดสรรโควต้าในรอบสุดท้าย มันตกไปอยู่กับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ 7 ที่, อีก 6 ที่เป็นของสภาปรมาจารย์และกลุ่มอำนาจหลักในทวีปแห่งปรมาจารย์, อีก 1 ที่เป็นของเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น และอีก 1 ที่เป็นของเผ่าพันธุ์อสูร


มันเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรจึงไม่คัดค้านอะไร


อีกอย่าง ทุกคนที่เข้าไปก็อาจได้พบกับมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงด้วยความโชคดีหรืออะไรสักอย่างทำนองนั้น จำนวนอาจไม่ใช่ข้อได้เปรียบในการเข้าสู่หอลำดับแรกเสมอไป


ไม่ช้า 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ เผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น และเผ่าพันธุ์อสูรก็เลือกตัวแทนของตัวเองออกมาเพื่อเข้าสู่หอลำดับแรก


ด้วยข้อจำกัดที่ห้ามไม่ให้นักปราชญ์โบราณเข้าเข้าไปด้านใน หอลำดับแรกดูเหมือนจะจำกัดระดับอายุไว้ที่ 50 ปีเท่านั้น ผู้ใดก็ตามที่อายุเกินกว่า 50 ปีจะถูกปราการที่มองไม่เห็นซึ่งอยู่รอบบริเวณหอลำดับแรกขวางกั้นไว้


เป็นธรรมดาที่แต่ละกลุ่มอำนาจจะเลือกสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองซึ่งบรรลุเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ ก่อนจะมอบหมายให้เขาเข้าสู่หอลำดับแรก


“แล้วเราจะจัดการเรื่องโควต้าที่ได้มาอย่างไร?” นักปราชญ์โบราณคนหนึ่งของสภาปรมาจารย์สำนักงานใหญ่ตั้งคำถาม


โควต้าส่วนใหญ่มาจากฝีมือของจางเซวียน ดังนั้น การออกความเห็นของจางเซวียนจึงมีน้ำหนักมากในการกำหนดการจัดสรรปันส่วนโควต้าระหว่างพวกเขา


“ตัวผม ลั่วชิง จ้าวหย่า เว่ยหรูเหยียน หยวนเทา และ…หลัวฉีฉี นั่นก็ครบ 6 คนแล้ว!” จางเซวียนพูดพร้อมกับครุ่นคิด


นักปราชญ์โบราณแทบลมจับเมื่อได้ยินคำนั้น “ถึงอย่างไร คุณก็ควรจะเก็บสัก 2 ที่ไว้ให้สภาปรมาจารย์ไม่ใช่หรือ?”


มันก็จริงอยู่ว่าจางเซวียนมีบทบาทสำคัญในการคว้าที่นั่งมาให้ แต่ครั้นจะฮุบไว้เองหมด ไม่เหลือให้พวกเขาเลย ก็คงไม่ดีกระมัง!


“วางใจเถอะ ผมจะเก็บ 2 ที่ไว้ให้พวกคุณ เอาล่ะ…เจิ้งหยาง หวังหยิ่ง และลู่ชงก็อยู่ที่นี่เหมือนกันใช่ไหม ว่าแต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน? ผมจะเก็บ 3 ที่ไว้ให้” จางเซวียนเสริม


การเปิดออกของวิหารแห่งขงจื๊อถือเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้น จึงแน่นอนว่าเจิ้งหยาง หวังหยิ่ง ลู่ชง และคนอื่นๆน่าจะอยู่ที่นี่ เพียงแต่มีผู้คนออกันอยู่มากเกินไป และสถานที่ก็กว้างใหญ่มาก ทำให้ไม่มีโอกาสพบหน้ากัน


ได้ยินการคิดคำนวณของจางเซวียน ปรมาจารย์หยางเอ่ยปากเตือนอย่างสุภาพ “เรามีโควต้าทั้งหมดแค่ 6 ที่เท่านั้นนะ”


ที่จางเซวียนพูดมาก็ 11 ที่แล้ว มากกว่าจำนวนที่พวกเขามีในตอนนี้!


“6 ที่หรือ? ไม่ต้องห่วง เร็วๆนี้น่ะมันจะไม่ใช่แค่ 6 ที่แน่!” จางเซวียนพูดพร้อมกับผุดรอยยิ้มลึกลับ เขาหันไปมองจ้าวหย่ากับคนอื่นๆและสั่งการ “ตามตัวเจิ้งหยางกับพรรคพวกมา ให้พวกเขามาที่นี่โดยเร็วที่สุดนะ”


“ได้” จ้าวหย่ากับคนอื่นๆรับคำขณะรีบนำตราหยกสื่อสารออกมาเพื่อส่งข้อความ


ในเมื่อทั้ง 6 มิติรอบนอกเชื่อมโยงถึงกันแล้ว การสื่อสารกันจึงเป็นเรื่องที่ทำได้


“เอาล่ะ! จัดสรรเรื่องสมาชิกแล้วก็เข้าสู่หอลำดับแรกกันเถอะ” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงสั่งการอย่างวางมาด


เขาโบกมือ แล้วเครื่องรางลำดับแรกก็ปรากฏตรงหน้าอีกครั้ง กระแสพลังงานพุ่งออกจากตัวมันเข้าโอบล้อมร่างของผู้เชี่ยวชาญที่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้เลือกไว้


เหยียนเฉว่ก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกกระแสพลังงานนั้นโอบล้อม


“ไปกันเถอะ!”


มีโควต้าเพียงหนึ่งที่เท่านั้นสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นและเผ่าพันธุ์อสูร แน่นอนว่าพวกมันไม่พอใจ แต่ก็รู้ดีว่าการจะต่อรองเรื่องนี้ยอมไม่ง่าย


เห็นจางเซวียนกับพรรคพวกยังอ้อยอิ่ง ตัดสินใจกันไม่เสร็จว่าจะส่งใครเข้าสู่หอลำดับแรก เหยียนเฉว่คำราม “รีบหน่อยเถอะ เลิกทำให้พวกเราเสียเวลาสักที!”


“ไม่เป็นไรนี่ พวกคุณไม่ต้องรอเราหรอก เข้าไปก่อนได้เลย เราจะรีบตามไป” จางเซวียนตอบยิ้มๆ


“คุณบอกให้พวกเราเข้าไปก่อน? รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา?” เหยียนเฉว่ถึงกับผงะกับคำพูดของจางเซวียน เขาดูอึ้งตะลึงอย่างเห็นได้ชัดก่อนจะขมวดคิ้ว


หมอนี่สมองผิดเพี้ยนหรือเปล่า?


เครื่องรางลำดับแรกจะนำผู้คนเข้าสู่หอลำดับแรกได้เพียง 15 คนภายในเที่ยวเดียวเท่านั้น หมอนี่คิดจริงๆหรือว่าพวกเขาจะย้อนกลับออกมารับหลังจากที่เข้าไปข้างในแล้ว?


“เชิญพวกคุณเข้าไปก่อนได้เลย พวกเราจะรีบตามไปโดยเร็วหลังจากที่เลือกตัวแทนได้แล้ว” จางเซวียนตอบหนักแน่น


“อย่างนั้นก็ได้!” เหยียนเฉว่คำรามเยาะในใจ ขี้คร้านจะเสียเวลากับเจ้าโง่ที่ยังไม่รู้เสียทีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงหันหลังกลับและนำทั้งกลุ่มมุ่งหน้าไปยังทางเข้าสูงตระหง่านของหอลำดับแรก


ฟึ่บ!


พริบตาเดียว พวกเขาก็ไปอยู่บริเวณหน้าปราการ


เครื่องรางลำดับแรกปล่อยลำแสงออกมาอีกครั้ง โอบล้อมทั้ง 4 กลุ่มอำนาจไว้


“พวกเราจะไม่รอแล้วนะ เข้าไปข้างในกันเถอะ!” เหยียนเฉว่ไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป


ฟิ้ววววว!


กระแสพลังงานหนักหน่วงกวาดทั่วพื้นที่บริเวณนั้นก่อนที่ทั้งกลุ่มจะทันได้เข้าไป กลไกการป้องกันตัวของฉนวนถูกเปิดใช้งาน ในชั่วพริบตา พวกเขาก็ถูกสอยกระเด็นไปไกล และตกลงมากองกับพื้นอย่างหมดสภาพ เลือดที่พวกเขากระอักออกมาพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศ


ตอนที่ 1763 อันที่จริง…เครื่องรางลำดับแรกก็อยู่กับผม

“เกิดอะไรขึ้น?”


ทุกคนถึงกับอึ้งตะลึง


นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเลิกคิ้วขณะรีบเข้าไปตรวจสอบสิ่งผิดปกติ


ทำไมพวกเขาถึงถูกฉนวนปฏิเสธ และต้องบาดเจ็บสาหัสตั้งแต่ยังไม่ทันได้เข้าสู่หอลำดับแรก?


คนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นอัจฉริยะชั้นยอดของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ไม่ควรมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา


หอลำดับแรกเปิดออกแล้ว เครื่องรางลำดับแรกก็อยู่ในมือของพวกเขา เงื่อนไขทุกอย่างถือว่าสำเร็จสมบูรณ์แล้วนี่!


ถึงนักปราชญ์เหยียนชิงจะงงงันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เขาก็กระดิกนิ้วและส่งยาเม็ดหลายเม็ดให้เด็กวัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บกิน


เมื่อกินยาเข้าไปแล้ว ทั้งกลุ่มจึงรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย


การที่ฉนวนด้านหน้าวิหารแห่งขงจื๊อสามารถขัดขวางได้แม้แต่นักปราชญ์โบราณนั้นก็เกินพอที่จะบอกแล้วว่ามันทรงพลังแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะความปรานีของปรมาจารย์ขง พวกเขาคงตายไปแล้ว


ต่อให้นักปราชญ์โบราณก็ไม่ได้รับการยกเว้น!


แน่นอนว่าถ้าฉนวนไม่มีพละกำลังมากขนาดนี้ นักปราชญ์โบราณก็คงเล่นงานมันได้ด้วยการใช้พละกำลัง พวกเขาคงไม่ต้องเสียเวลา


บางที สภาปรมาจารย์กับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์อาจยังลังเลเล็กน้อยเพราะความยำเกรงที่มีต่อปรมาจารย์ขง แต่เผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรคงไม่เป็นแบบนั้นแน่


เห็นทุกคนเริ่มอาการดีขึ้น นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงหันมาถามเหยียนเฉว่พร้อมกับขมวดคิ้ว “ทำไมพวกนั้นถึงต้องเจอแรงตีกลับจากฉนวน?”


ในฐานะตัวต้นเรื่อง เขาคิดว่าเหยียนเฉว่ควรรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น


“บรรพบุรุษเก่าแก่…” เหยียนเฉว่ลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ดูเหมือนเครื่องรางลำดับแรกเพียงอย่างเดียวจะไม่เพียงพอสำหรับการที่เราจะผ่านฉนวนไปได้”


ก่อนหน้านี้ เขาเข้าสู่โดมแอปริคอตได้โดยใช้สภาวะพิเศษของหยวนเทา ซึ่งก็ผ่านฉนวนเข้าไปได้โดยไม่ต้องเจอกับแรงตีกลับใดๆ แต่เมื่อพยายามจะเข้าสู่หอลำดับแรก ก็รู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าเครื่องรางลำดับแรกไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ากระดาษแผ่นหนึ่ง ไม่ได้มีผลในการคุ้มกันตัวเขาจากฉนวนเลย


“มันไม่เพียงพอให้เราผ่านฉนวนไปได้?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงขมวดคิ้ว


เขาประสานมือ จากนั้น เครื่องรางลำดับแรกก็ลอยขึ้นมาอยู่ระหว่างปลายนิ้ว เขาใช้ปลายนิ้วบิมันเบาๆ


เคร้งงงง!


ภายใต้กระแสพลังงานพลุ่งพล่าน เครื่องรางที่ดูเหมือนจะทรงพลังก็สูญสลายไปทันที ราวกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่มอดไหม้ในเปลวไฟ มันแตกเป็นเสี่ยงๆนับชิ้นไม่ถ้วนก่อนจะหายวับ ไม่เหลือแม้ร่องรอยให้เห็น


“เครื่องรางลำดับแรก…เป็นของปลอม!” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงเลิกคิ้วด้วยความพรั่นพรึง


ตอนนี้ ทุกคนเห็นกันหมดแล้วว่าเครื่องรางลำดับแรกในมือของเขาเป็นของปลอม! เพราะของล้ำค่าที่ปรมาจารย์ขงหลอมขึ้นเองจะแตกเป็นเสี่ยงๆได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะการบิเบาๆหรือ?


หลังจากผ่านความยุ่งยากมามากมาย ใครจะไปคิดว่าลงท้ายเครื่องรางลำดับแรกที่เขามีอยู่จะกลับกลายเป็นของปลอม?


ในตอนนั้น นักปราชญ์เหยียนชิงรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าติดกันหลายๆครั้งอย่างจัง ทำให้สองแก้มของเขาร้อนผ่าวไปหมด


ไม่น่าเชื่อว่า 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จะทำผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่…ทุกคนต่างเงียบงัน


เมื่อระงับความโมโหไม่ไหวอีกต่อไป นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตะคอกใส่เหยียนเฉว่ “คุณแน่ใจหรือว่าคุณได้เครื่องรางนี้มาจากภูเขาห้วยขาวของทวีปแห่งปรมาจารย์?”


หากเครื่องรางลำดับแรกอันนี้มาจากอาณาจักรโบร่ำโบราณของนักปราชญ์โบราณหรันชิวจริงๆ ก็ไม่มีทางที่มันจะเป็นของปลอม!


“เรื่องนั้นไม่ต้องสงสัยเลย ผมได้มันมาจากที่นั่นจริงๆ” เหยียนเฉว่พยักหน้าขณะละล่ำละลัก แต่ในตอนนั้น เขาก็ตัวแข็งไปครู่หนึ่งก่อนจะอุทานออกมา “เดี๋ยวก่อน…วันนั้นน่ะ จางเซวียนต่อสู้กับพวกเราเพื่อแย่งชิงเครื่องรางลำดับแรก เป็นเพราะพวกเรากลัวว่าเขาจะฉกฉวยเครื่องรางลำดับแรกไป พวกเราจึงรีบร้อนจากมา…”


“เขาต่อสู้กับพวกคุณเพื่อแย่งชิงเครื่องรางลำดับแรก?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงหันขวับไปมองจางเซวียน


ชายหนุ่มคนนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงด้วยการนำหัวใจของมิติรอบนอกออกมาถึง 5 อันเพื่อปลดล็อกหอลำดับแรก จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า…บางทีเขาอาจได้ครอบครองเครื่องรางลำดับแรกเช่นกัน?


ด้วยสิ่งที่เหล่าบรรพบุรุษของเขาบันทึกไว้ พวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์จึงรู้ว่าเครื่องรางลำดับแรกอยู่ที่ภูเขาห้วยขาว ดังนั้นข้อมูลนี้จึงไม่มีทางผิดพลาด แต่ในเมื่อพวกเขาได้ของปลอมมา ก็เป็นไปได้ว่าของจริงน่าจะอยู่ในมือของชายหนุ่ม


ทุกอย่างคงเลวร้ายถึงขีดสุดถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ


นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงสูดหายใจลึกและตั้งคำถามกับจางเซวียน “ปรมาจารย์จาง คุณรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”


“เอ่อ…เหยียนเฉว่พูดถูก ในตอนนั้น พวกเราอยู่ด้วยกันที่ภูเขาห้วยขาว พี่เหยียนเฉว่นำเครื่องรางลำดับแรกของปลอมไป จากนั้นก็หลบหนี ผมพยายามจะยับยั้งเขาไว้เพื่อบอกเรื่องนี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ ลงท้ายผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเก็บเครื่องรางลำดับแรกของจริงไว้…” จางเซวียนถอนหายใจด้วยสีหน้าที่ดูน่าสงสาร


ถึงอย่างไร ในท้ายที่สุดเขาก็จะต้องเข้าสู่หอลำดับแรกอยู่ดี จึงไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธ


“คุณ…พลั่ก!”


ได้ยินคำนั้น เหยียนเฉว่โมโหเดือด อาการบาดเจ็บที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ดูจะสาหัสกว่าเดิม เลือดกระอักออกจากปาก


คุณพูดออกมาใช่ไหมว่าผมหนีไปทันทีหลังจากที่ได้เครื่องรางของปลอมไป?


คุณน่ะมุ่งมั่นจะคว้าเครื่องรางลำดับแรกยิ่งกว่าผมเสียอีก ไม่ถูกหรือ?


ถ้าตอนนั้นผมหนีไม่เร็วพอล่ะก็ ลงท้ายคุณก็อาจจะฉกฉวยเครื่องรางปลอมไปจากมือผมก็ได้!


แล้วทำไมถึงพูดราวกับว่าผมเป็นไอ้ขี้ขลาด?


กล้าพูดแบบนี้ออกมาหลังจากที่ตัวเองได้เครื่องรางของจริงไป…มันเหมาะสมแล้วหรือที่ปรมาจารย์อย่างคุณจะชั่วร้ายขนาดนี้?


“คุณบอกว่าเครื่องรางของจริงอยู่ในมือคุณใช่ไหม?” นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงตั้งคำถาม รู้สึกเจ็บแปลบในอก


“ใช่ มันอยู่กับผม!” จางเซวียนพยักหน้า “ตามกฎเกณฑ์ก่อนหน้านี้ ผู้ที่ครอบครองเครื่องรางลำดับแรกจะได้โควต้า 1 ใน 3 ซึ่งก็คือ 5 คน โควต้าเหล่านี้จะถูกกระจายออกไปในแต่ละกลุ่มอำนาจ และหัวใจแต่ละอันก็หมายถึงโควต้าอีก 1 ที่ที่จะเพิ่มขึ้นมา เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าพวกคุณคงไม่ขัดข้องอะไรที่ผมจะนำโควต้าไปทั้งหมด 11 ที่…ถูกไหม?”


นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงถึงกับเซ เขารู้สึกว่าเลือดเอ่อขึ้นมาอยู่ในลำคอ


เขาตั้งกฎเกณฑ์จุกจิกขึ้นมามากมายเพราะคิดว่าจะสามารถยึดโควต้าได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งให้ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ แต่แล้วก็เพิ่งได้รู้ว่าเครื่องรางลำดับแรกที่มีอยู่นั้นเป็นของปลอม การพลิกผันของสถานการณ์ครั้งนี้ย่อมหมายความว่าพวกเขาจะเหลือโควต้าเพียง 2 ที่เท่านั้น


ในชั่วพริบตา เขาพลันรู้สึกว่าการโต้แย้งทั้งหมดที่ผ่านมากลับเป็นประโยชน์กับคนแปลกหน้า…


ความอึดอัดใจอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงโมโหจนแทบปรี๊ด


ยิ่งไปกว่านั้น การที่ชายหนุ่มรู้มาตลอดว่าเครื่องรางลำดับแรกในมือของพวกเขาเป็นของปลอม แต่เลือกที่จะไม่พูดออกมา…เพียงเท่านี้ก็เห็นชัดแล้วว่าหมอนั่นจงใจจะเฝ้ามองพวกเขาหัวปั่นและกลายเป็นคนโง่เง่า!


แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มพูดออกมา พวกเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดี


เพราะเครื่องรางลำดับแรกของปลอมนั้นถูกหลอมขึ้นอย่างละเอียดประณีต จนแม้แต่เมื่อตรวจสอบด้วยดวงตาและการรับรู้จิตวิญญาณแล้วก็ยังไม่พบข้อบกพร่องใดๆ


มีแต่เมื่อพยายามจะใช้มันท้าทายฉนวนเท่านั้น ถึงได้รู้ว่ามันไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง!


ถึงนักปราชญ์เหยียนชิงจะรู้สึกเหมือนถูกปั่นหัวให้กลายเป็นคนโง่ แต่เขาก็พยักหน้ารับ “ในเมื่อเราตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ผมก็จะไม่เปลี่ยนใจ”


สายเกินไปแล้วที่พวกเขาจะมาเปลี่ยนใจตอนนี้ ซึ่งโควต้า 2 ที่ก็ถือว่าไม่แย่นัก


สำหรับการทำความเข้าใจมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง ก็ยังไม่มีใครในทวีปแห่งปรมาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เผ่าพันธุ์ปีศาจ หรือเผ่าพันธุ์อสูรที่จะเทียบชั้นกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ได้ ขอแค่พวกเขาได้เข้าสู่หอลำดับแรก ผู้ที่มีความหวังมากที่สุดในการจะได้มาซึ่งมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงก็ย่อมเป็นพวกเขา!


ก็เพราะความมั่นใจข้อนี้ที่ทำให้ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์กล้ายื่นข้อเสนอที่จะแบ่งโควต้าให้คนอื่นๆ การใช้เครื่องรางลำดับแรกเป็นตัวประกันทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้เพื่อให้ได้ผลประโยชน์เหนือกว่า


“ได้แบบนั้นก็ดี” จางเซวียนพูด “รอตรงนี้สักครู่นะ ผมจะพาทุกคนเข้าไปเมื่อจัดการเรื่องกลุ่มของผมเรียบร้อยแล้ว”


“เอ่อ…”


เหล่านักปราชญ์โบราณของสภาปรมาจารย์ก็ตกตะลึงกับการพลิกผันของสถานการณ์ ไม่คิดมาก่อนว่าทุกสิ่งจะกลับกลายเป็นประโยชน์กับพวกเขาขนาดนี้ ทุกคนได้แต่ส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นไปยังชายหนุ่มที่เป็นตัวการให้เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้น


การที่ปรมาจารย์หนุ่มผู้นี้จะได้หัวใจของทั้ง 5 มิติรอบนอกมาด้วยตัวเองก็ถือเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขา ทำได้ถึงขนาดคว้าเครื่องรางลำดับแรกมาครอบครองได้ด้วย เอาชนะได้แม้แต่พวก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ คนเก่งกาจขนาดนี้ปรากฏตัวขึ้นในสภาปรมาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?


“พวกเราต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังนะ” ปรมาจารย์หยางแนะนำจางเซวียนอย่างเป็นห่วง “คนอื่นอาจพยายามทำเรื่องให้ยุ่งยากหลังจากที่เห็นว่าสถานการณ์แปรเปลี่ยนมาเข้าข้างเรา”


ในฐานะทายาทของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ นักปราชญ์โบราณเหยียนชิงกับคนอื่นๆไม่น่าจะละทิ้งหลักการที่ตัวเองยึดมั่นเมื่ออยู่ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของขงจื๊อ แต่มันอาจไม่เป็นแบบนั้นเสมอไปเมื่อมีมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเป็นเดิมพัน


แถมยังมีเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรที่รอคอยอย่างอดทนเพื่อจะเล่นงานด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันพร้อมที่จะปฏิบัติการบางอย่างแน่นอนหากมีโอกาส


รู้ดีว่าปรมาจารย์หยางกังวลเรื่องอะไร จางหงเทียนคำราม “ตอนนี้พวกเขายังไม่โจมตีหรอก มีแต่นักรบที่มีวรยุทธต่ำกว่าขั้นชั่วกัลปาวสานเท่านั้นถึงจะเข้าสู่หอลำดับแรกและหอบริวารได้ ต่อให้ใครสักคนได้มหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงมา เขาก็มีพละกำลังไม่แข็งแกร่งพอที่จะซึมซับมัน!”


“พวกเขาจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนำมหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงออกมา ซึ่งทันทีที่ของล้ำค่าชิ้นนั้นถูกนำออกจากหอลำดับแรก เมื่อนั้นแหละที่การต่อสู้ที่แท้จริงจะเริ่ม ถึงโควต้าจะสำคัญแค่ไหน แต่มันก็ทำได้เพียงสร้างความชอบธรรมให้กับผู้ที่เข้าไปเท่านั้น ถึงที่สุดแล้ว ก็ยังต้องใช้พละกำลังของเหล่านักปราชญ์โบราณเพื่อตัดสินว่ามหาคัมภีร์แห่งฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงจะไปอยู่ที่ไหน!”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)