ยอดหญิงสกุลเสิ่น 176.1-177.1

ตอนที่ 176-1 ชัยชนะสุดท้าย

 

เสิ่นเวยกับสวีโย่วและคนอื่นๆ ปลอมตัวเป็นทหารองครักษ์ตามองค์ชายรองเข้าพระราชวังซีเหลียงอย่างเปิดเผย ทหารที่เฝ้าประตูเคารพมากเป็นพิเศษ แม้แต่มองยังไม่กล้ามองก็เปิดทางให้แล้ว ทำให้เสิ่นเวยตกใจจนพูดไม่ออก องค์ชายรองผู้นี้พ่ายแพ้กลับมาแต่ยังมีอานุภาพถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดถึงความยิ่งใหญ่ของอำนาจเบื้องหลัง ดูท่าแล้วคงต้องเก็บเขาไว้ก่อนจึงจะดี


 


 


มีองค์ชายรองไม่ได้ความด้อยฝีมือผู้นี้อยู่ ไม่นานประมุขซีเหลียงก็ตกอยู่ในกำมือของเสิ่นเวยและ


 


 


สวีโย่ว เขามองลูกชายคนรองของตนอย่างเหลือเชื่อ “ฮุยเอ๋อร์เจ้า?” ในสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด


 


 


องค์ชายรองเองก็โง่เขลา บอกว่าแค่เข้าวังเที่ยวหนึ่งมิใช่หรือ เมื่อได้สติกลับมาก็พบว่าตนถูกหลอกเข้าแล้ว โมโหจนด่าประณาม “พวกเจ้า…”


 


 


เสิ่นเวยรีบตบเขาทันที ชิงพูดก่อน “ต่อให้พวกข้าบีบบังคับท่านแล้วอย่างไร ใครใช้ให้ท่านโง่เล่า” คนโง่ที่มีประโยชน์เช่นนี้ยังต้องเก็บไว้ก่อน ไม่อาจทำให้ประมุขซีเหลียงเกิดความคิดสังหารได้ ดูสิว่านางใจดีเพียงใด หาข้ออ้างปัดความรับผิดชอบแทนเขาเสร็จสรรพ คนโง่หลอกง่ายมักจะดีว่าคนที่ซ่อนจิตใจชั่วร้ายทรยศประมุขไม่ใช่หรือ


 


 


คราวนี้องค์ชายรองกลับปราดเปรียวอย่างไม่น่าเชื่อ โมโหคำรามจะโผเข้ามา “พวกเจ้าปล่อยเสด็จพ่อข้า พวกเจ้าบอกไม่ใช่หรือว่าจะไม่ทำร้ายเสด็จพ่อข้า พวกเจ้าเชื่อไม่ได้ ข้าจะสู้กับพวกเจ้า”


 


 


ด้วยกระบวนท่าที่ไม่ได้เรื่องนั่นของเขา ซ้ำขายังบาดเจ็บหนึ่งข้าง จะทำอะไรได้ ถูกโอวหยางไน่ถีบออกไปชนกำแพงไกลๆ ศีรษะก็เซ หมดสติไปแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าหมดสติจริงหรือแสร้งหมดสติ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเสิ่นเวยก็รู้สึกว่าควรชมเขาสักหน่อย


 


 


เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความไม่ได้เรื่องจริงๆ!


 


 


ดวงตาประมุขซีเหลียงหดเล็กลง “ฮุยเอ๋อร์!” หันหน้ากลับไปตะคอก “พวกเจ้าทำอะไรเขา” อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงบุตรชายที่ตนรักทะนุถนอมมายี่สิบปี เขายังคงมีความผูกพันอยู่มากอย่างยิ่ง


 


 


เสิ่นเวยยักไหล่อย่างไม่สนใจ “ไม่เชื่อฟัง สั่งสอนสักหน่อยก็แค่นั้น! แต่ว่าประมุขโปรดวางใจ องค์ชายรองเพียงแค่สลบไป ไม่เป็นอะไรมากหรอก”


 


 


“พวกเจ้าเป็นโจรฝั่งใด คาดไม่ถึงว่ากล้าบุกพระราชวังข่มขู่ข้า! อยากตายหรือไร” ประมุขซีเหลียงกลับไม่สะทกสะท้าน


 


 


เสิ่นเวยกับสวีโย่วสบตากันปราดหนึ่ง มีความสุขจนทนแทบไม่ไหวแล้ว ประมุขซีเหลียงโง่งมจริงๆ มีอะไรไม่กล้า เขากลายเป็นตัวประกันในมือคนอื่นแล้วไม่ใช่หรือ กระบี่จ่ออยู่ที่คอแล้วไม่เห็นหรือ


 


 


ประมุขซีเหลียงเห็นเสิ่นเวยและคนอื่นๆ ไม่ขยับ แววตาก็ดับมืดเปลี่ยนท่าที ปั้นหน้าเป็นมิตรกล่าว “นักรบทุกท่านต้องการความช่วยเหลือหรือ ขอเพียงแค่ข้าน้อยช่วยได้ก็เชิญพูดมาเลย”


 


 


ฮ่าๆ รู้จักอ่านสถานการณ์จริงๆ! เมื่อครู่ยังพูดว่าข้าอยู่เลย เห็นท่าไม่ดีก็เปลี่ยนเป็นข้าน้อยทันที นางพูดได้หรือไม่ว่าคนแบบนี้ที่จริงแล้วนางชอบยิ่งนัก


 


 


เสิ่นเวยยกมุมปาก “มีเรื่องที่ประมุขช่วยได้จริงๆ ประมุขได้โปรดไปเป็นแขกกับพวกข้าสักเที่ยวหนึ่งเถอะ ถือโอกาสได้ดูลูกชายคนโตที่เดือดดาลผู้นั้นของท่านก่อกรรมทำชั่วด้วย” เจ้าบอกว่าเจ้าอยู่ดีกินดี ขาดแคลนของก็คิดหาวิธีเอาเอง คิดแต่จะแย่งของคนอื่น ทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน


 


 


“พวกเจ้าเป็นคนต้ายงหรือ” ประมุขซีเหลียงหวาดกลัวในใจขึ้นมาทันที ดวงตามีความไม่เข้าใจแวบผ่าน


 


 


เสิ่นเวยดีดนิ้ว “ถูกต้อง ทายถูกแล้ว! น่าเสียดายที่ไม่มีรางวัล ข้าขอแนะนำให้ประมุขให้ความร่วมมือจะดีกว่า เลี่ยงไม่ให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ”


 


 


เห็นเขามองออกไปข้างนอกแวบหนึ่ง เสิ่นเวยก็หัวเราะเยาะกล่าว “ประมุขยังรอกองทัพองครักษ์ของท่านอยู่ใช่หรือไม่ ขออภัยจริงๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาไม่ได้แล้ว”


 


 


ราวกับต้องการยืนยันคำพูดของนาง ข้างนอกก็มีเสียงตะโกนฆ่าและเสียงดาบกระบี่ต่อสู้กันดังขึ้นมา อ้อ ยังมีเสียงระเบิดที่ดังลั่นจนทำให้คนหูหนวกได้อีกด้วย


 


 


“นี่ นี่มันเสียงอะไร” นี่คือพลสวรรค์อาวุธวิเศษอะไรกันแน่ ประมุขซีเหลียงสงสัยไม่มั่นใจ แม้แต่เสียงยังสั่นเครือ เขารู้สึกว่าพระราชวังทั้งหมดกำลังสั่นสะเทือน


 


 


เสิ่นเวยกล่าวอย่างไม่สนใจ “เพียงแค่ประทัดฉบับเพิ่มประสิทธิภาพ วันนี้เป็นวันดี ควรฉลองสักหน่อย”


 


 


สองพี่น้องเจียงเฮยเจียงไป๋กับโอวหยางไน่ที่อยู่ตรงนั้นก่ายหน้าผากพร้อมกัน ของที่สามารถระเบิดพื้นเรียบเป็นหลุมลึกเท่าตัวคนได้เรียกว่าประทัดหรือ คุณหนูสี่หยอกคนเก่งจริงๆ


 


 


อันที่จริงเสิ่นเวยน้อยใจยิ่งนักรู้หรือไม่ หนึ่งผงถ่าน สองกำมะถัน สามเชื้อเพลิง นี่ไม่ใช่ส่วนประกอบในการทำประทัดหรือไร เพียงแค่เปลี่ยนอัตราส่วนแล้วถูกนางนำมาทำเป็นดินปืนก็เท่านั้นเอง ฟังจากเสียงก็ดังพอสมควร แต่อานุภาพกลับยังไม่ได้ ด้อยกว่าชนวนระเบิดในยุคปัจจุบันมาก ทำได้เพียงเรียกว่าเป็นประทัดที่เพิ่มประสิทธิภาพ พอเอามาใช้แก้ขัดได้


 


 


ข้างนอกเสิ่นหู่โถวและคนอื่นๆ ที่ถือระเบิดมืออย่างง่ายๆ โยนเข้าไปกลางกองทัพซีเหลียงต่างก็ปากอ้าตาค้างแล้ว นี่…พลังทำลายล้างของอาวุธชนิดใหม่ที่คุณหนูให้มาดูจะแรงเกินไปหน่อยหรือไม่ กองทหารองครักษ์สิบกว่าคนที่วิ่งเข้ามากลายเป็นศพลอยกระจายในชั่วพริบตา แม้แต่เรือนยังถล่มทลาย


 


 


กองทหารองครักษ์ซีเหลียงตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน ของกลมๆ ดำๆ นั้นคืออะไร เหตุใดถึงรุนแรงเพียงนี้ ความกล้าหาญหายไปหมดแล้ว แน่นอนว่าไม่มีใจจะสู้รบอีกแล้ว


 


 


หลังโยนระเบิดมือผ่านไปพักหนึ่ง ไม่เพียงแต่กองทหารองครักษ์ซีเหลียงที่ล้มเกลื่อนพื้น แม้แต่เรือนตำหนักต่างก็ถล่มลงไม่น้อย ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนเสิ่นเวยก็นำคนกวาดล้างพระราชวังซีเหลียง ขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนสำคัญของซีเหลียงก็ถูกจับตัวไปด้วยเช่นกัน จับมัดโยนขึ้นม้าพาออกไปตอนกลางคืน เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตหรูหราเหล่านี้ไหนเลยจะเคยถูกทรมานเช่นนี้มาก่อน ยังออกไปได้ไม่ถึงครึ่งลี้ก็โคลงเคลงจนเวียนศีรษะหน้ามืดไปแล้ว


 


 


องค์ชายใหญ่ซีเหลียงยืนอยู่ในสนามรบจ้องมองกำแพงเมืองต้ายงข้างหน้านิ่ง บนใบหน้าค่อยๆ มีสีปรากฏขึ้นช้าๆ ดีจริงๆ ทหารชายแดนต้ายงหมดกำลังแล้ว โจมตีอีกหนึ่งวันคาดว่าน่าจะทำลายกำแพงเมืองได้ อย่างไรเสียเสิ่นผิงยวนก็แก่แล้ว คิดจะตีเมืองชายแดนซีเจียงให้แตก นำกองทัพใหญ่ลงไปทางตะวันออก จากนั้นค่อยเข้าไปยังที่ราบลุ่มตอนกลางอันงดงาม มีผ้าไหมนุ่มลื่น มีเงินทองเครื่องหยก มีอาหารสมบูรณ์ มีเครื่องเคลือบลายครามอันประณีต ยังมีสตรีที่สวยงามผิวขาวผ่อง…เป็นของเขาทั้งหมด เป็นของเขาทั้งหมด


 


 


สิ่งที่ยิ่งทำให้เขาพอใจก็คือ ในที่สุดเขาก็รบชนะเสิ่นผิงยวนศัตรูเก่าได้แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้เคยนำความหวาดกลัวเช่นไรมาให้เขาในวัยเด็ก ช่วงเวลาสิบปีเขาแข็งแกร่งขึ้นช้าๆ แต่ศัตรูของเขากลับแก่ลงทุกวันๆ ในที่สุดก็จะตายอยู่ในมือเขาแล้ว ยังมีอะไรน่าชื่นใจไปมากกว่านี้อีก


 


 


คราวนี้เขาจะต้องสร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ ราชบัลลังก์ของเสด็จพ่อนอกจากเขาแล้วจะยังมีใครหน้าไหนกล้าแย่งได้อีก เขาจะต้องนำซีเหลียงเดินไปบนทางที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร บนหน้าหนังสือประวัติศาสตร์ของซีเหลียงในอีกพันปีร้อยปีข้างหน้าจะต้องจารึกคุณงามความดีของเขา ชื่อของเขาจะคงไว้ตลอดกาล!


 


 


คิดถึงสิ่งเหล่านี้ รอยยิ้มบนใบหน้าองค์ชายใหญ่ซีเหลียงก็ยิ่งกว้าง


 


 


ตอนที่เสิ่นเวยจับตัวประมุขซีเหลียง องค์ชายต่างๆ และขุนนางทั้งหลายของซีเหลียงขึ้นไปบนยอดกำแพงเมือง ไม่เพียงแต่ทหารชายแดนต้ายงที่ตะลึงงัน แม้แต่องค์ชายใหญ่ซีเหลียงเองก็ตะลึงงัน เสด็จพ่อของเขาอยู่ในพระราชวังซีเหลียงดีๆ อยู่เลยมิใช่หรือ เหตุใดถึงถูกต้ายงจับเป็นเชลยศึกแล้วเล่า ต้ายงมีความสามารถมากเช่นนี้ได้อย่างไร จู่ๆ เขาก็นึกถึงสายตาที่เย็นเยียบคู่นั้นได้แล้ว


 


 


ฟังต้าฉุยดีใจ สายตาที่มองเสิ่นเวยเอ็นดูยิ่งกว่าลูกชายแท้ๆ “คุณชายสี่ ชั่วชีวิตนี้ของเหล่าฟังนอกจากท่านโหวแล้วก็ไม่เคยน้อมรับใครมาก่อน ตอนนี้มีท่านเพิ่มอีกคนแล้ว คุณชายสี่ท่านเก่งจริงๆ ไม่นึกว่าจะกวาดล้างเมืองหลวงซีเหลียงได้” ฟังต้าฉุยฉีกปากยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง


 


 


จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังบอกล่างกำแพงเมือง “นี่เจ้าเด็กซีเหลียง พ่อกับพี่น้องเจ้าอยู่ในมือพวกข้าแล้ว รีบปลดธงยอมแพ้เสียเถอะ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจเ**้ยมอำมหิต ฮ่าๆ!” เขาแหงนหน้าหัวเราะร่า ปลดปล่อยความอัดอั้นหลายวันมานี้ออกมาจนหมด “พวกลูกสุนัขซีเหลียงทั้งหลาย เบิกตาดูสุนัขของพวกเจ้าเสีย ประมุขของพวกเจ้าอยู่ตรงนี้แล้ว ถอยไป ถอยไป ถอยไปให้หมด มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าปล่อยใต้เท้าประมุขของพวกเจ้าเลือดไหลตาย”


 


 


ทหารยศน้อยข้างล่างไหนเลยจะเคยเห็นประมุข แต่ว่าคนผู้นั้นที่กำลังจะถูกฆ่าบนยอดกำแพงเมืองสวมชุดกษัตริย์ซีเหลียงทั้งร่าง ศีรษะก็สวมมงกุฎที่พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี คนอื่นๆ ที่ถูกจับก็สวมเครื่องแต่งกายของซีเหลียง ในใจก็เชื่อไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพียงแต่องค์ชายใหญ่ไม่ออกคำสั่งถอยทัพ พวกเขาก็ไม่กล้าถอยเองโดยพลการ แต่ละคนๆ อ้าปากตะลึงอยู่กับที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี


 


 


เหล่าทหารยศน้อยไม่เคยเห็นประมุข แต่องค์ชายใหญ่จะไม่รู้จักเสด็จพ่อพี่น้องของตัวเองได้ด้วยหรือ ยังมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ซีเหลียงที่เรียงแถวคอตกเหล่านั้นอีก มีหลายคนที่ปกติหยิ่งผยองทะนงตน เห็นเขาทีไรก็เชิดหน้าสูง ตอนนี้กลับตกอยู่ในสภาพจนตรอกกลายเป็นนักโทษของคนอื่น ประหนึ่งนกกระทา


 


 


สีหน้าองค์ชายใหญ่ดูไม่ดีอย่างยิ่ง มารดาเขาสิ คนเหล่านี้เป็นอะไรไป ข้าขายชีวิตสู้เป็นสู้ตายอยู่ข้างนอก ชั่วพริบตาชัยชนะก็อยู่ตรงหน้าแล้ว แต่รังกลับถูกคนกวาดล้าง แม้แต่ประมุขของแคว้นยังถูกคนจับเป็นเชลย ไม่ได้หวังว่าคนเหล่านั้นจะมาช่วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็อย่ามาเป็นตัวถ่วงเขา! เขาไม่ยอม ไม่ยอม!


 


 


เสด็จพ่อของเขาถ่วงดุลอำนาจเก่งมิใช่หรือหรือ น้องชายเหล่านั้นของเขาโอ้อวดว่าฉลาดมากความสามารถมิใช่หรือ เหตุใดถึงกลายเป็นนักโทษของคนอื่นได้เล่า


 


 


องค์ชายใหญ่ซีเหลียงโกรธจนกัดฟันกรอด เรือล่มเมื่อจอด เรือล่มเมื่อจอด!


 


 


“องค์ชายใหญ่ ท่านต้องคิดให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นโอกาสครั้งเดียวของท่าน” กุนซือชาวฮั่นข้างกายกล่าวเตือนเสียงเบา “ขี้ขลาดมิใช่ลูกผู้ชาย ใจเสาะมิใช่ชายชาตรี ผู้กระทำการณ์ใหญ่ไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย”


 


 


แววตาขององค์ชายใหญ่มีแสงสลัวกะพริบผ่าน เขาเม้มริมฝีปากแน่นดวงตาที่ราวกับเหยี่ยวจ้องมองยอดกำแพงเมือง หมัดข้างลำตัวกำไว้แนบแน่น


 


 


บนยอดกำแพงเมืองนั้น ศัตรูเก่าของเขา ชายแก่หนวดขาวผู้นั้นกำลังยืนหลังตรงมือไพล่หลัง ดวงตาที่เปี่ยมวิสัยทัศน์อ่อนโยนเจือจาง เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกายเขา ทั้งสองคนมีดวงตาแบบเดียวกัน มองดูก็รู้ว่าเป็นญาติในสายโลหิต ดวงตาที่เย็นเยียบไม่มีความรู้สึกแม้แต่นิดเดียวคู่นั้นทำให้ดวงตาองค์ชายใหญ่หดลงอย่างไม่รู้ตัว


 


 


เป็นเขา เด็กหนุ่มที่เกือบจะยิงธนูพรากชีวิตเขาผู้นั้น! ที่แท้แล้วเขาก็เป็นลูกหลานของตาแก่เสิ่นผิงยวน องค์ชายใหญ่แทบจะกระอักเลือด อุตส่าห์ทนรอจนเสิ่นผิงยวนแก่ชรา แต่ลูกหลานของเขากลับกลายเป็นฝันร้ายของตน!


 


 


ฟังต้าฉุยเห็นองค์ชายใหญ่ซีเหลียงไม่ออกคำสั่งถอยทัพ สายตาที่มองประมุขซีเหลียงก็มีเจตนาร้ายขึ้นมาทันที กล่าวยั่วยุ “ใต้เท้าประมุข บุตรชายคนโตของท่านคล้ายไม่ได้สนใจความเป็นความตายของท่าน หากเป็นต้ายงของพวกข้าก็ถือว่าอกตัญญูยิ่งนัก ชาติที่แล้วท่านก่อกรรมทำชั่วไปมากเพียงใดถึงได้ลูกอกตัญญูเช่นนี้มา”


 


 


ในใจประมุขซีเหลียงเองก็ซับซ้อนอย่างถึงที่สุด ประมุขของแว่นแคว้นผู้ยิ่งใหญ่กลับกลายเป็นนักโทษ ซ้ำยังถูกคนจับมาข่มขู่ลูกชายตนเอง ความรักในศักดิ์ศรีตนเองของผู้เป็นประมุขทำให้เขาอยากจะตายเสียตอนนี้ยังดีกว่า


 


 


“เผิงเอ๋อร์ พ่อ…” แววตาเขาคลุมเครือ อยากตะโกนอะไรบางอย่าง แต่เมื่ออ้าปากแล้วลำคอกลับคล้ายถูกอุดไว้ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เขาพยายามจะยืดอกขึ้น แต่ดาบใหญ่ที่จี้คออยู่กลับทำให้เขาจำใจต้องค้อมหลังลง เขาอยากบอกลูกชายว่าไม่ต้องสนใจเขา โจมตีเมืองต่อได้เลย แต่เมื่อเวลาแห่งความตายใกล้เข้ามาเขากลับขลาดกลัว


 


 


ตายแล้วทุกอย่างก็จบสิ้น แว่นแคว้นของเขา ขุนนางของเขา อำนาจของเขา เงินทองของเขา หญิงงามของเขา…หมดลงทั้งสิ้น


 


 


ไม่ เขาไม่อยากตาย เขาต้องมีชีวิตอยู่ เขาต้องมีชีวิตเพื่อเสพสุขทั้งหมดนี้


 


 


“เสด็จพ่อ!” องค์ชายใหญ่เห็นเสด็จพ่อถูกสบประมาทเช่นนี้ก็โมโหเดือดดาล ดวงตาแดงก่ำ ตวาดด้วยความโกรธ “ถอยทัพ! ถอยทัพ! ยอมแพ้แล้ว ข้ายอมแพ้แล้ว ตาเฒ่าเสิ่นผิงยวนรีบให้คนปล่อยเสด็จพ่อข้าเดี๋ยวนี้ ห้ามทำให้เขาบาดเจ็บแม้แต่นิ้วมือเดียว”


 


 


คำตอบที่เขาได้รับคือเสิ่นเวยถีบประมุขซีเหลียงหนึ่งครา เสียงที่เย็นยะเยือกของนางดังก้องสนามรบกว้างใหญ่ “หลี่หยวนเผิงเจ้าพูดให้ดีๆ หน่อย หากไม่เคารพท่านปู่ข้าอีกล่ะก็ ข้าจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด ข้ายิงธนูใส่เจ้าได้ ก็ยิงธนูสิบดอกร้อยดอกฆ่าเจ้าได้เหมือนกัน หากไม่เชื่อก็มาดูฝีมือของจริงในสนามรบ”


 


 


มารดาเขาสิ กล้าหือกับข้าหรือ อยากตายหรือไร! หากไม่ใช่ว่าไม่อยากสูญเสียทหารชายแดนอีก ข้าจะไม่พักรบกับพวกเจ้าหรอก ข้าจะตีไปถึงแคว้นซีเหลียงของพวกเจ้า ล้างแคว้นผลาญเผ่าพันธุ์เจ้าเสีย!


 


 


สบสายตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้น องค์ชายใหญ่ซีเหลียงก็หวาดกลัวสามส่วนอย่างไม่มีเหตุผล


 


 


“องค์ชายใหญ่ ท่านคิดให้ดี!” กุนซือชาวฮั่นยังคงโน้มน้าวต่อ


 


 


ทว่าองค์ชายใหญ่กลับยกมือห้ามเขา “เจ้าไม่ต้องพูด ข้าตัดสินใจแล้ว เสด็จพ่อกับเหล่าน้องชายขุนนางสำคัญ ถอยทัพ”


 


 


เขาจะไม่สนใจชีวิตของเสด็จพ่อและคนอื่นๆ แล้วเลือกโจมตีเมืองต่อก็ได้ แต่ทหารซีเหลียงหลายหมื่นนายต่างก็มองอยู่ เขาจะยังบัญชาการให้เคลื่อนทัพได้อยู่หรือ แม้จะคว้าชัยกลับไป แต่ประชาชน


 


 


ซีเหลียงจะมองเขาอย่างไร เขาทะเยอทะยาน อยากเป็นประมุขของซีเหลียง ทว่าแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยคิดจะเป็นจักรพรรดิเผด็จการที่ไม่ได้ใจประชาชน


 


 


กุนซือชาวฮั่นไม่ได้โน้มน้าวต่อ แต่ในใจกลับเสียดายอย่างถึงที่สุด แต่ไหนแต่ไรมากษัตริย์องค์ใดบ้างที่ไม่ได้เหยียบกระดูกขาวนับไม่ถ้วนเพื่อปีนขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ จิตใจองค์ชายใหญ่ยังโหดเ**้ยมไม่พอ


 


 


ในที่สุดสงครามของต้ายงกับซีเหลียงก็จบลง หิมะที่หนักที่สุดตั้งแต่เข้าฤดูหนาวมาในที่สุดก็ตกลงแล้ว เกล็ดหิมะใหญ่ราวกับขนห่าน ล่องลอยปลิวปลิด เร็วอย่างยิ่งก็ปกคลุมผืนดินใหญ่เป็นสีขาวโพลน


 


 


ประชาชนเมืองชายแดนพากันวิ่งออกจาบ้าน กระโดดโลดเต้น โห่ร้องยินดีท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก ท้ายที่สุดแต่ละคนกลับคุกเข่าลงบนพื้นหิมะสะอึกสะอื้นไห้ พวกเขาร่ำไห้ให้ญาติที่เสียไปในสงคราม ร่ำไห้ที่ในที่สุดก็ปกป้องบ้านเมืองไว้ได้แล้ว ร่ำไห้ที่สงครามสิ้นสุดลงเสียที ความหวังอยู่ตรงหน้าแล้ว 

 

 


ตอนที่ 176-2 ชัยชนะสุดท้าย

 

เรื่องการเจรจาสงบศึกเสิ่นเวยไม่ได้สนใจ เพราะยังมีปู่นางกับคนอื่นๆ อยู่ ตอนที่ยังตกลงกันไม่ได้ ประมุขซีเหลียงกับองค์ชายและขุนนางทั้งหลายย่อมไม่อาจส่งคืนพวกเขา ทั้งหมดถูกกักบริเวณไว้ในจวนโหว ส่งกองกำลังหารไปเฝ้า แม้ว่าจะไม่มีอิสระ แต่ก็ไม่ได้ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายใดๆ


 


 


เรื่องใหญ่เช่นนี้ท่านเสิ่นโหวก็ไม่กล้าตัดสินใจเอง เขียนสาส์นกราบทูลแบบเปิดเผยและแบบลับสองฉบับแล้วใช้ม้าเร็วส่งเข้าเมืองหลวงถวายให้จักรพรรดิยงเซวียนอ่านด้วยตัวพระองค์เอง


 


 


จักรพรรดิยงเซวียนตบโต๊ะด้วยความดีใจ “ไม่เสียชื่อที่เป็นจงอู่โหว” ท่าทางดีใจเบิกบานเช่นนั้นทำให้ขันทีใหญ่จางเฉวียนตกใจอยู่เงียบๆ ตั้งแต่ที่จักรพรรดิขึ้นครองราชย์มาก็ไม่เคยเห็นเขาดีใจเช่นนี้มาก่อน


 


 


“จางเฉวียน เจ้ารู้หรือไม่ ซีเจียงไม่เพียงแต่ชนะ แต่ยังจับประมุขซีเหลียงและองค์ชายขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมดมาเป็นเชลยอีกด้วย เสิ่นผิงยวนเพิ่มเกียรติให้เราดีจริงๆ ช่างเป็นวีรบุรุษ!” รอยยิ้มบนพระพักตร์ของจักรพรรดิยงเซวียนไม่ว่าอย่างไรก็หยุดไม่อยู่แล้ว พระองค์ดีพระทัยจริงๆ! ตั้งแต่ที่ทรงขึ้นครองราชย์มา ที่นี่ไม่เกิดภัยพิบัติ ที่นั่นก็เกิดหายนะ ทำให้ทรงตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ท้องพระคลังก็ว่างเปล่าตลอดทั้งปี


 


 


ตอนนี้ในที่สุดซีเจียงก็ส่งข่าวดีมาแล้ว พระองค์จะไม่ดีใจได้อย่างไร หลังจากสงครามครั้งนี้ไป อย่างน้อยซีเจียงก็จะสงบสุขไปได้อีกสิบปี เสิ่นผิงยวนทำได้ดีจริงๆ มิน่าเล่าก่อนเสด็จพ่อเสด็จสวรรคตจึงกำชับให้เขาใช้เสิ่นผิงยวนปฏิบัติหน้าที่สำคัญ


 


 


ในใจจางเฉวียนประหลาดใจเล็กน้อย เหตุใดถึงเป็นวีรบุรุษแล้วเล่า ตามที่เขารู้ ลูกชายสามคนของจงอู่โหวไม่ได้โดดเด่นอย่างสิ้นเชิง ในกลุ่มหลานชายก็ไม่มีใครที่น่าสะดุดตา แต่จักรพรรดิกลับดีพระทัยเพียงนั้น เขาจะไม่ดีใจได้ด้วยหรือ


 


 


“ยินดีกับฝ่าบาท ยินดีกับฝ่าบาท ดูท่าแล้วครั้งนี้ฝ่าบาทต้องทุ่มเงินปูนบำเหน็จให้จงอู่โหวให้ดีๆ เสียแล้ว” ขันทีใหญ่จางเฉวียนผสมโรงอย่างยิ้มแย้ม


 


 


จักรพรรดิยงเซวียนทรงสรวลเสียงดัง “แน่นอนอยู่แล้ว” เสิ่นผิงยวนสร้างคุณปการทหารเช่นนี้จะไม่ปูนบำเหน็จได้อย่างไร นี่ไม่ใช่คนที่สร้างความหวาดกลัวให้นายทหารหรือไร นึกถึงเนื้อหาในสาส์นลับ แววตาของจักรพรรดิยงเซวียนก็กะพริบวาบ


 


 


คุณหนูเสิ่น คุณหนูสี่แซ่เสิ่น เรียกว่าเสิ่นเวยแล้วกัน ไม่คิดว่านางกับอาโย่วจะนำทหารแค่พันนายไปถล่มพระราชวังซีเหลียงได้ แม้แต่ประมุขซีเหลียงยังจับกลับมาได้ จึงทำได้ได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้ สตรีวิเศษ วีรสตรี! สตรีแบบนี้สิถึงควรจะเข้าเป็นราชวงศ์ อาโย่วมีวาสนาจริงๆ


 


 


ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าฐานะของคุณหนูสี่แซ่เสิ่นผู้นี้ต่ำต้อยเล็กน้อย แต่ตอนนี้กลับยกระดับฐานะให้นางได้แล้ว พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้นางเป็นเสี้ยนจู่ดีหรือไม่ ต่ำไปหรือไม่ แต่นี่เป็นคุณูปการยิ่งใหญ่เกรียงไกร ให้เป็นจวิ้นจู่ดีกว่า! มีฐานะนี้แล้วแต่งงานกับอาโย่วจึงจะดูดี


 


 


คุณหนูสี่แซ่เสิ่นได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์แล้ว ย่อมไม่อาจเมินเฉยอาโย่ว อาโย่วเด็กคนนี้กลับไม่มีทำให้ตนผิดหวัง ช่วยงานไม่น้อยทั้งต่อหน้าและลับหลัง ก่อนเสด็จพ่อเสด็จสวรรคตก็ยังคงเป็นห่วงเขา สั่งให้ตนดูแลเขาให้ดี ในเมื่อเขาไม่ต้องการจวนจิ้นอ๋อง เช่นนั้นก็พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เขาเสีย สร้างจวนอีกแห่ง เลี่ยงไม่ให้อาศัยอยู่ด้วยกันไร้อิสระ


 


 


อันที่จริงจักรพรรดิยงเซวียนอยากพระราชทานบรรดาศักดิ์ชินอ๋องให้เขา อย่างไรเสียจักรพรรดิ


 


 


ยงเซวียนก็ปฏิบัติต่อเขาแทบไม่ต่างจากลูกแท้ๆ แต่เขาคิดแล้วก็ยังคงถอดใจ สิ่งสำคัญก็คือน้องชายที่เลอะเลือนผู้นั้นของเขาชอบทำให้คนรำคาญใจ คาดว่าถึงตอนนั้นถูกจิ้นหวังเฟยยุยงไม่กี่ประโยคจะกลายเป็นการเพิ่มปัญหาให้อาโย่วอีก พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นจวิ้นอ๋องก่อนแล้วกัน อาโย่วมีความสามารถ จะต้องชิงบรรดาศักดิ์ชินอ๋องมาไว้ในมือได้แน่นอน


 


 


ในท้องพระโรง ทุกๆ คนต่างก็ทราบแล้วว่าซีเจียงได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ ท่านเสิ่นโหวจวนจงอู่โหวสร้างคุณูปการอันเป็นอมตะอีกครั้ง สายตาที่มองซื่อจื่อเสิ่นหงเหวินและเสิ่นหงเซวียนกรมพิธีการก็เต็มไปด้วยความอิจฉา สองคนนี้ก็ไม่ได้เก่งอะไรนัก แต่ช่วยไม่ได้ที่มีพ่อดี ไม่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองก็สามารถมีเกียรติไปได้อีกหลายสิบปี


 


 


คนทุกระดับชั้นในจวนจงอู่โหวต่างก็จมดิ่งอยู่ในความดีใจ เสียงที่คนรับใช้พูดสูงขึ้นสามส่วนอย่างไม่รู้ตัว ตอนที่ท่านเสิ่นโหวส่งสาส์นกราบทูลเข้าเมืองหลวงก็ถือโอกาสส่งจดหมายกลับบ้าน ในจดหมายสั่งไว้ว่า จวนโหวจะต้องคงความสงบเงียบ ไม่อาจจัดงานเลี้ยงเอิกเกริก ทั้งหมดต้องรอเขากลับเมืองหลวงก่อนแล้วค่อยว่ากัน


 


 


อันที่จริงคำพูดนี้ไม่ต้องสั่งเสิ่นหงเหวินสองสามีภรรยาก็รู้ว่าควรทำเช่นไร ท่านเสิ่นโหวแสดงเจตจำนงว่าไม่วางใจภรรยาอาวุโสที่เชื่อใจไม่ได้ผู้นั้นของเขา กลัวว่านางจะถูกคนประจบไม่กี่ประโยคก็ไม่รู้ฟ้าสูงดินต่ำ ยิ่งเป็นช่วงเวลานี้ยิ่งต้องระมัดระวัง หากถูกคนอื่นจับจุดอ่อนได้ก็จะแย่เอา


 


 


มีจดหมายของท่านเสิ่นโหว ฮูหยินสวี่ก็กำชับบ่าวรับใช้ในจวน ปิดประตูปฏิเสธแขก นอกจากญาติของบุตรสาวที่จะแต่งงานออกเรือนแล้ว คนอื่นก็ไม่ต้อนรับอย่างไม่มีข้อยกเว้น กฎระเบียบเข้มงวดยิ่งกว่าเมื่อก่อน


 


 


แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ของขวัญประจำปีที่ส่งมายังจวนจงอู่โหวก็ทยอยมาไม่ขาดสาย อีกทั้งยังเยอะขึ้นกว่าปีก่อนๆ ไม่น้อย ของขวัญเหล่านี้ฮูหยินสวี่กลับไม่ได้ปฏิเสธ ปีใหม่ก็ส่งของขวัญอวยพรตามปกติก็เท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้จึงต้องส่งของขวัญกลับไปให้มากตามความเหมาะสม ไม่อาจทำให้คนติฉินนินทา


 


 


ฮูหยินสวี่มีความสุข เดินไปไหนก็อารมณ์ดี ซีเหลียงคว้าชัยชนะยิ่งใหญ่ พ่อสามีและลูกชายล้วนปลอดภัยไร้กังวล ส่วนอนาคตของลูกชายก็มีแล้ว ด้วยเหตุนี้นางจึงใจป้ำ เพิ่มเงินเดือนสองเดือนให้คนใช้ทั้งหมดในจวน ตัดเสื้อผ้าให้เจ้านายทุกคนคนละสี่ชุด เพราะว่าในใจคาดเดาได้รางๆ ส่วนของเสิ่นเวยกับเรือนเฟิงหวาจึงได้เยอะมากเป็นพิเศษ


 


 


เรื่องนี้คนอื่นก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่างไรเสียในจวนบุตรสาวภรรยาหลวงที่ยังไม่ได้ออกเรือนก็เหลือเสิ่นเวยเพียงคนเดียว


 


 


คนทุกระดับชั้นในเรือนเฟิงหวาก็ดีใจเป็นอย่างมาก ซีเหลียงคว้าชัยชนะยิ่งใหญ่ เช่นนั้นก็หมายความว่าคุณหนูใกล้จะกลับมาแล้ว วัดต้าเจวี๋ยเงียบเหงาเช่นนั้น ทั้งยังกินได้เพียงอาหารมังสวิรัติ ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณหนูจะผอมขนาดไหนแล้ว


 


 


คนทั้งหมดเฝ้ารอคอยอยู่เต็มอก ทำความสะอาดเรือนข้างนอกข้างในภายใต้คำสั่งของเหอฮวาเถาจือ แปะภาพสิริมงคลและกระดาษที่ตัดเป็นรูปต่างๆ


 


 


เสิ่นเจวี๋ยที่เป็นเหมือนใต้เท้าน้อยก็หุบยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ เหมือนเด็กๆ ดีจริงๆ ท่านพี่จะกลับมาแล้ว ท่านพี่จะกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว


 


 


หลีฮวากับพี่สะใภ้เซียงเหมยและคนอื่นๆ ที่วัดต้าเจวี๋ยแสนไกลได้รับข่าวแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย หลายเดือนมานี้ทั้งสองกังวลหวาดกลัว ทั้งเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณหนู ทั้งกลัวว่าจะมีพิรุธถูกคนอื่นพบเห็นว่าคุณหนูไม่อยู่ ความกดดันในใจมากอย่างยิ่ง ฤดูหนาวที่เดิมควรจะอ้วนขึ้น แต่ทั้งสองคนกลับผอมลงไปมาก


 


 


จักรพรรดิยงเซวียนปรึกษาเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ถึงปัญหาที่ว่าจะส่งใครไปเจรจาสงบศึก ปรึกษาไปปรึกษามาก็ตัดสินใจเลือกคนไม่ได้ ท้ายที่สุดจักรพรรดิยงเซวียนก็โบกพระหัตถ์บัญชา ไม่ส่งทูตเจรจา และไม่ต้องคุมตัวประมุขซีเหลียงเข้าเมืองหลวง เรื่องของซีเจียงก็จัดการที่ซีเจียง เรื่องเจรจาสงบศึกก็ให้เสิ่นผิงยวนและสวีโย่วเป็นคนตัดสินใจ อย่างไรเสียสองคนนี้ก็เข้าใจสถานการณ์ของซีเจียงดีที่สุดแล้ว


 


 


สำหรับข้อตกลงของจักรพรรดิยงเซวียน ก็ได้ส่งหย่งติ้งโหวไปประกาศพระราชโองการที่ซีเจียง


 


 


เนื่องจากเป็นฤดูหนาว อากาศหนาวพื้นเย็น เดินทางค่อนข้างลำบาก หย่งติ้งโหวเดินทางครึ่งเดือนเต็มไป กว่าจะไปถึงเมืองชายแดนซีเจียง 

 

 


ตอนที่ 177-1 เจรจาสงบศึก

 

“อะไรนะ องค์ชายใหญ่ซีเหลียงขอเสบียงหรือ แล้วพวกท่านก็ยังไม่มีสมองเตรียมจะตอบตกลงงั้นหรือ” เสิ่นเวยดีดตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ มองปู่นางและสวีโย่วราวกับมองคนโง่


 


 


เข้าใจผิดแล้วกระมัง เป็นแคว้นพ่ายศึกยังกล้ามาขอนั่นขอนี่อย่างเต็มปากเต็มคำอีกหรือ ส่วนฝ่ายที่ชนะศึกก็เตรียมจะรับข้อเสนอของเขาอย่างใจป้ำ เป็นคนโง่แต่รวยงั้นหรือ เงินเยอะจนใช้ไม่หมดงั้นหรือ ให้ข้าสิ รีบๆ เอาเงินที่ข้าออกคืนมา เสิ่นเวยโมโหจะตายอยู่แล้ว


 


 


บางทีเจตนาของเสิ่นเวยอาจจะชัดเจนเกินไป ปู่นางกับหนุ่มรูปงามแซ่สวีต่างก็มีสีหน้าเหยเก


 


 


“คุณชายสี่ แคว้นต้ายงของพวกเราเป็นแคว้นใหญ่เกรียงไกร เป็นแค้วนที่มีระเบียบประเพณี


 


 


ซีเหลียงเป็นเพียงแคว้นเล็กๆ ตอนนี้พวกเราชาวต้ายงต้องแสดงน้ำใจของพวกเรา ไม่ลดตัวลงทะเลาะกับพวกเขา ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยคุณธรรม ใช้เหตุและผลมาชักจูง” หย่งติ้งโหวที่มาประกาศพระราชโองการที่


 


 


ซีเหลียงยิ้มแย้มชี้แนะเสิ่นเวย


 


 


เสิ่นเวยมองหย่งติ้งโหว เห็นเขาไม่เหมือนล้อเล่น ก็เหลือบมองปู่นางและหนุ่มรูปงามแซ่สวีสองคน เห็นว่าแม้พวกเขาจะไม่พูดอะไร แต่บนใบหน้าคาดไม่ถึงว่าปรากฏสีหน้าเห็นด้วยทั้งคู่


 


 


ครั้งนี้เสิ่นเวยก็ยิ่งโมโหแล้ว ที่แท้แล้วนางสู้ศึกครั้งนี้อย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อมาส่งเสบียงให้


 


 


ซีเหลียงงั้นหรือ คนตายไปมากมายเพียงนั้นเป็นการตายเปล่าหรือ เงินที่นางออกไปมากมายเพียงนั้นเป็นการเสียเปล่าหรือ โยนลงไปในน้ำยังได้ยินเสียงสะท้อนเลย แสดงน้ำใจบ้าอะไร เขายกทัพมาตีเจ้าแล้ว เจ้ายังจะปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยคุณธรรมใช้เหตุและผลมาชักจูงอีก ตอนที่สู้รบทำไมถึงไม่ใช้คุณธรรมกับมารยาทของเจ้ามาปฏิบัติต่อคนอื่นเล่า


 


 


“ไม่ให้ เสบียงแม้แต่เม็ดเดียวก็ไม่ให้ ไปเตือนหลี่หยวนเผิงผู้นั้นเดี๋ยวนี้ แพ้ศึกก็ต้องอยู่อย่างคนแพ้ศึก ซื่อสัตย์หน่อย หากยังกล้าเสนอข้อตกลงนั้นอีก ข้าจะทำให้เขาพิการก่อนเลย” เสิ่นเวยกัดฟันกรอดกล่าว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลว ฆ่าองค์ชายใหญ่ที่หน้าเนื้อใจเสือผู้นี้ให้ตาย สนับสนุนองค์ชายรองให้ขึ้นครองบัลลังก์ นางก็ไม่เชื่อว่าองค์ชายรองคนโง่ผู้นั้นจะกล้าขอนู่นขอนี่กับนาง


 


 


“เจ้าสี่เจ้าจะไปไหน” ท่านเสิ่นโหวเห็นหลานสาวเดินออกไปข้างนอกด้วยท่าทางดุร้าย ก็รีบเรียกนางไว้


 


 


“ข้าจะไปฆ่าคนหน้าไม่อายผู้นั้น” เสียงของเสิ่นเวยน่าสะพรึงกลัว มีนางอยู่ ซีเหลียงคิดจะขอเสบียง ไม่มีทางเสียหรอก


 


 


“สร้างเรื่อง” ท่านเสิ่นโหวให้คนไปขวางนางไว้ทันที “นี่เป็นการเจรจาสงบศึกมิใช่หรือ เหตุใดเด็กเช่นเจ้าถึงใจร้อนเช่นนี้” ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จะชักดาบท่าเดียว ทั้งยังทำต่อหน้าคู่หมั้น ยังมีกิริยาของสตรีอยู่หรือไม่ ท่านเสิ่นโหวกลุ้มใจอย่างยิ่ง


 


 


เขากลัวว่าที่หลานเขยจะคิดมากจึงแสร้งโมโหว่ากล่าว “คิดว่าเจ้าเก่งนักใช่หรือไม่ อายุยังน้อยแต่ใจร้อนเพียงนี้ สงบสตินั่งลงก่อน”


 


 


เสิ่นเวยแสยะปากนั่งลงอีกครั้ง หย่งติ้งโหวเห็นท่าทีก็กลอกตา ยิ้มเหมือนพระสังกัจจายน์ยิ่งกว่าเดิม “การแยกแยะความชอบความเกลียดของคุณชายสี่ทำให้ข้าเลื่อมใสนัก เพียงแต่อย่างไรเสียคุณชายสี่ก็ยังอายุน้อย มองไม่ออกก็เป็นเรื่องปกติ เสิ่นโหวก็อย่าได้ตำหนิเขาเลย” นี่คือหลานรักของเสิ่นผิงยวน ตั้งแต่ที่ตนเข้าเมืองชายแดนซีเจียงก็ได้ยินชื่อเสียงสั่นสะเทือนฟ้าดิน กระทั่งต่อหน้าพระพักตร์จักรพรรดิก็ยังเคยเอ่ยถึง เขายังคงต้องให้เกียรติอยู่บ้าง


 


 


“ซีเหลียงเปิดศึกกับต้ายงก็เพราะว่าวัวแกะฝูงใหญ่ล้มตาย ประชาชนกินไม่อิ่มท้องไม่ใช่หรือ ต้ายงของเรากว้างใหญ่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ช่วยเหลือสักหน่อยก็เป็นเรื่องสมควร ซีเหลียงได้เสบียงแล้ว ชีวิตก็ไปต่อได้ ย่อมไม่อาจยกทัพลงมาทางตะวันออกอีกแน่นอน” หย่งติ้งโหวอธิบายช้าๆ


 


 


เสิ่นเวยแค่นเสียงขึ้นจมูกกับคำพูดนี้ “ท่านโหวรับรองได้หรือว่าซีเหลียงได้เสบียงไปแล้วจะไม่ยกทัพลงทางตะวันออกรุกรานแคว้นเราอีก ไม่แน่ว่าพวกเขาได้เสบียงกลับซีเหลียงแล้ว จากนั้นก็นำกองทัพใหญ่ลงมาทางตะวันออกเพื่อโจมตีเมืองชายแดนต่อ” ประวัติศาสตร์อารยธรรมของประเทศจีนยุคโบราณกว่าห้าพันปี กรณีแบบนี้น้อยนักหรือไร ความทะเยอทะยานของซีเหลียงนางเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง


 


 


หย่งติ้งโหวกล่าวอย่างจริงจัง “เป็นไปไม่ได้ ลงนามสาส์นตราตั้งเรียบร้อยแล้ว”


 


 


สาส์นตราตั้งหรือ ของพรรค์นั้นก็แค่กระดาษหนึ่งแผ่น มีประโยชน์อะไร “ก่อนหน้านี้ก็เคยลงนามสาส์นตราตั้งว่าจะไม่รุกรานกันและกันแล้วไม่ใช่หรือ ปีไหนบ้างที่ซีเหลียงไม่ก่อกวนชายแดน เห็นได้ชัดว่าของพรรค์นี้ไม่มีประโยชน์เลย” เสิ่นเวยพยายามโต้เถียงด้วยเหตุผล “ซีเหลียงก็คือหมาป่าตาขาวที่เลี้ยงไม่เชื่อง เมื่อพวกเขาได้เสบียงของเราแล้วได้พลังกลับมาแล้วก็จะหันกลับมาโจมตีพวกเราอีก ดังนั้นพวกเราไม่อาจทำเรื่องโง่ๆ นั่นได้”


 


 


นางหยุดครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวต่อ “ก็เหมือนโจรฆ่ายกครัวเจ้าหมดแล้ว แต่เห็นว่าฆ่าเจ้าไม่ได้จึงคุกเข่าขอร้อง เจ้าไม่แก้แค้นตัดรากถอนโคน แถมยังให้เงินช่วยเขาข้ามผ่านความยากลำบาก เจ้าว่าเมื่อเขาหายดีแล้วจะหันกลับมาฆ่าเจ้าด้วยหรือไม่ ทำดีตอบแทนคนชั่ว แล้วจะใช้อะไรตอบแทนคุณธรรม เจ้าให้อภัยช่วยเหลือโจรแล้วเคยคิดถึงคนในครอบครัวที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมเหล่านั้นของเจ้าหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ทำไม่ได้” เสิ่นเวยยกตัวอย่างที่เห็นภาพหนึ่งตัวอย่าง


 


 


เห็นคนหลายคนมีท่าทีคล้ายครุ่นคิด เสิ่นเวยก็กล่าวต่อ “ซีเหลียงขอเสบียงก็ให้เสบียงงั้นหรือ มีสิทธิ์อะไร นี่เป็นการช่วยเหลือศัตรูไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าควรเป็นพวกเราที่เสนอข้อตกลงกับพวกเขาหรอกหรือ ม้าศึกหรือหนังของซีเหลียงล้วนแต่เป็นของดีอย่างยิ่ง เหตุใดพวกท่านถึงไม่คิดจะเอากลับมาหน่อยเล่า ข้าเห็นพระราชวังซีเหลียงสร้างได้โอ่อ่าอลังการ ดูก็รู้ว่ามีทรัพย์สินเงินทองไม่ขาดมือ ให้พวกเขาเอาเงินมาไถ่คน ไม่ว่าอย่างไรประมุขซีเหลียงก็น่าจะเรียกได้สักสามถึงห้าหมื่นตำลึงไม่ใช่หรือ องค์ชายก็น้อยลงมาหน่อย สักสองหมื่นตำลึงก็ได้แล้ว ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้นก็ลดให้พวกเขาหน่อย เรียกคนละหนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อไถ่ตัว เช่นนี้พวกเราก็จะมีเงินสามสี่แสนตำลึงแล้ว จักรพรรดิจะไม่ดีพระทัยได้อย่างไร…


 


 


…ซีเหลียงสู้รบ เสบียงถูกทหารเดนตายซีเหลียงเผา ราชสำนักหยิบนู่นยืมนี่กว่าจะส่งเสบียงหมื่นต้านมาได้ องค์ชายใหญ่ซีเหลียงกลับโชคดี ราชสีห์อ้าปากกว้างก็ได้เสบียงไปห้าหมื่นต้าน ทำไมไม่ให้เขาขึ้นสวรรค์ไปเลยเล่า” นี่ทำให้เสิ่นเวยโมโหมากเป็นพิเศษ ตนกินอยู่อย่างประหยัด แต่กลับใจกว้างต่อศัตรูอย่างยิ่ง สมองคิดได้อย่างไร ทั้งหมดนี่ล้วนแต่เป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่าที่ถูกฝึกฝนขัดเกลาอยู่ในแวดวงขุนนาง พวกเขาไม่คิดว่าทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม ก็อนุมานความคิดของเหล่าขุนนางชั้นสูงในราชสำนักได้แล้ว รู้สึกอยู่เสมอว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งของต้ายงวางมาดสูงส่งดูถูกผู้อื่น โอ้อวดตนว่าเป็นผู้ดีผู้มีปัญญา อย่าได้ให้เขาลงสนามรบเด็ดขาด ล้วนแต่เป็นคนคร่ำครึจอมปลอมหนึ่งกลุ่ม ประจบเจ้าไม่กี่ประโยคก็หน้าบานแล้วหรือ ต้องมีของตกอยู่ในมือต่างหากจึงจะเป็นผลประโยชน์ที่แท้จริง


 


 


“อยากได้เสบียงก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ให้พวกเขาเอาเงินมาซื้อ เอาม้าศึก หนัง ยามาแลก ไม่ฉวยโอกาสตัดกำลังแคว้นซีเหลียง คิดจะปล่อยเสือเข้าป่าหรือไร” ลำบากตรากตรำกว่าจะคว้าชัยชนะมาได้ยังให้เสบียงคนอื่นอย่างเสียเปล่าอีก แท้จริงแล้วชนะหรือแพ้กันแน่


 


 


หย่งติ้งโหวเริ่มใคร่ครวญ จักรพรรดิกำลังว้าวุ่นใจที่ท้องพระคลังว่างเปล่าอยู่ หากนำเงินกลับไปได้จริงๆ จักรพรรดิจะไม่ทรงยินดีได้อย่างไร แม้ว่าเขาจะไม่ใช่บุคคลสำคัญในการเจรจาสงบศึก แต่ในเมื่อจักรพรรดิส่งเขาวิ่งมาเที่ยวนี้แล้ว คุณงามความดีก็หนีไม่พ้นแน่นอน


 


 


ท่านเสิ่นโหวเองก็มีความคิดที่ไม่ต่างกัน เขามองคุณชายใหญ่สวีที่สีหน้าเรียบเฉยปราดหนึ่ง พยักหน้าน้อยๆ อย่างแทบจะมองไม่เห็น สวีโย่วเองก็คิดว่าเด็กน้อยของเขาพูดได้มีเหตุผลอย่างยิ่ง เงินที่ได้มาอย่างไม่เสียเปล่าใครบ้างจะไม่ชอบ ยิ่งไปกว่านั้นเสด็จลุงของเขาก็จนจนแทบจะกัดก้อนเกลือกินแล้ว


 


 


“ข้าเห็นด้วยกับคุณชายสี่ ให้เสบียงไม่ได้ ต้องซื้อหรือแลกเปลี่ยนเท่านั้น ยังมี ซีเหลียงเป็นแคว้นพ่ายศึก ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้พวกเราด้วยหรือไม่ ให้พวกเขาได้รู้ว่ายุแหย่ให้เกิดสงครามต้องมีของแลกเปลี่ยน เจ็บแล้วจึงจะจดจำบทเรียน เรียนรู้ความผิดพลาดได้” และต้องให้ซีเหลียงรู้ว่าต้ายงไม่ได้หลอกง่าย ยอมแพ้อ้อนวอนแล้วก็จะได้ผลประโยชน์มากมายกลับไปงั้นหรือ ฝันไปเถอะ ไม่พูดไม่ได้ว่าคุณชายใหญ่สวีเองก็เจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกอย่างยิ่ง


 


 


หย่งติ้งโหวกับท่านเสิ่นโหวพยักหน้าอย่างอดไม่ได้ เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ที่คุ้มกันชายแดน พวกเขาเองก็หวังว่าจะตัดกำลังแคว้นซีเหลียงได้ ทำให้พวกเขาไม่มีกำลังยกทัพรุกรานต้ายงอีก


 


 


โดยเฉพาะฟังต้าฉุยกับหวังต้าชวนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ ก็ยิ่งโมโหเคียดแค้นซีเหลียงเป็นอย่างมาก ยังจะให้เงินให้เสบียงพวกเขาอีกหรือ ไม่มีทางเสียหรอก ก่อนหน้านี้เห็นเจตนาของท่านเสิ่นกับคุณชายใหญ่จะตอบตกลง ก็ทำให้พวกเขาอัดอั้นจะตายอยู่แล้ว โชคดีที่มีคุณชายสี่อยู่ มิเช่นนั้นก็คงต้องถูกพวกชั่ว


 


 


ซีเหลียงเอาเปรียบ เขาสองคนมองเสิ่นเวย ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกเข้าตา ยังคงเป็นคุณชายสี่ที่ดี เดินทางสายเดียวกับพวกเขา


 


 


ตอนที่เจรจาสงบศึกอีกครั้ง องค์ชายใหญ่ซีเหลียงก็อัดอั้นไปทั่วทั้งร่าง ต้ายงที่แต่ไหนมาล้วนพูดง่ายกลับมีท่าทางแข็งกร้าวขึ้นมา ไม่เพียงแต่ไม่ตกลงว่าจะให้เงินเสบียงและวัตถุดิบต่างๆ แล้ว ยังเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วย สำหรับเชลยศึก สามารถเอาของมาแลกได้ ม้าศึก หนัง ยา ของทุกอย่างที่ต้ายงขาดแคลนแต่ซีเหลียงมีพวกเขาล้วนเอาทั้งหมด


 


 


กลุ่มเจรจาสงบศึกกับซีเหลียงที่มีองค์ชายใหญ่เป็นผู้นำโมโหจนหน้าเขียวจัด เหตุใดพวกเขาถึงกล้ารุกรานชายแดนทุกปีๆ น่ะหรือ ไม่ใช่เพราะรู้ความคิดของผู้กุมอำนาจต้ายงหรอกหรือ สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้ ถึงตอนนั้นก็ร้องห่มร้องไห้ พูดจาดีๆ ไม่กี่ประโยค เพื่อที่แสดงน้ำใจของแคว้นใหญ่ ต้ายงก็จะส่งเสบียงและเงินโดยไม่ต้องเสียอะไรให้พวกเขาอย่างใจกว้าง พวกเขาได้รับเยอะยิ่งกว่าสูญเสียด้วยซ้ำ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะไม่ทำ


 


 


แต่ว่าเหตุใดครั้งนี้ต้ายงถึงไม่โง่แล้วเล่า องค์ชายใหญ่คิดคำนวณในใจเงียบๆ หากทำตามข้อตกลงของต้ายง ก็ต้องชดใช้ด้วยเงินหลายแสนตำลึงกับม้าศึก หนังและของต่างๆ เป็นจำนวนมาก


 


 


รับปากไม่ได้ รับปากไม่ได้เด็ดขาด


 


 


แต่ฝั่งต้ายงกลับไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่นิดเดียว ไม่รับปากหรือ ได้ เช่นนั้นพวกเราก็สู้ต่อ สู้จนกว่าพวกเจ้าซีเหลียงจะรับปาก และแม้องค์ชายใหญ่ซีเหลียงจะไม่รับปาก ก็ยังมีใต้เท้าประมุขอยู่มิใช่หรือ ขอเพียงแค่ใต้เท้าประมุขรับปากก็พอแล้ว


 


 


สองฝ่ายยื้อกันไปมาเช่นนี้ อย่างไรเสียก็อยู่ในอาณาเขตของตนเอง มีความอดทนที่คอยถ่วงรั้งพวกเขาอยู่ ท่านเสิ่นโหวยังเตรียมสั่งพลเคลื่อนทัพ ตั้งมั่นพร้อมรบ เตรียมเปิดศึกทุกเมื่อ


 


 


ซีเหลียงจะไหวหรือ กองทัพใหญ่หลายหมื่นนายยังตั้งค่ายอยู่ที่ชายแดนอยู่เลย เจรจาไม่ได้ก็ยังกลับไปไม่ได้ อากาศหนาวเหน็บที่สุดในปี ทรมานยิ่งนัก อีกทั้งเสด็จพ่อของเขายังอยู่ในมือคนอื่น หากตัดสินใจล่าช้า เมื่อกลับถึงซีเหลียงแล้วเสด็จพ่อคงจะบาดหมางกับเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้


 


 


ท้ายที่สุดศัตรูที่อ่อนแอก็สู้คนที่แข็งแกร่งกว่าไม่ได้ องค์ชายใหญ่ซีเหลียงกัดฟันยอมรับสัญญาที่ไม่เป็นธรรมของต้ายง ฝั่งต้ายงเองก็ปล่อยประมุขซีเหลียงออกมาลงนามสาส์นตราตั้ง ในที่สุดสงครามที่กินระยะเวลาห้าเดือนนี้ก็จบลงแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)