อัจฉริยะสมองเพชร 1744-1745

 ตอนที่ 1744 กงฉี่ฉิง

“อย่างนั้นหรือ? ถ้างั้นก็ถอนมันออกมา!” จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้น


ที่ผ่านมา เขาคิดมาตลอดว่าคงจะดีไม่น้อยหากนำต้นโพธิ์ติดตัวไปได้ เพราะจะเป็นโอกาสชั้นยอด ที่จะผลักดันให้ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาแตะ 30.0 ใครจะไปคิดว่าปลาคาร์พตัวน้อยจะทำสิ่งนี้ให้เขาได้?


แต่เมื่อคิดๆดู เรื่องนี้ก็พอมีเหตุผล


เพราะปลาคาร์พคือหัวใจของมิติยาพิษ และมิติยาพิษก็เชื่อมโยงกับหอสงบใจ เป็นไปได้ว่าน่าจะมีสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นระหว่างทั้งคู่ คงมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ปรมาจารย์ขงเลือกบ่มเพาะปลาคาร์ฟและปล่อยมันไว้ในมิติยาพิษตั้งแต่แรก


“ได้เลย” เมื่อได้รับอนุญาตจากจางเซวียน ปลาคาร์พกระโจนออกมา ด้วยการสะบัดหาง มันพุ่งลงสู่สระน้ำที่อยู่ใจกลางสวนด้านหลัง


ฟิ้ววววว!


น้ำในสระเริ่มหมุนวนเป็นเกลียวขนาดใหญ่


จากนั้นเกลียวน้ำก็ค่อยๆพุ่งสูงขึ้นสู่กลางอากาศและโอบล้อมต้นโพธิ์ไว้ ฉุดลำต้นของมันลอยสูงขึ้นจากพื้น


“เฮ้ย…”


จางเซวียนไม่คิดว่าการถอนต้นโพธิ์ล้ำค่าจะง่ายดายขนาดนี้ เขาตาโตด้วยความตื่นเต้น


ฟึ่บ!


จางเซวียนรีบเก็บต้นโพธิ์เข้าสู่รังนางพญามดและหาพื้นที่ว่างเพื่อปลูกมัน หลังจากที่ปลูกต้นโพธิ์เสร็จได้ไม่นาน สระน้ำก็มาปรากฏอยู่บริเวณโดยรอบต้นโพธิ์ ปลาคาร์ฟหลายตัวว่ายวนอย่างรื่นเริงเบิกบานอยู่ในนั้น เกิดน้ำกระเซ็นออกมาเป็นระยะ


จางเซวียนรีบสำรวจต้นโพธิ์ที่ปลูกใหม่และสังเกตเห็นว่าแม้จะถูกเคลื่อนย้าย มันก็ไม่เหี่ยวแห้ง พุ่มใบของมันกลับดกหนาและเขียวชอุ่มขึ้นอีก แถมยังดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับต้นโพธิ์อีกต้นหนึ่งที่เขาได้มาจากราชวงศ์แห่งจักรวรรดิหงหย่วนด้วย ทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่ง ก่อเกิดเป็นเส้นทางที่สามารถบ่มเพาะทั้งจิตวิญญาณและระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของผู้ได้พบเห็น


“ด้วยสิ่งนี้ เราจะไม่ต้องเผชิญปัญหากับการพยายามฝ่าด่านวรยุทธไปสู่ขั้นนักปราชญ์โบราณอีกแล้ว!” จางเซวียนหัวเราะหึๆ


เมื่อมีต้นโพธิ์อยู่ในรังนางพญามด เขาก็สามารถฝึกฝนวรยุทธได้ทุกเมื่อที่มีเวลา การที่ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาจะแตะ 30.0 คงกลายเป็นความจริงได้ในอีกไม่นาน


แน่นอนว่าวิธีการที่เร็วที่สุดก็ยังคงเป็นการกินผลโพธิ์ แต่แม้ระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณของเขาใกล้จะแตะระดับของการฝ่าด่านวรยุทธเต็มที แต่วรยุทธก็ยังอ่อนด้อยอยู่ เขารู้สึกว่าผลโพธิ์น่าจะมีประโยชน์มากกว่าหากมอบให้ท่านพ่อท่านแม่ของเขาและคนอื่นๆ


“ท่านอาจารย์…”


เห็นต้นโพธิ์ถูกถอนออกไป จ้าวหย่ากับคนอื่นๆถึงกับตกตะลึง เมื่อครู่นี้เองที่ท่านอาจารย์เพิ่งสั่งการให้พวกเธอฝึกฝนวรยุทธใต้ต้นโพธิ์ แต่พริบตาต่อมา เขาก็นำมันออกไปเสียแล้ว


จางเซวียนกระแอมให้ลำคอโล่งและพูดว่า “พวกคุณควรเข้าไปฝึกฝนวรยุทธในมิติลี้ลับของผม”


ในเมื่อเขาถอนต้นโพธิ์ออกมาแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่ทุกคนจะต้องอ้อยอิ่งอยู่ในพื้นที่นี้อีก จางเซวียนจึงโบกมือและสั่งการให้หญิงสาวทั้งสามเข้าสู่รังนางพญามด จากนั้นก็ปล่อยให้พวกเธอฝึกฝนระดับความล้ำลึกของจิตวิญญาณ แล้วเขาก็รีบเดินทางออกจากหอสงบใจ


…..


หลังจากที่ถูกจับโยนออกจากหอสงบใจพร้อมกับกระดูกกระเดี้ยวที่หักไม่มีชิ้นดี เด็กวัยรุ่นทั้ง 9 จาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์พากันตัวสั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว สีหน้าของพวกเขาคลุ้มคลั่ง ดูเหมือนแต่ละคนใกล้จะถูกธาตุไฟเข้าแทรกเต็มที


หลังจากกินยาเม็ดฟื้นฟูร่างกายขนานใหญ่เกรด 9 แล้ว กระดูกที่แตกหักก็เริ่มสมานตัวเข้าด้วยกัน แต่ความเคืองแค้นของพวกเขายังคงฝังรากลึก


เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป วัยรุ่นคนหนึ่งตั้งคำถาม “กงฉี่ฉิง คราวนี้เราจะทำอย่างไร?”


ชายหนุ่มที่ชื่อกงฉี่ฉิงเป็นหัวหน้ากลุ่ม เขาคือคนที่ก่อนหน้านี้ได้ออกคำสั่งกับเว่ยหรูเหยียนและจางเซวียน เป็นทายาทของนักปราชญ์โบราณจื่อหัว


“เราจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้!” กงฉี่ฉิงกัดฟันตอบอย่างโกรธแค้น


เพราะเป็นทายาทของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ ในสายตาของเขา พลเมืองของทวีปแห่งปรมาจารย์ก็ไม่ต่างอะไรกับคนป่า


คนป่าพวกนี้ควรจะภาคภูมิใจที่ได้ทำประโยชน์ให้กับพวกเขาในวิหารแห่งขงจื๊อแต่ไม่เพียงคนเหล่านั้นจะฉกฉวยทรัพย์สมบัติล้ำค่าไป ยังซ้อมพวกเขาจนอยู่ในสภาพนี้ด้วย มันคืออาชญากรรมขั้นร้ายแรง ให้อภัยไม่ได้!


“เราจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้พวกนั้น เพื่อที่มันจะได้รู้ว่าอย่ามาล้ำเส้นกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์อีก”


“เจ้าจางเซวียนนั่นดูไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่สาวน้อยคนนั้นที่ชื่อหลัวฉีฉีน่ะมีวรยุทธสูงเกินกว่าที่พวกเราจะรับมือได้ในตอนนี้”


“จ้าวหย่ากับเว่ยหรูเหยียนก็สำเร็จวรยุทธขั้นชั่วกัลปาวสาน โลกจารึกแล้วเช่นกัน”


“ถ้าสู้กันล่ะก็ พวกเราคงรับมือไม่ไหวหรอก!”


…..


ต่างคนต่างหารือกันด้วยความกังวล


พวกเขาโมโห แต่ก็รู้ดีว่าคู่ต่อสู้เหนือชั้นกว่ามาก


“เราอาจรับมือกับพวกเขาไม่ไหว แต่การต้องสูญเสียผลโพธิ์ไปถือเป็นเรื่องใหญ่ บรรพบุรุษเก่าแก่ของเราจะต้องรับรู้เรื่องนี้ ผมจะส่งข้อความหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ…” กงฉี่ฉิงคำราม


กงฉี่ฉิงกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวดจากกระดูกที่เพิ่งสมานตัวใหม่ เขานำตราหยกสัญลักษณ์ออกมาอันหนึ่งและส่งรายละเอียดเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นออกไป แต่ไม่ได้ลงลึกว่าใครเป็นตัวการ บอกเพียงแค่ว่าผลโพธิ์ถูกขโมยไปและพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส


หลังจากที่ส่งข้อความไปได้เพียงครู่เดียว แรงกดดันหนักหน่วงก็ถาโถมลงมาจากสวรรค์ มันรุนแรงมหาศาลเสียจนทำให้ทุกคนแทบหายใจหายคอไม่ออก


จากนั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ปรากฏตัว หลังจากเห็นสภาพของเด็กวัยรุ่นทั้ง 9, ผู้อาวุโสก็หน้าดำคร่ำเครียดขณะถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”


ขณะที่พูด เลือดหยดหนึ่งก็หยดออกมาจากปลายนิ้วของเขา มันแตกตัวออกเป็น 9 ส่วน และแต่ละส่วนก็ถูกซึมซับเข้าสู่ร่างของเด็กวัยรุ่นทั้ง 9 คน ในชั่วพริบตา อาการบาดเจ็บที่พวกเขาได้รับก็เริ่มเยียวยาตัวเองอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัด กระแสพลังงานและความมีชีวิตชีวาพลุ่งพล่านอยู่ในเส้นเลือด เพียงไม่นาน ทุกคนก็ฟื้นคืนสู่พละกำลังระดับเดิม


นี่คือความสามารถหนึ่งของนักปราชญ์โบราณ, การเกิดใหม่ของสายเลือด!


ผู้อาวุโสคนนั้นเป็นนักปราชญ์โบราณ!


“บรรพบุรุษเก่าแก่ คุณต้องชดเชยความเสียหายให้พวกเรานะ”


หลังจากฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ กงฉี่ฉิงกับคนอื่นๆทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นและร่ำร้องด้วยความเสียใจ


“ใครเป็นตัวการ?” ผู้อาวุโสหรี่ตา รังสีที่เขาแผ่ออกมาเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม


ผู้อาวุโสคนนี้ดูมีอายุราว 60 ปีและไม่มีเครา นัยน์ตาของเขาฉายแววของความเด็ดเดี่ยว แต่ใบหน้าออกจะซีดเผือดเล็กน้อย ยากที่จะบอกได้ว่าเป็นเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางทะลุมิติอย่างพรวดพราด หรือเป็นเพราะเขาได้พบอันตรายบางอย่างและได้รับบาดเจ็บ


“ตัวการคือปรมาจารย์คนหนึ่งจากทวีปแห่งปรมาจารย์” กงฉี่ฉิงกัดฟันตอบ “พวกเราพาเว่ยหรูเหยียนเข้าสู่หอสงบใจและจัดการให้เธอบ่มเพาะผลโพธิ์จนสุกเต็มที่ แต่จู่ๆหมอนั่นก็เข้ามาและฉกฉวยผลโพธิ์ที่แก่จัดแล้วไปจากมือของพวกเรา แถมยังทำร้ายเรา หักแข้งขาของพวกเราด้วย…”


“คุณได้แสดงตัวตนของพวกคุณกับเขาหรือเปล่า?”


“พวกเราบอก! เราบอกเขาแล้วว่าเรามาจาก 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ และผลโพธิ์เหล่านี้มีความสำคัญกับเรามาก เราถึงกับยอมมอบผลโพธิ์ผลหนึ่งให้เขาเป็นการชดเชยด้วย แต่ไอ้สารเลวนั่นก็ยังโจมตีเรา” กงฉี่ฉิงตอบอย่างหงุดหงิด


“เหล่าปรมาจารย์ของทวีปแห่งปรมาจารย์จองหองขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ผู้อาวุโสคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว


ในชั่วพริบตานั้น ก็ราวกับมีใครสักคนจุดไฟให้รังสีของเขา รังสีแผดกล้าออกจากร่างของผู้อาวุโส ทำลายทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับรังสีนี้ก็มีแต่จะตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้จะพูดสักคำ


ทั้ง 100 สำนักแห่งนักปราชญ์และสภาปรมาจารย์ต่างมีต้นกำเนิดมาจากปรมาจารย์ขง ซึ่งความถูกต้องชอบธรรมเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับพวกเขา ในเมื่อ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์เป็นผู้บ่มเพาะผลโพธิ์ให้สุกเต็มที่ ก็ถือว่าไม่เหมาะสมที่อีกฝ่ายซึ่งเป็นปรมาจารย์จะเข้ามาใช้พละกำลังฉกฉวยมันไป ถ้าใครต่อใครใช้พละกำลังเข้าต่อสู้แย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้ จะต่างอะไรกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ?


“ผู้อาวุโส คุณต้องชดเชยความเสียหายให้พวกเรานะ ขอวิงวอนคุณให้สังหารหมอนั่นให้เราที!”


“ต่อให้ไว้ชีวิตเขา อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่เราต้องทำก็คือหักแขนขาของเขาให้หมด เพื่อที่หมอนั่นจะได้เรียนรู้บทเรียนอันเจ็บปวดจากความจองหองของตัวเอง”


เมื่อเห็นว่าสามารถยั่วยุความแค้นเคืองของบรรพบุรุษเก่าแก่ได้ เด็กวัยรุ่นทั้ง 9 ต่างคำรามลั่น


“วางใจเถอะ ผมจะชดเชยความเสียหายให้พวกคุณเอง” ผู้อาวุโสพยักหน้า


เขาแผ่การรับรู้จิตวิญญาณออกไปยังพื้นที่โดยรอบ จากนั้นเสียงของผู้อาวุโสก็ดังกึกก้องไปทั่ว “ปรมาจารย์ที่เพิ่งผ่านเข้ามา ไม่ทราบว่าคุณเป็นทายาทของใคร? ผมหวังว่าคุณจะมีคำอธิบายที่เหมาะสมต่อการที่คุณทำร้ายทายาทของผมแบบนี้ ไม่อย่างนั้น จะมากล่าวหาว่าผมไร้ความปรานีไม่ได้นะ”


ฟิ้วววว!


ลมหอบหนึ่งพัดมา แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ


“เท่าที่เห็น ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่ทายาทของนักปราชญ์โบราณคนไหนหรอก และในเมื่อเขาไม่ได้อยู่ภายใต้การปกป้องของใคร ผมก็จะไม่เกรงใจละนะ…” ผู้อาวุโสคำราม รังสีโหดเหี้ยมระเบิดออกจากร่างของเขา


ในตอนนั้นเอง เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ยืนอยู่หลังผู้อาวุโสก็อุทานออกมาอย่างร้อนรน “บรรพบุรุษเก่าแก่ หมอนั่นกำลังมา!”


ไม่ช้า แสงนวลตาก็แผ่ออกมาจากทางเข้าหอสงบใจ ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน


“เราจะต้องทำให้เขารู้ซึ้งว่าไม่ควรเข้ามาวุ่นวายกับ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์!” กงฉี่ฉิงคำราม


แต่พริบตาต่อมา เขาก็เห็นร่างของบรรพบุรุษเก่าแก่แข็งทื่อไป สีหน้าของความไม่อยากเชื่อปรากฏชัดบนใบหน้าของอีกฝ่าย “คนที่พวกคุณพูดถึง…คนที่ฉกฉวยผลโพธิ์ไปจากพวกคุณน่ะ…คือจางเซวียนหรือ?”


“ใช่แล้ว เขาคือไอ้สารเลวที่เล่นงานพวกเรา” กงฉี่ฉิงพยักหน้า


“ผมรู้แล้วล่ะ…แต่พอดีผมมีบางเรื่องที่ต้องรีบจัดการ ต้องขอตัวก่อน เรื่องเล็กน้อยแบบนี้คงไม่ต้องถึงมือผมหรอก พวกคุณจัดการกันเองก็แล้วกันนะ!”


เกิดเสียงดังฟึ่บ!


บรรพบุรุษเก่าแก่หายวับไปทันที


“….” กงฉี่ฉิง


“….” เด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ


ตอนที่ 1745 มิติพงไพรโขดหิน

กงฉี่ฉิงกับคนอื่นๆถึงกับจังงังกับภาพที่เห็น


นั่นคือบรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขา, ผู้เชี่ยวชาญระดับนักปราชญ์โบราณ เมื่อครู่นี้เองที่เขาเพิ่งประกาศว่าจะชดเชยความเสียหายให้ แต่ทันทีที่รู้ว่าตัวการคือจางเซวียน ก็รีบหนีไปโดยไม่ลังเล!


นี่มันนรกจกเปรตอะไร?


หมอนั่นเป็นแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติโลกจารึกไม่ใช่หรือ?


ทำไมถึงดูเหมือนบรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขา…จะหวาดกลัวอีกฝ่าย?


ขณะที่กงฉี่ฉิงกับคนอื่นๆแทบไปไม่เป็นกับปฏิกิริยาของบรรพบุรุษเก่าแก่ของพวกเขา บรรพบุรุษเก่าแก่ก็แทบกระอักเลือดออกมา


เขาคือนักปราชญ์โบราณคนเดียวกันกับที่ถูกกระบี่เปลวเพลิงสีดำเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณทางเข้าหอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่


แน่นอนว่าด้วยพละกำลังมหาศาลที่เขามีในฐานะนักรบขั้นนักปราชญ์โบราณ ไม่มีทางที่เขาจะหวาดกลัวกับแค่นักรบขั้นร่างอันทรงเกียรติคนหนึ่ง แต่เจ้าหนุ่มนั่นมีกระบี่ที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณอยู่ในครอบครอง ซึ่งเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกได้ว่าจางหงเทียนก็น่าจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งแถวๆนี้ พร้อมที่จะปกป้องชายหนุ่มจากในเงามืด


หากเขาต้องรับมือกับนักรบที่มีวรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณและกระบี่ขั้นนักปราชญ์โบราณในสภาพที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บอย่างนี้ ลงท้ายคงต้องเสียชีวิตแน่


นักปราชญ์โบราณคือผู้ที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งทนทานอย่างน่าทึ่ง แต่หากใครสักคนเล่นงานนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จ ก็จะพบว่าร่างกายของนักปราชญ์โบราณคือทรัพย์สมบัติล้ำค่าตั้งแต่หัวจรดเท้า


เขาเคยคิดว่าเหตุผลที่จางเซวียนคนนั้นเข้าสู่หอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ได้ก็เพราะได้ศึกษาเครื่องรางฟ้าประทานในตำนานของตระกูลจางจนถึงขั้นที่สามารถถอดรหัสฉนวนของมัน ทำให้ผ่านเข้ามาได้แม้ไม่มีเครื่องรางในมือ ด้วยเหตุนี้ ความเป็นไปได้ที่จางเซวียนจะสามารถเข้าสู่หอสงบใจจึงเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน


ใครจะไปคิดว่าขนาดหนีมาจากที่นั่นแล้ว เขาก็ยังต้องมาพบกับจางเซวียนอีก?


“คนที่เหลือยังอยู่ระหว่างการเตรียมการเรื่องนั้น เราจะเข้าไปขัดจังหวะไม่ได้ แต่หากพวกนั้นทำสำเร็จเมื่อไหร่ เราจะกลับไปหาพวกเขาทันที!” บรรพบุรุษเก่าแก่พึมพำ


แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะมีตัวเขาเป็นนักปราชญ์โบราณ แต่ยังมีคนอื่นๆที่มีเรื่องสำคัญกว่าต้องจัดการด้วย เขาเป็นแค่นักปราชญ์โบราณเพียงคนเดียวที่มีเวลาว่างพอจะดูแลทายาทรุ่นหลัง


เขาเคยคิดว่าเมื่อตัวเขาเองคอยหนุนหลังทายาทของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์อยู่ ไม่ว่าสภาปรมาจารย์หรือเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นก็ย่อมไม่กล้าขวางทาง แต่กลับตรงกันข้าม เขาถูกเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสทันทีที่ปรากฏตัว


ยิ่งคิดก็ยิ่งคับแค้นใจ


แต่ในฐานะผู้ที่มีชีวิตรอดมาจนได้เป็นนักปราชญ์โบราณ ก็แทบไม่มีความท้าทายไหนที่เขาไม่เคยเผชิญมาก่อน ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องอดทนกับมันให้ได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่คนอื่นเป็นอิสระ ก็จะถึงเวลาที่เขาจะได้ล้างแค้น!


…..


จางเซวียนถือกระบี่เปลวเพลิงสีดำไว้ในมือ เขาเดินออกจากหอสงบใจ


จางเซวียนรู้ดีว่าการกระทำของเขาที่หอสงบใจจะต้องส่งผลให้นักปราชญ์โบราณของ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ปรากฏตัวแน่ จึงนำกระบี่เปลวเพลิงสีดำออกมาไว้ก่อนเพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีใดๆก็ตามที่อาจเกิดขึ้น


ไม่มีทางที่นักปราชญ์โบราณจะสังหารเขาโดยเก็บตำแหน่งที่ซ่อนของตัวเองเป็นความลับได้ ดังนั้น ทันทีที่อีกฝ่ายเปิดเผยตำแหน่งที่ซ่อน กระบี่เปลวเพลิงสีดำกับหน้าหนังสือสีทองก็จะพุ่งออกมาคร่าชีวิตนักปราชญ์โบราณผู้นั้น จางเซวียนจึงไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว


จางเซวียนเดินออกจากฉนวน เขาเห็นเด็กวัยรุ่นทั้ง 9 ยืนอยู่ตรงหน้าในสภาพแข็งแรงสมบูรณ์ เปลวเพลิงแห่งโทสะแผดเผาอยู่ในดวงตาของคนเหล่านั้น แต่ก็ไม่มีใครพยายามเปิดการโจมตี


“อ้อ พวกคุณหายดีแล้วหรือ?” จางเซวียนถามหน้าตาเฉยขณะกวาดสายตามองพื้นที่โดยรอบ


แม้จะมีความเป็นไปได้ที่เด็กวัยรุ่นเหล่านี้จะฟื้นตัวจากอาการกระดูกหักโดยใช้ยาเม็ดฟื้นฟูร่างกายขนานใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังต้องพักฟื้นอย่างน้อย 2-3 วันกว่าร่างกายจะกลับคืนสู่สภาพเดิม ในเมื่ออาการบาดเจ็บของพวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในเวลาเพียง 10 นาทีหลังจากที่ถูกโยนออกมา ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นฝีมือของนักปราชญ์โบราณ


แต่หลังจากสำรวจพื้นที่โดยรอบ จางเซวียนก็ไม่พบอะไร ในเวลาเดียวกัน กระบี่เปลวเพลิงสีดำก็รายงานว่าไม่มีนักปราชญ์โบราณอยู่ในบริเวณนี้


รู้ดีว่าเด็กวัยรุ่นทั้ง 9 ที่กำลังของขึ้นคงทำอันตรายอะไรเขาไม่ได้ จางเซวียนส่งสายตาเชือดเฉือนใส่ ทำให้ทุกคนเข่าอ่อน ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปตามเส้นทางเดิมที่จากมา


ไม่ช้าจางเซวียนก็กลับถึงมิติยาพิษ เมื่อไม่มีปลาคาร์พอยู่ สิ่งมีชีวิตมีพิษก็รวมตัวกันว่ายวนอยู่ในสระน้ำ ดูเหมือนว่าอีกไม่นาน ‘สวรรค์ไร้ราคี’ ที่อยู่ในมิติยาพิษคงจะถูกยาพิษกลืนกินไปจนหมด


หลังจากผ่านทางออก จางเซวียนพบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยโขดหินซึ่งมีหลากหลายขนาดแตกต่างกันไป


ราวกับว่าเขาเข้ามายืนอยู่ท่ามกลางสันเขา ไม่มีสิ่งอื่นใดให้เห็นนอกจากหินขนาดใหญ่ ทัศนียภาพของเขากลายเป็นสีเทาจนหมดสิ้น ไม่หลงเหลือความเขียวชอุ่มให้เห็นแม้แต่น้อย


เท่าที่ดู เขาน่าจะกำลังยืนอยู่ที่ใจกลางพงไพรโขดหิน


พื้นที่นี้ไม่ได้แห้งแล้งอย่างมิติผืนทราย แต่พลังจิตวิญญาณก็ไม่เข้มข้นเท่าในมิติผืนป่า หากจะใช้คำคำหนึ่งพรรณนามิติที่เขากำลังยืนอยู่ในเวลานี้ ก็คงต้องใช้คำว่า ‘พิสดาร’


โขดหินที่อยู่รอบตัวมีรูปร่างพิสดารพันลึกแตกต่างกันไป การกวาดสายตามองให้ทั่วเพียงครั้งเดียวก็เกินพอจะทำให้ตาลายแล้ว


“ดูเหมือนโขดหินพวกนี้จะจำลองกระบวนท่าบางอย่าง” จางเซวียนกระโจนขึ้นไปบนโขดหินที่สูงกว่าและพึมพำพร้อมกับขมวดคิ้ว


เมื่อมองดูรูปร่างที่แตกต่างกันไปของพงไพรโขดหิน เขาพบว่ามันดูคล้ายกับผู้เชี่ยวชาญมากมายที่กำลังสำแดงศาสตร์ลับของพวกเขาออกมาพร้อมๆกัน


“เราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อต้องทดลอง!”


จางเซวียนพบหินกลุ่มหนึ่งและเริ่มศึกษามัน เมื่อพิจารณารูปร่างของโขดหิน ก็พบว่าพลังปราณของตัวเองไหลเวียนเป็นรูปแบบเฉพาะ ครู่ต่อมา จางเซวียนก็ปล่อยพลังออกจากฝ่ามือ


บึ้มมมม!


เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นกลางอากาศ รอยแยกขนาดเล็กของมิติถูกฝ่ามือของเขาฉีกกระชาก


“มันคือเทคนิคการต่อสู้จริงๆ แถมมีประสิทธิภาพน่าทึ่งอย่างเหลือเชื่อ!” จางเซวียนหรี่ตาด้วยความอัศจรรย์ใจ


เขาแค่ปลดปล่อยพละกำลังแบบธรรมดาเท่านั้น ยังไม่ได้พยายามฝึกฝนมันอย่างจริงจังเลย หรือว่า…โขดหินเหล่านี้ก่อตัวกันเป็นรูปแบบของศาสตร์ลับอันทรงพลัง?


ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะก็ ควรจะเริ่มฝึกฝนวรยุทธจากจุดไหน? มีลำดับที่ถูกกำหนดไว้หรือไม่?


หากเขาศึกษามันอย่างสุ่มๆ จะก่อให้เกิดผลข้างเคียงโดยไม่ตั้งใจหรือเปล่า?


“ช่างมันเถอะ เราควรค้นหาทางออกก่อน” จางเซวียนรีบตัดสินใจ


ถ้าเขาพบทางออก ก็จะได้พบหอบริวารที่มีความเชื่อมโยงกัน เพราะถึงอย่างไร มิติรอบนอกก็เป็นแค่บททดสอบที่ปรมาจารย์ขงเตรียมไว้ทดสอบผู้ที่ท่องมิติของเขาเท่านั้น ส่วนทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่แท้จริงอยู่ในวิหารแห่งขงจื๊อ


จางเซวียนกวัดแกว่งกระบี่เปลวเพลิงสีดำเพื่อคาดเดาทิศทางอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตรงไปตามทิศที่มันชี้ไป


1 ชั่วโมงต่อมา เขาก็พบร่องรอยของมนุษย์ เมื่อสะกดรอยตามไป ไม่ช้าก็เจอกับปรมาจารย์กลุ่มหนึ่ง พวกนั้นยืนอยู่ท่ามกลางพงไพรโขดหิน และดูเหมือนกำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด


“ลำดับกระบวนท่าของผมน่ะถูกต้องแล้ว คุณจะไม่พบปัญหาใดๆเลยหากฝึกฝนวรยุทธตามลำดับที่ผมบอกไว้”


“เหลวไหลเลอะเทอะ! ลำดับของผมต่างหากที่ถูกต้อง ดูสิ, การเคลื่อนไหวสองกระบวนท่านั้นของคุณน่ะไม่เชื่อมโยงกันด้วยซ้ำ เห็นชัดเลยว่าคุณเข้าใจผิด”


“คุณน่ะปัญญานิ่ม! ผมฝึกฝนวรยุทธตามลำดับนี้แล้ว และรู้สึกได้เลยว่าความเชี่ยวชาญในเทคนิคของผมเพิ่มขึ้นอย่างล้ำลึก ถ้าคุณแน่ใจว่าตัวเองคิดถูกล่ะก็ ทำไมไม่มาดวลกันแล้วดูว่าลำดับของใครได้ผลดีกว่า?”


“ก็จริง! ไม่รู้จะเถียงกันหาอะไร ใช้พละกำลังตัดสินแทนคำพูดเถอะ!”


…..


การโต้เถียงของเหล่าปรมาจารย์ลงเอยด้วยการต่อสู้กัน พายุหอบใหญ่พัดกระหน่ำโดยรอบ คลื่นความสั่นสะเทือนจากแรงปะทะส่งผลทำลายสภาพแวดล้อมบริเวณนั้น


แต่พวกเขาก็สร้างปราการเพื่อแยกตัวเองออกจากโลกภายนอก จะได้ไม่เป็นการทำลายโขดหิน


“พวกนี้เหมือนกลุ่มนักดาบที่เราพบที่สระดาบเลย พวกเขาสูญเสียความยับยั้งชั่งใจโดยไม่รู้ตัว” จางเซวียนส่ายหน้า


เขาเคยพบสถานการณ์แบบนี้เมื่อครั้งอยู่ในจักรวรรดิเฉียนฉง เหล่านักดาบที่นั่นต่อสู้กันเองทันทีที่เกิดความเห็นไม่ลงรอยกัน ซึ่งผิดวิสัยนักดาบทั่วไป ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นภาพแบบเดียวกันเกิดขึ้นที่นี่


การต่อสู้จบลงโดยเร็ว ไม่ช้านักรบคนหนึ่งก็มีชัยชนะเหนือคนอื่นๆ


“เห็นหรือยังว่าลำดับของผมน่ะทรงพลังที่สุด แค่นี้ก็คงเกินพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าผมคิดถูก เอาล่ะ รีบมอบข้อเสนอของคุณเสีย!” ปรมาจารย์ผู้ได้ชัยชนะพยักหน้าอย่างพอใจ


“ก็ได้ พวกเราจะทำตามการจัดลำดับของคุณ”


คนอื่นๆต่างพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจ


“มอบข้อเสนอ?”


จางเซวียนงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งเขาพิจารณาสถานการณ์ที่เห็นอย่างถี่ถ้วนมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งงงงันขึ้นเท่านั้น


เหล่าปรมาจารย์ไม่ควรจะเป็นผู้ตระหนี่ถี่เหนียว ทำไมถึงพูดกันเรื่องการมอบข้อเสนอ?


จางเซวียนซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งและเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของปรมาจารย์เหล่านั้นด้วยความสงสัย


ปรมาจารย์ที่ได้ชัยชนะนำของล้ำค่าออกมา 2-3 ชิ้นและวางมันไว้ตรงหน้าโขดหิน ไม่ช้าของล้ำค่าก็เริ่มมอดไหม้ เกิดประกายสีทองเจิดจ้าออกจากโขดหินนั้น


แล้วร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นบนโขดหินและเริ่มเคลื่อนไหวไปมา ดูเหมือนจะสาธิตเทคนิคการต่อสู้บางอย่าง


“ศาสตร์ลับที่เหล่าปรมาจารย์ฝึกฝนก่อนหน้านี้เป็นเพียงรูปแบบ เพราะฉะนั้น สิ่งนี้ก็คือเส้นทางการไหลเวียนของพลังปราณที่เชื่อมโยงกับกระบวนท่าเหล่านั้น ใช่ไหม?” จางเซวียนสงสัย


ร่างที่สำแดงกระบวนท่าอยู่บนโขดหินกำลังสาธิตเทคนิคการหายใจบางอย่างที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับกระบวนท่าที่เหล่าปรมาจารย์ได้สำแดงก่อนหน้านี้ แต่ทั้งคู่ก็ยังคงมีความไม่สมบูรณ์แบบบางอย่างอยู่


“แบบนี้ยังเรียกว่าไม่ถูกอีกหรือ? ลำดับที่ผมสันนิษฐานไว้ดูจะไม่เชื่อมโยงกับเทคนิคการหายใจนี้เลย…พลั่ก!”


ปรมาจารย์ที่ได้รับชัยชนะสำแดงกระบวนท่าเลียนแบบร่างที่อยู่บนโขดหิน ครู่ต่อมา ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด เขากระอักเลือดออกมากองใหญ่


ถ้าการสำแดงกระบวนท่าไม่เข้ากันกับเทคนิคการหายใจ ก็มีโอกาสสูงที่วรยุทธของผู้นั้นจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก เขามั่นใจเต็มเปี่ยมในการจัดลำดับที่ตัวเองสันนิษฐานไว้ ใครจะคิดว่าลงท้ายมันก็ยังผิดพลาด?


“มาศึกษากระบวนท่าเหล่านี้ด้วยกันเถอะ พวกเราจะทำผิดพลาดไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องติดอยู่ที่นี่ไปอีกแสนนานแน่!” ปรมาจารย์ที่ได้รับชัยชนะส่ายหน้าอย่างจนปัญญา


เขากำลังจะสำรวจโขดหินที่อยู่บริเวณนั้นต่อไป ก็พอดีกับที่ชายหนุ่มคนหนึ่งร่อนลงมาและกล่าวว่า “ว่าอย่างไร, สหาย ผมเพิ่งเข้าสู่มิติแห่งนี้เมื่อครู่ก่อนนี่เอง ไม่ทราบว่า…จะขอถามได้ไหมว่าพวกคุณทำอะไรกันอยู่?”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Xian Ni ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน ตอนที่ 1-2088 (จบบริบูรณ์)

The Great Ruler หนึ่งในใต้หล้า (update ตอนที่ 1-1554)

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ (update ตอนที่ 1-1122)