ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 1746-1753
ตอนที่ 1746 คุณตามหาผิดคนแล้วล่ะ
ตำนานแห่งโลกหล้ากล่าวว่าเฉินกั๋วเปียวคือผู้ที่ไม่เกรงกลัวฟ้าดิน บ้าคลั่งขึ้นมาก็ฆ่าได้แม้กระทั่งผู้มำอำนาจ ตามที่ตำนานเล่าขานมาเขาน่าจะเป็นผู้ชายที่มีความมุทะลุดุดันฆ่าฟันจนเป็นนิสัยและใจกล้าบ้าบิ่น แต่ความจริงเป็นเช่นนั้นหรือ?
ไม่มีทางเป็นไปได้แน่!
สามารถกำจัดพี่ใหญ่ไปได้อย่างลับ ๆ ซ้ำยังปกปิดมาเกือบสิบปี อาศัยใบบุญเก่าของพี่ใหญ่ในการปราบลูกน้องให้อยู่หมัดจนกลายเป็นคนมีอำนาจมากพอที่จะต่อต้านโจวจื่อหัวได้ ซึ่งนั่นบ่งชี้ได้ชัดเลยว่าเฉินกั๋วเปียวไม่ใช่ชายผู้มีความมุทะลุ แต่เป็นคนต่ำทรามที่เจ้าเล่ห์ใจกล้าบ้าบิ่น
เขาได้ฟังคำพูดของลูกน้อง แม้จะเกิดความอยากได้แม่สาวสวยจนน้ำลายหกแต่ก็ค่อนข้างหวาดกลัว
หากว่าแม่สาวสวยเป็นมิตรกับโจวจื่อหัวจริง ๆ เขาก็ไม่ควรทำอะไรผลีผลาม จิ้งจอกเฒ่าโจวจื่อหัวตัวนี้แตะต้องไม่ได้ ไม่คุ้มที่จะผิดใจกับจิ้งจอกเฒ่าเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว
และเป้าหมายในวันนี้ก็คือตู้ตานลูกสาวของหมิ่นเติง หมิ่นเติงมีลูกสาวสุดที่รักแค่คนเดียวที่เป็นเสมือนแก้วตาดวงใจ ขอแค่จับตัวตู้ตานให้ได้ หมิ่นเติงก็จะยอมถูกจับแต่โดยดี แล้วเขาก็จะรับช่วงดูแลถิ่นของหมิ่นเติงต่อ วันข้างหน้ายังต้องกลัวว่าจะไม่เหลือผงแป้ง[1]ด้วยอีกหรือ?
เฉินกั๋วเปียวถามขึ้นเสียงดัง “ฉันนี่แหละเฉินกั๋วเปียว คุณเป็นอะไรกับพี่หัว? ทำไมผมไม่เคยเจอคุณมาก่อน?”
เหมยเหมยแอบโล่งใจไปพลาง ไพ่ไม้ตายโจวจื่อหัวนี่ใช้ได้ผลจริง ๆ เธอจงใจแสร้งทำเป็นหญิงสาวเอาแต่ใจ พูดขึ้นอย่างถืออำนาจบาตรใหญ่ “โจวจื่อหัวกับสามีของฉันเป็นเพื่อนต่างวัยกัน เมื่อวานลุงหัวยังพูดอยู่เลย ถ้าอยู่ในฮ่องกงแล้วบอกชื่อของเขาไป ก็จะไม่มีใครกล้าคิดร้ายฉัน เฮ้อ ฉันยังนึกว่าลุงหัวต้องจงใจหลอกฉันแน่ ๆ”
เธอเงียบไปสักพักพลันเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย “วันนี้อากาศดี ตอนแรกกะจะออกมานั่งเรือพักผ่อนหย่อนใจ แต่พอออกมากลับเจอพวกนายปล้น ฮ่องกงนี่น่าเบื่อชะมัด ครั้งหน้าจะไม่มาอีกแล้ว”
เฉินกั๋วเปียวแปลกใจไม่เลิก จากท่าทีของแม่สาวน้อยก็เหมือนจะไม่ได้พูดโกหก และเขาก็รู้ด้วยว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโจวจื่อมีความสัมพันธ์อันดีกับคนในฮวาเซี่ยอย่างแน่นแฟ้น แต่เขาก็ยังไม่เชื่อคำพูดของเหมยเหมยอยู่ดี
เรื่องที่จินป๋อเหวินกับลูกสาวของหมิ่นเติงเป็นเพื่อนกันเขาพึ่งสืบเจอช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ดังนั้นจึงให้ลูกน้องคอยจับตามองจินป๋อเหวิน นึกไม่ถึงว่าช่วงไม่กี่วันมานี้จนป๋อเหวินจะออกทะเล หนำซ้ำไปครั้งหนึ่งก็นานเป็นสามถึงสี่ชั่วโมง
เพราะงั้นเขาเดาว่าลี่ลี่อันน่าจะมาที่ฮ่องกง และไม่กล้าขึ้นฝั่งจึงได้นัดเจอกับจินป๋อเหวินในทะเล
แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าทำไมจินป๋อเหวินต้องพาเหมยเหมยออกทะเลมาด้วย แต่เขาก็ไม่อยากคิดอะไรมาก ยอมฆ่าคนผิดเป็นพันคนดีกว่ายอมปล่อยให้คนคนเดียวหนีไปได้ ไอ้แก่หมิ่นเติงนั่นเป็นหินในห้องส้วมที่ทั้งเหม็นและแข็งกระด้าง
อีกอย่างลูกน้องของไอ้แก่นี่ก็ซื่อสัตย์ภักดี ในเวลาอันสั้นคงไม่อาจทำอะไรไอ้แก่นั่นได้ แต่เขารอไม่ไหวแล้วต้องจัดการให้เสร็จโดยเร็ว
แค่ได้ตัวลูกสาวไอ้แก่นั่นมา หึ ๆอย่าว่าแต่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลย ต่อให้เป็นยุโรปอเมริกาเขาก็จะเอามันมาให้ได้!
“คุณอย่าพึ่งโมโหสิ ผมแค่มาตามหาผู้หญิงที่ชื่อตู้ตาน อีกชื่อหนึ่งของเธอคือลี่ลี่อัน แค่คุณยอมส่งตัวตู้ตานมา พวกเราก็จะไปทันที กลับฮ่องกงไปผมจะจัดหูฉลามเป็นการต้อนรับคุณเลย”
เรือของเฉินกั๋วเปียวเทียบเข้ามาใกล้มาก เขายืนอยู่บนดาดฟ้า ส่งยิ้มจาง ๆแต่นั่นกลับทำให้เหมยเหมยขนลุกชูชันไปทั่วร่าง
หัวหน้ามาเฟียที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้า หน้าตาดุร้าย คิ้วเข้มดำขลับทั้งสองข้างขมวดแน่นอยู่กลางหว่างคิ้วไม่เหลือช่วงว่าง ดวงตายกเชิดขึ้นเล็กน้อย ส่อแววโหดเหี้ยม ไขมันบนใบหน้ามันเยิ้มและยังมีแผลเป็นจากมีดยาวเล็กลึกเข้าไปในใบหู
ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี!
เหมยเหมยกำหมัดแน่น แผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แสร้งทำเป็นตกใจและพูดว่า “คุณนี่ตลกจัง ฉันมาฮ่องกงเป็นครั้งแรก ไม่คุ้นเคยกับใคร และจะไปรู้จักลี่ลี่อันที่คุณพูดถึงได้อย่างไรละคะ? คุณเฉินมาผิดที่แล้วหรือเปล่า?”
[1] มาจากคำว่า粉 ซึ่งในที่นี้หมายถึง การซื้อขายยาบ้า
………………………………………………………………….
ตอนที่ 1747 ทำร้ายอย่างเปิดเผย
เฉินกั๋วเปียวหรี่ตาลงทอดสายตาสอดส่องเรือสำราญของอีกฝ่ายทุกซอกทุกมุม บนดาดฟ้าไม่มีลี่ลี่อันอยู่จริง ๆ ซ้ำยังมีคนแก่เพิ่มมาหนึ่งคน เขาชี้ไปยังหมอกู้แล้วถามขึ้น “คนนี้เป็นใคร?”
“เขาโด่งดังมากเลยนะ เป็นหมอเทวาของพวกเราที่นั่น เป็นหมอที่ชุบชีวิตผู้คนมากมาย ในอนาคตถ้าคุณเฉินป่วยมาหาคุณปู่กู้สิ ถ้าไม่ใช่มะเร็งหรือเอดส์เราจะคอยดูแลเรื่องยาให้จนกว่าคุณจะหายสนิทเลย”
เหมยเหมยพูดเจื้อยแจ้วจนช่วยคลายบรรยากาศที่แสนกระอักกระอ่วนใจลงไปมาก จินป๋อเหวินยกยิ้มมุมปาก แม้ว่าขาจะอ่อนระทวยแต่เขาก็อยากจะหัวเราะ
คุณหนูจ้าวนี่ร้ายเปิดเผยจริง ๆ!
“กล้านัก ทำไมพูดจากับพี่เฉินแบบนี้? ” ลูกน้องข้างกายของเฉินกั๋วเปียวเปล่งเสียงดุ
เหมยเหมยแสร้งทำเป็นตกใจ พูดขึ้นอย่างโมโห “คุณเฉินคนของคุณไร้มารยาทจัง ดูก็รู้ว่าไร้การอบรม คุณต้องหัดสั่งสอนพวกเขาบ้างนะ เหมือนสามีฉันที่รู้จักอบรมสั่งสอนคน คุณดูลูกน้องของสามีฉันสิเห็นได้ชัดว่ามีสติดีกว่าลูกน้องของคุณมาก!”
เธอชี้คนข้างกายอย่างเสี่ยวอวิ๋นและเสียวหลี่ พร้อมกับกระพริบตาปริบ ๆอย่างไร้เดียงสา แสดงบทบาทหญิงสาวจอมไร้เดียงสาที่อ่อนต่อโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เฉินกั๋วเปียวจึงถามอีกครั้งเพื่อคลายความสงสัย คุณหนูจ้าวคนนี้ได้รับการปกป้องดีเกินไปอย่างเห็นได้ชัด โง่เง่าเต่าตุ่น ปากไม่มีหูรูด
แต่ความสงสัยของเขามีอยู่มากจึงไม่ยอมเชื่ออะไรง่าย ๆ เขายิ้มและพูดว่า “คุณหนูจ้าวพูดจาได้น่าสนใจนัก จากที่ผมรู้มาคือทนายจินเป็นเพื่อนกับตู้ตานมาหลายปี พวกคุณออกทะเลมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้คงมาหาตู้ตานสินะ?”
เหมยเหมยลอบก่นด่าจินป๋อเหวินในใจจนกลายเป็นหมาแต่ไม่แสดงออกทางสีหน้า เอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา “ทนายจินคุณรู้จักตู้ตาน? เขาเป็นคนรักของคุณเหรอคะ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เราคงไม่จำเป็นต้องทำงานร่วมกันแล้วค่ะ ฉันเกลียดที่สุดคือพวกคนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อชีวิตแต่งงาน!”
จินป๋อเหวินตะโกนขึ้นมาเมื่อถูกปรักปรำ “ผมรู้จักตู้ตานเสียที่ไหน? แต่เมื่อยี่สิบปีก่อนผมเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับผู้หญิงที่ชื่อลี่ลี่อัน แต่หลังจากที่ผมกลับมาฮ่องกงก็ไม่ได้ติดต่อกับเธออีก คุณเฉินคงเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ ถ้าภรรยาผมเข้าใจผิดขึ้นมาวันข้างหน้าผมคงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข!”
ทั้งคู่ผลัดกันร้องผลัดกันพูดเข้าขากันได้ดีอย่างกับรู้ใจ นั่นยิ่งทำให้เฉินกั๋วเปียวคลายความสงสัยลงได้อีกนิด
“ผู้หญิงอย่างตู้ตานอันตรายมาก ไม่แน่ว่าเธออาจจะแอบลักลอบขึ้นมาบนเรือด้วยและแอบซ่อนอยู่ในที่ลับ อาจเป็นผลเสียต่อคุณหนูจ้าวได้ ผมว่าจะลองค้นดูสักหน่อย เพื่อป้องกันไว้ก่อน คุณหนูคิดว่ายังไงครับ?”
แม้เฉินกั๋วเปียวจะถามแต่น้ำเสียงกลับยากที่จะปฏิเสธ
เหมยเหมยเองก็ร้อนใจมาก พลุสัญญาณปล่อยไปตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่มีคนมาอีกนะ?
เธอรู้ว่าถ้าไม่ให้เฉินกั๋วเปียวขึ้นมาค้นบนเรือ ความสงสัยของเฉินกั๋วเปียวก็ไม่อาจคลายลงได้ เธอต้องรับปาก
“ได้ค่ะ คุณขึ้นมาค้นเลย แต่ฉันขอพูดข้อเสนอบางอย่างก่อน ถ้าคุณหาผู้หญิงตู้ตานอะไรนั่นไม่เจอ คุณเฉินจะต้องชดใช้ให้ฉัน!” เหมยเหมยทำหน้าเย็นชา
ยิ่งในเวลาแบบนี้เธอยิ่งห้ามอ่อนแอ ถึงอย่างไรก็ต้องวางมาดไว้ก่อน
เฉินกั๋วเปียวหัวเราะร่า “ผมก็แค่ห่วงความปลอดภัยแทนคุณหนูจ้าวครับ เอาไว้วันหลังผมจะเลี้ยงหูฉลามคุณหนูที่ภัตตาคารป้าหวัง”
ภัตตาคารป้าหวังเป็นภัตตาคารที่ขึ้นชื่อที่สุดในพื้นที่ และอาหารที่ขึ้นชื่อของภัตตาคารก็คือหูฉลาม กินแค่หนึ่งมื้อก็ปาเข้าไปเป็นหมื่น ๆแล้ว คนทั่วไปไม่สามารถซื้อกินได้
เหมยเหมยหัวเราะเยาะไปที บอกเป็นนัยให้เสี่ยวอวิ๋นและคนอื่น ๆเก็บปืน พลางหันไปผายมือเชื้อเชิญเฉินกั๋วเปียว “คุณเฉินเชิญค่ะ!”
เฉินกั๋วเปียวโบกมือส่งสัญญาณบอกลูกน้อง ฉับพลันกระดานไม้ก็ถูกวางลงบนเรือทั้งสองลำ เขาพาลูกน้องนับสิบคนเดินเข้ามาด้วย มองขึ้นลงสำรวจเหมยเหมยด้วยแววตาที่เปิดเผยอย่างโจ่งแจ้ง
มองใกล้ ๆก็ยิ่งสวย แต่เสียดายที่ไม่ใช่สาวโสด หนำซ้ำยังเป็นคนของโจวจื่อหัว!
เหมยเหมยฝืนทนต่อความสะอิดสะเอียน ในตอนนี้ศัตรูแข็งแกร่งแต่เราอ่อนแอ อดทนเข้าไว้ อีกไม่นานต้องกำจัดคนแซ่เฉินให้ได้!
ตอนที่ 1748 ฝูงบิน AVG มาถึงแล้ว
ก่อนหน้านั้นเหยียนหมิงซุ่นเคยบอกเธอ อำนาจมืดของที่นี่จะต้องถูกรัฐบาลกวาดเรียบแน่ ไม่มีทางให้เกิดสถานการณ์ลากยาวระหว่างอำนาจมืดและรัฐบาลเด็ดขาดเหมือนกับหัวหน้ามาเฟียอย่างโจวจื่อหัว เขาเองก็ได้เริ่มต้นหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองมาตั้งนานแล้ว
เพราะงั้นโจวจื่อหัวจึงสานสัมพันธ์ที่ดีต่อเหยียนหมิงซุ่น เท่ากับเป็นการยอมจำนนต่อรัฐบาลอย่างไม่ปิดบัง แต่นักเลงอย่างเฉินกั๋วเปียว รัฐบาลจะยอมปล่อยให้เขาได้มีชีวิตอีกครั้งเหรอ?
ลูกน้องของเฉินกั๋วเปียวค้นหาในเรือสำราญจนทั่วแต่ก็ไม่พบอะไร
“ลูกพี่! ไม่เจอครับ!”
เฉินกั๋วเปียวมองเหมยเหมยอย่างสงสัยถึงอย่างไรก็ไม่ตายใจ เขาวิ่งไปหาตรงด้านหลังก็เจอกับเม่าฉู่และคนอื่น ๆ จึงอดนึกสงสัยไม่ได้
“คนพวกนี้เป็นใคร?”
เหมยเหมยใจเต้น ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หน่วยคุ้มกันที่สามีฉันหามาให้ คุณเฉินมีอะไรเหรอคะ?”
“ไม่มีหรอกครับ!” เฉินกั๋วเปียวฝืนแสร้งทำเป็นยิ้ม มองสำรวจเม่าฉู่และคนอื่น ๆไม่หยุด ความสงสัยในใจก็ยิ่งมีมากขึ้น
ยี่สิบกว่าคนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทหารประจำการแต่เหมือนกับกองกำลังอาวุธในสามเหลี่ยมทองคำมากกว่า ยิ่งถ้าดูจากสีผิวและการแต่งตัวของคนพวกนี้ ก็ไม่เหมือนชาวฮั่นเลยสักนิด
เขาเตรียมที่จะให้เม่าฉู่พูดภาษาฮวาเซี่ยสักหน่อย พึ่งได้อ้าปาก ลูกน้องของเขาก็วิ่งเข้ามารายงาน “ลูกพี่ มีเรืออีกสองลำพุ่งตรงเข้ามาหรือจะเป็นเถียวจื่อ[1]?”
เสี่ยวอวิ๋นมีสีหน้าดีใจพลางขยิบตาให้เหมยเหมย เหมยเหมยรู้ว่าต้องเป็นลูกน้องของเหยียนหมิงซุ่นที่มาถึงแล้ว ถึงจะช้าไปหน่อยแต่ก็ทันเวลาพอดี
“คุณเฉินวางใจได้ เป็นคนของฉัน ไม่ใช่ตำรวจ” เหมยเหมยจงใจพูด
เฉินกั๋วเปียวไม่มีกระจิตกระใจสอบสวนเม่าฉู่อีก ในตอนนี้เขาพึ่งนึกถึงพลุสัญญาณที่เห็นก่อนหน้านี้ ตอนนั้นไม่ได้เก็บมาใส่ใจ ทนายหนึ่งคน หญิงสาวแผ่นดินใหญ่หนึ่งคนจะหาใครมาได้อีก?
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเขาคิดผิด อำนาจของจ้าวเหมยหญิงสาวแผ่นดินใหญ่คนนี้มีมากกว่าที่เขาคิด!
ผู้มาเยือนคนใหม่เคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เหมยเหมยได้ยินเสียงของเซียวเซ่อ “เหมยเหมยเธออยู่ไหน? โจรสลัดอยู่ไหน? ฉันพาฝูงบิน AVG[2] มาด้วย รับรองว่ากำจัดไอ้ชั่วนั่นได้แน่!”
ถึงเวลาที่เฉินกั๋วเปียวและคนอื่น ๆต้องตกใจแล้ว ฝูงบิน AVG ?
แย่แล้ว!
จ้าวเหมยเป็นใครมาจากไหน?
เหมยเหมยเองก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าเซียวเซ่อจะมีความสามารถถึงขนาดนี้ แม้แต่ฝูงบิน AVG ลึกลับก็เรียกมาได้ ในตอนนี้เธอรู้สึกวางใจมาก ตะโกนตอบกลับคนด้านนอก “เซ่อเซ่อ ฉันอยู่นี่”
เธอหันไปส่งยิ้มให้กับเฉินกั๋วเปียวที่มีสีหน้าวิตกกังวล “คนที่มาคือเพื่อนสนิทฉันเอง เธอเป็นหลานสาวของท่านเคานท์วิคตอเรียแห่งอังกฤษ ซึ่งก็คือรัชทายาทอันดับที่หนึ่งนั่นเอง ผู้ปกครองสูงสุดเพิ่งจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้เพื่อนฉันเมื่อวันก่อนเอง”
เรื่องนี้เธอไม่ได้พูดโกหก เพราะเขาจัดเลี้ยงต้อนรับจริง ๆ
เฉินกั๋วเปียวใจเต้นไม่เป็นระส่ำ แม่เจ้า หลานสาวเชื้อกษัตริย์ก็ปรากฏตัวด้วย!
ไม่แปลกใจเลยที่เรียกฝูงบิน AVG มาได้!
ตอนนี้ต่อให้ตู้ตานอยู่บนเรือจริง ๆเขาก็ไม่มีความกล้าที่จะไปจับตัวหรอก เฉินกั๋วเปียวละทิ้งความคิดที่จะจับตัวเหมยเหมยไปเป็นตัวประกันแล้ว เสี่ยวอวิ๋นและเสียวหลี่จ้องเขาอย่างดุดัน สองคนนี้ฝีมือดีกว่าใคร ไม่มีทางปล่อยให้เขาจับตัวจ้าวเหมยไปได้แน่
เฉินกั๋วเปียวที่รู้จักสังเกตสถานการณ์ก็พลันทำหน้ายิ้ม พูดจาเอาอกเอาใจ “เข้าใจผิด ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ผมแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณหนูจ้าว ถึงได้พาพวกพ้องมาช่วยคุ้มกันคูณหนูจ้าวนี่ไง”
เซียวเซ่อเดินเข้ามาหา ด้านหลังมีสยงมู่มู่ตามมาด้วย พวกเขาเห็นว่าเหมยเหมยปลอดภัยถึงได้นึกโล่งใจ สยงมู่มู่เดินเข้ามาต่อว่า “บอกแล้วว่าอย่าออกทะเลมาคนเดียวเธอก็ไม่ฟัง ครั้งนี้เจอพวกโจรสลัดเข้าใช่ไหม?”
เขาหันไปทางเฉินกั๋วเปียว พูดด้วยความโมโห “นี่เหรอโจรสลัด?”
เฉินกั๋วเปียวสังเกตเห็นฝูงบิน AVG ที่ติดอาวุธพร้อมอยู่บนดาดฟ้า ทุกคนแบกปืนพร้อมกระสุน ไหนเล่าจะกล้าทำกร่างได้แต่รีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แค่เข้าใจผิดกัน ผมจะเป็นโจรสลัดได้ยังไง ผมแค่เจอกับคุณหนูจ้าวโดยบังเอิญ”
[1] หมายถึง ตำรวจ มาจากภาษาถิ่น(กวางตุ้ง) ส่วนใหญ่ใช้ในกลุ่มสังคมมาเฟีย หรือสังคมอิทธิพลด้านมืดในฮ่องกง
[2] ฝูงบิน AVG มีชื่อเต็มว่า American Volunteer Group เป็นชื่อเรียกขานถึงหน่วยบินในตำนาน ที่ได้ชื่อว่า Flying Tiger (飞虎队) โดยทำหน้าที่ปฏิบัติการบินรบกับกองทัพญี่ปุ่นในประเทศจีน พม่า และทางตอนเหนือของไทย
………………………………………………………………………………
ตอนที่ 1749 โจมตีทางจิตใจ
เฉินกั๋วเปียวหวาดกลัวฝูงบิน AVG มากจนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม แต่เขาก็ยังไม่พอใจ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ข่าวของตู้ตาน ต่อจากนี้คงหาตู้ตานไม่ได้ง่าย ๆแล้วล่ะ
คนในสามเหลี่ยมทองคำไม่ใช่พวกคนดีอะไร ถ้าเขายังไม่สามารถควบคุมหมิ่นเติงได้ คนพวกนั้นคงต้องหาหุ้นส่วนใหม่เป็นแน่ แต่นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาอยากจะเห็น
“ลูกพี่ ฝูงบิน AVG เป็นตัวปลอมหรือเปล่า?” ลูกน้องคนหนึ่งกระซิบ เฉินกั๋วเปียวแววตาเป็นประกาย ความจริงเขาก็คิดไว้แบบนี้เหมือนกัน
จ้าวเหมยคุยโวโอ้อวดจนฟ้าถล่มดินทะลาย เดี๋ยวก็ผู้ปกครองชั้นสูงสุด เดี๋ยวก็โจวจื่อหัว เขาไม่ได้เห็นกับตาตัวเองเลย ใครจะรู้ว่าจริงหรือเท็จ?
ถ้าไม่ใช่ฝูงบิน AVG ตัวจริงเขายังคงสู้ตายได้ ถึงอย่างไรก็อยู่ในทะเลหลวง ต่อให้เขาก่อเรื่องจนพลิกฟ้าโจวจื่อหัวก็ทำอะไรไม่ได้
เหมยเหมยเห็นว่าเฉินกั๋วเปียวเงียบอยู่นานก็พลันจมดิ่งกับความคิด ที่นี่คือทะเลหลวง เฉินกั๋วเปียวเป็นพวกนักเลง ไม่แน่ว่าอาจจะกล้าก่อเรื่องวุ่นวายได้ ถ้าต้องสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ต่อให้ฝ่ายเธอชนะก็ต้องมีคนตายไม่น้อยแน่
สมองเธอมีความคิดบางอย่างพาดผ่านขึ้นมา เธอจึงส่งสายตาให้เซียวเซ่อ จู่ ๆก็หัวเราะกะทันหัน พูดเรื่องหัววัวไม่ตรงกับปากม้า[1]ขึ้นมา “ฉันได้ยินมาว่าบ้านเกิดของคุณเฉินอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเทพขง[2] ไม่รู้ว่าคุณเฉินไม่ได้กลับบ้านมานานเท่าไรแล้วคะ?”
เฉินกั่วเปียวชะงักขึ้นมาพลันเกิดความสงสัยขึ้นภายในใจ ทำไมจู่ ๆจ้าวเหมยถามถึงบ้านเกิดเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย?
“ดูเหมือนคุณหนูจ้าวจะเป็นห่วงผมนะ เอาตรง ๆผมไม่ได้กลับบ้านมาสามสิบกว่าปีแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านเกิดบ้าง” ในเวลานี้เขากลับแสดงท่าทีที่แท้จริงบางอย่างออกมา
แต่ก่อนพ่อเขามักพูดเสมอ แค่หาเงินจากที่นี่ได้ก็จะกลับบ้านเกิดไปสร้างคฤหาสน์หลังใหญ่สักหลัง และเชิญคนในหมู่บ้านมาร่วมฉลองงานเลี้ยงหลิวสุ่ยสี[3]สามวันติด แต่พ่อแม่ก็ไม่เคยทำสำเร็จ
ตอนนี้เขามีเงินแล้ว ต่อให้สร้างคฤหาสน์สักร้อยหลัง เชิญคนในหมู่บ้านมาร่วมฉลองงานเลี้ยงหลิวสุ่ยสีหนึ่งปีติดก็ไม่มีปัญหา แต่พ่อแม่ไม่อยู่แล้วเขาก็กลับไปไม่ได้อีกแล้ว
เหมยเหมยเห็นท่าทีของเฉินกั๋วเปียว ก็รู้ในทันทีว่านักเลงคนนี้มีปมเรื่องบ้านเกิดอย่างลึกซึ้ง เธอสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้
“โบราณว่าไว้ใบไม้ที่ร่วงจะกลับคืนสู่ราก[4] พ่อแม่ของคุณเฉินคงอยากจะกลับบ้านมากสินะคะ? แล้วคุณเฉินไม่อยากกลับบ้านไปหาคนในครอบครัวบ้างเหรอ?” เหมยเหมยจงใจพูดขึ้นมา
เฉินกั๋วเปียวมุ่นคิ้วระงับความคิดถึงบ้านในใจเอาไว้ พูดขึ้นอย่างกระกรับกระเกรียบ “เรื่องแบบนี้คงไม่ต้องให้คุณหนูจ้าวเป็นกังวลหรอก!”
เหมยเหมยยังคงยิ้มรับ “ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย พอดีว่ามีผู้ใหญ่ที่รู้จักคนหนึ่งเป็นคนใหญ่คนโตที่ดูแลพื้นที่แถบบ้านเกิดคุณเฉิน เมื่อไม่นานมานี้เขาก็ไปหมู่บ้านที่บ้านเกิดของคุณเฉินมา คุณเฉินเป็นถึงคนดังของหมู่บ้านเลยนะ คนในหมู่บ้านต่างก็พูดว่าคุณเฉินไปร่ำรวยอยู่ที่ฮ่องกง ไม่คิดจะกลับไปซ่อมแซมศาลบรรพบุรุษตระกูลเฉินเลย”
เฉินกั๋วเปียวสีหน้าเปลี่ยนไปมาก ถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “พวกเขาพูดแบบนั้นจริงเหรอ?”
“แน่นอนสิคะ เขาตั้งใจไปดูศาลบรรพบุรุษตระกูลเฉินโดยเฉพาะเลย ความจริงมันผุพังไปหมดแล้ว เพราะหมู่บ้านยากจนเกินไปเลยหาเงินมาซ่อมแซมไม่ได้ เกรงว่าอีกไม่กี่ปีมันจะพังจนถล่มลงมานี่สิ”
เหมยเหมยพูดพลางสังเกตท่าทีที่เปลี่ยนแปลงของเฉินกั๋วเปียว เหงื่อก็ผุดเต็มฝ่ามือ เธอต้องลองพนันดูสักตารอดูว่าเจ้าบ้านี่จะเชื่อไหม
ผ่านไปได้สักพัก เฉินกั๋วเปียวถึงได้เอ่ยถ้า “ผู้ใหญ่ที่คุณหนูจ้าวรู้จักทำงานอยู่ที่ไหน?”
“เขาเป็นผู้ว่าราชการของมณฑลกวนตง เพราะบ้านเกิดของคุณเฉินอยู่ในเทศมณฑลเติงเกาที่ไม่ค่อยร่ำรวยนัก ดังนั้นเขาจึงมักจะไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านแถบนั้น” เหมยเหมยแอบนึกดีใจ โชคดีที่ก่อนมาเหยียนหมิงซุ่นได้เอาข้อมูลของเฉินกั๋วเปียว โจวจื่อหัว และคนอื่น ๆให้เธอดูก่อน
โดยบอกว่าให้เธอได้รู้ไว้
มีสามีที่คอยเป็นห่วงในทุก ๆเรื่อง มันช่างโชคดีจริง ๆเลย!
………………………………………………………..
[1] พูดเรื่องที่ไม่สอดคล้องกัน
[2] หมายถึง ขงจื้อ (孔子) ชาวจีนยกย่องให้เป็นดั่งเทพหรือเซียน และยังได้รับการยอมรับให้เป็นหนึ่งในสิบนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ของโลก
[3] งานเลี้ยงที่ทุกโต๊ะอาหารต้องมีน้ำซุป และมีการเวียนเสิร์ฟอาหารอย่างไม่ขาดตอน ดั่งสายน้ำที่หลั่งไหล จึงถูกเรียกขานว่า งานเลี้ยงหลิ่วสุ่ยสี (流水席) ที่แปลตรงตัวว่า งานเลี้ยงสายน้ำไหล
[4] หมายถึง บุคคลที่ระเหเร่ร่อนไปยังที่ต่างๆในที่สุดก็ต้องกลับมาตายรังที่บ้านเกิดเมืองนอน
ตอนที่ 1750 อันตรายมาก
เหมยเหมยพูดอย่างมีหลักการเหตุผลและไม่ผิดเลยสักนิด เฉินกั๋วเปียวลบล้างความสงสัยไปจนหมดสิ้น บ้านเกิดของเขาอยู่ในเทศมณฑลเติงเกา แล้วก็จนมากจริง ๆ ไม่อย่างงั้นพ่อกับแม่ของเขาคงไม่ออกมาพึ่งโชคชะตาอยู่ทางตอนใต้หรอก
และหลายปีมานี้เป็นเพราะเขามีสถานะพิเศษจึงไม่ได้ติดต่อกลับบ้านเกิดอีก ไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัดของที่บ้าน พอได้ยินเหมยเหมยพูดว่าศาลบรรพบุรุษตระกูลเฉินจะถล่มลงมาแล้ว ในใจเขาก็รู้สึกไม่ดีเลย
แสดงว่าคนในหมู่บ้านไม่ได้มีชีวิตที่ดีเลยสักนิด และในหมู่คนเหล่านี้ยังมีลูกพี่ลูกน้องของเขาอยู่ด้วย พ่อของเขามีพี่น้องเยอะ มีแค่พ่อของเขาคนเดียวที่ออกมาจากบ้าน พี่น้องไม่กี่คนที่เหลือก็อยู่ที่บ้านเกิด แต่ก่อนบ้านเขายากไร้มาก พ่อแม่รู้สึกว่าน่าอับอายจึงไม่ได้ติดต่อกลับไปที่บ้านเกิดอีก
ตอนนี้เขากลายเป็นหัวหน้ามาเฟียแล้ว ยิ่งไม่สามารถติดต่อกับคนทางนั้นได้อีก!
เฉินกั๋วเปียวเก็บสายตาชั่วร้ายคืนมาไม่กล้าดูถูกเหมยเหมยอีก ผู้ว่าราชการก็ถือเป็นข้าราชการที่น่าเชื่อถือสำหรับเขาแล้ว ยังจะมีบ้านเกิดของเขาในเทศมณฑลกวนตงอีก เขาเริ่มจะกลัวขึ้นมาแล้วสิ
“ผู้ใหญ่ของคุณหนูจ้าวเป็นข้าราชการที่ดีเหลือเกิน” เฉินกั๋วเปียวกล่าวขึ้นมากะทันหัน
เหมยเหมยหัวเราะ “แค่ทำตามหน้าที่อย่างสุดความสามารถเท่านั้นเอง คุณเฉินคะ ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว ตู้ตานที่คุณตามหาก็ไม่ได้อยู่บนเรือของฉัน ฉันกลับเข้าเมืองได้หรือยังคะ?”
เฉินกั๋วเปียวมองไปรอบ ๆอีกครั้งด้วยความโกรธ และเหลือบมองฝูงบิน AVG บนดาดฟ้าเรือซ้ำ ๆ พูดขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “แน่นอนครับ ผมจะกลับไปพร้อมคุณหนูจ้าว”
เหมยเหมยรู้ว่าเขายังไม่วางใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พูดกับเม่าฉู่ว่า “พวกนายดูเรือสำราญไว้ให้ดี พรุ่งนี้ฉันจะกลับมาตกปลาอีก”
“ครับ!” เม่าฉู่ตอบรับอย่างเรียบง่าย ฟังไม่ออกถึงความต่างของสำเนียง เฉินกั๋วเปียวสังเกตเขาอยู่สักพักความเคลือบแคลงใจก็หายไป เป็นชาวฮั่นจริง ๆด้วย ก่อนหน้านี้เขาคิดมากไปเอง
เฉินกั๋วเปียวโบกมือให้ลูกน้อง ยิ้มและพูดกับเหมยเหมย “วันนี้เสียมารยาทแย่เลย วันไหนคุณหนูจ้าวมีเวลาว่าง ผมจะเลี้ยงหูฉลามคุณกับพี่หัวนะครับ”
“ได้สิค่ะ ฉันว่างมากค่ะมีเวลาเหลือเฟือ แต่พี่หัวคงยุ่งมาก ถ้าคุณเฉินนัดกับพี่หัวได้ก็ดีค่ะ” เหมยเหมยรับปากอย่างยินดี ไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด
ถึงอย่างไรเฉินกั๋วเปียวก็ไม่กล้าไปเชิญโจวจื่อหัวหรอก เขาไม่ใจกล้าขนาดนั้น!
เฉินกั๋วเปียวยิ้มเยาะ ก้าวเท้ายาว ๆออกไปด้านนอก พบกับเจ้าหน้าที่ของฝูงบิน AVG ที่อาวุธพร้อมมือ ทุกคนมีท่าทีฮึกเหิม เขาเองก็ไม่กล้าอยู่ต่อนานจึงรีบเข้าไปที่เรือของตัวเอง เพียงไม่นานก็เคลื่อนตัวจากไปจนกลายเป็นจุดดำเล็ก ๆสามจุดอย่างรวดเร็ว
เหมยเหมยถอนหายใจยาว แข้งขาอ่อนระทวย โชคดีที่เสี่ยวอวิ๋นพยุงไว้ไม่งั้นคงล้มไปแล้ว
“คุณหนูจ้าวเป็นฮีโร่หญิงตัวจริง สุดยอดเลย!” จินป๋อเหวินยกนิ้วโป้งให้เธอด้วยสีหน้าชื่นชม
เหมยเหมยคร้านที่จะสนใจเขา ความวุ่นวายในวันนี้ล้วนเกิดจากเจ้าหมอนี่ พอเธอยืนทรงตัวได้ก็พูดกับเสี่ยวอวิ๋นว่า “ให้อาจารย์ลุงกับคนอื่นออกมาได้แล้ว ตอนที่เฉินกั๋วเปียวไม่อยู่รีบให้พวกเขาออกไปจากที่นี่”
แม่เจ้าไปได้ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ถ้าจะให้ดีก็อย่าได้พบเจอกันอีกเลย!
กลับไปค่อยบอกกับเหยียนซินหย่าว่าเซี่ยทิงเทาตายไปแล้ว อย่าให้เหยียนซินหย่าอาลัยอาวรณ์หาเขาอีกเลย!
ลูกเขยของพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่แห่งสามเหลี่ยมทองคำ ครอบครัวเธอไม่อาจข้องเกี่ยวได้!
เสี่ยวอวิ๋นห้ามไม่ให้เม่าฉู่ไปเรียกพวกลี่ลี่อันออกมาด้วยท่าทางจริงจัง “รออีกเดี๋ยวก่อน เฉินกั๋วเปียวเป็นโรคขี้สงสัยมาก เขาอาจจะวกกลับมาอีกครั้ง”
เม่าฉู่หน้าบึ้งตึง อยากจะด่าแต่ลูกน้องของเขากลับวิ่งเข้ามารายงาน เม่าฉู่มองเสี่ยวอวิ๋นอย่างประหลาดใจ บ่นพึมพำ “ชาวฮั่นขี้ระแวง”
นึกไม่ถึงว่าเฉินกั๋วเปียวจะวกกลับมาด้วยความรวดเร็ว เขายืนอยู่บนดาดฟ้าพร้อมมองด้วยกล้องส่องทางไกล ถ้าเมื่อครู่ลี่ลี่อันออกมาจะต้องถูกเฉินกั๋วเปียวจับได้แน่
อันตรายมาก!
……………………………………………………………..
ตอนที่ 1751 ฝูงบิน AVG ตัวปลอม
“ฟ้ามืดแล้ว ผมเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องกับคุณหนูจ้าว กลับไปด้วยกันดีไหมครับ?” เฉินกั๋วเปียวยิ้มพลางพูด
เหมยเหมยชี้ไปยังฝูงบิน AVG ที่เซียวเซ่อพามาแล้วชำเลืองมองเขาอย่างดูแคลน พร้อมถามกลับ “มีฝูงบิน AVG คอยคุ้มกัน คุณเฉินคิดว่าจะมีอันตรายอะไรเหรอคะ?”
เฉินกั๋วเปียวยิ้มแห้งขุ่นเคืองใจเหลือเกิน ดูเหมือนว่าเขาจะคาดการณ์ผิดพลาดไป ตู้ตานไม่ได้มาฮ่องกงอย่างที่คิด
เขาพูดทักทายไปอีกไม่กี่ประโยคก็ได้ออกเรือไปอีกครั้ง และในครั้งนี้ไปจริง ๆ
เหมยเหมยให้เม่าฉู่เรียกพวกลี่ลี่อันสามีภรรยาออกมา พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในห้องลับใต้ดาดฟ้า ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แค่ครึ่งชั่วโมง แต่สำหรับพวกเขามันยาวนานเสมือนเวลาครึ่งปี บัดนี้ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง จึงเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกดีไม่น้อย
ลี่ลี่อันรู้สึกละอายใจมาก เหมยเหมยกลับพูดขัดเธอขึ้นว่า “รีบไปเถอะค่ะ ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว เรื่องวันนี้ให้คิดเสียว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อน”
เซี่ยทิงเทาจมอยู่กับความเงียบ สติปัญญาบอกเขาว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องแต่เขาก็ยอมรับไม่ได้ ชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่มีโอกาสกลับบ้านเกิดเมืองนอนแล้วจริง ๆหรือ?
หมอกู้กลับเห็นด้วยเป็นอย่างมาก “เหมยเหมยพูดถูก รีบกลับอเมริกาเถอะ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็พยายามอย่าติดต่อกันเลย”
ตระกูลกู้และตระกูลเซี่ยมีทายาทแล้วเขาจึงวางใจ ไม่ได้เจอหน้าก็ไม่เป็นไร
เหมยเหมยไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป พอเห็นว่าเรือสำราญออกไปจากท้องทะเลผืนนี้กับตาตัวเองเธอถึงได้วางใจ เธอหันไปยิ้มและพูดกับเซียวเซ่อว่า “โชคดีที่พวกเธอรีบมา ไม่งั้นก็ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!”
สยงมู่มู่ครวญเสียงหึ พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย “หาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ บอกว่าอย่าออกทะเลก็ยังจะออกมาอีก!”
เหมยเหมยทำหน้ายักษ์ใส่เขาเดินขึ้นเรือที่เซียวเซ่อขับมา แต่กลับเห็นเสี่ยวอวิ๋นและฝูงบิน AVG พูดคุยกันอยู่ ดูเหมือนจะคุ้นเคยกันมาก
“เสี่ยวอวิ๋นกับฝูงบิน AVG รู้จักกันเหรอ?” เธอถามเสียวหลี่ที่อยู่ข้าง ๆ
เสียวหลี่ยิ้มอย่างจริงใจ “คนพวกนั้นไม่ใช่ฝูงบิน AVG หรอก เป็นพวกพ้องของพวกเราเองแหละ”
เหมยเหมยลูกตาแทบจะถลนออกมา ฝูงบิน AVG ก็ปลอมได้ด้วยเหรอ?
เธอนึกว่าเซียวเซ่อจะยืมฝูงบิน AVG จากเบื้องบนมาจริง ๆเสียอีก!
เซียวเซ่อยิ้มแหย่ เธออยากจะยืมพวกฝูงบิน AVG มาเบ่งใส่จริง ๆแต่ปัญหาก็คือฝูงบิน AVG อยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ปกครองสูงสุดไม่อาจออกคำสั่งได้ในเวลาอันสั้น
“แล้วเครื่องแบบพวกนั้นมาจากไหน?” เหมยเหมยถามอย่างแปลกใจ
เสียวหลี่อธิบายว่า “คุณชายหมิงทำตัวอย่างเครื่องแบบฝูงบิน AVG แล้วสั่งตัดไว้”
ก่อนที่เขากับเสี่ยวอวิ๋นจะออกทะเลก็ได้ปรึกษาหารือกับพวกพ้องไว้แล้ว แกล้งปลอมตัวเป็นฝูงบิน AVG เข้ามาช่วยเหลือ เพราะแต่ก่อนเฉินกั๋วเปียวเคยพลาดท่าตกอยู่ในเงื้อมมือของฝูงบิน AVG และหวาดกลัวฝูงบิน AVG มาก
เหมยเหมยปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ แต่ก็ยังกังวลเล็กน้อย “ถ้าเฉินกั๋วเปียวรู้เข้าว่าปลอมตัวมาจะตามมาหาเรื่องไหม?”
เสี่ยวอวิ๋นพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “เขาไม่มีทางรู้หรอก ต่อให้รู้ก็ไม่เป็นไร เฉินกั๋วเปียวเหลือวันเวลาดี ๆอยู่อีกแค่ไม่กี่วันแล้ว”
นั่นถึงทำให้เหมยเหมยวางใจ
หมอกู้ก็กลับเข้าเมืองพร้อมพวกเขา เขามีเพื่อนเก่าไม่กี่คนอยู่ที่ฮ่องกงซึ่งไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว ครั้งนี้จะต้องนัดรวมตัวกันสักนิด จากนั้นค่อยให้เพื่อนเก่าช่วยติดต่อพวกเศรษฐีหาเบี้ยคนชราเลี้ยงชีพสักหน่อย
เหมยเหมยเชิญชวนให้หมอกู้ไปพักกับเธอ หมอกู้ตอบปฏิเสธเพราะเขาเป็นคนสันโดษจึงไม่ค่อยเต็มใจที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น ไม่มีอิสระเลยสักนิด พักโรงแรมเป็นอิสระจะตาย
เหมยเหมยก็ไม่คิดจะบังคับหมอกู้จึงถามหาช่องทางติดต่อจากเขา ส่วนจินป๋อเหวินก็ขอตัวกลับบ้านไปแล้ว ช่วงบ่ายวันนี้เกิดเรื่องอกสั่นขวัญผวาไปหมด ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้า เหมยเหมยคิดแค่อยากกลับไปนอนบนเตียง
แต่เธอต้องโทรหาเหยียนหมิงซุ่นเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงบ่าย ไม่งั้นถ้าเหยียนหมิงซุ่นรู้ข่าวจากเสี่ยวอวิ๋นล่ะก็ จะต้องลงโทษที่เธอไม่เชื่อฟังแน่นอน
สารภาพเองก่อนจะดีกว่า!
เหมยเหมยโทรหาเหยียนหมิงซุ่นอย่างใจกล้า พูดจาอ้อมแอ้ม ความจริงเหยียนหมิงซุ่นได้รับรายงานจากลูกน้องก่อนแล้วแค่รอให้เหมยเหมยมาสารภาพด้วยตัวเองก็เท่านั้น!
ตอนที่ 1752 ประจบประแจง
“รู้ว่าผิดตรงไหนใช่ไหม?” เหยียนหมิงซุ่นถามเสียงนิ่ง น้ำเสียงดุดัน
เจ้าปีศาจน้อยทำตัววุ่นวายเกินไปแล้ว ตามคนแปลกหน้าออกทะเลตามอำเภอใจ ครั้งนี้ยังถือว่ามีไหวพริบดีหรอกจึงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ต่อไปถ้ายังทำใจกล้าบ้าบิ่นอีก ลูกน้องของเขาในฮ่องกงมีอยู่จำกัดคงได้เกิดเรื่องขึ้นจริง ๆแน่ เขาคงทำได้แค่ทอดถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้
เหมยเหมยร่างสั่นเทาพูดอย่างเอาใจว่า “รู้แล้วค่ะ ฉันไม่ควรเชื่อคนแปลกหน้าง่าย ๆ ควรจะฟังคำแนะนำของเสี่ยวอวิ๋น ไม่ควรออกไปทะเลหลวง ไม่ควร…”
พูดเหยียดยาวเป็นพรวน ต้องทำตัวดี ๆไว้เพื่อให้เหยียนหมิงซุ่นลดไฟโทสะลง
เหยีนหมิงซุ่นได้ฟังก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เป็นแบบนี้ทุกครั้งเลย พอสำนึกผิดก็เหมือนหมาพันธุ์ปั๊กเชื่อฟังเสียไม่มี แต่พอปล่อยกลับทำเป็นแมวไม่อยู่หนูร่าเริงไปได้ ใจกล้าเอามาก
ถึงจะยังโกรธอยู่แต่พอได้ฟังเหมยเหมยพูดออดอ้อนเสียงหวาน ใจเขาก็พลันอ่อนยวบ ทอดถอนใจอย่างเอือมระอา ช่างเป็นปีศาจน้อยที่ทรมานเขาจริง ๆเลย!
“ถ้าต่อไปนี้ยังทำตามอำเภอใจโดยไม่ได้รับอนุญาต…รอกลับมาเธอต้องล้างให้สะอาด…” ประโยคหลังเหยียนหมิงซุ่นไม่ได้พูดให้จบ เหมยเหมยกลับตัวสั่นเทิ้ม จู่ ๆก็คิดอยากจะตั้งรกรากอยู่ที่ฮ่องกง
“พี่คะ…สามีคะ…ฉันสำนึกผิดแล้วนี่ไง…”
เหมยเหมยพูดวกวนไปมาร้อยพันรอบ เหยียนหมิงซุ่นฝืนทำเสียงขรึมไม่เพลาลงเลย ไม่ได้จัดการแค่ไม่กี่วันก็ล่องลอยขึ้นสวรรค์ไปแล้ว กลับมาครั้งนี้จะต้องจัดการให้เด็ดขาดทำให้ปีศาจน้อยจำฝังใจ
“ไม่ต้องมาใช้ไม้นี้ ต่อไปนี้อย่าได้คิดจะบินออกนอกประเทศอีก” เหยียนหมิงซุ่นส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา ตัดความหวังในการบินเดี่ยวของเหมยเหมยในอนาคตจนสิ้น
เหมยเหมยรู้สึกหมดหวัง ตั้งใจว่ากลับไปจะลองใช้มารยาหญิงดีไหมนะ?
เธอถอนหายใจแล้วเล่าเรื่องของเซี่ยทิงเทา พร้อมเรียกหาคำชม “พี่คะ ฉันสั่งไม่ให้พวกเขากลับมาอีก และอย่าได้ติดต่อกันอีกตลอดไป ฉันทำถูกไหมคะ?”
“อืม” ริมฝีปากของเหยียนหมิงซุ่นยกยิ้ม แม้จะระยะทางห่างไกลกันด้วยภูเขาและแม่น้ำนับพัน แต่เขาก็สามารถจินตนาการถึงปีศาจน้อยในสาย คงต้องสะบัดหางอย่างดีใจแน่ ๆ!
แต่เขากลับต้องตกใจกับตัวตนของเซี่ยทิงเทา ที่แท้ก็เป็นลูกเขยของหมิ่นเติงซึ่งผิดกับที่เขาคาดการณ์ไว้เลย ไม่แปลกใจเลยที่เขาใช้แรงคนมากมายขนาดนั้นแต่ก็ยังตามหาเบาะแสของเซี่ยทิงเทาไม่ได้
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น หมิ่นเติงไม่ลงรอยกับรัฐบาลฮวาเซี่ย แต่ก่อนก็เคยก่อเหตุปะทะกัน แต่ตัวเขาเป็นคนชอบธรรมและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อชาวบ้านในท้องถิ่น ไม่เหมือนพ่อค้ายาเสพติดรายอื่นที่เอารัดเอาเปรียบชาวบ้านในพื้นที่อย่างหนัก ราวกับผีดูเลือด
แม้ว่าสามเหลี่ยมทองคำจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินฮวาเซี่ย แต่มีระยะทางใกล้กับฮวาเซี่ยมาก หนำซ้ำหนึ่งในพ่อค้ารายใหญ่ที่เป็นศัตรูกับหมิ่นเติงก็คือชาวฮวาเซี่ย
รัฐบาลตามล่าตัวคนคนนี้มาสิบกว่าปี แต่ก็ไม่ได้ร่องรอยอะไร
ทางหมิ่นเติงยังพอใช้ประโยชน์ได้บ้าง!
เรื่องนี้เหยียนหมิงซุ่นไม่ได้บอกเหมยเหมย เขายิ้มพลางพูดว่า “วันนี้เธอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ไม่เลวนะ ควรค่าแก่การชื่นชม ไว้กลับมาพี่จะทำของอร่อยให้ทาน”
“ฉันจะกินปีกไก่น้ำผึ้ง” เหมยเหมยที่ได้รับคำชมก็ดีใจจนต้องสั่งของโปรดอย่างปีกไก่น้ำผึ้ง
เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะพลางรับปาก ทั้งคู่คุยกระหนุงกระหนิงได้สักพักโทรศัพท์ก็ร้อนจนลวกมือ เหยียนหมิงซุ่นก็พูดกำชับว่า “พรุ่งนี้โจวจื่อหัวจะชวนเธอไปกินข้าว เธอไม่ต้องกังวลนะ”
“อื้ม!”
เหมยเหมยรู้สึกอุ่นใจ รู้ว่าเหยียนหมิงซุ่นกำลังประจบประแจงเพื่อเธอ!
เหยียนหมิงซุ่นกำชับอีกไม่กี่ประโยค บอกให้เธอกลับแผ่นดินใหญ่เมื่อทำธุระทุกอย่างเสร็จสิ้น ไม่เพียงแค่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเธอ แต่สำคัญที่สุดก็คือรสชาติของการอยู่เฝ้าห้องคนเดียวไม่ดีเลยสักนิด
บ่ายวันถัดมา โจวจื่อหัวส่งคนมาถึงที่บ้านจริง ๆ เชิญให้เธอไปร่วมจิบชายามบ่ายที่ภัตตาคารป้าหวัง ด้วยคำแนะนำจากเหยียนหมิงซุ่น เหมยเหมยจึงยินดีที่จะไป
การตกแต่งของภัตตาคารป้าหวังไม่ได้หรูหรานักแต่เป็นถึงร้านอาหารท้องถิ่นชั้นนำ การรับประทานอาหารในที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งและฐานะทางสังคม
โจวจื่อหัวมีอายุประมาณสี่สิบปี ท่าทางภูมิฐานน่าเกรงขาม ดูก็รู้ว่าเขาไม่ใช้คนที่พูดเก่งแต่แค่นั่งอยู่เฉย ๆก็แผ่ความน่าเกรงขามที่ไร้รูปร่างออกมาได้ ทำให้ไม่กล้าแม้แต่หายใจแรง
แต่ที่ทำให้เหมยเหมยแปลกใจคือไม่นึกว่าข้างกายของโจวจื่อหัวจะมีคนคุ้นเคยนั่งอยู่ นั่นคือโอหยางซานซาน
…………………………………………………………..
ตอนที่ 1753 เจอโอหยางซานซานอีกแล้ว
โอหยางซานซานดัดผมเป็นลอนคลื่นพาดบนไหล่เนือย ๆ ชุดเดรสกระโปรงชาแนลสีดำ เรียบง่ายแต่น่าหลงใหล แม้เหมยเหมยจะไม่ชอบโอหยางซานซานแต่สำหรับการแต่งตัวด้วยชุดนี้เธอให้คะแนนเต็ม
ไม่เจอกันหลายปี การแต่งตัวของโอหยางซานซานพัฒนาขึ้นมาก
แค่เมื่อก่อนเธอมักจะชอบแต่สีชมพู ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นสีดำได้นะ?
เจอกันในฮ่องกงไม่กี่ครั้ง เหมยเหมยไม่เคยเห็นโอหยางซานซานสวมเสื้อผ้าสีอื่นเลย เธอมองโอหยางซานซานที่กำลังยิ้มหยอกเอินกับโจวจื่อหัวอีกครั้ง ระหว่างสองคนนี้ดูมีอะไรที่ไม่ชัดเจน ไม่เหมือนการพบเจอกันครั้งแรก
หรือว่า…
โจวจื่อหัวไม่ชอบการพนัน และเขาก็ไม่เหมือนคนอย่างเฉินกั๋วเปียว แล้วก็ไม่เหมือนเฉินซานที่เรียบร้อยมีระดับ งานอดิเรกของเขามีเพียงหนึ่งเดียว คือ หญิงงาม
หญิงงามทุก ๆ ประเภท ทุก ๆ รูปแบบ
น่ารัก สวยใส น่าหลงใหล เผ็ดร้อนเซ็กซี่ เป็นผู้ใหญ่และมีความสามารถ…
ขอแค่เข้าตาเขา โจวจื่อหัวก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาเป็นคนรัก และแน่นอนช่วงเวลาการเห่อของใหม่สำหรับเขาก็สั้นเหลือเกิน อย่างมากไม่เกินครึ่งปีก็เบื่อแล้ว
ตามที่เล่ากันมาโจวจื่อหัวมีคนรักที่สามารถสืบหาได้เกือบ ๆ 30 คน คนที่อยู่กับเขาได้นานที่สุดก็คือดาราสาวดังตกยุคคนหนึ่ง หน้าตาสวยจริง ๆ โจวจื่อหัวเลี้ยงดูเธอมาครึ่งปี สื่อฮ่องกงต่างก็คิดว่าดาราดังจะทะลุสถิติได้ แต่พอถึงครึ่งปีโจวจื่อหัวก็สลัดดาราดังทิ้งอย่างไม่ใยดี
แต่ก็ยังมอบคฤหาสน์สองหลังใหญ่ให้กับดาราสาว รวมถึงอัญมณีราคาสูงเสียดฟ้า ขอเพียงแค่ดาราสาวไม่รนหาที่ตาย ก็ไร้กังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหารไปตลอดชีวิต
พอเห็นปฏิกิริยาของโจวจื่อหัวกับโอหยางซานซาน เหมยเหมยจึงเดาได้ว่าโอหยางซานซานอาจจะเป็นคนรักคนใหม่ของโจวจื่อหัว ในตอนนี้โอหยางซานซานตรงตามมาตรฐานคนรักของโจวจื่อหัวอย่างสมบูรณ์พร้อม สำคัญที่สุดคือ…
ตั้งแต่ครั้งก่อนหลังจากโจวจื่อหัวถูกเฉินหมิงแย่งดาราแนวที่สิบแปด[1]ไป โจวจื่อหัวก็ไม่พบคนที่ถูกตาต้องใจมาสักระยะหนึ่งแล้ว ประจวบกับที่โอหยางซานซานเข้ามาเติมเต็มช่วงพักหัวใจของเขาพอดี
เหมยเหมยลอบส่ายหน้า โจวจื่อหัวดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ดูเหมือนจะอยู่ในวัยเพียงสี่สิบต้น ๆเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงเขาอายุมากกว่าโอหยางเซี่ยงหมิงด้วยซ้ำ อายุหกสิบกว่าปีแล้ว
โอหยางซานซานเป็นคนรักของคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับปู่ของเธอ ทำร้ายตัวเองชัดๆ!
“คุณหนูจ้าวเชิญนั่งลงก่อน มักได้ยินสหายเหยียนน้อยชมว่าภรรยาของตนสวยอย่างนั้นสวยอย่างนี้ วันนี้ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของหลูซาน[2]อย่างเธอเสียที ช่างสมกับคำร่ำลือจริง ๆ!”
โจวจื่อหัวกลั้วหัวเราะจนตัวงอ แสดงท่าทีสนิทสนมมาก ราวกับเพื่อนที่เจอกันมาหลายปีก็ไม่ปาน
พอเขาเจอเหมยเหมยก็พลันตกตะลึงไปชั่วขณะ ตัวจริงสวยกว่าในทีวีอีก คนสวย ๆแบบนี้คงมีแค่บนสวรรค์เท่านั้น!
แต่น่าเสียดายคนสวยมีเจ้าของแล้ว หนำซ้ำยังเป็นผู้ชายที่เก่งกาจด้วย เขาไม่กล้าตอแยเหยียนหมิงซุ่นหรอก โจวจื่อหัวทอดถอนใจอย่างเสียดาย พลันหางตาเหลือบมองโอหยางซานซานที่แสนเย้ายวน เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
คนสวยที่ได้มาใหม่แม้หน้าตาจะสู้จ้าวเหมยไม่ได้ แต่ความเผ็ดร้อนบนเตียงนั้นกลับทำให้เขาไม่อาจห้ามความอยากได้เลย คนสวยอยู่กับเขายังไม่ถึงสามวันเขาก็กินยาบำรุงกำลังไปถึงสองครั้งแล้ว
“ลุงหัวก็ชมเกินไปค่ะ คนสวยข้างกายคุณต่างหากที่สวย!”
เหมยเหมยยิ้มอ่อนนั่งลงบนเก้าอี้ถัดจากหัวโต๊ะ เสียวหลี่เฝ้าอยู่หน้าประตู เสี่ยวอวิ๋นยืนอยู่ภายในห้อง
โจวจื่อหัวเปล่งเสียงหัวเราะร่า รินชาให้เหมยเหมยด้วยตัวเอง “เทียบได้กับคุณหนูจ้าวเสียที่ไหนล่ะ แค่ฝืนพามาด้วยเท่านั้น”
เหมยเหมยลุกขึ้นใช้สองมือรับชาเหลือบมองโอหยางซานซานที่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยแล้วก็นึกตลก นี่เป็นการตบหน้ากลางแจ้งสินะ?
โอหยางซานซานกัดฟันกรอด ยิ้มอย่างน่าหลงใหล “เมื่อวานพ่อบุญธรรมยังชมหนูอยู่เลยนะ หนูจะโกรธแล้วนะ!”
โจวจื่อหัวยิ้มหน้าบาน ลูบใบหน้าของโอหยางซานซานไปครั้งหนึ่ง พูดขึ้นอย่างใจกว้าง “เป็นความผิดของฉันเอง อีกเดี๋ยวไปเลือกเครื่องประดับที่ร้านเลยนะ ลงบัญชีของฉันทั้งหมดเลย”
สำหรับผู้หญิงที่ถูกใจ โจวจื่อหัวมักจะใจกว้างเสมอ!
…………………………………………………….
[1] มาจากคำว่า十八线小明星เป็นคำโบราณที่ใช้ในวงการบันเทิง ซึ่งหมายถึงดาราที่ไม่เป็นที่รู้จักของผู้คน ไม่ค่อยชื่อเสียง เพราะถ้าเป็นดาราดัง มีชื่อเสียงนั้นจะเรียกว่า一线小明星 ซึ่งก็คือดาราแนวหน้า
[2] ภูเขาหลูซานทั้งสามด้านติดกับแม่น้ำ ภูเขาสูงตระหง่าน บนตัวภูเขาห้อมล้อมด้วยหมอก ทำให้ผู้คนมองเห็นลักษณะของตัวภูเขาที่แท้จริงได้ยาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น