คัมภีร์วิถีเซียน 1744-1746

 ตอนที่ 1744 ต่างคนต่างได้ประโยชน์

 

หานลี่ได้ยินคำนี้ ใบหน้าไม่ได้เผยความประหลาดใจออกมา


แม้ว่าเขาจะเก็บสมุนไพรในสวนสมุนไพรมาจนหมด แต่ตามกฎของสวนสมุนไพร ก็สามารถคาดเดาได้ว่ามันต้องปลูกเอาไว้จำนวนมาก


ดังนั้นเชียนจีจื่อถึงได้เอ่ยถามเช่นนี้ออกมา


“ข้าน้อยยังมีสมุนไพรอยู่จริงๆ แต่ท่านอาวุโสทั้งสามควรเอาความบริสุทธิ์ใจออกมาให้ชนรุ่นหลังดูก่อนหรือไม่ขอรับ” หานลี่กะพริบตาปริบๆ พลางเอ่ยพร้อมกับกลั้วหัวเราะ


ได้ยินหานลี่กล่าวเช่นนี้ เชียนจีจื่อก็แววตาเปล่งประกาย สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น


“อันใด สหายหานไม่เชื่อตาเฒ่าอย่างพวกเราหรือ”


“ชนรุ่นหลังจะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร แค่ชนรุ่นหลังหยิบสมุนไพรจากแดนกว้างเย็นออกมา ในมือก็ยังพอมี ทว่าเป็นแค่สมุนไพรชนิดเดียวกันเท่านั้น ยามนี้ชนรุ่นหลังอยากดูยาลูกกลอนในมือของท่านอาวุโสทั้งสามสักหน่อย น่าจะไม่ได้เป็นคำร้องขอที่มากเกินไปกระมัง” หานลี่เอ่ยอย่างแช่มช้า และไม่ได้มีเจตนาจะยอมให้


“สหายเชียนจีจื่อ ในเมื่อสหายหานกล่าวเช่นนี้ ก็นำยาลูกกลอนออกมาให้เขาดูเถิด จะได้ให้เขารู้ว่าพวกเราอยากแลกเปลี่ยนจริงๆ” ต้วนเทียนเริ่นถือผลประหลาดสีแดงสดขนาดเท่าหัวแม่มือเอาไว้ในมือ หลังจากถ่ายทอดเสียงให้กับไฉ่หลิวอิงแล้ว ก็เอ่ยขึ้นด้วยแววตาเปล่งประกายวาวโรจน์


“สมุนไพรที่สหายหานนำออกมาครั้งนี้ มีสิ่งที่เจ้าและข้าต้องการอยู่ไม่น้อย มีคุณสมบัติที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเราอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ข้าก็จะโยนอิฐล่อหยก[1] ออกมาก่อน ให้สหายหานดูยาลูกกลอนที่จะแลกเปลี่ยน?” ไฉ่หลิวอิงเอ่ยด้วยแววตาสดใสพร้อมกับหัวเราะคิกคัก


เมื่อได้ยินที่เหลือทั้งสองคนกล่าวเช่นนี้ เชียนจีจื่อพลันตกตะลึง แต่หลังจากแววตาเปล่งประกายแล้ว ฉับพลันนั้นก็หัวเราะร่าออกมา


“สหายทั้งสองล้วนไม่มีความเห็น ข้าน้อยจะใจร้ายได้อย่างไร เอาละ เอาตามที่สหายหานกล่าว”


“ขอบพระคุณท่านอาวุโสทั้งสาม!” หานลี่เองก็คารวะทั้งสามคนอย่างรู้จักวางตนเป็นอย่างยิ่ง


ดังนั้นทันใดนั้นไฉ่หลิวอิงก็พลิกฝ่ามือ ลำแสงสว่างวาบ ขวดยาลูกกลอนเพิ่มขึ้นมาสามขวด และโยนไปให้หานลี่


“ยาลูกกลอนสามชนิดนี้ล้วนเป็นยาลูกกลอนที่ช่วยทะลวงจุดคอขวด มีชื่อเสียงไม่น้อย คิดดูแล้วสหายหานน่าจะเคยได้ยิน แบ่งเป็นยาลูกกลอนไหมสีเงิน ยาลูกกลอนชั้นเลิศ ผงบรรเทาความเจ็บปวด ตอนแรกข้าเสียแรงไปมากกว่าได้ยาลูกกลอนเหล่านี้มา และได้ใช้มันไปกว่าครึ่งแล้ว แต่ที่เหลืออีกครึ่งก็เพียงพอจะช่วยสหายได้ โดยเฉพาะยาลูกกลอนชั้นเลิศสามเม็ด มีประโยชน์ต่อการทะลวงจุดคอขวดมาก ไม่ธรรมดาจริงๆ”


เมื่อหานลี่รับขวดยาไป ก็เปิดฝาขวดออกพิจารณา ไฉ่หลิวอิงจึงอธิบายเสริม


จากความรู้ด้านการปรุงยาของหานลี่ จึงแยกแยะว่ายาลูกกลอนเหล่านี้เป็นของจริงหรือปลอมได้อย่างง่ายดาย หลังจากดูเสร็จก็พยักหน้าเบาๆ


ยามนี้ต้วนเทียนเริ่นเองก็หยิบยาลูกกลอนสองขวดและกล่องยาอีกสองกล่องออกมา ส่วนเชียนจีจื่อก็หยิบน้ำเต้าขนาดเท่าฝ่ามือสีแดงหนึ่งผลและสีฟ้าหนึ่งผลออกมา…


หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา หานลี่ก็ตรวจสอบของทั้งหมดเสร็จสิ้น


ต้วนเทียนเริ่นหยิบยาลูกกลอนและสมุนไพรออกมา ไม่ต่างอันใดกับไฉ่หลิวอิงนัก น้ำเต้าทั้งสองผลของเชียนจีจื่อกลับบรรจุของเหลววิญญาณที่หายากของแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีไว้สองชนิด แม้ว่ากินไปแล้วจะไม่มีผลอันใด แต่กลับเป็นวัตถุดิบหลักในการหลอมยาลูกกลอนสองสามชนิด เป็นสิ่งที่มีราคาแต่หาซื้อไม่ได้ในแดนวิญญาณเช่นกัน


หลังจากที่หานลี่เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา ก็สะบัดข้อมือ กำไลเก็บของเปล่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง กล่องหยกจำนวนมากเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น


“ยาลูกกลอนและยาสมุนไพรของท่านอาวุโสทั้งสามล้วนเป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้จริงๆ เชื่อว่าไม่ว่าอันใดก็เพียงพอจะทำให้ภายนอกเกิดความวุ่นวายขึ้นได้ ทว่าแค่ยาลูกกลอนเหล่านี้จะมาแลกกับสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดของข้า กลับไม่เพียงพอ” หานลี่กวาดตามองกล่องที่ลอยอยู่กลางอากาศกว่าครึ่ง แล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า


“ฮ่าๆ ต่อให้มีสมุนไพรวิญญาณมากขนาดไหน จากฐานะของพวกเราสามคนยังกลัวว่าจะเอาของที่สหายพอใจออกมาไม่ได้หรือ? สหายหานบอกมาเถิด อยากแลกกับสิ่งใด” ต้วนเทียนเริ่นเห็นหานลี่หยิบสมุนไพรออกมามากกว่าเดิมสองสามเท่า ก็หายโกรธแล้วเอ่ยอย่างไม่ต้องขบคิดทันที


“ใช่แล้ว! สมุนไพรเหล่านี้ พวกเราต้องการทั้งหมด สหายมีเงื่อนไขอันใดก็กล่าวมาเถิด”


แม้ว่าเชียนจีจื่อจะรู้ว่าหานลี่ยังมีสมุนไพรอีกจำนวนมาก แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเอาออกมาจำนวนมากขนาดนี้ได้อย่างง่ายดาย จึงเอ่ยด้วยความดีใจเช่นกัน


“สมบัติอาคมอะไรพวกนั้นก็ช่างเถิด ชนรุ่นหลังยังขาดวัตถุดิบล้ำค่าอยู่เล็กน้อย ข้ามีรายการอยู่ชุดหนึ่ง ต้องดูว่าท่านอาวุโสทั้งสามจะรวบรวมให้ชนรุ่นหลังได้กี่ชนิดและจำนวนเท่าไหร่ ว่ากันว่าของเหลวผลึกจันทราของเผ่าผลึกใช้ผสานอินทรีย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ อยากขอกับท่านอาวุโสไฉ่สักขวด นอกจากนี้ชนรุ่นหลังสนใจสูตรปรุงยาชั้นเลิศและวิธีการหลอมหุ่นเชิดสะท้านฟ้าเป็นอย่างยิ่ง หวังว่าท่านอาวุโสทั้งสามจะทำให้สมปรารถนาได้” หานลี่เองก็ไม่เกรงใจ เอ่ยเงื่อนไขจำนวนมากออกมาก


หลังจากที่เชียนจีจื่อและพวกทั้งสามคนได้ยิน ก็อดที่จะมองสบตากันไม่ได้


“สหายหานเจ้าไม่ขอมากไปหรือ วัตถุดิบนั้นไม่ต้องพูดถึง ยาลูกกลอนชั้นเลิศมีแค่ปรมาจารย์การปรุงยาของเผ่าผลึกอย่างพวกเราที่จะเรียนรู้ได้ ของเหลวผลึกจันทรายิ่งเป็นสิ่งที่มีชีวิตระดับศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากยังหาไม่ได้” ไฉ่หลิวอิงขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ


“ชนรุ่นหลังกลับไม่คิดว่าเกินไป ยาสมุนไพรเหล่านี้แทบจะเป็นสมุนไพรในแดนเซียนที่ชนรุ่นหลังหาได้จากแดนกว้างเย็น ทุกต้นนั้นหากนำไปประมูลในโลกภายนอก เกรงว่าคงมีท่านอาวุโสระดับศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนพากันแย่งชิง ที่นี่มีมากกว่าสองสามร้อย และยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในนั้นยังมีสมุนไพรที่สูญพันธุ์ไปจากแดนวิญญาณแล้วอยู่ไม่น้อย อายุก็ยากจะจินตนาการได้ เหนือกว่า ‘สมุนไพรหมื่นปี’ ทั่วๆ ไป จะว่าไปแล้วหลังจากแลกเปลี่ยนกันเช่นนี้ ชนรุ่นหลังก็ยังรู้สึกว่าเสียเปรียบ” หานลี่ตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ


“สูตรปรุงยาชั้นเลิศนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ สูตรปรุงยานี้เป็นของเผ่าเมฆาสวรรค์ของพวกเรา ไม่อาจให้คนนอกเผ่ารู้ได้ เคล็ดวิชาการหลอมหุ่นเชิดสะท้านฟ้าก็เช่นกัน” เชียนจีจื่อใช้น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยปฏิเสธ


“กลับเป็นของเหลวผลึกจันทรา แม้ว่าจะเป็นของที่หายากเช่นกัน แต่ข้าก็น่าจะพอเอามาได้หนึ่งขวด ส่วนสิ่งอื่น สหายเปลี่ยนเงื่อนไขเถิด” ไฉ่หลิวอิงเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจเล็กน้อย


แม้ตามหลักการแล้วของเหลวผลึกจันทราขวดหนึ่งจะมีมูลค่าเหนือกว่าหุ่นเชิดสะท้านฟ้าและยาลูกกลอนชั้นเลิศ แต่ถึงอย่างไรเสียก็เป็นของที่ใช้แล้วหมดไป


สีหน้าของต้วนเทียนเริ่นก็เคร่งขรึมขึ้นเช่นกัน


หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น กลับไม่ได้วางใจนัก


เงื่อนไขของเขาเมื่อครู่ ความจริงแล้วก็แค่ลองใจเท่านั้น


ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อาจผ่อนผันได้ ได้ของเหลวผลึกจันทราหนึ่งขวดก็นับว่าเป็นประโยชน์ครั้งยิ่งใหญ่แล้ว


หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว แล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ “ในเมื่อท่านอาวุโสทั้งสามท่านคิดว่าสูตรปรุงยาและเคล็ดวิชาหุ่นเชิดไม่อาจถ่ายทอดได้ ชนรุ่นหลังก็จะไม่บังคับ เช่นนั้นก็จ่ายค่าใช้เขตอาคมส่งตัวอีกครั้งหนึ่งให้ชนรุ่นหลังก็แล้วกัน เงื่อนไขนี้ น่าจะง่ายกว่าสินะ!”


“ศิลาวิญญาณ! ไม่มีปัญหา เช่นนั้นก็แล้วกัน” ไฉ่หลิวอิงพลันตกตะลึง จากนั้นก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มบางๆ


เชียนจีจื่อและต้วนเทียนเริ่นครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วตอบรับด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง


เห็นว่าทำการค้าสำเร็จ สองมือของหานลี่ที่ประกบเข้าหากันก็แยกออก ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ คัมภีร์สีเขียวม้วนหนึ่งปรากฏออกมา


นิ้วชี้ไปที่คัมภีร์หยก คัมภีร์หยกบินมาหาไฉ่หลิวอิง


หญิงสาวคิ้วดำขลับขมวดคิ้วมุ่น นิ้วเรียวขยับดูดคัมภีร์เข้ามาอยู่ในมือ


ใช้จิตสัมผัสกวาดออกไป ด้านในมีบันทึกชื่อวัตถุดิบจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่นางได้ยินคุ้นหูดี


หญิงสาวผู้นี้มองหานลี่แวบหนึ่งด้วยแววตาเจือรอยยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม สะบัดข้อมือเรียว โยนคัมภีร์ไปให้ต้วนเทียนเริ่น ตนก็เริ่มตรวจสอบกล่องหยกที่หานลี่เอาออกมาใหม่


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ทั้งสามคนก็ตรวจสอบสมุนไพรวิญญาณที่นำออกมาใหม่เสร็จรอบหนึ่ง หลังจากไม่มีปัญหาอันใดแล้ว ทันใดนั้นก็เริ่มหยิบกล่องไม้ ขวดหยกรูปทรงต่างๆ ขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันออกมาจากกำไลเก็บของ


ผ่านไปชั่วครู่ก็รวบรวมวัตถุดิบตามบันทึกของหานลี่ได้เกือบครบ


หานลี่ดูเหมือนจะมีสีหน้าราบเรียบ แต่ในใจพลันตกตะลึง


รายการวัตถุดิบที่เขาเสนอแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่สิ่งที่หามาได้ง่ายๆ กว่าครึ่งในนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ชิงหยวนจื่อขอให้เขาตามหาแต่ก็ยังหาไม่พบ


แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ใช่วัตถุดิบที่สำคัญในรายการ แต่ก็เป็นของที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน


เชียนจีจื่อและพวกทั้งสามรวบรวมได้จำนวนมากเพียงนี้ภายในระยะเวลาอันสั้น หานลี่ย่อมรู้สึกตกตะลึงอยู่แล้ว


ทว่านั่นก็หมายความว่า สิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ทั้งสามคน เตรียมตัวมาแล้วไม่น้อย และตั้งใจจะทำการแลกเปลี่ยนกับเขา มิเช่นนั้นคงไม่มีทางพกของจำนวนมากขนาดนี้ติดตัวมาแน่


หลังจากที่หานลี่ตรวจสอบวัตถุดิบแล้ว ก็วางสิ่งของลงไปในกำไลเก็บของอย่างพึงพอใจ


ยามนี้ต้วนเทียนเริ่นจึงเอ่ยว่า “วัตถุดิบที่เหลือ นอกจากสองสามชนิดที่ไม่อาจหาได้จริงๆ แล้ว ที่เหลือข้าจะส่งคนไปส่งให้ภายในสิบวัน สหายหานไม่มีความเห็นใดสินะ”


“ไม่มีปัญหา ชนรุ่นหลังย่อมเชื่อท่านอาวุโสทั้งสามอยู่แล้วขอรับ!” หานลี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม


“นี่คือศิลาวิญญาณและของเหลวผลึกจันทราที่เจ้าต้องการ สหายเก็บไว้ให้ดีเถิด ครั้งนี้สหายหานมีผลงานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ อีกเดี๋ยวก็จะทำให้เราสามคนหมดตัวแล้ว กลับไปไม่แน่ว่าอาจจะต้องเป็นหนี้บุญคุณสหายเก่าคนอื่นๆ ด้วย” ไฉ่หลิวอิงฉีกยิ้มเบิกบาน แล้วสะบัดแขนเสื้อ


ชั่วขณะนั้นถุงหนังสีดำและขวดเล็กๆ สีฟ้าพลันถูกหมอกลำแสงห้าสีห่อหุ้มเอาไว้ แล้วบินมาทางหานลี่อย่างแช่มช้า


“ท่านอาวุโสล้อเล่นแล้ว” หานลี่หัวเราะร่า หลังจากที่แววตามีแววดีใจฉายแวบผ่าน มือหนึ่งก็ตะปบออกไปกลางอากาศ แล้วคว้าขวดและถุงหนังเอาไว้ในมือ


ศิลาวิญญาณในถุงหนัง หานลี่แค่ใช้จิตสัมผัสกวาดผ่านไป ก็โยนเข้าไปในกำไลเก็บของส่งๆ กลับเป็นขวดสีฟ้าที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียด


ไม่เพียงเปิดฝาขวดออก ใช้จิตสัมผัสกวาดผ่านไปสองสามครั้ง แล้วนำมาดมที่ปลายจมูก หลังจากรู้สึกว่าไม่ผิดแน่ถึงได้วางใจเก็บลงไป


ในเมื่อแลกเปลี่ยนเสร็จแล้ว หานลี่ย่อมไม่มีทางรั้งรออยู่ที่นี่อีก หลังจากคารวะเชียนจีจื่อและพวกแล้ว ก็เอ่ยปากขอตัวลา


ส่วนตัวประหลาดเฒ่าระดับผสานอินทรีย์สามคนก็เผยท่าทีไม่อยากให้หานลี่อยู่ที่นี่นานออกมา หลังจากพูดคุยกันสองสามประโยค ก็ส่งเขากลับ


เขตอาคมส่งตัวเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างของหานลี่สลายหายไปในพริบตา


“พวกเจ้าสองคนก็ออกไปก่อนเถิด” ไฉ่หลิวอิงกวาดสายตาไปที่หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุน พลางออกคำสั่ง


“เจ้าค่ะ!”


“รับคำสั่งขอรับ!”


แน่นอนว่าหลิวสุ่ยเอ๋อร์ย่อมรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ส่วนสือคุนพลันมองต้วนเทียนเริ่นแวบหนึ่ง หลังจากเห็นเขาพยักหน้าก็ตอบรับอย่างเชื่อฟัง


ดังนั้นทั้งสองคนจึงก้าวเข้าไปในเขตอาคมส่งตัว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วออกจากห้องโถงไป


เมื่อสือคุนและพวกทั้งสามอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งของหอคอย คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ไม่รู้ว่าวิ่งไปที่ใดกันแน่


ทั้งสองมองสบตากันแวบหนึ่ง อดที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาไม่ได้


[1] โยนอิฐล่อหยก หมายถึง ใช้ความคิดเห็นที่ตื้นๆ เพื่อล่อให้คนอื่นแสดงความคิดเห็นที่ลึกซึ้งและเฉียบแหลมออกมา

 

 

 


ตอนที่ 1745 ยันต์วิญญาณยักษ์และเงาโลหิต

 

“สมุนไพรเหล่านี้ แบ่งกันตามที่ตกลงไว้ก็แล้วกัน” ต้วนเทียนเริ่นมองกล่องหยกกลางอากาศ พลางเอ่ยอย่างไม่อาจปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ได้อีก


“ช้าก่อนสหาย! แม้ว่าพวกเราจะตกลงกันว่าจะแบ่งสมุนไพรอย่างยุติธรรม แต่ศิลาวิญญาณและของเหลวผลึกจันทราที่ข้าจ่ายไปตอนหลัง ข้าต้องได้สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้มากกว่าหนึ่งส่วน” แม้ว่าไฉ่หลิวอิงจะตื่นเต้นดีใจเช่นกัน แต่ยามนี้กลับเอ่ยพร้อมกับสั่นศีรษะ


“มากกว่าหนึ่งส่วน? เซียนคิดจะกลับคำหรือ? ศิลาวิญญาณ ข้าและสหายต้วนจะชดใช้ให้ ส่วนของเหลวผลึกจันทรา แม้ว่าจะเป็นยาลูกกลอนผสานอินทรีย์ศักดิ์สิทธิ์ แต่จะเทียบกับสมุนไพรวิญญาณแดนเซียนหนึ่งส่วนได้อย่างไร มากสุดก็ให้สมุนไพรเจ้าเพิ่มได้แค่ห้าหกต้นเท่านั้น” เชียนจีจื่อมีสีหน้าเคร่งขรึม พลางเอ่ยอย่างเย็นชา


“ได้ ห้าต้นก็ห้าต้น” คาดไม่ถึงว่าไฉ่หลิวอิงจะเห็นด้วย ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม


เชียนจีจื่ออดที่จะตกตะลึงไม่ได้ แต่ทันใดนั้นก็นึกอันใดขึ้นมาได้ ใบหน้ากลับเผยสีหน้ากลัดกลุ้มออกมา แต่หลังจากแค่นเสียงหึออกมา ก็ไม่ได้กลับคำแก้คำพูดอันใด


ต้วนเทียนเริ่นที่อยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เอาสองมือกอดอกพลางเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา


ทั้งสามคนเริ่มแบ่งสมุนไพรวิญญาณอายุสองสามร้อยปีออกมาจากกล่องหยก หลังจากถกเรื่องมูลค่าของมันแล้ว สุดท้ายก็แบ่งสมุนไพรวิญญาณเหล่านั้นจนเกลี้ยง


“หึๆ มีสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ ผู้แซ่ต้วนติดอยู่ที่จุดคอขวดมาหลายปี คิดดูแล้วคงจะทะลวงได้ไม่มีปัญหา” ต้วนเทียนเริ่นเก็บกล่องหยกของตนทั้งหมดเข้าไป แล้วเอ่ยอย่างพึงพอใจ


“ทว่าในตัวเจ้าเด็กนั้น จะต้องมีสมุนไพรวิญญาณส่วนหนึ่งที่ไม่ได้นำออกมาแน่ สหายทั้งสอง ไม่สนใจหรือ?” เชียนจีจื่อแววตาเปล่งประกาย พลางเอ่ยขึ้น


ต้วนเทียนเริ่นและไฉ่หลิวอิงย่อมเข้าใจเจตนาของเชียนจีจื่อ แต่หลังจากที่ทั้งสองคนมองสบตากันแวบหนึ่ง กลับเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา


“หากแค่เขาคนเดียว พวกเราสามคนร่วมมือกันย่อมไม่มีปัญหา แต่อย่าลืมคำสั่งของท่านอาวุโสเวิง ท่านให้พวกเราเปิดผนึกเขตอาคมส่งตัวให้เจ้าเด็กนั้นใช้ หากมองจากจุดนี้เขาคงมีความสัมพันธ์กับท่านอาวุโสเวิง และยิ่งไปกว่านั้นกฎของสวนสมุนไพร ก็ได้ยินศิษย์กล่าวไว้แล้ว นับดูแล้วคงเอาสมุนไพรออกมาเกือบหมดแล้ว ต่อให้เหลือเอาไว้ ก็คงไม่มากนัก หากจะยั่วโทสะของท่านอาวุโสเวิงเพียงเพราะของที่เหลืออยู่น้อยนิดเพียงนี้ ย่อมได้ไม่คุ้มเสีย และยิ่งไปกว่านั้นอิทธิฤทธิ์ของเจ้าเด็กนี้ก็ไม่น้อยเลย และยังรู้จักวางตัวเพียงนี้ ไม่จำเป็นต้องทำอันใดให้ยุ่งยากหรอก” ต้วนเทียนเริ่นมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส แล้วถึงได้สั่นศีรษะขณะเอ่ย


“น้องหญิงรู้สึกว่าพี่ต้วนพูดมีเหตุผล แม้ว่าพวกเราจะอยู่ระดับเผ่าศักดิ์สิทธิ์แต่ก็ไม่มีทางล่วงเกินท่านอาวุโสเวิงแน่” ไฉ่หลิวอิงเองก็เอ่ยอย่างเห็นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม


“สหายทั้งสองกล่าวเช่นนี้ ก็คิดว่าที่ตาเฒ่าพูดก่อนหน้าไม่เคยพูดก็แล้วกัน ก็จริงข้าน้อยละโมบเกินไปหน่อย” เชียนจีจื่อหัวเราะฮ่าๆ แล้วข้ามเรื่องนี้ไป


เมื่อไม่มีการสนับสนุนจากไฉ่หลิวอิงและต้วนเทียนเริ่น แน่นอนว่าเขาย่อมล้มเลิกความคิดนี้


……


ยามนี้หานลี่อยู่บนถนนทางลงภูเขาแล้ว แขนเสื้อพลิ้วไสว สีหน้าราบเรียบ


ผู้ใดก็ไม่อาจรู้ว่าในใจเขากลับกำลังขบคิดวนเวียนไปมา ขบคิดถึงข้อได้เปรียบเสียเปรียบจากการแลกเปลี่ยนครั้งหนึ่ง


ดูจากสีหน้า สมุนไพรวิญญาณจากแดนเซียนจำนวนมากถูกอีกฝ่ายใช้วัตถุดิบและยาลูกกลอนแลกไป แน่นอนว่าย่อมเสียเปรียบเป็นอย่างมาก แต่ความจริงแล้ว เขารู้ดีว่าไม่ได้เสียเปรียบอันใด แม้กระทั่งได้เปรียบเป็นอย่างมาก


สาเหตุที่กล่าวเช่นนี้แน่นอนว่าเป็นเพราะสมุนไพรวิญญาณที่เขาหยิบออกมาตอนแรก เขาจงใจเหลือเอาไว้ใช้หนึ่งต้น ขอแค่เขากลับไปใช้เวลามากน้อย ก็สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตจำนวนมากโดยมีขวดเล็กลึกลับคอยช่วยเหลือได้แล้ว


หากเป็นเช่นนั้น ความเสียหายของเขาก็แค่ต้องใช้เวลาในการดึงกลับมาเท่านั้น


ส่วนผลตาข่ายแดงและหญ้ากร่อนพิษ เป็นเพราะใช้วิธีการกระตุ้นการเจริญเติบโตอาจจะไม่ได้ผล เขาจึงเอาออกมาแค่สองสามต้น และเหลือสมุนไพรชนิดเดียวกันเอาไว้จำนวนมาก


ส่วนสมุนไพรวิญญาณและดอกบัวสีเงินลึกลับเจ็ดแปดชนิดที่มีอยู่ต้นเดียว ย่อมไม่ได้นำออกมา


เช่นนั้นหานลี่ก็เท่ากับไม่ได้สูญเสียสมุนไพรวิญญาณใดๆ แต่ได้ประโยชน์จากเชียนจีจื่อและพวกมากมายแทน


แน่นอนว่าเขาย่อมอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง


หลังจากลงจากยอดเขาลูกนั้น หานลี่ก็ไปยังยอดเขาอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน ตามหาสถานที่ซึ่งดูเหมือนโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อพักชั่วคราว


สามวันต่อมาเขาไม่ได้รออยู่ที่พัก กลับวิ่งไปที่ร้านค้าวัตถุดิบต่างๆ ในเมืองมังกร และเริ่มซื้อวัตถุดิบจำนวนมาก


วัตถุดิบเหล่านี้กลับไม่ได้ล้ำค่ามาแต่ล้วนเป็นสิ่งที่มีแค่ในแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนี


ในเมื่อเขาคิดจะกลับไปยังแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวน แน่นอนว่าย่อมต้องซื้อไปมากหน่อย เผื่อวันข้างหน้าจำเป็นต้องใช้


ส่วนเช้าตรู่วันที่สี่หานลี่ก็ออกจากที่พัก บินออกไปจากเมืองมังกร


ยอดเขามังกรวารีสีเขียวเป็นยอดเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากเมืองมังกรไปทางทิศตะวันตกร้อยกว่าลี้


ท่ามกลางชีพจรภูเขายักษ์ ยอดเขาแห่งนี้ไม่ใหญ่และไม่เล็ก ไม่นับว่าสะดุดตาอันใด หากไม่ใช่เพราะบนภูเขามีต้นไม้สีเขียวขจีอยู่เต็มไปหมด และยิ่งไปกว่านั้นยอดเขายังมีรูปทรงประหลาด ราวกับมังกรวารีกำลังบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เกรงว่าก็คงมีไม่กี่คนที่สังเกตเห็นยอดเขาแห่งนี้


หานลี่ที่กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวมาถึงเหนือยอดเขา ลำแสงก็หม่นแสงลงพลางเผยร่างออกมา และกวาดตามองไปรอบด้านสองแวบ


จากจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของเขาในยามนี้ แน่นอนว่าย่อมกวาดไปทั่วทั้งหุบเขารอบหนึ่งได้ในพริบตา


บนภูเขานั้นว่างเปล่า เซี่ยงจื่อหลี่ที่นัดกันไว้ยังมาไม่ถึง


แววตาของหานลี่เปล่งประกายพลางพิจารณาไปกลางอากาศ ฉับพลันนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นธงอาคมสิบกว่าสายพลันบินออกมา หลังจากพุ่งลงไปที่บนยอดเขา ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


จากนั้นเขาถึงได้ร่อนลงมา ปรากฏตัวบนยอดเขา


จากนั้นก็หาก้อนหินสะอาดๆ มาก้อนหนึ่ง นั่งสมาธิหลับตาทั้งสองข้างลง


เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็ผ่านไปสองสามชั่วยาม


หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี ฉับพลันนั้นพลันลืมตาขึ้น มองไปทางเมืองมังกร


เห็นเพียงไกลออกไปมีลำแสงวิญญาณสว่างวาบที่ขอบฟ้า สายรุ้งสายหนึ่งพุ่งเข้ามา หลังจากผ่านไปชั่วครู่ก็มาอยู่เหนือยอดเขา หมุนวนรอบหนึ่งแล้วร่อนลงมา


“ศิษย์น้องหาน ศิษย์พี่มีธุระจึงมาช้าเสียหน่อย ทำให้ศิษย์น้องต้องรอนานแล้ว” หลังจากลำแสงหม่นแสงลง ชายชราสวมชุดคลุมสีเหลืองก็ปรากฏตัวใกล้ๆ กับหานลี่ แล้วประสานมือคารวะหานลี่ด้วยท่าทีถ่อมตน


นั่นก็คือเซี่ยงจื่อหลี่


“ไม่เป็นไร ข้าเองก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ยามนี้ศิษย์พี่ก็พูดมาตรงๆ เถิด” หานลี่มีสีหน้าราบเรียบ พลางเอ่ยอย่างราบเรียบเช่นกัน


“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ทว่าก่อนหน้านั้นต้องให้ศิษย์น้องดูของสิ่งนี้ก่อน” เซี่ยงจื่อหลี่ยื่นมือออกมาจากแขนเสื้อกว้างๆ ถือกล่องหยกเปล่งแสงสีเขียวระยิบระยับเอาไว้ แล้วส่งให้ด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม


“นี่คือสิ่งที่ศิษย์พี่จะมอบให้ข้าหรือ? สิ่งใด คาดไม่ถึงว่าจะลึกลับเพียงนี้!” หานลี่มองกล่องหยกแวบหนึ่ง จิตสัมผัสสัมผัสกับกล่องหยก กลับถูกดีดออกมา จึงเอ่ยถามด้วยหน้าที่เปลี่ยนสีไปเล็กน้อย


ในกล่องหยกดูเหมือนจะถูกคนลงอาคมประหลาดเอาไว้!


“หึๆ ศิษย์น้องหานแค่เปิดออก ก็รู้แล้ว” เซี่ยงจื่อหลี่ยิ้มขณะเอ่ย ใบหน้าเผยสีหน้าลึกลับออกมา


หานลี่ได้ฟังก็พยักหน้า


ยกมือขึ้นรับกล่องหยกสีเขียว หลังจากชั่งน้ำหนักในมือเล็กน้อยก็รู้สึกว่าเบาหวิวราวกับไม่มีสิ่งใดอยู่


หลังจากมองไปทางเซี่ยงจื่อหลี่แวบหนึ่งแววตาของหานลี่ก็ฉายแววประหลาดใจ ฉับพลันนั้นก็โยนกล่องหยกขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ พ่นกระบี่ลำแสงสีเขียวความยาวประมาณสองสามจั้งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสับลงมาที่กล่องอย่างแรง


“เอ๋”


เซี่ยงจื่อหลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่แน่นอนว่าย่อมไม่ทันได้ป้องกันอันใด


ได้ยินเพียงเสียง “ฉับ” ดังขึ้น กล่องหยกถูกกระบี่ลำแสงสีเขียวสับออก แล้วมีสิ่งหนึ่งร่อนลงมา


หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้าง แน่นอนว่าย่อมมองเห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้าเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา


คาดไม่ถึงว่าจะเป็นยันต์สีทองเรืองรองแผ่นหนึ่ง ผิวของมันมีลวดลายสีเงินลึกลับอยู่เต็มไปหมด ในเวลาเดียวกันอักขระยันต์สีทองเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นรางๆ รอบยันต์แผ่นนั้น เผยความลึกลับเป็นอย่างยิ่งออกมา


“ยันต์วิญญาณยักษ์แผ่นนี้เป็นสิ่งที่ตาเฒ่าได้มาด้วยความบังเอิญในแดนมนุษย์ แต่ต้องอยู่ระดับเทพแปลงขึ้นไปถึงจะใช้ได้ ยามที่ตาเฒ่าข้ามผ่านห้วงเวลาก็มียันต์แผ่นนี้คอยปกป้องถึงได้มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ทว่ายามนี้ข้าตกมาอยู่ในระดับหลอมรวม เก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ขอมอบให้ศิษย์น้องหานเอาไปใช้ก็แล้วกัน เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้าหวังว่าเมื่อศิษย์น้องหานกลับไปที่เผ่ามนุษย์แล้วจะช่วยเหลือข้าเรื่องหนึ่ง ทว่าวางใจนี่เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ศิษย์น้องหานทำได้อย่างแน่นอน!” เซี่ยงจื่อหลี่ฟื้นฟูสีหน้ากลับมาเป็นปกติ พูดเรื่องที่หานลี่ลงมือฟันกล่องหยกไม่หยุด กลับอธิบายอย่างง่ายๆ ด้วยน้ำเสียงจริงใจ


หานลี่ได้ยินแล้วพลันขมวดคิ้วไม่ได้เอ่ยปากอันใด กลับใช้มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ


ชั่วขณะนั้นพลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันคลี่ตัวครอบคลุมอากาศเอาไว้


เสียง “สวบ” ดังขึ้น!


ยันต์สีทองแผ่นนั้นพุ่งลงมาถูกดูดเข้ามาในมือ


สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาจาก “ยันต์วิญญาณยักษ์” หานลี่พลันใจเต้น เสียงแหวกอากาศ “ฟิ้ว” ดังขึ้น จากนั้นพลันพุ่งออกจากหว่างคิ้ว เส้นไหมผลึกสีแวววาวสองสามเส้นเปล่งแสงสว่างวาบจมหายเข้าไปในยันต์วิเศษ


“ผลึกหลอมจิตสัมผัส”


เซี่ยงจื่อหลี่เห็นฉากนี้ก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้งอีกครั้ง แววตาฉายแววตกตะลึง


แต่ครู่ต่อมาความแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น!


“ยันต์วิญญาณยักษ์” ที่แต่เดิมเต็มไปด้วยพลังวิญญาณเปล่งเสียงออกมาเบาๆ เปลี่ยนจากสีทองกลายเป็นสีดำสนิท ในเวลาเดียวกันไอสีเทาก็ปรากฏขึ้น เส้นไหมบางๆ สีเทาขาวพุ่งออกมาจากยันต์วิเศษ


ความเร็วของมันแค่กะพริบวาบก็มาอยู่ตรงหน้าหานลี่


แต่หานลี่ดูเหมือนจะคาดเดาเรื่องนี้เอาไว้ตั้งนานแล้ว ใบหน้าไร้ซึ่งแววตื่นตระหนก กลับเปล่งแสงสว่างวาบ ม่านลำแสงสีทองหนาๆ ชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นบนเรือนร่างราวกับไร้เทียมทานอย่างไรอย่างนั้น


ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น!


จากพลังยุทธ์ของหานลี่ในเวลานี้ เคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้กลายเป็นลำแสงวิญญาณห่อหุ้มร่าง นอกจากสมบัติระดับสุดยอดแล้วสมบัติอาคมธรรมดาก็ไม่อาจทำอันใดได้


แต่สถานการณ์ที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น!


คาดไม่ถึงว่าเส้นไหมลำแสงสีเทาขาวจะทำเหมือนมองไม่เห็นลำแสงสีทองมันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ทะลวงผ่านลำแสงสีทองจมหายเข้าไปในร่าง


หานลี่รู้สึกเพียงว่าความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมาตั้งแต่ที่เส้นไหมลำแสงสีเทาขาวจมหายเข้าไป แค่ชั่วอึดใจแขนขาทั้งสี่และร่างกายก็เป็นเหน็บชาไม่อาจขยับกายได้เลยสักกระผีกริ้น


แทบจะในเวลาเดียวกัน เซี่ยงจื่อหลี่ที่ยืนอยู่ห่างออกไปสองสามจั้งเห็นเส้นไหมลำแสงสีเทาขาวจมหายเข้าไปในร่างของหานลี่ ใบหน้าก็เผยแววโหดเหี้ยมออกมา สองมือพลันร่ายอาคมร่างกายระเบิดออก


เศษชิ้นเนื้อปลิวว่อน เงาโลหิตขมุกขมัวสายหนึ่งปรากฏขึ้นที่เดิม


จากนั้นลำแสงสีโลหิตพลันเปล่งแสงเจิดจ้า เงาโลหิตกลายเป็นสายรุ้งโลหิตผสานร่างกันแล้วกระโจนมา


เมื่อเข้าประชิดหานลี่กลิ่นอายโลหิตก็โชยเข้ามา

 

 

 


ตอนที่ 1746 ออกจากเสียงเพรียกอัสนี

 

ฉับพลันนั้นร่างของหานลี่พลันมีไอสีดำวนเวียน เกราะสงครามสีดำสนิทปรากฏขึ้น


อักขระยันต์สีดำจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากเกราะสงคราม


ดูเหมือนว่าลำแสงโลหิตปะทะเข้ากับไอสีดำ กลับส่งเสียง “ปัง” ออกมา อักขระเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกดีดออก


เงาโลหิตกลิ้งหลุนๆ ออกไป เผยร่างเดิมออกมา


แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ในที่สุดก็มองเห็นรูปร่างของเงาโลหิตได้อย่างชัดเจน


แม้ว่าเขาจะผ่านประสบการณ์มามากมาย สีหน้าก็อดที่จะเปลี่ยนสีไปไม่ได้


เมื่อปราดมองใบหน้าของเงาโลหิต คาดไม่ถึงว่าจะเป็นใบหน้าของภูตผีมีเขี้ยวอัปลักษณ์ แต่หลังจากที่เปล่งแสงสว่างวาบ หน้าผีก็กลายเป็นใบหน้าของเซี่ยงจื่อหลี่ หลังจากรางเลือนไปอีกครั้ง ก็กลายเป็นใบหน้าของบุรุษอีกคนหนึ่ง


และบุรุษคนนี้ หานลี่ก็รู้จัก คาดไม่ถึงว่าจะเป็นมารเฒ่าที่เข้ามาในห้วงมิติเวลาพร้อมกับเซี่ยงจื่อหลี่


ใบหน้าของเงาโลหิตมีสามชนิดและเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว ราวกับคลื่นธาราไม่อาจนิ่งสงบได้


“เกราะมารเหนือฟ้า? เป็นไปไม่ได้ เจ้าจะมีเกราะสงครามของมารสวรรค์ได้อย่างไร!”


เงาโลหิตพลิ้วกาย ในที่สุดก็ปรากฏตัวอีกครั้งในจุดที่ไม่ไกลนัก ปากก็เปล่งเสียงตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา


น้ำเสียงเหมือนเซี่ยงจื่อหลี่ แต่ก็ทำให้หานลี่รู้สึกไม่คุ้นเคยเล็กๆ


หานลี่แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีทองเรืองรอง ราวกับทองคำอย่างไรอย่างนั้น ในเวลาเดียวกันนั้นเกราะสีทองก็ปรากฏออกมา


“เจ้าคิดว่าสวมเกราะมารเหนือฟ้า ข้าจะทำอันใดเจ้าไม่ได้งั้นหรือ!” เงาโลหิตเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ใบหน้าพลันเปลี่ยนไปมาสองสามครั้ง ปากก็ร้องเสียงประหลาดๆ ออกมา ร่างกายหมุนติ้วๆ


ชั่วพริบตาพายุหมุนสีโลหิตสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นมาจากร่างของเงาโลหิต ความสูงสิบกว่าจั้ง


ท่ามกลางพายุหมุนมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบเป็นสายๆ ท่าทางน่าตกตะลึงยิ่ง


จากนั้นเงาโลหิตก็ร่ายคาถาประหลาดๆ พายุหมุนพลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว


หลังจากผ่านไปชั่วครู่ก็กลายเป็นอักขระสีโลหิตขนาดเท่าศีรษะ ปรากฏขึ้นตรงหน้าเงาโลหิต


หานลี่สัมผัสได้รางๆ ว่าอักขระนี้แผ่ระลอกคลื่นออกมา สีหน้าพลันเคร่งขรึม


เสียงอัสนีฟ้าฟาด!


อักขระสีโลหิตหมุนคว้าง กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีแดงโลหิตสายหนึ่งสับลงมา


เสียง “ปัง” ดังขึ้น!


ประจุไฟฟ้าและอักขระสีดำสัมผัสกันก็เปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้อักขระสีดำสลายออก โจมตีไปยังเกราะมารเหนือฟ้าสีดำตรงๆ


หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีโลหิตก็สลายหายไป เกราะสีดำมีรูโหว่ขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้น


ใบหน้าของเงาโลหิตเผยแววโหดเหี้ยมออกมาอีกครั้ง หลังจากหัวเราะประหลาดๆ แล้ว ก็กลายเป็นสายรุ้งสีโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมา


ความเร็วของมันแค่เปล่งแสงสว่างวาบก็มาอยู่ตรงหน้าหานลี่ กระโจนไปหารูโหว่บนชุดเกราะ


แต่ในยามนั้นเองบรรยากาศรอบๆ พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ฝ่ามือยักษ์สีทองปรากฏขึ้นตรงรูโหว่ นิ้วทั้งห้ากางออก ตะปบไปทางสายรุ้งสีโลหิต


ลำแสงสีโลหิตหม่นแสงลง เงาโลหิตปรากฏตัวขึ้นในมือสีทองอีกครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว แต่ก็อ้าปากออก พ่นเปลวเพลิงโลหิตใส่หานลี่


กระบวนท่านี้เลวร้ายมาก!


หานลี่ในยามนี้ไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด ประกอบกับระยะใกล้แค่นี้ ตามหลักการแล้วย่อมไม่อาจล้มเหลวได้


แต่มุมปากของหานลี่พลันขยับ เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา


หว่างคิ้วมีลำแสงสีดำสว่างวาบ ดวงตาสีดำสนิทข้างหนึ่งลืมตาขึ้น ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ พ่นลำแสงสีดำสายหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วโจมตีไปยังเปลวเพลิงโลหิตอย่างแม่นยำ


เสียง “ฟู่” ดังขึ้น บรรยากาศรอบด้านบิดเบี้ยว ทั้งสองตัดสลับกันไปมา ชั่วครู่ก็จมหายเข้าไปกลางอากาศ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


เงาโลหิตพลันตกตะลึง ร่างเปล่งแสงสีโลหิต หมายจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อันใดอีก แต่กลับไม่มีโอกาสแล้ว


ฝ่ามือสีทองมีเปลวเพลิงสีเงินทะลักออกมาจากนิ้วทั้งห้า แค่หมุนวนก็ห่อหุ้มเงาโลหิตเอาไว้


เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาดังออกมาจากเปลวเพลิงสีเงิน เงาโลหิตพยายามดิ้นรนไปมาไม่หยุด ร่างกายยืดยาวราวกับไร้กระดูก ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นหนาขึ้น แล้วเปลี่ยนร่างไปมาไม่หยุด


แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ฝ่ามือสีทองก็กำแน่นราวกับแมลงติดอยู่บนกระดูก ทำให้เขาไม่อาจหลบหลีกการควบคุมจากฝ่ามือได้เลยสักนิด


หลังจากผ่านไปแค่ชั่วลมหายใจ เสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาก็หยุดลง!


เงาโลหิตหายวับไปท่ามกลางเปลวเพลิง


จะว่าไปแล้วก็นับว่าเงาโลหิตนั้นโชคร้าย


เดิมจากร่างกายที่ไร้รูปร่างของมัน สมบัติธรรมดาและอิทธิฤทธิ์ไม่อาจกักหรือทำร้ายได้ แต่แค่ฝ่ามือสีทองที่สร้างขึ้นจากร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นเพราะพลังยุทธ์หานลี่เพิ่มขึ้นและทำการหลอมหลายครั้งก็มีอานุภาพที่น่าเหลือเชื่อจนสามารถดูดเงาโลหิตที่ไร้รูปร่างได้


ส่วนเพลิงเที่ยงแท้กลืนวิญญาณ เดิมก็เชี่ยวชาญการกลืนกินฟ้าดิน ประกอบกับกลืนเพลิงต่างๆ เข้าไป จึงมีผลในการควบคุมไอมารมากยิ่งขึ้น


นี่จึงทำให้เงาโลหิตถูกหลอมจนกลายเป็นเถ้าถ่านได้อย่างง่ายดาย


หานลี่มองทุกอย่าง ใบหน้าผ่อนคลายลง เนตรทำลายล้างตรงหว่างคิ้วค่อยๆ ผสานเข้าหากันแล้วสลายหายไป


จากนั้นเขาพลันบริกรรมคาถา ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ อ้าปากออกพ่นดวงแสงขนาดเท่ากำปั้นออกมา


ด้านนอกดวงแสงถูกลำแสงสีทองห่อหุ้มเอาไว้ ด้านในกลับมีเส้นไหมลำแสงสีเทาขาวตัดสลับกันไปมา


สิ่งที่ทะลักเข้ามาในร่างเมื่อครู่ถูกเขาใช้พลังปราณแท้กดเอาไว้ และดันออกมาจากร่าง


นี่เป็นเพราะพลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้น เคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้จึงใกล้จะประสบความสำเร็จ มิเช่นนั้นคงไม่อาจทำเรื่องเช่นนี้ได้


และหลังจากที่ดวงแสงสีเทาขาวถูกเขาพ่นออกมา ร่างกายก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ


หานลี่ชี้ไปที่เปลวเพลิงสีเงินโดยไม่ปริปาก


ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงเที่ยงแท้กลืนวิญญาณก็เปล่งเสียง “สวบ” ม้วนวนท่ามกลางฝ่ามือสีทอง แล้วห่อหุ้มดวงแสงเอาไว้


ฝ่ามือสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วสลายหายไปจากกลางอากาศ


หลังจากที่ดวงแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางเปลวเพลิงสีเงิน ก็หายวับไป


ยามนี้หานลี่พลันกลอกตาไปมา กวาดมองโครงกระดูกที่มีเนื้อหนังโลหิตรางๆ ซึ่งอยู่ไกลออกไปสองสามจั้ง ก็อดที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งไม่ได้


แม้ว่าเขาในยามนี้จะไม่เข้าใจว่าเซี่ยงจื่อหลี่พบกับความยากลำบากอันใด คาดไม่ถึงว่าในร่างกายจะมีเงาโลหิตซ่อนอยู่ แต่กายเนื้อกลับเป็นของเซี่ยงจื่อหลี่อย่างไม่ต้องสงสัย


และยิ่งไปกว่านั้นยามที่ใบหน้าของเงาโลหิตเปลี่ยนแปลงไป คาดไม่ถึงว่าจะดูดจิตวิญญาณดั้งเดิมของเซี่ยงจื่อหลี่และมารเฒ่าถูกกลืนกินกลายเป็นร่างเดียวกัน


หากไม่ใช่วันนั้นที่เขาได้พบเซี่ยงจื่อหลี่ในเมืองเมฆาครั้งแรก วิญญาณครวญยังไม่หลับลึกและมีท่าทีกระวนกระวายใจไม่เป็นสุข จนทำให้เขาระวังตัวขึ้น เกรงว่าคงไม่อาจพบความผิดปกติของ “เซี่ยงจื่อหลี่” ได้


เดิมต่อให้ “เซี่ยงจื่อหลี่” จะมีปัญหาจริงๆ ขอแค่ไม่มาหาเรื่องเขา หานลี่ก็ไม่คิดจะเสียแรงไปจัดการอันใด


แต่ “เซี่ยงจื่อหลี่” ผู้นี้พบกับเขาสองครั้ง ล้วนมีท่าทีไม่คิดร้ายต่อเขา


หานลี่ย่อมเกิดจิตสังหาร แล้วถึงได้มาตามที่นัดหมาย


ทว่าเป็นเพราะไม่มั่นใจว่า “เซี่ยงจื่อหลี่” มีปัญหาจริงๆ หรือไม่ เขาถึงได้รอให้อีกฝ่ายก่อกบฏก่อน


หานลี่ที่ระมัดระวังตัวอยู่แล้ว หลังจากที่พลังยุทธ์พัฒนาขึ้นในแดนกว้างเย็น แน่นอนว่าย่อมมั่นใจว่าจะไม่ถูกเงาโลหิตลอบทำร้าย


ความจริงแล้วเมื่อครู่ต่อให้เขาไม่ใช่ร่างทองและเพลิงกลืนวิญญาณ ก็มีวิธีการอื่นในการจัดการกับอันตรายเมื่อครู่และสังหารมารตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย


ถึงอย่างไรเสียกายเนื้อของเซี่ยงจื่อหลี่ที่ถูกสิงอยู่ก็มีพลังยุทธ์แตกต่างกับหานลี่เป็นอย่างมาก


แม้ว่าเงาโลหิตจะระเบิดกายเนื้อของเซี่ยงจื่อหลี่ และดูดซับโลหิตบริสุทธิ์กว่าครึ่งของกายเนื้อไป ก็ยังสำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาได้ไม่เท่าไหร่


หานลี่ยืนเงียบๆ อยู่ที่เดิม ในใจขบคิดไปมาไม่หยุด


เซี่ยงจื่อหลี่เป็นสิ่งมีชีวิตระดับสุดยอดในเผ่ามนุษย์ คาดไม่ถึงว่าจะมีจุดจบเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนอดที่จะถอนหายใจไม่ได้จริงๆ


และไม่รู้ว่าเขาและมารเฒ่าเจอกับอันใดในห้วงมิติเวลา หลังจากที่เข้ามาในแดนวิญญาณแล้ว ถึงได้พบกับเงาโลหิตและถูกยึดครองร่างไป


หากเป็นอย่างหลัง แน่นอนว่าย่อมทำให้ผู้คนต้องใจหายไม่หยุด


หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อไปบนพื้นเบาๆ


ชั่วขณะนั้นก็พ่นระลอกคลื่นสีแดงเพลิงออกมา เพลิงลำแสงหมุนวนไป ซากศพกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วหายวับไป


ส่วนสิ่งที่เรียกว่า ‘ยันต์วิญญาณยักษ์’ หายไปพร้อมกับเงาโลหิตตั้งนานแล้ว กลายเป็นผุยผง


เดิมหานลี่เห็นลำแสงสีเทาขาวร้ายกาจเพียงนี้ก็คิดจะศึกษา ตอนนี้ทำได้เพียงช่างเถิด


จากนี้เขาก็ไม่ได้รั้งรออันใดอีก หลังจากนั้นตะปบไปกลางอากาศรอบด้านยอดเขา


ชั่วขณะนั้นรอบด้านยอดเขาก็มีระลอกคลื่นที่สัมผัสได้ยากปรากฏขึ้น ลำแสงหลากสีสันสิบกว่าสายพุ่งออกมา ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย


นั่นคือธงอาคมสิบกว่าด้ามที่ปล่อยออกไปตั้งแต่แรก!


ธงอาคมเหล่านี้เพิ่งจะก่อตัวเป็นเขตอาคมง่ายๆ แค่เขตอาคมที่ง่ายกว่าระลอกคลื่นไอวิญญาณเท่านั้น


ชั่วพริบตาที่ “เซี่ยงจื่อหลี่” มาถึงยอดเขา ก็ถูกเขากระตุ้นเขตอาคม กลบกลิ่นอายการต่อสู้เมื่อครู่ มิเช่นนั้นแม้ว่าจะอยู่ห่างจากเมืองมังกรไปร้อยลี้ แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นแล้ว ก็ยังคงตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว


ยามนี้มีเขตอาคมอำพรางอยู่ แม้ว่าจะไม่อาจกำจัดร่องรอยการต่อสู้ได้หมด แต่สิ่งมีชีวิตระดับสูงก็ไม่อาจสัมผัสได้อย่างชัดเจน


ลำแสงหลีกหนีปรากฏขึ้น หานลี่กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพุ่งออกไป หลังจากหมุนวนโคจรเหนือยอดเขารอบหนึ่ง ก็พุ่งไปทางเมืองมังกร


หลังจากนั้นไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ นักรบชุดเกราะที่มาลาดตระเวนกลุ่มหนึ่งก็บินมาจากอีกด้าน แต่หลังจากตรวจสอบรอบๆ ยอดเขาแล้วก็ไม่ได้พบอันใด และทำได้เพียงจากไปอย่างกลัดกลุ้มเท่านั้น


ส่วนหานลี่ที่กลับมาถึงเมืองมังกร เมื่อเข้ามาในที่พัก ก็ไม่คิดออกจากที่พักง่ายๆ อีก


เวลาสิบวันที่เหลือ เชียนจีจื่อและพวกทั้งสามก็ส่งคนนำวัตถุดิบที่เหลือมาให้หานลี่ รักษาคำสัญญาที่ให้ไว้


แน่นอนว่าหานลี่ย่อมรับไว้ทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจ


หนึ่งเดือนต่อมาในที่สุดหานลี่ก็ออกจากที่พัก แล้วตรงไปยังยอดเขาที่สูงที่สุดในเมืองมังกร


ว่ากันว่าในยอดเขามีความลับที่ไม่ให้คนนอกรู้ซ่อนอยู่ในสิ่งปลูกสร้างหลักๆ ของเมืองมังกร


ครึ่งเดือนต่อมายอดเขาก็สั่นสะเทือน เสาลำแสงยักษ์พ่นออกมาจากเนินเขา แล้วพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า


แต่หลังจากกะพริบวาบๆ เสาลำแสงยักษ์ก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป


แม้ว่าสถานการณ์นี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในชนต่างเผ่า และถกเถียงกันด้วยความสงสัยไปหลายวัน


แต่เวลายาวนานเช่นนี้ทุกคนกลับลืมเรื่องนี้ไป ยังคงยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของตัวเอง


แทบจะในเวลาเดียวกัน ในแดนลึกลับแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ พลันมีเสาลำแสงสายหนึ่งพวยพุ่งขึ้นมาเช่นกัน จากนั้นหลังจากที่เสาลำแสงหม่นแสงลง เงาร่างคนก็ปรากฏตัวกลางใจกลางของเขตอาคมยักษ์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)